“นิคมเศรษฐกิจพอเพียง” ภายใต้โครงการขยายผล “ฟาร์มตัวอย่างฯ” อำเภอคำตากล้า #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/agricultural/478468

 “นิคมเศรษฐกิจพอเพียง “ภายใต้โครงการขยายผล”ฟาร์มตัวอย่างฯ “อำเภอคำตากล้า

12 สิงหาคม 2564 – 11:39 น.

“นิคมเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้โครงการขยายผล”ฟาร์มตัวอย่างฯ “อำเภอคำตากล้า การพัฒนาเพื่อสุขของประชาชนจากพระมหากรุณาธิคุณ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

การจัดตั้งนิคมเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้โครงการขยายผลฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ อำเภอคำตากล้า จังหวัดสกลนคร ในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินของ 2 ตำบล คือ ตำบลนาแต้และตำบลคำตากล้า

โดยได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร  มาเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกร คือ ในก้าวสำคัญในการดำเนินงานเพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 "นิคมเศรษฐกิจพอเพียง "ภายใต้โครงการขยายผล"ฟาร์มตัวอย่างฯ "อำเภอคำตากล้า

ด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้พระราชทานพระราชดำริให้พิจารณาจัดทำโครงการฟาร์มตัวอย่างในพื้นที่ 4 ตำบล

 "นิคมเศรษฐกิจพอเพียง "ภายใต้โครงการขยายผล"ฟาร์มตัวอย่างฯ "อำเภอคำตากล้า

ได้แก่ ตำบลนาแต้ ตำบลคำตากล้า ตำบลหนองบัวสิม และตำบลแพด อำเภอคำตากล้า จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2548 ระหว่างเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎร  ณ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพบ้านดอนคำ – เสนานฤมิตร ตำบลนาแต้ อำเภอคำตากล้า จังหวัดสกลนคร เพื่อช่วยเหลือราษฎรให้มีรายได้หลังเสร็จสิ้นฤดูทำนา

โดยในระหว่างเสด็จเยี่ยมราษฎรอยู่นั้นได้มีคณะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้ร้องขอต่อสำนักราชเลขาธิการเพื่อขอให้ ส.ป.ก. ดำเนินการปรับพื้นที่และขุดขยายแหล่งน้ำให้แก่เกษตรกรผู้ถือครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินตำบลนาแต้ และตำบลคำตากล้า อำเภอคำตากล้า จังหวัดสกลนคร

 "นิคมเศรษฐกิจพอเพียง "ภายใต้โครงการขยายผล"ฟาร์มตัวอย่างฯ "อำเภอคำตากล้า

ต่อมาเจ้าหน้าที่สำนักราชเลขาธิการจึงได้เชิญคณะกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. ร่วมประชุมหารือ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ดังกล่าว 

ภารกิจการดำเนินงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมใน 3 ด้านหลัก คือ หนึ่ง งานจัดที่ดิน สอง งานพัฒนา และสาม งานเพิ่มรายได้ คือ แนวทางช่วยเหลือที่สำคัญของ ส.ป.ก. ที่ได้เริ่มดำเนินการในปี พ.ศ. 2549

 "นิคมเศรษฐกิจพอเพียง "ภายใต้โครงการขยายผล"ฟาร์มตัวอย่างฯ "อำเภอคำตากล้า

ทั้งนี้ ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้กล่าวว่า ในปี 2549 ส.ป.ก. ได้ดำเนินการสนองพระราชดำริแห่งการพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ตามภารกิจที่กำหนด

โดยได้มีการจัดที่ดินและจัดสรรที่อยู่อาศัย พร้อมมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน หรือ ส.ป.ก. 4-01 ให้แก่เกษตรกร จำนวน 4,008 ราย 4,681 แปลง รวมเนื้อที่ 65,151 ไร่ ซึ่งเป็นการแสดงถึงการถือครองที่ดินอย่างถูกต้องตามกฏหมาย 

 "นิคมเศรษฐกิจพอเพียง "ภายใต้โครงการขยายผล"ฟาร์มตัวอย่างฯ "อำเภอคำตากล้า

“หลังจากที่เกษตรกรมีความพร้อมในเชิงพื้นที่แล้ว  ส.ป.ก. จึงให้การสนับสนุนกิจกรรมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่าง ๆ ภายในนิคมเศรษฐกิจพอเพียงที่จัดตั้งขึ้น อาทิ การขุดสระน้ำ ขุดลอกแก้มลิง ฝายน้ำล้น อ่างเก็บน้ำ อาคารเรียนรู้ และอาคารรวบรวมผลผลิต กิจกรรมทางด้านการผลิต การลดรายจ่าย การเพิ่มรายได้

รวมถึงการพัฒนาอาชีพเสริมสร้างองค์ความรู้ให้แก่เกษตรกร ด้วยการจัดฝึกอบรมและศึกษาดูงาน เพื่อสนับสนุนให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ เสริมสร้างทักษะและประสบการณ์ โดยในการดำเนินงานด้านต่าง ๆ นั้น ได้เน้นการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน” ดร.วิณะโรจน์ กล่าว  

จากการดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้เกษตรกรสามารถนำความรู้ที่ได้รับ ไปปรับใช้เพื่อทำการเกษตรในแปลงที่ดินของตนเอง  สร้างอาชีพให้เกษตรกรมีรายได้ ภายใต้การผลิตที่ตรงต่อความต้องการของตลาด และได้มาตรฐานความปลอดภัยในรูปแบบของการเกษตรผสมผสาน ที่มีการประกอบกิจกรรมอย่างหลากหลาย

เช่น การปลูกพืชผักสวนครัว การเพาะเห็ด การปลูกพืชสมุนไพรเพื่อใช้ทำยารักษาโรค การเลี้ยงปลาเลี้ยงกบ ทั้งนี้   จากการติดตามผลการดำเนินงานของ ส.ป.ก. พบว่า ผลการส่งเสริมและพัฒนาได้ทำให้เกษตรกรมีรายได้ต่อเดือนเพิ่มมากขึ้น อยู่ที่ 20,000 – 25,000 บาท ต่อเดือน

จากการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน ส.ป.ก. ในพื้นที่นิคมเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้โครงการขยายผลฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ อำเภอคำตากล้า  ได้ช่วยพลิกเปลี่ยนชีวิตความอยู่ของประชาชน ที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมได้เห็นผล ทำให้วันนี้มีสภาพชีวิตความอยู่ที่ดีขึ้น สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน

 "นิคมเศรษฐกิจพอเพียง "ภายใต้โครงการขยายผล"ฟาร์มตัวอย่างฯ "อำเภอคำตากล้า

นายประมวลชัย ทองใส อยู่บ้านเลขที่ 193 บ้านหนองเม็ก หมู่ 12 ตำบลนาแต้ อำเภอคำตากล้า คือ หนึ่งในเกษตรกรที่อยู่ภายใต้การส่งเสริมและพัฒนาของ ส.ป.ก. ภายใต้นิคมเศรษฐกิจพอเพียง ในโครงการขยายผลฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ อำเภอคำตากล้า

และจากการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักชัย ได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชีวิต จากการทำเกษตรเชิงเดี่ยวมาสู่การทำเกษตรผสมผสาน จนประสบความสำเร็จกลายเป็นเกษตรกรต้นแบบ ให้ผู้สนใจได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้

“ผมได้รับจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ 7 – 3 – 95 ไร่ พร้อมทั้งเข้ามาช่วยปรับพื้นที่แปลงเกษตรกรรมและขุดขยายแหล่งน้ำเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพ และจากข้อแนะนำและองค์ความรู้ที่ทางส.ป.ก.ได้เข้ามาแนะนำ จึงเห็นว่า การทำเกษตรเชิงเดี่ยวแบบเดิมนั้น ไม่สามารถทำให้ผมหลุดจากปัญหาความยากจนเหมือนที่เป็นมาได้ ต้องมีการปรับเปลี่ยนแนวทาง

ผมจึงเลือกเดินตามแนวทางของในหลวงรัชกาลที่ 9 เปลี่ยนมาทำเกษตรแบบผสมผสาน ภายใต้หลักเศรษฐกิจพอเพียง มีกิจกรรมการสร้างรายได้ที่หลากหลาย ทั้งการเพาะเห็ดชนิดต่าง ๆ การทำนาข้าว การเลี้ยงปลาธรรมชาติ การเพาะพันธุ์กบและพันธุ์ปลา การปลูกพืชสวนครัวแบบอินทรีย์ ฟาร์มไก่พื้นเมืองและไก่พันธุ์ไข่ การทำน้ำหมักและสารสกัดชีวภาพใช้เองเพื่อลดต้นทุนการผลิต”

นอกจากจะทำให้เกษตรกรผู้มีอาหารไว้สำหรับในการบริโภคในครัวเรือนแล้ว ยังก่อเกิดเป็นรายได้จากการนำผลผลิตออกจำหน่ายในตลาดของชุมชนได้ตลอดทั้งปี ทำให้มีรายได้เพิ่มถึงปีละ 770,000 บาท ส่งผลให้คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ดีขึ้น

เพราะข้อแนะนำจากเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. จึงทำให้ “ประมวลชัย” ได้เข้าใจถึงหัวใจสำคัญของหลักเศรษฐกิจพอเพียง และได้นำมาปรับใช้จนประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น หลักความพอประมาณ เขาจะเน้นการใช้แรงงานในครัวเรือนเป็นหลัก มีการทำปุ๋ยน้ำหมัก สารสกัดชีวภาพขึ้นใช้เอง พร้อมทั้งจำหน่ายให้เพื่อนเกษตรกรที่สนใจ เป็นต้น

ส่วนในหลักของความมีเหตุผล สิ่งสำคัญคือ ต้องพิจารณาและประเมินความสามารถของตนเองและครอบครัวถึงความจำเป็น ความเป็นไปได้ คิดก่อนที่จะทำ อีกทั้งมีการวางแผนและการบริหารจัดการเงินทุน มีส่วนร่วมในการประชุมกับเจ้าหน้าที่ของ ส.ป.ก. เป็นต้น

ขณะที่หลักการมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี “ประมวลชัย”จะเน้นการลดต้นทุนการผลิต  รวมถึงการรวมกลุ่มกันผลิตและจำหน่าย โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง เป็นต้น

“จากที่ผมและครอบครัวมีชีวิตเป็นสุขได้อย่างในทุกวันนี้ เป็นเพราะพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ได้ส่งหน่วยงานที่มีความตั้งใจจริงในการช่วยเหลือเกษตรกร อย่าง ส.ป.ก. เข้ามาช่วยพัฒนา จนทำให้ผมและคนอื่น ๆ มีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าในอดีตอย่างมากแบบที่ไม่เคยคาดคิดว่ามีได้เลยครับ” ประมวลชัย กล่าวในที่สุด

“เครือข่ายชาวสวนมังคุด” ขอบคุณ “กองทัพอากาศ” ช่วยเร่งระบายผลผลิตสู่ปลายทางช่วงวิกฤติ “โควิด-19” #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/agricultural/478218

“เครือข่ายชาวสวนมังคุด”ขอบคุณ”กองทัพอากาศ”ช่วยเร่งระบายผลผลิตสู่ปลายทางช่วงวิกฤติ “โควิด-19”

10 สิงหาคม 2564 – 18:07 น.

“เครือข่ายชาวสวนมังคุด”ขอบคุณ”กองทัพอากาศ”ช่วยเร่งระบายผลผลิตสู่ปลายทาง วอนอย่าดราม่าซ้ำเติม”เกษตรกร” ย้ำชัดขนส่งทางอากาศทางออกดีที่สุดช่วงวิกฤติ “โควิด-19”

จากกรณี”กองทัพอากาศ”ได้นำเครื่องบิน SAAB 340 ลำเลียงผลผลิตทางการเกษตรผลไม้จากแหล่งผลิตทางภาคใต้สู่ปลายทางภาคเหนือ จนเกิดดราม่าว่า “ไม่เห็นด้วยกับกองทัพอากาศที่เอาเครื่องบิน SAAB 340  บินขนมังคุดจากสุราษฎร์ธานี ไปแลกเปลี่ยนกับลำไยที่เชียงใหม่และลำพูน เป็นการใช้ทรัพย์สินที่ผิด ประเภทและไม่คุ้มค่ากับค่าใช้จ่าย”  

กระทั่งพลอากาศโท ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ ได้ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด -19  และเป็นการใช้ชั่วโมงฝึกบินของนักบินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ได้ใช้งบเพิ่มขึ้น

ประกอบกับแต่ละเที่ยวบินมีพื้นที่ว่างพอ สำหรับการบรรทุกสิ่งของ จึงเป็นการแสวงหาประโยชน์ร่วมกับภารกิจการช่วยลำเลียงผลิตทางการเกษตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรในการระบายสินค้าไปยังพื้นที่ปลายทาง 

"เครือข่ายชาวสวนมังคุด"ขอบคุณ"กองทัพอากาศ"ช่วยเร่งระบายผลผลิตสู่ปลายทางช่วงวิกฤติ "โควิด-19"

          นายธวัชชัย เทพเลื่อน ผู้ช่วยผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัด

ล่าสุดวันนี้(10 ส.ค.64)นายธวัชชัย เทพเลื่อน ผู้ช่วยผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัดได้ออกมากล่าวขอขอบคุณทางกองทัพอากาศที่ได้นำเครื่องบิน SAAB 340 มาช่วยในการระบายผลผลิตเงาะ มังคุดจากแหล่งผลิตสู่ปลายทางอย่างรวดเร็วเนื่องจากสองชนิดนี้เป็นผลไม้เปราะบาง เน่าเสียได้ง่าย หากใช้ระยะเวลาขนส่งที่ยาวนาน  ในขณะที่ทุกวันนี้มีอยู่ทางเลือกเดียวคือการขนส่งโดยรถยนต์

"เครือข่ายชาวสวนมังคุด"ขอบคุณ"กองทัพอากาศ"ช่วยเร่งระบายผลผลิตสู่ปลายทางช่วงวิกฤติ "โควิด-19"

“จริงอยู่การขนส่งทางอากาศอาจไม่คุ้มค่าคุ้มทุน แต่ถ้ามองในแง่ความสดของผลไม้ถึงมือผู้บริโภค ก็ถือว่าคุ้มมาก ผลไม้ก็ได้ระบายออกจากสวนอย่างรวดเร็ว อย่ามองแค่ว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม แต่ให้มองถึงประโยชน์ที่จะได้รับมากกว่า   แต่ขอให้เป็นผลผลิตของสหกรณ์ของเกษตรกรจริง ๆ ไม่ใช่ของบริษัทเอกชน”

นายธวัชชัย  กล่าวต่อว่า  การกระจายผลไม้จากแหล่งผลิตที่ผ่านมานั้นใช้รถบรรทุกเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นส่งให้กับทางชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยหรือ ชสท.ที่กรุงเทพฯหรือสหกรณ์ปลายทางอีกหลายจังหวัดในภาคเหนือและอีสาน ซึ่งจะต้องขนส่งโดยรถยนต์ทั้งสิ้นและใช้ระยะเวลาเดินทางหลายวัน เมื่อไปถึงจุดหมายคุณภาพอาจจะมีปัญหาไม่สดเหมือนต้นทางจากแหล่งผลิต

“อย่างวันนี้ก็ส่งเงาะไปโคราช 1 ตันกว่าจะถึงคงอีก 2 วัน ถ้าใช้เครื่องบินชั่วโมงเดียว คุณภาพผลผลิตก็ไม่เสียหาย ยิ่งในช่วงโควิดระบาด ขนส่งทางเครื่องบินน่าจะเป็นทางออกเดียวที่ดีที่สุด”ผู้ช่วยผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรเมืองสุราษฎร์ธานี จำกัดกล่าว

และย้ำว่าหากจะต้องขนส่งทางอากาศก็จะต้องมีการเตรียมวางแผนไว้ล่วงหน้าเมื่อถึงปลายทาง โดยเฉพาะการกระจายผลผลิตสู่ผู้บริโภคจะต้องใช้เวลาไม่นานและจะต้องขนส่งแต่ละครั้งจะต้องใช้ผลผลิตในปริมาณมากเพื่อให้คุ้มค่าใช้จ่ายในการขนส่งให้มากที่สุด

ขณะที่ นายพรชัย โชติวรรณ เจ้าของสวนมังคุดไข่นุ้ย อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราชยอมรับว่าการ ขนส่งทางรถยนต์ขณะนี้มีปัญหาทั้งจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 และระยะเวเลที่ยาวนาน โดยเฉพาะมังคุดและเงาะ เนื่องจากไม่สามารถคงสภาพเดิมได้เมื่อถึงปลายทาง การขนส่งทางเครื่องบิน น่าจะเป็นทางออกดีที่สุดในเวลานี้

“เห็นด้วยอย่างมากในการขนส่งทางเครื่องบิน อย่าว่าแต่เครื่องบินของกองทัพอากาศเลย เครื่องบินของการบินไทย ช่วงนี้ยังทำการบินไม่ได้จอดทิ้งไว้เฉย ๆ ทำไมไม่เอามาบินขนผลไม้ช่วยเกษตรกรระบายผลผลิต”เจ้าของสวนมังคุดไข่นุ้ย กล่าวย้ำ

"เครือข่ายชาวสวนมังคุด"ขอบคุณ"กองทัพอากาศ"ช่วยเร่งระบายผลผลิตสู่ปลายทางช่วงวิกฤติ "โควิด-19"
"เครือข่ายชาวสวนมังคุด"ขอบคุณ"กองทัพอากาศ"ช่วยเร่งระบายผลผลิตสู่ปลายทางช่วงวิกฤติ "โควิด-19"

นายปราโมทย์ วุฒิมานพ  เจ้าของสวนมังคุดวุฒิมานพ ต.พรหมโลก อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช

ด้านนายปราโมทย์ วุฒิมานพ  เจ้าของสวนมังคุดวุฒิมานพ ต.พรหมโลก อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช อีกรายกล่าวเห็นด้วยในการขนส่งผลผลิตผลไม้ทางเครื่องบินในช่วงวิกฤติโควิด-19 เนื่องจากการขนส่งทางรถยนต์ตามปกติไม่อาจทำได้    

“เห็นด้วยกับการขนส่งทางเครื่องบินในช่วงวิกฤติ แต่ถ้าอยู่ในภาวะปกติก็ไม่มีความจำเป็นเพราะระบบการขนส่งโลจิสติกส์ก็มีความพร้อมอยู่แล้ว  ส่วนคนที่ค้านก็ขอให้เข้าใจหัวอกเกษตรกรด้วย แค่ราคาตกต่ำก็เจ็บปวดมากพออยู่แล้ว  ขออย่าได้ซ้ำเติมกันอีกเลย”เจ้าของสวนมังคุดวุฒิมานพ  กล่าววิงวอน

นายปราโมทย์  ยังกล่าวเรียกร้องรัฐบาลให้หน่วยงานเกี่ยวข้องมาจัดระเบียบสวนผลไม้ให้ได้มาตรฐาน”จีเอพี”(GAP) พร้อมประกันราคาผลผลิตขั้นต่ำโดยคำนวณจากจุดที่คุ้มทุนเพื่อทำให้เกษตรกรมีกำลังใจในการบริหารจัดการสวนให้ได้มาตรฐานเพื่อผลผลิตที่มีคุณภาพ ทั้งยังเป็นการจูงใจให้เกษตรกรเจ้าของสวนผลไม้ เข้าสู่ระบบจีเอพีมากขึ้นเพื่อจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องราคาและการตลาด

“ทางออกในระยะยาว ก็อยากให้หน่วยงานภาครัฐมาจัดระเบียบสวนให้ได้มาตรฐานจีเอพี(GAP) สวนไหนที่ได้จีเอพีแล้วก็ประกันราคารับซื้อให้เขาเลย สมมติมังคุดคำนวณต้นทุนแล้วประกันราคาขั้นต่ำอยู่ที่โลละ 20 บาท ถ้าขายได้ต่ำกว่านี้รัฐบาลก็ชดเชยส่วนต่างไป แต่ถ้าขายได้เกินกว่า 20 บาทก็เป็นกำไรของเกษตรกร ถ้าทำแบบนี้ได้ทุกสวนก็จะหมดปัญหาเรื่องราคา รัฐบาลก็ไม่ต้องมาแก้ปัญหากันทุกปี”เจ้าของสวนมังคุดวุฒิมานพ  ย้ำทิ้งท้าย

“ไทย” ได้รับเลือกเป็นประธานการประชุมสมัชชาความร่วมมือ “ดินโลก” (Global Soil Partnership) #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/agricultural/478135

“ไทย ได้รับเลือกเป็นประธานการประชุมสมัชชาความร่วมมือ”ดินโลก” (Global Soil Partnership)”

10 สิงหาคม 2564 – 10:38 น.

“ไทย ได้รับเลือกเป็นประธานการประชุมสมัชชาความร่วมมือ”ดินโลก” (Global Soil Partnership)”ครั้งที่ 9 เป็นบทบาทที่สำคัญของประเทศไทยในการขับเคลื่อนนโยบายด้าน”ทรัพยากรดิน”ในเวทีระดับโลก 

นายธนวรรษ เทียนสิน อัครราชทูต (ฝ่ายเกษตร) นางสาวรัชนก แสงเพ็ญจันทร์ ที่ปรึกษา (ฝ่ายเกษตร) และนางศุภจิต ศรีอริยวัฒน์ เลขานุการเอก (ฝ่ายเกษตร) สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงโรม (สปษ.โรม) ได้ประชุมเตรียมการจัดการประชุมสมัชชาความร่วมมือทรัพยากรดินโลก (Global Soil Partnership: GSP PA) ครั้งที่ 9

ร่วมกับนาย Ronald Vargas ฝ่ายเลขานุการ GSP/FAO ซึ่งกำหนดจะจัดขึ้นในวันที่ 8-10 กันยายน 2564 โดยในการประชุมที่จะถึงนี้ นายธนวรรษ เทียนสิน ได้รับการเสนอชื่อจากประเทศสมาชิก และเป็นผู้แทนกลุ่มภูมิภาคเอเชีย ให้ทำหน้าที่ประธานสมัชชาความร่วมมือดินโลก (GSP) และจะทำหน้าที่ประธานในการประชุม GSP ครั้งที่ 9 

"ไทย ได้รับเลือกเป็นประธานการประชุมสมัชชาความร่วมมือ"ดินโลก" (Global Soil Partnership)"

ที่ผ่านมารองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์” ระพีภัทร์ จันทร์ศรีวงศ์ “เป็นคนไทยคนแรกที่เคยทำหน้าที่ประธานสมัชชาความร่วมมือดินโลก (Chairperson of GSP) และอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน “เบญจพร ชาครานนท์” เคยทำหน้าที่ประธานสมัชชาความร่วมมือทรัพยากรดินแห่งภูมิภาคเอเชีย (Chairperson of Asian Soil Partnership : ASP) ซึ่งเป็นบทบาทที่สำคัญของประเทศไทยในการขับเคลื่อนนโยบายด้านทรัพยากรดินในเวทีระดับโลก 

"ไทย ได้รับเลือกเป็นประธานการประชุมสมัชชาความร่วมมือ"ดินโลก" (Global Soil Partnership)"

สหประชาชาติและ FAO ได้กำหนดให้ วันที่ 5 ธันวาคม 2563 เป็น “วันดินโลก” (World Soil Day) ซึ่งเป็นวันที่ตั้งขึ้นเพื่อให้ทั่วโลกเห็นความสำคัญของทรัพยากรดินตรงกับวันที่ 5 ธ.ค.ของทุกปีตามมติขององค์การสหประชาชาติ กำหนดให้ตรงกับวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องจากทรงมีพระราชกรณียกิจที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและพัฒนาที่ดินในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน

"ไทย ได้รับเลือกเป็นประธานการประชุมสมัชชาความร่วมมือ"ดินโลก" (Global Soil Partnership)"

FAO ได้ร่วมกับรัฐบาลไทยโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกรมพัฒนาที่ดิน ได้จัดให้มีการมอบ “รางวัลภูมิพลวันดินโลก” หรือ “King Bhumibol World Soil Day Award” ให้แก่ประเทศ องค์กร หรือบุคคลที่มีผลงานที่ประจักษ์ดีเด่นด้านการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ การสร้างจิตสำนึกในการรักษาทรัพยากรดินและการจัดการดินเพื่อความมั่นคงอาหารอย่างยั่งยืนด้วย

FAO และกรมพัฒนาที่ดิน ได้จัดตั้ง “ศูนย์ความเป็นเลิศด้านการวิจัยดินแห่งเอเชีย หรือ Center of Excellence for Soil Research in Asia (CESRA)” เป็นศูนย์ที่ก่อตั้งขึ้นในวันที่ 5 ธันวาคม 2561 เพื่อเป็นองค์กรที่รวบรวมข้อมูล องค์ความรู้ และงานวิจัยด้านดิน รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการถ่ายทอดความรู้ด้านการจัดการทรัพยากรกรดินอย่างยั่งยืนของภูมิภาคเอเชีย

"ไทย ได้รับเลือกเป็นประธานการประชุมสมัชชาความร่วมมือ"ดินโลก" (Global Soil Partnership)"

นอกจากนี้ FAO นำโครงการหมอดินอาสา ของกรมพัฒนาที่ดิน ไปขยายผลในระดับโลก ภายใต้โครงการ Global Soil Doctors Programme ด้วย

สำหรับการประชุม Global Soil Partnership จะมีการนำเสนอแนวทางการยกระดับสมัชชาความร่วมมือดินโลก (GSP) ไปสู่การเป็นองค์กรถาวรภายใต้ธรรมนูญของ FAO หรือการหาแนวทางอื่นในการกำหนดเป็นอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยเรื่องทรัพยากรดิน (UN Convention) ซึ่งประเทศสมาชิกจะต้องร่วมพิจารณาและผลักดันในเวทีระดับโลกต่อไป

ทั้งนี้ นายธนวรรษ เทียนสิน ในฐานะประธานคณะกรรมการความมั่นคงอาหารโลก (The Committee on World Food Security: CFS) และประธาน GSP จะเข้าร่วมประชุมเสวนาหัวข้อ Global soil governance: Status and future perspectives ซึ่งจะจัดขึ้นวันที่ 25 สิงหาคม 2564 ในระหว่างการประชุม EuroSoil 2021 – Connecting People and Soil เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและกลไกในการยกระดับสถานภาพของสมัชชาฯให้มีเสถียรภาพ สามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ

ซึ่งขณะนี้สหภาพยุโรปรวมถึงประเทศต่าง ๆ ให้ความสำคัญต่อการจัดการทรัพยากรดินซึ่งเป็นแหล่งผลิตอาหารของโลกจัดเป็นวาระสำคัญของโลกและดินที่ดีจะเชื่อมโยงถึงสุขภาพของคน สัตว์ และพืช  โดยสหภาพยุโรปกำลังริเริ่มแนวคิดการเสนอจัดตั้งอนุสัญญาเฉพาะด้านดิน เพิ่มจาก 3 พี่น้องอนุสัญญาสหประชาชาติ UNFCCC UNCCD และ CBD 

เริ่มแล้ววันนี้ งานมหกรรม “ไม้ผลอัตลักษณ์” และ “สินค้าเกษตรแปรรูป” ภาคใต้ออนไลน์ #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/agricultural/477601

เริ่มแล้ววันนี้ งานมหกรรม”ไม้ผลอัตลักษณ์”และ”สินค้าเกษตรแปรรูป”ภาคใต้ออนไลน์

6 สิงหาคม 2564 – 20:32 น.

เริ่มแล้ววันนี้ งานมหกรรม”ไม้ผลอัตลักษณ์”และ”สินค้าเกษตรแปรรูป”ภาคใต้ออนไลน์” ช่วยเหลือ “เกษตรกร”ในช่วง “โควิด-19”

วันที่ 6 สิงหาคม 2564 นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรเป็นประธานเปิดงานมหกรรมไม้ผลอัตลักษณ์และสินค้าเกษตรแปรรูปภาคใต้ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-8 สิงหาคม 2564 ผ่าน Fanpage Facebook : ไม้ผลอัตลักษณ์และสินค้าเกษตรแปรรูปภาคใต้ 

เริ่มแล้ววันนี้ งานมหกรรม"ไม้ผลอัตลักษณ์"และ"สินค้าเกษตรแปรรูป"ภาคใต้ออนไลน์
เริ่มแล้ววันนี้ งานมหกรรม"ไม้ผลอัตลักษณ์"และ"สินค้าเกษตรแปรรูป"ภาคใต้ออนไลน์

นายสุพิท จิตรภักดี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา ได้กล่าวรายงานการจัดงานโดยมีเกษตรจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพร้อมด้วยเกษตรกรกว่า150 คน เข้าร่วมงาน 

เริ่มแล้ววันนี้ งานมหกรรม"ไม้ผลอัตลักษณ์"และ"สินค้าเกษตรแปรรูป"ภาคใต้ออนไลน์

นายสุพิท จิตรภักดี เปิดเผยว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 การบริหารจัดการผลไม้ภาคใต้ในปีนี้จึงให้ความสำคัญกับการกระจายผลผลิตผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น เกษตรกรมีการปรับเปลี่ยนวิถีการขายรูปแบบใหม่ ขณะนี้อยู่ในช่วงฤดูกาลผลไม้กำลังออกสู่ตลาด

เริ่มแล้ววันนี้ งานมหกรรม"ไม้ผลอัตลักษณ์"และ"สินค้าเกษตรแปรรูป"ภาคใต้ออนไลน์

กิจกรรมวันนี้ที่สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จังหวัดสงขลา และสำนักงานเกษตรจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้ร่วมกันจัดขึ้นก็เพื่อประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมการจำหน่าย และกระจายผลผลิตให้แก่เกษตรกรในช่วงสถานการณ์ covid-19 

โดยเปิดโอกาสให้เครือข่ายเกษตรกรผู้ผลิตไม้ผล กลุ่มแปลงใหญ่ เกษตรกรรุ่นใหม่ (Young smart farmer) กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ภาคใต้ ได้นำผลไม้และสินค้าเกษตรแปรรูปคุณภาพดี รสชาติอร่อย มาร่วมประชาสัมพันธ์และจำหน่ายรวม 150 ราย สินค้ากว่า 300 รายการ

เริ่มแล้ววันนี้ งานมหกรรม"ไม้ผลอัตลักษณ์"และ"สินค้าเกษตรแปรรูป"ภาคใต้ออนไลน์

เช่น ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา ลองกองตันหยงมัส มังคุดทิพย์พังงา เงาะโรงเรียนนาสาร สละ จำปาดะขวัญสตูล 
ส้มโอทับทิมสยามและสินค้าเกษตรแปรรูปที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์

เช่น ชาสามขิง ผลิตภัณฑ์จากเห็ดแครง ลูกหยี มะม่วงเบาแช่อิ่ม ส้มแขก แกงไตปลาแห้ง กล้วยอบ ทุเรียนทอด เป็นต้น

และอีกวัตถุประสงค์สำคัญคือ อยากให้เกษตรกรมีความรู้ ได้รู้จักวิธีการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ ในอนาคตหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมนี้ซึ่งการขายออนไลน์ ก็มีเทคนิควิธีการหลากหลายรูปแบบเกษตรกร สามารถจัดทำเพจ หรือ ช่องทาง social media ต่าง ๆ ในการประชาสัมพันธ์สินค้าของตนเอง

ซึ่งมีเรื่องราวที่มา ความเป็นอัตลักษณ์พื้นถิ่นของชุมชน ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่า เป็นการยกระดับ ขึ้นเป็นผู้ประกอบการ และลดการพึ่งพาพ่อค้าคนกลางให้น้อยลง การขายสินค้าออนไลน์ต้องมีความรู้ในเรื่องต่างๆ ประกอบกันด้วย ซึ่งหน่วยงานได้จัดกิจกรรมดังนี้

1.การอบรมให้ความรู้ด้านการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ การจัดทำเพจขายสินค้า ให้แก่เกษตรกรที่เข้าร่วมงาน ซึ่งดำเนินการไปแล้วเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 วิทยากรที่ประสบความสำเร็จในการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ โดย อาจารย์อั๋น ทวีวงศ์สง่า ผู้เขียนเขียนหนังสือ “อัพ ยอดขาย เพิ่มยอดไลน์ใน 21 วัน “

การแนะนำวิธีและเทคนิคการประสบความสำเร็จในการใช้ระบบ Social Media โดย คุณตุ๊ก ชนกวนันท์ รักชีพ เจ้าของ “สุธาทิพย์ฟาร์ม” และอบรมการสร้างเพจด้วย Smart Phone ผ่านโปรแกรม Canva การอบรมการใช้งานโปรแกรม Zoom โดย ดร.ศภุฤกษ์ เวศยาสิรินทร์ บริษัท Eak Medai

2.กิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น การจำหน่ายสินค้านาทีทอง การประมูลทุเรียน การแนะนำสินค้าโดยศิลปินดารา การลดราคาเป็นพิเศษคืนกำไรให้กับผู้บริโภค ซึ่งวันนี้เป็นงานวันแรกถือว่าได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก มีการประมูลทุเรียนสะเด็ดน้ำจังหวัดยะลาเพื่อการกุศล โดยมอบเงินให้กับโรงพยาบาลอีกด้วย

“เหลือเวลาอีก 2 วัน อยากจะเชิญชวนให้ทุกท่านมาร่วมกันอุดหนุน ชมและช้อปสินค้าเกษตรของดีของภาคใต้ผ่านทาง Fanpage Facebook : ไม้ผลอัตลักษณ์และสินค้าเกษตรแปรรูปภาคใต้ ถือเป็นโอกาสดีของท่านที่จะได้อุดหนุนและช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรในช่วงโควิด-19 แถมยังได้บริโภคสินค้าทั้งผลไม้สดและผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรแปรรูปจากเกษตรกรผู้ผลิตอีกมากมาย ในราคาที่จับต้องได้  “

“กรมส่งเสริมสหกรณ์” เปิดปฏิทินอบรมบัญชีฟรี “ผ่านออนไลน์” ยุค “โควิด” #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/agricultural/477516

“กรมส่งเสริมสหกรณ์” เปิดปฏิทินอบรมบัญชีฟรี”ผ่านออนไลน์”ยุค”โควิด”

6 สิงหาคม 2564 – 10:38 น.

“กรมส่งเสริมสหกรณ์” เปิดปฏิทินอบรมบัญชีฟรี”ผ่านออนไลน์”ยุค”โควิด” เน้นกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์และเครดิตยูเนี่ยน เพื่อให้มีคุณสมบัติตามกฎกระทรวง เริ่มส.ค.- ก.ย. 64


นายวิศิษฐ์  ศรีสุวรรณ์  อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์(กสส.) เปิดเผยว่า กรมฯได้เตรียมเปิดอบรมหลักสูตร” การเงิน การบัญชี และการบริหารสำหรับกรรมการสหกรณ์ “ ผ่านระบบออนไลน์เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19  โดยหลักสูตรที่ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการพัฒนาสหกรณ์แห่งชาติ(คพช.)

การอบรมจะจัดฟรีให้กับกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนขนาดเล็ก คือ สหกรณ์ที่มีสินทรัพย์น้อยกว่า 5 พันล้านบาทซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่กำกับดูแลกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อให้กรรมการสหกรณ์ได้มีคุณสมบัติเป็นไปตามกฎกระทรวงหมวด 2 ข้อ 8  ที่บัญญัติในเรื่องคุณสมบัติของกรรมการสหกรณ์ทั้ง 2 ประเภทไว้ว่าจะต้องมีคุณวุฒิในด้านเงิน การบัญชี การบริหารจัดการและด้านเศรษฐศาสตร์ 

"กรมส่งเสริมสหกรณ์" เปิดปฏิทินอบรมบัญชีฟรี"ผ่านออนไลน์"ยุค"โควิด"

นายวิศิษฐ์  ศรีสุวรรณ์  อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์(กสส.)

ซึ่งในบทเฉพาะกาลให้ระยะเวลาในการพัฒนาบุคลากรให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี คือภายใน 10 ก.พ. 2566  ในปี 2564 กรมจะจัดอบรม 6รุ่นๆละ 200 คนเมื่อจบหลักสูตรจะได้รับใบรับรองของหลักสูตรที่ออกโดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ 

“กรมได้มีการเตรียมการมาเป็นลำดับ ตั้งแต่ขั้นตอนการพิจารณาหลักสูตร และเสนอให้คพช.รับรองหลักสูตร การถามความเห็นของสหกรณ์ที่ประสงค์จะอบรม และนำมาสู่การจัดปฏิทินการอบรม 6 รุ่น ซึ่งจะทำให้กรรมการสหกรณ์เหล่านี้มีคุณสมบัติครบซึ่งในช่วงการเปลี่ยนผ่านจนกว่ากฎหมายจะมีสภาพบังคับในเดือนก.พ 2566 กรรมการสหกรณ์แต่ละแห่งที่คัดเลือกกันใหม่ในห้วงเวลานี้จะสามารถขออบรมในหลักสูตรนี้ได้

ซึ่งกรมฯจะจัดทุกปีเพื่อช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์ ในขณะที่สหกรณ์ขนาดใหญ่มีสินทรัพย์มากกว่า 5 พันล้านบาท     ทางสันนิบาตสหกรณ์ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ ชุมนุมสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนได้มีการจัดอบรมในหลักสูตรของกรมด้วยเช่นกัน”อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์กล่าว

สำหรับการอบรมปี 2564  จะมีการจัด 6 รุ่น ๆ ละ 200 คน โดยปฏิทินในการอบรม ประกอบด้วยรอบที่  1 ระหว่างวันที่  23-26 ส.ค. 2564  รอบที่ 2 วันที่  30 ส.ค .- 2 ก.ย. รอบที่ 3 วันที่ 6-9 ก.ย. รอบที่ 4 วันที่ 13 -16 ก.ย. รอบที่  5 วันที่ 20-23 ก.ย. และรอบที่  6 วันที่ 27-30 ก.ย. 2564

นอกจากนี้ในช่วงต้นเดือนสิงหาคมได้มีการจัดอบรมโดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นการอบรมแบบออนไลน์ และมีคณะกรรมการสหกรณ์เข้าอบรม จำนวน 96 คน 

ทั้งนี้ก่อนหน้า กสส.ได้มีการสำรวจคุณวุฒิกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนระหว่างวันที่  12 มี.ค.- 30 เม.ย.  2564  จำนวน 2,000 แห่ง ทั้งขนาดเล็ก(มูลค่าสินทรัพย์น้อยกว่า  5,000 ล้านบาท) และขนาดใหญ่(มูลค่าสินทรัพย์มากกว่า  5,000 ล้านบาทขึ้นไป) มีการตอบแบบสอบถามกลับมาจำนวน 1,682 แห่ง คิดเป็นร้อยละ  84

โดยพบว่า สหกรณ์ออมทรัพย์ขนาดเล็กมีสหกรณ์ที่ไม่มีคุณวุฒิ  218 แห่ง ขนาดใหญ่ 47 แห่ง ขณะที่สหกรณ์ที่มีคุณวุฒิอย่างน้อย 1 คน นั้นพบว่า สหกรณ์ขนาดเล็กมี 844 แห่ง  สหกรณ์ขนาดใหญ่ 106 แห่ง สำหรับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน พบว่า ขนาดเล็กที่ไม่มีคุณวุฒิ 254 แห่ง ขนาดใหญ่ที่ไม่มีคุณวุฒิพบว่าไม่มี  สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนขนาดเล็กที่มีคุณวุฒิอย่างน้อย 1 คน จำนวน  212 แห่ง  ขนาดใหญ่ที่มีอย่างน้อย 1  คน จำนวน 1 แห่ง  รวมสหกรณ์ทั้งสองประเภท ซึ่งมีกรรมการที่ไม่มีคุณวุฒิจำนวน 519 แห่ง และมีคุณวุฒิอย่างน้อย 1 คนรวม 1,163 แห่ง

“แปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่” ศูนย์ห้วยทรายฯ รูปแบบมีกินมีขายได้ทั้งปี #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/agricultural/477471

“แปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่ “ศูนย์ห้วยทรายฯ รูปแบบมีกินมีขายได้ทั้งปี

5 สิงหาคม 2564 – 19:06 น.

“แปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่” ศูนย์ห้วยทรายฯ รูปแบบมีกินมีขายได้ทั้งปี

“เกษตรทฤษฎีใหม่”เป็นหนึ่งในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช 
นาถบพิตร ที่พระราชทานให้ปวงชนชาวไทยนำไปปฏิบัติเพื่อยกระดับผลผลิตให้มีอาหารพอเพียงสามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างมั่นคงบนพื้นฐานของความพอเพียงและความสามัคคีมีการแบ่งปัน สามารถดำรงชีพอยู่ได้โดยไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจ

หรือแม้แต่จากสภาวะที่ทั่วโลกกำลังประสบกันอยู่คือการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส (โควิด 19) เกษตรทฤษฎีใหม่มีหลักสำคัญคือการบริหารจัดการที่ดินและน้ำเพื่อการผลิตภาคการเกษตรในที่ดินขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุด

"แปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่ "ศูนย์ห้วยทรายฯ รูปแบบมีกินมีขายได้ทั้งปี
"แปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่ "ศูนย์ห้วยทรายฯ รูปแบบมีกินมีขายได้ทั้งปี

โดยแบ่งขั้นตอนการปฏิบัติออกเป็น 3 ขั้นตอน

ขั้นตอนที่ 1 การผลิตแบบพอเพียงสามารถเลี้ยงตัวเองได้ ภายใต้พื้นฐานของการประหยัดและลดค่าใช้จ่ายด้วยการจัดสรรพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วน ในอัตราส่วน 30:30:30:10

โดย 30% แรก คือการขุดสระน้ำและเลี้ยงปลา 30%  ที่สองปลูกข้าว 30% ที่สามปลูกพืชสวน พืชไร่ และ10% ที่สี่เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ โรงเรือนต่าง ๆ ซึ่งอัตราส่วนนี้สามารถลดหรือเพิ่มได้ตามความเหมาะสมของพื้นที่ 

ขั้นตอนที่ 2 การรวมกลุ่มในรูปแบบของกลุ่มเกษตรกรหรือสหกรณ์เพื่อทำการผลิตและการตลาด การจัดการด้านความเป็นอยู่ สวัสดิการ การศึกษา สังคมและศาสนา

"แปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่ "ศูนย์ห้วยทรายฯ รูปแบบมีกินมีขายได้ทั้งปี

และขั้นตอนที่ 3 การสร้างเครือข่ายกลุ่มอาชีพ การติดต่อประสานงานเพื่อหาทุนหรือแหล่งเงินทุน เช่น ธนาคาร บริษัทห้างร้านเอกชนมาช่วยในการลงทุนและกระจายสินค้า ตลอดจนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิก

นับตั้งแต่ที่พระองค์ได้พระราชทานพระราชดำริการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ปวงชนชาวไทยทั่วทุกภูมิภาคต่างน้อมนำมาปฏิบัติใช้โดยมีศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้ง 6 แห่งทั่วภูมิภาคเป็นแหล่งสาธิต ศึกษาดูงาน ให้ข้อมูลพร้อมฝึกปฏิบัติให้แก่เกษตรกรที่สนใจอย่างต่อเนื่องตลอดมา

เช่นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี ได้มีการจัดสรรพื้นที่จำนวน 5 ไร่ บริเวณริมถนนเพชรเกษมขาเข้ากรุงเทพมหานคร ด้านหน้าของศูนย์ศึกษาฯ จัดทำเป็นแปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่เพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้ามาดูงานศึกษาเรียนรู้ พร้อมกับจับจ่ายสินค้าที่เป็นผลผลิตจากโครงการฯ ได้ทุกวัน

แปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่นี้ มีสภาพเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามแนวถนนเพชรเกษม มีการจัดแบ่งพื้นที่เพื่อการใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม มีการผลิตพืชหมุนเวียนต่อเนื่องแบบหลากหลาย ทุกตารางนิ้วก่อเกิดประโยชน์และสร้างรายได้แบบรายวัน รายเดือน และรายปี

"แปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่ "ศูนย์ห้วยทรายฯ รูปแบบมีกินมีขายได้ทั้งปี

นายโยธิน รัตคาม เจ้าหน้าที่งานขยายผลและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายฯ อดีตนักวิชาการการเกษตร สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 2 จังหวัดราชบุรี ( สสก.2 ) ประจำศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายฯ  เล่าให้ฟังว่า เบื้องต้นมีการปรับขนาดพื้นที่ในแต่ละกิจกรรมตามความต้องการของการผลิต เป็นที่อยู่อาศัย โรงเก็บวัสดุ โรงคัดแยกพืชผัก 155.82 ตารางวา สระน้ำ และบ่อน้ำพัก ความจุขนาด 1,000 ลูกบาศก์เมตร สามารถนำน้ำมาเติมได้ และแปลงพืชไร่ พืชสวน เน้นการผลิตที่มีความหลากหลายแบบเกษตรผสมผสาน ปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่เดียวกัน

"แปลงสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่ "ศูนย์ห้วยทรายฯ รูปแบบมีกินมีขายได้ทั้งปี

ปลูกผักบนดินแบบหมุนเวียนเพื่อลดปัญหาโรคแมลง ประกอบด้วย พริก มะเขือ ผักบุ้งจีน มะกรูด มะนาว โหระพา ปลูกในกระบะแบบยกสูง จำนวน 11 กระบะ ปลูกคะน้า กวางตุ้ง ผักกาดขาว ผักชี ขึ้นฉ่าย ปลูกมะเขือเทศในมุ้ง พื้นที่ 129.59 ตารางวา ปลูกพืชไร่หมุนเวียน

ประกอบด้วย อ้อยคั้นน้ำ ข้าวโพดฝักสด ถั่วลิสง 508.38 ตารางวา ปลูกไม้แบบผสมผสานสลับแถวเป็นพืชที่มีอายุในการให้ผลผลิตมากกว่า 3-5 ปี เช่น มะม่วง ส้มโอ ชมพู่ มะพร้าวน้ำหอม และพืชที่มีอายุให้ผลผลิตไม่เกิน 1 ปี เช่น ฝรั่ง มะละกอ กล้วยน้ำว้า เป็นต้น พื้นที่ว่างระหว่างแปลงปลูกดาวเรืองเพื่อตัดดอกจำหน่าย

สำหรับการเลี้ยงสัตว์ มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย การเลี้ยงไก่แบบปล่อย จำนวน 6 เล้า เล้าละ 100 ตัว รวมไก่ที่เลี้ยง 600 ตัว หมุนเวียนการปล่อยทุก 66 วัน และเลี้ยงปลาดุกในบ่อซีเมนต์ จำนวน 12 บ่อ บ่อละ 600 ตัว

หมุนเวียนการปล่อยทุก 12 วัน เพื่อให้สามารถจับจำหน่ายได้ทุกอาทิตย์ และพื้นที่นาข้าว จำนวน 43.54 ตารางวา ใช้ผ้าพลาสติกความหนา 2 มิลลิเมตร ปูรองพื้นเพื่อเก็บน้ำ ยกคันนาสูงประมาณ 30 เซนติเมตร ใส่ดินในแปลงสูง 25 เซนติเมตร สามารถหมุนเวียนปลูกได้ตามอายุการปลูกข้าวตลอดทั้งปี ทำให้มีข้าวเพียงพอต่อการบริโภคในครอบครัว และยังมีเหลือไว้ขายอีกด้วย

“มีการประยุกต์ใช้เพื่อประโยชน์ของการเจริญเติบโตของพืชทุกชนิด ภายใต้แนวทางการประหยัดน้ำในแปลงสาธิตมีการให้น้ำพืชแบบประหยัดถึง 2 รูปแบบ ประกอบด้วย การให้น้ำแบบฉีดฝอยด้วยสปริงเกอร์ และแบบหยดและฉีดฝอยใต้ต้นด้วยมินิสปริงเกอร์ ควบคู่กับการนำนวัตกรรมด้านการเกษตรมาใช้เพื่อลดแรงงาน

เช่น ระบบเปิดปิดประตูเล้าไก่อัตโนมัติ การให้น้ำพืชด้วยเครื่องตั้งเวลา เปิดปิดอัตโนมัติอีกด้วย ที่สำคัญแนวทางการจัดการพื้นที่ทำการผลิตด้วยเกษตรทฤษฎีใหม่เช่นนี้ จะทำให้เกษตรกรมีกินมีใช้เพียงพอตลอดทั้งปีในทุกสถานการณ์ และยังมีผลผลิตให้ได้ขายมีรายได้ทั้งรายวัน รายเดือน และรายปี อีกด้วย” นายโยธิน รัตคาม กล่าว

เกษตรกรหรือผู้สนใจต้องการศึกษาดูงานหรือเรียนรู้แนวทางการทำการเกษตรทฤษฎีใหม่แบบประยุกต์นี้ ตลอดถึงผลผลิตและผลิตภัณฑ์ที่สดใหม่เพื่อสุขภาพที่ดีด้วยปราศจากสารเคมี สามารถแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมพร้อมจับจ่ายได้ทุกวันที่แปลงสาธิตแห่งนี้ เบอร์โทรติดต่อ 032-593-253

ชาวสวน “เมืองคอน” วอนรัฐเร่งแก้ปัญหาราคา “มังคุด” ตกต่ำ #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/agricultural/476934

ชาวสวน”เมืองคอน”วอนรัฐเร่งแก้ปัญหาราคา”มังคุด”ตกต่ำ

2 สิงหาคม 2564 – 11:15 น.

ชาวสวน”เมืองคอน”วอนรัฐเร่งแก้ปัญหาราคา”มังคุด”ตกต่ำ แนะรวมกลุ่มแปรรูปตัดปัญหาล้งกดราคา ซัดไปรษณีย์ไทยหยุดให้บริการทำผู้ค้าออนไลน์ไร้ทางออก ขณะ”ชสท.”ผนึก”สหกรณ์แท็กซี่”ช่วยระบายผลผลิตสู่ผู้บริโภคในเขตกรุเทพและปริมณฑล

นายพรชัย โชติวรรณ เจ้าของสวนมังคุดไข่นุ้ย อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราชกล่าวในรายการ”เกษตรวาไรตี้”ทางสถานีวิทยุม.ก.กรณีปัญหาราคามังคุดตกต่ำในพื้นที่จ.นครศรีฯขณะนี้ว่า นครศรีฯ มี 23 อำเภอเราผลิตมังคุดได้ 20 อำเภอ มีอยู่ 3 อำเภอเท่านั้นที่ไม่มีต้นมังคุด จากการประมูลราคามังคุดแปลงใหญ่ในอ.ลานสกา เมื่อวันที่ 30 ก.ค.64 ที่ผ่านมา

มังคุดไซส์ใหญ่สุดเกรดเอ ราคาอยู่ที่ 20.88 บาทต่อกิโลกรัม ลดลงจาก 32 บาทเมื่อ 3 วันก่อน  ล่าสุดเมื่อวานนี้(1 ส.ค.)ลงมาอยู่ที่ 20 บาทสรุปว่าราคาก็ยังไม่ดีขึ้น 

“มังคุดไซส์ใหญ่ที่คัดได้ราคาอย่างนี้มีไม่เกิน 20% ที่เหลือเป็นไซส์กลางเล็กลงไปราคาอยู่ที่ 5-10 บาทต่อกิโลเท่านั้น เป็นมังคุดคละตกไซส์ ซึ่งราคาถูกมากแล้วยังมีปัญหากับล้ง พ่อค้าคนกลางกดราคาอีก ทำให้ขายไม่ได้ราคาตามที่ควรจะเป็น” 

นายพรชัย กล่าวต่อว่าขณะมังคุดไซส์ใหญ่เกรดเอขายทางออนไลน์จะได้ราคาเฉลี่ยสูงถึง 80-100 บาทต่อกิโลกรัม รวมค่าขนส่งเบ็ดเสร็จถึงปลายทางแต่เกษตรกรที่มีความสามารถขายผ่านช่องทางนี้ก็มีเพียง 5% เท่านั้น เพราะส่วนใหญ่ก็ต้องพึ่งล้มและพ่อค้าคนกลาง ขณะที่ค่าแรงเก็บผลผลิตมังคุดขณะนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 10 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนใหญ่ก็เป็นแรงงานในพื้นที่

ชาวสวน"เมืองคอน"วอนรัฐเร่งแก้ปัญหาราคา"มังคุด"ตกต่ำ

“ราคาที่ชาวสวนอยู่ได้ต้องไม่ต่ำกว่า 20 บาท ไม่รวมค่าแรงนะครับ แต่วันนี้ราคามังคุดคละ อยู่ที่ 4-5 บาท ขณะที่ค่าแรง 10 บาท รวมค่าขนส่ง 18-20 บาทต่อกิโล ถ้าเป็นแบบนี้ชาวสวนไม่ได้อะไรเลย ยอมให้ร่วงปล่อยทิ้งดีกว่าขายไปก็ไม่คุ้ม”เจ้าของสวนมังคุดไข่นุ้ยยอมรับในชะตากรรม

ชาวสวน"เมืองคอน"วอนรัฐเร่งแก้ปัญหาราคา"มังคุด"ตกต่ำ

เขาระบุอีกว่า แม้การค้าขายทางออนไลน์กำลังไปได้ดี แต่ขณะนี้กลับมีปัญหาระบบการขนส่ง ไปรษณีย์ไม่รับอ้างเหตุว่าปลายทางมีปัญหาโควิด-19 และส่วนหนึ่งเป็นเพราะมังคุดมักได้รับความเสียหายเมื่อส่งถึงปลายทาง จึงขอยุติการขนส่งชั่วคราว ทำให้เกิดปัญหาต้องพึ่งพาใช้บริการของบริษัทเอกชน นอกจากค่าขนส่งที่แพงกว่าปกติแล้วยังมีการต่อคิวแบ่งโควต้ากันอีกด้วย

ชาวสวน"เมืองคอน"วอนรัฐเร่งแก้ปัญหาราคา"มังคุด"ตกต่ำ

“ค้าทางออนไลน์ตอนนี้ก็ต้องไปรอคิวแต่ละรายส่งได้แค่ 30-50 กล่องแทบจะแบ่งโควต้ากัน เพราะว่าคิวยาวเหลือเกิน นี่คือปัญหาการขนส่งทางไลน์ เขารังเกียจชาวสวนอย่างพวกเรา”เกษตรกรรายเดิมกล่าวและย้ำว่า

ทางออกของปัญหาชาวสวนต้องหันมาช่วยตัวเองที่ดีที่สุดโดยการรวมกลุ่มแปรรูปมังคุดกวนจากวัตถุดิบมังคุดตกเกรดหรือมังคุดคละเพื่อเพิ่มมูลค่าและสามารถขายได้ตลอดทั้งปี 

“ถ้าไปขายล้งตอนนี้อยู่ที่ 5 บาท แต่ทางกลุ่มเรารับซื้อกิโล 20 บาททำมังคุดกวน ตอนนี้ราคามังคุดกวนอยู่ที่กิโลละ 550 บาท และยังสามารถเก็บไว้ขายได้ทั้งปี  อีกช่องทางหนึ่งอยากให้สถานบันศึกษาเข้ามาช่วยชาวสวนในเรื่องตลาดออนไลน์ด้วย”

ชาวสวน"เมืองคอน"วอนรัฐเร่งแก้ปัญหาราคา"มังคุด"ตกต่ำ

บรรดาแท็กซี่มารอรับสินค้าบริเวณหน้าสนง.ชสท.เพื่อส่งให้ผู้บริโภค

 เจ้าของสวนมังคุดไข่นุ้ย ยังเรียกร้องให้ภาครัฐเข้ามาดูแลในเรื่องบรรจุภัณฑ์ให้เป็นลักษณะเฉพาะของผลไม้ชนิดนั้น ไม่ใช่ใช้กล่องเดียวใส่ผลไม่ได้ทุกชนิด  โดยเฉพาะมังคุด

”กล่องที่ใส่มังคุดต้องเป็นกล่องเฉพาะ อย่างตอนนี้ใช้รวมกันใช้กล่องใส่ส้มโอ ซึ่งมีเปลือกหนาไม่มีปัญหาในการขนส่งแต่มังคุดใส่แล้วจะมีปัญหาปลายทางทันที ฉะนั้นต้องสร้างอัตลักษณ์เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคมากกว่านี้  มังคุดต้นทางมีสภาพนางฟ้า พอไปถึงปลายทาง 4-5 วันเละเลยเกิดความเสียหายต้องเคลมกันใหม่ ถ้าพัฒนากล่องใส่เฉพาะมังคุดได้ก็จะดีมาก”นายพรชัยกล่าวย้ำ

อย่างไรก็ตามล่าสุดนายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อติดตามและตรวจเยี่ยมการแก้ไขปัญหาราคามังคุดตกต่ำ โดยสนับสนุนค่าบริหารจัดการแก่ศูนย์กระจายในจังหวัดแหล่งผลิตกิโลกรัมละ 3 บาท 

โดยกรมการค้าภายในได้โอนเงินให้แต่ละจังหวัดในวงเงิน 50,850,000 บาท เพื่อกระจายมังคุด จำนวน 16,950 ตัน รวมทั้งมีการสนับสนุนค่าขนส่งและร่วมกับบริษัทไปรษณีย์ไทย สนับสนุนกล่องไปรษณีย์และสติ๊กเกอร์ส่งฟรีผลไม้ทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมการขายผ่านระบบออนไลน์แก่เกษตรกรรายย่อย จำนวน 200,000 กล่องเพื่อช่วยเร่งระบายมังคุดเกรดรองหรือมังคุดตกเกรด ออกจากแหล่งผลิตโดยเร่งด่วน  

ชาวสวน"เมืองคอน"วอนรัฐเร่งแก้ปัญหาราคา"มังคุด"ตกต่ำ

นายศิริชัย ออสุวรรณ ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแหล่งประเทศไทยหรือชสท.

ด้านนายศิริชัย ออสุวรรณ ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแหล่งประเทศไทยหรือชสท.กล่าวผ่านรายการถึงการกระจายผลไม้จากแหล่งผลิตสู่ผู้บริโภคว่า ในขณะนี้ทางชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย(ชสท.)ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์และกลุ่มสหกรณ์รถแท็กซี่ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯได้ดำเนินการจัดส่งผลผลิตผลไม้

โดยเฉพาะมังคุดและเงาะจากแหล่งผลิตในพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมส่งตรงมายังสำนักงานชุมนุมสหกรณ์ฯ ถ.งามวงศ์วาน ลาดยาว จตุจักร กรุงเทพฯเกือบทุกวันก่อนกระจายไปยังผู้บริโภคในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล  

“ขณะนี้เราพยามยามที่จะเชื่อมโยงจากสหกรณ์ผู้ผลิตผลไม้ไปยังผู้บริโภคโดยตรง ปกติของดี ๆ คนไทยไม่มีโอกาสทานเลยส่งออกต่างประเทศหมด สัปดาห์หน้ามังคุดจากนครศรีฯพังงา จะทยอยเข้ามา สนใจสั่งจองมาได้เลยเราจะส่งตรงให้ถึงหน้าบ้านท่านในทันที”

ประธานกรรมการชสท.กล่าวถึงการจัดส่งผลไม้สู่ผู้บริโภคขณะนี้ว่ามีอยู่ 3 วิธี โดยวิธีแรก ชสท.ร่วมกับกลุ่มสหกรณ์รถแท็กซี่ในการกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภค เนื่องจากช่วงนี้กลุ่มผู้ขับแท็กซี่เดือดร้อนไม่มีผู้โดยสารจากสถานการณ์โควิด-19 จึงมาช่วยในการกระจายสินค้าผลไม้ไปยังผู้บริโภคและจะขยายกิจกรรมนี้ต่อไป เพราะราคาจัดส่งถูกกว่าภาคเอกชนและช่วยเพิ่มรายได้ให้ผู้ขับรถแท็กซี่ด้วย

ส่วนวิธีที่สอง ชสท.ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์จัดส่งผลไม้ให้กับหน่วยงานภาครัฐหรือบริษัทเอกชนหรือผู้สนใจในจำนวนปริมาณที่มากพอ ขนส่งโดยรถของชุมนุมสหกรณ์ฯและกรมส่งเสริมสหกรณ์ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ สั่งตั้งแต่ 20 ตะกร้าขึ้นไปส่งฟรี

และวิธีที่สามผู้บริโภคเดินเข้ามารับสินค้าเอง ณ สำนักงานชุมนุมสหกรณ์ฯ ถ.วงศ์วงวาน(ตรงข้ามม.เกษตรฯ)ได้ทุกวันทำการ

โดยทุกระบบจะต้องสั่งจองล่วงหน้าผ่านทางไลน์ Application Line , เฟสบุ๊ค ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัดและผ่านเพจ co-opclick หรือโทรศัพท์ 08-823-3639 ได้ทุกวันทำการ

“ขอเชิญชวนทุกคนมาร่วมบริโภคผลไม้ไทยกัน  นอกจากอิ่มอร่อยด้วยคุณค่าทางโภชนาการสูงแล้วยังช่วยเกษตรกรชาวสวนผลไม้ด้วยครับ”ประธานกรรมการ ชสท.กล่าวเชิญชวนทิ้งท้าย

“สสก.3” จ.ระยอง คัดเลือกศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนสู่ธุรกิจดินและปุ๋ย ดีเด่นระดับเขต ปี 64 #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/agricultural/476603

“สสก.3 ” จ.ระยอง คัดเลือกศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนสู่ธุรกิจดินและปุ๋ย ดีเด่นระดับเขต ปี 64

30 กรกฎาคม 2564 – 15:36 น.

“สสก.3” จ.ระยอง คัดเลือกศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนดีเด่นศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนดีเด่น  ผ่านระบบทางไกลออนไลน์  zoom Meeting มี 9 ศูนย์ฯ อยู่ในข่ายได้รับการพิจารณาและจะประกาศอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้

นายปิยะ สมัครพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 3 จังหวัดระยอง ( สสก. 3 จ.ระยอง ) เปิดเผยว่า ตามที่กรมส่งเสริมการเกษตร ได้สนับสนุนให้มีการดำเนินกิจกรรมคัดเลือกศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนดีเด่น ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนดีเด่นเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการยกย่องและเชิดชูศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนที่มีการบริหารจัดการ และดำเนินกิจกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างประโยชน์ต่อชุมชน

"สสก.3 " จ.ระยอง คัดเลือกศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนสู่ธุรกิจดินและปุ๋ย ดีเด่นระดับเขต ปี 64
"สสก.3 " จ.ระยอง คัดเลือกศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนสู่ธุรกิจดินและปุ๋ย ดีเด่นระดับเขต ปี 64

เป็นศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ สามารถเผยแพร่ผลงาน และแนวทางการปฏิบัติสู่ชุมชน กระตุ้นให้เกิดการพัฒนา และส่งเสริมความเป็นเลิศของศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนต่อไป 

การนี้ สสก. 3 จ.ระยอง ได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อการพิจารณาคัดเลือก ฯ และคณะกรรมการฯ ได้ดำเนินการติดตามข้อมูล การดำเนินงานของศูนย์ฯ ต่าง ๆ ผ่านระบบทางไกลออนไลน์  zoom Meeting ตามมาตรการในการป้องกันการระบาด”โควิด-19″ ของรัฐบาล  

"สสก.3 " จ.ระยอง คัดเลือกศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนสู่ธุรกิจดินและปุ๋ย ดีเด่นระดับเขต ปี 64

ซี่งจากการติดตามเพื่อพิจารณาผลงานระดับพื้นที่ของคณะกรรมการในครั้งนี้ทางศูนย์ ฯ ได้นำเสนอผลงานและตอบข้อซักถามเพื่อให้ข้อมูลแก่คณะกรรมการอย่างครบถ้วนโดยการพิจารณานั้นมีศูนย์ฯ ที่อยู่ในเกณฑ์การพิจารณาจำนวน 9 ศูนย์ด้วยกัน ประกอบด้วย

1.ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนตำบลสนามไชย  2.ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนตำบลตรอกนอง จังหวัดจันทบุรี 3.ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนตาขัน 4. ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนตำบลแม่น้ำคู้  จังหวัดระยอง  5.ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนนาเริก จังหวัดชลบุรี

"สสก.3 " จ.ระยอง คัดเลือกศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนสู่ธุรกิจดินและปุ๋ย ดีเด่นระดับเขต ปี 64

6.ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนตำบลท่ากุ่ม 7.ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนตำบลบางปิด จังหวัดตราด 8.ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนตำบลบางแตน  จังหวัดปราจีนบุรี และ 9. ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนบ้านหนองตะลุมพุก จังหวัดนครนายก ทั้ง 9 ศูนย์เป็นโครงการ 1 จังหวัด 1 โมเดลธุรกิจ

ทั้งนี้คณะกรรมการได้พิจารณาถึงภาพรวมในการดำเนินงานของศูนย์ฯ จุดเด่นในการบริหารจัดการโดยกลุ่ม มีการร่วมกันคิดร่วมกันแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมอย่างไรบ้าง มีการวางแนวทางในการพัฒนาด้านการผลิตที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และความต้องการใช้ของชุมชนมากน้อยแค่ไหน มีการนำผลจากการปฏิบัติภายในศูนย์ขยายสู่ชุมชนอย่างไร

ตลอดถึงการประยุกต์ใช้ผลิตภัณฑ์อย่างเหมาะสมกับพื้นที่และถูกกับสินค้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค  มีการขยายผลให้เกษตรกรนำไปใช้ในการทำการเกษตรอย่างต่อเนื่องที่เอื้อต่อการเกิดธุรกิจที่สร้างรายได้ ลดรายจ่าย ลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกร

และสามารถใช้เป็นศูนย์ต้นแบบที่เป็นแหล่งเผยแพร่ผลงาน ให้ผู้ที่สนใจนำไปปฏิบัติต่อไปได้อย่างไรบ้าง เพื่อพิจารณาตัดสินให้เป็นศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน ดีเด่น ระดับเขต ปี 2564 ต่อไป โดยผลการพิจารณาตัดสินของคณะกรรมการ สสก. 3 จ.ระยอง จะประกาศให้ทราบอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้

สำหรับศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนนั้นจะเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านดินและปุ๋ย มีเกษตรกรดูแลด้วยกันเอง โดยมีเจ้าหน้าที่คอยเป็นพี่เลี้ยง เพื่อต้องการให้เกิดการยอมรับการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน โดยมีเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วย ส่งเสริมให้พืชแข็งแรงพอที่จะต้านทานโรคและศัตรูพืชซึ่งจะช่วยลดปริมาณการใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืช รวมถึงเกษตรกรจะได้ใช้ปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม

สำหรับคณะกรรมการที่ร่วมพิจารณาในครั้งนี้ ประกอบด้วย นายปิยะ สมัครพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 3 จังหวัดระยอง นางสาววรนุช สีแดง ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต นายชนินทร์ สุขสำราญ ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาบุคลากร นายกฤษฎา ฉิมอินทร์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช จังหวัดชลบุรี  นางนลทวรรณ  มากหลาย ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ นายสรรพสิทธิ์ สิงห์ปี นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ และนางสาวผกาพันธุ์  ละมัย นักวิชาการเกษตรชำนาญการ

“กยท.” ดีเดย์นำ “Single Form” ใช้ส่งออก “ยาง” ลดความซ้ำซ้อนเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/agricultural/476555

“กยท.”ดีเดย์นำ “Single Form “ใช้ส่งออก”ยาง” ลดความซ้ำซ้อนเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน

30 กรกฎาคม 2564 – 09:24 น.

 “กยท.” เดินหน้าสู่ยุคดิจิทัลดีเดย์นำระบบรับชำระค่าธรรมเนียมส่งยางออกไปนอกราชอาณาจักรทางอิเล็กทรอนิกส์แบบ “Single Form” และระบบรับคำขอใบรับรองคุณภาพยางทางอิเล็กทรอนิกส์  ผ่านระบบ NSW มาใช้อย่างเป็นทางการวันที่ 1 สิงหาคม 2564 นี้

“กยท.” เดินหน้าสู่ยุคดิจิทัลดีเดย์นำระบบรับชำระค่าธรรมเนียมส่ง”ยาง”ออกไปนอกราชอาณาจักรทางอิเล็กทรอนิกส์  แบบ Single Form และระบบรับคำขอใบรับรองคุณภาพยางทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ NSW มาใช้อย่างเป็นทางการวันที่ 1 สิงหาคม 2564 นี้ หวังลดขั้นตอน  ลดความผิดพลาด ลดความซ้ำซ้อน เพิ่มสะดวกรวดเร็วและ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน

นายณกรณ์  ตรรกวิรพัท  ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า กยท.เตรียมนำระบบรับชำระค่าธรรมเนียมส่งยางออกฯ ทางอิเล็กทรอนิกส์แบบ Single Form (e-SFR) และระบบรับคำขอใบรับรองคุณภาพยาง (e-QC)ทางอิเล็กทรอนิกส์  ผ่านระบบ National Single Window (NSW) ซึ่งเป็นระบบการบริการเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจ สำหรับการนำเข้า ส่งออก และโลจิสติกส์ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

และยุทธศาสตร์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการสร้างความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านขนส่งและเครือข่ายโลจิสติกส์ ตามเส้นทางยุทธศาสตร์และยังสอดคล้องกับนโยบาย THAILAND 4.0 ในด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริการภาครัฐ (Service Reform)  

ทั้งนี้คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้มีมติให้ปรับลดขั้นตอนกระบวนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวกับการนำเข้า-ส่งออก สินค้ายุทธศาสตร์

"กยท."ดีเดย์นำ "Single Form "ใช้ส่งออก"ยาง" ลดความซ้ำซ้อนเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน

ได้แก่ น้ำตาล ข้าว ยางพารา สินค้า แช่แข็ง และวัตถุอันตราย ผ่านระบบ NSW เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการในการส่งยางออกฯ ลดปริมาณเอกสาร ขั้นตอนและระยะเวลา ในการยื่นขอใบรับรองคุณภาพยาง และใบรับค่าธรรมเนียมส่งยางออกฯ ให้รองรับการเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกับระบบรับคำขอใบอนุญาตผ่านด่านศุลกากร ในอนาคต

"กยท."ดีเดย์นำ "Single Form "ใช้ส่งออก"ยาง" ลดความซ้ำซ้อนเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน

โดยการบันทึกรายการครั้งเดียว ลดความผิดพลาด และความซ้ำซ้อนของข้อมูล รวมทั้งเพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการส่งยางออกนอกราชอาณาจักรที่ต้องใช้ข้อมูลร่วมกันได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากการบันทึกรายการครั้งเดียว

 “เพื่อให้เป็นไปตามมติ กบส. ดังกล่าว กยท. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกสินค้ายางพาราโดยมีหน้าที่จัดเก็บค่าธรรมเนียมการส่งยางออกฯ และให้บริการวิเคราะห์คุณภาพยางแก่ภาครัฐและเอกชน  จึงได้บูรณาการกับกรมวิชาการเกษตร และกรมศุลกากร ร่วมกันดำเนินการศึกษา วิเคราะห์ และออกแบบระบบรับชำระค่าธรรมเนียมส่งยางออกฯ ให้รองรับการเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกับระบบรับคำขอใบอนุญาตผ่านด่านศุลกากร แบบ Single Form และ ระบบรับคำขอใบรับรองคุณภาพยาง ผ่านระบบ NSW” ผู้ว่าการ กยท. กล่าว

สำหรับระบบรับชำระค่าธรรมเนียมส่งยางออก ฯ ทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-SFR) กยท.จะเริ่มนำมาใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไปยกเว้นผู้ประกอบการที่ชำระค่าธรรมเนียมผ่านธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ และผู้ประกอบการที่ชำระค่าธรรมเนียมประเภทยางผสมสารเคมี ให้ชำระผ่านทางระบบ e-CESS ตามเดิม

ส่วนระบบรับคำขอใบรับรองคุณภาพยางทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-QC) กยท.จะนำเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปี 2565 

หากมีข้อสงสัยติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายการคลัง กองจัดเก็บค่าธรรมเนียมและรายได้ เบอร์โทร 02-433-2222 ต่อ 313,319  e-mail: ecess@raot.mail.go.th ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ

โทรศัพท์ : 0-2433-2222 ต่อ 151 อีเมล์ : saowanee.p@raot.mail.go.th  (คุณเสาวณีย์ พันธ์คูณ) และ sanyaluk.p@raot.mail.go.th (คุณสัญญลักษณ์ ผูกมี)

“หมอดินอาสา” ประจำอำเภอเชียงแสน ปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ สร้างรายได้งาม #SootinClaimon.Com

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/agricultural/476419

“หมอดินอาสา”ประจำอำเภอเชียงแสน ปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ สร้างรายได้งาม

29 กรกฎาคม 2564 – 09:54 น.

“หมอดินอาสา”ประจำอำเภอเชียงแสน ปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ สร้างรายได้งาม

นายคมบาง สนิทรัมย์ หมอดินอาสา อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ได้รับการสนับสนุนจากสถานีพัฒนาที่ดินเชียงราย ได้เข้ามาส่งเสริม”หมอดิน”ในเรื่องขององค์ความรู้ในการปรับปรุงบำรุงดินต่าง ๆ ให้”ดิน”มีสภาพดีขึ้นสามารถเพิ่มผลผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการตลาดและสร้างรายได้แก่เกษตรกร

นายรณรงค์ สิทธิกอง เจ้าพนักงานการเกษตรปฏิบัติงาน กล่าวว่า สถานีพัฒนาที่ดินเชียงราย มีนโยบายเกี่ยวกับจะพัฒนาให้หมอดินอาสาเป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ จึงได้มีการจัดอบรมหมอดินเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับ”หมอดิน”นำไปใช้แก้ปัญหาดินในพื้นที่ และก็เป็นตัวแทนของเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาที่ดินเพื่อจะรับฟังปัญหาของเกษตรกรในพื้นที่เพื่อลงไปแก้ไข

"หมอดินอาสา"ประจำอำเภอเชียงแสน ปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ สร้างรายได้งาม
"หมอดินอาสา"ประจำอำเภอเชียงแสน ปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ สร้างรายได้งาม

“ดิน”ในพื้นที่ของ”หมอดินคมบาง”ส่วนใหญ่ตรงนี้จะเป็นดินเหนียวลึกที่เกิดจากตะกอนมันจะขาดความอุดมสมบูรณ์จะต่ำปานกลาง เราก็จะได้เข้ามาช่วยส่งเสริมในเรื่องการทำปุ๋ยหมักน้ำหมักชีวภาพให้เกษตรกรได้ใช้ในพื้นที่และก็ลดในเรื่องของการใช้สารเคมีเพราะแปลงนี้”หมอดิน”จะไม่ใช้สารเคมีเลยเกษตรกรก็จะได้นำไปใช้ให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดิน เป็นการลดต้นทุน

เพราะว่าการใช้ปุ๋ยหมักกับน้ำหมักเนี่ยเราสามารถทำได้จากวัตถุในพื้นที่ได้เลย วัสดุในพื้นที่ใช้เป็นปุ๋ย เป็นธาตุอาหาร ให้กับพืชโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย มูลสัตว์เราก็หาได้ในพื้นที่เศษหญ้าที่มาทำเป็นปุ๋ยหมักหรือว่าฟางข้าวเกิดจากการทำการเกษตรเราก็นำมาหมักเอง ไม่เสียค่าใช้จ่ายเป็นการลดต้นทุน

"หมอดินอาสา"ประจำอำเภอเชียงแสน ปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ สร้างรายได้งาม

องค์ความรู้เรามาถ่ายทอดในเรื่องของการเก็บตัวอย่างดินไปวิเคราะห์และก็ส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยีชีวภาพของพัฒนาที่ดิน เช่นปุ๋ยหมัก น้ำหมัก ปูนโดโลไมท์ หรือว่าปอเทือง เพื่อมาปรับปรุงโครงสร้างของดินให้เหมาะสมของการปลูกพืชและให้หมอดินสามารถถ่ายทอดให้กับเกษตรกรได้

สำหรับหมอดินเองเนี่ยก็ได้ทำเกษตรเป็นผสมผสาน มีรายได้ทั้งรายวัน รายเดือน รายปี รายสัปดาห์ รายวันก็จะเป็นปลูกพืชผัก เหลือกินก็นำไปขายสร้างรายได้ให้หมอดิน

"หมอดินอาสา"ประจำอำเภอเชียงแสน ปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ สร้างรายได้งาม

นายคมบาง สนิทรัมย์ หมอดินอาสา กล่าวว่า ทำเกษตรพืชเชิงเดี่ยวมาตลอดและใช้เคมี ผลผลิตได้น้อยก็ขาดทุนทุกปี และปีพศ.2536 ก็มีโอกาสได้เป็นหมอดินอาสา ของกรมพัฒนาที่ดิน ก็ได้รับองค์ความรู้ การทำปุ๋ยหมัก น้ำหมักชีวภาพ และก็ได้ปรับเปลี่ยนมาปลูกพืชผสมผสานอย่างที่เห็น ๆ ผลปรากฏว่าเราพออยู่พอกิน พอใช้ อีกอย่างเราไม่ต้องใช้ทุนสักบาทเลย ทางสถานีพัฒนาที่ดินเชียงราย ก็มาส่งเสริมพวกวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ 

"หมอดินอาสา"ประจำอำเภอเชียงแสน ปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ สร้างรายได้งาม

พื้นที่ของผมมีอยู่ 7 ไร่ ที่แรก ๆ ก็ปลูกส้มโอ ประมาณร้อยต้น เราเอาลองกองมา 100 ต้น แล้วก็เอาเงาะ พวกมังคุด หลาย ๆ อย่างไม้พืชป่า มาปลูกผสมผสานกันไว้  ในฐานะที่ผมเป็น”หมอดินอาสา”เนี่ยไปเจอใครที่ไหนผมก็แนะนำให้เขาเลิกใช้เคมีมาทำเกษตรอินทรีย์กัน ผมก็จะแนะนำเขาว่าเศษวัสดุที่เหลืออย่างฟางข้าวในนา เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วเราก็เผา สถานีพัฒนาที่ดินก็สนับสนุนการไถกลบตอซังอยู่แล้ว แล้วก็มาทำปุ๋ยหมักน้ำหมัก ไว้รดราดใส่พื้นนา ไร่สวน และสวนผลไม้ต่าง ๆ พืชผัก

"หมอดินอาสา"ประจำอำเภอเชียงแสน ปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ สร้างรายได้งาม

“หมอดินคมบาง” สามารถสร้างรายได้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้จากอาชีพทำการเกษตร และการลดต้นทุนโดยการใช้ปุ๋ยหมักน้ำหมัก จากทางสถานีพัฒนาที่ดินเชียงรายที่เข้ามาสนับสนุนและยังให้องค์ความรู้แก่”หมอดินอาสา”ให้สามารถนำความรู้ด้านการเกษตรต่าง ๆ นั้นไปบอกต่อกับเกษตรกรรายอื่น ๆ อีกด้วย

"หมอดินอาสา"ประจำอำเภอเชียงแสน ปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ สร้างรายได้งาม