ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/entertain/210793
ห่างหายจากหน้าจอทีวี.ไปนานสำหรับนักแสดงลูกครึ่ง “วาเนสซ่า บีเวอร์” หรือ “วาเนสซ่า สีมานะชัยสิทธิ์” ล่าสุดเธอกลับมาเล่นละครให้แฟนๆ ได้หายคิดถึงกันอีกครั้งกับละครเรื่อง “ขุนกระทิง” ทางช่อง 7..สตาร์เรโทรสัปดาห์นี้จึงขอหยิบชีวิตหลังแต่งงานของเธอกับตากล้องมือโปร “ตี้-กฤษณัฏฐ์ สีมานะชัยสิทธิ์” และลูกชายทั้งสองมาอัพเดท รวมทั้งโปรเจกท์ในฝันกับการเป็นผู้จัดละคร!?
ชีวิตในวันนี้ของ วาเนสซ่า บีเวอร์
ตอนนี้ทำบริษัทให้เช่าแบรนด์วิชทั่วไปคือเช่าช่องสัญญาณออกอากาศ คล้ายๆ ช่องแซดเทอร์ไลท์ ทำมาเกือบ 6 ปีแล้วค่ะ ประจวบเหมาะกับคลอดลูก ซึ่งตอนนั้นตรงกับเดือนธันวาคม เลยพักงานในวงการไปก่อน แล้วก็ออกมาช่วยงานพี่ชาย (โอลิเวอร์ บีเวอร์) ทำละคร ล่าสุดตอนนี้กลับมาเล่นละครแล้วเมื่อปี 2558 เรื่อง “ขุนกระทิง” เล่นช่วงท้องด้วย พอหลังจากคลอดเสร็จยังไปถ่ายอยู่เลย (หัวเราะ) ถือว่าเราฟื้นตัวเร็วด้วย ตอนที่ถ่ายก็คือถ่ายถึง 5 เดือนเลยนะ แต่ก็ไม่ได้อันตราย เราเซฟและเช็คความปลอดภัยตลอดอยู่แล้ว และมีสามีเป็นตากล้องด้วย ไม่ต้องห่วง เขาจะห่วงเรา คอยดูแลเช็คให้ตลอด ทุกคนดูแลเป็นอย่างดีไม่กังวลค่ะ

หวนกลับคืนวงการแบบเต็มตัวหรือยัง
อยากมากค่ะ แต่ว่าไม่มีใครเรียกเลย หวังว่าถ้าละครออกอากาศ คงจะมีใครเห็นและเรียกเราไปบ้างเนอะ (ยิ้ม) เราสามารถเล่นได้ทุกช่องไม่เลือกค่ะ ฟรีแลนด์ และการกลับมาครั้งนี้ก็ทำให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงเยอะเลยโดยเฉพาะกล้องถ่าย เทคโนโลยีต่างๆ อลังการงานสร้างมากค่ะ
การทำงานเมื่อวันวานของ วาเนสซ่า
ตอนนี้เราเห็นการทำงานของนางเอก พระเอก เด็กๆ วัยรุ่น ก็คิดในใจนะว่า อือหือเมื่อก่อนฉันก็หุ่นแบบนี้แหละนะ เมื่อก่อนจะเป็นยุคลูกครึ่งกำลังเฟื่องฟู กำลังฮอตเลย มาแรง ใครเป็นดาราลูกครึ่งสมัยก่อนนะเป็นจุดเด่นมาก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว ลูกครึ่งเยอะเลย และการทำงานก็ต่างกันด้วย ยกตัวอย่างสมัยนี้นะ ช่างไฟ หรือ แม้กระทั่ง สวัสดิการ นักแสดงรุ่นใหม่ๆ ก็ไม่ยกมือไหว้กัน แต่นักแสดงสมัยก่อนเขายกมือไหว้หมดเลยนะแม้กระทั่งช่างไฟ สวัสดิการ คนทำงานให้เกียรติกันหมด เหมือนยุคนี้ก็จะไม่ค่อยทำกัน อันนี้จะเห็นได้ชัดเลย ความใกล้ชิดกันก็ไม่ค่อยมีแบบเมื่อก่อน หรืออาจจะด้วยเทคโนโลยีอะไรก็ตามแต่ เราอยากเห็นภาพความแน่นแฟ้นแบบเก่าๆ มากกว่า ทำงานเหมือนเป็นครอบครัวกันทุกคน นักแสดงไปนั่งกินข้าวกับช่างไฟไปนั่งกินข้าวกับตากล้อง
ย้อนวันวานกับการเป็นน้องดันให้พี่ชาย
เราเข้ามาเล่นหนัง เล่นละครก่อนแล้ว และเราเป็นคนแนะนำให้พี่เวอร์ได้เล่นหนังเรื่อง “วอนทั้งโลกโขกหัวเธอ” คือตอนนั้นเขาไม่ยอมไปแคส ยังไงก็ไม่ไป เลยขอร้องว่าไปเถอะปรากฏว่าเขาได้เล่น และหลังจากนั้นเป็นต้นมาชีวิตเขาเปลี่ยนไปเลย มีทั้งละครหนังต่างๆ นานาจนกระทั่งมาถึงทุกวันนี้จุดนี้ ในฐานะ ผู้จัดละคร ผู้กำกับ

ภูมิใจในตัวพี่ชายยังไงบ้าง
ภูมิใจค่ะ ภูมิใจที่เขาทำคนเดียวและเขาแก้ปัญหาคนเดียวทุกอย่าง เขาเก่งเขาเป็นผู้กำกับที่โอเคในระดับหนึ่ง จากแค่นักแสดงมาถึงเป็นผู้กำกับขนาดนี้ เขาทำในสิ่งที่เขาชอบ ดูหนังบู๊ก็อยากจะทำให้เป็นแบบนั้น เขาทำได้ในสิ่งที่เขาเคยพูดไว้ ถือว่าเขาโอเคมากเลยนะ
งานแสดงที่เริ่มตั้งแต่เป็นเด็กหญิง
เล่นหนังตั้งแต่อายุ 9 ขวบค่ะ เล่นเรื่อง “ชมพู่แก้มแหม่ม” เล่นเป็นนางเอกตอนเด็ก และก็เล่นหนังมาเรื่อยๆ ประมาณ 4-5 เรื่อง เรื่องสุดท้ายเล่นตอนอายุ 15 เรื่อง “หัวใจสี่สี” พี่หมิว-ลลิตา เป็นนางเอกตอนนั้นเล่นเป็นลูกของพระเอกคือ พี่ตั้ว-ศรัณยู แล้วก็ไปออกเทปด้วยช่วงนั้นประมาณอายุ 14-15 แล้วก็เล่นละครด้วยประปรายนิดๆ หน่อยๆ

กับงานเพลงในฐานะศิลปินเดี่ยว
ณ ตอนนั้นถือว่าประสบความสำเร็จนะ แต่ถ้ามาเปรียบเทียบตอนนี้จะเป็นอะไรที่เชยมาก เพราะเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน เสื้อผ้าหน้าผมจะไม่ได้เป็นเหมือนยุคปัจจุบัน ยุคนั้นที่ออกเทปจะเป็นแนวเพลงใสๆ ถ้าจะให้เอาเพลงยุคนั้นมาเทียบกับยุคนี้ ต้องบอกเลยว่าเชยสุดๆ (หัวเราะ) แต่สมัยนั้นบอกเลยว่าบูมในกลุ่มนักเรียนด้วยกันมาก ตอนนี้ถ้ามีใครมาทักก็จะแอบเขินนิดหนึ่งนะ ถ้าคนที่เขาจำเราได้ตอนออกเทปคือรุ่นเดียวกับเรา เฮ้ย!เราแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ เราจะครบ 40 แล้วนะอีกไม่กี่ปีกี่เดือน ด้วยความที่เป็นคนชอบร้องเพลง ชอบแสดง มีเลือดศิลปินอยู่บ้าง ทำได้ทุกอย่าง หรือถ้าจะให้ทำตอนนี้ก็ทำได้นะแต่ไม่ใช่แนวของตอนนี้แล้วล่ะ ด้วยอายุ ความนานที่เราเข้ามาอยู่ในวงการ ขอเล่นละครอย่างเดียวดีกว่าค่ะ
บทบาททางการแสดงที่มักจะได้รับ
ตัวร้ายค่ะ แต่ช่วงหลังๆ เริ่มเป็นแม่ละก่อนจะมาเล่นเรื่อง “ขุนกระทิง” ได้เล่นเรื่อง “ดอกฟ้ากับหมาวัด” ช่องมีเดีย เล่นเป็นแม่ “ตาล-กัญญา” (ซีเรียสไหมที่ต้องรับบทแม่?) ไม่ซีเรียสนะคะ แต่ด้วยวัยแล้ว ลูกเราอาจจะไม่ถึงขนาดนี้ เพราะเรามีลูกช้าไปหน่อย ตอนนี้ลูกคนโตเพิ่งจะ 7 ขวบเองค่ะ
สิ่งที่อยากจะทำในวงการบันเทิง
อยากจะทำ แต่ก็คงจะไม่มีโอกาสได้ทำ ถ้าพี่เวอร์ไม่ช่วย นั่นคือ ผู้จัดฯ แต่ก็คงจะหนักเอาการอยู่เหมือนกันค่ะ เราอาจจะยังคงไม่ถึงขนาดนั้น อาจจะเป็นแค่ละครเย็น อาจจะต้องให้พี่เวอร์เป็นแบ๊กให้ เพราะเขามีประสบการณ์และรู้จักคนเยอะ อยากเป็นผู้จัดเพราะว่าเราเป็นคนชอบดูละคร และชอบแนวตบจูบ ก็อยากจะทำอะไรแซบๆ เชือดเฉือน เพราะของพี่เวอร์เขาจะทำสไตล์บู๊ไง เราอยากเลือกนักแสดงว่าคนนี้ต้องเหมาะกับบทนี้นะ อยากได้คนนี้มาเล่น คนนี้เล่นถึงในอนาคตถ้ามีช่องทางและพี่เวอร์ช่วยก็หวังว่าจะได้ทำค่ะ แต่ว่าไม่ใช่ง่ายนะสมัยนี้ต้องมีทั้ง อำนาจ เงิน และ ดวง ตอนนี้เลยขอช่วยพี่เวอร์ไปก่อน ศึกษางานเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ค่ะ

โซ่ทองคล้องใจ กับชีวิตครอบครัวในวันนี้
มีลูกชาย 2 คนค่ะ คนโตชื่อ “น้องวินเธอร์” 7 ขวบ คนเล็กชื่อ “น้องสกาย” 3 เดือน ผู้ชายทั้งคู่ คนโตจะเป็นเด็กขี้อายมาก แต่ก็มีความมั่นใจส่วนหนึ่ง เราเคยสอนเขาไว้ คือเรากลัวไงคนสมัยนี้น่ากลัว ก็จะไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้า เขาก็จะจำ ถ้าใครแปลกหน้ามา เขาก็จะไม่คุยด้วย แต่ถ้ารู้จักแล้วก็คุยปกติ แค่เป็นคนที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ส่วนเรื่องการเลี้ยงยากเลี้ยงง่าย คนโตจะเลี้ยงง่ายกว่าคนเล็กนิดหน่อย (หัวเราะ) ตอนนี้ก็ปิดอู่แล้ว ไม่ไหวแล้ว ท้องคนที่สองนี่หนักมาก เพราะอายุเราเยอะ ค่อนข้างจะลำบาก ร่างกายไม่ได้กระปรี้กระเปร่า เดินเหินง่ายเหมือนสมัยท้องแรก
บทบาทการเป็นคุณแม่ของ วาเนสซ่า
ลูกชายบอกว่าดุนะ ก็กลัวที่สุด ใครพูดไม่ฟัง ถ้าคุณแม่พูด หยุดฟังทันที เราจะเลี้ยงลูกแบบค่อนข้างจะปล่อยนิดหนึ่ง ให้เขาเรียนรู้ความเจ็บด้วยตัวเอง เช่น ถ้าจะเล่นอะไรที่เจ็บตัวบอกแล้วไม่ฟัง เราก็จะบอกว่า แล้วแต่นะ ถ้าเจ็บนี่ตีซ้ำนะ ซึ่งเราก็ทำจริงๆ เพราะเราถือว่าเราบอก เราเตือนแล้วไม่ฟังไม่เชื่อ อยากเจ็บก็ลองดู ส่วนคุณพ่อนั้นไม่ดุเลย ใจดี ตามใจตลอด มีครั้งหนึ่งลูกเถียงกับคุณยาย เราจะเดินไปตีเขา แล้วเขาหลบ ช่วงที่หลบเขาหกล้ม มุมโต๊ะขูด ในใจเรานี่นะแบบว่า เจ็บแทนลูก ตรงหน้าอกเขาเป็นรอยทาง เขาร้องไห้ใหญ่เลย แล้วเราก็เข้าไปโอ๋เขาไม่ได้ด้วย เพราะเขาผิด ก็ต้องรอสักพัก เพราะถ้าทำเดี๋ยวนั้นเลย เขาจะได้ใจ ทั้งที่ในใจสงสารลูกใจจะขาด แต่ก็ต้องใจแข็ง ไม่งั้นต่อไปจะเป็นยังไง ถ้าเขาแกล้งล้มขึ้นมา เด็กเขาเรียนรู้เร็วด้วย ว่าจะมีวิธีไหนที่พ่อแม่ตามใจและเอาชนะพ่อแม่ ฉะนั้นเราจะต้องใจแข็งและเด็ดขาด เราก็อาศัยประสบการณ์จากการอ่านหนังสือ จากคุณแม่ของเรา มาผสมผสานกัน แล้วเลี้ยงเขาออกมาในแบบของเรานี่แหละค่ะ ซึ่งวิธีของเราก็อาจจะไม่ได้บอกว่าลูกเราดีเต็มร้อย เพราะยังไงเด็กทุกคนก็มีส่วนเด่นส่วนด้อยในตัวของเขาเอง เขาก็ไม่ได้เป็นเด็กที่ดื้อถึงขั้นเอาไม่อยู่ หรือนิสัยไม่ดี เขาเป็นเด็กที่กลางๆ

เทคนิคการเลี้ยงลูกชาย
ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิง ความรู้สึกความอ่อนไหวต่างกันนะ เราเป็นแม่บอกรักเขาทุกวัน แต่เขาไม่บอกรักเราเลย ช่วงหลังๆ ก็จะงอน วินเธอร์ทำไมต้องให้ม่ามี้ถามว่า เลิฟยูหรือเปล่าวินเธอร์บอกม่ามี้ไม่ได้เหรอ พูดบ่อยมาก แต่ล่าสุดมาบอกละ ม่ามี้ เลิฟยูเราก็อยากจะได้ยินคำหวานๆ จากลูกเนอะ แล้วบางทีพ่อเขาได้ยินก็จะแซวไม่เห็นบอกรัก ป๊ะป๋า บ้างเลย คือด้วยความเป็นเด็กผู้ชายไง ก็จะไม่มีมุมแบบเด็กผู้หญิง เราก็พยายามปลูกฝังให้เป็นผู้ชายที่อ่อนโยน กอดหอม บ่อยๆ ทำกับเขาเรื่อยๆ ประจำโตขึ้นไปจะได้เทคแคร์ดูแลผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ชีวิตเขาเพราะผู้หญิงโดยส่วนใหญ่ชอบผู้ชายแบบนี้อยู่แล้ว ถูกไหมคะ ไม่ใช่ผู้ชายแข็งกระด้าง
มีเลือดศิลปินแบบคุณแม่หรือคุณลุง (โอลิเวอร์ บีเวอร์) บ้างไหม
คงจะยากค่ะ เพราะเป็นคนขี้อาย และต้องฝึกเยอะๆ แต่เขาจะเดินแบบบ่อย เรื่องการแสดงคงจะยัง เขาเป็นลูกเสี้ยวเพราะพ่อเขาเป็นคนจีน ก็ขาว สูง ดีแล้วไม่ได้เหมือนแม่ (หัวเราะร่วน) อนาคตเขาจะเลือกทางไหนเดินแบบถ่ายแบบหรือเล่นละครเราแล้วแต่เขาเลยค่ะ ไม่บังคับ อยากจะเป็นอะไรเราก็พร้อมสนับสนุนเต็มที่ค่ะ

ผลงานของคุณแม่ในสายตาลูก
เขาจะถามเกี่ยวกับตัวละครนั้นมากกว่า ทำไมต้องเป็นแบบนั้น ทำไมต้องทำอย่างนี้ แล้วเราก็จะคอยบอกเขาตลอดว่านี่เลือดปลอมนะ ในชีวิตจริงเขาไม่ฆ่าคนจริงๆ เราจะบอกเขาตลอดเวลาว่าตัวละครทำอย่างนี้เพราะอะไรในชีวิตจริงไม่มีนะ เป็นแบบนี้ พี่เวอร์จะเล่นเป็นตัวร้ายหรือตัวไม่ดียังไงเขาก็แยกแยะออกได้ว่านี่คือการแสดง คือเขาจะเรียกพี่เวอร์ว่า หว้าวี่ เพราะตอนเด็กพูด ลุงเวอร์ ไม่ได้ แล้วคำพูดที่ออกเสียง หว้าวี่ เหมือนหนังการ์ตูนเรื่อง วอร์ จะมีตัวการ์ตูนในนั้นชื่อ หว้าวี่ แล้วเขาก็จำ และมาเรียกพี่เวอร์ว่า หว้าวี่ ทุกวันนี้ก็เรียกแบบนี้ ซึ่งพี่เวอร์เองก็ไม่ให้หลานเรียกลุง จริงๆ ให้เรียก พี่เวอร์ คือเขาก็ไม่อยากดูแก่ (หัวเราะ) พอเวลาพามากองถ่ายก็จะชอบไม่อยากกลับอยู่จนดึกดื่น
สามีที่น่าภาคภูมิใจ
“พี่ตี้-กฤษณัฏฐ์ สีมานะชัยสิทธิ์” ก่อนหน้านี้ทางบ้านเขาทำโรงงานส่วนตัว พ่อแม่เขาทำในลักษณะธุรกิจครอบครัว แต่ด้วยความที่เขาทำงานกับครอบครัวมาตลอดก็จะไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร เพราะเขาเจอแต่เหล็ก อยู่แต่ในโรงงานเหล็กของเขา พอเขาได้มารู้จักกล้องตอนแรกเลยก็ประจวบเหมาะทำบริษัทให้เช่ากล้องไปเลย โอเคถ้าพี่เวอร์เปิดละครก็ใช้กล้องของเขาไปเลย แล้วเขาก็เป็นตากล้อง เขาก็ถ่ายไปด้วย คือเป็นบริษัทกล้องของเขา บริษัทวีแคม ให้เช่าอุปกรณ์ถ่ายทำทั่วไป นอกจากของพี่เวอร์ก็จะมีของทางช่อง 8 แล้วก็ช่อง One ด้วย เราก็เข้าไปดูในเรื่องของบัญชีให้ค่ะ
เส้นทางธุรกิจ
ยากนิดหนึ่งค่ะ เพราะว่าอะไรก็แพง และเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่ได้กำไรเยอะ แต่ว่าถ้าเขาชอบ ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบก็แฮปปี้ที่สุด เรียกว่าเอื้ออำนวยกับงานของพี่เวอร์ด้วย ลงล็อกกันพอดี

ภูมิใจในผลงานของกันและกัน
ไม่ได้ชื่นชมอะไร แต่ว่าพี่เวอร์จะพูดว่า ดีขึ้น เก่งขึ้นนะ หมายถึงว่าตัวพี่ตี้นะคะ ซึ่งเราก็รู้สึกภูมิใจในตัวสามีเราเหมือนกัน เพราะแต่ก่อนเขาไม่ได้เป็นตากล้องโดยตรง แต่เขามาถึงขนาดนี้แล้วก็ถือว่าดีมากๆ ก็คงจะเป็นเรื่องของพรแสวงและด้วยใจรักที่เขาพยายามเรียนรู้และอยากจะทำ ตอนนี้ก็ยึดเป็นอาชีพหลักมาสักประมาณ 2 ปีแล้วค่ะ และด้วยความที่กองของพี่เวอร์เขาจะถ่ายแบบหนังมีเทคนิคพิเศษอยู่เหมือนกันตอนนี้เขาก็ถือว่าเป็นอีกคนที่เรียกราคาค่าตัวได้ (ยิ้มภูมิใจ)
วงการบันเทิงให้อะไรในชีวิต
ประสบการณ์ค่ะ เราได้รู้จักคนเยอะ ได้รู้จักว่านิสัยคนเป็นแบบนี้พราะอะไร เราจะต้องเข้ากับคนแบบนี้ได้อย่างไร จริงๆ มันก็อยู่ยากสำหรับคนที่อยู่ไม่เป็น แต่อยู่ง่ายสำหรับคนที่รู้จักว่าควรจะอยู่อย่างไร แต่ก็ไม่ง่ายที่จะรู้จักวงการนี้แล้วอยู่ให้เป็น ถึงแม้เราจะเป็นครอบครัวคนวงการบันเทิงโดยตรง ก็ยังไม่ง่ายที่จะรู้ว่าอยู่อย่างไรให้เป็น แต่ก็ต้องเรียนรู้ค่ะ คนที่อยู่ในวงการต้องไม่หยุดที่จะเรียนรู้จากคนในวงการเดียวกัน

คติในการดำเนินชีวิต
ทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน ก็จะคิดอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เก็บความผิดพลาดของเมื่อวานมาแก้ไขในวันนี้ จะใช้หลักนี้ไม่ว่าจะเลี้ยงลูกหรือดำเนินชีวิตประจำวัน ทั้งครอบครัว และคนรอบข้าง
ฝากผลงานล่าสุด
ฝากละครเรื่อง ขุนกระทิง ค่ะ กำลังออนแอร์ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ หลังข่าวช่อง 7 สีหลังจากหายไปนาน กลับมาเล่นอีกครั้ง และก็ขอฝากถึงผู้ชมและผู้จัดด้วยนะคะว่าวาเนสซ่า กลับมาแล้วค่ะ ว่างอยู่ ติดต่อได้ บทอะไรก็รับหมดค่ะ(หัวเราะ)
“วงการบันเทิงอยู่ยากสำหรับคนที่อยู่ไม่เป็น แต่อยู่ง่ายสำหรับคนที่รู้จักว่าควรจะอยู่อย่างไร…คนที่อยู่ในวงการต้องไม่หยุดที่จะเรียนรู้จากคนในวงการเดียวกัน” และนี่คือ “วาเนสซ่า บีเวอร์” อดีตนักร้องนักแสดงสาวลูกครึ่ง และปัจจุบันกับบทบาทการเป็นคุณแม่ของลูกชายวัยกำลังน่ารัก
กุหลาบสีเงิน


















































































