หนังชนโรง : ทำความรู้จักกับเหล่า ‘The Fantastic Four: First Steps’ ฮีโร่ซูเปอร์พาวเวอร์ ที่มาพร้อมพลังพิเศษ

หนังชนโรง : ทำความรู้จักกับเหล่า ‘The Fantastic Four: First Steps’ ฮีโร่ซูเปอร์พาวเวอร์ ที่มาพร้อมพลังพิเศษ

หนังชนโรง : ทำความรู้จักกับเหล่า ‘The Fantastic Four: First Steps’ ฮีโร่ซูเปอร์พาวเวอร์ ที่มาพร้อมพลังพิเศษ

วันพุธ ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

“The Fantastic Four: First Steps เดอะ แฟนแทสติก 4: จุดเริ่มต้นปฐมบทใหม่” ภาพยนตร์ฮีโร่จาก  Marvel Studios วันนี้ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเหล่าฮีโร่ซูเปอร์พาวเวอร์ที่มาพร้อมพลังพิเศษทั้ง 4 พร้อมกับ Poster Fanart เวอร์ชันเที่ยวทั่วไทย ตะลอนทัวร์ 4 ภาคไปกับ Fantastic Four ที่สร้างสรรค์โดย Maiimou (พี) ศิลปินจาก SMASHHH STUDIO

Reed Richards – Mister  Fantastic

อัจฉริยะผู้นำทีม Fantastic Four นักวิทยาศาสตร์ที่อุทิศตนเพื่อความรู้และมนุษยชาติ ผู้พยายามคิดค้นเทคโนโลยีเพื่อปกป้องโลกและสำรวจจักรวาล เมื่อได้รับพลังจากรังสีคอสมิก ร่างกายของเขาก็ยืดเปลี่ยนรูปร่างได้เหมือนยางยืด และกลายเป็นนักแก้ปัญหาแบบยืดหยุ่น ที่สามารถยืดร่างกายเพื่อคลี่คลายปัญหาและขยายขอบเขตของคำตอบที่สมบูรณ์แบบได้อย่างไร้ขีดจำกัด ในฐานะ Mister Fantastic เขาใช้ความฉลาดและร่างกายอันยืดหยุ่นนี้ สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลก และเดินหน้าค้นคว้าสิ่งที่เขายังไม่รู้ด้วยความมุ่งมั่นไม่สิ้นสุด

โดยใน Poster Fanart เวอร์ชันนี้ Reed Richards พาทุกคนขึ้นเหนือ ไปรับอากาศดี ๆ ไหว้สาพระธาตุดอยสุเทพ และช็อปร่มบ่อสร้างเป็นของฝาก บอกเลยว่าม่วนขนาด หน้าฝนนี้ใครวางแผนเที่ยวไทย ตามรอยผู้นำทีม Fantastic Four ไปเที่ยวเชียงใหม่กันได้นะ



Susan Storm –Invisible  Woman

คุณแม่สายสตรองที่สูญเสียพ่อแม่ตั้งแต่อายุยังน้อยและต้องดูน้องชายเพียงลำพัง โดยมีคนรักอย่าง Reed Richards อยู่เคียงข้าง เมื่อได้รับพลังจากรังสีคอสมิก Susan Storm ก็พบว่าเธอสามารถล่องหน หายตัวได้ และยังสามารถสร้างสนามพลังล่องหน ในการป้องกันและโจมตีศัตรูได้ด้วย เธอจึงร่วมก่อตั้งทีม Fantastic Four เพื่อปกป้องโลก และก้าวขึ้นมาเป็นสมาชิกที่ทรงพลังที่สุดของทีม

ในโอกาสมาเที่ยวเมืองไทย Susan Storm ขอไปเลาะถิ่นอีสาน ร่วมเทศกาลผีตาโขน เยือนงานบุญบั้งไฟ และชมวิถีชีวิตริมฝั่งแม่น้ำโขง เก็บเกี่ยวความม่วนซื่นโฮแซว ไปฝากแก๊งซูเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวลแบบจัดเต็ม

Johnny Storm – Human Torch

น้องชายเลือดร้อนของ Susan Storm ผู้เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย ชอบความท้าทาย เป็นตัวแทนของพลังที่สดใหม่และกล้าหาญ หลังได้รับพลังจากรังสีคอสมิก เขาก็กลายเป็น Human Torch มนุษย์เพลิงที่สามารถลุกไหม้และบินได้ แถมยังยิงลูกไฟออกจากร่างกายได้อีกด้วย และด้วยร่างเพลิงอันร้อนแรงนี้ทำให้เขาสามารถเผาทุกอุปสรรคที่ขวางหน้าได้อย่างง่ายดาย

ตามประสาคนชอบผจญภัยและเปิดโลก ใน Poster Fanart เวอร์ชันนี้ Johnny Storm พาเที่ยวภาคกลางแบบเจาะลึก เน้นแลนด์มาร์กของกรุงเทพฯ ทั้งวัดอรุณ วันพระแก้ว เสาชิงช้า ตื่นตาตื่นใจไปกับศิลปะวัฒนธรรมของไทยแบบไม่แคร์อากาศร้อน เพราะ Human Torch อย่างเขาร้อนแรงกว่าเป็นไหน ๆ

Ben Grimm –The  Thing

อดีตนักบิน เพื่อนสนิทของ Reed Richards ที่ได้รับผลกระทบจากรังสีคอสมิกรุนแรงที่สุด จนร่างกายกลายเป็นหินที่แข็งแกร่งและมีพละกำลังมหาศาล ทว่าจิตใจกลับอ่อนโยนอย่างที่สุด มักจะยอมเสียสละเพื่อเพื่อนเสมอ เขาไม่เพียงใช้พลังที่มีปกป้องผู้บริสุทธิ์และบดขยี้ความชั่วร้าย แต่ยังคงยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม และเป็นพลังสนับสนุนที่สำคัญของทีม

สำหรับการแวะมาเที่ยวเมืองไทยของ Ben Grimm เขาเลือกล่องใต้ไปชื่นชมความงามของทะเลสวย หาดทรายขาว และยังเพลินกับหนังตะลุง ที่เชิดเรื่อง The Fantastic Four ให้ได้ดูเป็นพิเศษ บอกเลยว่างานนี้ประทับใจผู้ชายสายอ่อนโยนแบบเขาสุด ๆ

หนังชนโรง : เตรียมพบกับหนังฟอร์มยักษ์ ‘The Fantastic Four : First Steps’ การปรากฏตัวของ ‘Galactus’ มหาเทพผู้หิวกระหาย

หนังชนโรง : เตรียมพบกับหนังฟอร์มยักษ์ ‘The Fantastic Four : First Steps’ การปรากฏตัวของ ‘Galactus’ มหาเทพผู้หิวกระหาย

หนังชนโรง : เตรียมพบกับหนังฟอร์มยักษ์ ‘The Fantastic Four : First Steps’ การปรากฏตัวของ ‘Galactus’ มหาเทพผู้หิวกระหาย

วันพุธ ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

พร้อมหรือยังที่จะพบกับ 4 ฮีโร่ระดับตำนานกับ 4 พลังพิเศษ ในภาพยนตร์ฮีโร่ซูเปอร์พาวเวอร์ฟอร์มยักษ์ “Marvel Studios’ The Fantastic Four: First Steps เดอะ แฟนแทสติก 4: จุดเริ่มต้นปฐมบทใหม่

สมาชิกทั้ง 4 Mr. Fantastic, Invisible Woman, Human Torch, The Thing รวมถึง H.E.R.B.I.E., Silver Surfer และมหาเทพผู้หิวกระหายแห่งจักรวาลอย่าง Galactus โดยเผยให้เห็นความผูกพัน ความรัก ความหวัง ท่ามกลางภารกิจสุดท้าทาย ในโลกสุดล้ำสไตล์ Retro-Fururistic ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจ

“The Fantastic Four: First Steps เดอะ แฟนแทสติก 4: จุดเริ่มต้นปฐมบทใหม่” เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปีของ Marvel Studios ที่จะพาทุกคนดำดิ่งสู่โลก Retro-Futuristic ยุค 1960 พร้อมแนะนำ Marvel’s First Family ทั้ง Reed Richards/Mister Fantastic (รับบทโดย Pedro Pascal), Sue Storm/Invisible Woman (รับบทโดย Vanessa Kirby), Johnny Storm/Human Torch (รับบทโดย Joseph Quinn) และ Ben Grimm/The Thing (รับบทโดย Ebon Moss-Bachrach) ที่แต่ละคนต่างมีพลังพิเศษเหนือมนุษย์ และต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อพวกเขาพยายามรักษาสมดุลระหว่างบทบาทซูเปอร์ฮีโร่กับความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นในครอบครัว ขณะเดียวกันยังต้องปกป้องโลกจาก Galactus (รับบทโดย Ralph Ineson) มหาเทพผู้หิวกระหาย จอมวายร้ายแห่งอวกาศ และ Silver Surfer (รับบทโดย Julia Garner) ผู้ส่งสาส์นลึกลับของเขาที่วางแผนจะกลืนกินโลกทั้งใบด้วย

นอกจากสมาชิก Marvel’s First Family แล้ว ยังร่วมแสดงโดย Paul Walter Hauser, John Malkovich, Natasha Lyonne และ Sarah Niles โดยเป็นผลงานการกำกับของ Matt Shakman อำนวยการสร้างโดย Kevin Feige และมี Louis D’Esposito, Grant Curtis และ Tim Lewis เป็นผู้อำนวยการสร้างบริหาร

“Marvel Studios’ The Fantastic Four: First Steps”

24 กรกฎาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

หนังชนโรง : เบื้องหลังสุดประทับใจ ‘How to Train Your Dragon’ ภาพยนตร์ที่ครองใจแฟนหนังทั่วโลก

หนังชนโรง : เบื้องหลังสุดประทับใจ ‘How to Train Your Dragon’ ภาพยนตร์ที่ครองใจแฟนหนังทั่วโลก

หนังชนโรง : เบื้องหลังสุดประทับใจ ‘How to Train Your Dragon’ ภาพยนตร์ที่ครองใจแฟนหนังทั่วโลก

วันพุธ ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ภาพยนตร์แฟรนไชส์ How to Train Your Dragon จาก ค่ายดรีมเวิร์กส์ แอนิเมชั่น หนังที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือชุดที่ติดอันดับเบสต์เซลเลอร์ของ New York Times ผลงานของเครสซิดา โคเวลล์ สามารถจับหัวใจของคนดูทั่วโลก จนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 4 รางวัล และทำรายได้จากทั่วโลกไปมากกว่า $1.6 พันล้านเหรียญ บัดนี้ ด้วยเทคโนโลยีวิชวลเอฟเฟ็กต์ล้ำสมัย เดอบลัวส์ได้แปลงผลงานแอนิเมชั่นของเขาให้กลายเป็นความน่าตื่นตาจากผลงานที่ใช้คนแสดง เขาได้นำเอาการผจญภัยสุดยิ่งใหญ่ของฮิคคัพและเจ้าเขี้ยวกุดให้ลุกขึ้นมาโลดแล่นมีชีวิต ด้วยความสมจริงระดับที่จะทำให้ทุกคนต้องอ้าปากค้าง

ดีน เดอบลัวส์ ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สามรางวัล และเคยได้รับรางวัลลูกโลกทองคํา ผู้มีจินตนาการสุดสร้างสรรค์ ผลงานก่อนหน้านี้ของเดอบลัวส์ที่ทำงานให้กับดิสนีย์ รวมถึงการเล่าเรื่องได้อย่างอบอุ่นหัวใจของ Lilo & Stitch ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขาที่จะเผยความจริงที่เป็นสากลในสถานที่ที่คาดไม่ถึง กับ Dragon เขาได้สร้างงานไตรภาคที่ทวีความทะเยอทะยานมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละตอน นำเสนอธีมเกี่ยวกับความภักดี ตัวตน และความกล้าหาญที่จะแตกต่างจากคนอื่นๆ โดยที่ยังคงรักษาไว้ซึ่งความรู้สึกมหัศจรรย์ที่ทำให้เกิดความตื่นเต้นและจับจิตจับใจคนทั่วโลก

ผมตัดสินใจที่จะกลับมาเยือน How to Train Your Dragon อีกครั้ง เพราะมันคือโอกาสที่น่าทึ่งครับ ไม่ใช่แค่ได้มากำกับภาพยนตร์ที่ใช้คนแสดงเท่านั้น แต่ยังได้กลับสู่โลกที่ผมคิดถึงอย่างมากด้วย  เดอบลัวส์กล่าว  ตัวละครเหล่านี้ และจักรวาลนี้ยังคงอยู่กับผมมาตลอด ตอนนี้ เรามีโอกาสได้นำมันกลับมาพร้อมกับความเหมือนจริง และความเชื่อมั่นที่ว่า เมื่อคนดูก้าวสู่โลกนี้ พวกเขาจะไม่มีวันอยากจากไปเลยครับ

เมสัน เธมส์ ผู้รับบทเป็น ฮิคคัพ เด็กหนุ่มไวกิ้งแห่งเบิร์ก การก้าวสู่บทบาทนี้คือฝันที่เป็นจริง ตอนที่ผมเติบโตมา ฮิคคัพคือฮีโร่ของผมครับ ผมจำได้ว่าตอนผมอายุเจ็ดขวบ และได้นั่งดูเขาขี่มังกรในตัวอย่างของภาพยนตร์ภาคที่ ผมคิดว่า ฉันอยากเป็นเขาจัง’ ดังนั้น โดยเทคนิคแล้ว ผมได้แสดงให้เห็นแล้วครับ เธมส์กล่าว

ด้าน เจอราร์ด บัตเลอร์ ซึ่งกลับมารับบทเป็น สโตอิค เดอะวาสต์ พ่อของ ฮิคคัพ รู้สึกทึ่งในความสามารถของเธมส์ในทันที เมื่อเขาทำให้ ฮิคคัพ มีชีวิตขึ้นมา ผมรู้ว่าเมสันเป็นคนเก่ง เขาต้องแสดงบทบาทนี้ แต่เมื่อได้อยู่ในฉากต่างๆ กับเขา ผมเอาแต่คิดว่า ‘ว้าว เด็กคนนี้เก่งมากเลย’” บัตเลอร์กล่าว

เขาทำงานหนักมาก แล้วเขาก็มีความใส่ใจอย่างลึกซึ้ง เขามีความสามารถที่เป็นธรรมชาติ เขาคอยฟัง ซึมซับ และเข้าใจดีว่าการเฝ้าดูนักแสดงคนอื่นๆ มีค่าพอๆ กับการไปเข้าเรียนการแสดงเลยทีเดียว การได้เห็นเขาในบท ฮิคคัพ ที่มีทั้งอารมณ์ขัน มีความเชื่อมั่น มีความไม่แน่นอน ความหัวใจสลาย ความต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเอง มันสุดยอดมากครับ เขาจัดการทุกวินาทีด้วยความละเอียดอ่อนและความแม่นยำ หนึ่งในข้อดีของภาพยนตร์ที่ใช้คนแสดงคือการได้มาเห็นนักแสดงรุ่นเยาว์ที่มีความสามารถแบบ เมสัน นำสิ่งใหม่มาสู่บทนี้ บัดนี้ การได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าเขามีความโดดเด่นมากครับ

โลเกชั่นและงานโปรดักชั่นดีไซน์ การเปลี่ยนโลกแอนิเมชั่นของ How to Train Your Dragon ให้เป็นภาพยนตร์มหากาพย์ที่ใช้คนแสดง ถือเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ ที่นำทีมโดยโปรดักชั่นดีไซเนอร์ โดมินิค วัตกิ้นส์ เป้าหมายของวัตกิ้นส์ไม่ใช่แค่การยกย่องให้เกียรติกับจิตวิญญาณของภาพยนตร์ต้นฉบับเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างโลกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากไวกิ้งที่ให้ความรู้สึกจับต้องได้ อินไปด้วยได้ และมีพื้นฐานทางประวัติศาสตร์ ตั้งแต่วิวทิวทัศน์ที่กว้างใหญ่ ไปจนถึงฉากภายในที่เต็มไปด้วยรายละเอียดประณีต ทุกฉากได้รับการออกแบบให้ผสมผสานจินตนาการเข้ากับความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์

งานถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ไปปักหลักกันที่ไททานิค สตูดิโอส์ ที่เบลฟาสต์ ในไอร์แลนด์เหนือ ที่ซึ่งวัตกิ้นส์และทีมงานของเขาได้ใช้ประโยชน์จากโรงถ่ายหลายโรง และโลเกชั่นด้านหลังที่กว้างขวาง งานสร้างที่แสนทะเยอทะยานได้รับการออกแบบให้รองรับทั้งฉากแอ็กชั่นใหญ่ๆ และช่วงเวลาใกล้ชิดที่ขับเคลื่อนด้วยตัวละคร นอกเหนือจากสตูดิโอแห่งนี้แล้ว ทางผู้สร้างยังได้มองหาแรงบันดาลใจในโลกจริงๆ สำหรับภูมิศาสตร์ของเบิร์กที่พวกเขาเจอในหมู่เกาะแฟโร, ไอซ์แลนด์ และสก็อตแลนด์ ความงดงามตามธรรมชาติที่ยังไม่ถูกสัมผัสของพื้นที่เหล่านี้ช่วยกําหนดเอกลักษณ์ทางภาพของภาพยนตร์เรื่องนี้ และทําให้รู้สึกว่ามังกรจะผสมผสานเข้ากับโลกที่แสนพิเศษแต่ก็มีความเป็นธรรมชาติได้

How to Train Your Dragon เขียนบท, อำนวยการสร้าง และกำกับโดย เดอบลัวส์ ผู้อำนวยการสร้างคนอื่นๆ ของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แก่ มาร์ค แพล็ตต์ ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึงสี่ครั้ง (WickedLa La Land) และผู้ได้รับรางวัลเอ็มมี่ อดัม ซีเกล (Drive2 GunsHow To Train Your Dragon เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Filmed For IMAX® ซึ่งจะมอบเทคโนโลยีไอแม็กซ์ให้กับผู้กำกับเพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถส่งมอบประสบการณ์ภาพยนตร์ที่คนดูจะอินไปกับภาพยนตร์ได้มากที่สุด ให้กับคนดูทั่วโลก

หนังชนโรง : ‘เรเบล วิลสัน – แอนนา แคมป์’ จับมือบู๊ระเบิด เปิดภารกิจหนังแอ็กชันสุดฮา

หนังชนโรง : ‘เรเบล วิลสัน – แอนนา แคมป์’ จับมือบู๊ระเบิด เปิดภารกิจหนังแอ็กชันสุดฮา

หนังชนโรง : ‘เรเบล วิลสัน – แอนนา แคมป์’ จับมือบู๊ระเบิด เปิดภารกิจหนังแอ็กชันสุดฮา

วันพุธ ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 06.32 น.

เนรมิตรหนัง ฟิล์ม และ ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ เปิดภารกิจแอ็กชันสุดฮา  เตรียมพบกับ เรเบล วิลสัน (Rebel Wilson) ที่จะพาคุณเข้าสู่โลกของสายลับคอมเมดี้ในภาพยนตร์ Bride Hard อึดนรกแต่ง พร้อมกลับมาร่วมงานกับอดีตเพื่อนนักแสดงจาก Pitch Perfect อย่าง แอนนา แคมป์ (Anna Camp) อีกครั้งกำกับโดย ไซมอน เวสต์ (Simon West) ผู้มากประสบการณ์จากผลงานแอ็กชันระดับตำนานอย่าง The Expendables 2 และ Con Air

การกลับมาร่วมงานของ วิลสัน และ แคมป์ ในครั้งนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนๆ ที่เคยชื่นชอบเคมีของพวกเธอจาก Pitch Perfect และการกำกับของ ไซมอน เวสต์ (Simon West) ความสนุกสนานและการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย

Bride Hard วิลสันจะรับบทเป็น แซม สายลับที่ต้องมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวในงานแต่งงานสุดหรูของเพื่อนรัก แต่เมื่อกลุ่มทหารรับจ้างบุกงานแต่งและจับแขกในงานเป็นตัวประกัน ภารกิจครั้งนี้กลายเป็นการต่อสู้ที่ยากยิ่งขึ้น—แซมต้องหลบกระสุนและปกป้องงานแต่งสุดอลังการนี้ โดยไม่ให้เผยตัวตนสายลับของเธอ

ส่วนหนึ่งของความน่าสนใจใน Bride Hard คือการเข้าฉากแอ็กชันของ เรเบล วิลสัน (Rebel Wilson) ร่วมกับผู้กำกับ ไซมอน เวสต์ (Simon West) จากภาพยนตร์แอ็กชันระดับตำนาน เช่น Lara Croft: Tomb RaiderCon Air, และ The Mechanic ซึ่งทำให้การถ่ายทำครั้งนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนาน “มันเป็นอะไรที่สนุกมากที่จะได้เตะซะบ้าง—หรือจริงๆ ก็แค่แกล้งเตะซะมากกว่า” – วิลสัน  กล่าว พร้อมเสริมว่า การเรียนรู้การต่อสู้ในฉากแอ็กชันเหมือนกับการฝึกท่าเต้น ซึ่งต้องใช้ความละเอียดในการฝึกฝนอย่างมาก

แต่สิ่งที่ทำให้ เรเบล วิลสัน (Rebel Wilson) ภาคภูมิใจที่สุดในการเป็นนักแสดงแอ็กชันคือฉากที่เธอทุ่มมีดขึ้นไปในอากาศและจับมันกลับมาหลังจากหมุนไป แล้วอีกฉากหนึ่งที่ใช้ ที่หนีบผม เป็น นันจาคุ (อุปกรณ์ต่อสู้แบบญี่ปุ่น) อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์ Bride Hard กลายเป็นโปรเจกต์ที่ทำให้  เรเบล วิลสัน (Rebel Wilson) ต้องเข้าโรงพยาบาล จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในช่วงชั่วโมงสุดท้ายของการถ่ายทำ

ขณะที่เรากำลังถ่ายทำ ฉันคิดว่า โอ้ ฉันโชคดีมาก—จนตอนนี้ยังไม่มีการบาดเจ็บอะไรเลย นอกจากอาการปวดกล้ามเนื้อบ้าง แต่ในคืนสุดท้าย ก็มีปืนถูกตีไปที่หน้าฉันโดยไม่ได้ตั้งใจ ตอนตี 3 ตอนที่ถ่ายทำฉากสุดท้าย”

นอกจากการพลิกบทบาทของวิลสันแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังนำเสนอนักแสดงระดับแนวหน้ามากมาย เช่น จัสติน ฮาร์ตลีย์ (Justin Hartley) จาก This is Us. และ ดาวีน จอย แรนดอล์ฟ (Da’Vine Joy Randolph) เจ้าของรางวัลออสการ์จาก The Holdovers โดยมีการผสมผสานระหว่างความตลกและแอ็กชันที่ไม่เหมือนใคร และคาดว่าจะทำให้ผู้ชมได้หัวเราะไปพร้อมกับลุ้นระทึกในทุกฉาก

“Bride Hard”

19 มิถุนายน นี้ในโรงภาพยนตร์ เข้าฉายก่อนอเมริกา

หนังชนโรง : ‘คีอานู รีฟส์’ นำทีมนักแสดงเปิดรอบปฐมทัศน์ ‘จักรวาลของจอห์น วิค’ กลางกรุงลอนดอน

หนังชนโรง : ‘คีอานู รีฟส์’ นำทีมนักแสดงเปิดรอบปฐมทัศน์ ‘จักรวาลของจอห์น วิค’ กลางกรุงลอนดอน

หนังชนโรง : ‘คีอานู รีฟส์’ นำทีมนักแสดงเปิดรอบปฐมทัศน์ ‘จักรวาลของจอห์น วิค’ กลางกรุงลอนดอน

วันพุธ ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ระอุความมันส์รอบแรกของโลกไปกับสองซูเปอร์สตาร์แอ็กชันสุดเดือด อนา เดอ อาร์มาส” และ คีอานู รีฟส์” ที่นำทีมนักแสดงสายระห่ำ “นอร์แมน รีดัส” และ “เอียน แม็กเชน” พร้อมด้วยผู้กำกับมากฝีมือ “เลน ไวส์แมน” เปิดฉายรอบเวิลด์พรีเมียร์ของภาพยนตร์แอ็กชันนัมเบอร์วันแห่งปี “From the World of John Wick: Ballerina จักรวาลของจอห์น วิค: บัลเลรินา แค้นกว่านรก” ณ จัตุรัสเลสเตอร์ ใจกลางกรุงลอนดอน เพื่อให้สื่อมวลชนกลุ่มแรกได้พิสูจน์เส้นทางสะสางแค้นของโคตรนักฆ่าคนใหม่ “อีฟ มาการ์โร” และการเผชิญหน้าครั้งหยุดโลกกับ “จอห์น วิค”

งานนี้ “อนา เดอ อาร์มาส” ปรากฏตัวในลุคสุดแกลมสวยสง่าแฝงไปด้วยความแกร่งสมบทบาท “โคตรนักฆ่า” โดยควงคู่มากับแอ็กชันสตาร์ขวัญใจของคนทั่วโลก “คีอานู รีฟส์” ที่ยังคงความเท่ หล่อเข้ม น่าเกรงขามตามคาแร็กเตอร์ “จอห์น วิค” อย่างไม่มีที่ติ ท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่นของการรวมทีมนักแสดงนำและผู้กำกับที่มาร่วมเปิดตัวภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์โลกที่ได้รับความสนใจและการต้อนรับจากเหล่าสื่อมวลชนและบรรดาแขกที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

ก็เป็นไปตามคาดไม่ต่างจากเสียงชื่นชมของ “ทอม ครูซ” นักแสดงแอ็กชันตัวพ่อชื่อดังที่คอนเฟิร์มไว้ก่อนหน้านี้ว่า “หนังโคตรมันส์ แฟนๆ หนังแอ็กชันไม่ควรพลาด” โดยหลังจากภาพยนตร์รอบแรกของโลกอย่างเป็นทางการจบลง กระแสรีวิวชุดแรกของ “From the World of John Wick: Ballerina” ก็กระหึ่มโซเชียลทันที ซึ่งต่างการันตีแง่บวกเป็นเสียงเดียวกันว่า บัลเลรินา’ คือ หนังแอ็กชันนัมเบอร์วันแห่งปี ที่จัดเต็มซีนแอ็กชันโคตรมันส์ตระการตา และ อนา เดอ อาร์มาส พร้อมขึ้นแท่น แอ็กชันไอคอนแห่งปี ที่มอบการแสดงอันดุเดือด น่าทึ่ง และงดงาม”

ประเทศไทยเตรียมนับถอยหลังสู่ปรากฏการณ์ความมันส์สุดระห่ำแห่งปีที่จะเดือดพล่านไปทั้ง “จักรวาลของจอห์น วิค” ใน “From the World of John Wick: Ballerina บัลเลรินา แค้นกว่านรก” ระเบิดความมันส์ก่อนอเมริกา มิถุนายนนี้ ในโรงภาพยนตร์ ทั้งเสียงอังกฤษและเสียงไทย ในระบบปกติ4DXMX4D และ Dolby Atmos 

หนังชนโรง : ‘กำเนิดเทพเจ้า ตอน มหาศึกเทพยุทธ’ 10 ปีการผลิต ทีมงานหลักหมื่น จาก 21 ประเทศ

หนังชนโรง : ‘กำเนิดเทพเจ้า ตอน มหาศึกเทพยุทธ’ 10 ปีการผลิต ทีมงานหลักหมื่น จาก 21 ประเทศ

หนังชนโรง : ‘กำเนิดเทพเจ้า ตอน มหาศึกเทพยุทธ’ 10 ปีการผลิต ทีมงานหลักหมื่น จาก 21 ประเทศ

วันพุธ ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 06.45 น.

ฉายแสง แอด.เวนเจอร์ นำเสนอ ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ “Creation of the Gods II: Demon Force กำเนิดเทพเจ้า ตอน มหาศึกเทพยุทธ โดยทีมผู้สร้างเผยว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเป้าหมายในการนำเสนอความงดงามและมหัศจรรย์ของวัฒนธรรมและเทพปกรณัมจีนสู่ผู้ชมทั่วโลก

หลังจากการประสบความสำเร็จของภาพยนตร์ “Creation of the Gods I: Kingdom of Storms” ในปี 2023 ที่ทำรายได้ 2.64 พันล้านหยวน (ประมาณ 363 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) คิดเป็นเงินไทย 13,068 ล้านบาท ผู้ชมต่างประเทศต่างเรียกร้องให้ภาคต่อฉายพร้อมกับจีน

Creation of the Gods II: Demon Force ได้รับการฉายพร้อมกันในเกือบ 20 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก รวมถึงอเมริกาเหนือ ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2025 ซึ่งตรงกับวันตรุษจีนวันแรก

อู่เอ๋อร์ซาน (Wuershan) ผู้กำกับ กล่าวว่า “เราทำตามคำมั่นสัญญาในการฉายภาพยนตร์ภาค Demon Force นี้ให้พร้อมกันในหลายประเทศ และหวังให้ผู้ชมทั่วโลกได้สัมผัสเสน่ห์ของวัฒนธรรมจีน เพื่อแสดงให้เห็นว่าความงดงามของวัฒนธรรมจีนยังคงทรงพลังและมีชีวิตชีวาในยุคปัจจุบัน เราดึงผู้สืบทอดมรดกวัฒนธรรมมาร่วมออกแบบเครื่องแต่งกาย อาวุธ และฉาก ดังนั้น Creation of the Gods II: Demon Force ไม่เพียงเป็นภาพยนตร์แอ็กชันแฟนตาซีระดับสากลเท่านั้น แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ว่าศิลปะจีนสามารถเชื่อมโยงผู้ชมทั่วโลกเข้ากับรากวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งและน่าทึ่ง”

ในส่วนของเนื้อหาภาพยนตร์ “Demon Force” ซึ่งอิงจากนวนิยายของราชวงศ์หมิง “The Investiture of the Gods” เล่าเรื่องของ เจียงจื่อหยา (รับบทโดย หวงป๋อ), จีฟา (รับบทโดย อวี๋ซื่อ) ที่ร่วมมือกับเซียนจากคุนหลุนต่อกรกับกองทัพปีศาจของพระเจ้าหยินโชว ผู้นำราชวงศ์ซาง (รับบทโดย เฟยเสียง หรือที่รู้จักกันในชื่อ คริส ฟิลลิปส์) และเพิ่มตัวละครใหม่อย่าง “เติ้งฉานหยู” แม่ทัพหญิงที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก “ตรีฟูฮ่าว” ขุนพลหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์จีน และ “เวินจง” ราชครูแห่งราชวงศ์ชางที่นักแสดง “อู๋ซิงกั๋ว” ถ่ายทอดผ่านเทคนิคงิ้วจีน

ทีมผู้สร้างใช้เวลานานกว่า 10 ปีในการผลิต พร้อมความร่วมมือจากทีมระดับรางวัลออสการ์โปรดักชันของภาพยนตร์ใช้เวลากว่า 11 ปี โดยมีทีมงานกว่า 11,000 คนจาก 21 ประเทศ ทีมงานขนาดใหญ่นี้ดูแลทุกด้านของภาพยนตร์ ตั้งแต่การแสดง, การแสดงสตันท์, การถ่ายทำ, อุปกรณ์ประกอบฉาก และเอฟเฟกต์พิเศษ ทุกๆ รายละเอียดได้รับการออกแบบและสร้างสรรค์อย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ภาพยนตร์มีความมีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยความน่าตื่นตาตื่นใจ เช่น Barrie M. Osborne (The Lord of the Rings), James Schamus และ Tim Yip (Crouching Tiger, Hidden Dragon) รวมถึง Douglas Hans Smith (Independence Day) ซึ่งมาดูแลวิชวลเอฟเฟกต์หลักของเรื่อง

“คริส ฟิลลิปส์” นักแสดงและนักร้องชื่อดัง รับบทพระเจ้าหยินโชว อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในงานแปลซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษเพื่อการเผยแพร่ระดับนานาชาติฟิลลิปส์กล่าวว่า “ผมได้ดูภาพยนตร์หลายครั้งเพราะรับหน้าที่ดูแลการแปลซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษ ซึ่งมีความสำคัญต่อการทำความเข้าใจเรื่องราวที่เต็มไปด้วยตัวละครและศัพท์เฉพาะทางวัฒนธรรมจีน เช่น “คุนหลุน” หรือความแตกต่างระหว่าง “เซียน” และ “เทพเจ้า” ที่ผู้ชมต่างชาติอาจไม่เข้าใจ โดยพยายามใส่คำอธิบายเพิ่มเติมอย่างระมัดระวังในบรรทัดคำแปล”

“Creation of the Gods II: Demon Force กำเนิดเทพเจ้า ตอน มหาศึกเทพยุทธ” 

15 พฤษภาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

หนังชนโรง : ‘โต้ง บรรจง’ การันตี ‘ซองแดงแต่งผี’ หนังสนุกถูกจริตคนดู!!

หนังชนโรง : ‘โต้ง บรรจง’ การันตี ‘ซองแดงแต่งผี’ หนังสนุกถูกจริตคนดู!!

หนังชนโรง : ‘โต้ง บรรจง’ การันตี ‘ซองแดงแต่งผี’ หนังสนุกถูกจริตคนดู!!

วันพุธ ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ “ซองแดงแต่งผี” จากค่ายหนัง GDH ร่วมมือกับ Billkin Entertainmentและ PP Krit Entertainment ที่คนดูก็ต่างตั้งตารออย่างใจจดจ่อ งานนี้ยังได้โปรดิวเซอร์คนเก่ง “โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกูล” ผู้สร้าง “พี่มาก..พระโขนง” มาดูแลงานสร้าง และได้ผู้กำกับ
สายฮาอย่าง หมู-ชยนพ บุญประกอบ จาก “FRIEND ZONE ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน” มาดูแลงานกำกับ แถมยังได้ทีมนักแสดงตัวจี๊ดมาเสิร์ฟความฮาอีกเพียบ

นำโดย บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล, พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร, ก้อย-อรัชพร โภคินภากร, ปิยะมาศ โมนยะกุล, จตุรงค์ พลบูรณ์, รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น, เอ็ดดี้ จรรยหาญ, แอนนา ชวนชื่น ฯลฯ งานนี้การันตีความสนุกสุดฮาแบบไม่มีกั๊กแน่นอน

“โต้ง-บรรจง” เผยว่า “ผมชอบเนื้อหาของหนังไต้หวันเรื่อง Marry My Dead Body มากๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ดูในเทศกาลภาพยนตร์ เลยคิดว่าถ้าเราเอามาเล่าใหม่ในบริบทแบบไทยๆ จะต้องถูกจริตคนไทยมากแน่ๆ เพราะหนังในเวอร์ชั่นต้นฉบับแกนหลักของเรื่องแข็งแรงมาก เป็นการเล่าถึงความเชื่อของการเวียนว่ายตายเกิด ทำอย่างไรให้คนที่ตายด้วยอุบัติเหตุได้ไปสู่สุคติ ซึ่งเป็นความเชื่อที่รีเลทกับคนไทยอยู่แล้ว โดยความชุลมุนวุ่นวายในหนังเริ่มต้นขึ้น เมื่อผู้ชายคนหนึ่งดันหยิบซองแดงที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมา เลยทำให้เขาต้องเข้าพิธีแต่งงานกับผีที่ตายอย่างปริศนา ความฮาสุดป่วนของคนกับผีจึงเริ่มต้นขึ้น พร้อมภารกิจสืบหาที่มาของอุบัติเหตุที่คร่าชีวิตผีตี่ตี๋ไป เพื่อส่งให้ตี่ตี๋ไปสู่สุคติ ซึ่งผมมองว่าผู้กำกับที่จะมาเล่าเรื่องนี้ได้มีอรรถรสที่สุดต้องเป็น “หมู ชยนพ” ซึ่งเป็นผู้กำกับสายคอเมดี้และในส่วนของนักแสดงหลัก ผมนึกถึงแค่ “บิวกิ้นกับพีพี” เลย ต้องเป็น 2 คนนี้เท่านั้น เพราะเคมีของ 2 คนนี้เวลาอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะในเวลาทำงานหรือส่วนตัว เขามีเสน่ห์ เหมาะกับ คาแร็กเตอร์ ในหนังเรื่องนี้มากๆ เท่านั้นไม่พอยังมีทีมนักแสดงอย่าง ก้อย, แม่ปุ๊, รัศมีแข, พี่จตุรงค์, พี่แอนนา,เอ็ดดี้ มาร่วมเสริมทัพความสนุกให้ฮากระจายมากขึ้นไปอีก ผมเชื่อว่าแฟนหนังชาวไทยจะต้องถูกใจหนังเรื่องนี้แน่ๆ ขอฝากหนัง “ซองแดงแต่งผี” ไว้ด้วยนะครับ รับรองว่าคุณจะได้ทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ระหว่างที่ดูตั้งแต่ต้นจนจบแน่นอนครับ”

“ซองแดงแต่งผี”

20 มีนาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

หนังชนโรง : ‘นิโคลัส ฮอลต์’ นักแสดงหนุ่มเจ้าเสน่ห์ชาวอังกฤษ ดำดิ่งสู่บทสุดท้าทาย

หนังชนโรง : ‘นิโคลัส ฮอลต์’ นักแสดงหนุ่มเจ้าเสน่ห์ชาวอังกฤษ ดำดิ่งสู่บทสุดท้าทาย

หนังชนโรง : ‘นิโคลัส ฮอลต์’ นักแสดงหนุ่มเจ้าเสน่ห์ชาวอังกฤษ ดำดิ่งสู่บทสุดท้าทาย

วันพุธ ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

เดินหน้าสร้างผลงานคุณภาพให้โลกจดจำมาอย่างต่อเนื่องสำหรับ “นิโคลัส ฮอลต์” นักแสดงหนุ่มเจ้าเสน่ห์ชาวอังกฤษที่เปิดตัวในฐานะนักแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกด้วยวัยเพียง 7 ขวบ ต่อมาในวัย 13 ปี ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมากมายจาก “About a boy” (2002) ทำให้เขาได้รับการยอมรับมากขึ้น จนแจ้งเกิดในฐานะพระเอกเต็มตัวในบทซอมบี้ที่รักใน “Warm Bodies” (2013) และโด่งดังยิ่งขึ้นทั่วโลกเมื่อได้ร่วมโปรเจกท์ฟอร์มยักษ์ทั้ง “X-Men” (2011-2019) และ “Mad Max: Fury Road” (2015)

ปีนี้ ฮอลต์ ขอพิสูจน์ฝีมือไปอีกขั้นด้วยการรับบทสุดท้าทายกับตัวละครที่มีอยู่จริงและถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์อเมริกาว่านี่คือตัวอันตรายแห่งยุค 80 กับบทผู้นำลัทธิสุดคลั่ง “โรเบิร์ต เจ แมตทิวส์” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “บ็อบแมตทิวส์” ผู้นำขบวนการเหยียดสีผิวหัวรุนแรง “ดิ ออร์เดอร์” (The Order) ที่ก่อตั้งในปี 1983 ซึ่งมีเป้าหมายคือการก่อตั้งรัฐที่มีแค่คนผิวขาว และกำจัดคนผิวสี คนยิว หรือชนกลุ่มน้อย เช่นคนเร่ร่อน คนติดยา โสเภณี ที่พวกเขามีความเชื่อว่าคนกลุ่มนี้มีจริยธรรมต่ำและจะต้องถูกกำจัดทิ้ง โดยเริ่มปฏิบัติการจากอาชญากรรมเล็กๆ ก่อนจะยกระดับสู่การปล้นธนาคาร ปลอมแปลงธนบัตร ปล้นรถขนเงิน ปล้นธนาคารเพื่อใช้เป็นเงินทุนในการซื้ออาวุธเพื่อการปฏิวัติ

ฮอลต์เผยว่าการเข้าถึงความคิดของคนคลั่งอย่างแมตทิวส์เป็นเรื่องที่น่าอึดอัด เขาต้องกัดฟันอดทนตลอดการถ่ายทำ “สิ่งที่ตัวละครของผมเชื่อมันตรงข้ามกับผมเชื่อโดยสิ้นเชิง”

เขาถ่ายทอดตัวละครนี้ให้เป็นผู้นำที่มีเสน่ห์และพูดจาฉะฉาน สามารถพูดปลุกใจและชักจูงให้คนทำผิดได้ “เขาต้องเชื่อในสิ่งที่พูดก่อนถึงจูงใจฝูงชนได้ ทุกคนในห้องต้องรู้สึกว่า อ๋อ เพราะอย่างนี้นี่เอง เราเลยต้องทำแบบนี้”

เมื่อดำดิ่งสู่ตัวละครสำเร็จ ฮอลต์จึงเข้าใจอย่างชัดเจนว่าทำไมคนเหล่านั้นถึงถูกชักจูงให้เชื่ออุดมการณ์อันบิดเบี้ยวเช่นนั้นได้

ในช่วงก่อนถ่ายทำเขาได้ทำการบ้านและฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก เนื่องจากเขาเป็นคนอังกฤษที่รับบทคนอเมริกัน จึงต้องปรับสำเนียงการพูดให้เป็นอเมริกาแท้ๆ มีการศึกษาบันทึกคำปราศรัยจริงของบ็อบเพื่อนำมาปรับใช้ในหนัง และเพื่อความสมจริงยิ่งขึ้นไปอีก ฮอลต์และนักแสดงที่รับบทสาวกจึงได้ใช้เวลาร่วมกันนอกกองถ่ายทั้งตกปลาและทำกิจกรรมต่างๆด้วยกัน เพื่อจำลองวิถีชีวิตแบบอุดมคติที่บ็อบปฏิบัติต่อเหล่าสาวก

ผู้นำลัทธิหัวรุนแรงจอมก่ออาชญากรรม สร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชน จนถูกหมายหัวและไล่ล่าจับตายโดย FBI และรัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมรับชมหนึ่งในบทบาทที่ดีที่สุดในชีวิตของ“นิโคลัส ฮอลต์” ปะทะ “จู๊ด ลอว์” ด้วยการแสดงดราม่าสุดเข้มข้นและฉากแอ๊กชั่นแบบถึงลูกถึงคน

“The Order จับตายขบวนการเดนคน”

30 มกราคมนี้ ที่ “SF Cinema” และ “House สามย่าน”

หนังชนโรง : คุยกับ ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ นำทีมเสิร์ฟเดลิเวอรี่ เฮี้ยน ฮา ส่งท้ายปี

https://www.naewna.com/entertain/846642

หนังชนโรง : คุยกับ ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ นำทีมเสิร์ฟเดลิเวอรี่ เฮี้ยน ฮา ส่งท้ายปี

หนังชนโรง : คุยกับ ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ นำทีมเสิร์ฟเดลิเวอรี่ เฮี้ยน ฮา ส่งท้ายปี

วันพุธ ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.

เรื่องราวความสนุกของภาพยนตร์เรื่อง “ไรเดอร์”

เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของ “ไรเดอร์” สามคนที่เป็นเพื่อนซี้กัน มีผมที่รับบทเป็น “นัท” มี“เสือยอด” (รับบทโดย “นีโน่ ภูวเนตร”) มี“น้าไก่” (รับบทโดย “ดีเจอาร์ต มารุต”) พวกเราเป็นไรเดอร์ที่ทำหน้าที่ส่งของตามปกติ เจอลูกค้าปกติบ้าง ไม่ปกติบ้าง หรืออาจจะหลุดไปในทางน่ากลัวบ้าง แต่แก๊งไรเดอร์เราก็จะส่งทุกอย่าง ไม่ค่อยเลือกรับงาน จนวันหนึ่งนัทได้ไปเจอกับ “พาย” (ฟรีน สโรชา) แล้วก็แอบชอบ เลย พยายามตามจีบอยู่ แต่กำลังจีบกันอยู่ดีๆ พายก็ดันหายตัวไป นัทก็เลยต้องไปตามหาว่าพายหายไปไหนโดยมีน้าไก่กับเสือยอดคอยไปช่วยตามหา จนพวกเราเข้าไปพัวพันกับเรื่องราวสุดสยองแบบไม่คาดคิด เป็นภารกิจที่ต้องไขปริศนาขนหัวลุกในพิกัดหลอนๆ ที่พวกเราได้รับมา

บทบาท-คาแร็กเตอร์

ในเรื่องนี้โอ้รับบทเป็น “นัท” มีอาชีพหลักเป็น “ไรเดอร์” นัทเป็นคนที่ที่มีเซ้นส์เห็นผีตั้งแต่เด็กครับ จะมีความชินกับการเห็นผีประมาณหนึ่ง คอยเป็นสื่อกลางระหว่างผีกับเพื่อนด้วย เพราะว่าเพื่อนไม่เห็นอย่างที่เราเห็น ตอนกลางวันก็จะส่งของ ส่งอาหาร ส่งทุกอย่าง แต่ตกกลางคืนพอไปส่งของก็มักจะเห็นผีในที่ต่างๆ ที่เราไป เหมือนเราเป็นแม่เหล็กดึงดูดผีอยู่เหมือนกัน คงอยากจะให้เราได้เจอเขา นัทก็จะเป็นคนที่คอยมาร์กจุดพิกัดต่างๆ เป็นรูปกะโหลกไขว้เอาไว้เพื่อคอยบอกเพื่อนว่าตรงนี้อย่าไป หรือผ่านตรงนี้ผีดุอะไรแบบนี้

คาแร็กเตอร์นี้มีได้ทำอะไรใหม่ๆ บ้างไหม

เป็นครั้งแรกครับที่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ที่มีแสงสว่างขนาดนี้ในการถ่ายทำ มีการนำรถออกไปขี่กับ “พี่อาร์ต” และ “โน่” ตามเยาวราช สะพานพุทธคนบนถนนก็จะนึกว่าเป็นเรือไดหมึก แต่มันคือมอเตอร์ไซค์แต่งไฟ สีสันแสบตา รถที่ผมขับคือแสงสีเขียวเลย เป็นการขับมอเตอร์ไซค์ที่โดดเด่นมาก และสนุกมาก ตัวละครนี้ก็ยังต้องใส่รองเท้าข้างละสีด้วย ทีมคอสตูมบอกว่ามันเป็นสไตล์ของ “นัท” ครับ คือนัทอาจจะทำหายข้างหนึ่งแล้วก็เดินไปหาเจออีกข้างหนึ่งที่คนละสีพอดีแต่ไซส์มันได้ก็เลยใส่ไปก่อน

ร่วมงานเป็นครั้งแรกกับทีมนักแสดงเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง

เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับ “พี่โน่ ภูวเนตร” (เซียนหรั่ง) เขาเป็นคนมีความสามารถ สนุกสนาน ผมได้เรียนรู้อะไรจากพี่โน่เยอะเลย ในด้านของอาหารอีสาน เพลงอีสาน พี่โน่เขาคอยให้คำปรึกษา คอยคุยกับเรา ผมกับพี่โน่มีอะไรคล้ายกันอย่างเรื่องรถมอเตอร์ไซค์ก็จะคุยกันได้นานแล้วเราชอบดูช่องของพี่เขา อย่างตอนที่ไปเอาไข่มดแดง ไปจับกะปอม ทำอะไรดูสนุกดี เราไม่เคยเห็นไม่เคยรู้สิ่งเหล่านี้ มันก็แปลกและน่าติดตามครับ

ส่วน “พี่อาร์ต” ผมเคยรู้จักอยู่แล้ว เคยเจอกันบ้างตามงานข้างนอก แต่ไม่เคยร่วมงานด้วยกันจริงจังแบบนี้ครับ เคยแต่ร่วมงานกับ “พี่อ้น”(ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์) พี่สาวของพี่อาร์ตอย่างเดียว พี่อาร์ตเป็นคนเฮฮา ทำงานด้วยแล้วสนุกมีความสุขที่ได้เจอเขาในทุกครั้งที่ได้มากอง รู้สึกว่าเขามี Energy ที่ดี มีพลังบวก

ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำงาน พวกเราสามคนก็เหมือนต่อกันติดไวมากครับ ขนาดตอนพักกอง เราจะจับกลุ่มกันเพื่อหาเรื่องคุย จะได้ไม่ง่วง ชวนกันคุยไปเรื่อย เพราะมีความชอบอะไรคล้ายกัน ทั้งเรื่องมอเตอร์ไซค์ ทั้งเรื่องตลก

ส่วน “น้องฟรีน” ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันครับที่ได้เจอ ได้ทำงานร่วมกัน ก่อนหน้ามาถ่ายทำ เราได้เวิร์กช้อปด้วยกัน น้องเป็นคนที่ตั้งใจทำงานมาก มีความนักสู้อยู่ในตัว เพราะว่าเราถ่ายหนังผีจะมีถ่ายกลางคืนกันเยอะ ดึกขนาดไหนก็ยังสดใสได้ แล้วมีซีนอารมณ์ที่เราต้องเล่นด้วยกัน แต่อารมณ์ของผมมันยังไม่มา เขาก็จะไม่ทิ้งเรา จะยืนส่งอารมณ์ต่อให้ผมตลอด ซึ่งประทับใจน้องน่ารักมากครับ

การร่วมงานกับผู้กำกับ “กังฟู นิติวัฒน์”

ผมเจอ “พี่กังฟู” ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรกเลยครับ ตอนนั้นพี่เขาเป็นผู้ช่วยผู้กำกับเรื่อง “รักแห่งสยาม” (2550) พอมาเรื่องนี้พี่เค้าได้กำกับหนังอีกครั้งก็เลยชวนมาทำงานร่วมกันพี่กังฟูเป็นผู้กำกับที่น่ารักมาก คอยให้คำปรึกษา บางทีซีนยากๆ พี่เขาก็จะให้โอกาสเรา ให้เวลา เขาจะมาถามเราว่าอีกสักทีไหม แล้วคอยดูคาแร็กเตอร์ให้เราไม่หลุดไปไกล

โลเกชั่นใช้สถานที่จริง มีความน่ากลัวยังไงบ้าง

โลเกชั่นที่จำได้แม่นเลยคือที่ “โรงพยาบาลร้างแห่งหนึ่งกลางเมือง” ครับ เหตุการณ์เกิดขึ้นเยอะมากในโลเกชั่นนี้ เราก็ต้องทำงานกันหลายจุดของโรงพยาบาล แต่ด้วยความที่มันเป็นโรงพยาบาลจริง ร้างจริง มันก็จะมีฝุ่นเยอะ มีความหลอน มีกลิ่นของโรงพยาบาลอบอวลอยู่ ทุกอย่างสมจริงแบบไม่ต้องเซต ยิ่งในห้องเก็บศพนะครับ ใช่เลย แอบหลอนอยู่เหมือนกันครับ แวบแรกคือเอ๊ะ…ของจริงหรือเปล่านะ เพราะรู้สึกว่ามันใช่ ตอนถ่ายกันหน้าเซตคนเยอะยังไม่เท่าไหร่ครับ แต่ตอนที่ต้องเดินไปห้องน้ำคนเดียว มุมไปห้องน้ำนี่มันเงียบกริบมาก แล้วมีพวกพี่ๆ ที่เขาต้องแต่งเป็นผีในเรื่องด้วย ไม่อยากบังเอิญเจอกันตามมุมเลยครับ มันแยกไม่ออกกันเลย

“บ้าน” ที่ไปถ่ายอีกที่ก็ร้างจริง อันนั้นก็ทั้งฝุ่น ทั้งสโมก ทั้งมืด ข้าวของเครื่องใช้บางอย่างก็ยังอยู่แบบนั้น ในเรื่องก็จะมีลูกค้าแปลกๆ สั่งของมาส่งที่บ้านร้างแล้วให้ “ไรเดอร์”เข้าไปจุดธูปเรียกวิญญาณมารับอาหารไหว้ด้วย แล้ว “นัท” ก็จะเห็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในบ้านหลังนั้น มันก็จะเป็นซีนที่ยากด้วย หลอนด้วย ต้องต่อสู้กับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์จาก “พี่โน่” ด้วย (หัวเราะ)

อีกที่ที่อยากพูดถึงก็คือ “สะพานพุทธ” เป็นอีกโลเกชั่นหนึ่งที่ไปถ่ายกันแล้วทำให้นึกถึงสมัยก่อน ไปหาซื้อรองเท้ามือสอง เราไม่มีตังค์ซื้อรองเท้าใหม่ๆ ก็จะมาที่นี่ มาหาซื้อที่ตลาดนัดสะพานพุทธ แต่ตอนหลังมานี่ก็จะเจอแต่ชาวบ้านตรงนั้น คนขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาดู มีทัวร์มาขี่จักรยานเล่น ผมโดนแซวด้วยนะ “เฮ้ย “มาริโอ้”เหรอ ไม่เห็นหล่อเลย” (หัวเราะ) ที่สะพานพุทธตรงนี้ก็จะเป็นจุดที่เซตขึ้นมาเพื่อเป็นที่นัดพบของ “ไรเดอร์” แก๊งผม เอาไว้รองาน พูดคุย แล้วใช้ชีวิตแบบไรเดอร์กันจริงๆ แล้วก็ได้เจอกับ “พาย” นางเอกในสถานที่ที่น่าจดจำ แต่ระหว่างถ่ายก็จะมีเซอร์ไพรส์เห็นลุงมาอาบน้ำโชว์ตูดอยู่ข้างกองถ่าย ตรงริมแม่น้ำเจ้าพระยา จดจำแม่นเลยครับที่นี่

ประทับใจโลเกชั่นไหนเป็นพิเศษมั้ย

ชอบที่ไหนที่สุด คือชอบ “บ้านพาย” ครับ ลักษณะคือเป็นบ้านไทย มีสวน ต้นไม้เยอะ มันเป็นโลเกชั่นเล็กๆ แต่มีหลายมุมหลายจุดที่เราสามารถถ่ายทำกันได้จบหลายซีนในโลเกชั่นเดียว แล้วที่ถ่ายเล็กมาก แคบมาก คนเยอะมาก มีพิธีหลายอย่างเกิดขึ้นที่นี่ ทุกโลเกชั่นสโมกเยอะมาก แต่ที่นี่เยอะสุดเพราะมันแคบ มีผ้าคลุมบ้านทั้งหลัง หายใจกันแทบไม่ออกเลย ไหนจะเสื้อไรเดอร์ ไหนจะควัน ฝนตกปรอยๆ โคลนกำลังลื่นเลยครับ มีอยู่วันหนึ่งก็มีตุ๊กแกตัวใหญ่มากในห้องแต่งตัว อยู่ๆ มันก็เดินออกมาสวัสดีพวกเรา กรี๊ดกันลั่นเลยตรงนั้น

พกเครื่องรางของขลังด้วยไหม

ไม่ได้พกครับ ทำใจอย่างเดียวเลยครับ

ของปราบเซียนสุดในเรื่องนี้คืออะไร

ปราบเซียนสุดน่าจะเป็นเสื้อไรเดอร์สีเหลืองที่ใส่ในเรื่องครับ เพราะว่ามันหนาแล้วต้องใส่ตลอด อากาศบางวันอบอ้าว บางวันเจอที่แคบสุดๆ มีทั้งสโมก ทั้งฝุ่น ทั้งแอ๊กชั่น แต่ยังคงต้องให้เห็นความเป็น “ไรเดอร์” บางทีเลยลืมความหลอนของบรรยากาศไปเลยครับ

ถ้าเราเป็นไรเดอร์ที่ถูกเรียกไปส่งของ แล้วไปเจอบ้านร้างจะทำยังไง

ผมน่าจะโยน เหมือนเวลาเราดูหนังฝรั่งที่เขาโยนหนังสือพิมพ์ครับ ของมาแล้วครับ แล้วโยนเลย

เล่นหนังผีหนังสยองขวัญมาก็หลายเรื่องแล้ว ในเรื่องนี้มีความน่าสนใจหรือแตกต่างยังไงบ้าง

เรื่องนี้ผมชอบความเป็น “ไรเดอร์” ครับ ชอบความสัมพันธ์ของสามตัวละคร “นัท-น้าไก่-เสือยอด” เป็นความสัมพันธ์ที่ผ่านเวลามาเยอะ ใช้ชีวิตด้วยกันมาแล้ว เข้าใจในอาชีพ เข้าใจในสังคมที่เราอยู่กันแบบนี้ เป็นเพื่อนรักกัน ต่อให้สถานการณ์แย่มากแค่ไหน น่ากลัว หรือต้องแลกกับความเสี่ยงอะไรก็ยังอยู่ด้วยกัน สู้ไปด้วยกัน
ไม่ทิ้งกัน พร้อมที่จะไปลุยเพื่อช่วยเพื่อนของเราเสมอ ทั้งๆ ที่ทุกคนก็กลัวผีกันมาก

เรื่องนี้แค่ผีก็วาไรตี้แล้วครับ มันมีทั้งความน่ากลัว ความสนุก ตอนน่ากลัวก็คือน่ากลัวจริงๆ ครับ แค่เมคอัพตอนถ่ายทำกันก็แอบกลัวเหมือนกันเมคอัพเอฟเฟกท์เขาสุดจริงๆ ความดุดัน แววตา ท่าทางที่พี่ผีเขาเล่นคือสยองเลย มันมีความตื่นเต้น ความสนุกสนาน แล้วก็สยองขวัญรวมอยู่ด้วยกันครบเลยครับ

ผมก็ต้องฝากหนังเรื่อง “ไรเดอร์” ไว้ด้วยนะครับ เชื่อว่าทุกคนจะมีความสุขกับภาพยนตร์เรื่องนี้ มันมีทั้งความตื่นเต้น สยองขวัญ ความรัก และสนุกสนาน

หนังชนโรง : ‘อเล็กซ์ ครอส’ นักสืบชื่อดังในตำนาน จากซีรี่ส์ ‘CROSS’

https://www.naewna.com/entertain/843799

หนังชนโรง : ‘อเล็กซ์ ครอส’ นักสืบชื่อดังในตำนาน จากซีรี่ส์ ‘CROSS’

หนังชนโรง : ‘อเล็กซ์ ครอส’ นักสืบชื่อดังในตำนาน จากซีรี่ส์ ‘CROSS’

วันพุธ ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567, 06.00 น.

นักสืบระดับตำนาน อเล็กซ์ ครอส (Alex Cross) จากซีรี่ส์ CROSS ซึ่งสร้างจากตัวละครชื่อดังที่มาจากผลงานของนักเขียนนิยายขายดี เจมส์ แพทเทอร์สัน

อเล็กซ์ ครอส เป็นชายผู้แข็งแกร่งแต่มีความอ่อนไหวในตัวเอง มีความโดดเด่นด้วยบุคลิกน่าจดจำอเล็กซ์เป็นนักสืบและนักจิตวิทยานิติเวชผู้มีชื่อเสียงจากกรมตำรวจวอชิงตัน ดี.ซี. นอกจากนี้ เขายังเป็นพ่อม่ายผู้โศกเศร้าและต้องเลี้ยงดูลูกสองคน ขณะเดียวกันก็กำลังเตรียมไขคดีสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา

ตั้งแต่การเปิดตัวหนังสือชุด Alex Cross เล่มแรก เรื่อง Along Came a Spider ในปี 1993 หนังสือชุด Alex Cross ของ เจมส์ แพทเทอร์สันก็ได้ออกวางจำหน่ายต่อเนื่องอีกมากกว่า 30 เรื่องโดยมียอดขายมากกว่า 400 ล้านเล่มทั่วโลก หนังสือขายดีชุดนี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กลายเป็นภาพยนตร์ถึงสามเรื่อง นำแสดงโดย มอร์แกนฟรีแมน (Morgan Freeman) และ ไทเลอร์ เพอร์รี(Tyler Perry) โดยหนังสือเล่มแรกๆ ของหนังสือชุดนี้ถูกตั้งชื่อตามบทกลอนและเพลงกล่อมเด็กที่มีชื่อเสียง (เช่น Jack & Jill, Pop Goes the Weasel,Roses are Red, The Big Bad Wolf, LondonBridges และ Mary, Mary) ตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา ชื่อเรื่องของหนังสือได้ถูกตั้งตามตัวละครหลักของเรื่อง ตลอดเวลา 30 ปีที่ผ่านมานี้เจมส์ แพทเทอร์สัน ได้ตั้งใจนำเสนอเรื่องราวแก่แฟนๆ เพื่อค้นพบตัวตนที่แท้จริงของ อเล็กซ์ ครอส

สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยอ่านหนังสือชุดเรื่องนี้เบน วัตคินส์ โชว์รันเนอร์และผู้อำนวยการสร้างCROSS ซีรี่ส์เรื่องใหม่ของ Prime Video ต้องการเจาะลึกเข้าไปในโลกของนักจิตวิทยานิติเวชและนักสืบในตำนานผู้นี้ให้มากขึ้น

“ผมรู้สึกตื่นเต้นมาก เมื่อโปรเจกท์นี้ถูกเสนอให้ผม ในฐานะโปรเจกท์ที่มีศักยภาพในการดัดแปลงเป็นซีรี่ส์”– วัตคินส์กล่าว

“อย่างแรกเลย นี่คือแนวซีรี่ส์ที่ผมชอบดูอยู่แล้ว สอง เป็นเรื่องราวที่มีความยิ่งใหญ่และได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์มาหลายเวอร์ชั่นและมีนักแสดงผู้มีชื่อเสียงมาร่วมแสดง ซึ่งรวมถึงมอร์แกน ฟรีแมน และสาม พอผมได้อ่านหนังสือ ผมก็เห็นโอกาสที่จะเพิ่มเติมและบอกเล่าสิ่งใหม่ๆ ที่เวอร์ชั่นหนังยังไม่ได้ทำ”

จากนั้นก้าวต่อไปของวัตคินส์คือการหานักแสดงที่เหมาะสมกับบท อเล็กซ์ ครอส และ อัลดิส ฮอดจ์ (Aldis Hodge) คือนักแสดงคนนั้น

“ผมเคยฝันว่าอยากเห็น อัลดิส ฮอดจ์ เป็นอเล็กซ์ ครอส เขาเป็นต้นแบบที่ผมคิดไว้ แต่ตอนนั้นผมไม่คิดว่าจะได้เขามาเพราะคิดว่าเขาคงไม่ว่าง แต่ปรากฏว่าเขาสนใจและตอบรับ ทุกอย่างลงตัว จนในที่สุดผมก็ได้นั่งคุยกับเขาจริงๆ” วัตคินส์เล่าถึงช่วงที่เขาได้พบกับ อัลดิส ฮอดจ์ และพี่ชายของเขาในลีกบาสเกตบอลคนดังตั้งแต่ยังเป็นนักแสดงวัยรุ่น “ผมประทับใจในความนอบน้อมแต่มั่นใจของพวกเขา และความโดดเด่นที่ฉายแววออกมา” หลังจากที่ได้เจอ อัลดิส ฮอดจ์ อย่างเป็นทางการเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับบทบาทนี้ วัตคินส์กล่าวว่า “เขาฉลาดมาก ซึ่งผมรู้ว่ามันจำเป็นสำหรับบท อเล็กซ์ ครอส แต่ผมก็ต้องการความเปราะบางในตัวเขาด้วย เพราะถ้าอยากให้บทนี้ออกมาสมบูรณ์แบบ อเล็กซ์ ครอส จะต้องไม่เป็นซูเปอร์ฮีโร่”

อัลดิส ฮอดจ์ รับบทนำเป็น อเล็กซ์ ครอส เขารู้สึกสนใจ CROSS เพราะความซับซ้อนของตัวละครและความหลงใหลส่วนตัวในเรื่องราวของคดีอาชญากรรม

“ผมชื่นชอบการไขคดีและหลงใหลในจิตวิทยามาก ผมชอบทำความเข้าใจธรรมชาติของความผิดปกติทางจิตของผู้คน ทำไมพวกเขาถึงทำในสิ่งที่พวกเขาทำ อะไรเป็นแรงจูงใจให้พวกเขาทำแบบนั้น ตอนเราเริ่มทำซีรี่ส์นี้ เราได้ปรึกษากับนักสืบตัวจริงในวอชิงตัน ดี.ซี. สำหรับผม ผมแค่อยากเข้าใจธรรมชาติของพฤติกรรมมนุษย์และรูปแบบต่างๆ ของมัน” อัลดิส ฮอดจ์ ยังตื่นเต้นที่จะได้นำประสบการณ์การเป็นพ่อในชีวิตจริงมาสู่บทบาท อเล็กซ์ ครอส ที่เขาได้รับ “การเป็นพ่อในชีวิตจริงช่วยเสริมสัญชาตญาณความเป็นพ่อของตัวละครได้” ฮอดจ์ อธิบาย “ผมรักการได้เป็นพ่อคนมาก ลูกสาวของผมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต เธออายุ 2 ขวบครึ่ง และคอยควบคุมทุกอย่างในบ้าน ความเปราะบางที่สวยงามของอเล็กซ์ ครอส ที่เราได้เห็นนั้นมาจากการที่เขาเป็นพ่อคน”

เมื่อฮอดจ์ถูกถามว่า หวังว่าผู้ชมจะได้อะไรจากซีรี่ส์นี้ เขาตอบว่า “ผมหวังว่าผู้ชมจะได้รับความบันเทิงและเพลิดเพลินไปกับซีรี่ส์ของเรา นี่เป็นซีรี่ส์ที่สนุกเต็มไปด้วยอารมณ์ต่างๆ และเซ็กซี่ และมีทุกอย่างที่ต้องการ ถ้าคุณอ่านหนังสือมาก่อน ผมหวังว่าคุณจะได้พบกับสิ่งที่รู้สึกเหมือนที่คุณอ่านมาโดยตลอด”

CROSS เป็นซีรี่ส์ระทึกขวัญอาชญากรรมที่บอกเล่าเรื่องราวของอเล็กซ์ ครอส นักสืบคดีฆาตกรรมและนักจิตวิทยานิติเวชที่มีชื่อเสียงในวอชิงตัน ดี.ซี. เขาต้องเผชิญกับฆาตกรต่อเนื่องสุดโหดที่ทิ้งศพไว้ทั่วเมือง ขณะที่อเล็กซ์และคู่หูของเขาจอห์น แซมป์สัน (John Sampson) รับบทโดย ไอเซห์มุสตาฟา (Isaiah Mustafa) กำลังออกไล่ล่าฆาตกรผู้นี้ อดีตอันลึกลับของอเล็กซ์อาจทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของเขา ทั้งครอบครัวและอาชีพการงาน

CROSS ผลิตโดย Amazon MGM Studios,Paramount Television Studios และ SkydanceTelevision สตรีมแล้ววันนี้ทาง Prime Video