ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
28 ตุลาคม 2560 เวลา 10:01 น…. อ่านต่อได้ที่ : https://www.posttoday.com/travel/thailand/522261

โดย/ภาพ : กาญจน์ อายุ
ศาสตร์พระราชา คือ ของขวัญล้ำค่าของแผ่นดินไทย ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงประทานไว้ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกว่า 4,000 โครงการ ซึ่งจะเป็นตำราของแผ่นดินไทยไปตลอดกาล
“วิชา ๙ หน้า” ศาสตร์พระราชาจากตำราของพ่อ เป็นโครงการที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้คัดเลือก 9 วิชา นำเสนอผ่าน 9 บุคคลผู้มีอิทธิพลทางความคิดในแวดวงต่างๆ ให้ลงไปสัมผัสในชุมชนที่ได้น้อมนำหลักการและแนวคิดของในหลวง รัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตและพัฒนาชุมชนให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน อย่างในพื้นที่ “พิษณุโลก” ที่ตั้งของวิชาธรรมชาติ (สามัคคี) บทที่กล่าวถึงป่าไม้และชาวเขาที่พลิกปัญหาสู่ความยั่งยืน
01 ปลูกกาแฟใต้ต้นสน
วิชาธรรมชาติ (สามัคคี)
สายหมอก ดอกไม้ และป่าใหญ่ เป็นความสมบูรณ์และสวยงามที่เกิดขึ้นหลังการก่อตั้ง โครงการพัฒนาป่าไม้ภูหินร่องกล้า จ.พิษณุโลก ที่หยิบยกแนวทางพระราชดำริมาเป็นฐานเพื่อแก้ไขปัญหาจนสามารถพลิกเขาหัวโล้นให้เป็นแหล่งปลูกพืชเศรษฐกิจ และเป็นพื้นที่ต้นแบบของการอยู่ร่วมกันระหว่าง “คนกับป่า” อย่างสามัคคี
ในอดีตภูหินร่องกล้า เคยเป็นฐานบัญชาการของกลุ่มลัทธิคอมมิวนิสต์ ด้วยที่ตั้งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เชื่อมต่อพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก อ.ด่านซ้าย จ.เลย และ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ บวกกับสภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนทำให้ผู้ก่อการยึดพื้นที่เป็นสมรภูมิสำคัญ
ต่อมารัฐบาลไทยได้ประกาศใช้นโยบายการเมืองนำการทหาร ทำให้ผู้ก่อการจำนวนมากเคลื่อนพลออกจากป่า มาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย สมรภูมิรบจึงถูกทิ้งร้าง ซึ่งหลังจากนั้นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศให้ภูหินร่องกล้าเป็นอุทยานแห่งชาติอันดับที่ 48 ของไทย
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องการบุกรุกแผ้วถางป่ายังคงเกิดขึ้น เนื่องจากชาวบ้านบนภูเขาส่วนใหญ่เป็นชาวม้งที่ยึดอาชีพปลูกฝิ่น กะหล่ำปลี และไร่เลื่อนลอย จนลุกลามกลายเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับชนเผ่า
ทางกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชจึงต้องเร่งแก้ไข โดยนำแนวพระราชดำริเข้ามาใช้ คือ สนับสนุนให้ชาวม้งและชาวบ้านเปลี่ยนมาปลูกพืชเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ เช่น กาแฟพันธุ์อะราบิก้า และสตรอเบอร์รี่พันธุ์พระราชทาน 80 ประกอบกับให้ความรู้เรื่องป่าไม้ สอนวิธีดูแลแหล่งน้ำ กระทั่งทำให้คนสามารถอยู่ร่วมกันป่า และภูหินร่องกล้าก็กลับมาอุดมสมบูรณ์
เช่นเดียวกับในพื้นที่โครงการพัฒนาป่าไม้ฯ ที่มีชาวไทยภูเขาอยู่อาศัยจำนวนมาก ซึ่งมีแนวโน้มของการบุกรุกป่าและทำลายทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการยังชีพด้วยความไม่รู้เพิ่มขึ้น จึงได้แก้ไขสถานการณ์ด้วยการปฎิบัติงานตามแนวพระราชดำริด้านงานพัฒนาป่าไม้ของในหลวง รัชกาลที่ 9 ในปี 2522
02 ดื่มกาแฟอะราบิก้าคั่วใหม่ใต้ต้นสน
โดยส่งเสริมให้ชาวม้งที่บ้านใหม่ร่องกล้า หมู่ 10 อ.นครไทย จ.พิษณุโลก เปลี่ยนอาชีพจากปลูกฝิ่นและกะหล่ำปลีหันมาปลูกสตรอเบอร์รี่และกาแฟ โดยนำต้นกล้าจากโครงการพัฒนาป่าไม้ฯ ไปปลูกในพื้นที่ของตน เริ่มต้นจาก 3 ไร่ จนปัจจุบันมีชาวม้งที่เปลี่ยนวิถีชีวิตมาปลูกสตรอเบอร์รี่และกาแฟไม่ต่ำกว่า 30 ไร่แล้ว
ศุภกุล จันทร์ลา หัวหน้าโครงการพัฒนาป่าไม้ภูหินร่องกล้า กล่าวว่า ความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งของโครงการพัฒนาป่าไม้ฯ คือสามารถปลูกกาแฟอะราบิก้าใต้ต้นสนได้ เป็นที่แรกและที่เดียวในประเทศไทย ช่วยลดปัญหาการโค่นล้มต้นสนทิ้งโดยไร้ค่าเพราะชาวบ้านเข้าใจว่าปลูกพืชใต้ต้นสนไม่ได้
“บนพื้นที่เขาของภูหินร่องกล้ามีต้นสนสามใบตามธรรมชาติมากมาย โครงการพัฒนาป่าไม้ฯ จึงทดลองปลูกกาแฟใต้ต้นสนจนสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ดี จากนั้นได้ให้ความรู้กับชาวบ้านในพื้นที่ว่า กาแฟสามารถปลูกได้ทุกที่ ไม่จำเป็นต้องเผาถางป่า เพราะหากมีความสูงเพียงพอ อากาศเย็น และมีร่มเงา ไม่ว่าจะอยู่ใต้ต้นอะไรก็ปลูกขึ้นและให้ผลผลิตได้”
รวมถึงแปลงสตรอเบอร์รี่ที่ได้ทดลองปลูก โดยใช้หญ้าแห้งปกคลุมดินแทนแผ่นพลาสติก เพื่อลดปัญหาขยะย่อยสลายยาก ชาอัสสัมที่ตอนนี้อยู่ในช่วงทดลองปลูก หากได้ผลดีจะส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกเป็นอาชีพต่อไป
ไฮไลต์ในฤดูกาลท่องเที่ยวอย่าง ทุ่งดอกกระดาษ (ช่วง ธ.ค.-มี.ค.) ที่ให้ทั้งความสวยงามดึงดูดใจและสามารถตัดดอกขายเพื่อนำไปประดับตกแต่งก็ได้ราคา ซึ่งทั้งมวลเกิดขึ้นจากการนำแนวพระราชดำริมาปฏิบัติให้เกิดผล เรียกว่าการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง เพื่อยกระดับชีวิตและรักษาธรรมชาติให้คงอยู่ร่วมกัน
นอกจากนี้ โครงการพัฒนาป่าไม้ฯ ยังสร้างอาชีพให้ชาวม้งเข้ามาทำงานด้านเกษตรกรรม และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาวที่กำลังมาแรง เพราะนอกจากทุ่งกระดาษที่จะเบ่งบานรับลมหนาวแล้ว ที่นี่ยังมีแนวผาหินทราย 6 จุด ได้แก่ ผาไททานิก ผาพบรัก ผาบอกรัก ผาคู่รัก ผารักยืนยง และผาสลัดรัก สร้างเรื่องราวให้ธรรมชาติ และนั่งจิบกาแฟปลอดสารเคมีจากฝีมือชาวม้ง ที่หอมกรุ่นเข้มลึกใต้ทิวสนสามใบให้นึกถึงความมหัศจรรย์เหมือนแหล่งปลูกของมัน
บ้านเข็กน้อย พอเพียงมาก
ชุมชนม้งขนาดใหญ่ที่สุดในสยามตั้งอยู่ที่ บ้านเข็กน้อย ต.เข็กน้อย อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ (ห่างจากโครงการพัฒนาป่าไม้ภูหินร่องกล้าประมาณ 1 ชม.) ปัจจุบันมีชาวม้งอาศัยอยู่ 12 หมู่บ้าน ประชากรประมาณ 1.4 หมื่นคน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพปลูกพืชไร่ตามแนวภูเขา กะหล่ำปลี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และกาแฟ
03 นักท่องเที่ยวยืนชมหมอกใต้ต้นสนสามใบ
ประจวบ ฤทธิ์เนติกุล อดีตกำนันตำบลเข็กน้อย เล่าว่า ในอดีตภูเขาทั้งลูกกลายเป็นสีแดงด้วยดอกฝิ่น และทั้งหมู่บ้านก็อบอวลไปด้วยควันสีขาวจากปล้องไม้ไผ่ จนกระทั่งวันที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จฯ เขาค้อวันนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง
“พ่อหลวงไม่เคยกล่าวโทษพวกเราว่าทำผิดกฎหมาย ไม่เคยบอกว่าพวกเราเป็นคนร้าย ไม่เคยไล่เราออกจากแผ่นดินไทย แต่ท่านสอนเราว่าฝิ่นไม่ดีอย่างไร สอนเราว่าต้องปลูกอะไร และทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง จนตอนนี้หมู่บ้านเข็กน้อยไม่มีฝิ่นเหลืออยู่แล้ว รวมถึงชีวิตเราก็ดีขึ้นเพราะไม่ติดยาเสพติด ทำมาหากินจากการทำเกษตร และไม่อดอยากจากการปลูกพืชผักกินเอง ชีวิตเรามีความสุขขึ้นมากเพราะพ่อหลวง” ประจวบน้ำตารื้น
นอกจากนี้ บ้านเข็กน้อยยังถูกขับเคลื่อนด้วยกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการแก้ปัญหาสารเคมีในแปลงเกษตร ธวัชชัย แซ่หยาง ตัวแทนคนรุ่นใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันชาวบ้านใช้สารเคมีปริมาณมากในการปลูกกะหล่ำปลีเพื่อให้ใบสวยงามตามความต้องการของพ่อค้าคนกลาง ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาขายกับราคาสารเคมี บวกลบแล้วชาวบ้านแทบไม่เหลือเงินเข้ากระเป๋าเลย
“ถ้าใบไม่สวย พ่อค้าจะไม่รับซื้อ” ชาวม้งรุ่นใหม่กล่าวต่อ
“ขนาดเราเองยังไม่กินผักที่เราขาย เพราะรู้ว่ามันอันตราย แต่ไม่ทำก็ขายไม่ได้ มันเลยกลายเป็นความรู้สึกผิดในใจที่เรามีมานาน ทำให้ตอนนี้ผมกับเพื่อนๆ และมูลนิธิสังคมสุขใจ ร่วมกับ ททท. กำลังส่งเสริมให้ทุกบ้านที่ปลูกกะหล่ำปลีหันมาปลูกแบบปลอดสาร เพื่อเราจะได้ขายให้นักท่องเที่ยวโดยตรงซึ่งได้ราคาดีกว่า และจะเปิดเป็นจุดท่องเที่ยวเชิงเกษตรด้วย”
ตอนนี้มีแนวโน้มว่าชาวบ้านจะหันมาปลูกกะหล่ำปลีแบบปลอดสารมากขึ้น ซึ่งแม้ว่าจะดูแลยากกว่า แต่เพื่อสุขภาพของผู้บริโภคและผู้ปลูกเองก็ถือว่าคุ้มค่ามาก
อย่างไรก็ตาม บ้านเข็กน้อยมีชื่อเสียงเรื่องวันปีใหม่ม้งอยู่แล้ว โดยปีนี้ตรงกับวันที่ 18-26 ธ.ค. 2560 หมู่บ้านจะมีงานฉลองวันขึ้นปีใหม่ต่อเนื่อง 7-9 วัน โดยหนุ่มสาวจะแต่งตัวเต็มที่ออกมาเล่นโยนลูกช่วง เป็นโอกาสที่หนุ่มสาวสามารถเกี้ยวพาราสีกัน ซึ่งหลังจบงานอาจมีหลายคู่ที่แต่งงานกัน อันเป็นประเพณีที่สืบทอดมามากกว่าร้อยปีไม่เคยขาด
04 ไร่สตรอเบอร์รี่หุ้มด้วยหญ้าแห้งแทนแผ่นพลาสติก
วิชาธรรมชาติ (สามัคคี) และวิถีชีวิตของชาวบ้านเข็กน้อย เป็นเพียงปฐมบทในตำราของพ่อที่ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ในสถานที่จริงและชีวิตจริง ซึ่งบทเรียนจากครูของแผ่นดินจะเป็นหนทางสู่ความเข้าใจ แก้ไข และพัฒนา นำไปสู่การใช้ชีวิตที่ดีและมีความสุขอย่างยั่งยืน
……….ล้อมกรอบ………
ผู้ที่สนใจสามารถชมวิดีโอสารคดีทั้ง 9 ตอนได้ทางเพจเฟซบุ๊ก เที่ยวไทยเท่ สามารถรับหนังสือฟรีได้ที่ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ทั่วประเทศ และสถานีบริการน้ำมันบางจากในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 20 สาขาที่เข้าร่วม หรือดาวน์โหลดฟรีที่ www.tourismthailand.org สอบถามโทร. 1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย
……….ใต้ภาพ………..
00 รูปเปิด ความสมบูรณ์ ณ โครงการพัฒนาป่าไม้ภูหินร่องกล้า
01 ปลูกกาแฟใต้ต้นสน
02 ดื่มกาแฟอะราบิก้าคั่วใหม่ใต้ต้นสน
03 นักท่องเที่ยวยืนชมหมอกใต้ต้นสนสามใบ
04 ไร่สตรอเบอร์รี่หุ้มด้วยหญ้าแห้งแทนแผ่นพลาสติก
05 หน้าผาหินทรายรูปร่างแปลกตาในโครงการพัฒนาป่าไม้ภูหินร่องกล้า
06 ต้นกล้าสตรอเบอร์รี่พันธุ์พระราชทาน 80
07 ไร่กาแฟอะราบิก้าสีเขียวครึ้ม
08 นักท่องเที่ยวถ่ายภาพสายหมอกที่พ่นออกมาจากป่า
09 ต้นสนสามใบ พืชที่พบเห็นมากบนภูหินร่องกล้า
10 ประจวบ ฤทธิ์เนติกุล ชาวม้งหมู่บ้านเข็กน้อยที่ตั้งถิ่นฐานบนแผ่นดินไทย
11 พระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวง รัชกาลที่ 9 ภายในบ้านของประจวบ
12 ดอกกระดาษ
13 แปลงสาธิตปลูกชาอัสสัม
14 สายหมอกฟุ้งออกจากป่า
15 ความเขียวชอุ่มของป่าภูหินร่องกล้า
16 วิถีชีวิตชาวม้งที่บ้านเข็กน้อย
17 ต้นแมคคาเดเมียปลูกแทรมกับต้นสน
ภาพในล้อมกรอบ











01 มาร์คและแม่อ้อยถ่ายภาพคู่ใต้ป่าสัก
02 อาหารกลางวันรสมือแม่
03 ข้าวต้มแดก
04 ลูกหม่อนปลอดสารพิษ





01 เต้นบ่อฉ่องเตออูหรือลาวกระทบไม้ของชาวอาข่า
02 ลัวะสไตล์ในบ้านแม่แอบ
03 รำวงไทยของชาวไทยใหญ่
04 การแต่งกายที่สวยงามของหญิงชาวอาข่า
















รูปเปิด คุณยายปั่นไหมอยู่ใต้ถุนบ้าน
ควันโพยพุ่งออกจากหม้อย้อมผ้าด้วยสีธรรมชาติ
ตักบาตรยามเช้าที่บ้านสนวนนอก
การสาวไหมจากรังดักแด้
ชาวบ้านล้อมวงเต้นรำตร๊ด
คุณลุงช่างไม้ทำกระดิ่งวัว
กระดิ่งวัวถูกแปรสภาพให้เล็กลงเป็นของที่ระลึก
บ้านทำพัดจากไม้ไผ่
พระสงฆ์เปิดหน้าต่างวัดบ้านสนวนนอก
ทุ่งนาสูงเท่าตัวชาวนา
พิธีบายศรีสู่ขวัญจากผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน
บ้านประดิษฐ์นกจากเปลือกมะพร้าว
การเก็บใบหม่อนเพื่อนำไปเลี้ยงหนอนไหม
จุดถ่ายภาพบนบ้านโบราณ
รถกระสวยอวกาศพาชมหมู่บ้าน
แม่บ้านโชว์ผ้าไหมลายหางกระรอก
ลาบดักแด้ เมนูยอดฮิตของหมู่บ้านหม่อนไหม
สะพานยายชุนข้ามไปสู่ทุ่งนา