Festive Holiday Merry Matcha Scone

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

27 ธันวาคม 2558 เวลา 11:16 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/restaurant/407058

Festive Holiday Merry Matcha Scone

โดย…สีวลี ตรีวิศวเวทย์ ภาพ Cookool Studio

สุขสันต์วันคริสต์มาสที่เพิ่งผ่านไปไม่นานด้วยสูตร Matcha Scone ในฉบับนี้ นอกจากสีสันเข้ากับเทศกาลเขียวเเดงเเล้ว กลิ่นหอมๆ ของขนมอบที่ฟุ้งอยู่ในครัวที่ผ่านช่วยให้ช่วงเทศกาลดูอบอุ่นขึ้นมาอีกนิด

สูตรของสโคนค่อนข้างมีโครงสร้างสูตรที่ง่ายไม่ยุ่งยาก เเต่ถ้าฝีมือเเละประสบการณ์ในการทำขนมต่างกันเเล้ว สูตรเดียวกันเเต่คนทำคนละคน อาจส่งผลให้ขนมออกมาต่างกันก็เป็นได้ จึงจำเป็นต้องเข้าใจหลักการง่ายๆ ของสโคนก่อน เช่น การตัดเนยกับเเป้ง ทำขึ้นเพื่อให้เนื้อขนมร่วนๆ จากการที่เนยเข้าไปหุ้มเเป้งในขนาดต่างๆ กัน เมื่อเติมของเหลวเย็นจัดๆ อย่างนมเเละไข่ไก่ลงไป เนยไม่ละลาย ช่วยให้เกิดชั้นของขนมได้เเละเนื้อขนมเบาจากการที่ไม่นวด ตะล่อมพอเข้าๆ กันเท่านั้น อุณหภูมิในการอบก็สำคัญ ถ้าอยากได้กึ่งกลางเเยกสวยๆ ต้องอุณหภูมิสูงๆ ขนมจะ “สปริง” ตัวขึ้นสูงดูสวยน่ากินเมื่ออบสุก

สำหรับสูตรนี้ผู้เขียนดัดเเปลงมาจากสูตรดั้งเดิม เติมผงชาเขียวลงไปนิดหน่อย เปลี่ยนจากครีมเป็นนมเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสของขนมที่เบาขึ้น

ขั้นตอนการทำยังเหมือนเดิม เพียงเเค่ชงผงชาเขียวกับนมซึ่งอาจจะละลายยากนิดหน่อยเพราะเราต้องใช้นมเย็นๆ วิธีที่ผู้เขียนใช้ คือ ใช้เครื่องปั่นขนาดเล็กปั่นนมเเละชาเขียวด้วยความเร็วสูงเเละใบพัดมีด ทำให้เข้ากันได้ง่ายขึ้นเยอะ

อย่าลืมว่าขนมที่ส่วนผสมไม่เยอะเเยะ คุณภาพของส่วนผสมสำคัญยิ่งยวด อย่างสูตรของสโคน คุณภาพเนยส่งผลมากๆ กับความอร่อยของขนม เนยต่างประเทศจะมีเปอร์เซ็นต์ไขมันสูงกว่าเเละความชื้นในเนยต่ำ มักทำจากนมสดไม่เติมนมผง ช่วยให้เนยมีความยืดหยุ่นสูง เหมาะกับกรรมวิธีในการตัดเเป้งกับเนยของสโคน ช่วยให้ขนมสวยด้วย อร่อยด้วย อันนี้เป็นเรื่องจริงในการทำขนมบ้านเรา

ผงชาเขียวเป็นอีกหนึ่งตัวเเปรความอร่อย ยิ่งผงชาเขียวใหม่ๆ เเละเป็นผง Matcha ชาเขียวเเท้ใช้ไม่มากก็ให้ความหอมเต็มที่เเล้ว ผู้เขียนทดลองสูตรนี้ใช้ผงชาเขียวเยอะๆ ไม่เป็นผลดีต่อเนื้อขนม เเละยังทิ้ง
รสชาติขมๆ ไว้ในลำคอ ปริมาณพอดีๆ เเต่เลือกคุณภาพดีหน่อยจะให้สีสวยเเละกลิ่นหอมที่พอดีๆ

หลายๆ ร้านเลือกเสิร์ฟสโคนชาเขียวกับวิปครีมเบาฟูเเละถั่วเเดงกวน ถ้าคุณผู้อ่านจะเติมถั่วเเดงเม็ดเล็กต้มสุกนุ่มเเล้วลงในสูตรนี้ก็ได้ ไม่มีผลต่อการขึ้นฟู คล้ายๆ กับการเติมผลไม้เเห้งลงในสโคนนั่นเอง หรือจะยีถั่วเเดงกวนผสมกับวิปครีม จนได้เป็น Red Bean Cream เเบบร้านคาเฟ่ต์สไตล์ญี่ปุ่นก็เป็นไอเดียที่ดี

ในฉบับนี้ Cookool ของเรา นำเสนอไอเดียการตกเเต่งให้สโคนเป็นของขวัญเเด่คุณผู้อ่านไว้ด้วย เผื่อว่าจะใช้เป็นขนมโฮมเมดให้เป็นของขวัญ สุขสันต์วันคริสต์มาสที่ผ่านไปเเละปีใหม่ที่กำลังจะเข้ามาค่ะ

Cookool Matcha Scone

ส่วนผสม

– เเป้งอเนกประสงค์ 130 กรัม

– เเป้งเค้ก 120 กรัม

– ผงฟู 15 กรัม

– น้ำตาลทรายละเอียด 50 กรัม

– เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

– เนยจืด 70 กรัม

– ไข่ไก่ 1 ฟอง

– ผงชาเขียวอย่างดี 5 กรัม

– นมจืด 120 กรัม

– เพิ่มคุณค่าทางอาหารด้วยถั่วเเดงเม็ดเล็กต้มพอสุก

– ประมาณ 1/4 ถ้วย

วิธีทำ

– ตัดเนยจืดให้เป็นชิ้นเล็กๆ เเช่เย็นไว้ให้เย็น

– ร่อนเเป้งทั้งสองชนิด น้ำตาลทราย ผงฟู เกลือ เข้าด้วยกัน

– ชงนมจืดเเละผงชาเขียวเข้าด้วยกัน (ถ้าต้องการสีสันสวยงามเเนะนำให้หยดสีเขียวลงไปสักนิด) ตอกไข่ไก่ลงไปตีผสม

– ตัดเนยจืดกับเเป้งเข้าด้วยกันด้วยส้อม หรือถ้าจะให้ดีคือ Pastry Cutter

– เติมนมที่ผสมไว้ลงไป พร้อมกับถั่วเเดงต้มสุก ผสมพอเเค่เข้ากัน พยายามอย่านวด

– เทโดลงบนเเผ่นพลาสติกที่ปูไว้ ตบเบาๆ พอให้เกาะกันเเละมีความหนาเท่ากันทั้งเเผ่น

– เเช่เย็นไว้ ประมาณ 30 นาที

– อุ่นเตาอบไว้ 210C เตรียมถาดอบ ปูกระดาษไขไว้

– ใช้ที่กดกดขนมออกมาเป็นชิ้นๆ เรียงใส่ถาด อบประมาณ 12-15นาที

– พักไว้จนอุ่นๆ พร้อมเสิร์ฟ

– วิธีเก็บ เก็บในกล่องหรือภาชนะปิดสนิท ที่อุณหภูมิห้องได้ 2-3วัน หรือห่อพลาสติกไว้ เเช่เย็นไว้ นำออกมาพักที่อุณหภูมิห้อง15-20 นาที เเล้วอุ่นไมโครเวฟประมาณ 15-20 วินาที

 

Festive Holiday Grand Marnier Cream Scone

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

20 ธันวาคม 2558 เวลา 11:23 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/restaurant/405833

Festive Holiday Grand Marnier Cream Scone

โดย…สีวลี ตรีวิศวเวทย์ ภาพ Cookool Studio

ช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่แบบนี้ หากได้รับห่อขนมโฮมเมดสักห่อ ที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นหอมของนมเนย คงทำให้ช่วงเทศกาลดูน่าประทับใจยิ่งขึ้นไปอีก

อย่างสโคนสูตรนี้ ที่แอบเติมเหล้ากรองด์มานิเอร์ บรั่นดีหอมกลิ่นส้ม ที่ช่วยให้สโคนมีเสน่ห์ชวนลิ้มลอง แถมผู้เขียนเอาเคล็ดลับของเพื่อนอายุรุ่นคุณแม่ที่เคยเรียนทำขนมด้วยกันมาแบ่งปันให้คุณผู้อ่านในสูตรนี้ เพราะเพื่อนของผู้เขียนมีเชื้อสายผู้ดีอังกฤษนิยมใช้วิปปิ้งครีม แทนที่จะเป็นนมสดอย่างสูตรสโคนทั่วไปลงมาผสมกับส่วนผสมอื่นๆ เธอบอกว่า ช่วยให้สโคนฉ่ำเข้มข้นขึ้นเข้ากับกลิ่นของเหล้าส้มที่เสริมให้สโคนนี้พิเศษเข้ากับช่วงปีใหม่ที่จะเข้ามา

สโคนแบบนี้เป็นสไตล์อังกฤษ แบบรับประทานกับน้ำชา ปาดด้วยวิปครีมและแยม ต่างจากสโคนแบบอเมริกันที่นิยมรับประทานกับกาแฟและอัดแน่นไปด้วยความหวานพร้อม Mix-in ต่างๆ ทั้งช็อกโกแลตชิป หรือผลไม้แห้ง แต่สูตรนี้อนุโลม เพราะผู้เขียนชอบแอบเติม Candied orange peel หรือผิวส้มเชื่อมลงไปด้วย เพื่อเสริมกลิ่นหอมๆ ให้แทรกซึมอยู่ในเนื้อขนม แม้จะแอบเติมลงไปแต่ก็กลัวความหวานผิดแผกต้นตำรับ เลยใช้น้ำร้อนล้างเอาความหวานของส้มเชื่อมออกไปรอบหนึ่งเสียก่อน นำมาหั่นเป็นเต๋า เติมลงในแป้งก่อนจะเติมของเหลว เพื่อให้เนื้อผลไม้กระจายได้ง่ายในเนื้อขนมเวลาขึ้นรูป

กว่าจะได้สูตรที่ลงตัว ยอมรับว่าผิดพลาดกับการทำสโคนมาหลายครั้ง เคล็ดลับแรกที่อยากนำเสนอคือ เนยจำเป็นต้องเป็นเนยคุณภาพดีที่สุดที่หาได้ ถ้ามีกำลังใช้เนยที่มาจากฝรั่งเศส หรือแหล่งเนยดีๆ อื่นๆ แนะนำให้เลือกใช้ได้เลย

ลำดับถัดมาคือ แนะนำให้ส่วนผสมอื่นๆ เย็นจัดไปด้วย ทั้งครีมและไข่ไก่ แตกต่างจากตอนที่พวกเค้ก ที่ส่วนผสมจะต้องอยู่ที่อุณหภูมิห้อง สำหรับสโคนจะต้องเย็นจัดเท่านั้น เพื่อให้เนยอยู่ตัว เนื้อสโคนถึงจะร่วนอร่อย

ฝีมือของผู้ทำขนม มีส่วนมากสำหรับสโคน ต้องเป็นคนมือเบาไม่นวด เพราะจะทำให้เนื้อสโคนแน่น ไม่อร่อย ขอแค่ตบๆ เข้ามาเกาะกันอย่างหลวมๆ วิธีนี้จะช่วยให้ขนมอบออกมาแล้วเบาฟูดูน่ากิน แถมยังแตกกลางเป็น 2 ส่วน ช่วยให้อู้หูเวลาเห็นสโคนอยู่ในจาน

สุดท้ายอุณหภูมิเตาอบที่ร้อนจัดๆ จะช่วยให้สโคน “Spring” ตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนมีรอยแยก อบที่อุณหภูมิสูงคือ 200 °C ขึ้นไปแบบนี้ รับรองว่าขนมจะขึ้นได้ดีและดูน่ากินที่สุด แต่ต้องระวังเพราะสโคนอบสุกได้ง่ายมาก เพียง 10-15 นาที สำหรับขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 2 นิ้ว ก็พร้อมสุกและทำให้ครัวหอมฟุ้งในเวลาแป๊บเดียวแล้ว

นำสโคนออกมาพักนอกเตาอบสักครู่ก่อนรับประทานกับวิปครีมตีให้คงตัวกับแยม หรือใครหา Clotted cream ได้ก็ยิ่งอร่อย ถ้าไม่ได้ลองใช้เป็น Mascapone cheese ของอิตาลีที่หาได้ง่ายกว่า พอทดแทนกันได้ไม่ยาก

สโคนสูตรนี้ทำเป็นชุดของขวัญสำหรับคนพิเศษยิ่งน่าประทับใจ เพราะอุ่นได้ง่าย ใช้ไมโครเวฟเพียง 15 วินาที จะได้ขนมนุ่มๆ กินคู่กับแยมสตรอเบอร์รี่และน้ำชา อร่อยเป็นที่สุด ห่อใส่กล่องพลาสติกปิดฝาแน่น แล้วใช้กระดาษห่อผูกด้ายเลียนแบบไปรษณีย์โบราณ ช่วยให้ได้ชุดขนมน่ารักเป็นของขวัญสำหรับเทศกาลปีใหม่ที่ใกล้เข้ามา

Cookool Grand Marnier Cream Scone

สำหรับสโคน

– แป้งอเนกประสงค์ 130 กรัม

– แป้งเค้ก 100 กรัม

– ผงฟู 13 กรัม

– น้ำตาลทรายละเอียด 40 กรัม

– เกลือป่น 1 ส่วน 4 ช้อนชา

– เนยจืด 70 กรัม

– ไข่ไก่ 1 ฟอง

– วิปปิ้งครีม 75 กรัม

– เหล้ากรองด์มานิเอร์ 1 ช้อนโต๊ะ

(เปลี่ยนเป็นกลิ่นวานิลลา หากต้องการเลี่ยงแอลกอฮอล์ได้)ผลไม้แห้ง เช่น แครนเบอร์รี่ ลูกเกดขาว ส้มแช่อิ่ม หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ประมาณครึ่งถ้วยตวงEgg Wash : ไข่แดง 1 ฟอง + น้ำสะอาด 1 ช้อนโต๊ะ ตีให้เข้ากัน สำหรับทาหน้าสโคน

สำหรับแยมสตรอเบอร์รี่โฮมเมด

– สตรอเบอร์รี่แช่แข็ง 250 กรัม

– น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

– สำหรับสโคน : ตัดเนยจืดให้เป็นชิ้นเล็กๆ แช่เย็นไว้ให้เย็น

-ร่อนแป้งทั้งสองชนิด น้ำตาลทราย ผงฟู เกลือ เข้าด้วยกัน

– ผสมครีมและเหล้าเข้าด้วยกัน พักไว้ในตู้เย็น สักพักตอกไข่ใส่ลงไป

– ตัดเนยจืดกับแป้งเข้าด้วยกันด้วยส้อม หรือถ้าจะให้ดีคือ Pastry Cutter ถ้าเติมพวกผลไม้แห้ง แนะนำในขั้นตอนนี้ได้เลย

– เติมครีมที่ผสมไว้ลงไป ผสมพอแค่เข้ากัน พยายามอย่านวด

– เทโดลงบนแผ่นพลาสติกที่ปูไว้ ตบเบาๆ พอให้เกาะกันและมีความหนาเท่ากันทั้งแผ่น (ถ้าขนมเละไป แนะนำให้เอาไปแช่เย็นไว้ประมาณ 30 นาที)

– อุ่นเตาอบไว้ 220 °C เตรียมถาดอบ ปูกระดาษไขไว้

– ใช้ที่กดกดขนมออกมาเป็นชิ้นๆ เรียงใส่ถาด ทาด้วย Egg washเฉพาะด้านบน อบประมาณ 12 นาที

– พักไว้จนอุ่นๆ พร้อมเสิร์ฟ

– วิธีเก็บ เก็บในกล่องหรือภาชนะปิดสนิท ที่อุณหภูมิห้องได้ 2-3วัน หรือห่อพลาสติกไว้ แช่เย็นไว้ นำออกมาพักที่อุณหภูมิห้อง15-20 นาที แล้วอุ่นไมโครเวฟประมาณ 20 นาที

– สำหรับแยม : เติมน้ำตาลและสตรอเบอร์รี่แช่แข็งลงในหม้อตั้งไฟอ่อนๆ ประมาณ 15 นาที คนไปเรื่อยๆ จนเนื้อสตรอเบอร์รี่ข้นขึ้น เคี่ยวต่อจนได้ลักษณะคล้ายแยม เนื้อสตรอเบอร์รี่จะค่อยเละแบบบี้ ได้ ยกลงจากเตา ทำให้เย็นลงอย่างรวดเร็วใส่กระปุกเก็บไว้

 

Festive Holiday Cranberry Bliss Bar

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

13 ธันวาคม 2558 เวลา 13:20 น…. อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/travel/restaurant/404745

Festive Holiday Cranberry Bliss Bar

โดย…สีวลี ตรีวิศวเวทย์ ภาพ Cookool Studio

เมนูขนมประจำเทศกาลในร้านที่ผู้เขียนเเกะสูตรมาให้คุณผู้อ่านได้ทดลองทำในฉบับนี้ ผู้เขียนเคยชิมครั้งเเรก นับมาได้ไม่ต่ำกว่า 14 ปี ลองถามน้องชายที่ยังใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา ได้ความว่า เเม้เวลาผ่านไปก็ยังมีเมนูนี้อยู่ เมนูที่ว่าคือ Cranberry Bliss Bar นั่นเอง

เอกลักษณ์ของขนม Cranberry Bliss Bar คือ เป็นขนมสไตล์ “Bar” จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับ Sheetpan Cake หรือเค้กที่อบในถาดสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดสัก 50 เซนติเมตร เเล้วนำมาตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมผืนผ้า จึงเรียกเป็น Bar หรืออาจจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส

เเครนเบอร์รี่บลิสบาร์ มีลักษณะเนื้อเค้กได้หลายรูปเเบบ อย่างในอเมริกาค่อนข้างคล้ายไปทางเเครอตเค้ก คือ เนื้อไม่เเน่นมาก ออกฟูนิดๆ เเต่จะหนึบๆ หน่อย คล้ายกับจะมีไข่ไก่เป็นส่วนผสมหลักสไตล์บราวนี่บางสูตร ที่ญี่ปุ่นจะคล้ายๆ ขนม Blondie มีเนยเป็นส่วนผสมหลัก ส่วนที่ฮ่องกงจะออกไปทางเเห้งๆ สักนิด เพื่อให้รับประทานคู่กับ Frosting ด้านบนที่ทุกที่คล้ายกันหมด คือ เป็น Cream Cheese Frosting เเล้วโรย Cransin หรือ Cranberry แห้งสีเเดงสวยเข้ากับเทศกาลสังสรรค์

ผู้เขียนทดลองทำสูตรขนมที่คล้ายกับต้นตำรับมา 5 สูตร เลือกสูตรที่ง่ายๆ มานำเสนอในฉบับนี้ เนื้อของขนมจะอร่อยเเม้ว่าจะเเช่เย็น หรืออยู่ที่อุณหภูมิห้อง เพราะมีส่วนผสมเนยอยู่ไม่มาก จึงสามารถอร่อยได้ทุกอุณหภูมิ ถ้ามีเนยเป็นส่วนผสมหลัก หากรับประทานทันทีที่ออกจากตู้เย็น เนื้อขนมจะกระด้างกว่าไม่อร่อย

เนื้อของ Cranberry Bliss Bar ในเเบบของ Cookool นั้น จึงนุ่มๆ หนึบๆ มีส่วนผสมของเเครนเบอร์รี่กระจายอยู่ในเนื้อขนม เพิ่มความเข้มข้นด้วย Baking Chocolate ที่เป็น White Chocolate มาเป็นส่วนผสมด้วย กินเเล้วจะหวานๆ ซ้อนเปรี้ยว เข้ากับครีมชีสด้านบนเป็นอย่างดี

ขนมฝรั่งในช่วง Festive ขาดไม่ได้เลยต้องมีกลิ่นหอมๆ ของเครื่องเทศ อย่างอบเชย ลูกจันทน์ป่น กานพลู สำหรับเราคนไทยหากไม่คุ้น อาจเลือกที่จะไม่เติมความหอมด้วยเหล่าเครื่องเทศเเบบนี้ สำหรับผู้เขียนเเนะนำให้ “พบกันครึ่งทาง” คือ เติมเเต่งกลิ่นด้วยเครื่องเทศเเต่พอดี เน้นอบเชยที่กินง่ายหน่อย คู่กับลูกจันทน์ป่นที่เข้ามาช่วยสร้างสมดุลของกลิ่นอบเชยไม่ให้นำโด่งเตะจมูกนัก

เคล็ดลับหนึ่งที่ผู้เขียนคิดว่าทำให้สูตรของ Cookool เลียนเเบบออกมาได้อร่อยกว่า คือ เติมเเยมส้ม Marmalade เเบบน้ำตาลน้อย Low Sugar ลงในส่วนผสม Creamcheese Frosting นอกจากจะได้กลิ่นหอมสดชื่นที่ปลายลิ้นเเล้ว ยังสร้างเสน่ห์ให้กับขนมสูตรนี้ได้เป็นอย่างดี

Cranberry Bliss Bar ตามสไตล์ Cookool

สำหรับขนม

ไข่ไก่ 3 ฟอง

น้ำตาลทรายเเดง 220 กรัม

เนยจืด ละลาย 85 กรัม

เเป้งอเนกประสงค์ 230 กรัม

อบเชยป่น 1/2 ช้อนชา

ลูกจันทน์ป่น 1/4 ช้อนชา

เกลือป่น 1/8 ช้อนชา

กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

ช็อกโกเเลตชิปขาว 1/2 ถ้วย

เเครนเบอร์รี่เเห้ง 1/2 ถ้วย

สำหรับหน้าขนม Cream cheese frosting

ครีมชีส 2 ก้อน

น้ำตาลไอซิ่ง 2/3 ถ้วย

กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

เเยมผิวส้ม 2 ช้อนโต๊ะพูน

สำหรับตกเเต่ง

เเครนเบอร์รี่เเห้ง 1/2 ถ้วย

สับหยาบๆ

ช็อกโกเเลตขาวละลาย 1/4 ถ้วย

วิธีทำ

• อุ่นเตาอบที่ 190 เซลเซียส เตรียมถาดอบขนาด 50 ซม. ทาเนยบางๆ ปูกระดาษไขที่ก้นถาด

• ตีไข่ไก่กับน้ำตาลทรายเเดงเเละเกลือป่น จนข้นเป็นริ้ว ประมาณ 8 นาที

• เติมเนยจืดละลายที่ไม่ร้อนเเละไม่เย็นจนเกินไป ลงไปเป็นสาย ตีจนเข้ากัน

• เติมเเป้งอเนกประสงค์ที่ร่อนกับลูกจันทน์เเละอบเชย ลงไป

• ใส่วานิลลา ช็อกโกเเลตชิป เเละผลไม้เเห้ง

• เทส่วนผสมลงในถาดอบ นำเข้าเตาอบ อบเป็นเวลา 12-15 นาที นำออกมาพักไว้บนตะเเกรง รอให้เย็นสนิท

• ระหว่างที่รอ ตีครีมชีสให้นุ่ม เติมน้ำตาลไอซิ่ง เเยมส้ม เเละกลิ่นวานิลลาลงไป ตีต่อให้เข้ากันเป็นครีมนุ่มๆ

• เมื่อขนมเย็นสนิทดีเเล้ว ปาดครีมชีสลงให้ทั่วหนาเท่าๆ กัน โรยด้วยเเครนเบอร์รี่เเห้งที่สับไว้หยาบๆ เเล้วบีบช็อกโกเเลตขาวเป็นเส้นๆ ริ้วๆ สำหรับตกเเต่ง

• นำขนมทั้งถาดเข้าตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนนำมาตัดเป็นขนาดที่ต้องการ

• วิธีเก็บขนมนี้ สามารถเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องในภาชนะปิดสนิทได้ 3-4 วัน หรือเก็บไว้ในภาชนะปิดสนิทในตู้เย็นได้ถึง 7-10 วัน