โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 31 พ.ค. 2559 05:01
ถึงเวลาพิสูจน์ “น้ำยา” รัฐบาล คสช. “ปลูก-ป้อง” ผืนป่าคืนความสมบูรณ์สู่แผ่นดิน
เขาหัวโล้น!
ภาพที่น่าสลดหดหู่ใจ จากป่าลุ่มแม่น้ำป่าสัก ถึงป่าลุ่มน้ำแม่ยม (งาว) ป่าลุ่มน้ำวัง (เถิน) ป่าลุ่มน้ำน่าน ป่าลุ่มน้ำปิง ฯลฯ ได้กลายสภาพเป็นภูเขาหัวโล้นเตียนโล่งนับแสนๆไร่ สุดลูกหูลูกตาจากการตัดไม้ทำลายป่าอย่างมโหฬาร จนทำให้ป่าต้นน้ำกลายเป็นเขาหัวโล้น
เขาหัวโล้น คือ การตอกย้ำ “ความล้มเหลว” ในการแก้ปัญหาการป้องกันการบุกรุกผืนป่าของหน่วยงานป่าไม้ของประเทศ โดยเฉพาะ กรมป่าไม้ กับ กรมอุทยานฯ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)
ทั้งๆที่ปัญหาเขาหัวโล้นไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น และเป็นปัญหาหนักหนาสาหัสที่รู้อยู่แก่ใจรัฐบาล เพราะในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 ก.ค.2558 พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทส. ได้รายงานว่าในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ป่าต้นน้ำ 12 จังหวัดภาคเหนือและ 1 จังหวัดภาคอีสาน คือ เชียงใหม่ เชียงราย น่าน ตาก แม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ พิษณุโลก พะเยา แพร่ อุตรดิตถ์ ลำปาง ลำพูนและเลย แหล่งกำเนิดของแม่น้ำปิง วัง ยม น่านถูกบุกรุกทำลายประมาณ 8.6 ล้านไร่ มีผู้บุกรุกประมาณ 8 แสนคน ส่งผลให้เกิดปัญหาลำน้ำแห้งขอดในช่วงฤดูแล้งจนเกษตรกรในพื้นที่ราบไม่สามารถเพาะปลูกได้ ปัญหาน้ำหลากในช่วงฤดูฝนจนเกิดเป็นอุทกภัยและดินโคลนถล่มและปัญหาการไหลเปื้อนของสารเคมีจากยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลงสู่พื้นที่ราบสร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 469,000 ล้านบาท

ก่อนที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จะทำหนังสือถึง พล.อ.สุรศักดิ์ ในวันที่ 9 ก.ค.2558 ให้ดำเนินการแก้ปัญหาเขาหัวโล้น
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ผ่านมาเกือบ 1 ปีแล้ว เขาหัวโล้นกลับมีมากขึ้นทุกวัน
ขณะที่การแก้ปัญหาของกระทรวงทรัพยากรฯ หน่วยงานหลักที่ต้องรับหน้าเสื่อรับผิดชอบโดยตรง กลับไม่คืบหน้าเท่าที่ควร จริงอยู่แม้ที่ผ่านมา กรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ จะมีการฟื้นฟูปลูกป่าต้นน้ำหลายครั้งหลายหน แต่หลายคนมองว่าส่วนใหญ่เป็นได้เพียงงานอีเวนต์ เกณฑ์คนมาปลูกถ่ายรูปแล้วก็จบ ขณะที่ภาคเอกชนที่เข้ามาทำกิจกรรมเพื่อสาธารณะและคืนกำไรสู่สังคม หรือ CSR เวลาบรรยายสรุปมีตัวเลขได้ป่าคืนจำนวนไม่น้อย แต่กลับไม่มีภาพเขาเขียวขจีให้ได้เห็นเป็นรูปธรรมเลย
จากข้อมูลของกระทรวงทรัพยากรฯ ระบุพื้นที่เขาหัวโล้นที่ถูกบุกรายจังหวัด ดังนี้ เชียงใหม่ 1,103,499.54 ไร่ มีผู้บุกรุก 195,433 คน น่าน 1,180,859.49 ไร่ ผู้บุกรุก 69,802 คน เชียงราย 765,100.08 ไร่ ผู้บุกรุก 104,043 คน ตาก 706,990.20 ไร่ ผู้บุกรุก 104,052 คน แม่ฮ่องสอน 602,288.43 ไร่ ผู้บุกรุก 14,814 คน พิษณุโลก 176,518.61 ไร่ ผู้บุกรุก 30,000 คน เพชรบูรณ์ 560,125.66 ไร่ ผู้บุกรุก 20,112 คน พะเยา 149,320.38 ไร่ ผู้บุกรุก 14,858 คน แพร่ 126,220 ไร่ ผู้บุกรุก 14,814 คน ลำปาง 89,006.76 ไร่ ผู้บุกรุก 14,746 คน ลำพูน 39,962.73 ไร่ ผู้บุกรุก 24,660 คน อุตรดิตถ์ 118,185.86ไร่ ผู้บุกรุก 25,000 คนและเลย 1,076,089.70 ไร่ ผู้บุกรุก 56,000 คน
ข้อมูลดังกล่าว ถามว่าสวนทางกับตัวเลขพื้นที่การทวงคืนผืนป่าที่กรมป่าไม้หรือกรมอุทยานฯ นำมาโชว์หรือไม่
ภาพเขาหัวโล้นใน พื้นที่ต่างๆของประเทศ ถูกโพสต์ ถูกแชร์ กระจายว่อนในโลกออนไลน์ เพื่อสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นกับพื้นที่ป่าไม้ของประเทศ จนแทบทุกภาคส่วนทนไม่ไหว
แม้กระทั่งดารานักร้องยังตั้งกลุ่มเพื่อลงพื้นที่ไปปลูกป่า ซึ่งเท่ากับเป็นการปลุกกระแสทำให้คนทั้งประเทศหันมามอง วิกฤติ “เขาหัวโล้น” อย่างตั้งอกตั้งใจ
แต่สิ่งที่หน่วยงานรัฐทำได้ ยังเหมือนเดิม คือ กรมป่าไม้ เตรียมขยับลงพื้นที่ จ.น่าน เพื่อแก้ปัญหาเขาหัวโล้นกลางเดือน มิ.ย.นี้ ส่วนกรม อุทยานฯ จะเปิดตัวโครงการแก้ปัญหาเขาหัวโล้น ช่วงปลายเดือน มิ.ย.นี้เช่นกัน พร้อมใช้เงิน 1.6 ล้านบาทจัดอีเวนต์เพื่อประชา-สัมพันธ์ให้ภาคเอกชนที่สนใจเข้าร่วม

ขณะที่ พล.อ.สุรศักดิ์ ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ กระทรวงฯ ถือเป็นโอกาสแก้ปัญหาเขาหัวโล้นวิธีการ คือ เริ่มจากการจัดแบ่งโซนพื้นที่ในการบริหารจัดการให้ชัดเจน และจัดทำฝายกักเก็บน้ำ รวมทั้งปลูกป่าทดแทน และป้องกันไม่ให้คนเข้าไปบุกรุกอีก ส่วนประชาชนที่ยากจนเข้าไปอาศัยอยู่นั้น จะมีการจัดสรรที่อยู่ชั่วคราวให้ เพื่อบรรเทาไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน โดยบางพื้นที่อาจจะมีการออกเป็นมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยกเว้นให้ เหมือนมติ ครม.วันที่ 30 มิ.ย.2541 เรื่อง มาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดินในพื้นที่ป่าไม้
ส่วนการใช้มาตรา 44 เพื่อนำคนออกจากป่านั้น จะใช้อย่างสร้าง สรรค์เฉพาะบางกรณีเท่านั้น
“ผมสู้กับนายทุนรุกป่ามาตั้งแต่จบเป็นทหารใหม่ๆที่ภาคใต้มาถึงวันนี้ 40 กว่าปีก็ยังต้องต่อสู้กับนายทุนรุกป่าอยู่เหมือนเดิม การบุกรุกทำลายป่าเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ใครตัดไม้ทำลายป่าคือการทำลายชาติ ดังนั้น จะมีการจัดทำบัญชีรายชื่อนายทุนผู้มีอิทธิพลที่บุกรุกป่าเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปจัดการ” รมว.ทส.ระบุ
ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม คงไม่สามารถคาดเดาได้ว่า การกู้วิกฤติเขาหัวโล้นจะเป็นแค่กระแสที่ผ่านมาแล้วผ่านไปเหมือนในอดีตที่ผ่านมาหลายยุคหลายสมัยหรือไม่
แต่ที่รู้แน่ๆ คือ หากไม่สามารถแก้ปัญหาเขาหัวโล้นได้ สิ่งที่ตามมาคือ สมบัติของแผ่นดินทั้ง ป่าสงวนฯ 1,221 ป่า อุทยานฯ 100 กว่าแห่ง วนอุทยานฯ อีก 100 กว่าแห่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอีก 50 กว่าแห่ง เป็นต้น คงมีโอกาสเหลือรอดไว้ให้ลูกหลานไทยในอนาคตได้ยาก

สิ่งซึ่งเราอยากขอฝาก คือ การแก้วิกฤติเขาหัวโล้น ควรมีการดูแลพื้นที่ที่ยังมีป่าเหลืออยู่ให้เข้มข้นมากขึ้น มีการบังคับใช้กฎหมายที่ชัดเจน มีนโยบายที่เอื้อต่อการดูแลรักษาป่าอย่างจริงจัง รวมทั้ง การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
หากสางปมปัญหาเขาหัวโล้นไม่สำเร็จ ภาพภูเขาหัวโล้นที่มีอยู่เป็นจำนวนมากนับล้านๆ ไร่ คงกลายเป็น “ตราบาป” ที่คอยหลอกหลอนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและสังคมไทยอย่างไม่มีวันจบสิ้นแน่นอน.
ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม