สำรวจพบ นักเรียนชั้นมัธยมฯมีความสุข กับ “เรียนออนไลน์” #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/480012

สำรวจพบ นักเรียนชั้นมัธยมฯมีความสุข กับ“เรียนออนไลน์”

22 ส.ค. 2564

50-60% นักเรียนชั้นมัธยมฯ “เรียนออนไลน์” รองเลขาฯกพฐ.ยอมรับใช้ไม่ได้ในพื้นที่ก่างไกล ไม่ได้เหมาะสมกับเด็กยากไร้ เด็กกลุ่มเปราะบาง เผย สพฐ.สั่งลดการบ้านนักเรียนแล้ว

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กระทบต่อการเรียนการสอนในห้องเรียน แต่มีโรงเรียนหลายแห่งที่มีมาตรการคุมเข้มเปิดการเรียนในโรงเรียนได้

แต่ยังมีสถานศึกษาอีกเป็นจำนวนมากเช่นกันที่ต้องปิดโรงเรียนและปรับการเรียนการสอนใหม่ หรือที่เรียกว่า“เรียนออนไลน์”

นายสนิท แย้มเกษร รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดการระบาดโควิด-19 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ได้ทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) และกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) มาโดยตลอด

ขณะนี้มีโรงเรียนที่มีการเรียนออนไลน์ และมีการสอนออนไลน์ประมาณ 50-60%จากผลสำรวจพบว่า ในโรงเรียนใหญ่ๆ ทั้งเด็กมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย มีความสุขกับการเรียนออนไลน์

แต่ในความเป็นจริงการเรียนออนไลน์ไม่ได้เหมาะสมกับทุกพื้นที่ อาทิ พื้นที่ห่างไกล หรือเด็กกลุ่มเปราะบาง ยากไร้

ดังนั้น นโยบายเรื่องการเรียนการสอนได้มีการดำเนินการสั่งการแล้วให้มีการจัดลำดับความสำคัญ สพฐ.ได้แจ้งให้ครูสั่งการบ้านให้น้อยลง ลดขั้นตอนต่างๆ เช่น การประเมินผล และโรงเรียนจะต้องมีการบูรณาการการให้การบ้านกับนักเรียน

และอีกด้านหนึ่ง กระทรวงศึกษาธิการพยายามลดภาระของผู้ปกครอง ด้วยการจัดสรรเงินอาหารกลางวันคนละ20บาทต่อวัน ส่งตรงถึงผู้ปกครองเพื่อนำเงินที่ได้ไปจัดหาซื้อหาอาหารให้เด็ก

ส่วนนมโรงเรียน ได้มีการเปลี่ยนนมพาสเจอไรซ์ มาเป็นนมยูเอชที เพื่อสะดวกในการขนส่งและเก็บไว้ได้นาน

ส่วนเรื่องการเยียวยาผู้ปกครองขณะนี้ได้มีการลดค่าเทอม และรัฐให้เงินอุดหนุนเด็กนักเรียนคนละ2,000บาท

“มทร.อีสาน” แชมป์มหาวิทยาลัยคุณภาพในกลุ่มราชมงคล 3 สมัยซ้อน #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/479970

“มทร.อีสาน” แชมป์มหาวิทยาลัยคุณภาพในกลุ่มราชมงคล 3 สมัยซ้อน

22 ส.ค. 2564

“มทร.อีสาน”เดินหน้าผลิตบัณฑิตนักปฏิบัติมืออาชีพตอบโจทย์การพัฒนาสังคมไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัล มุ่งสู่มหาวิทยาลัยคุณภาพเชิงวิชาการอันดับ1ของประเทศ หลังครองแชมป์3 สมัยซ้อนในกลุ่มราชมงคล

รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มทร.อีสาน) เปิดเผยว่า มทร.อีสาน เป็นมหาวิทยาลัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่เน้นผลิตบัณฑิตนักปฏิบัติมืออาชีพเพื่อเข้าไปตอบโจทย์การพัฒนาสังคมและประเทศชาติ

โดยในช่วงปีที่ผ่านมาท่ามกลางกระแสโลกที่เปลี่ยนไป มทร.อีสาน ได้รับนโยบายจากศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภา มทร.อีสาน ให้มุ่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ที่ตอบสนองกับการเปลี่ยนแปลงของประเทศในด้านการพัฒนาเข้าสู่ยุคดิจิทัล

ซึ่งจากการดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเต็มกำลังในการเป็นมหาวิทยาลัยดิจิทัลที่สอดรับกับการพัฒนาประเทศนั้น

ส่งผลให้ มทร.อีสาน คว้าแชมป์มหาวิทยาลัยคุณภาพจากการจัดอันดับของWebometrics Ranking of World Universitiesซึ่งจัดทำโดยCybermetrics LabหรือInternet Lab

ซึ่งเป็นกลุ่มวิจัยของสภาวิจัยแห่งชาติ ประเทศสเปน มีการประกาศผลการจัดอันดับเว็บไซต์ ผ่านทางเว็บไซต์www.webometrics.info

โดยได้จัดอันดับเว็บไซต์เพื่อวัดผลงานทางวิชาการที่มีการเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตนอกเหนือจากผลงานที่มีการตีพิมพ์ลงในวารสารหรืออื่น ๆ วัดความสามารถในการเป็น “มหาวิทยาลัยอิเล็กทรอนิกส์ (E-university)”ซึ่งมีมหาวิทยาลัยทั่วโลกเข้าร่วมการจัดอับดับทั้งสิ้น11,987แห่ง

สำหรับการจัดอันดับของWebometrics Ranking of World Universitiesมีการประกาศผลการจัดอันดับเป็นประจำทุกปี ปีละ2ครั้ง ในเดือน มกราคม และเดือน กรกฎาคม

จากการประกาศผลรอบล่าสุด มทร.อีสาน สามารถครองแชมป์มหาวิทยาลัยคุณภาพได้อย่างต่อเนื่องถึง3สมัย ในการเป็นอันดับ1จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ทั้ง9แห่ง

โดยผลการจัดอันดับ เดือนกรกฎาคม 2564 มทร.อีสาน ได้รับการจัดอันดับที่25ของประเทศ และอยู่ในอันดับที่2,990ของโลก ซึ่งในรอบที่ผ่านมาเดือน มกราคม2564อยู่อันดับที่25ของประเทศ

และอยู่ในอันดับที่3,179ของโลก และเดือน กรกฎาคม2563อยู่อันดับที่25ของประเทศ และอยู่ในอันดับที่2,939ของโลก

นอกจากนี้ หากเทียบผลการจัดอันดับของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(กลุ่มราชมงคล)ทั้ง9แห่ง ในครั้งนี้ พบว่า มทร.อีสาน อยู่อันดับที่25ของประเทศ

มทร.ธัญบุรี อันดับที่35ของประเทศ มทร.พระนคร อันดับที่42ของประเทศ มทร.ล้านนา อันดับที่46ของประเทศ มทร.รัตนโกสินทร์ อันดับที่47ของประเทศ มทร.ศรีวิชัย อันดับที่49ของประเทศ มทร.ตะวันออก อันดับที่50ของประเทศ มทร.กรุงเทพ อันดับที่54ของประเทศ และ มทร.สุวรรณภูมิ อันดับที่59ของประเทศ ตามลำดับ 

ซึ่งจะเห็นได้ว่า มทร.อีสาน แม้ว่าจะอยู่ในอันดับที่25ของประเทศติดต่อกัน3ครั้ง แต่ในครั้งล่าสุดนี้ มทร.อีสาน ได้ก้าวกระโดดในการพัฒนาศักยภาพของอาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาในการผลิตผลงานวิจัย ผลงานบริการวิชาการ รวมถึงข่าวสารให้มีการเผยแพร่ไปสู่สาธารณชนในโลกออนไลน์เยอะมากขึ้น ซึ่งทำให้ มทร.อีสาน มีผลการจัดอันดับที่น่าพึงพอใจอย่างยิ่ง และเรายังคงมุ่งหน้าพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดนิ่ง

อย่างไรก็ตามการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่มหาวิทยาลัยคุณภาพเชิงวิชาการอันดับ1ของประเทศในปัจจุบันนี้ เป็นผลพวงจากความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย ขอขอบคุณสภามหาวิทยาลัย สภาคณาจารย์ ผู้บริหาร อาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาทุกคน ที่ร่วมกันผลักดันยุทธศาสตร์สำคัญของมหาวิทยาลัยทั้งด้านของวิทยาศาสตร์สุขภาพ ด้านเกษตรอินทรีย์ การวิจัยกัญชาเพื่อการแพทย์

การขับเคลื่อนโครงข่ายระบบรางและอากาศยานของประเทศ และการพัฒนาบัณฑิตให้เป็นบัณฑิตนักปฏิบัติที่มีพลังขับเคลื่อนสังคมดิจิทัลนั้น

“ผมเชื่อมั่นว่า มทร.อีสาน มีศักยภาพและความพร้อมเป็นแกนหลักของประเทศในการพัฒนาสังคม ชุมชน และประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้นได้อย่างแน่นอนครับ ” รศ.ดร.โฆษิต กล่าวทิ้งท้าย

เช็กด่วน สพฐ.เปิดช่องทางจ่ายเงิน “เยียวยานักเรียน” โอนตรงผู้ปกครองทันที #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/479313

เช็กด่วน สพฐ.เปิดช่องทางจ่ายเงิน “เยียวยานักเรียน” โอนตรงผู้ปกครองทันที

22 ส.ค. 2564

เลขาฯกพฐ. สั่งรร.เตรียมพร้อมเปิดบัญชีรองรับการจัดสรรเงินกู้จากก.คลัง จ่ายเงิน “เยียวยานักเรียน” 2,000 บาทต่อนักเรียน 1 คน เปิดช่องทางจ่ายเงินสด-โอนตรงผู้ปกครอง/นักเรียน ได้ทันที

ความคืบหน้าหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ปกครองและนักเรียนด้านค่าใช้จ่ายทางการศึกษา จำนวน 2,000 บาทต่อนักเรียน 1 คน ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล จนถึง ม.6, ระดับอาชีวศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ในกรอบวงเงิน 23,000 ล้านบาท เพื่อให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาให้แก่ผู้ปกครอง ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

จากนั้น เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2564 นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แถลง “จุดยืนลดภาระทางการศึกษา” เพื่อชี้แจงแนวทางในการช่วยเหลือนักเรียน ผู้ปกครอง และครู ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามมาตรการลดภาระทางการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการและรัฐบาล

ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำวันที่ 17 สิงหาคม 2564  ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(เลขาธิการกพฐ.)สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งจากเดิมขั้นตอนการจ่ายเงิน “เยียวยานักเรียน” 2,000 บาทต่อนักเรียน 1 คน ให้แต่ละเขตพื้นที่การศึกษารับผิดชอบโอนให้ผู้ปกครองนักเรียน

แต่คำสั่งล่าสุด ด่วนที่สุดที่ ศธ .4006/62555  โอนกลับมาให้โรงเรียนรับผิดชอบดำเนินการจ่าย “เยียวยานักเรียน” 2,000 บาทต่อนักเรียน 1 คน และเปิดช่องทางจ่ายเป็นเงินสด หรือโอนผ่านบัญชีผู้ปกครองหรือนักเรียนก็ได้

ทั้งนี้ ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(เลขาธิการกพฐ.) ได้ออกหนังสือด่วนที่สุด มีใจความดังนี้ 

ด่วนที่สุด ที่ ศธ .๔๐๐๖/๖๒๕๕๕สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ กทม. ๑๐๓๐๐

๑๗สิงหาคม ๒๕๖๔ 

เรื่อง แจ้งการดำเนินงานตามโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19

เรียน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และผู้อำนวยการสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ

อ้างถึง หนังสือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ด่วนที่สุด ที่ ศ5 04006/ว 2487 ลงวันที่ 9 สิงหาคม 2564

ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้แจ้งแนวทางการดำเนินงาน

ตามโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพื่อสร้างความเข้าใจ เตรียมความพร้อมในการขอรับจัดสรรงบประมาณตามโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา

ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พิจารณาแล้ว เพื่อให้การดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นไปตามแนวทางการจัดสรรเงินกู้และการใช้จ่ายเงินกู้ ที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดให้หน่วยงานต้นสังกัดดำเนินการ

ตามแนวทางหรือวิธีการที่หน่วยงานกำหนดในการดำเนินโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษา ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 (รายการค่าอุปกรณ์การเรียนและเครื่องแบบนักเรียน)

จึงแจ้งให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา ทราบและดำเนินการ ดังนี้

1. ยกเลิกหนังสือฉบับที่อ้างถึงดังกล่าว

2. การเตรียมความพร้อมรองรับการจัดสรรเงินกู้

2.1 การเปิดบัญชีธนาคาร เพื่อรองรับเงินกู้ที่ขอเบิกจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จะแจ้งแนวทางและวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเปิดบัญชีให้ทราบอีกครั้ง

2.2 ดำเนินการสำรวจข้อมูลเพื่อใช้ในการจัดสรรเงินกู้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่สามารถดำเนินการจ่ายได้ทันที กรณีที่ไม่สามารถดำเนินการจ่ายได้ และกรณีที่ต้องขอรับการสนับสนุนเงินเพิ่มเติมตามแบบรายงานข้อมูลที่กำหนด

3. วิธีการเบิกจ่ายเงินให้ดำเนินการตามโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 (รายการค่าอุปกรณ์การเรียนและเครื่องแบบนักเรียน) โดยสถานศึกษาจ่ายเงินสดให้กับนักเรียนและ/หรือผู้ปกครอง

แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ยังคงทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้ปกครอง นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา จึงกำหนดวิธีการจ่ายเงิน(เพิ่มเติม) โดยให้สถานศึกษาสามารถโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารผู้ปกครองหรือนักเรียนได้ และให้จัดเก็บหลักฐานการจ่ายเงินให้ถูกต้อง ครบถ้วน เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โปร่งใส และตรวจสอบได้

4. การดำเนินงานของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา ให้เป็นไปตามแนวทางการดำเนินงานโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 สำหรับการสำรวจข้อมูลเพื่อใช้ในการจัดสรรเงินกู้ ให้ดำเนินการตามแบบรายงาน

โดยสามารถดาวน์โหลดแนวทางการดำเนินงานโครงการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และแบบรายงานข้อมูล ตาม QR CODE แนบท้ายหนังสือฉบับนี้

ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ วิธีปฏิบัติ ในการเบิกจ่ายเงินจากคลัง ของโครงการเงินกู้เพื่อให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

จึงเรียนมาเพื่อทราบและดำเนินการต่อไป ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้

ขอแสดงความนับถือ

(นายอัมพร พินะสา)

“อพวช.” มอบรางวัล โครงการ NSM Junior Science Influencers ปี 2564 #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/479915

“อพวช.” มอบรางวัล โครงการ NSM Junior Science Influencers ปี 2564

21 ส.ค. 2564

“อพวช.” มอบรางวัลโครงการ NSM Junior Science Influencers ปี 2564 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาความรู้ และศักยภาพของเยาวชนให้มีพื้นฐานที่ดีในการพัฒนาตนเองสู่การเป็นนักสื่อสารที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สู่สังคม

อพวช.มอบรางวัลโครงการ NSM Junior Science Influencers  ปี 2564 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาความรู้ และศักยภาพของเยาวชนให้มีพื้นฐานที่ดีในการพัฒนาตนเองสู่การเป็นนักสื่อสารที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สู่สังคม

ผ่านการฝึกฝนพัฒนาทักษะด้านต่างๆ เพื่อเป็นพื้นฐานสำคัญของเยาวชนในการพัฒนาศักยภาพสู่การเป็นผู้นําเสนออย่างมืออาชีพ

องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม  ประกาศผลและมอบรางวัลโครงการNSM Junior Science Influencers (NSM JSI) ในรูปแบบออนไลน์ทาง Facebook : NSMThailand

และ YouTube : NSMThailand ในวันที่ 18 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมาให้แก่เยาวชนที่เข้าร่วมในโครงการฯ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาความรู้ และศักยภาพของเยาวชนให้มีพื้นฐานที่ดีในการพัฒนาตนเองสู่การเป็นนักสื่อสารที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สู่สังคม

ผ่านการฝึกฝนพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ เพื่อเป็นพื้นฐานสำคัญของเยาวชนในการพัฒนาศักยภาพสู่การเป็นผู้นําเสนออย่างมืออาชีพ พร้อมทั้งเกิดแรงบันดาลใจในการเป็นนักถ่ายทอดเรื่องราววิทยาศาสตร์สู่สังคมได้อย่างมั่นใจ

ผศ.ดร.รวิน  ระวิวงค์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ กล่าวแสดงความยินดีและชื่นชมความสามารถของน้องๆ เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ NSM Junior Science Influencers พร้อมระบุว่า โครงการ NSM Junior Science Influencers ถูกจัดขึ้นในปี 2564 นี้เป็นปีแรก

เพื่อสร้างความตระหนัก ความสําคัญของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ผ่านการสนับสนุนพัฒนาความรู้ความสามารถ และศักยภาพของเยาวชนให้มีพื้นฐานที่ดีในการพัฒนาตนเองสู่การเป็นนักสื่อสารที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สู่สังคม ด้วยการสนับสนุนให้เยาวชนได้มีโอกาสเรียนรู้และฝึกฝน

รวมถึงพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ อาทิ การพัฒนาทักษะการสื่อสารวิทยาศาสตร์และการเป็นพิธีกรอย่างมืออาชีพ รวมถึงการพัฒนาบุคลิกภาพและเรียนรู้พื้นฐานการแสดงเพื่อค้นหาความเป็นตัวเองพร้อมทั้งการพัฒนาทักษะ EF (Executive Functions) จากวิทยากรที่มีความรู้และความสามารถระดับมืออาชีพ

ด้วยหลักสูตรการฝึกอบรม เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนสนใจในวิทยาศาสตร์และอยากถ่ายทอดเรื่องราววิทยาศาสตร์สู่สังคม พัฒนาทักษะการสื่อสารวิทยาศาสตร์ให้เยาวชนมีความรู้ ความสามารถ ในการนําเสนอเรื่องราววิทยาศาสตร์

สนับสนุนให้เยาวชนมีโอกาสสื่อสารกับประชาชนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม และสร้างเครือข่ายเยาวชนนักสื่อสารทางวิทยาศาสตร์ของประเทศ

สำหรับผลรางวัลโครงการNSMJuniorScienceInfluencers (NSM JSI)ผู้ได้รับรางวัล ได้รับทุนการศึกษาถ้วยรางวัล ใบประกาศนียบัตรพร้อมสิทธิพิเศษ บัตรสมาชิกประเภทบัตร ครอบครัวกับ อพวช. พร้อมตําแหน่ง NSM Junior Science Influencers(NSMJSI) เป็นเวลา 2 ปี ได้แก่ NSM Junior Science Influencers ระดับประถมศึกษา

รางวัลผู้นำเสนอยอดเยี่ยม 

NSM  JSI – P004  ด.ช.อภิชพัฒน์  เต็มบุญศรัณย์ (พีค)

NSM  JSI – P011 ด.ญ.ขวัญตระกูล รังกุพันธุ์ ( พอดี )

NSM  JSI – P016 ด.ช. กษพล วรรัตน์โภคิน ( กัส )

NSM  JSI – P022 ด.ญ.นภัสนันท์ รุ่งวิทยนันท์ ( บันนี่ )

รางวัลชมเชย

NSM  JSI – P010  ด.ช. ฮาริษ มาลีพันธ์ (ฮาริษ)

NSM  JSI – P015  ด.ช.ณภคพล พิทักษ์ธีระธรรม (เชน)

NSM  JSI – P020 ด.ญ.พรนรินทน์ บรรจงประเสริฐ ( เบลล์)

NSM  JSI – P026 ด.ญ.ภาพิชมนทน์ คงวุฒิปัญญา (ดีดี)
 

NSM Junior Science Influencers ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

รางวัลผู้นำเสนอยอดเยี่ยม

NSM  JSI – H006  ด.ช.วีร์ทิวัตถ์ ศิริวัฒนากร (บิงโก)

NSM  JSI – H010  ด.ช.วีรากร  ระวีกุล (อชิ)

NSM  JSI – H011  น.ส.กานต์หทัยชนก ขอผลกลาง (ปัณญ์)

NSM  JSI – H012   ด.ญ.ภัสชริภา จีระภัทร์ ( ปัณญ์)

NSM  JSI – H013  ด.ช.ภูริต จงจิระวงศา (พูม)

NSM Junior Science Influencers

รางวัล Popular Vote  

NSM  JSI – P011 ด.ญ.ขวัญตระกูล รังกุพันธุ์ ( พอดี )
 

รางวัล Popular Vote for The Best Performance

NSM  JSI – P021 ด.ญ.ตะวันฉาย จิระเจริญสุวรรณ (ซัน)

“ม.เอเชียอาคเนย์” สอบผ่านมาตรฐานวิชาชีพไอที อันดับ 1 ของไทย #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/479901

“ม.เอเชียอาคเนย์” สอบผ่านมาตรฐานวิชาชีพไอที อันดับ1ของไทย

21 ส.ค. 2564

หน่วยงานนานาชาติ ทั้งภาครัฐและเอกชน จัดสอบมาตรฐานวิชาชีพไอที ปีนี้มีนักศึกษา “ม.เอเชียอาคเนย์”สอบผ่านมากเป็นอันดับ1ของไทย “ผศ.ดร.ณัฏฐ์” เผยไอทีพาสปอร์ต ใบเบิกทางทำงานระดับชาติทั้งในและต่างประเทศ

ดร.ฉัททวุฒิ พีชผล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ เปิดเผยว่า ทางสาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิทยาการคอมพิวเตอร์และสาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ได้ร่วมกับ สถาบันพัฒนาบุคลากรแห่งอนาคต (Career for the Future Academy),สํานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

,กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) ร่วมมือกับกลุ่มภาคี7ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม พม่า มองโกเลียและไทย เพื่อยกระดับบุคลากรด้านITให้มีความพร้อมกับความต้องการของตลาดแรงงานที่ต้องการนักศึกษาที่มีทักษะความชำนาญด้านไอทีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ภายใต้ชื่อInformation Technology Professionals Examination (ITPE)

โดยความร่วมมือดังกล่าวฯ เป็นหนึ่งในมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาค เพื่อสอบวัดระดับความรู้และทักษะด้านไอทีแบบไม่อิงผลิตภัณฑ์ใดๆ

นักศึกษาSAUที่มีใบรับรองวิชาชีพไอที ย่อมมีความได้เปรียบเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่มี โดยเพิ่มโอกาสที่จะได้รับคัดเลือกเข้าทำงานในองค์กรที่มีชื่อเสียง

รวมทั้งโอกาสที่จะได้รับการพิจารณาเงินเดือนหรือสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่มากขึ้นแตกต่างจากพนักงานทั่วไป

ซึ่งจากการประกาศผลการสอบโครงการสอบมาตรฐานวิชาชีพไอทีInformation Technology Professional Examination (ITPE)ครั้งล่าสุด มีนักศึกษาม.เอเชียอาคเนย์ หรือ (SAU) สอบผ่านโครงการสอบมาตรฐานวิชาชีพไอทีInformation Technology Professional Examination (ITPE)มากเป็นอันดับที่ 1 จากผู้เข้าสอบจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งเพิ่งได้รับการประกาศผลในปี 2564 

ทั้งนี้นักศึกษาจากม.เอเชียอาคเนย์ ประกอบด้วยสาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์และสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจจำนวน 21 คน

จากจำนวนผู้สอบผ่านของมหาวิทยาลัยเอกชนทั้งหมด32คน นับเป็นครั้งแรกของSAUที่มีนักศึกษาผ่านการสอบเป็นจำนวนมากเป็นอันดับ1 (65.638%)จากผู้เข้าสอบจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั้งหมด

ทั้งนี้ มาตรฐานวิชาชีพไอที (ITPE)เป็นเครื่องมือชี้วัดของบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศที่ต้องการรับนักศึกษาเข้าทำงานโดยสามารถมั่นใจได้ว่าผู้สอบผ่านมาตรฐานITPEระดับสากลเป็นผู้มีความรู้ความสามารถด้านไอที

นอกจากนี้ผู้สอบผ่านITPEยังสามารถเสนอขอใบอนุญาตทำงานในญี่ปุ่น หรือมีสิทธิพิเศษในการพิจารณาคัดเลือกเข้ารับทุนการศึกษาด้านไอทีจากประเทศภาคีเครือข่ายมาตรฐานวิชาชีพไอที

โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจุบันสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 อาชีพทางด้านไอทีจึงเป็นที่ต้องการในตลาดจำนวนมาก

"ม.เอเชียอาคเนย์"  สอบผ่านมาตรฐานวิชาชีพไอที อันดับ1ของไทย

ผศ.ดร.ณัฏฐ์ โอธนาทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษา มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ กล่าวว่า เรามุ่งมั่น ผลักดันให้นักศึกษาสอบใบมาตรฐานวิชาชีพไอที (ITPE)ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิทยาการคอมพิวเตอร์ และคอมพิวเตอร์ธุรกิจ

รวมถึงนักศึกษาในสาขาวิชาอื่น ๆ ที่มีความสนใจทางด้านไอที ให้สามารถเข้าร่วมสอบมาตรฐานวิชาชีพไอทีได้เช่นเดียวกัน เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าทำงานที่ต้องใช้ทักษะทางด้านไอทีอย่างเข้มข้น ทั้งหน่วยงานภาครัฐเอกชนชั้นนำในประเทศและนานาชาติ

“ไอทีพาสปอร์ตมีประโยชน์มากโดยจะเป็นเครื่องมือช่วยประเมินว่า ผู้สอบผ่านมีความรู้ความเข้าใจและความสามารถด้านไอทีอย่างแท้จริง

รวมถึงผู้ที่สำเร็จการศึกษาไปแล้วและกำลังทำงานอยู่ในสถานประกอบการ มีความพร้อมด้านไอทีมากน้อยแค่ไหน

ทั้งยังเป็นการปรับความรู้ด้านเทคโนโลยีให้ทันสมัย สร้างความมั่นใจและภาคภูมิใจให้แก่ผู้สอบ นอกจากนี้ผู้ที่สอบผ่านระดับFEยังสามารถขอใบขออนุญาตทำงาน (Work Permit)ไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นได้ด้วย”ผศ.ดร.ณัฏฐ์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ต้องการสอบผ่านตามมาตรฐาน ITPEนี้ จะต้องฝึกฝนทักษะทางด้านไอทีให้เชี่ยวชาญเพื่อเตรียมเข้ารับการทดสอบ ในแต่ละปีทางสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติหรือ สวทช. เปิดสอบปีละ2ครั้ง คือ เดือนเมษายนและตุลาคม

โดยโครงการสอบมาตรฐานวิชาชีพไอทีจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2549 และจัดต่อเนื่องติดต่อกันทุกปี โดย สวทช. ได้ร่วมกับสถาบันการศึกษา และหน่วยงานนานาชาติ สนับสนุนให้นักศึกษาและบุคลากรทั้งภายในและเครือข่ายภายนอกเข้าร่วมสอบมาตรฐานวิชาชีพไอที

โดยศูนย์สอบและศูนย์ติวสอบทั่วประเทศ ผู้สนใจสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์โครงการ หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ ศูนย์สอบมาตรฐานวิชาชีพไอที มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ หรือที่เว็บไซต์www.sau.ac.th/itpeโทร.02-807-4500ต่อ217

“สจล.” ลงพื้นที่แจกจ่าย “ATK” 2 หมื่นชุดให้ประชาชน #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/479751

“สจล.” ลงพื้นที่แจกจ่าย “ATK” 2 หมื่นชุดให้ประชาชน

20 ส.ค. 2564

“สจล.”- รพ.พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลงพื้นที่แจกจ่าย ATK 2 หมื่นชุด คัดกรองประชาชนย่านลาดกระบัง พร้อมชี้4ข้อ ท้องถิ่นเร่งดำเนินงานเพื่อลดการติดเชื้อโควิด-19

วันที่ 20 สิงหาคม 2564 – สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) โดยโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลงพื้นที่แจกจ่าย ATK (Antigen Test Kit) ชุดตรวจโควิดแบบเร่งด่วนเพื่อใช้คัดกรองประชาชนในพื้นที่เขตลาดกระบัง

ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และ ประธานมูลนิธิโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ในพระสังฆราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า สจล. มีกรอบนโยบายในการช่วยประชาชนให้พ้นวิกฤตจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กำลังสร้างผลกระทบในทุกมิติให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยอย่างต่อเนื่อง

"สจล.” ลงพื้นที่แจกจ่าย "ATK" 2 หมื่นชุดให้ประชาชน

โดยเสนอ 4 แนวทางป้องกันการติดเชื้อในระดับชุมชน ได้แก่

การเร่งตรวจเชิงรุก ในพื้นที่เป้าหมายเพื่อป้องกันการเกิดคลัสเตอร์ใหม่ แยกผู้ติดเชื้อและกลุ่มเสี่ยง กักตัวเข้มงวด พร้อมดูแลความเป็นอยู่ ทุ่มการรักษาให้ดีที่สุด

"สจล.” ลงพื้นที่แจกจ่าย "ATK" 2 หมื่นชุดให้ประชาชน

ด้วยนวัตกรรมและเครื่องมือแพทย์ที่คิดค้นโดยคนไทย และ ระดมฉีดวัคซีนให้กลุ่มเป้าหมาย และประชาชนตามพื้นที่ยุทธศาสตร์ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่

โดยที่ล่าสุด สจล. โดยโรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร (KMCH) ได้ลงพื้นที่แจกจ่าย ATK (Antigen Test Kit) ชุดตรวจโควิด-19 แบบเร่งด่วน แก่ประชาชนในพื้นที่เขตลาดกระบัง เป็นจำนวนรวม 20,000 ชุด สำหรับประชาชน 10,000 คน ณ วัดปลูกศรัทธา เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร(กทม.)

"สจล.” ลงพื้นที่แจกจ่าย "ATK" 2 หมื่นชุดให้ประชาชน

โดยมีผู้แทนจากชุมชนเกกีงาม ชุมชนบำรุงรื่น ชุมชนนิคมลาดกระบัง ชุมชนตลาดหัวตะเข้ ชุมชนลาดกระบัง 52 (ซอยจินดา) และวัดปลูกศรัทธา ร่วมรับมอบ นอกจากนี้ ยังได้มอบเงินบริจาคเพื่อซื้อโลงศพและน้ำมันในการฌาปนกิจแก่วัดปลูกศรัทธาร่วมด้วย

โดยในอนาคต สจล. เตรียมขยายผลการดำเนินงานภายใต้กรอบนโยบายดังกล่าวจำนวนมาก ทั้งการเปิดให้บริการ ศูนย์ โฮม ไอโซเลชัน พระจอมเกล้าลาดกระบัง (Home Isolation) ศูนย์บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 สจล. ฯลฯ 

ทั้งนี้ กิจกรรมการลงพื้นที่ส่งมอบชุดตรวจโควิดแบบเร่งด่วน (Antigen Test Kit) จัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ วัดปลูกศรัทธา เขตลาดกระบัง กทม. โดยมีผู้แทนชุมชนในพื้นที่ร่วมรับมอบ ติดตามความเคลื่อนไหวกิจกรรมของ สจล. ได้ที่ https://www.facebook.com/kmitlofficial และ http://kmitl.ac.th

“องค์ความรู้” ทางเคมี จุฬาฯประเมินทุเรียนสุกจากน้ำตาลใน “ก้านทุเรียน” #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/479624

“องค์ความรู้”ทางเคมี จุฬาฯประเมินทุเรียนสุกจากน้ำตาลใน“ก้านทุเรียน”

20 ส.ค. 2564

คณะวิทย์จุฬาฯ วิจัยหาวิธีช่วยเกษตรกรเก็บทุเรียนที่อายุพอดี รสชาติเด็ดพร้อมจำหน่าย-ส่งออก ด้วยการประเมินทุเรียนสุกจากน้ำตาลใน “ก้านทุเรียน” ได้อย่างแม่นยำ นับเป็น “องค์ความรู้” ทางเคมี เล็งพัฒนาเซ็นเซอร์ตรวจวัดทุเรียนสุกได้ทุกสายพันธุ์

“ทุเรียน” ราชาแห่งผลไม้จากประเทศไทยซึ่งครองตลาดการส่งออกทุเรียนเป็นอันดับ 1 ของโลกด้วยรสชาติ กลิ่นและเนื้อสัมผัสพิเศษเป็นที่ชื่นชอบของบรรดานักชิมทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ มูลค่าการส่งออกมหาศาลนี้ทำให้เกษตรกรสวนทุเรียนต้องพิถีพิถันกับการเก็บเกี่ยวทุเรียนเพื่อให้ได้ทุเรียนที่อายุพอดี รสชาติเด็ด พร้อมจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ

แต่หนึ่งในปัญหาสำคัญของเกษตรกรคือการประเมินอายุทุเรียนว่าเหมาะสมพร้อมเก็บเกี่ยวแล้วหรือไม่ เพราะหากเก็บทุเรียนก่อนอายุที่เหมาะสมก็จะส่งผลต่อรสชาติและคุณภาพ ทำให้ไม่อาจจำหน่ายทุเรียนได้ในราคาดี

ดังนั้น รศ.ดร.ธนิษฐ์ ปราณีนรารัตน์ ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงวิจัยหาวิธีช่วยเกษตรกรให้ประเมินอายุทุเรียนสุกได้อย่างแม่นยำก่อนการตัดเพื่อจำหน่าย

“ที่ผ่านมา งานวิจัยทางเคมีส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของผลทุเรียนที่ตัดออกจากต้นแล้วเพื่อหาความสุกที่เหมาะสม แต่งานวิจัยนี้มุ่งศึกษาการประเมินอายุของทุเรียนจากก้านทุเรียนซึ่งมีผู้ศึกษาค่อนข้างน้อย” รศ.ดร.ธนิษฐ์ กล่าว

โดยทั่วไป วิธีการส่วนใหญ่ที่ชาวสวนทุเรียนนิยมใช้คือการนับอายุของทุเรียนโดยนับตั้งแต่วันหลังดอกบานจนถึงวันที่พร้อมเก็บเกี่ยว

“วิธีการนี้มีข้อจำกัดในทางปฏิบัติ แม้ช่วงอายุที่พร้อมเก็บเกี่ยวจะเป็นข้อมูลที่เป็นที่ทราบกันดี เช่น ทุเรียนพันธุ์หมอนทองมีอายุที่เหมาะสมที่ราว 120 วัน ผลทุเรียนแต่ละกิ่งที่แม้อยู่บนต้นเดียวกันอาจเติบโต ไม่พร้อมกัน การนับอายุจึงต้องอาศัยความเอาใจใส่ในการติดตามที่มาก” รศ.ดร.ธนิษฐ์ อธิบาย

นอกจากนี้ อีกวิธีที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ทำสืบต่อกันมานานคือการชิมของเหลวบริเวณขั้วของผลทุเรียน

“ถ้าชิมแล้วมีความหวานก็แสดงว่าทุเรียนมีอายุเหมาะสมพร้อมจะตัดจากต้น แต่ความแม่นยำของวิธีการนี้ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ความเชี่ยวชาญของชาวสวนแต่ละคนด้วย”

ภูมิปัญญาชาวสวนทุเรียนในการชิมขั้วทุเรียนจุดประกายให้ รศ.ดร.ธนิษฐ์ นำ“องค์ความรู้”ทางเคมี มาวิเคราะห์อายุของทุเรียนจากก้าน ซึ่งสามารถพัฒนาต่อยอดไปเป็นวิธีการวิเคราะห์แบบที่ไม่จำเป็นต้องตัดผลทุเรียนออกจากต้นได้

ในการวิจัย รศ.ดร.ธนิษฐ์ใช้ทุเรียนพันธุ์หมอนทองจากสวนที่จังหวัดระยอง โดยแบ่งอายุทุเรียนเป็น 3 ช่วง คือ 13 สัปดาห์ 15 สัปดาห์ และ 17 สัปดาห์ ซึ่งทุเรียนแต่ละผลในแต่ละช่วงอายุได้มาจากคนละต้นเพื่อให้ได้ผลวิจัยที่แม่นยำยิ่งขึ้น

งานวิจัยนี้เป็นการดูองค์ประกอบทางเคมีของของเหลวในก้านทุเรียนว่าสามารถบ่งชี้อายุของทุเรียนที่เหมาะสมจะเก็บเกี่ยวได้หรือไม่

“เราพบว่าองค์ประกอบทางเคมีของของเหลวในก้านทุเรียนจะประกอบไปด้วยสารประกอบพวกน้ำตาลซึ่งสอดคล้องกับความหวานจากการชิม แต่การวิเคราะห์ทางเคมีทำให้ทราบว่าเมื่อทุเรียนเริ่มสุกจะมีน้ำตาลซูโครสเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ในขณะที่น้ำตาลกลูโคสและฟรุกโตสจะลดน้อยลง นอกจากนี้ยังพบว่ากรดอะมิโนบางชนิดก็มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นเมื่ออายุของทุเรียนมากขึ้น” รศ.ดร.ธนิษฐ์ เผยข้อค้นพบจากงานวิจัย ซึ่งได้รับการตีพิมพ์แล้วในวารสาร Scientific Reports ซึ่งเป็นวารสารนานาชาติ ในเครือ Nature

“งานวิจัยนี้นับเป็นบันไดขั้นแรกที่จะนำไปสู่การพัฒนาวิธีการที่จะช่วยให้เกษตรกรประเมินอายุของทุเรียนที่ยังไม่ได้ตัดจากต้นได้ ลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการตัดทุเรียนก่อนเวลาที่สมควร” รศ.ดร.ธนิษฐ์กล่าวเน้นความสำคัญของงานวิจัย

รศ.ดร.ธนิษฐ์ เล่าถึงแผนงานวิจัยในอนาคตว่าจะเพิ่มจำนวนตัวอย่างทุเรียนที่วิเคราะห์ให้มากขึ้น และขยายการวิจัยกับทุเรียนพันธุ์อื่น ๆ นอกเหนือจากพันธุ์หมอนทอง รวมถึงมีแผนการผลิตเซ็นเซอร์ที่พกพาได้ เช่น เซ็นเซอร์ฐานกระดาษเพื่อตรวจวัดปริมาณสารที่ค้นพบจากการศึกษาในครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรได้เข้าถึงทางเลือกในการประเมินอายุทุเรียนที่ใช้งานได้ง่ายและลดความผิดพลาดจากตัวผู้ประเมินเอง

“สวนดุสิต” จัดหาทุนช่วยนักศึกษา ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ครั้งที่ 2 #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/479579

“สวนดุสิต”จัดหาทุนช่วยนักศึกษา ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ครั้งที่ 2

19 ส.ค. 2564

โควิด-19 ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่ครอบครัวของนักศึกษา “สวนดุสิต” ร่วมกับสมาคมศิษย์เก่าการเรือน-สวนดุสิต ในพระราชูปถัมภ์ฯ เปิดรับบริจาคเงินสมทบทุนการศึกษา สามารถลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของยอดบริจาค

ผศ.เฉิดฉิน สุกปลั่ง ประธานคณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และรัฐบาลมีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค

ซึ่งจากมาตรการต่างๆ ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต โดยเฉพาะผลกระทบทางเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ปกครอง ขาดรายได้ ซึ่งส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่ครอบครัวของนักศึกษา ทั้งในด้านชีวิตความเป็นอยู่ และด้านค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการศึกษา ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ

ดังนั้น คณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ซึ่งมีผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกมาเป็นคณะกรรมการ มีบทบาทหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุน ให้คําแนะนําปรึกษาแก่มหาวิทยาลัย และสนับสนุนให้มีทุนการศึกษาแก่นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อให้มีโอกาสศึกษาในมหาวิทยาลัย 

ดังนั้น คณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย จึงร่วมกับ สมาคมศิษย์เก่าการเรือน-สวนดุสิต ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี และ กองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยสวนดุสิต จัดโครงการจัดหาทุนช่วยเหลือนักศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ครั้งที่ 2 เพื่อช่วยสนับสนุนมหาวิทยาลัยฯ อีกช่องทางในการช่วยเหลือนักศึกษา

โดยเปิดรับบริจาคเงินสมทบทุนการศึกษา “ทุนช่วยเหลือนักศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19” ให้แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยสวนดุสิต โดยผู้ที่ร่วมบริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของยอดบริจาค 

ในการนี้ จึงขอเชิญผู้บริหาร อาจารย์ บุคลากร ศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยฯ รวมถึงผู้มีจิตศรัทธาที่สนใจ ร่วมให้โอกาสทางการศึกษา โดยสามารถบริจาคสมทบทุนการศึกษาผ่านเลขบัญชี 079-7-19691-2 ธนาคารกรุงเทพ สาขามหาวิทยาลัยสวนดุสิต 

โดยหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่า โครงการนี้จะมีส่วนช่วยให้นักศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้รับความช่วยเหลือ และสามารถจบการศึกษาได้ตามแผนการเรียนที่กำหนดไว้ 

ทั้งนี้ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.dusit.ac.th หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ ศูนย์สนเทศแนะแนวการศึกษาและอาชีพ 0 2244 5198-9 และกองประชาสัมพันธ์ 0 2244 5555 , 0 2244 5100-5

“องค์กรครู” ไม่สบายใจ “เรียนมายังไงฯ” ถามกลับนายกฯ เด็กก้าวร้าวเพราะใคร #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/479542

“องค์กรครู” ไม่สบายใจ “เรียนมายังไงฯ” ถามกลับนายกฯ เด็กก้าวร้าวเพราะใคร

19 ส.ค. 2564

ยึดอำนาจมายังไง ทำไมการศึกษาแย่ลง ทั้งที่มีอำนาจเต็มที่จะจัดการอย่างไรก็ได้ “องค์กรครู” ถามย้ำเยาวชนเลียนแบบใครที่เป็นบุคคลสำคัญของประเทศ มักแสดงออกทางสังคมก้าวร้าวรุนแรง และใช้คำพูดหยาบคาย

ดร.รัชชัยย์ ศรสุวรรณ ประธานชมรมพิทักษ์สิทธิผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษาแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ต่อคำปรารภของพล.อ. ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงเหตุการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจควบคุมฝูงชน(คฝ.)ที่สน.ดินแดง กรุงเทพมหานคร มีใจความระบุว่า

กราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ที่เคารพ

กระผมได้อ่านสิ่งที่มีการเผยแพร่ในสื่อต่างๆโดยอ้างว่าเป็นคำปรารภของ ฯพณฯ ความว่า “เรียนมายังไง ใช้แต่ความรุนแรง ท้าตีท้าต่อยตำรวจ พอใช้กฎหมายก็โวยวาย” 

หากเรื่องนี้เป็นคำปรารภของ ฯพณฯ จริง กระผมก็รู้สึกไม่สบายใจ ในฐานะที่เคยเป็นครูคนหนึ่งที่ต้องรับผิดชอบต่อคำตำหนิติติงของผู้ใหญ่ คำปรารภของ ฯพณฯ ย่อมหมายถึงพวกกระผมครูและองค์กรครูโดยตรงว่าได้สร้างเยาวชน “ให้ใช้แต่ความรุนแรง ท้าตีท้าต่อยตำรวจ พอใช้กฎหมายก็โวยวาย”

กระผมขอกราบเรียนว่าโดยปกติแล้วกระผมจะไม่วิพากษ์วิจารณ์การบริหารจัดการของ ฯพณฯ เลยเพราะเกรงว่าจะถูกกล่าวหาว่า “เลือกข้าง”และจะถูกโยงไปในทางการเมือง แต่เกี่ยวกับเรื่องนี้ กระผมมีความจำเป็นต้องกราบเรียนชี้แจงต่อ ฯพณฯ ดังนี้

1. พวกกระผมมีหน้าที่ในการผลิตและสร้างนักเรียนให้เป็นคนดี คนเก่งและมีความสุข และไม่เคยเสี้ยมสอนหรืออบรมเยาวชนให้เป็นผู้มีความก้าวร้าว รุนแรง ไม่เคารพกฎหมายแต่อย่างใด ขอให้ ฯพณฯ ไปตรวจสอบหลักสูตร พฤติกรรมการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การวัดและการประเมินผล ได้

2. ในรัฐบาลก่อนๆที่จะมีการปฏิวัติยึดอำนาจโดย ฯพณฯ ก็ไม่เคยปรากฏว่าเยาวชนได้ออกมาแสดงกิริยาเช่นนี้เลย การที่เยาวชนออกมาลงถนนและมีพฤติกรรมเช่นนี้ กรณีเช่นนี้เป็นข้อบ่งชี้อะไร กระผมอยากให้ ฯพณฯไปคิดต่อ ด้วยเหตุและผล ด้วยใจที่เป็นธรรมและโปรดเล่าให้พวกกระผมฟังด้วย

3. กระผม โดยส่วนตัว ขอฝากคำถามไปถึงผู้เกี่ยวข้องด้วยว่า

3.1 “ยึดอำนาจมายังไง ทำไมการศึกษาแย่ลง ทั้งๆที่มีอำนาจอยู่เต็มในการที่จะจัดการอย่างไรก็ได้ ”

3.2 “บริหารจัดการประเทศอย่างไร แค่การจัดหาวัคซีนมาให้ประชาชนให้เพียงพอต่อความปลอดภัย ก็ยังทำไม่ได้ จนบัดนี้ครูส่วนใหญ่ส่วนหนึ่งก็ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มแรกเลย”

3.3 “ความก้าวร้าวรุนแรงในเรื่องการแสดงออกทั้งทางกิริยาและคำพูด นั้น ฯพณฯ คิดว่าเยาวชนเลียนแบบใครที่เป็นบุคคลสำคัญของประเทศที่มักจะแสดงออกทางสังคมในทางก้าวร้าวรุนแรง และใช้คำพูดที่หยาบคาย”

จึงขอประทานกราบเรียนชี้แจงมาด้วยความเคารพ

รัชชัยย์ ศรสุวรรณ

ประธานชมรมพิทักษ์สิทธิผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษาแห่งประเทศไทย

19 สิงหาคม 2564

“คุณหญิงสุดารัตน์” นำทีมอาสาไทยสร้างไทย สร้างโอกาสให้น้อง #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/479534

“คุณหญิงสุดารัตน์” นำทีมอาสาไทยสร้างไทย สร้างโอกาสให้น้อง

19 ส.ค. 2564

สู้เพื่อคนตัวเล็ก “คุณหญิงสุดารัตน์” เดินหน้าโครงการ สร้างโอกาสให้น้อง สร้างห้องเรียนออนไลน์ ส่งมอบโทรศัพท์มือถือและซิมการ์ด เพื่อช่วยให้เด็กได้มีเครื่องมือในการ “เรียนออนไลน์”

“คุณหญิงสุดารัตน์” เกยุราพันธุ์  ผู้ก่อตั้งไทยสร้างไทย อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ใจความระบุว่า

เดินหน้าโครงการ “#สร้างโอกาสให้น้อง #สร้างห้องเรียนออนไลน์” ส่งมอบโทรศัพท์มือถือและซิมการ์ด เพื่อช่วยให้เด็กได้มีเครื่องมือในการเรียนออนไลน์ ต่อเนื่อง

ผลกระทบจากมหาวิกฤตที่ยาวนาน ทำให้เด็กไทยต้องเรียนออนไลน์ มาเป็นระยะเวลาเกือบ 1 ปี เด็กในชุมชนแออัดและต่างจังหวัดส่วนใหญ่ครอบครัวยากจน

หลายคนขาดอุปกรณ์และอินเตอร์เน็ตในการเรียนออนไลน์ ทำให้เด็กจำนวนมากต้องขาดการเรียน ซึ่งกองทุนเสมอภาคทางการศึกษาได้รายงานว่า ภายในสิ้นปีการศึกษา 2564 จะมีเด็กยากจนต้องหลุดจากระบบการศึกษาถึง 65,000 คน เพราะความยากจน ทำให้ขาดอุปกรณ์การเรียนออนไลน์

หน่อยและอาสาไทยสร้างไทยจึงเดินหน้าโครงการ “#สร้างโอกาสให้น้อง #สร้างห้องเรียนออนไลน์” อย่างต่อเนื่อง เพื่อมอบโทรศัพท์มือถือทั้งของใหม่และมือสอง รวมทั้งซิมการ์ดพร้อมอินเตอร์เน็ตฟรีให้เด็กๆ ได้ใช้ในการเรียนออนไลน์

โดยเราได้ไปมอบให้กับเด็กๆในชุมชนต่างๆ โดยอาสาไทยสร้างไทยได้นำโทรศัพท์และซิมการ์ดพร้อมอินเตอร์เน็ต ไปมอบให้ที่สวนครูองุ่น มูลนิธิกระจกเงา และโครงการนี้จะมีการแจกไปเรื่อยๆ ฝากติดตามและให้กำลังใจทีมอาสาไทยสร้างไทยทุกท่าน

ขอเชิญชวนท่านที่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเครื่องเก่าที่ไม่ใช้แล้ว ท่านสามารถนำมาร่วมโครงการกับเรานะคะ เพื่อที่จะช่วยให้เด็กๆ ได้มีโอกาสใช้ในการศึกษาเล่าเรียนโดยติดต่อเรามาได้ที่เฟสบุ๊คเพจ “อาสาไทยสร้างไทย” “พรรคไทยสร้างไทย”

หรือที่ เฟสบุ๊คหน่อยก็ได้ค่ะ

#สู้เพื่อคนตัวเล็ก

#อาสาไทยสร้างไทย