“สจล.” ชู 3 จุดแข็งห้องไอซียูความดันลบแบบโมบายป้องกันเชื้อโควิด-19 กระจาย #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/479386

“สจล.”ชู 3จุดแข็งห้องไอซียูความดันลบแบบโมบายป้องกันเชื้อโควิด-19กระจาย

18 ส.ค. 2564

“ห้องไอซียูความดันลบโมบาย” ใช้เพียงห้องเดียวครบ พร้อมรับผู้ป่วยวิกฤต หลังคว้าทุน วช. สำเร็จและเตรียมขยายผลติดตั้งเซฟชีวิตผู้ป่วย-ทีมแพทย์ อีกกว่า20ห้อง “สุชัชวีร์”ย้ำ “สจล.”มหาวิทยาลัยวิจัยเบอร์หนึ่งของไทย จากมหาวิทยาลัยทั่วเอเชีย

ผศ. ดร.ณัฐพล ฤกษ์เกษมสันติ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)กล่าวว่า นอกเหนือจากวัคซีนที่ช่วยสร้างภูมิคุ้นกันร่างกายแล้ว การมีเตียงหรือห้องไอซียูเพื่อรองรับการรักษาผู้ป่วย ถือเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นแต่กลับขาดแคลนจำนวนมากในปัจจุบัน 

ทีมวิจัยจึงได้พัฒนา “ห้องไอซียูความดันลบโมบาย” (Mobile Negative Pressure Room)ห้องผู้ป่วยวิกฤตความดันลบแบบเคลื่อนย้ายได้ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ระหว่างผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ มาพร้อมเครื่องดูดกรองอากาศประสิทธิภาพสูงครบครัน

อีกทั้งยังสามารถเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้ตามสะดวกเมื่อมีความต้องการใช้งาน

นอกจากนี้ “ห้องไอซียูความดันลบโมบาย” ยังมาพร้อม 3 จุดแข็งที่โดดเด่น ที่พร้อมอำนวยสะดวกต่อการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงพร้อมต่อการรักษาผู้ป่วยวิกฤต ดังนี้

พร้อมใช้งานทันทีเมื่อต่อไฟฟ้าเวลาถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดูแลรักษาผู้ป่วยขั้นวิกฤต เพื่อลดเลี่ยงการสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น

ทีมวิจัย จึงพัฒนา“ห้องไอซียูความดันลบโมบาย” ให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถใช้ได้ทันทีเพียงต่อไฟฟ้าเพราะที่ผ่านมาการติดตั้งห้องไอซียูเพื่อให้พร้อมต่อการใช้งานมักใช้ระยะเวลานาน ในกรณีที่ติดตั้งห้องไอซียูในโรงพยาบาลสนาม จะใช้ระยะเวลา1-2สัปดาห์ ขณะที่โรงพยาบาลโดยปกติจะใช้เวลากว่าหลายเดือน

มีจุดอับของอากาศน้อยหนึ่งในหลักคิดสำคัญของการออกแบบห้องผู้ป่วยวิกฤต อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ปิดและมีความดันอากาศเป็นลบ (Negative Pressure) นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคำนวณการออกแบบให้มีจุดอับอากาศ (Dead Zone) น้อยที่สุด เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคภายในห้อง พร้อมทั้งเพิ่มความปลอดภัยของผู้ใช้งาน เนื่องจากบริเวณDead Zoneมักมีโอกาสที่เชื้อโรคจะสะสมเป็นจำนวนมาก

มีระบบกรองอากาศฆ่าเชื้อ3ขั้นทีมวิจัยให้ความใส่ใจกับระบบคัดกรองอากาศ ซึ่งนอกจากจะมีระบบบำบัดอากาศภายในแล้ว ยังมีการติดตั้งฟิลเตอร์กรองอากาศถึง3ขั้น ทั้งกรองอากาศขั้นต้น (PreFilter) ที่มาพร้อมประสิทธิภาพในการกรองละอองฝุ่นโดยทั่วไป แผ่นกรองอากาศHEPAเพิ่มความสามารถในการดักจับละอองฝุ่นที่มีอนุภาคขนาดเล็ก0.3ไมครอนได้ถึง99.997%และหลอดไฟฆ่าเชื้อยูวีซี (UVC) เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปยังพื้นที่ภายนอก

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบเช็คความปลอดภัยห้องว่า ห้องไอซียูโมบาย พร้อมต่อการเข้าใช้งานหรือไม่ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยต่อบุคลากรทางการแพทย์ ที่สามารถตรวจสอบประสิทธิภาพของแผ่นกรอง การนับเวลาทำงานของแผ่นกรอง ผ่านจอแสดงผลที่ติดตั้งบริเวณประตูทางเข้า 

ทั้งนี้ “ห้องไอซียูความดันลบโมบาย” ได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาและผลิตเพื่อใช้งานจริงมากกว่า20ห้อง โดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

“ซึ่งล่าสุดได้ดำเนินการติดตั้งและใช้งานจริงในพื้นที่โรงพยาบาลบุษราคัม โรงพยาบาลเลิดสิน โรงพยาบาลทหารผ่านศึก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเตรียมขยายการติดตั้งในโรงพยาบาลของรัฐและโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติมในลำดับต่อไป”ผศ. ดร.ณัฐพล กล่าว

ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)เปิดเผยว่า “ห้องไอซียูความดันลบโมบาย” ถือเป็นอีกหนึ่งในนวัตกรรมที่สถาบันฯ ภาคภูมิใจ ที่นักวิจัยสามารถต่อยอดความรู้ภาควิชาการ สู่การพัฒนาเป็นนวัตกรรมเพื่อประยุกต์ใช้ หรือสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ในสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

สจล. ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนางานวิจัยหรือนวัตกรรมต่าง ๆ ทั้งในมิติการพัฒนาต้นแบบนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการวินิจฉัยหรือรักษาทางการแพทย์ ต้นแบบงานวิจัยที่คิดเพื่อแก้ไขสังคม ที่ครอบคลุมปัญหาสภาพจราจร สภาพอากาศ ฯลฯ

เพื่อตอกย้ำจุดยืนของสถาบันในการเป็นTheWorldMasterOfInnovationโดยแท้จริง รวมถึงตอกย้ำความสำเร็จของสถาบันหลังได้รับการจัดอันดับเป็น “มหาวิทยาลัยวิจัยเบอร์หนึ่งของไทย” จากมหาวิทยาลัยทั่วเอเชีย โดยTimes Higher Education World University Rankings2021 (Asia-Pacific)

เลขาธิการ กศน.ชวนชมกิจกรรม “วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ” แบบออนไลน์ #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/479364

เลขาธิการ กศน.ชวนชมกิจกรรม “วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ” แบบออนไลน์

18 ส.ค. 2564

ตื่นตาตื่นใจกับการเที่ยวงาน “วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ” แบบออนไลน์ ผ่านเวบไซด์ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาทั่วประเทศทั้ง 20 แห่ง ชมนิทรรศการเสมือนจริง

ดร.วรัท พฤกษาทวีกุล เลขาธิการ กศน.เปิดเผยว่า เนื่องในวันที่ 18 สิงหาคม2564เป็น “วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ” เพื่อรำลึกถึง พระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช “ พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย”ที่ทรงมีต่อประชาชนชาวไทย ทรงวางรากฐานในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า 

ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาทั่วประเทศทั้ง 20 แห่ง จึงได้จัดกิจกรรมเนื่องในวันวิทยาศาสตร์ต่อเนื่องทุกปีตลอดมา แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019หรือโควิด-19 มีความรุนแรงในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ 

ดังนั้น ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาทั่วประเทศทั้ง 20 แห่ง จึงได้ปรับเปลี่ยนการจัดกิจกรรมเนื่องใน “วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ประจำปี 2564” เป็นแบบ“ปกติวิถีใหม่ (New Normal)”ในรูปแบบออนไลน์ มีการเผยแพร่ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ดาราศาสตร์และอวกาศ และจัดกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (Social Network)

ในรูปแบบLiveสด ผ่านFacebookผ่านระบบZoomหรือเว็บไซต์ของศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาแต่ละแห่ง เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ได้ร่วมกิจกรรมในช่วงเดือนสิงหาคมนี้

 โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ นิทรรศการเสมือนจริง (Virtual Exhibition)การLiveสด พาชมนิทรรศการใหม่“Codingทักษะเพื่อชีวิต”การประกวดออกแบบบอร์ดเกม“Codingเพื่อส่งเสริมทักษะด้านวิทยาการคำนวณ”ของศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาเอกมัย หรือ ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ

กิจกรรมประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์สำหรับนักศึกษา กศน. รอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ ประจำปีงบประมาณ2564ด้านการใช้และการอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้าเพื่อชีวิตและสังคม และโครงงานวิทยาศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อม ประเภทนวัตกรรมจากขยะ ของศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษารังสิต

การประกวดคลิปวีดิทัศน์ เรื่อง“Science Kids”ของศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาขอนแก่น และเรื่อง“ครอบครัวนักวิทยาศาสตร์”ของศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษายะลา

การสัมมนาวิชาการ เรื่อง“เยาวชนไทยกับภารกิจอวกาศ”ของอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และการตอบคำถามชิงรางวัล และอื่น ๆ อีกหลากหลายกิจกรรม

ทั้งนี้ นับเป็นมิติใหม่ของการจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (Social Network) ในยุคดิจิทัล ในศตวรรษที่21ที่เราได้เข้าสู่โลกดิจิทัลอย่างแท้จริง

จึงขอเชิญชวนให้คุณครู นักเรียน นักศึกษา กศน. และผู้สนใจทุกท่าน ได้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เนื่องในวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติในปีนี้ ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ในรูปแบบออนไลน์

ซึ่งสามารถดูรายละเอียดจากเว็บไซต์ของแต่ละแห่ง และหวังว่าทุกท่านจะได้รับความรู้ความเพลิดเพลิน และติดตามกิจกรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจของศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ผ่านระบบออนไลน์ต่อไป

ห่วงเด็กกำพร้าเพิ่ม ผนึกความร่วมมือ “ตั้งศูนย์ช่วยเหลือ” เด็กโควิด-19 #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/479288

ห่วงเด็กกำพร้าเพิ่ม ผนึกความร่วมมือ “ตั้งศูนย์ช่วยเหลือ”เด็กโควิด-19

17 ส.ค. 2564

ห่วง”เด็กกำพร้า”เพิ่มจากโควิด เดินหน้า”ศูนย์ช่วยเหลือ”เด็กโควิด-19  ผนึกกำลังหน่วยงานรัฐ เอกชน ภาคประชาชน ดูแลเด็กเชิงรุก กาย ใจ สังคม และป้องกันหลุดนอกระบบการศึกษา

กองทุนเพื่อความเสมอภาคการศึกษา  หรือ กสศ.  พร้อมกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และเครือข่ายทางการศึกษาและสังคม  ร่วมแถลงข่าวออนไลน์เกี่ยวกับการตั้งศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 พร้อมรายงานข้อมูล แนวโน้มสถานการณ์ และการช่วยเหลือครอบคลุมทุกปัญหาเร่งด่วนทั้งนี้มีความเป็นห่วง “เด็กกำพร้า”ที่จะเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19

ห่วงเด็กกำพร้าเพิ่ม ผนึกความร่วมมือ "ตั้งศูนย์ช่วยเหลือ"เด็กโควิด-19

นางสุภัชชา สุทธิพล อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  กล่าวว่า  สถานการณ์ปัจจุบันพบเด็กติดเชื้อโควิด-19 รายวันล่าสุดประมาณ  2,900 คน มีจำนวนเด็กติดเชื้อสะสม 96,393  คน และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น  เนื่องจากเด็กเป็นกลุ่มเปราะบาง ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ  การปกป้องคุ้มครองไม่สามารถดำเนินการได้โดยหน่วยงานเดียว จึงนำมาสู่ความร่วมมือของ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กองทุนความเสมอภาคเพื่อการศึกษา กรมสุขภาพจิต และองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย  จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 ขึ้น

เพื่อเป็นศูนย์กลางประสานเชื่อมต่อบริการของหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน ภาคประชาสังคม และอาสาสมัครในการช่วยเหลือเด็กและครอบครัวได้อย่างไร้รอยต่อ กลุ่มเป้าหมายครอบคลุมตั้งแต่กลุ่มแรกเกิดจนถึงอายุ 18 ปีห่วงเด็กกำพร้าเพิ่ม ผนึกความร่วมมือ "ตั้งศูนย์ช่วยเหลือ"เด็กโควิด-19

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กล่าวว่า ศูนย์ฯ เปิดดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค.2564 โดยเคสที่น่าเป็นห่วงคือประเด็นเด็กที่ไม่มีผู้ปกครองดูแลเพราะป่วยอยู่ และเด็กกำพร้าที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

ข้อมูลเด็กกำพร้าที่กรมฯ ให้การช่วยเหลือและอยู่ระหว่างการช่วยเหลือ ณ วันที่ 15 ส.ค.2564 มีจำนวน 182 คน ทั้งกำพร้าบิดา มารดา หรือกำพร้าทั้งบิดาและมารดา หรือผู้ปกครอง กระบวนการช่วยเหลือเชิงรุก ของศูนย์ฯ  จะมีผู้จัดการรายกรณี ระยะเร่งด่วนคือให้เด็กมีผู้ดูแลและปลอดภัย และประสานหน่วยงานเครือข่ายให้การช่วยเหลือด้านกาย จิต สังคม รวมถึงป้องกันหลุดออกจากระบบการศึกษา  

“การทำงานของศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด – 19 เป็น virtual center เชื่อมโยงฐานข้อมูลการช่วยเหลือแบบไร้รอยต่อ เน้นบุคลากร อาสาสมัครในพื้นที่ทั่วประเทศเป็นสำคัญเพื่อเข้าถึงเด็กได้อย่างรวดเร็ว   ประชาชนทั่วไปสามารถประสานแจ้งเหตุผ่านช่องทางต่างๆ ทั้ง สายด่วน 1300  ติดต่อผ่านบ้านพักเด็กและครอบครัวทั้ง 77 จังหวัด และแอปพลิเคชั่นคุ้มครองเด็ก และความร่วมมือล่าสุด 4 หน่วยงานคือ  แอปพลิเคชั่นไลน์ : @savekidscovid19 มีทีมทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้มีเด็กและครอบครัวตกหล่นจากการช่วยเหลือ” นางสุภัชชา กล่าว 

ห่วงเด็กกำพร้าเพิ่ม ผนึกความร่วมมือ "ตั้งศูนย์ช่วยเหลือ"เด็กโควิด-19

ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ภาคประชาสังคม กองทุนเพื่อความเสมอภาคการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า กสศ.สนับสนุน กลไกอาสาสมัครคุณภาพเข้ามาเป็นตัวช่วยให้เด็กกลุ่มเปราะบางเข้าถึงการดูแลรวดเร็วขึ้น รวมถึงเป็นกำลังเสริมให้แก่หน่วยงานหลักต่างๆ เช่น อาสาสมัครคุณครูทั้งในระบบและนอกระบบในชุมชนต่างๆ อาสาสมัครเยาวชน ช่วยรับส่งผู้ป่วยเด็ก การส่งชุดยา เครื่องมือติดตามอาการหรืออุปกรณ์ช่วยชีวิต ในกรณีจำเป็นเร่งด่วนตลอด 24 ชม.

 
เด็กกำพร้า เป็นกลุ่มที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด  รองลงมาคือพ่อแม่ตกงานยากจนเฉียบพลัน การฟื้นฟูเยียวยา ต้องทำทันทีโดย กสศ. เน้นป้องกันเด็กหลุดนอกระบบการศึกษา  จึงจัดให้มีทุนสร้างโอกาสทางการศึกษาสำหรับเด็กในภาวะวิกฤติโควิด โดยมีcase manager วางแผนการช่วยเหลือรายคน อย่างน้อย 1,000 ทุน ถ้าเราไม่เริ่ม  ในสถานการณ์ปีเศษ ๆ ที่ผ่านมาจะไม่มีใครดึงเด็กขึ้นมาจากความเงียบ ศูนย์ช่วยเหลือเด็กโควิด-19 ทำงานเพียง 4 หน่วยงานไม่ได้ เราจึงพร้อมระดมความร่วมมือทุกภาคส่วนต่าง ๆ มาช่วยให้เด็กของเรารอด” ศ.ดร.สมพงษ์  กล่าว

ห่วงเด็กกำพร้าเพิ่ม ผนึกความร่วมมือ "ตั้งศูนย์ช่วยเหลือ"เด็กโควิด-19

พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนว่าเด็กที่ได้รับผลกระทบจากการสูญเสียมีจำนวนเท่าไหร่ เนื่องจากความสามารถการเข้าถึงเด็กกลุ่มนี้ และสถานการณ์ยังคงเดินหน้าต่อเนื่องและมีบางครอบครัวมีสมาชิกมากกว่า 1 คน ที่เสียชีวิต โดยการเสียชีวิตทั้งพ่อแม่ และผู้สูงอายุ จะส่งผลกระทบต่อจิตใจของเด็กเช่นเดียวกับผู้ใหญ่ที่มีความเศร้าจากการสูญเสียคนที่รัก แต่ปฏิกริยาของเด็กไม่เหมือนกับผู้ใหญ่ ที่ต้องการคนแวดล้อม มาช่วยทำให้ความเศร้าผ่านไป

อีกทั้งการศึกษาจากหลายประเทศพบว่าผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลกระทบมากกว่าปกติ ทั้งการไม่มีโอกาสได้ร่ำลา จัดพิธีศพเต็มรูปแบบ ส่งผู้เสียชีวิตเป็นครั้งสุดท้าย 

เด็กกลุ่มเปราะบางหยุดเรียนกลางคัน เป้าหมาย “ค้ามนุษย์” บนโลกไซเบอร์ #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/479227

เด็กกลุ่มเปราะบางหยุดเรียนกลางคัน เป้าหมาย “ค้ามนุษย์” บนโลกไซเบอร์

17 ส.ค. 2564

รู้ทัน “ค้ามนุษย์” บนโลกไซเบอร์ ผ่านคู่มือ 3 ภาษาคือ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และภาษาพม่า รวมถึงเพลงประกอบชื่อ Cyber Zone ผลงานต่อยอดและพัฒนาของ “ม.มหิดล”

เป้าหมายแรกของการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) แห่งสหประชาชาติ คือ การขจัดความยากจน (Poverty) ซึ่งนับเป็นคลื่นลูกใหญ่จากพายุวิกฤติ โควิด-19 ที่คอยถาโถมจากปัญหาการหยุดชะงักทางเศรษฐกิจ ที่ส่งผลให้เกิดปัญหาการว่างงานจากการหยุดประกอบการ ในขณะที่ปัญหาการ“ค้ามนุษย์”บนโลกไซเบอร์ หรือ โลกออนไลน์นั้น นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จากการใช้โลกออนไลน์เป็นเครื่องมือประกอบอาชญากรรมดังกล่าว

อาจารย์ ดร.วัชรฤทัย บุญธินันท์ ผู้อำนวยการโครงการจัดตั้งสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา (IHRP) มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ในฐานะ “ปัญญาของแผ่นดิน” ตามปณิธานของมหาวิทยาลัยมหิดล นอกจากบทบาทในการถ่ายทอดความรู้เพื่อประชาชนในด้านสันติศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อเยียวยาปัญหาชายแดนใต้ ส่งเสริมและพัฒนาประชาธิปไตย ส่งเสริมการเคารพและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของกลุ่มเปราะในสังคมไทยแล้ว IHRP มหาวิทยาลัยมหิดล ยังมีบทบาทถึงในระดับภูมิภาค 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนของแรงงานข้ามชาติในส่วนของกลุ่มเปราะบางที่เป็นเด็ก ซึ่งพบว่ามักตกเป็นเหยื่อของการ“ค้ามนุษย์” ที่มีสาเหตุหลักมาจากปัญหาความยากจนและการขาดโอกาส โดยได้มีการสร้างนวัตกรรม “คู่มือต่อต้านการค้ามนุษย์” จากการลงพื้นที่จริง เพื่อศึกษาปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น จนได้แนวทางอันเป็นประโยชน์ซึ่งจะช่วยให้เกิดความรู้เท่าทัน จนไม่ตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์

ซึ่งปัจจุบันได้ขยายไปสู่โลกออนไลน์ที่ไร้ขอบเขตการควบคุม ทำให้ยากต่อการให้ความช่วยเหลือดูแล จึงได้พัฒนาเป็น “คู่มือต่อต้านการค้ามนุษย์บนโลกไซเบอร์” ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยหวังให้เกิดความรู้เท่าทัน และขยายผลสู่การแก้ไขในระดับนโยบายของประเทศต่อไป

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นภารัตน์ กรรณรัตนสูตร ประธานหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสิทธิมนุษยชน (นานาชาติ) โครงการจัดตั้งสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา (IHRP) มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวในฐานะหัวหน้าทีมผู้วิจัยและพัฒนา “คู่มือต่อต้านการค้ามนุษย์บนโลกไซเบอร์” ซึ่งเกิดจากการได้ลงพื้นที่ศึกษาปัญหาแรงงานเด็กข้ามชาติที่จังหวัดสมุทรสาคร แล้วพบว่า เด็กกลุ่มเปราะบางที่เป็นแรงงานข้ามชาติส่วนใหญ่ต้องหยุดเรียนกลางคันตั้งแต่ยังศึกษาอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษา 

เนื่องจากพ่อแม่ของเด็กเหล่านี้ต้องการเกษียณตัวเอง แล้วให้ลูกออกมาหางานทำเพื่อช่วยเหลือครอบครัว เหมือนตัวเองที่ต้องเริ่มทำงานตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งทำให้เด็กๆ ส่วนใหญ่ใช้เวลาบนโลกออนไลน์ และมีโอกาสตกเป็นเหยื่อของการ “ค้ามนุษย์”

 เนื่องจากขาดความตระหนักรู้ถึงกลยุทธ์ในการหลอกลวงของผู้ค้ามนุษย์ จากที่มาของการไม่ตระหนักรู้ถึงการค้ามนุษย์บนโลกออนไลน์นี้ จึงนำมาสู่การสร้างคู่มือพร้อมสื่อการเรียนการสอนในรูปแบบต่างๆ เช่น สื่อนิทานที่เป็นการ์ตูน ซึ่งแปลออกเป็น 3 ภาษา คือ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และภาษาพม่า รวมถึงเพลงประกอบชื่อ Cyber Zone

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นภารัตน์ กล่าวแนะนำว่า ปัจจุบันการ “ค้ามนุษย์” ได้ขยายสู่โลกออนไลน์ จึงขอแนะนำให้ผู้ที่กำลังหางานทำ ไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือ คนข้ามชาติ ศึกษาหาข้อมูลรายละเอียดสถานการณ์การจ้างงาน หรือ การปฏิบัติของนายจ้างต่อแรงงานจากแหล่งที่น่าเชื่อถือไว้ใจได้ เช่น เว็บไซต์ของหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน หรือภาคประชาสังคมที่ทำงานกับกลุ่มแรงงานโดยตรง หรือติดต่อกับกลุ่มแรงงานที่ทำงานในพื้นที่ผ่านทาง Facebook เป็นต้น 

นอกจากนี้ อย่าหลงเชื่อการโฆษณาชวนเชื่อทางโลกออนไลน์ที่ว่า เงินดี งานสบาย และไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะผู้ที่มีส่วนร่วมในการค้ามนุษย์ เช่น นายหน้า หรือ ผู้ค้ามนุษย์ ไม่ได้ข้อมูลที่เป็นจริง เมื่อผู้ที่กำลังหางานนั้นหลงเชื่อคำสัญญาที่หลอกลวงของกลุ่มผู้ค้ามนุษย์ให้เดินทางมาทำงาน พวกเขามักจะมีโอกาสตกเป็นเหยื่อแรงงานที่มีพันธนาการหนี้ (debt bandage) เพราะต้องชำระค่าสมัคร ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ

“ตรีนุช” โพสต์ “เยียวยานักเรียน” คนละ 2,000 บาท ได้เมื่อไหร่ #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/479216

“ตรีนุช” โพสต์ “เยียวยานักเรียน” คนละ 2,000 บาท ได้เมื่อไหร่

17 ส.ค. 2564

ศธ.มีความพร้อมอย่างมากที่จะจัดส่ง “เยียวยานักเรียน” ทุกคนทุกสังกัดคนละ 2,000 บาทให้ผู้ปกครองภายใน 5-7 วัน หลังจากได้รับการโอนจัดสรรจากกระทรวงการคลัง

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.)โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “ตรีนุช เทียนทอง” ใจความว่า

การแถลงข่าว ‘#จุดยืนลดภาระทางการศึกษา’ ดิฉันขอกราบขอบพระคุณท่านนายกรัฐมนตรีที่กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานเปิดงาน โดยวันนี้กระทรวงศึกษาธิการได้นำเสนอการจัดการของกระทรวงฯ ต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ใน 3 ประเด็นนี้ค่ะ

1 #เยียวยานักเรียน ทุกคนทุกสังกัด 2,000 บาทต่อคน

ตอนนี้ กระทรวงฯ เรามีความพร้อมเป็นอย่างมากที่จะจัดส่งเงินเยียวยาให้ผู้ปกครองภายใน 5-7 วัน หลังจากได้รับการโอนจัดสรรจากกระทรวงการคลัง ซึ่งความพร้อมที่เรามีนี้ ต้องขอขอบคุณเพื่อนครูทั่วประเทศที่ช่วยรวบรวมข้อมูลให้ค่ะ อาจมีความไม่สะดวกบ้าง ดิฉันต้องขออภัยด้วย แต่ยินดีที่พวกเราได้ร่วมกันช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายให้แก่นักเรียนและผู้ปกครองของเรา

อีกกรณีที่หลายท่านสงสัยว่า นักเรียนนักศึกษาของสถานศึกษาที่อยู่นอกสังกัดของกระทรวงศึกษาธิการมีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยานี้ไหม ขอตอบว่า ‘ได้’ ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กระทรวงมหาดไทย) สังกัด ตชด. (กระทรวงกลาโหม) หรือสังกัด รร.สาธิต (กระทรวงอุดมศึกษาฯ) โดยการจัดสรรเงินจะโอนจากกระทรวงการคลังไปยังหน่วยงานต้นสังกัดของท่าน และดำเนินการตามระเบียบหรือข้อปฏิบัติของหน่วยงานนั้นค่ะ

2 #อินเทอร์เน็ตฟรี สำหรับการเรียนออนไลน์

การสนับสนุนอินเทอร์เน็ตนี้ ต้องขอขอบคุณกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสำนักงาน กสทช. ด้วยนะคะ ที่ร่วมช่วยเหลือนักเรียนและนักศึกษา โดยการช่วยเหลือนี้จะมีระยะเวลาตั้งแต่ 15 ส.ค. ถึง 15 ต.ค. 64 ค่ะ

3 #ลดภาระของนักเรียนครูผู้ปกครอง

ในสภาวะเช่นนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ปกครองคือความปลอดภัยของนักเรียน ทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ ดังนั้น กระทรวงฯ ประเมินแล้วว่า ความรู้บางเรื่องที่ไม่ได้มีความจำเป็นในตอนนี้ เราควรพักไว้ก่อน เพื่อให้นักเรียนไม่ต้องเครียดที่จะต้องเรียนครบชั่วโมงและทำการบ้าน ครูจะได้ไม่ต้องรวบรัดการสอนที่จะให้ครบตามตัวชี้วัด รวมถึงการประเมินใดที่เป็นภาระแก่ครูก็ลดหรืองดไปก่อน

ดิฉันขอบอกอย่างจริงใจกับทุกท่านว่า ความช่วยเหลือของกระทรวงฯ จะไม่ได้จบเพียงเท่าที่มีในวันนี้ค่ะ เราจะต้องทบทวนและหาแนวทางช่วยเหลือกับทุกปัญหาทางการศึกษาที่เกิดขึ้น รวมถึงหาแนวทางป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตด้วย ดิฉันต้องขอบคุณเพื่อนครูทุกคนอีกครั้งที่ช่วยกันเติมเต็มความรู้ให้กับเด็กนักเรียนของเราอย่างเต็มที่

#ตรีนุชเทียนทอง

ม.มหิดล แนะป้องกันปัญหา “สุนัขจรจัด” ต้องไม่ทอดทิ้งสุนัขเลี้ยง #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/479161

ม.มหิดล แนะป้องกันปัญหา “สุนัขจรจัด” ต้องไม่ทอดทิ้งสุนัขเลี้ยง

17 ส.ค. 2564

ม.มหิดล” เปิดผลวิจัยโครงการแบบจำลองการระบาดและการควบคุม “โรคพิษสุนัขบ้า” หวังสร้างระบบติดตามประชากรสุนัข ทั้งหมดกว่า 2 ล้านตัวเป็น“สุนัขจรจัด” กว่า 1 แสนตัว พบเด็กมัธยมฯไม่ใส่ใจภัยเรบีส์ แนะไม่ทอดทิ้งสุนัขเลี้ยงป้องกันปัญหาสุนัขจรจัด

ไม่มีใครลืมสุนัขตัวแรกที่ตัวเองเคยเลี้ยงว่ามีความผูกพันต่อกันเพียงใด แต่เมื่อเวลาผ่านไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามที่ทำให้สุนัขถูกทอดทิ้งจนกลายเป็น“สุนัขจรจัด”ที่ตกเป็นภาระแก่สังคม จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่สำคัญว่าทำไมจึงต้องมี “วันสุนัขโลก” ที่ตรงกับวันที่ 26 สิงหาคม ของทุกปี

ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGS) แห่งสหประชาชาติ ข้อที่ 11 ที่ว่าด้วยเมืองและชุมชนที่ยั่งยืน (Sustainable Cities and Communities) หนึ่งในปัญหาสำคัญที่เป็นอุปสรรคของการพัฒนาเมืองและชุมชนให้ยั่งยืน คือ การจัดระเบียบทางสังคม 

ซึ่งจากการสำรวจเบื้องต้นในสุนัขประเทศไทย จำนวนประมาณกว่า 2 ล้านตัว เป็นสุนัขที่ไม่มีเจ้าของ หรือ “สุนัขจรจัด” ถึงกว่า 1 แสนตัว ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า (เรบีส์) ซึ่งส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อความปลอดภัย และสุขภาวะของผู้คนในสังคมเมือง และชุมชน และที่น่าเป็นห่วงคือ ในประเทศไทยยังไม่เคยมีระบบลงทะเบียนข้อมูลการเกิด ตาย และย้ายถิ่นของสุนัข เพื่อการติดตามดูแลควบคุมประชากรสุนัขแต่อย่างใด

รองศาสตราจารย์ ดร. นายสัตวแพทย์อนุวัตน์ วิรัชสุดากุล อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์คลินิกและการสาธารณสุข และประจำศูนย์เฝ้าระวังและติดตามโรคจากสัตว์ป่า สัตว์ต่างถิ่น และสัตว์อพยพ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะหัวหน้าโครงการแบบจำลองการระบาดและการควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขประเทศไทย ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจาก สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่ได้วิจัยร่วมกับ กรมปศุสัตว์ กระทรวงการเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างปีพ.ศ.2562 – 2564 ได้กล่าวถึงผลจากการศึกษาวิจัยว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการระบาดใหม่ของโรคพิษสุนัขบ้าในประเทศไทย ได้แก่ ความหนาแน่นของประชากรมนุษย์ ประวัติการเกิดโรคในพื้นที่ และระยะห่างจากจุดเกิดโรคเดิม

 โดยการอุบัติซ้ำอาจเกิดจากการที่ไวรัสยังคงอยู่ในสุนัขที่ได้รับเชื้อ แต่ยังไม่แสดงอาการ ซึ่งในการรับเชื้อต่อครั้งมีระยะฟักตัวประมาณ 3 – 8 สัปดาห์ โดยผู้ที่ถูกกัดและรับเชื้อจะเสียชีวิตทุกราย วิธีการป้องกันที่ยั่งยืนที่สุด คือ การไม่ทอดทิ้งสุนัขเลี้ยง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสุนัขจรจัด

 นอกจากนี้ควรให้สุนัขเลี้ยงทุกตัวได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคเรบีส์เป็นประจำทุกปี ตลอดจนควบคุมประชากรสุนัขด้วยการทำหมัน อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยอีกส่วนหนึ่งยังชี้ให้เห็นว่า ความรู้ของเจ้าของสุนัขมีผลอย่างมากต่อพฤติกรรมการป้องกันและควบคุมโรคเรบีส์ ดังนั้น การให้ความรู้อย่างต่อเนื่องถึงอันตรายและการป้องกันโรคเรบีส์ จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากเช่นกัน

มีข้อสังเกตุหนึ่งที่น่าติดตามจากผลวิจัยของโครงการฯ ที่ได้ให้เยาวชนกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่เข้าร่วมโครงการฯ บันทึกข้อมูลการเลี้ยงสุนัขที่บ้านของตนผ่านแอปพลิเคชัน พบว่าได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่องค่อนข้างน้อย ทั้งๆ ที่มีการให้รางวัลตอบแทนในการลงบันทึกข้อมูลด้วย ซึ่งอาจชี้ได้ว่าเด็กไทยรุ่นใหม่ยังไม่ตระหนักใส่ใจภัยจากเรบีส์ และตื่นตัวในการเรียนรู้เพื่อป้องกันโรคดังกล่าวเท่าที่ควร

การสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องภัยจากเรบีส์เป็นเรื่องที่สำคัญต่อการพัฒนาเมืองและชุมชนให้ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการปลูกฝัง และสร้างทัศนคติที่ดีต่อการเลี้ยงสุนัขด้วยความรับผิดชอบแก่คนในสังคม ซึ่งบ่อยครั้งมักพบว่าผู้ที่รับเชื้อเรบีส์ไม่ได้เพียงจากเหตุโดนสุนัขจรจัดกัด แต่กลับรับเชื้อจากสุนัขที่ตัวเองเลี้ยง โดยสุนัขของตัวเองรับเชื้อจากสุนัขจรจัดมาก่อนแล้ว

“วิธีการป้องกันสุนัขกัดควรปฏิบัติตามหลัก ”5 ย“ คือ ”อย่าแหย่“ ”อย่าเหยียบ“ ”อย่าแยก“ ”อย่าหยิบ“ และ ”อย่ายุ่ง“ และถ้าหากถูกสุนัขกัดควร ”ล้างแผล ใส่ยา จับหมา หาหมอ“ โดยทีมวิจัยหวังว่าผลจากโครงการแบบจำลองการระบาดและการควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าในสุนัขประเทศไทย ที่ได้ร่วมวิจัยกับ กรมปศุสัตว์ กระทรวงการเกษตรและสหกรณ์ นี้จะส่งผลให้ประเทศไทยมีการติดตามพลวัตประชากรของสุนัข เกิด ตาย ย้ายถิ่น ที่เป็นระบบ สู่การจัดทำนโยบายการควบคุมจำนวนประชากรสุนัขจรจัด และลดอุบัติการณ์แพร่ระบาดของโรคเรบีส์ที่ส่งผลยั่งยืนต่อไปได้ในอนาคต” รศ.ดร. นายสัตวแพทย์อนุวัตน์กล่าวทิ้งท้าย

ตรวจสอบสิทธิ รับเงินเยียวยานักเรียน 2,000 บาท รร.รัฐ-เอกชน เช็กครบทุกขั้นตอนที่นี่ #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/edu-health/478760

ตรวจสอบสิทธิ รับเงินเยียวยานักเรียน 2,000 บาท รร.รัฐ-เอกชน เช็กครบทุกขั้นตอนที่นี่

14 สิงหาคม 2564 – 08:25 น.

ผู้ปกครองนักเรียนทั้ง โรงเรียนของรัฐและเอกชน สามารถ”ตรวจสอบสิทธิ” รับ”เงินเยียวยา” นักเรียนรายละ 2,000 บาท เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้แล้ว

ความคืบหน้าหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ปกครองและนักเรียนด้านค่าใช้จ่ายทางด้านการศึกษา จำนวน 2,000 บาทต่อนักเรียน 1 คน ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล จนถึง ม.6

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ระดับอาชีวศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ในกรอบวงเงิน 23,000 ล้านบาท เพื่อให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาให้แก่ผู้ปกครอง ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มีการเปิดตรวจสอบสิทธิตามโครงการดังกล่าวแล้ว

สำหรับ ขั้นตอนการตรวจสอบ ผ่านทางเว็บไซต์ https://student.edudev.in.th/

เมื่อเข้าสู่เว็บไซต์แล้วให้กรอกข้อมูล ดังนี้

– กรอกเลขประจำตัวนักเรียน

– กรอกรหัสให้ตรงตามรูปที่กำหนด

– จากนั้นกดปุ่มค้นหาเพื่อตรวจสอบข้อมูล

ข้อมูลการมีตัวตน ณ วันที่ 25 มิ.ย. 2564 จากระบบนักเรียนรายบุคคล (Data Management Center: DMC) ศูนย์พัฒนาระบบข้อมูลทางการศึกษา สำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน สพฐ.

ขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สามารถตรวจสอบได้โดยใช้รหัส G-Code ที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด สามารถขอทราบรหัส G-Code ได้ที่โรงเรียนที่นักเรียนศึกษาอยู่ สามารถตรวจสอบข้อมูลได้แล้ว บน ‘Application สช. On Mobile’ สามารถดาวน์โหลด ‘Application สช. On mobile’ ในระบบแอนดรอยด์ และระบบ iOS ดังนี้

– ระบบแอนดรอยด์

https://play.google.com/store/apps/details…

– ระบบ iOS

https://apps.apple.com/…/%E0%B8%AA%E0…/id1540552791…

ทั้งนี้ วิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือนี้ จะจ่ายผ่านสถานศึกษา และให้สถานศึกษาจ่ายตรงให้แก่นักเรียน นักศึกษา หรือผู้ปกครอง ในรูปแบบของเงินสด หรือนำเข้าบัญชีธนาคาร ประมาณ 11 ล้านคน วงเงินราว 21,600 ล้านบาท

คำแนะนำสำหรับการตรวจสอบข้อมูล
1. ข้อมูลทั้งหมดเป็นข้อมูลที่สถานศึกษารายงานและยืนยันรายชื่อนักเรียนที่มีตัวตนอยู่จริง ณ วันที่ 25 มิถุนายน 2564 ในระบบจัดเก็บข้อมูลนักเรียนรายบุคคล (Data Management Center: DMC)

2. หากนักเรียนมีการย้ายสถานศึกษาหลังวันที่ 25 มิถุนายน 2564 ให้ใช้ เลขประจำตัวประชาชน และ รหัสประจำตัวนักเรียน ของสถานศึกษาเดิม (สังกัด สพฐ. เท่านั้น) ในการตรวจสอบสิทธิ์

3. กรณีนักเรียนที่ตรวจสอบสิทธิ์และพบว่ามีสิทธิ์ และได้ย้ายสถานศึกษาแล้ว ท่านจะได้สิทธิ์ไปที่สถานศึกษาใหม่โดยสถานศึกษาจะรวบรวมและบริหารจัดการให้อีกครั้ง

เช็กสิทธิ์เงินเยียวยานักเรียน 2,000 บาท รร.รัฐบาล เอกชน ครบทุกขั้นตอนที่นี่

ตัวอย่างการตรวจสอบสิทธิ

4. กรณีที่นักเรียนอายุน้อยกว่า 3 ปี และมากกว่า 20 ปี หลังวันที่ 15 พฤษภาคม 2564 จะยังไม่ได้แสดงชื่อในรอบนี้ให้รอติดตามแนวทางจาก สพฐ. ต่อไป

5. กรณีพบชื่อ – นามสกุลไม่ถูกต้อง (ขาดเกิน ผิด) ให้แจ้งให้สถานศึกษาที่กำลังศึกษาทราบและเตรียมแก้ไขในการรายงานข้อมูล DMC ต่อไป และท่านก็จะยังได้รับสิทธิ์เมื่อสามารถแสดงตัวตนต่อสถานศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ได้

ทั้งนี้พ่อแม่ ผู้ปกครอง และนักเรียนสามารถตรวจสอบสิทธิ รับเงินเยียวยา 2,000 บาท ผ่านลิ้งนี้ได้ทันที

https://student.edudev.in.th/?fbclid=IwAR2NIjanEMWNgrna69xdk77LpZbxJSS1sUKUgq7nz9jW_kPnt2fFk-D7uhE

ไม่ขอนิ่งเฉย “ดร.แพรว” ปรับพื้นที่มหาวิทยาลัยรองรับผู้ป่วยโควิด-19 #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/edu-health/478725

ไม่ขอนิ่งเฉย “ดร.แพรว” ปรับพื้นที่มหาวิทยาลัยรองรับผู้ป่วยโควิด-19

13 สิงหาคม 2564 – 21:40 น.

โควิด-19 ระลอกที่4 “ธุรกิจบัณฑิตย์” ไม่นิ่งเฉย “ดร.แพรว” เคลียร์พื้นที่มหาวิทยาลัย เปลี่ยนอาคารหอพักนักศึกษาและอาคารศูนย์กีฬา เป็นหอผู้ป่วยเฉพาะกิจรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ขั้นสีเขียว พร้อมเปิดห้องครัว

“ดร.แพรว -ดาริกา ลัทธพิพัฒน์” อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์(มธบ.) และประธานกรรมการบริหารโรงเรียนนานาชาติ เวลลิงตัน คอลเลจ กรุงเทพฯ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 4 ถือเป็นวิกฤตหนักสุดของประเทศ ไทย ที่มียอดผู้ติดเชื้อไม่ต่ำกว่าวันละหมื่นคน ส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่าง ๆ ของประเทศไทย รวมถึงจิตใจของประชาชนคนไทย และผู้ป่วยที่รอรับการรักษา

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

เปิดวาร์ป “แพร พิมพ์อารยา” ดาวเด่นน้องใหม่คณะสัตวแพทย์ จุฬาฯ

ด่วน ขั้นตอนจ่ายเงิน”เยียวยานักเรียน 2,000 บาท”และช่วงวันโอนเงินเช็กที่นี่

“ลดค่าเล่าเรียน” 2,000 บาท รอสำนักงบฯจัดสรร “รมว.ศธ.”คาดได้31ส.ค.นี้

ไม่ขอนิ่งเฉย "ดร.แพรว" ปรับพื้นที่มหาวิทยาลัยรองรับผู้ป่วยโควิด-19

โดยทางมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้เดินหน้าสนับสนุนด้วยการช่วยเหลือภาครัฐบาลและกลุ่มภาคเอกชนอย่างเต็มที่ เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนเต็มรูปแบบ ทั้งการเปิดพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเป็น ศูนย์ฉีดวัคซีน ตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายน 2564 เป็นต้นมา

ล่าสุด ทางมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้จัดทำพื้นที่รองรับผู้ป่วยโควิด-19 ขั้นสีเขียว เพื่อเข้ารับการรักษา จำนวนกว่า 500 เตียง

โดยแบ่งออกเป็น 2รูปแบบ คือ

1.Hospitel – ได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลปิยะเวทในเครือโรงพยาบาลบางประกอกใช้พื้นที่อาคารหอพักนักศึกษา จัดทำเป็น Hospitel หรือ หอผู้ป่วยเฉพาะกิจ แบ่งออกเป็น ห้องเตียงเดี่ยวและห้องเตียงคู่ (สำหรับกรณีเป็นผู้ป่วยแบบครอบครัว)พร้อมทั้งจัดเตรียมบุคลากรที่ผ่านการอบรมเข้าเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ

ไม่ขอนิ่งเฉย "ดร.แพรว" ปรับพื้นที่มหาวิทยาลัยรองรับผู้ป่วยโควิด-19

2.Community Isolation – ได้ร่วมมือกับสำนักงานเขตหลักสี่และกรุงเทพมหานคร ใช้พื้นที่อาคารศูนย์กีฬา จัดทำเป็น Community Isolation หรือศูนย์พักคอย

ไม่ขอนิ่งเฉย "ดร.แพรว" ปรับพื้นที่มหาวิทยาลัยรองรับผู้ป่วยโควิด-19
ไม่ขอนิ่งเฉย "ดร.แพรว" ปรับพื้นที่มหาวิทยาลัยรองรับผู้ป่วยโควิด-19

นอกจากนี้ ยังได้จัดเตรียมห้องปฏิบัติการครัว (Chef Lab) ที่ใช้สำหรับสอนนักศึกษาสาขาวิชาการประกอบอาหารเพื่อสุขภาพ วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ เพื่อเป็นห้องครัวผลิตอาหารให้แก่บุคคลกรทางการแพทย์ และผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษาโดยจะทยอยเปิดให้บริการช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2564 เป็นต้นไป

ตอกย้ำแชมป์ 3 ปีต่อเนื่อง “มทร.อีสาน” ชูศักยภาพ 24 นักวิจัยผงาดเวทีโลก #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/edu-health/478709

ตอกย้ำแชมป์3ปีต่อเนื่อง “มทร.อีสาน” ชูศักยภาพ 24 นักวิจัยผงาดเวทีโลก

13 สิงหาคม 2564 – 21:35 น.

เปิดรายชื่อคณาจารย์ มทร.อีสานจำนวน 24 ท่าน ที่ได้รับการจัดอันดับนักวิจัยในระดับประเทศ และระดับโลก เผยติดอันดับ AD Scientific Index 2021: World Scientist and University Rankings 2021

รองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน(มทร.อีสาน) เปิดเผยว่า มทร.อีสาน ภายใต้การขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยโดย ศาสตราจารย์ พิเศษ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภา มทร.อีสาน ที่ได้วางแนวทางด้านยุทธศาสตร์การดำเนินงาน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ด่วน ขั้นตอนจ่ายเงิน”เยียวยานักเรียน 2,000 บาท”และช่วงวันโอนเงินเช็กที่นี่

“เรียนออนไลน์” แพะรับบาปวงการศึกษาไทย ยุคโควิด-19

เปิดวาร์ป “แพร พิมพ์อารยา” ดาวเด่นน้องใหม่คณะสัตวแพทย์ จุฬาฯ

การจัดการเรียนการสอน การวิจัยและการพัฒนานวัตกรรมให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคปัจจุบัน เพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมเป้าหมายของโลกDigital Economyซึ่งเป็นรากฐานอนาคตของประเทศไทย

ซึ่ง มทร.อีสาน ได้มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพบุคลากรทุกมิติ จนทำให้วันนี้ มทร.อีสาน มีผลการจัดอันดับในฐานข้อมูลต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นScimago Webometricsที่ มทร.อีสาน กลายเป็นมหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพทางวิชาการอันดับที่1ในกลุ่มราชมงคล3สมัยซ้อน

ในส่วนของผลการจัดอันดับนักวิจัยที่มีศักยภาพ ระดับมหาวิทยาลัย ระดับประเทศ และระดับโลก จากฐานข้อมูลAD Scientific Index 2021: World Scientist and University Rankings 2021 พบว่ามีคณาจารย์ มทร.อีสานจำนวน 24 ท่าน ที่ได้รับการจัดอันดับนักวิจัยในระดับประเทศ และระดับโลก

ตอกย้ำแชมป์3ปีต่อเนื่อง "มทร.อีสาน" ชูศักยภาพ 24 นักวิจัยผงาดเวทีโลก

“ผมขอเป็นตัวแทนแสดงความยินดีและขอชื่นชมอาจารย์ทั้ง24ท่านและขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์ มทร.อีสาน ทุกท่านผลิตผลงานวิจัยที่มีคุณภาพมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ โดยผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัย 

นับเป็นวิธีการหนึ่งที่มหาวิทยาลัยใช้ในการเปรียบเทียบตัวชี้วัดคุณภาพ (KPI)ของมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้นักศึกษา ผู้ปกครองใช้ประกอบการพิจารณาตัดสินใจเลือกที่จะมาเรียนกับ มทร.อีสาน และRankingที่เราเข้าเกณฑ์ล้วนแล้วแต่มีคุณภาพและเชื่อถือได้” รศ.ดร.โฆษิต กล่าว

ตอกย้ำแชมป์3ปีต่อเนื่อง "มทร.อีสาน" ชูศักยภาพ 24 นักวิจัยผงาดเวทีโลก

รศ.ดร.โฆษิต กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามเมื่อผลการจัดอันดับออกมาแล้วนั้น สิ่งที่สำคัญคือเราย่อมยินดีและชื่นชมกับทุกคนทั้งผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากรและนักศึกษาทุกท่าน ที่เรามองเห็นเป้าหมายและจับมือกันเดินไปในทิศทางเดียวกัน อันดับต่างๆ ที่เราได้มานั้น

ตอกย้ำแชมป์3ปีต่อเนื่อง "มทร.อีสาน" ชูศักยภาพ 24 นักวิจัยผงาดเวทีโลก

“เราจะนำมาวิเคราะห์ในส่วนที่มหาวิทยาลัยควรจะหนุนเสริม เพื่อให้มีจำนวนบุคลากรเพิ่มในRankมากขึ้นเรื่อยๆ หรือการปรากฏบนRankอื่นๆ ที่มีความน่าเชื่อถือ ตรวจสอบได้และเป็นที่ยอมรับในระดับโลกต่อไปครับ”รศ.ดร.โฆษิต กล่าวตอนท้าย

“ครูโอ๊ะ” ชู กศน. ต้องทำเพื่อประชาชน #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/edu-health/478544

“ครูโอ๊ะ” ชู กศน. ต้องทำเพื่อประชาชน

12 สิงหาคม 2564 – 20:05 น.

ปลูกฟ้าทะลายโจรและขยายพันธุ์ทั่วประเทศ ถือเป็นการทำความดีเพื่อแม่ของแผ่นดินและแม่ผู้ให้กำเนิดของเรา “ครูโอ๊ะ” ชู กศน. ต้องทำเพื่อประชาชน

วันที่ 12 สิงหาคม 2564 ครูโอ๊ะ หรือ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวใจความตอนหนึ่ง หลังเป็นระธานเปิดโครงการ “ล้านเมล็ดพันธุ์ ศธ. ห่วงใย ต้านภัยโควิด” เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผ่านระบบถ่ายทอดสด (Live) ทางเฟซบุ๊ก “ETV Channel”

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

” รมช.ศธ.” เปิดโครงการล้านเมล็ดพันธุ์ ศธ.ฯ เฉลิมพระเกียรติ”สมเด็จพระพันปีหลวง”

“เรียนออนไลน์” แพะรับบาปวงการศึกษาไทย ยุคโควิด-19

ด่วน ขั้นตอนจ่ายเงิน”เยียวยานักเรียน 2,000 บาท”และช่วงวันโอนเงินเช็กที่นี่

และปลูกต้นกล้าฟ้าทะลายโจรต้นแรกในกระทรวงศึกษาธิการ ณ บริเวณศูนย์การเรียนรู้วังจันทรเกษม พร้อมกับ กศน.ทั่วประเทศ ว่าเนื่องในวโรกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

สำนักงาน กศน. กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้จัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระองค์ผู้ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย เพื่อร่วมทำความดี โดยร้อยเรียงภารกิจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของชาว กศน. เพื่อให้ก่อเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการเรียนรู้ คงไว้ซึ่งความไว้วางใจและศรัทธาจากประชาชนในทุกพื้นที่ที่พวกเราอยู่

“เป็นที่รู้กันดีว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบกับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งเป็นหน้าที่ของ กศน. ในการส่งเสริมการเรียนรู้ในมิติต่าง ๆ เพื่อให้คนในสังคมมีสุขภาพกาย สุขภาพใจ และสภาวะทางสังคมที่ดี ส่งผลต่อสังคมสุขภาวะที่ดี

 และถือวาระพิเศษในวันนี้ วันแม่แห่งชาติ วันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี ขอเชิญชวนชาว กศน. ร่วมปลูกฟ้าทะลายโจร เพื่อใช้เป็นยาและขยายพันธุ์พร้อมกันทั่วประเทศ ถือเป็นการทำความดีเพื่อแม่ของแผ่นดินและแม่ผู้ให้กำเนิดของเรา

อันจะเป็นการตอบแทนความรักของแม่ ความรักอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน ดูแลพระในบ้านของเรา ให้ได้รับความรักความอบอุ่น ไม่ถูกทอดทิ้งให้ท่านต้องเดียวดาย

ซึ่งการปลูกหรือส่งต่อเมล็ดพันธุ์อย่างเดียวคงไม่เพียงพอ แต่เราต้องร่วมกันดูแลและพัฒนากระบวนการเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์ ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตปกติใหม่ (New normal) เพื่อสร้างการเรียนรู้ให้กับประชาชนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจจะส่งผลให้คนมีภาวะซึมเศร้า หดหู่ และวิตกกังวลมากขึ้น

โดยสำนักงาน กศน.ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้ง 4 องค์กร ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน สมาคมผู้ดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม ตลอดจนเครือข่ายในพื้นที่

จัดอบรมพัฒนาครู กศน. ในหลักสูตร “การจัดกิจกรรม กศน. ป้องกันภาวะซึมเศร้า คงสมรรถนะทางกาย จิต และสมองของผู้สูงอายุ” เพื่อนำความรู้และประสบการณ์ ไปต่อยอดกับต้นทุนเดิมของ กศน.ด้านทักษะนันทนาการ ให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในทุกชุมชน

หากจังหวัดใดสถานการณ์คลี่คลาย ขอให้สร้างการบูรณาการองค์ความรู้กับงานในหน้าที่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และขอฝากไปยังโค้ชประจำจังหวัด ได้นำการสะท้อนมุมมองการดำเนินงานระดับพื้นที่ ไปประเมินผลและรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องต่อไปด้วย

ท้ายสุด ขอแสดงความขอบคุณผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการ กศน. และ ผอ.กศน.จังหวัดสมุทรสาคร ที่ริเริ่มโครงการ “ล้านเมล็ดพันธุ์ ศธ. ห่วงใย ต้านภัยโควิด” เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จนเกิดผลเป็นรูปธรรม ขอขอบคุณสำนักงาน กศน.กทม. ที่ร่วมผลักดันและจัดทำคู่มือประชาชน “การเรียนรู้ ชีวิต สุขภาพ ฟ้าทะลายโจร สู้ภัยโควิด-19”

“และสนับสนุนการกระจายเมล็ดพันธุ์รวมทั้งต้นกล้าไปยัง กศน.ทั่วประเทศ ครูโอ๊ะเชื่อมั่นในตัวพวกเราชาว กศน. เพราะเราคือ กศน.เพื่อประชาชน ซึ่งจะไม่ได้เป็นเพียงแค่คำพูด แต่เราจะร่วมกันสร้างศรัทธาให้สมกับที่เราเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน” รมช.ศึกษาธิการ