ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160413/225821.html
ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160413/225821.html
ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160330/224986.html
เพิ่งอ่านเจอในเฟซบุ๊ก เรื่องไฟป่า ไหม้ลุกโหมลามเลียนับหลายวันติดต่อกันในเขตติดต่อระหว่างป่าแถบจังหวัดภาคกลาง ใช้น้ำดับเท่าไรก็ไม่หมด ผู้เดือดร้อนเกรงว่าไฟจะไหม้บ้านตนเองที่ปลูกอยู่ตรงชายป่า จึงส่งข้อความเข้าไปในเฟซบุ๊ก สะท้อนถึงบางสิ่งในธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงอย่างน่ากลัวมากยิ่งขึ้น
ธรรมชาติให้ความปรานีแก่มนุษย์น้อยลงทุกวัน เพราะโลกยุคนี้ ทำลายล้างธรรมชาติอย่างไม่ปรานีปราศรัย เน้นการบูชาเงินเป็นพระเจ้า
หนทางไหนที่ทำให้ได้เงินมากที่สุดก็บุกทำสิ่งนั้นมากที่สุดเช่นกัน เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินตรา โดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมความถูกต้อง สิ่งที่ทำมาหากิน ทำลายได้ง่าย ไม่มีใครฟ้องร้องจับกุมให้มากความก็คือ การทำลายล้างธรรมชาติ ไม่ว่า ตัดไม้ทำลายป่า เผาป่า หาของป่า ขุดหาแร่สินทรัพย์ใต้ดิน แหล่งน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อมาประเคนโรงงานอุตสาหกรรม ตัดถนน ใช้เป็นเส้นทางให้รถวิ่ง รวมถึงการระเบิดภูเขาเพื่อสร้างถนนประเคนเขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมถึงการบุกรุกเข้าไปในเขตป่าสงวน ทำเกษตรกรรมพืชเชิงเดี่ยว การทำสนามกอล์ฟและรีสอร์ท
อีกไม่นานน่าจะมีมหกรรมไฟป่าลามไหม้เมืองอย่างแน่นอน เหมือนแถบสหรัฐหรือยุโรป ถ้าขืนคนไทยยังดิ้นรนสร้างความมั่นคงมั่งคั่งทางด้านเศรษฐกิจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง
คราวหนึ่งที่ อ.หนองฮี จ.ร้อยเอ็ด เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ไฟไหม้ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล ที่ทำการตั้งอยู่กลางป่า โชคดีเจ้าป่าเจ้าเขาเมตตา เผาเพียงบางส่วน ยังพอแก้ไขทัน อำเภอจึงสั่งให้ชี้แจงมาเป็นลายลักษณ์อักษร
อีกครั้งหนึ่ง ที่ที่ว่าการอำเภอสามเงา จ.ตาก บ้านพักสรรพากร ไม่รู้นึกอย่างไรไปสร้างบ้านพักหลังที่ว่าการอำเภอกลางป่า ไฟโหมกระหน่ำผ่านเข้ามาอย่างรุนแรง ผมอยู่เฝ้าอำเภอพอดี จึงช่วยบัญชาการให้หลายหน่วยงาน ช่วยกันเอารถดับเพลิงเข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน ไฟล้อมตีคอกเข้ามายิ่งกว่าไฟนรก ยามเพลิงอุบัติ ลมร้ายจะโหมแรงกราดเกรี้ยวขึ้นทันที ตีลมวนวก เกือบถึงที่ว่าการอำเภอ โชคดีมีถนนดินลูกรังโอบล้อม เหมือนเป็นแนวกันไฟ ขนาดขอกำลังจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง รวมถึงการไฟฟ้าเขื่อนภูมิพลมาระดมช่วยกันสุดความสามารถ ผมชอบที่นั่นที่แสดงถึงน้ำใจอย่างเปี่ยมล้น จึงสามารถดับไฟป่าได้ในที่สุด
ผมอยากจะย้ำว่า สภาพป่าปัจจุบันต่างจากอดีตเกือบสิ้นเชิง น้ำซึมน้ำซับหายไปจากป่าหมดสิ้น เหลือเพียงน้ำตามฤดูกาล เพราะป่าใหญ่ ต้นไม้ใหญ่หยั่งรากลึกๆ ดึงน้ำใต้ดินขึ้นมาหล่อเลี้ยงลำต้น ในผืนป่าแทบไม่มีหลงเหลือ แผ่นดินจึงแห้งกรอบ ใบไม้กรอบแห้ง ปลิวกระจายเกลื่อนกล่น นั่นคือเชื้อไฟอย่างดี
ไฟเผาป่า ไม่ใช่ไฟธรรมชาติ แต่คือไฟที่มนุษย์จุดขึ้น ไม่ว่าผู้ลักลอบถางป่าเพื่อทำพืชไร่ ค่านิยมผิดๆ ที่คิดว่าขี้เถ้าไฟคือปุ๋ยสำหรับหล่อเลี้ยงดิน รวมถึงพวกหาของป่า ไล่ล่าสัตว์กลางป่าแล้ง โดยไม่คำนึงถึงเพลิงผลาญที่กำลังรุกไล่ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์
ทุกวันนี้ ขับรถออกไปต่างจังหวัด อากาศเหมือนฟ้าหลัว ไม่มีแสงแดด แรกๆ เข้าใจว่าฝนจะตก มองไปบนท้องฟ้า ไม่มีเมฆแม้เพียงก้อน แท้จริง…นั่นละ…หมอกควันสีดำกำลังครอบคลุมผืนฟ้า
ไม่นานแน่นอน…มหกรรมธรรมชาติเผาเมืองจะอุบัติ ถ้าคนไทยยังเห็นแก่ตัว.
ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160217/222599.html
ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160203/221654.html
ถ้าเป็นประเทศไทย ต้องมีตึกสูงระฟ้าเป็นเครื่องหมายแต่ละจังหวัด อย่างน้อยๆ ต้องหกเจ็ดชั้นขึ้นไปถึงสิบกว่าชั้น ส่วนใหญ่น่าจะเป็นตึกโรงแรม ห้างสรรพสินค้า ที่นักธุรกิจเข้าไปลงทุนแต่ละจังหวัด เป็นเครื่องหมายแสดงถึงความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจ ธุรกิจและการลงทุน เป็นสัญลักษณ์ของโลกทุนนิยม
แต่เมืองสะเทิม เมืองหลวงรัฐชาวมอญ หรือผาอัน เมืองหลวงรัฐกะเหรี่ยง ไม่มีตึกทันสมัยขนาดหลายชั้นให้ได้เห็น มีเพียงบ้านไม้ ตึกแถวขนาดชั้นเดียว สองชั้นเสียส่วนใหญ่ บ้านไม้หลังเล็กๆ ขนาดสองชั้น บอกความสมถะมักน้อยสันโดษ ไม่ใช่บ้านสองชั้นโอ่โถงเหมือนคฤหาสน์อย่างแผ่นดินไทย แต่ความยิ่งใหญ่ของพม่า คือวัดวาอาราม เจดีย์ ปรากฏบนภูเขาสูงเสียดฟ้า เทือกเขาทอดเทือกเขียวชอุ่ม ยอดเจดีย์เห็นอยู่เป็นระยะ เอกลักษณ์พุทธศาสนา มีเจดีย์สีทองเหลืองอร่ามบนยอดเขาไปทั่วแทบทุกรัฐ
สะเทิมเป็นเมืองใหญ่รถราพลุกพล่านแล่นขวักไขว่ ตัวเมืองยังไม่เป็นระเบียบ ถนนลาดยาง คอนกรีตฟุตบาทยังไม่เต็มท้องถนน ทางเท้า ฝุ่นดินเป็นละอองสองข้างถนน ขยะสิ่งสกปรกมีให้เห็น บ้านเมืองจึงดูมอมแมม เหมือนเมืองเล็กๆ ในต่างจังหวัดของไทยเมื่อสามสิบปีก่อนหน้านี้
ทว่า เงาแห่งการลงทุน กำลังเข้าครอบงำสะเทิมอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าสะเทิมจะกลายเป็นแผ่นดินทันสมัยแบบก้าวกระโดด เพราะผมเห็นมีผ้ายางพลาสติก โฆษณาไวนิล รูปดารา นักร้องชาวพม่า กับมือถือยี่ห้อดังสินค้าระดับสากล ที่วางขายเกลื่อนเมืองไทย ติดตามชายคาร้านค้า ข้างถนน บอกความทันสมัยเทคโนโลยีที่กำลังก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ไม่รู้ว่า “สังคมก้มหน้า” เกิดขึ้นในแผ่นดินมอญแล้วหรือยัง ดูจากบรรยากาศผมว่าน่าจะยัง เพราะรัฐบาลพม่ายังคงควบคุมสื่อพอสมควร ไม่ว่า ทีวี โทรทัศน์ หรือเฟซบุ๊ก อินเทอร์เน็ต ไม่เสรีจ๋าเหมือนประเทศไทยเราขณะนี้ ที่ว่ากันให้เปรอะ กลับกลายเป็นสงครามทางความคิดไปทุกหย่อมหญ้า
บทเรียนในประเทศไทย น่าจะเป็นข้อมูลให้เขาได้ศึกษาทิศทางการพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองของเขาอย่างแน่นอน
เหมือน ลาว เขมร ที่ศึกษาบทเรียนจากแผ่นดินไทย โลกทุนนิยม ใช่จะวิเศษเลิศเลอไปเสียทั้งหมด สิ่งใดเขาควรหยิบไปใช้ สิ่งใดน่าจะหยุดมันตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ใช่กลับกลายเป็นสังคมบูชาเงินเป็นพระเจ้า พัฒนาไปสู่สงครามทางความคิดและความแตกแยกภายในชาติ
แม้ถนนหนทางก็ตาม แผ่นดินพม่ายังเป็นถนนขนาดสองเลนเป็นส่วนใหญ่ จะให้โลจิสติกส์แบบทันสมัย ก็ไม่เห็นมันจะลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้แต่ประการใด สถิติอุบัติเหตุกลับยิ่งทบทวี แต่ถนนยางมะตอยแบบโบราณของพม่า สถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนกลับมีน้อยและมีความปลอดภัยมากกว่า
เมืองสะเทิม เมืองหลวงชาวมอญ กำลังจะก้าวย่างเข้าสู่โลกทุนนิยม สังเกตรถราวิ่งขวักไขว่มากมายบนท้องถนน
เมืองยังดูสกปรก การเมืองท้องถิ่น น่าจะยังไม่มีบทบาท การค้าขายเป็นธรรมชาติ อาศัยความจริงใจเป็นที่ตั้ง
นักธุรกิจฝั่งตะวันตกแถบแม่สอดมักให้ข้อมูลเพื่อให้รัฐบาลไทยตระหนก การก้าวกระโดดทางการเมืองและเศรษฐกิจพม่า ถึงขนาดรถไฟความเร็วสูงปานเครื่องบินจะสร้างเสร็จก่อนพี่ไทยอย่างแน่นอน ถ้ารัฐบาลไทยยังคลานต้วมเตี้ยม ไม่สนับสนุนเงินลงทุนให้พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด ไทยต้องเป็นประเทศล้าหลัง
คำว่า “ล้าหลัง” นั้น เสียหายที่ตรงไหน ทำให้ชาติบ้านเมืองถึงกับล่มจมกันเลยเชียวหรือ ผมเห็นแผ่นดินพม่า เขาก็ยังอยู่กันมาอย่างสงบร่มเย็น ก้าวย่างอย่างเชื่องช้า แต่มั่นคง