สำหรับการแวะมาเที่ยวเมืองไทยของ Ben Grimm เขาเลือกล่องใต้ไปชื่นชมความงามของทะเลสวย หาดทรายขาว และยังเพลินกับหนังตะลุง ที่เชิดเรื่อง The Fantastic Four ให้ได้ดูเป็นพิเศษ บอกเลยว่างานนี้ประทับใจผู้ชายสายอ่อนโยนแบบเขาสุด ๆ
หนังชนโรง : เตรียมพบกับหนังฟอร์มยักษ์ ‘The Fantastic Four : First Steps’ การปรากฏตัวของ ‘Galactus’ มหาเทพผู้หิวกระหาย
วันพุธ ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.
พร้อมหรือยังที่จะพบกับ 4 ฮีโร่ระดับตำนานกับ 4 พลังพิเศษ ในภาพยนตร์ฮีโร่ซูเปอร์พาวเวอร์ฟอร์มยักษ์ “Marvel Studios’ The Fantastic Four: First Steps เดอะแฟนแทสติก 4: จุดเริ่มต้นปฐมบทใหม่”
สมาชิกทั้ง 4 Mr. Fantastic, Invisible Woman, Human Torch, The Thing รวมถึง H.E.R.B.I.E., Silver Surfer และมหาเทพผู้หิวกระหายแห่งจักรวาลอย่าง Galactus โดยเผยให้เห็นความผูกพัน ความรัก ความหวัง ท่ามกลางภารกิจสุดท้าทาย ในโลกสุดล้ำสไตล์ Retro-Fururistic ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจ
“The Fantastic Four: First Steps เดอะแฟนแทสติก 4: จุดเริ่มต้นปฐมบทใหม่” เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปีของ Marvel Studios ที่จะพาทุกคนดำดิ่งสู่โลก Retro-Futuristic ยุค 1960 พร้อมแนะนำ Marvel’s First Family ทั้ง Reed Richards/Mister Fantastic (รับบทโดย Pedro Pascal), Sue Storm/Invisible Woman (รับบทโดย Vanessa Kirby), Johnny Storm/Human Torch (รับบทโดย Joseph Quinn) และ Ben Grimm/The Thing (รับบทโดย Ebon Moss-Bachrach) ที่แต่ละคนต่างมีพลังพิเศษเหนือมนุษย์ และต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อพวกเขาพยายามรักษาสมดุลระหว่างบทบาทซูเปอร์ฮีโร่กับความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นในครอบครัว ขณะเดียวกันยังต้องปกป้องโลกจาก Galactus (รับบทโดย Ralph Ineson) มหาเทพผู้หิวกระหาย จอมวายร้ายแห่งอวกาศ และ Silver Surfer (รับบทโดย Julia Garner) ผู้ส่งสาส์นลึกลับของเขาที่วางแผนจะกลืนกินโลกทั้งใบด้วย
นอกจากสมาชิก Marvel’s First Family แล้ว ยังร่วมแสดงโดย Paul Walter Hauser, John Malkovich, Natasha Lyonne และ Sarah Niles โดยเป็นผลงานการกำกับของ Matt Shakman อำนวยการสร้างโดย Kevin Feige และมี Louis D’Esposito, Grant Curtis และ Tim Lewis เป็นผู้อำนวยการสร้างบริหาร
หนังชนโรง : เบื้องหลังสุดประทับใจ ‘How to Train Your Dragon’ ภาพยนตร์ที่ครองใจแฟนหนังทั่วโลก
วันพุธ ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.
ภาพยนตร์แฟรนไชส์ How to Train Your Dragon จาก ค่ายดรีมเวิร์กส์ แอนิเมชั่น หนังที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือชุดที่ติดอันดับเบสต์เซลเลอร์ของ New York Times ผลงานของเครสซิดา โคเวลล์ สามารถจับหัวใจของคนดูทั่วโลก จนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 4 รางวัล และทำรายได้จากทั่วโลกไปมากกว่า $1.6 พันล้านเหรียญ บัดนี้ ด้วยเทคโนโลยีวิชวลเอฟเฟ็กต์ล้ำสมัย เดอบลัวส์ได้แปลงผลงานแอนิเมชั่นของเขาให้กลายเป็นความน่าตื่นตาจากผลงานที่ใช้คนแสดง เขาได้นำเอาการผจญภัยสุดยิ่งใหญ่ของฮิคคัพและเจ้าเขี้ยวกุดให้ลุกขึ้นมาโลดแล่นมีชีวิต ด้วยความสมจริงระดับที่จะทำให้ทุกคนต้องอ้าปากค้าง
How to Train Your Dragon เขียนบท, อำนวยการสร้าง และกำกับโดย เดอบลัวส์ ผู้อำนวยการสร้างคนอื่นๆ ของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แก่ มาร์ค แพล็ตต์ ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึงสี่ครั้ง (Wicked, La La Land) และผู้ได้รับรางวัลเอ็มมี่ อดัม ซีเกล (Drive, 2 Guns) How To Train Your Dragon เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Filmed For IMAX® ซึ่งจะมอบเทคโนโลยีไอแม็กซ์ให้กับผู้กำกับเพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถส่งมอบประสบการณ์ภาพยนตร์ที่คนดูจะอินไปกับภาพยนตร์ได้มากที่สุด ให้กับคนดูทั่วโลก
ฉายแสงแอด.เวนเจอร์ นำเสนอ ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ “Creation of the Gods II: Demon Force กำเนิดเทพเจ้าตอนมหาศึกเทพยุทธ” โดยทีมผู้สร้างเผยว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเป้าหมายในการนำเสนอความงดงามและมหัศจรรย์ของวัฒนธรรมและเทพปกรณัมจีนสู่ผู้ชมทั่วโลก
หลังจากการประสบความสำเร็จของภาพยนตร์ “Creation of the Gods I: Kingdom of Storms” ในปี 2023 ที่ทำรายได้ 2.64 พันล้านหยวน (ประมาณ 363 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) คิดเป็นเงินไทย 13,068 ล้านบาท ผู้ชมต่างประเทศต่างเรียกร้องให้ภาคต่อฉายพร้อมกับจีน
Creation of the Gods II: Demon Force ได้รับการฉายพร้อมกันในเกือบ 20 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก รวมถึงอเมริกาเหนือ ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2025 ซึ่งตรงกับวันตรุษจีนวันแรก
อู่เอ๋อร์ซาน (Wuershan) ผู้กำกับ กล่าวว่า “เราทำตามคำมั่นสัญญาในการฉายภาพยนตร์ภาค Demon Force นี้ให้พร้อมกันในหลายประเทศ และหวังให้ผู้ชมทั่วโลกได้สัมผัสเสน่ห์ของวัฒนธรรมจีน เพื่อแสดงให้เห็นว่าความงดงามของวัฒนธรรมจีนยังคงทรงพลังและมีชีวิตชีวาในยุคปัจจุบัน เราดึงผู้สืบทอดมรดกวัฒนธรรมมาร่วมออกแบบเครื่องแต่งกาย อาวุธ และฉาก ดังนั้น Creation of the Gods II: Demon Force ไม่เพียงเป็นภาพยนตร์แอ็กชันแฟนตาซีระดับสากลเท่านั้น แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ว่าศิลปะจีนสามารถเชื่อมโยงผู้ชมทั่วโลกเข้ากับรากวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งและน่าทึ่ง”
ในส่วนของเนื้อหาภาพยนตร์ “Demon Force” ซึ่งอิงจากนวนิยายของราชวงศ์หมิง “The Investiture of the Gods”เล่าเรื่องของเจียงจื่อหยา (รับบทโดย หวงป๋อ), จีฟา (รับบทโดย อวี๋ซื่อ)ที่ร่วมมือกับเซียนจากคุนหลุนต่อกรกับกองทัพปีศาจของพระเจ้าหยินโชวผู้นำราชวงศ์ซาง (รับบทโดย เฟยเสียงหรือที่รู้จักกันในชื่อคริสฟิลลิปส์)และเพิ่มตัวละครใหม่อย่าง “เติ้งฉานหยู” แม่ทัพหญิงที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก “ตรีฟูฮ่าว” ขุนพลหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์จีน และ “เวินจง” ราชครูแห่งราชวงศ์ชางที่นักแสดง “อู๋ซิงกั๋ว” ถ่ายทอดผ่านเทคนิคงิ้วจีน
ทีมผู้สร้างใช้เวลานานกว่า 10 ปีในการผลิต พร้อมความร่วมมือจากทีมระดับรางวัลออสการ์โปรดักชันของภาพยนตร์ใช้เวลากว่า 11 ปี โดยมีทีมงานกว่า 11,000 คนจาก 21 ประเทศ ทีมงานขนาดใหญ่นี้ดูแลทุกด้านของภาพยนตร์ ตั้งแต่การแสดง, การแสดงสตันท์, การถ่ายทำ, อุปกรณ์ประกอบฉาก และเอฟเฟกต์พิเศษ ทุกๆ รายละเอียดได้รับการออกแบบและสร้างสรรค์อย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ภาพยนตร์มีความมีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยความน่าตื่นตาตื่นใจ เช่น Barrie M. Osborne (The Lord of the Rings), James Schamus และ Tim Yip (Crouching Tiger, Hidden Dragon) รวมถึง Douglas Hans Smith (Independence Day) ซึ่งมาดูแลวิชวลเอฟเฟกต์หลักของเรื่อง
ตั้งแต่การเปิดตัวหนังสือชุด Alex Cross เล่มแรก เรื่อง Along Came a Spider ในปี 1993 หนังสือชุด Alex Cross ของ เจมส์ แพทเทอร์สันก็ได้ออกวางจำหน่ายต่อเนื่องอีกมากกว่า 30 เรื่องโดยมียอดขายมากกว่า 400 ล้านเล่มทั่วโลก หนังสือขายดีชุดนี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กลายเป็นภาพยนตร์ถึงสามเรื่อง นำแสดงโดย มอร์แกนฟรีแมน (Morgan Freeman) และ ไทเลอร์ เพอร์รี(Tyler Perry) โดยหนังสือเล่มแรกๆ ของหนังสือชุดนี้ถูกตั้งชื่อตามบทกลอนและเพลงกล่อมเด็กที่มีชื่อเสียง (เช่น Jack & Jill, Pop Goes the Weasel,Roses are Red, The Big Bad Wolf, LondonBridges และ Mary, Mary) ตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา ชื่อเรื่องของหนังสือได้ถูกตั้งตามตัวละครหลักของเรื่อง ตลอดเวลา 30 ปีที่ผ่านมานี้เจมส์ แพทเทอร์สัน ได้ตั้งใจนำเสนอเรื่องราวแก่แฟนๆ เพื่อค้นพบตัวตนที่แท้จริงของ อเล็กซ์ ครอส
สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยอ่านหนังสือชุดเรื่องนี้เบน วัตคินส์ โชว์รันเนอร์และผู้อำนวยการสร้างCROSS ซีรี่ส์เรื่องใหม่ของ Prime Video ต้องการเจาะลึกเข้าไปในโลกของนักจิตวิทยานิติเวชและนักสืบในตำนานผู้นี้ให้มากขึ้น