มก.ปลื้ม “เกษตร-ป่าไม้” 1 ในอาเซียน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/602795

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 8 เม.ย. 2559 05:05

 

เมื่อวันที่ 7 เม.ย. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) จัดเสวนา เรื่อง สังคมเกษตรไทย…ได้อะไรจาก World-class university??? โดย ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ รักษาการแทนอธิการบดี มก. กล่าวว่า ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก โดย QS World University Ranking by Subject ประเทศอังกฤษ มก.ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับที่ 47 ของโลกในสาขาการเกษตรและป่าไม้ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยไทยแห่งเดียวที่ครองอันดับ 1-50 ของโลก และครองอันดับ 1 ของประเทศไทยเป็นเวลา 4 ปีซ้อน และเป็นอันดับ 1 ของอาเซียนและอันดับ 4 ของเอเชีย ซึ่งการติดอันดับโลกติดต่อกันในสาขาดังกล่าว ส่วนหนึ่งเนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มก.เองก็ตระหนักถึงความสำคัญของอาชีพเกษตรกรรม จึงได้มุ่งเน้นการพัฒนาศาสตร์ต่างๆเพื่อส่งเสริมและพัฒนาด้านการเกษตรของประเทศ โดยมีการบูรณาการร่วมกับศาสตร์อื่น เพื่อให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จึงทำให้ มก.ได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลกสาขาเกษตรและป่าไม้อย่างต่อเนื่องและ มก. จะมุ่งมั่นพัฒนาต่อไป โดยเป้าหมายจะพยายามขยับไปให้ได้ในอันดับที่ 35 ในอนาคต

ผศ.ดร.สุตเขตต์ นาคะเสถียร คณบดีคณะเกษตร กล่าวว่า การเกษตรของไทยคงไม่สามารถทำแบบเดิมๆได้ต้องมีศาสตร์ใหม่ๆ ซึ่งเป็นงานวิจัยและนวัตกรรมเข้ามาช่วย โดยขณะนี้คณะเกษตรกำลังร่วมมือกับภาคีเครือข่ายจัดทำฐานข้อมูลศาสตร์ด้านการเกษตร เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้ามาศึกษาและหยิบไปใช้ในการพัฒนาด้านการเกษตรกรรมของตัวเอง

ผศ.ดร.ธนะบูลย์ สัจจาอนันตกุล คณบดีคณะอุตสาหกรรมเกษตร กล่าวว่า ผลงานวิจัยของ มก.หลายๆเรื่องล้วนเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติและการเป็น World-class university ต้องสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพให้กับประเทศ.

ปลัด วท.ระดมทุกหน่วยลุยแก้แล้ง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/598774

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 31 มี.ค. 2559 05:30

 

รศ.ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยหลังประชุมกับผู้แทนหน่วยงานสังกัด วท. ในการดำเนินงานเพื่อใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) แก้ปัญหาภัยแล้งและไฟป่า ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลให้ความสำคัญเร่งด่วน ว่า วท.ได้มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (สทอภ.) รับผิดชอบ 2 โครงการ คือ โครงการสนับสนุนภูมิสารสนเทศเพื่อการจัดการน้ำแก่เกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ยืนต้นและชุมชนที่ขาดแคลนน้ำในจังหวัดภาคตะวันออก โดยมีเป้าหมายจัดทำแผนการปรับปรุงข้อมูลแหล่งน้ำในบริเวณพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ นครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ระยอง จันทบุรี และตราด ซึ่งขณะนี้ได้สนับสนุนภูมิสารสนเทศเพื่อการวางแผนบริหารจัดการเกษตรและน้ำที่ จ.นครนายก และโครงการระบบแผนที่และภูมิสารสนเทศเพื่อการบูรณาการติดตามและประเมินผลโครงการช่วยเหลือเกษตรกรและชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ซึ่งจะจัดทำระบบติดตามโครงการช่วยเหลือเกษตรกรและชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง.

สส.ชู ทสม.ประชารัฐ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/597601

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 29 มี.ค. 2559 05:30

 

น.ส.ภาวิณี ปุณณกันต์ อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยหลังประชุม พัฒนากลไกขับเคลื่อนเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้าน (ทสม.) 76 จังหวัด ว่า ที่ประชุม ทสม.มีมติจะขับเคลื่อนนโยบายประชารัฐเพื่อดำเนินงานอนุรักษ์ ฟื้นฟู และสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นที่ ทส.ให้การสนับสนุนการทำงานมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นการเปิดช่องทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพิทักษ์ทรัพยากรของประเทศ โดยปัจจุบันเครือข่าย ทสม.เติบโตครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศทั้ง 76 จังหวัดและถือเป็นโซ่ข้อกลางของสังคมที่เข้าไปแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่มีความซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น ทั้งเรื่องป่าไม้ น้ำเสีย มลพิษ ที่ดิน เป็นต้น.

ทส.เดินหน้าแผนแอลเอ 21 ลดโลกร้อน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/593738

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 21 มี.ค. 2559 05:01

 

น.ส.ภาวิณี ปุณณกันต์ อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ทส.กำลังดำเนินการตามพันธกิจตาม “แผนปฏิบัติการ 21 (Agenda 21)” ที่ประเทศไทยได้ลงนามในการประชุมสุดยอดของโลก (Earth Summit) ซึ่งเป็นแผนแม่บทของโลกเพื่อการพัฒนาให้เกิดความสมดุลใน 3 มิติ คือ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 21 ที่ประเทศฝรั่งเศส เมื่อเดือน ธ.ค.2558 ประเทศไทยได้ให้การรับรองข้อตกลงปารีส เพื่อจำกัดอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้สูงเกิน 2 องศาเซลเซียส ภายในปี 2573 ดังนั้น เป้าหมายของ ทส.คือ การลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกภายในประเทศ พร้อมทั้งนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่มุ่งการเสริมสร้างความสมดุลระหว่างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมาใช้ผ่านกลไกประชารัฐ ร่วมกับภาคประชาสังคมและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขับเคลื่อนกิจกรรมตามแผนปฏิบัติการ 21 ระดับท้องถิ่น (Local Agenda 21 : LA21) ภายใต้โครงการส่งเสริมท้องถิ่นสู่สังคมสีเขียว

น.ส.ภาวิณีกล่าวอีกว่า ทั้งนี้จะผลักดันให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชนและประชาชน เป็นแกนหลักจัดการทรัพยากรฯในชุมชนของตัวเอง ทั้งการจัดทำแผนปฏิบัติการ การขยายภาคีเครือข่ายเพื่อผลักดันให้พหุภาคีมีแผนงาน กลไกการดูแลอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรในท้องถิ่นของตนเองอย่างสมดุล.

ข้าราชการ ทช.ต้านย้าย “มนต์สังข์”

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/592504

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 18 มี.ค. 2559 05:45

 

เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ว่า ขณะนี้ได้มีการส่งต่อข้อความในไลน์ของข้าราชการ ทช.แสดงความไม่เห็นด้วยกับคำสั่งโยกย้ายนายมนต์สังข์ ภู่ศิริวัฒน์ หัวหน้าสำนักงาน รมว.ทส. ซึ่งเป็นคนสนิทของนายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัด ทส. มาทำหน้าที่ ผอ.สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน ทช. จำนวนมากเพราะมองว่าเป็นการย้ายคนที่ไม่ตรงกับงานและเป็นการนำนายมนต์สังข์มาวางไว้ในตำแหน่งเพื่อเตรียมขึ้นเป็นรองอธิบดี ทั้งยังคัดค้านคำสั่งย้ายนายนิพนธ์ พงศ์สุวรรณ ผอ.สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลฯ ผู้เชี่ยวชาญทางทะเล ไปเป็น ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ผอ.ทสจ.) ตรัง เพราะมองว่าการย้ายครั้งนี้ เป็นการโยกย้ายเพื่อผลประโยชน์ส่วนบุคคล ทั้งนี้ สมาคมวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งประเทศไทย ได้ออกจดหมายเปิดผนึกท้วงติงการโยกย้ายบุคลากรโดยไม่คำนึงถึงความรู้ความสามารถ พร้อมทำข้อเสนอต่อสังคมไทยระบุว่า 1.ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในการบริหารจัดการด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ควรเป็นผู้ที่มีความชำนาญด้านทะเล 2.เกณฑ์การคัดเลือกบุคลากรดังกล่าวของภาครัฐควรมีความชัดเจน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ด้านนายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัด ทส. กล่าวว่า นายนิพนธ์เป็นผู้ทำหนังสือขอย้ายกลับไปทำงานที่ ผอ.ทสจ. จ.ภูเก็ต แต่เนื่องจากยังมีผู้ดำรงตำแหน่งนี้อยู่ จึงให้ไปดำรงตำแหน่ง ทสจ.ตรัง แทน ส่วนกรณีมีกระแสว่า สาเหตุที่ต้องย้ายนายนิพนธ์เพราะไปขัดผลประโยชน์โครงการปะการังเทียมงบ 132 ล้านบาทนั้น ไม่เกี่ยวกัน ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนเอกสาร ยังไม่เริ่มการประมูล โดยงบส่วนหนึ่งจำนวน 40 ล้านบาท อยู่ระหว่างการนำไปซื้อเรือประมงผิดกฎหมาย เพื่อนำไปทำเป็นปะการังเทียม.

อากาศกลางคืน ร้อนเร็วกว่ากลางวัน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/591814

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 17 มี.ค. 2559 10:01

 

นักวิจัยกำลังรู้สึกพิศวงว่าเหตุใดอากาศช่วงกลางคืนจึงร้อนเร็วมากขึ้นกว่าตอนกลางวันเสียอีก และปรากฏการณ์อันนี้ ได้เป็นอยู่ทั่วโลกเป็นเวลาตั้งหลายทศวรรษแล้ว เชื่อได้ว่ามันจะคงเป็นอยู่ซ้ำซากไปอีกนาน นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบสาเหตุว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะปฏิกิริยาภายใน ระบบดินฟ้าอากาศเอง อุณหภูมิในช่วงกลางคืนจะได้รับผลกระทบมากกว่า

การวิจัยของสิ่งแวดล้อมและการตรวจวัดระยะไกลในนอร์เวย์อธิบายว่า ตัวการในเรื่องนี้ คือชั้นของอากาศเหนือพื้นดิน ที่เรียกกันว่า “ชั้นพรมแดน” ซึ่งกั้นทั้งหมดไว้จากบรรยากาศ เมื่อเวลากลางคืนย่างเข้ามา ชั้นนี้จะหดเหลือเพียงอยู่ใต้ชั้นบรรยากาศเพียงไม่กี่ร้อยเมตร ผิดกับตอนกลางวันมันจะขยายตัวสูงถึง 2-3 กิโลเมตร และวัฏจักรนี้แหละที่ทำให้อากาศช่วงกลางคืนร้อนเร็วกว่ากลางวัน.

แฉแหล่งน้ำไทย 25% คุณภาพเสื่อมโทรม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/590331

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 14 มี.ค. 2559 05:45

 

“เจ้าพระยา-ท่าจีน” เข้าขั้นแย่สุด “ตาปี” เกณฑ์ดีมากชุมชนร่วมอนุรักษ์

นายวิจารย์ สิมาฉายา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า หนึ่งในปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นกับทรัพยากรน้ำของประเทศไทย คือ คุณภาพที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการเกิดน้ำเสียในแม่น้ำลำคลอง และแหล่งน้ำต่างๆ ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การทิ้งขยะของเสีย หรือสารเคมีลงในแหล่งน้ำ โดยในปี 2558 ที่ผ่านมา คพ.ได้ตรวจสอบคุณภาพแหล่งน้ำสำคัญ 65 แห่ง จากจุดตรวจวัดคุณภาพน้ำ 366 จุดทั่วประเทศ ซึ่งดำเนินการ 4 ครั้ง ตั้งแต่เดือน ม.ค.-ธ.ค. พบว่า คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ดีเพียงร้อยละ 34 พอใช้ร้อยละ 41 และอยู่ในสภาพเสื่อมโทรมถึงร้อยละ 25 เมื่อแบ่งเป็นรายภาคพบว่า ภาคเหนือมีปัญหาการปนเปื้อนของแบคทีเรียกลุ่มฟีคอลโคลิฟอร์ม สาเหตุมาจากการที่ชุมชนปล่อยน้ำเสียสู่แหล่งน้ำ ภาคกลางและภาคตะวันออกพบการปนเปื้อนของแบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์มและฟีคอลโคลิฟอร์ม โดยสาเหตุมาจากการที่ชุมชนและโรงงานอุตสาหกรรมปล่อยน้ำเสีย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือพบค่าแอมโมเนียสูง ทั้งนี้ เนื่องมาจากการที่ฝนชะหน้าดินที่ปนเปื้อนสารจากภาคการเกษตร และน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม และภาคใต้พบการปนเปื้อนของแบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์มและฟีคอลโคลิฟอร์ม

อธิบดี คพ. กล่าวด้วยว่า สำหรับแหล่งน้ำที่พบว่ามีผลการประเมินอยู่ในเกณฑ์ดี มี 22 แหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำจาง เวฬุ ตรัง เป็นต้น ขณะที่แม่น้ำตาปีตอนบน ในเขต อ.พิปูน อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ถือเป็นเพียงแห่งเดียวที่มีคุณภาพน้ำอยู่ในระดับดีมาก โดยดัชนีคุณภาพน้ำอยู่ที่ 87 คะแนน จาก 100 คะแนน ซึ่งสูงที่สุดในประเทศไทย สาเหตุเพราะประชาชนและภาคส่วนต่างๆในท้องถิ่น ได้ร่วมกันอนุรักษ์ ฟื้นฟู และพัฒนาแหล่งน้ำ รวมทั้งมีการจัดการสิ่งแวดล้อมโดยรอบพื้นที่ เพื่อรักษาความเป็นธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพให้เอื้อต่อการรักษาคุณภาพน้ำ ส่วนแหล่งน้ำที่มีคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ดีรองลงมาจากแม่น้ำตาปี คือ แม่น้ำแม่จาง จ.ลำปาง ดัชนีอยู่ที่ 82 แม่น้ำลำชี จ.สุรินทร์ ดัชนีอยู่ที่ 81 แม่น้ำเวฬุ จ.ตราด ดัชนีอยู่ที่ 80 ส่วนแม่น้ำที่เสื่อมโทรมมากที่สุด เฉลี่ย 0-30 คะแนน ได้แก่ แม่น้ำท่าจีนตอนล่าง ดัชนีอยู่ที่ 30 แม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ดัชนีอยู่ที่ 29 และแม่น้ำที่ขึ้นชื่อว่าเสื่อมโทรม เฉลี่ย 31-60 คะแนน คือ แม่น้ำระยองตอนล่าง ดัชนีอยู่ที่ 42 แม่น้ำพังราดตอนบน ดัชนีอยู่ที่ 44.

13 มี.ค.วันช้างไทยยังถูกคุกคามทารุณ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/589630

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 12 มี.ค. 2559 06:01

 

(ภาพจาก:REUTERS)

ขัดแย้งคนถิ่นที่อยู่อาศัยถูกบุกรุก สร้างคูกันเพิ่มแหล่งอาหารในพื้นที่ป่า

นางเตือนใจ นุชดำรงค์ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า วันที่ 13 มี.ค.ของทุกปี เป็น “วันช้างไทย” สัตว์ที่มีความสัมพันธ์และผูกพันกับวิถีชีวิตของคนไทยมาเป็นเวลานาน แต่ปัจจุบันคนไทยกลับเห็นคุณค่าและความสำคัญของช้างไทยลดลงไปทุกขณะ จนช้างถูกนำไปเร่ร่อนหาผลประโยชน์และต้องเผชิญภัยคุกคามนานาชนิด เช่น การถูกล่าเพื่อเอางาหรืออวัยวะ เป็นต้น ดังนั้น เพื่อให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ช้างไทย กรมอุทยานฯ ได้พยายามแก้ปัญหาช้าง โดยเฉพาะช้างป่าที่สร้างผลกระทบต่อราษฎรนอกพื้นที่อนุรักษ์ ซึ่งมีสาเหตุมาจากพื้นที่อยู่อาศัยถูกรบกวนจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การท่องเที่ยว การลักลอบล่าสัตว์ป่า การบุกรุกพื้นที่ป่าของราษฎรที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยเดิมของสัตว์ป่าเพื่อต้องการพื้นที่เกษตรกรรม อีกทั้งจนกลายเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่าในที่สุด

ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าฯ กล่าวต่อว่า ขณะนี้พบว่ามีช้างป่าประมาณ 3,000-3,500 ตัว กระจายอยู่ในป่าอนุรักษ์ 68 แห่ง แบ่งเป็นอุทยานแห่งชาติ 38 แห่ง อาทิ แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เขาชะเมา จ.ระยอง กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น และเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า 30 แห่ง อาทิ เขาอ่างฤาไน ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เขาสอยดาว จ.จันทบุรี ภูหลวง จ.เลย เป็นต้น ถ้ามองในแง่ของการอนุรักษ์ช้างไทย ถือว่าประเทศไทยประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูประชากรช้างให้มีมากขึ้น แต่ด้วยเหตุที่ป่าอนุรักษ์ของไทยมีจำนวนลดน้อยลง ทำให้สัดส่วนพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยของช้างป่ามีจำกัด จึงนำไปสู่การเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนและช้างป่า จนทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในหลายพื้นที่ เช่น จ.จันทบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ระนอง บึงกาฬ เป็นต้น

นางเตือนใจกล่าวอีกว่า กรมอุทยานฯได้พยายามแก้ปัญหา เช่น เฝ้าระวังและติดตามตัวช้างป่าหรือโขลงช้างป่าที่สร้างปัญหา เพื่อให้ทราบถึงจุดที่อยู่ การเคลื่อนที่และแจ้งข่าวเตือนภัย การสร้างคูกันช้างรวมทั้งปรับปรุงแหล่งน้ำแหล่งอาหารในพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น รวมทั้งจัดให้มีเวทีในการพูดคุยเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและเครือข่ายของแต่ละชุมชนในการแก้ปัญหาช้างร่วมกัน เป็นต้น.

ทส.ชู “ประชารัฐ” จัดที่ดินทำกิน 340,413 ไร่ ปันชุมชนรอบพื้นที่ป่า 47 จังหวัด : “ทวงคืนผืนป่า” จัดสรรสู่คนจน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/587242

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 8 มี.ค. 2559 05:01

 

ที่ดินทำกิน…

ปมปัญหาขัดแย้งจากความไม่ลงตัวจนก่อให้เกิดข้อพิพาทระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับชาวบ้านที่ดำรงอยู่ในสังคมไทยมายาวนาน ด้วยเหตุผลต่างๆ ทั้งความมั่นคง และการอนุรักษ์พื้นที่ป่า เป็นต้น

จากข้อมูลเบื้องต้น พื้นที่ประเทศไทยที่มีอยู่ร้อยละ 40 หรือประมาณ 130 ล้านไร่ เป็นพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิที่ดินอยู่แล้ว แต่พื้นที่อีกร้อยละ 60 หรือประมาณ 190 ล้านไร่ เป็นที่ดินของส่วนราชการต่างๆ และพื้นที่เหล่านี้นี่แหละที่มักมีปัญหาเป็นกรณีขัดแย้งเรื่องแย่งที่ดินทำกิน มีคดีพิพาทฟ้องร้องขับไล่ให้คนออกจากป่า ออกจากพื้นที่

ในพื้นที่ 190 ไร่ ที่หน่วยงานราชการดูแลอยู่นี้ แบ่งเป็นพื้นที่ สปก. สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ประมาณ 35 ล้านไร่ เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งรวมพื้นที่อุทยานแห่งชาติอยู่ในนี้ด้วยประมาณ 145 ล้านไร่ ดูแลโดยกรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และที่เหลืออีกประมาณ 10 ล้านไร่ เป็นพื้นที่ราชพัสดุ ดูแลโดยกรมธนารักษ์ โดยที่ผ่านมาพื้นที่ป่าสงวนฯ และป่าอุทยาน จำนวนไม่น้อยเกิดปัญหาการบุกรุกผืนป่าจากนายทุน ผู้มีอิทธิพลรวมทั้งคนจนที่ไม่มีที่ดินทำกิน

ผลการสำรวจของกรมป่าไม้พบว่า ปี 2557 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีผืนป่าเหลือเพียง 102,285,400 ไร่ หรือร้อยละ 31.62 ของพื้นที่ประเทศไทยเท่านั้น

“ตัวเลขการลดลงของป่าไม้สะท้อนให้เห็นถึงความหนักหน่วงของสถานการณ์ป่าไม้ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รู้สึกกังวล จึงได้กำหนดให้เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลที่จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยมีการประกาศมาตรการทวงคืนผืนป่าเข้าไปบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดกับกลุ่มนายทุนและผู้มีอิทธิพลที่บุกรุกป่า ซึ่งจากผลการดำเนินงานอย่างเข้มข้นตลอดปี 2558 ที่ผ่านมา สามารถนำผืนป่าที่ถูกบุกรุกกลับคืนมาได้ถึงประมาณ 300,000 ไร่ มีการดำเนินคดีกับผู้บุกรุกป่าไปแล้วกว่า 13,000 คดี” พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรฯ สะท้อนให้เห็นภาพของการปฏิบัติการ

“แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น” รมว.ทรัพยากรฯกล่าวสำทับพร้อมย้ำว่า แม้ผลลัพธ์ที่ออกมาจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ แต่โดยข้อเท็จจริงของปัญหาป่าไม้ ไม่ได้มีเพียงบริบทของการบุกรุกทำลายเพื่อหาผลประโยชน์ของกลุ่มนายทุน ผู้มีอิทธิพล หรือประชาชนเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงไปถึงปัญหาอื่นๆ เช่น สิทธิที่ทำกิน การจัดการพื้นที่ป่า และการจัดการพื้นที่เพาะปลูก ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยมาตรการอื่นเข้ามาเสริม จึงจะสามารถหยุดยั้งการบุกรุกผืนป่าและเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ได้อย่างยั่งยืน

และนั่นจึงนำมาซึ่งแผนการต่อยอดการทำงานของกระทรวงทรัพยากรฯ ต่อจากมาตรการทวงคืนผืนป่าไปสู่การดำเนินโครงการ “พลิกฟื้นผืนป่า สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” ภายใต้ 5 มาตรการหลัก คือ

1.การสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนและภาคส่วนต่างๆในพื้นที่ให้เกิดการมีส่วนร่วม โดยอาศัยแนวทาง “ประชารัฐ” ที่ทั้งภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชนจะต้องเดินไปด้วยกัน

2.การแก้ไขปัญหาแนวเขตพื้นที่ทับซ้อนต่างๆ โดยใช้แผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One map)

3.การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังต่อผู้มีอิทธิพล แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ

4.การผ่อนผันกับชุมชนและประชาชนผู้ยากไร้ โดยจัดหาที่ดินทำกินรวม 340,413 ไร่ ให้กับชุมชนรอบพื้นที่ป่า 82 พื้นที่ 47 จังหวัด โดยขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดกำลังดำเนินการอยู่ ทั้งนี้แบ่งเป็นภาคเหนือ 24 พื้นที่ 13 จังหวัด เนื้อที่ 129,600 ไร่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 25 พื้นที่ 15 จังหวัด เนื้อที่ 90,929 ไร่ ภาคกลาง 19 พื้นที่ 11 จังหวัด เนื้อที่ 64,494 ไร่ และภาคใต้ 14 พื้นที่ 8 จังหวัด เนื้อที่ 55,390 ไร่ ประกอบด้วย ป่าสงวนแห่งชาติ 70 พื้นที่ใน 45 จังหวัด สปก.5 พื้นที่ใน 6 จังหวัด ป่าชายเลน 1 พื้นที่ ที่ราชพัสดุ 2 พื้นที่ และที่สาธารณประโยชน์ 4 พื้นที่ใน 4 จังหวัด รวม 47 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ กาญจนบุรี กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น ชัยนาท จันทบุรี ชัยภูมิ ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด ตาก นครพนม นครราชสีมา นครศรีธรรม-ราช นครสวรรค์ น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พะเยา พังงา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบุรี เพชรบูรณ์ แพร่ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด ระนอง ราชบุรี ลำปาง เลย สตูล สุโขทัย สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี หนองบัวลำภู อุดรธานี อุตรดิตถ์ อุทัยธานี และอุบลราชธานี ซึ่งทั้งหมดจะดำเนินการภายในปีงบประมาณ 2559

5.การเพิ่มพื้นที่ป่าและพื้นที่สีเขียว โดยในพื้นที่สูงชันต้องไม่ให้ใครบุกรุกซ้ำ เพื่อให้ป่าได้ฟื้นคืนสภาพด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นหลักการที่น้อมนำแนวทางตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้ดำเนินการ

“โครงการนี้เป็นการทำงานภายใต้หลักการของความร่วมมือ จากเดิมที่รัฐเคยเป็นผู้กำหนดว่าให้ชาวบ้านทำอะไร ตรงไหน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเขาจะยินยอมพร้อมใจด้วยหรือไม่ จึงต้องเปลี่ยนเป็นการสร้างความเชื่อใจกัน มีการหารือเรื่องการแบ่งโซนพื้นที่โดยกำหนดโซนที่พักอาศัย โซนทำเกษตรขั้นบันได โซนป่าใช้สอย และป่าสมบูรณ์ ซึ่งจะต้องสร้างความเข้าใจจนไม่มีความขัดแย้งจึงจะเดินหน้า” พล.อ.สุรศักดิ์กล่าวสรุปในที่สุด

“ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม” เห็นด้วยกับมาตรการของกระทรวงทรัพยากรฯ ซึ่งเปรียบเสมือนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว คือ การไม่ยอมให้พื้นที่ป่า 102 ล้านไร่ที่เหลืออยู่นี้ กลายเป็น “ป่าผืนสุดท้าย” ของประเทศไทย ขณะเดียวกันก็ยังสามารถแก้ปัญหาการบุกรุกโดยการผ่อนผันกับชุมชนและประชาชนผู้ยากไร้ โดยจัดหาที่ดินทำกินให้ได้ด้วย

แต่สิ่งที่เราอดห่วงไม่ได้ และคงต้องฝากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องไว้ คือ การที่ที่ดินซึ่งถูกจัดสรรให้ชุมชนและประชาชนผู้ยากไร้จะถูกเปลี่ยนมือไปเป็นของนายทุนเหมือนในอดีตที่ผ่านๆมา

และแน่นอนนั่นย่อมหมายถึง จะต้องมีมาตรการตรวจสอบ คุมเข้มให้ชัดเจนก่อนจัดสรร

คงไม่มีใครอยากเห็นโครงการดีๆที่รัฐทำด้วยความจริงจังและจริงใจ ต้องกลายเป็นความสูญเปล่า และจบลงด้วยการเสียทั้งที่ดินของรัฐ

ที่ยิ่งแย่ไปกว่านั้นคือเสียรู้นายทุนและผู้มีอิทธิพลซ้ำซาก!!!

ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม

ชงแผนรื้อแฟลตดินแดง เม.ย.นี้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/585876

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 4 มี.ค. 2559 05:45

 

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมร่วมกับคณะกรรมการและผู้นำชุมชนโครงการดินแดงว่า ได้รับรายงานจากการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ถึงการจัดชุดลงพื้นที่สำรวจผู้อยู่อาศัยในชุมชนดินแดงระหว่างวันที่ 13 ก.พ. -2 มี.ค.ในจำนวนผู้อยู่อาศัย 4,881 หน่วย จากทั้งหมด 5,846 หน่วย เห็นด้วยกับโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง 4,247 หน่วย หรือคิดเป็นร้อยละ 87.01 และเห็นด้วยกับขนาดห้อง 33 ตร.ม.จำนวน 3,679 หน่วยคิดเป็นร้อยละ 75.37 คาดว่าการสำรวจจะแล้วเสร็จเดือน มี.ค.นี้ จากนั้นจะเร่งปรับแผนเพื่อเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในเดือน เม.ย.นี้ ทั้งนี้ทั้งคณะกรรมการและผู้นำชุมชนมีมติเห็นพ้องไม่ต้องการให้วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) พิสูจน์โครงสร้างอีกครั้ง เนื่องจากต้องการ ให้โครงการขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งเสนอลดระยะเวลาการก่อสร้าง 8 ปีลงให้เหลือเวลาน้อยที่สุดอาจจะประมาณ 4 ปี ซึ่งเรื่องนี้จะหารือกับทางวิศวกร ซึ่งย้ำว่าทุกขั้นตอนทั้งการออกแบบ การทำทีโออาร์ การตรวจสอบ การก่อสร้างต้องให้ชุมชนมีส่วนร่วมเพื่อความโปร่งใส.