ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/entertain/310524

Star Retro : ต๋อย ไฮแจ็ค ความบังเอิญ นำไปสู่ความสำเร็จ
เป็นอีกหนึ่งกลุ่มศิลปินขวัญใจวัยรุ่นในยุค 90 ที่ยังคงอยู่ในใจแฟนเพลง สำหรับวง “ไฮแจ็ค” สตาร์เรโทรเคยมีโอกาสพูดคุยกับ 2 หนุ่ม “เอ็กซ์” และ “ผี” กันไปแล้วคราวนี้ถึงคิวของพี่ใหญ่อย่าง “ต๋อย ไฮแจ็ค” ที่พร้อมบอกเล่าเรื่องราวชีวิต พร้อมอัพเดทความเป็นไปแบบละเอียดยิบ
“ตอนนี้หลักๆ คือผมดูฮวงจุ้ยและสัมมนาเรื่องฮวงจุ้ย ซึ่งทำมาประมาณ 3-4 ปีแล้วครับ อย่างอื่นที่ทำเป็นงานอดิเรกก็คืออยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ ในวงการบันเทิงมี “พี่โหน่ง วีระชัย” ซึ่งเป็นผู้กำกับละคร แล้วเขาทำรายการเฮฮาบ้ากอล์ฟ เราก็ไปช่วยทำออแกไนซ์ จัดอีเวนท์ดารา ทำการกุศลกัน แล้วก็ไปตีกอล์ฟกัน มีดารานักแสดงประมาณร้อยคนอยู่ในกลุ่มหมุนเวียน ใครว่างก็ไป”
สาเหตุที่หันมาสนใจเรื่องฮวงจุ้ย
เป็นฮวงจุ้ยเชิงวิทยาศาสตร์นะครับ คือเราไม่มีสิ่งของอะไรที่เป็นไสยศาสตร์มาวางเลย เน้นลมแสงสีเสียงแรกเริ่มเลยคือแฟนผมเป็นแอร์โฮสเตสมา 20 กว่าปีเขาก็รู้สึกเบื่อ ชวนว่าออกมาหาอะไรทำดีไหม แล้วเราสองคนไม่ชอบอะไรที่เกี่ยวกับไสยศาสตร์อยู่แล้ว และบังเอิญไปเจอหนังสือของ “อาจารย์มาศ เคหาสน์ธรรม” ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับฮวงจุ้ยเชิงวิทยาศาสตร์ เราก็เลยสนใจ อยากเรียนรู้ เลยไปลองเรียนกัน แล้วก็เกิดความเข้าใจว่าฮวงจุ้ยทางวิทยาศาสตร์ก็คือการนำเอาพลังงานที่อยู่รอบตัวเรา เข้ามาทำให้บาลานซ์กัน ดึงให้เข้ามาอยู่ในบ้านเรา แล้วเราอยู่แล้วมันก็จะดี

ยึดถือเป็นอาชีพ
ทำตรงนี้เรียกว่าเป็นอาชีพไปแล้วครับ ทำด้วยกันกับแฟน และเราก็เป็นเหมือนพีอาร์จัดคิวสัมมนาให้ คือจะคอยซัพพอร์ตและไปด้วยทุกครั้ง แล้วเราก็มีจัดสัมมนาตลอด แฟนผมคือ “ซินแสออร์” เป็นซินแสคนเดียวในประเทศไทยและในโลก ที่ดูฮวงจุ้ยแล้วอยู่กับลูกค้าตลอด เป็นที่ปรึกษา จนลูกค้าได้ในสิ่งที่ต้องการ ซึ่งถ้าให้มองภาพซินแส หรือถ้าพูดถึงซินแส คนก็จะนึกภาพถึงอาแปะแก่ๆ มีหนวด แต่ว่าซินแสออร์จะเป็นผู้หญิงยุคใหม่ แฟชั่น แต่งตัวโมเดิร์นเก๋ๆ คนจะไม่คิดว่าเป็นซินแสเลย คือเราอยากให้คนเปลี่ยนลุค เลิกมองว่าซินแสต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ อยากให้ดูที่ผลงานมากกว่า และต้องบอกว่าเป็นอาชีพที่คนต้องการมากนะครับ แต่ว่าคนที่เรียนรู้เรื่องฮวงจุ้ยเชิงวิทยาศาสตร์จะน้อยมาก ผมเองไปศึกษากับอาจารย์มาศเป็นลูกศิษย์ท่านใช้หลักของอาจารย์มาศแบบร้อยเปอร์เซ็นต์รายได้ตรงนี้ก็ดีด้วย ที่ผ่านมาเราดูให้กับหลากหลายบุคคล ส่วนมากจะเป็นนักธุรกิจ บริษัทใหญ่ๆ เซเลบฯคนดังซึ่งส่วนมากเขาจะไม่ค่อยเปิดเผยตรงนี้ เราก็ต้องเอาความสบายใจของเขาเป็นหลัก แต่ส่วนใหญ่เราดูให้นักธุรกิจเป็นหลักเกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์ และทุกครั้งที่เขาแฮปปี้ประสบความสำเร็จในธุรกิจ เราก็ดีใจกับเขาด้วย
มุมมองในอดีตที่มีต่อฮวงจุ้ย
ผมไม่เคยสนใจ และไม่เคยคิดว่าจะทำเลยครับ แต่ว่าพอเราไปเรียน แล้วมันเป็นเรื่องเชิงวิทยาศาสตร์จริงๆ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเป็นอาชีพ ก็มาดูแลตัวเอง ดูแลคนรอบข้างครอบครัว คนใกล้ตัวเรา แต่เห็นผลหมดเลย และเห็นผลไวมาก จากการดูดวงชะตา เขาก็บอกว่าเราเหมาะกับอาชีพนี้ เราก็เลยมุ่งตรงมาเลยเราไม่ได้โด่งดังทางการออกทีวี. แต่มีงานเกือบทุกวันจากการที่คนบอกต่อ
เฟสตัวเองจากการเป็นศิลปินนักเต้น
ใช่ครับ เหมือนผมหยุดตรงนั้นมานานแล้วนะ แล้วเราก็มาทำเบื้องหลัง ทำเกี่ยวกับออแกไนซ์ อีเวนท์กอล์ฟ สตาร์แจม เพราะว่าเราเป็นคนชอบตีกอล์ฟ แล้วเราก็ค่อยๆ เฟสตัวเองออกมาไปทำธุรกิจเปิดร้านเปิดผับกับเพื่อนฝูงตามประสา เหมือนเรากับ “เจมส์” จะแยกออกมาเลยจากไฮแจ็ค “เอ็กซ์” เขาก็ไปเป็นนักแสดง “ผี” สอนเต้นมีโคโรกราฟบ้างตามงาน

ความบังเอิญในวันนั้น
ผมเป็นคนที่สตาร์ทจากการเต้น โดยที่ไม่ได้ชอบเต้นเลยนะ และไม่ชอบร้องเพลงด้วย แต่มันเป็นเรื่องของความบังเอิญ สมัยก่อนก็คือเดินแบบ ถ่ายแบบ และได้มาเจอ “คุณสตรอม” ที่เป็นชาวอังกฤษซึ่งมาทำคอนเสิร์ต“พี่เบิร์ด” แล้วเราก็ไปงานเดินแฟชั่นโชว์งานนึง ซึ่งเขามาโคโรกราฟให้ในงานนั้น และเขาเห็นว่าเราหน่วยก้านดีก็เลยชวนให้มาเรียน เป็นแดนเซอร์ และเขาจะสอนให้เราเป็นแดนเซอร์อาชีพ ด้วยความที่เราเป็นคนชอบออกกำลังกายอยู่แล้ว ก็เลยไปโดยไม่ได้คิดอะไร ก็ไปเรียน1 ปีเต็ม และเริ่มเต้นในงานคอนเสิร์ต ก็โอเคสนุก เต้นแล้วได้สตางค์(หัวเราะ) สมัยก่อนบุกเบิกวงการเต้นเลยอาร์เอสก็เลยชวนให้มาเล่นหนังเรื่อง “รองต๊ะแล่บแปล๊บ”คนก็ชื่นชอบ เลยรวมตัวกันมาออกเทปในนามวง “ไฮแจ็ค”เราต้องไปเรียนร้องเพลงเป็นเรื่องเป็นราว และบังเอิญดังมีชื่อเสียงกันขึ้นมาอีก เรียกว่าทุกอย่างเป็นความบังเอิญหมด ไม่ได้เป็นความชอบตั้งแต่แรกด้วย พอเรามาเรียนดวงเรียนฮวงจุ้ยเลยทำให้เรารู้ว่าทำไมเราถึงทำตรงนั้นขึ้นก็เพราะว่าธาตุของเราให้คุณ มันจะดีกับเรา ถึงว่าไงว่าทำไมบางคนเขารักเขาชอบแต่ทำไมทำไม่ขึ้น ก็เพราะว่าแบบนี้นี่เอง เรามาดูอดีตย้อนหลังของเรา เลยยิ่งทำให้เราเข้าใจ
กับความสำเร็จในวันวาน
สำหรับคนที่ไม่ได้ชอบตรงนั้นเลยแล้วมาถึงจุดนี้ได้ ผมถือว่ามันโชคดีมากเลยนะ โชคดีที่บังเอิญชีวิตและจังหวะของดวงที่เราไปจ๊ะเอ๋กับเรื่องราวเหล่านั้น ซึ่งหลายคนเขาใฝ่ฝัน บางคนมุ่งเลยด้วยซ้ำ ว่าเขาอยากจะเป็น แต่ก็ไม่ได้ ซึ่งเรามันบังเอิญทุกอย่างเลย แล้วเราได้มา เราได้สัมผัสบรรยากาศ ได้สัมผัสแฟนเพลง ซึ่งไม่น่าเชื่อ น้อยคนในประเทศที่จะมาอยู่ตรงจุดนี้ ไปไหนไปทัวร์ต่างจังหวัดก็มีแฟนคลับตามไปกรี๊ดไปให้กำลังใจ การที่คนที่เขาไม่ใช่ญาติพี่น้องและเราไม่เคยรู้จักเลย แต่เขามาชอบเรา มันเป็นบรรยากาศที่หาไม่ได้ สมัยก่อนเราเป็นแดนเซอร์เราก็จะเห็นแฟนเพลงของศิลปินอยู่แล้ว ที่เขามาชอบนักร้องที่เราเต้นให้ เราก็ได้แต่คิดว่าชีวิตนี้เราคงไม่ได้สัมผัสแบบนั้นเป็นแดนเซอร์ก็จะมีแฟนคลับเหมือนกันตาม “โลกดนตรี, 7 สีคอนเสิร์ต” แค่นี้เราก็แฮปปี้แล้ว แต่แล้วก็บังเอิญได้มาเป็นนักร้องโดยที่เราไม่ได้คิด มันเป็นเรื่องที่ครั้งหนึ่งในชีวิตไม่เคยลืมอยู่แล้ว เราร้องเพลงเสร็จมีคนพับนกกระดาษพับดาวมาให้แล้วบอกว่าหนูไม่ได้นอนสองวันเลยเนี่ย พับมาให้ เราฟังแล้วเรารู้สึกปลื้มมาก ทั้งที่เราไม่ได้เป็นคนสำคัญไม่ได้เป็นพ่อแม่พี่น้องเขา แต่เขาก็ให้ความสำคัญเรา เราสัมผัสได้เลยว่ามันหาที่ไหนไม่ได้หรอกบรรยากาศแบบนี้

ทักษะการร้อง-เต้น
สำหรับผมเต้นง่ายกว่า แต่ร้องเพลงเป็นอะไรที่ยากมาก เพราะว่าเราต้องมาปรับ เราเป็นคนเสียงแหบด้วยแต่ก็มีเพลงประจำตัว แล้วก็ได้รับความนิยมด้วย คือ “ขอบอกเอง” ก็ฝึกแบบหนักหน่วงเลย เพราะว่าหนึ่งคือเราไม่ใช่คนที่เสียงดีมาโดยกำเนิด สองเราต้องทั้งร้องทั้งเต้น คือเราต้องมีแรงมากกว่าคนที่เขายืนร้องเฉยๆ เวลาที่ฝึกร้องเพลง ผมต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงตึกอาร์เอสเพื่อให้เหนื่อย แล้วค่อยมาร้องเพลง ถ้าเราไม่ทำแบบนี้ แล้วเราเหนื่อยๆ ไปร้องเพลงเราก็ตาย แล้วสมัยก่อนเราไม่มีการซิงก์ ทุกอย่างเราสดหมด สมัยนี้สบายแล้วมาเมคกันได้
ครอบครัว “ไฮแจ็ค”
กับเพื่อนในวงทุกวันนี้ก็ยังติดต่อพูดคุยกันอยู่ คือเราอยากดึงแฟนเพลงกลับมารวมตัวกัน เหมือนเราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่สมัยเขายังเด็กๆ เราก็อยากรู้ว่าตอนนี้ทุกคนเป็นอยู่กันยังไงบ้าง เราอยู่กันเหมือนเป็นแฟมิลี่แล้ว สมัยเด็กๆ คือเขามาชอบเราโดยที่ไม่มีข้อแม้ เราเองสมัยก่อนงานเยอะเราเลยไม่มีเวลาได้เทคแคร์พวกเขา ไม่ได้คุยกับเขาเป็นเรื่องเป็นราว ได้คุยกันแค่ผิวเผิน แต่พอมาตอนนี้เขาเกาะกลุ่มกันอยู่แล้ว เราสามารถติดต่อกันได้ คือมีเฟซบุ๊คมีไลน์ด้วย เลยสามารถดึงเขาเข้ามา ตอนนี้สมาชิกก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เราก็คุยอยากจะเจอกัน บางคนมีลูกแล้ว เราก็เลยจะเป็นเพื่อนต่อกันไปเรื่อยๆ จนแก่เฒ่าคือเราไม่ใช่ศิลปินกับแฟนเพลงแล้วนะ แต่เราเป็นพี่เป็นน้องกัน เราอยากจะคีฟตรงนี้ไปจนลูกเขาโต จนเราแก่เฒ่าไปด้วยกัน แล้วเราก็จะมีอีเวนท์ให้ทุกคนมาเจอมาจอยกัน หรือใครมีปัญหาอะไรเราพอช่วยได้เราก็จะช่วยกัน

กิจกรรมที่จะทำร่วมกับแฟนคลับ
เราจะมีมีตติ้งแบบเล็กๆ ก่อน แต่ก็คิดว่าปีนึงจะมีมีตติ้งใหญ่ๆ ทำเป็นคอนเสิร์ตปาร์ตี้ส่วนตัวของเราร้องเพลงเก่าๆ ขึ้นมาจอยกันเล่นเกม ก็พยายามคิดกันอยู่ เป็นส่วนตัวเฉพาะแฟนคลับของไฮแจ็ค แต่เราก็อยากให้ทุกคนมาร่วมกันเยอะๆมาทำความรู้จักกันมาย้อนวันวานไปด้วยกัน และถ้าเราเจอกันบ่อยๆ เราอาจจะทำเพลงอะไรกันเองสนุกๆในกลุ่มของเราเองลงยูทูบไม่ได้เกี่ยวกับสมัยเก่า แต่ถ้าเป็นโปรเจกต์ที่ทำกับค่ายคงไม่มีแล้ว เราจะทำกันเองมากกว่าสนุกๆ อยากจะร้องอะไรอยากจะทำอะไรเพื่อให้แฟนคลับได้รับความสนุกสนาน แต่ว่าการรวมกลุ่มกัน สี่คน เจมส์อาจจะมารวมกับพวกเรายากหน่อย มีตติ้งเล็กๆ อาจจะไม่ได้มา แต่ถ้าเป็นมีตติ้งใหญ่ๆ นี่ไม่พลาดเนื่องจากว่าเขาอยู่อุบลฯและเน้นไปในทางธรรมอยู่แบบสันโดษชีวจิตอยู่แบบพอเพียงเน้นธรรม ก็ไปกันคนละแนวเลยครับสี่คน
ความผูกพันของสี่หนุ่มกลุ่ม “ไฮแจ็ค”
ด้วยความที่เราเริ่มต้นมาด้วยกัน แล้วไม่ใช่ว่าอยู่ๆโดนจับคนนั้นคนนี้มา ก่อนมาเป็นนักร้องเราเป็นแดนเซอร์เราอยู่ด้วยกันมา ใช้ชีวิตด้วยกันมาหลายปี ยิ่งกว่าพี่น้อง แปดโมงเช้าเรามาซ้อมเต้นกันแล้วกว่าจะเสร็จก็เที่ยงคืนตีหนึ่งทุกวันด้วยนะเพราะว่างานเต้นเยอะมาก ชีวิตเราอยู่ที่สตูซ้อมเต้นแล้วก็ไปเต้นมีงานเกือบทุกวัน เราก็เลยทิ้งกันไม่ได้เหมือนพี่เหมือนน้องกัน อย่างผมกับผีเราจะอยู่คอนโดฯด้วยกันก็ไปซ้อมเต้นด้วยกันไปมาด้วยกันตลอด จนเป็นนักร้องค่อยแยกกันอยู่ เราไม่เคยมีเรื่องทะเลาะหรือว่ามีปัญหากันเลยนะสี่คน มีแต่แซวกันสนุกสนานมากกว่า

ชีวิตคู่และครอบครัว
ยังไม่ได้แต่งงานครับ แต่ก็มีโครงการนะว่าถ้าเราโอเคแล้ว พ่อแม่ทุกคนก็รับรู้คือถ้าถึงช่วงนึงเราก็ต้องแต่งงานให้ผู้ใหญ่สบายใจ เราก็พาลูกเขามาก็อยากให้พ่อแม่ญาติพี่น้องเขาสบายใจในขนบธรรมเนียมประเพณีของคนไทย อาจจะสักปีหน้าอาจจะมีข่าวดีครับ เราคบกันมาจะสิบปีแล้วครับ ประทับใจเขาคือด้วยนิสัย สิ่งที่ชอบทุกอย่างมันใกล้เคียงกันหมดพอมาดูดวงทุกอย่างเราลงล็อกกันคือในแง่ของนิสัยชอบเหมือนกัน ชอบไปเที่ยวเหมือนกัน เหมือนเราเป็นเขาในแบบผู้หญิง เขาก็เป็นเราในแบบผู้ชาย มันเลยอยู่ด้วยกันได้อย่างไม่มีปัญหาเราสองคนอยู่ด้วยกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงมาเป็นสิบปีแล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยากนะการที่คนเราทำงานด้วยกันอยู่ด้วยกันตลอดแล้วจะไม่ทะเลาะกัน ส่วนเรื่องลูกไม่มีแล้วครับเพราะว่าเราเองก็อายุเยอะแล้ว และเราอยากใช้ชีวิตตรงนี้อยากจะช่วยคนมากกว่า ถ้ามีลูกตอนนี้คงจะไม่ไหวแล้ว คือมันเป็นภาระแล้วเราต้องทุ่มเทกับเขาให้เวลาเขา โดยที่เราจะมาทำงานตรงนี้ไม่ได้เลย
โปรเจกท์ที่อยากทำ
โปรเจกท์ต่อไปคือเราอยากจะทำรายการลงยูทูบเผยแพร่ให้คนได้รู้ได้กว้างขวางขึ้นบอกความรู้กี่ยวกับเรื่องฮวงจุ้ยให้คนมาดูว่าการดูแลบ้านพื้นฐานต้องทำยังไงเราจะมีช่องทางบอกเรื่อยๆ และมีสัมมนาเรื่อยๆ ส่วนงานร้องเพลงงานเต้นก็ยังคิดถึงอยู่นะ ถ้ามีโอกาสได้ทำก็แฮปปี้ที่จะทำ แต่ถ้าไม่มีโอกาสก็ไม่เป็นไรเพราะว่าเราไม่ได้ซีเรียส ก็อยากจะมีคอนเสิร์ตแบบรวมศิลปินที่เป็นแดนซ์จริงๆ สมัยยุคนั้นของอาร์เอส “ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง” “แร็พเตอร์”“ลิฟท์ออย”“บาซู” ให้กลับมาเป็นแดนซ์ปาร์ตี้ไม่ต้องมีโต๊ะนั่ง เชิญทุกคนแดนซ์หมด(หัวเราะ) แฟนคลับอาจจะหอบหน่อย ก็ยืนเย้วๆ กันได้ครับ

ความในใจถึงแฟนๆ
ก็อยากจะบอกว่าขอบคุณแฟนเพลงพอเราย้อนกลับไปดูสิ่งที่ทำให้เราไม่ว่าจะเป็นพับดาวพับนกหรือว่าวาดรูปให้โอ้โห! การทำแต่ละอย่างมันยากมากนะ ก็อยากขอบคุณแฟนๆ ที่ตอนนี้เกาะกันเหนียวแน่นมากและยังซัพพอร์ตเรายังน่ารักกันเหมือนเดิมถ้าไม่มีพวกเขาก็คงจะไม่มีเราในปัจจุบัน อะไรที่เราพอจะช่วยได้คืนเขาได้บ้างเราก็อยากจะช่วยเหลือในแง่ไหนก็ได้ที่เราพอจะทำได้
แฟนคลับของหนุ่มต๋อยและวงไฮแจ็ค ได้ยินแบบนี้แล้วคงจะออกอาการปลื้มกันเป็นแถว
กุหลาบสีเงิน

































































