หนังชนโรง : เขย่าวงการบู๊ ‘M Studio’ จับมือ ‘Night Edge Pictures’ ส่งหนังฟอร์มยักษ์ ‘BOY KILLS WORLD’ ชนโรง

SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/entertain/807267

หนังชนโรง : เขย่าวงการบู๊ ‘M Studio’ จับมือ ‘Night Edge Pictures’  ส่งหนังฟอร์มยักษ์ ‘BOY KILLS WORLD’ ชนโรง

หนังชนโรง : เขย่าวงการบู๊ ‘M Studio’ จับมือ ‘Night Edge Pictures’ ส่งหนังฟอร์มยักษ์ ‘BOY KILLS WORLD’ ชนโรง

วันพุธ ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.

สนั่น มันเลือดสาด M Studio ผนึกกำลังทำการตลาดร่วมกับ Night Edge Picturesนำภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ Boy Kills Worldแค้นนี้ที่รอคิวล์ เข้าฉาย 30 พ.ค.นี้ ในโรงภาพยนตร์ทุกสาขาทั่วประเทศ

นับว่าเป็นอีก 1 ปรากฏการณ์ เมื่อค่ายหนัง2 ค่าย นำโดย ณปัณณทัต พรหมสุภา Head of Distribution and Acquisitionเอ็ม สตูดิโอ (M Studio) และ ฮานส์ ออดริกบี.เอสติอัลโบ (Mr.Hans Audric B.Estialbo) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท ไนท์ เอดจ์ พิคเจอร์สคอร์ปอเรชั่น จำกัด (Night Edge Pictures)จับมือร่วมกันทำการตลาดเป็นครั้งแรกในการนำภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด แอ๊กชั่น บู๊ เลือดสาด แห่งปี“BOY KILLS WORLD แค้นนี้ที่รอคิวล์” ของผู้กำกับรุ่นใหม่ไฟแรง มอริตซ์ โมห์ร ร่วมกับโปรดิวเซอร์มือทองอย่าง แซม ไรมี่ (Evil Dead, Don’t Breathe, The Grudge)

นำแสดงโดย ดาราชายดาวรุ่งแห่งยุค “บิลล์ สการ์สการ์ด ( IT 1-2 และ JohnWick 4)” ในบทบาทของ “บอย” หนุ่มสุดเกรียนที่รอคอยจะแก้แค้น ตระกูลสุดวิปลาสแห่งโลกอันเสื่อมทรามอย่าง “แวน เดอร์ คอย”ให้สิ้นโคตรหลังจากครอบครัวของเขาถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม อีกทั้งทำร้ายให้เขาหูหนวก และเป็นใบ้ แต่ด้วยแรงผลักดันจากเสียงในหัวและความชอบในวีดีโอเกมในวัยเด็ก บอยจึงฝึกฝนวิทยายุทธ์กับหมอผีลึกลับที่ชุบเลี้ยงเขาจนเติบใหญ่ เพื่อไปทวงแค้นจากโลกอันแสนโหดเหี้ยมที่พรากทั้งชีวิตเขาไป เตรียมพบกับภาพยนตร์แอ๊กชั่นเลือดสาดแห่งปีที่จะทำให้คุณอะดรีนาลีนสูบฉีดไปกับแรงแค้น เพราะ “เขา” จะปลุกความแค้นในตัวคุณและ ล่าพวกมันตาม “คิวล์” และร่วมด้วยฟัมเกอ ยันส์เซิน (X-Men), ยายาน รูเฮียน(The Raid 2), เจสสิกา รอธ (Happy Dead Day), มิเชล ด็อคเคอรี่ (Non-stop), แอนดรูว์ โคจิ (Bullet Train) และนักแสดงชื่อดังคับคั่งอีกมากมาย

แฟนหนังเตรียมพบกับภาพยนตร์เรื่องแรกของ เอ็ม สตูดิโอ และ ไนท์ เอดจ์พิคเจอร์ส ได้ใน Boy Kills World แค้นนี้ที่รอคิวล์ ที่พร้อมเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ ในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ ซึ่งทั้ง2 ค่ายยังจะมีการร่วมมือกัน ส่งภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด เข้าฉายร่วมกันอีกในอนาคต เช่น “The Crow อีกาพยายม (2024)” ที่จะเข้าฉายในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ทั่วประเทศ

หนังชนโรง : วิวาห์อลวน!! จะเป็นอย่างไรเมื่อแม่เจ้าสาวพบว่าพ่อเจ้าบ่าวคือรักแรกของเธอ

SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/entertain/804637

หนังชนโรง : วิวาห์อลวน!!  จะเป็นอย่างไรเมื่อแม่เจ้าสาวพบว่าพ่อเจ้าบ่าวคือรักแรกของเธอ

หนังชนโรง : วิวาห์อลวน!! จะเป็นอย่างไรเมื่อแม่เจ้าสาวพบว่าพ่อเจ้าบ่าวคือรักแรกของเธอ

วันพุธ ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.

แม่เจ้าสาว (Mother of The Bride) ภาพยนตร์งานวิวาห์อลวนที่ Netflix ยกทัพนักแสดงฮอลลีวูดบุกภูเก็ต เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวสุดว้าวุ่น ณ งานแต่งงานที่จัดขึ้นบนเกาะที่โอบล้อมไปด้วยภูมิทัศน์อันงดงาม เมื่อแม่ของเจ้าสาวพบว่าพ่อของเจ้าบ่าวคือคนรักเก่าของเธอ เรื่องราวชวนหัวของความสัมพันธ์หลายรูปแบบสุดซับซ้อนนี้จึงเกิดขึ้น พร้อมคำถามที่ชวนผู้ชมร่วมขบคิดไปพร้อมๆ กันว่าใครเป็นคนกำหนดรูปแบบของความรัก และ “รักแรก” ควรได้รับโอกาสครั้งที่สองหรือไม่

แม่เจ้าสาว (Mother of The Bride) เป็นผลงานการกำกับของ มาร์ก วอเตอร์ส เจ้าของผลงานภาพยนตร์ที่ยึดหมุดหมายในใจแฟนๆ ทั่วโลกมาแล้วอย่าง มีน เกิร์ลส์ ก๊วนสาวซ่าส์ วีนซะไม่มี (Mean Girls) และ ศุกร์สยอง สองรุ่นสลับร่าง (Freaky Friday) และการกลับมาครั้งนี้กับภาพยนตร์รอมคอมอบอุ่นหัวใจที่ชูความแปลกใหม่ด้วยการเล่าถึงเรื่องราวของความสัมพันธ์ที่ไม่ได้ปักหมุดเอาความรักของวัยหนุ่มสาวเอาไว้เป็นศูนย์กลาง โดยมาร์ก กล่าวว่า “แม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นผลงานในฌองรอมคอม แต่เรายังพยายามขยายขอบเขตของรอมคอมออกไปด้วยความตั้งใจที่จะทำผลงานนี้ให้ออกมาดูสนุกในทุกๆ มิติ ไม่ว่าจะสำหรับผู้ชมที่ชื่นชอบในคอนเทนต์แนวนี้ หรือผู้ชมที่ไม่เคยดูผลงานโรแมนติก คอมเมดี้จาก Netflix มาก่อนด้วย”

 ฉากหลังของ แม่เจ้าสาว (Mother of The Bride) ที่ได้แง้มให้เห็นแล้วในเทรลเลอร์อย่างเป็นทางการ สร้างความตื่นเต้นในหมู่แฟนๆ ชาวไทยที่รอรับชมอยู่ไม่น้อย เพราะ Netflix ได้เฉลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำในประเทศไทย โดยผู้ชมทั่วโลกจะได้เห็นถึงถึงทัศนียภาพที่สวยงามของภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็นแลนด์มาร์กสำคัญอย่างพระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี และเขาตะปู ไปจนถึงสถานที่ที่สำคัญที่สุดของเรื่อง คือโรงแรมที่ใช้ในการจัดงานแต่งงาน ซึ่ง Netflix ได้ยกทัพทีมงานและนักแสดงมาถ่ายทำกันที่อนันตรา ลายัน ภูเก็ต รีสอร์ท และอนันตรา ภูเก็ต วิลล่าส์ ตอกย้ำภาพของภูเก็ตในฐานะศูนย์กลางการถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลก โดยได้นักแสดงหญิงระดับตำนานอย่าง บรุก ชีลส์ นั่งแท่นผู้อำนวยการสร้าง และรับบท “ลาน่า” แม่เจ้าสาวที่เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อรวมงานแต่งของลูกสาวอย่างเอ็มม่า (รับบทโดย มิรันดา คอสโกรฟ) เพื่อที่จะพบว่าพ่อของชายหนุ่มที่คว้าหัวใจของลูกสาวอันเป็นที่รักคือรักแรกที่เคยฝากแผลในใจไว้อย่างไม่ลืม 

“เราได้บินมาถ่ายทำที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำที่สวยงามมาก ฉันรู้ว่าเราต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมเรื่องอากาศที่ร้อนเอามากๆ แต่เราทุกคนรู้สึกโชคดีที่ได้ร่วมถ่ายทำภาพยนตร์ในสถานที่ที่สวยงาม และผู้คนในพื้นที่ก็น่ารักกับพวกเรามากๆ เลยค่ะ ระหว่างถ่ายทำที่ภูเก็ต ฉันและทีมนักแสดงท่านอื่นๆ ได้ใช้ช่วงเวลาในตอนเย็นร่วมกัน กินข้าวด้วยกันทุกวันมาเป็นเวลานาน ทำให้มิตรภาพของพวกเราแน่นแฟ้น เมื่อทำงานพร้อมร่วมมือกันเป็นทีม ให้ทุกคนได้เฉิดฉายในบทบาทของตัวเอง เพราะเราเชื่อว่ายิ่งทุกคนเฉิดฉายมากเท่าไร ผลงานภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะยิ่งออกมาดีมากเท่านั้น” — บรุก ชีลส์ กล่าวถึงความประทับใจระหว่างการถ่ายทำที่ภูเก็ต

นอกจากนี้ ความสนุกในการรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังเป็นเหล่าองค์ประกอบอย่างไทยๆ มากมายที่ใส่เข้ามาอย่างน่ารักน่าชัง ไม่ว่าจะเป็นฉากเต้นรำที่สร้างสรรค์โดยนักออกแบบท่าเต้นชาวไทย ไปจนถึงฮิปฮอปไทยที่ใช้เพลงประกอบฉากเต้นรำ ไปจนถึงการได้เห็นตัวละครพูดภาษาไทยเล็กๆ น้อยๆ แล้วงานแต่งงานบนเกาะภูเก็ตของเอ็มม่าจะสนุกสนานวายป่วงแค่ไหน การกลับมาเจอกันของรักแรกของ “แม่เจ้าสาว” และ “พ่อเจ้าบ่าว” ในวันที่บริบทชีวิตของทั้งคู่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

หนังชนโรง : ‘อี โด-ฮยอน’ บทบาทใหม่ ‘หมอผีบงกิล’ กวาดอันดับ 1 บ็อกซ์ออฟฟิศเกาหลี

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/entertain/794167

หนังชนโรง : ‘อี โด-ฮยอน’ บทบาทใหม่ ‘หมอผีบงกิล’ กวาดอันดับ 1 บ็อกซ์ออฟฟิศเกาหลี

หนังชนโรง : ‘อี โด-ฮยอน’ บทบาทใหม่ ‘หมอผีบงกิล’ กวาดอันดับ 1 บ็อกซ์ออฟฟิศเกาหลี

วันพุธ ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.

EXHUMA ขุดมันขึ้นมาจากหลุม กำกับโดย จาง แจ-ฮยอน (Jang Jae-hyun) ภาพยนตร์ดราม่า ระทึกขวัญ-สยองขวัญ ซึ่งประสบความสําเร็จอย่างน่าทึ่ง ด้วยอันดับ 1 ในบ็อกซ์ออฟฟิศเกาหลี ตั้งแต่เปิดตัวเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน โดยมีผู้ชมสะสมทะลุ 8 ล้านคนในเวลาเพียง 18 วัน ซึ่ง ฉายแสง แอด.เวนเจอร์และ โซนี่ พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (ประเทศไทย) เตรียมส่งภาพยนตร์นี้เข้าฉายในไทย 21 มีนาคม นี้

เรื่องราวของหมอผี ฮวาริม (แสดงโดย คิม โก-อึน Kim Go-eun) และบงกิล (แสดงโดยอี โด-ฮยอน Lee Do-hyun) ที่ทำพิธีขุดสุสาน เมื่อพวกเขาเริ่มการขุด พวกเขาก็ตระหนักว่าพวกเขากําลังเผชิญหน้ากับบางสิ่งที่น่ากลัวและเป็นลางร้ายมากกว่าที่พวกเขาคาดไว้

อี โด-ฮยอน (Lee Do-hyun) (ผลงาน The Good Bad Mother, The Glory) รับบทเป็น บงกิล หมอผีหนุ่มรุ่นใหม่ Generation Zที่มีไหวพริบแบบฮิปสเตอร์ จําเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพอย่างสมบูรณ์ ด้วยรอยสักปกคลุมทั่วร่างกายของเขา

“มันเป็นความท้าทายที่สําคัญสําหรับผมและค่อนข้างน่ากลัวเพราะไม่เคยสัมผัสมันมาก่อน ผมรักมันนะ รูปลักษณ์นั้นมันทำให้ผมรู้สึกตระหนักถึงแง่มุมด้านที่ผมเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน จุดเริ่มต้น จาง แจ-ฮยอน ผู้กํากับบอกกับผมว่า ต้องการให้บงกิลสร้างความประทับใจแรกพบที่ได้เห็นแก่ผู้ชม โดยอยากจะให้ตัวละคร บงกิลใส่วิกผมและมีรอยสัก ผมตกลงทันที ผมคิดว่า เมื่อผมมีโอกาสผมก็จะลองทำสิ่งนั้นดู ฮวาริม กับบงกิล อาจดูค่อนข้างดื้อรั้นและไม่น่าเชื่อถือ แต่ในความเป็นจริง ผมคิดว่า 2 ตัวละครเป็นบุคคลที่มีมนุษยธรรมมากที่สุด ผมตีความและพรรณนา (บงกิล) ว่าเป็นตัวละครที่มีความรับผิดชอบสูง มากกว่าที่จะเป็นคนที่มีแรงจูงใจจากเงินเพียงอย่างเดียว บงกิลยังดูแลฮวาริมในฐานะคนสนิทที่ใกล้ชิด”

การทําพิธีไล่ผีและสัมผัสกับวิญญาณเข้าสิงเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายอย่างมาก ซึ่งอี โด-ฮยอน (Lee Do-hyun) กล่าวเพิ่มเติมว่าเขาศึกษาภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้าของผู้กำกับเรื่อง The Priests (2015) เพื่อใช้ในการอ้างอิง

“ผมพยายามขอคําแนะนําจากผลงานก่อนหน้านี้ของผู้กํากับ ใน The Priests มีฉากที่ พัค โซดัม(Park So-dam) ถูกครอบงํา และผมดูมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อศึกษามัน สําหรับฉากไล่ผีและฉากที่ตัวละครของผมเข้าสิง ผมเตรียมตัวอย่างขยันขันแข็งด้วยความช่วยเหลือจากครูที่ปรึกษาและ คิม โก-อึน ผมยังเผชิญกับความท้าทายด้านการแสดง ด้วยการส่งบทเป็นภาษาญี่ปุ่นและการท่องจําข้อพระคัมภีร์ทางจิตวิญญาณเป็นครั้งแรกทุกฉากของ EXHUMA เป็นความท้าทายที่ยากสําหรับผม แต่ต้องขอบคุณคําแนะนําของผู้กํากับและเพื่อนนักแสดง ทําให้ผมสามารถส่งมอบสิ่งที่ผมเตรียมไว้ได้”

“EXHUMA ขุดมันขึ้นมาจากหลุม”

21 มีนาคม นี้ ในโรงภาพยนตร์

หนังชนโรง : ‘Madame Web’ อีกหนึ่งซูเปอร์ฮีโร่หญิงแห่งจักรวาล ‘มาร์เวล’ ที่เต็มไปด้วยความลึกลับ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/entertain/784004

หนังชนโรง : ‘Madame Web’ อีกหนึ่งซูเปอร์ฮีโร่หญิงแห่งจักรวาล ‘มาร์เวล’ ที่เต็มไปด้วยความลึกลับ

หนังชนโรง : ‘Madame Web’ อีกหนึ่งซูเปอร์ฮีโร่หญิงแห่งจักรวาล ‘มาร์เวล’ ที่เต็มไปด้วยความลึกลับ

วันพุธ ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.

“ณ ขณะเดียวกันในอีกจักรวาลหนึ่ง…” นี่คือประโยคที่แฟนๆ ภาพยนตร์มาร์เวลคงจะคุ้นเคยดี เพราะมันเป็นข้อความที่นำไปสู่การบอกเล่าเรื่องราวตัวละครตัวใหม่ๆ ในอีกจักรวาล ซึ่งดำเนินคู่ขนานไปกับจักรวาลอื่น

อีกไม่นานเกินรอ เตรียมพบกับ “มาดามเว็บ”ภาพยนตร์แอ๊กชั่นสุดระทึกที่บอกเล่าเรื่องราวของซูเปอร์ฮีโร่หญิงที่เต็มไปด้วยความลึกลับน่าค้นหามากที่สุดคนหนึ่งในจักรวาลมาร์เวล

ดาโกตา จอห์นสัน สาวสวยจาก Fifty Shades of Grey รับบท “คาสซานดร้า เว็บ”หน่วยแพทย์ฉุกเฉินแห่งแมนฮัตตันซึ่งมีนิมิตพิเศษมองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า หลังจากผ่านเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นกับเธออย่างไม่ทันตั้งตัว และนั่นนำไปสู่การค้นพบเรื่องราวในอดีตของตัวเธอเอง และคาสซานดร้ายังได้พบกับสามสาว จูเลีย (ซิดนีย์สวีนนีย์ สาวสุดฮอตจาก Anyone But You), อันยา (อิสซาเบลาเมอร์เซด จาก Transformers : The Last Knight) และ แมรี่ (เอ็มม่า โรเบิร์ตส์) เธอค้นพบว่า ตัวเธอนั้นเชื่อมโยงกับทุกคนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ร้ายกว่านั้น คาสซานดร้ายังต้องเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจที่ต้องการปลิดชีวิตเธอและสามสาวด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอจะต้องปกป้องจูเลีย อันยา และแมรี ที่ต่างก็ถูกลิขิตให้กลายเป็นผู้มีพลังพิเศษในอนาคต…และต้องเอาตัวรอดจากจอมวายร้ายที่จะทำทุกอย่างเพื่อพรากชีวิตของพวกเธอทั้งหมด

นำแสดงโดย ดาโกตา จอห์นสัน รับบท คาสซานดร้า เว็บ (มาดามเว็บ), ทาฮาร์ ราอิม รับบท เอเซคีล ซิมส์, ซิดนีย์ สวีนนีย์ รับบท
จูเลีย คาร์เพนเตอร์, เอ็มม่า โรเบิร์ตส์ รับบท แมรี พาร์คเกอร์, อิสซาเบลา เมอร์เซด รับบท อันยา โคราซอน, อดัม สก็อต รับบท เบน พาร์คเกอร์,เซเลสต์ โอคอนนอร์ แมตตี แฟรงกลิน

สัมผัสความมันส์กับ มาดามเว็บ ภาพยนตร์แอ๊กชั่นทริลเลอร์ซูเปอร์ฮีโร่เรื่องใหม่จาก โคลัมเบีย พิคเจอร์ส และ มาร์เวล 14 กุมภาพันธ์ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น

หนังชนโรง : ทุกรายละเอียดเป็นเรื่องสำคัญ ใน ‘DEATH AND OTHER DETAILS’

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/entertain/781099

หนังชนโรง : ทุกรายละเอียดเป็นเรื่องสำคัญ  ใน ‘DEATH AND OTHER DETAILS’

หนังชนโรง : ทุกรายละเอียดเป็นเรื่องสำคัญ ใน ‘DEATH AND OTHER DETAILS’

วันพุธ ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.

Disney+ Hotstar ปล่อยเทรลเลอร์ของ Death and Other Details ซีรี่ส์ออริจินัลฆาตกรรมสุดลึกลับ นำแสดงโดย Violett Beane และ Mandy Patinkin โดยซีรี่ส์ความยาวทั้งหมด 10 ตอน

Death and Other Details บอกเล่าเรื่องราวของชีวิตคนชั้นสูงระดับโลก โดยมี Imogene Scott (Violett Beane) ที่ชาญฉลาด ที่มักจะอยู่ผิดที่ผิดเวลาอยู่เป็นประจำ (จริงๆ มันก็เป็นความผิดของเธอนิดๆ) ซึ่งเธอเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมในห้องปิดสุดลึกลับ โดยสถานที่เกิดเหตุก็คือเรือสำราญสุดหรูในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และทุกคนบนเรือ ทั้งแขก และพนักงาน ก็เป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกรเช่นเดียวกัน Imogene ต้องจับมือกับชายหนุ่มที่เธอไม่ค่อยจะชอบหน้ามากนักอย่าง Rufus (Mandy Patinkin) นักสืบมือฉมังชื่อก้องโลก เพื่อพิสูจน์ว่าเธอเป็นผู้บริสุทธิ์ 

นำแสดงโดย Starring Violett Beane, Mandy Patinkin, Lauren Patten, Rahul Kohli, Angela Zhou, Hugo Diego Garcia, Pardis Saremi และ Linda Emond ผลิตโดย ABC Signature เขียนบทและอำนวยการสร้างโดย Mike Weiss และ Heidi Cole McAdams นอกจากนี้ยังได้ Marc Webb มาร่วมกำกับอีพีแรกอีกด้วย พร้อมทั้งยังนั่งแท่นอำนวยการสร้าง ร่วมกับ Mark Martin และ David Petrarca  

ซีรี่ส์ออริจินัล Death and Other Details เริ่มสตรีม 17 มกราคมนี้ บน Disney+ Hotstar

หนังชนโรง : ‘SILENT NIGHT ยิ่งแมร่งให้เหี้ยน’ ขึ้นแท่นหนังบู๊ท็อปฟอร์มส่งท้ายปี

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/entertain/777450

หนังชนโรง : ‘SILENT NIGHT ยิ่งแมร่งให้เหี้ยน’  ขึ้นแท่นหนังบู๊ท็อปฟอร์มส่งท้ายปี

หนังชนโรง : ‘SILENT NIGHT ยิ่งแมร่งให้เหี้ยน’ ขึ้นแท่นหนังบู๊ท็อปฟอร์มส่งท้ายปี

วันพุธ ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2566, 06.00 น.

นับถอยหลังการล้างแค้นที่จะทำให้คุณแทบหยุดหายใจในภาพยนตร์แอ๊กชั่นส่งท้ายปี SILENT NIGHT ยิ่งแมร่งให้เหี้ยน จากทีมผู้สร้าง “John Wick” (จอห์น วิค) ซึ่ง ฉายแสง แอด.เวนเจอร์, แบล็ค ดรากอน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์,ครีเอทีฟ โมชั่น และ นูน มูน คว้าสิทธิ์ฉายและร่วมจัดจำหน่ายในไทย

SILENT NIGHT ยิ่งแมร่งให้เหี้ยนภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่องแรกในรอบ 20 ปี ของ John Woo (จอห์น วู) ผู้กำกับชื่อดัง โดยก่อนหน้านี้เจ้าตัวมีผลงานในฮอลลีวู้ด 6 เรื่อง Hard Target (1993), Broken Arrow (1996), Face/Off (1997), Mission : Impossible 2 (2000), Windtalkers (2002) และ Paycheck (2003)

แม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์มากมายในภาพยนตร์แนวแอ๊กชั่น แต่จอห์น วู ก็ยังคงรู้สึกว่าจำเป็นต้องสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ด้วยการย้อนกลับไปสู่แนวทางที่เขาเชี่ยวชาญเมื่อนานมาแล้ว“โดยพื้นฐานแล้ว ภาพยนตร์แอ๊กชั่นค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะ มันน่าตื่นเต้น มันมีสไตล์ แต่ผมพยายามสร้างสิ่งที่แตกต่างออกไปโดยทำให้มีกลิ่นอายของการต่อสู้บนท้องถนนมากขึ้น ผู้ชมสามารถสัมผัสได้ถึงหมัด พลัง และความโกรธเกรี้ยว ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่มีคำพูด ดังนั้นสิ่งเดียวที่เราต้องการคือภาพที่ชัดเจนในการบอกเล่าเรื่องราว นอกจากการต่อสู้แล้ว เรายังพยายามใช้เสียง ความรุนแรงของหมัดในการชกต่อย แม้กระทั่งรถที่ชนกันทั้งหมดนี้กลายเป็นภาษารูปแบบใหม่” วู กล่าว

SILENT NIGHT ถ่ายทำในเม็กซิโกและพื้นที่บางส่วนใน Estado de México ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน 2022 ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจสำหรับ จอห์น วู “ผมรักเม็กซิโกพูดตามตรง ผมพบว่าผู้คนที่นี่เป็นมืออาชีพมากผู้คนที่นี่สุภาพอ่อนน้อมและน่ารักมาก มันทำให้ผมประหลาดใจจริงๆ เมื่อเรามาที่นี่และทำงานร่วมกับทีมท้องถิ่น พวกเขามีความจริงใจและให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนกัน ผมไม่พบความแตกต่างในการทำงานในฮอลลีวู้ดและเม็กซิโกเลย พวกเขาทำงานคล้ายกันมากแต่แค่พูดภาษาอื่น ผมมีช่วงเวลาที่ดีในเม็กซิโกและรู้สึกประทับใจจริงๆ อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากหัวหน้าทีมฝ่ายต่างๆต้องมีการพูดคุยประสานกันอย่างเข้มข้น ซึ่งรวมถึงการออกแบบการผลิต การออกแบบเครื่องแต่งกาย และแม้แต่การออกแบบการแต่งหน้า แผนกสำคัญต่างๆ เหล่านี้เป็นหัวใจสำคัญขององค์ประกอบที่สร้างสรรค์ของภาพยนตร์เรื่องนี้”

“SILENT NIGHT ยิ่งแมร่งให้เหี้ยน”

28 ธันวาคม นี้ในโรงภาพยนตร์

หนังชนโรง : ‘เพื่อน(ไม่)สนิท’ หนังที่จะทำให้คุณคิดถึงเพื่อน อย่างสนิทใจ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/entertain/764831

หนังชนโรง : ‘เพื่อน(ไม่)สนิท’ หนังที่จะทำให้คุณคิดถึงเพื่อน อย่างสนิทใจ

หนังชนโรง : ‘เพื่อน(ไม่)สนิท’ หนังที่จะทำให้คุณคิดถึงเพื่อน อย่างสนิทใจ

วันพุธ ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2566, 06.00 น.

GDH ร่วมกับ HOUSETON ภูมิใจเสนอภาพยนตร์ ‘เพื่อน(ไม่)สนิท’ หนังที่จะทำให้คุณคิดถึงเพื่อน ผลงานของ 2 โปรดิวเซอร์มากฝีมือ วัน วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์, บาส นัฐวุฒิ พูนพิริยะ จาก ‘ฉลาดเกมส์โกง’ กำกับโดย ผู้กำกับน้องใหม่ไฟแรง อัตต้า อัตตา เหมวดี  นำแสดงโดย โทนี่ อันโทนี่ บุยเซอเรท์, จั๊มพ์ พิสิฐพล เอกพงศ์พิสิฐ, ใบปอ ธิติยา จิระพรศิลป์, ฟลุ๊ค ธนกร ติยานนท์ และ ฟ้อนด์ ณัฐทิชา จันทรวารีเลขา

คุณเคยมีเพื่อน(ไม่)สนิท ที่ยังติดอยู่ในความทรงจำมั้ย?

เมื่อ ‘เป้’ (โทนี่ อันโทนี่) เด็กม.6 ที่กำลังถูกพ่อกดดันในการสอบเข้ามหา’ลัย ได้รู้ข่าวการรับนักศึกษาเข้าเรียนโดยการทำหนังสั้นส่งประกวด เขาจึงเกิดไอเดียในการนำเรื่องของ ‘โจ’ (จั๊มพ์ พิสิฐพล)เพื่อน(ไม่)สนิทที่นั่งโต๊ะติดกัน แต่ดันโชคร้ายเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ มาทำเป็นหนังสั้นด้วยความเชื่อที่ว่า “ทำหนังเกี่ยวกับคนที่จากไป ยังไงแม่งก็ซึ้ง” แต่เรื่องก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะเป้ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการทำหนังเลยแม้แต่น้อย! แถมยังเจอขวากหนามในคราบมนุษย์อย่าง ‘โบเก้’ (ใบปอ ธิติยา) เพื่อนสนิทตัวจริงของโจ ที่โชว์สปิริตเสนอตัว ขอมาช่วยทำหนังสั้นเรื่องนี้แบบที่เป้ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธมันยังไงดี ภารกิจวายป่วงในการทำหนังสั้นที่มีอนาคตของเป้เป็นเดิมพันจึงเริ่มต้นขึ้น โดยได้รับความช่วยเหลือจากคณะเด็กเนิร์ดหนังประจำห้องโสต ท่ามกลางการรับรู้ของคนทั้งโรงเรียนและแรงกดดันจากครอบครัวโจ ที่เฝ้ารอชมผลงานหนังสั้นสุดประทับใจของคนที่จากไป  แต่ในเวลาเดียวกัน การถ่ายหนังสั้นให้เพื่อนไม่สนิทของเป้ครั้งนี้กลับทำให้เขาได้ค้นพบ ‘ความลับ’ อะไรบางอย่างที่โจซ่อนไว้ ซึ่งอาจจะกระทบต่อความทรงจำ และก้อนความสัมพันธ์ที่อยู่ในใจ ซึ่งพวกเขาเคยมีให้เพื่อนคนสำคัญคนนี้ไปตลอดกาล

โทนี่ อันโทนี่ บุยเซอเรท์ รับบท ‘เป้’  เด็กหนุ่มผู้เรียนห่วย กิจกรรมไม่เอา เพื่อนไม่มี เขาคือ LOSER ที่คิดว่าตัวเองแจ๋ว แต่แล้วเขาจำต้องมารับหน้าที่ผู้กำกับหนังสั้น ที่ต้องทำให้เพื่อนทั้งแก๊งยอมรับให้ได้

จั๊มพ์ พิสิฐพล เอกพงศ์พิสิฐ  รับบท ‘โจ’  เด็กหนุ่มผมสกินเฮด เป็นคนธรรมดาๆ ที่ไม่โดดเด่น แต่มีความฝันว้าวซ่ามากมายในเช็คลิสต์ โจเป็นคนอัธยาศัยดีและเอาใจใส่เพื่อนๆ แม้บางทีจะถูกลืมไปบ้างก็ตาม

ใบปอ ธิติยา จิระพรศิลป์ รับบท ‘โบเก้’ เด็กสาวผู้รักการถ่ายคลิป เพราะมีแม่เป็นตากล้องถ่ายหนัง ขณะที่เด็กวัยเดียวกันเริ่มอินเรื่องแฟน แต่โบเก้ยังไม่ยอมมูฟออนไปจากเรื่องเพื่อน เพราะความรู้สึกบางอย่างมันยังค้างคาในใจ

ฟลุ๊ค ธนกร ติยานนท์ รับบท ‘ปิง’ หัวหน้าห้องโสด  แต่ไม่เคยมีผลงานเด่น ใฝ่ฝันอยากเข้าคณะภาพยนตร์ลาดกระบัง ชาติหน้าอยากเกิดเป็นลูกชาย คริสโตเฟอร์ โนแลน

ฟ้อนด์ ณัฐทิชา จันทรวารีเลขา รับบท ‘หลิว’ เด็กสาวหน้าตาดี แต่ไม่ทำตัวเด่น ที่เพิ่งมาป๊อบก่อนเรียนจบ เพราะเล่นมุกโชว์ความสามารถถักเปียบนเวทีประกวดนางนพมาศ ทุกคนจึงเห็นว่าเธอมีมุมฮา

“เพื่อน(ไม่)สนิท”

26 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

หนังชนโรง : ชวนมาขำกับ ‘Disney’s Haunted Mansion’ ภารกิจปราบผี กับเทคนิค CG สุดลำ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/entertain/747317

หนังชนโรง : ชวนมาขำกับ ‘Disney’s Haunted Mansion’  ภารกิจปราบผี กับเทคนิค CG สุดลำ

หนังชนโรง : ชวนมาขำกับ ‘Disney’s Haunted Mansion’ ภารกิจปราบผี กับเทคนิค CG สุดลำ

วันพุธ ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2566, 06.00 น.

ภาพยนตร์ไลฟ์แอ๊กชั่นฟอร์มยักษ์ Disney’s Haunted Mansion บ้านชวนเฮี้ยนผีชวนฮา เรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งและลูกชายของเธอที่ระดมทีมงาน “ผู้เชี่ยวชาญด้านวิญญาณ” มาช่วยกันกำจัด “ผู้บุกรุกเหนือธรรมชาติ” ในบ้านของพวกเขา โดยผู้ชมต่างลงความเห็นว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นผลงาน Horror Comedy คุณภาพแห่งปีอีกเรื่องหนึ่ง

นักวิจารณ์และผู้ชมต่างลงความเห็นตรงกันว่า Disney’s Haunted Mansion บ้านชวนเฮี้ยนผีชวนฮา ในปี 2023 ยิ่งใหญ่และเข้มข้นขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก ทั้งเรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละครที่เข้มข้น ความตลกและมุกที่แทรกอยู่ในทุกอณูของภาพยนตร์ รวมทั้งความกลมกล่อมของแอ๊กชั่นสุดพลิ้ว ทำให้เหล่าแฟนดิสนีย์และดิสนีย์แลนด์ต่างประทับใจ หัวเราะแบบขนหัวลุกตลอดทั้งเรื่อง เสมือนได้เดินอยู่ท่ามกลางเครื่องเล่นHaunted Mansion ในสวนสนุกเลยทีเดียว

นอกจากเนื้อเรื่องที่เข้มข้มครบรสแบบจัดเต็มแล้ว นักวิจารณ์และสื่อมวลชนยังชื่นชม การลำดับภาพ เทคนิคภาพและการใช้ CG ในภาพยนตร์ รวมไปถึงดนตรีประกอบที่ทำให้ภาพยนตร์ Disney’s Haunted Mansionบ้านชวนเฮี้ยน ผีชวนฮา สนุกสนานเร้าใจมากยิ่งขึ้น ด้วยลายเส้นการกำกับจากผู้กำกับมือทอง จัสตินซิเมียน (Justin Simien) และทีมสร้างที่เป็นทีมเดียวกับ Disney’s Pirates of the Caribbean และ Disney’s Jungle Cruise ผจญภัยล่องป่ามหัศจรรย์ ไม่เคยทำให้แฟนๆ ผิดหวัง

อีกไฮไลท์สำคัญที่ทำให้ทุกคนให้คะแนนกับภาพยนตร์ Disney’s HauntedMansion บ้านชวนเฮี้ยน ผีชวนฮา ยกให้กับฝีมือการแสดงระดับตำนานของนักแสดงทุกคนที่นำโดย โรซาริโอ ดอว์สัน (Rosario Dawson),โอเวน วิลสัน (Owen Wilson), ลาคีธสแตนฟิลด์ (Lakeith Stanfield), ทิฟฟานี แฮดดิช (Tiffany Haddish) และ เจมี ลี เคอร์ติส(Jamie Lee Curtis) ที่รวมแก๊งกันล่าท้าวิญญาณสุดเฮี้ยนได้ฮากระจาย พร้อมด้วยเหล่านักแสดงสมทบและผีในเรื่องทำให้ภาพยนตร์ยิ่งสนุกและได้อรรถรสในการรับชมบนจอขนาดยักษ์มากยิ่งขึ้น

หนังชนโรง : ‘ONE PIECE’ ฉบับคนแสดง พร้อมจดหมายส่วนตัวจากผู้สร้าง ‘เออิจิโระ โอดะ’

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/entertain/746020

หนังชนโรง : ‘ONE PIECE’ ฉบับคนแสดง พร้อมจดหมายส่วนตัวจากผู้สร้าง ‘เออิจิโระ โอดะ’

หนังชนโรง : ‘ONE PIECE’ ฉบับคนแสดง พร้อมจดหมายส่วนตัวจากผู้สร้าง ‘เออิจิโระ โอดะ’

วันพุธ ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2566, 06.00 น.

ตำนานการผจญภัยใต้ทะเลลึกของซีรี่ส์ ONE PIECE นำแสดงโดย อินยากี โกดอย (รับบท มังกี้ ดี.ลูฟี่) แม็คเคนยู (รับบท โรโรโนอาโซโล) เอมิลี รัดด์ (รับบท นามิ) เจค็อป โรเมโรกิปสัน (รับบท อุซป) ทาซ สกายเลอร์ (รับบทซันจิ) โดยเหล่าโจรสลัดพร้อมออกเดินเรือให้แฟนๆ ได้รับชมในวันที่ 31 สิงหาคมทาง Netflix

ซีรี่ส์เรื่องนี้สร้างจากมังงะที่มียอดขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นโดยคุณเออิจิโระ โอดะ ONE PIECE เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการผจญภัยในทะเลลึกระดับตำนานที่ไม่เหมือนใคร มังกี้ ดี.ลูฟี่ เป็นนักผจญภัยหนุ่มผู้โหยหาชีวิตอิสระตั้งแต่จำความได้ ลูฟี่ ออกเดินทางจากหมู่บ้านเล็กๆ ของเขา ผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยอันตรายเพื่อค้นหาสมบัติในตำนานอย่าง ONE PIECE เพื่อขึ้นเป็นราชาแห่งโจรสลัด แต่การที่จะค้นหาสมบัติล้ำค่าครั้งนี้ได้ลูฟี่จะต้องรวบรวมลูกเรือก่อนที่จะหาเรือเพื่อจะแล่นไปค้นหาทั่วทุกตารางนิ้วของท้องทะเลสีครามอันกว้างใหญ่ แซงหน้านาวิกโยธินและเอาชนะคู่แข่งที่อันตรายในทุกๆ ทาง

อาจารย์โอดะ ได้แชร์ความคิดเห็นเกี่ยวกับการดัดแปลงเรื่องราวจากมังงะสู่ซีรี่ส์ฉบับคนแสดงทั้งขั้นตอนการผลิต ตลอดจนนักแสดงและทีมงาน โดยอาจารย์โอดะได้กล่าวว่า“ทีเซอร์และตัวอย่างซีรี่ส์ปล่อยออกมาแล้ว พร้อมกำหนดวันออกฉาย 31 สิงหาคมนี้ บอกได้เลยว่างานนี้จัดเต็มไม่มียั้ง! พวกเราทุ่มเทแรงกายแรงใจกันสุดๆ ทั้งจากทีมนักแสดง ทีมที่รังสรรค์โลกของวันพีซ เสื้อผ้าหน้าผม ให้ออกมาเป็นผลงานที่ทำได้ในฉบับคนแสดงจริงเท่านั้น อีกทั้งบทพูดและตลอดกระบวนการทุกขั้นตอนจากการทำงานร่วมกันของทีม นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องดีๆ ที่น่าฉลองด้วยเช่นกัน” พร้อมเสริมว่า“ผู้สร้างและทีมงานมีความเป็นมือโปรในการทำผลงานฉบับคนแสดงจริง แถมยังเป็นติ่งขั้นสุดของ ONE PIECE ด้วย ผมรักทีมผู้สร้างและนักแสดงมากครับ อยากให้ทุกคนได้รับคำชื่นชมอย่างที่พวกเขาสมควรจะได้รับจากผู้ชมทั่วโลกกันเร็วๆ”

หนังชนโรง : คุยกับ‘โขม-ก้องเกียรติ โขมศิริ’10 ปี ของจักรวาลขุนพันธ์

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/entertain/711089

หนังชนโรง : คุยกับ‘โขม-ก้องเกียรติ โขมศิริ’10 ปี ของจักรวาลขุนพันธ์

หนังชนโรง : คุยกับ‘โขม-ก้องเกียรติ โขมศิริ’10 ปี ของจักรวาลขุนพันธ์

วันพุธ ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 06.00 น.

✰ย้อนไปที่จุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจตั้งแต่แรกเริ่มโปรเจกท์ ขุนพันธ์ มีความเป็นมาอย่างไร

โปรเจกท์นี้มันถูกเริ่มต้นมาแล้ว 10 ปี สำหรับ ขุนพันธ์ 3 คือครบรอบ 10 ปี ที่วางแผนกันมา ซึ่งจุดเริ่มต้นในตอนนั้นจะมีข่าวเรื่องนายตำรวจจอมขมังเวทย์ที่โด่งดังจากจตุคามรามเทพ เพียงแต่ที่เราสนใจไม่ใช่ในส่วนของเครื่องรางของขลังแต่เป็นในส่วนสตอรี่ของตัวท่านขุนพันธ์เองที่อยู่ในใจมาตลอด เท่มากๆ เป็นเรื่องของตำรวจคนหนึ่ง ภาพแรกที่เราเห็นคือมีดาบสะพายหลัง นุ่งผ้าหยักรั้ง เป็นเหมือนโจงกระเบน ใส่เสื้อราชประแตน และอยู่บนหลังช้าง ไล่ล่าจับโจร แล้วโจรวิ่งเข้าไปในป่า ก็เสกคาถาเพี้ยง แล้วหายไปในป่า ท่านขุนก็หยิบใบไม้มา พ่นคาถาลงไปที่ปืนแล้วยิงออกไปในอากาศ ลูกกระสุนมันก็เปิดป่า แหวกอากาศ ทำให้โจรที่หายตัวปรากฏตัวขึ้น ท่านขุนก็กระโดดตู้ม มันมีความไทยๆ มีความเอ็กซ์โซติก และการพูดเรื่องมิติของการเมือง ความเชื่อ ศรัทธา และความเป็นมนุษย์ เรารู้สึกว่าเรื่องราวของขุนพันธ์มีครบให้เราเปิดประเด็นเล่นได้

✰ความตั้งใจตั้งแต่แรกเริ่มคือทำหนังแอ๊กชั่นที่มีเรื่องราวของท่านขุนพันธ์เป็นแรงบันดาลใจ

ครับ แต่ถ้าถามว่าเราได้หยิบตัวตนของท่านขุนพันธ์มาทำแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม ไม่ใช่ครับ ผมให้สัมภาษณ์มาเสมอว่ามันไม่ใช่หนังชีวประวัติ ก็เลยขออนุญาตกับที่บ้านท่านตรงๆ ว่าเราไม่ได้ทำหนังชีวประวัตินะ เราทำหนังซูเปอร์ฮีโร่ไทยๆ ซึ่งมาจากการได้พูดคุยกับทางคุณสมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ตอนนั้นที่คุยกันเขาบอกว่าทำไมมันไม่มี James Bond 007แบบไทยๆ คือตัวละครที่มีมิชชั่นบางอย่างที่สามารถทำเป็นซีรี่ส์ต่อไปได้เรื่อยๆ โดยภายภาคหน้าต่อไปเราอาจจะเปลี่ยนตัวขุนพันธ์ก็ได้ ผู้กำกับคนอื่นอาจจะมาทำ ขุนพันธ์ ก็ได้มันเหมือนเป็นการเซตอัพอะไรบางอย่าง เรารู้สึกว่ามันเป็น value แบบที่หนังไทยควรจะมี รู้สึกเป็นเกียรติและท้าทายที่เราจะทำอย่างนี้ได้ในวงการหนังไทย สมมุติ 007 มีอาวุธไฮเทคขุนพันธ์ก็มีไสยศาสตร์แปลกๆ ใหม่ๆ บวกกับการเผชิญหน้าศัตรูที่มีวิชาอาคมแปลกๆ เราก็จะได้เห็นอาวุธใหม่ๆ ของขุนพันธ์ที่ในแต่ละภาคมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และที่ขุนพันธ์ ทำมาตลอด คือมันสะท้อนสภาพบริบททางการเมือง ทางความเชื่อของผู้คน ความศรัทธาที่มันก็ถูกท้าทาย ซึ่งอันนี้ก็ตรงกับตัวจริงตัวละครขุนพันธ์คือศรัทธาในหน้าที่

✰เพราะอะไรที่ทำให้หนัง ขุนพันธ์ เดินทางมาได้ไกลขนาดนี้ในช่วงเวลา 10 ปี

โปรเจกท์นี้เดินทางมาไกลถึง 10 ปี เราไม่ได้คาดหวัง แต่เราวางแผนไว้ ผมเคยพูดกับทุกคน กับทีมงาน กับทางสตูดิโอว่า ของบางอย่าง
มันต้องใช้เวลาทำ 10 ปี ผมยังยืนยันว่าขุนพันธ์ เป็นโปรเจกท์ที่ต้องให้เครดิตกับทีมงาน จนกระทั่งถึง ขุนพันธ์ 3 ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นคือมันเกิดการเรียกรวมตัวทีมงานที่ทำกันมาตั้งแต่ภาคแรก มันเกิดความผูกพันในแง่ของการทำงาน หรือแม้กระทั่งน้องทีมงานใหม่ๆ หลายคนก็สมัครใจที่จะเข้ามา เพราะอยากเข้ามาอยู่ในจักรวาลขุนพันธ์ หลายๆ คนกระตือรือร้นที่จะทำ แต่แน่นอนอุปสรรคมันเยอะมากตั้งแต่ภาคแรกมาแล้ว แต่มันเป็นความเหนื่อย ความยากที่เราเลือกที่เราพอใจ ซึ่งเราประเมินแล้วว่าผลลัพธ์มันจะคุ้มค่ากับความเหนื่อยที่เราทำไป มันจึงเป็นภารกิจที่มีความสุข

✰สำหรับ ขุนพันธ์ 3 แล้ว ส่วนตัวผู้กำกับเองอยากให้หนังออกมาเป็นอย่างไร

จริงๆ เราพยายามโตขึ้นแต่เราจะน้อยลง เราจะคมขึ้นชัดเจนขึ้น ความผิดพลาดในแต่ละภาคเราก็เอามาเรียนรู้ ปรับปรุง ในแง่ของภาพคือ ขุนพันธ์ มันถูกฟิกซ์ไว้ด้วยยุคสมัย เนื่องจากมันเป็นหนังพีเรียด ภาค 1 แฟชั่น เสื้อผ้าหน้าผมแม้กระทั่งหนวดเขี้ยวของขุนพันธ์ ก็จะย้อนกลับไปก่อนสงครามโลกจะเกิด เข้าสู่ภาค 2 เปิดเรื่องมาคือญี่ปุ่นแพ้สงคราม หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ข้าวยากหมากแพง คนก็กลายเป็นโจร เกิดเสือร้ายขึ้นทั่วประเทศ ขุนพันธ์ต้องออกมาปราบปราม พอมาถึงภาค 3 สงครามเลิกไปแล้ว 4-5 ปี ประมาณปี 2493 ถึง 2495 ช่วงนั้นสถานการณ์ทั้งโลกเข้าสู่ยุคสงครามเย็น คือยุคสงครามข้อมูล สงครามสายลับ เกิดวิกฤตทางการเมือง ความจนยังอยู่ เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคมอย่างสูง คนรวย ข้าราชการ คฤหบดีมีอำนาจ โจรยังคงอยู่ บ้านเมืองเข้าสู่ความทันสมัยขึ้น สี มู้ด โทน ความเป็นหนังแบบสงครามเย็น มันจะมีความรู้สึกของหนังสายลับขึ้นมามากขึ้น ตัวขุนพันธ์เองเขาก็มีพัฒนาการขึ้นมาเรื่อยๆ แม้กระทั่งวัยวุฒิ แล้วก็เกิดการตั้งคำถามกลับไป ขุนพันธ์เริ่มพิพากษาตัวเองแล้วว่า ตกลงสิ่งที่ฉันทำลงไปมันคืออะไร หรือเราควรหยุดเสียที มันมีปีศาจในตัวเองที่มันน่ากลัวกว่าหรือเปล่า นี่คือความท้าทายในภาค 3มันคือปัญหาใหญ่ และเริ่มไกลตัวขุนพันธ์มากขึ้นๆ และเขาเองก็เริ่มค้นพบแล้วว่าตัวเองอาจจะไม่ใช่คำตอบของความดีงามหรือแม้กระทั่งคำว่าศรัทธาอีกต่อไป ความดีหรือศรัทธามันอยู่ที่ไหน หนังมันก็จะโยนพลังนี้กลับไปที่ประชาชนว่าเราจะฝากความหวังไว้ที่ซูเปอร์ฮีโร่คนเดียวหรือเปล่า ในภาค 3 มันเป็นประเด็นที่โตขึ้นผ่านวุฒิภาวะมามากขึ้น สงบนิ่งมากขึ้นตรงประเด็นมากขึ้น แต่บู๊กันหนักเหมือนเดิม เดือดเหมือนเดิม

✰สองเสือที่ขุนพันธ์เผชิญหน้าในภาคนี้ ทำไมต้องเป็นเสือมเหศวรกับเสือดำ

โดยรูทของหนังมันมีการวางแผนเอาไว้ทั้งหมดนับแต่เริ่มต้นแล้วว่า ขุนพันธ์จะต้องเผชิญกับสี่เสือภาคกลางในตำนาน จริงๆ แล้วมีห้าคน อัลฮาวียะลูเป็นคนแรก เขาคือโจรใต้ และสี่เสือภาคกลางก็จะมีเสือฝ้าย เสือใบ ซึ่งเราพูดถึงไปแล้ว ก็จะเหลือเสือมเหศวรกับเสือดำ เป็นการปิดท้ายไตรภาค ใครกันจะถูกพิพากษา พวกเสือ หรือว่าขุนพันธ์ ซึ่งจริงๆ มันมีตำนานมากมายเกี่ยวกับเสือเหล่านี้ มีเรื่องเล่า แต่เราไม่ได้ทำหนังชีวประวัติของเสือเหล่านี้ มันมีรากของความจริงอยู่ เราก็เอามาเป็นตัวละคร ทีนี้โดยคาแร็กเตอร์ แต่ละคนก็จะต่างกันไป อาคมที่เขาใช้ก็จะเป็นไปตามคาแร็กเตอร์ของแต่ละคน เนื่องจากขุนพันธ์จะต้องเจอกับศัตรูที่เก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ เป็นความท้าทายที่ตัวละครจะต้องเจอ

✰ทำไมถึงเลือกมาริโอ้มารับบทนี้ รวมถึงการร่วมงานกันในหนังเรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง

โอ้เขาจะมีลักษณะแบบจารชนสองหน้า มีสองบุคลิก บุคลิกหนึ่งคือเฟรนด์ลี่ น่ารักมาก ดูเหมือนไม่มีพิษมีภัย ในขณะเดียวกันก็มีความกะล่อนบางอย่างที่มันพลิ้วไหว มันเหมือนเราเห็นตัวละครในหนัง Ocean’s 11 ตัวละครแบบนี้เป็นตัวละครนักปล้นที่ฉลาดมาก เก่งมาก มาริโอ้ดูเป็นคนฉลาด มีเคมีในตัว แล้วมาริโอ้กับผมก็สนิทสนมกันดี ทำงานด้วยกันมาแล้วหลายเรื่อง โอ้ก็จะบอกทำงานกับพี่โขมเหนื่อยทุกเรื่อง ไม่เคยให้เล่นอะไรธรรมดาๆ บ้างเลย แต่ก็เป็นความสนุกสนาน ถ้าเราคุยกันเมื่อไหร่ โอ้ก็จะมีการบ้านสไตล์โอ้ ให้โอ้ลองแบบนี้ไหม ซึ่งเราจะชอบให้โอ้เล่นในแบบที่โอ้คิดว่ามันได้เหรอพี่ โอ้ก็สู้อยู่แล้วเต็มที่ ข้อดีก็คือมาริโอ้ไม่งอแง มีความเป็นมืออาชีพ คือเรื่องนี้มันรวมนักแสดงมืออาชีพทุกคน

✰ในเรื่องนี้จะได้เห็นมาริโอ้เล่นแอ๊กชั่นแบบเต็มรูปแบบ ทั้งยิงปีน วิ่งฝ่าดงกระสุน ฝ่าดงระเบิด โหนสลิง

หนังแอ๊กชั่นมันเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีฉากเสี่ยงอันตราย เรามีการเตรียมนักแสดงดับเบิลไว้ให้ แต่ส่วนใหญ่โอ้จะบอกว่าขอเล่นเอง อย่างฉากที่เขาจะต้องโดดลงมาจากหอคอยสูงประมาณ 5-6 เมตร โหนสลิงลงมา ขณะเดียวกันก็ยิงสู้กับคนข้างล่าง แล้วบนหอคอยก็ถูกยิงถล่มระเบิดตู้มเป็นแบ๊กกราวด์ ทางภาพมันต้องพอดี ระเบิดจะลูกเล็กไปก็ไม่ได้ ต้องเป็นลูกไฟที่มันใหญ่พอสมควร ก็ซ้อมกันอย่างดี โอ้เล่นเองเลย หรือแม้กระทั่งฉากที่ต้องวิ่งไปบนพื้นที่มีระเบิด มีอยู่ทีหนึ่งวิ่งๆ อยู่ตู้ม เราเห็นในมอนิเตอร์คือหน้าโอ้สะบัดไป ระเบิดมันไม่ได้โดน แต่แรงอัดมันไปอัดหินเม็ดเล็กๆ ที่พื้นขึ้นมากระแทกหน้า โอ้โห ใจเราเสียแล้ว เกิดหน้าเขาเสียโฉมขึ้นมา พอสั่งคัทปุ๊บ ก็จะมีเสียงโวยวายตะโกน เฮ้ย ดูโอ้หน่อย เป็นอะไรไหม ก็จะมีเสียงโอ้ตะโกนออกมา โอเคพี่ แต่หูไม่ได้ยินแล้วนะ ยังล้อเล่นได้ แสดงว่าเขาก็ยังสนุกอยู่ หรือแม้กระทั่งฉากที่ต้องโชว์ความว่องไวของมเหศวรที่จะต้องปีนขึ้นไปบนนั่งร้านสูงๆ แล้วไล่จับกัน เป็นเกมที่พวกโจรใช้เล่นพนันกันตัวขุนพันธ์กับเสือมเหศวรจะต้องท้าทายกันก็ต้องปีนขึ้นไปบนนั่งร้าน กระโดดลงมา โอเค พวกนี้ก็ต้องใช้สตันท์อยู่แล้ว แต่ในฉากที่เห็นหน้าทั้งหมดมันต้องโดดจริง แล้วก่อนวันที่จะมาถ่าย โอ้บอกแล้วว่าขออนุญาตนะพี่ เพราะเขาไปเตะโดนเหล็กเท้าเขาเจ็บ พอถ่ายเข้าจริงๆ เหมือนความมันบังเกิด อย่างนี้เล่นเองได้ เราก็ได้หน้าเขาจริงๆ มา ซึ่งก็เยี่ยม มาริโอ้ “นายสุดยอดเลย”

✰นอกจากนี้ หนังยังอัดแน่นไปด้วยนักแสดงรับเชิญอีกคับคั่งด้วย

ครับ กลุ่มนักแสดงรับเชิญจะมีความหลากหลายมากที่เข้ามาร่วมทำให้ ขุนพันธ์ 3 สมบูรณ์มากขึ้น อันนี้เป็นการรับเชิญทุกคนจริงๆ เหมือนงานเลี้ยงรุ่นครับ รุ่นใหญ่รุ่นเล็กมากันหมด ก็จะมีตั้งแต่รุ่นใหญ่สุดคืออาโต ยอดรักที่เล่นหนังมาตั้งแต่ Good Morning Vietnam เคยเป็นตัวประกอบในหนัง Rambo อาโตเป็นโลโก้ของหนังไทยที่ผมเห็นมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ แกก็มาเล่นในบทเสือเฒ่านะครับ พี่ฟ้าซึ่งตัวจริงเป็นกัปตันเครื่องบินก็มารับบทเป็นหนึ่งในกองโจร สน เดอะสตาร์ ก็คัมแบ๊กกลับมาอีกครั้งหนึ่ง แต่จะกลับมายังไง ต้องไปดูกันในหนัง แล้วก็มีพี่อุ๋ย-นนทรีย์ นิมิบุตร ผู้กำกับในดวงใจของผม ก็มารับบทเป็น บก. หัวหน้างานของเสือมเหศวรที่อยู่ในคราบของนักข่าว ยังมีอีกหลายคนครับมีพี่หนึ่ง-ชลัฏ ณ สงขลา มารับบทเป็นรองอธิบดีกรมตำรวจหัวหน้าคนใหม่ของขุนพันธ์ พี่โอริเวอร์ บีเวอร์ ตัวเองก็งานเยอะอยู่แล้ว ก็ให้เกียรติมารับเชิญเป็นเสนาธิการทหารใหญ่ ที่เข้ามาเป็นอริในบางเรื่องกับขุนพันธ์ และอีกมากมายหลายคนครับ ยังมีพี่จิ๋ว-ปรีชา เกตุคำ ซึ่งถ้าใครเคยดูหนัง ไชยา สมัยก่อน แกจะเล่นเป็นเฮียแป๊ะฝีไม้ลายมือแพรวพราว ส่วนใหญ่พวกเขาก็อยู่คู่หนังไทยกันมายาวนาน เหล่านี้คือตัวละครรับเชิญชุดใหญ่ที่มากันเป็นกองทัพ

✰หนังภาคนี้ยังยกกองไปถ่ายทำกันในหลายที่มาก มีทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันตกซึ่งบางโลเกชั่นก็มีความโหดซ่อนอยู่ อย่างโลเกชั่นที่จังหวัดน่าน

คือในภาคนี้เราค่อนข้างซีเรียส เราบอกกับทีมงานว่าเราอยากให้โลเกชั่นเป็นเหมือนตัวละครตัวหนึ่งของหนังเหมือนกัน เพราะฉะนั้นมันต้องบอกถึงความเปลี่ยนแปลง ซึ่งในเรื่องเหตุการณ์มันเกิดที่ประมาณภาคกลางตอนบนภาคเหนือตอนล่าง เราเลือกโฟกัสไปน่าน เนื่องจากเราตั้งใจให้มันเป็นชุมโจรที่มันเข้าถึงยากมาก มันมีหุบเขาสูงล้อมรอบติดกันเป็นปราการล้อมไว้ และทางเข้าออกมีทางน้ำเป็นเส้นทางหลัก ซึ่งลำน้ำที่เข้าไปก็ลำบาก มีความเชี่ยวกราก ต้องล่องแพ เราเลือกไปถ่ายกันที่อุทยานแห่งชาติแม่จริม เพื่อเอาแลนด์สเคป และเป็นฉากที่ต้องล่องแก่ง ผจญภัยกันเข้าไปก่อน กว่าจะไปเจอโจรได้ก็ต้องเจอกับความลำบากจากธรรมชาติของเกาะแก่งที่เขาเรียกว่าแกรนด์แคนยอนเมืองไทย ซึ่งทั้งสนุก ทั้งตื่นเต้น ทั้งน่ากลัวในเวลาเดียวกัน

✰10 ปีแห่งผลงานแอ๊กชั่นไตรภาค อยากให้พูดถึงความเป็นหนังแอ๊กชั่นในแบบฉบับ ขุนพันธ์ ที่ “ไม่ได้สร้างกันง่ายๆ” และ “ไม่ได้มีให้ดูกันบ่อยๆ” เป็นการทิ้งท้าย

หนังอย่าง ขุนพันธ์ มันมีทั้งความเป็นเอพิคมีความเป็นหนังคอสตูมดีไซน์ มีวิชวลหนังระเบิดภูเขาเผากระท่อม มันหลากหลายมาก จริงๆ แล้วมันคือการผสมผสานของหนังหลายๆ แบบที่มันมาเจอกับ Thai Culture แล้วมันกลายเป็นแอ๊กชั่นไทยๆ ซึ่งมันก็ดันมีความ weird ของภาษาหนังบางอย่างที่ใส่เข้าไปได้ เพียงแต่ว่าเราอาจไม่ค่อยเห็นผลิตกัน เพราะว่า มันทั้งยากและเหนื่อย มันหนักในทุกองค์ประกอบ เราวางมันอย่างละเอียดทุกอย่าง เราเห็นแม้กระทั่งว่าสกอร์ธีมของดนตรีก็เหมือนสมัยเด็กๆ ที่เราเคยได้ยินเสียงดนตรีประกอบของ Indiana Jones ภาพอินเดียน่า โจนส์ มันก็ปรากฏขึ้นมาในสมองเราทันที แล้วเราก็ใฝ่ฝันว่าเราอยากทำแบบนั้นให้มันเกิดขึ้นในประเทศนี้กับหนังไทยบ้าง เมื่อไหร่ที่ธีมเพลง ขุนพันธ์ ขึ้นมาก็เฮ้ย ภาพของขุนพันธ์มันปรากฏขึ้นในหัวของเด็กๆ ในเจเนอเรชั่นใหม่ๆ ขึ้นมาเลย หน้าอนันดามีหนวดเขี้ยวโผล่ขึ้นมาเลยมันคือ value ของงานชิ้นนี้ที่พวกเราลงแรงลงใจที่เราจะทำกันไป เพราะฉะนั้นการปิดท้ายไตรภาคของ ขุนพันธ์ ถึงต้องใช้เวลา 10 ปีในการที่เรากรุยทางกันมาจนเราปิดผนึกมันได้อย่างเต็มที่ และเราเชื่อว่ามันเป็นการปิดเพื่อเติบโตมากกว่าในอนาคต มันคือหนึ่งในความหลากหลายของหนังไทยที่มีทั้งกลิ่นอายความเก่าและความใหม่ แต่คำว่าเก่าไม่ได้แปลว่ามันต้องเชย อย่างบางทีเราหยิบยืมภาษาหนัง รูปแบบของความเก่ามาใช้แต่ประเด็นที่เราพูด เราเชื่อมั่นว่ามันไม่เชยมันทันสมัย มันเป็นปัจจุบันมากๆ ด้วยซ้ำ ต่อให้มันเป็นหนังพีเรียดก็ตาม เพราะฉะนั้นก็ฝากขุนพันธ์ ไว้ด้วยนะครับ ขุนพันธ์ ภาค 3 ครับวันพิพากษา ฉลอง 10 ปี ยินดีนำเสนอจริงๆ ครับ