ขยะพลาสติก จะล้นฝั่งทะเล ภายในปี 2593

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/582203

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 26 ก.พ. 2559 08:01

 

นักวิทยาศาสตร์ได้บอกเตือนพลโลกทั้งหลาย ให้ทราบไว้ว่า อาจจะมีขยะพลาสติกในทะเล จนล้นฝั่งขึ้นมา ภายใน พ.ศ. 2593 นี้ เท่ากับมหาสมุทร ถูกโทษประหาร มูลินิธิเอลเลน แมคอาเธอร์

และเวิลด์อิโคโนมิกฟอรัม ได้ร่วมกันกล่าวเตือนในเรื่องนี้ หลังจากที่มีรายงานการศึกษา ว่ามีการทิ้งขยะลงไปในทะเลต่างๆ ก่อนหน้านี้ก็มีพาดหัวหนังสือพิมพ์ตัวใหญ่ มาครั้งหนึ่งแล้วว่า ถ้าหากยังขืนทิ้งขยะพลาสติกลงสู่ทะเล เหมือนอย่างกับที่ทำอยู่ในปัจจุบันนี้ ในพ.ศ.2593 จะต้องมีขยะพลาสติก ในทะเลมากกว่าปลา แต่ปัญหามันมีอยู่ว่า เราจะวัดรู้ขยะพลาสติก หรือจะนับปริมาณปลาได้อย่างไร ในการศึกษาทะเลในอ่าวซานฟรานซิสโก ของอเมริกา ซึ่งไม่อาจจะถือว่าเป็นตัวอย่างของทะเลทั้งหมดได้ ก็ไม่สามารถที่จะประมาณปริมาณ

ให้แน่นอนลงไปได้ อย่างไรก็ดีคณะนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งได้ประมาณว่า อาจจะมีปริมาณขยะพลาสติกในมหาสมุทรอยู่ไม่ต่ำกว่า 750 ล้านตัน.

ขยะพลาสติกปลิดชีพหอยนางรม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/581217

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 24 ก.พ. 2559 12:01

 

มีข่าวอันน่าห่วงใยแก่ผู้ชอบรับประทานหอยนางรมว่า เศษชิ้นของพลาสติกชิ้นเล็กๆ ที่ถูกทิ้งเกะกะเกลื่อนกลาดในทะเลทั่วไป ไปขวางกั้นการแพร่พันธุ์ของมัน จากการศึกษาหอยที่เลี้ยงขังไว้ พบว่าพวกมันได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะเศษชิ้นพลาสติกเล็กๆ ได้ไปก่อกวนไข่และตัวเชื้อ ซึ่งลอยอยู่ตามน้ำ รุนแรงมากถึงร้อยละ 41

เศษชิ้นพลาสติกเล็กๆเหล่านี้ จะมีขนาดพอๆกับแพลงก์ตอนที่เป็นอาหารของหอย และหอยสองฝานี้ก็จะย่อยสิ่งที่กินเข้าไป บรรดาขยะพลาสติกเหล่านี้ได้ตกรวมอยู่ในทะเล ตั้งแต่ภาชนะพลาสติก เครื่องสำอาง เสื้อผ้า อุตสาหกรรม การขจัดขยะมูลฝอยอย่างผิดวิธี ทำให้มันลงไปสะสมอยู่ในทะเล เป็นปริมาณไม่น้อยกว่า 12 ล้านตัน และเนื่องจากว่าพวกพลาสติกไม่เน่าสลายเองได้ จึงย่อยกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ประมาณ 1 มิลลิเมตร หรือต่ำกว่านั้น.

โลก 100 ปีข้างหน้า อยู่ตึกระฟ้าดำน้ำ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/580826

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 23 ก.พ. 2559 08:01

 

รายงานผลการศึกษา โลกอนาคต 100 ปีหน้าว่า มนุษย์ส่วนใหญ่จะพากันอาศัยอยู่ในตึกระฟ้าภายในนครที่จมอยู่ใต้น้ำ และภายใต้หลังคาบ้านเรือน ที่ผลิตขึ้นสำเร็จรูปออกมาด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติ

เมืองอนาคตทันสมัยเหล่านี้ เป็นการพยากรณ์ของรายงานที่มีชื่อว่า รายงานสิ่งมีชีวิตอัจฉริยะแห่งอนาคต ซึ่งเป็นการคิดค้นของเหล่านักปราชญ์ ความก้าวหน้าสุดยอดสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ที่ไม่ไกลเกินไปนี้ ก็คือการคาดการณ์ว่ามนุษย์ยุคหนึ่งศตวรรษหน้าจะอยู่อาศัยในโลกของอาคารตึกระฟ้า ที่จมอยู่ใต้ดินถึง 25 ชั้น ภายในนครที่ตั้งอยู่ใต้น้ำ และอยู่ตามบ้าน ซึ่งสร้างขึ้นสำเร็จรูป โดยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ

คณะนักคิดเหล่านั้น ประกอบด้วยสถาปนิกอนาคต และวิศวกรผู้สร้างเมือง รวมทั้งบรรดาอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเวสต์มินสเตอร์ ลงความเห็นว่า จะมีการสร้างนครที่รูปร่างเหมือนกับท่อน้ำยักษ์ขึ้นใต้น้ำ ทำให้มนุษย์ลงไปอยู่อาศัยภายใต้ความลึกของทะเล พวกเขาจะเดินทางไปติดต่อคบหากันด้วยโดรนส่วนตัว และด้วยโดรนลำโตที่สามารถขนเอาบ้านทั้งหลัง เดินทางไปรอบโลก เพื่อใช้ในการพักผ่อนได้ นักปราชญ์คนหนึ่ง ดร.แมกกี้ อเดลินโพคอก ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์อนาคต ได้ให้ความเห็นว่า ชีวิตมนุษย์ทุกวันนี้ จะแตกต่างกับโลกอีกร้อยปีข้างหน้าอย่างจำกันไม่ได้ ในยุคนั้น เราจะติดต่อกันและกัน ตลอดจนร่ำเรียน และควบคุมชีวิตของเรา.

อากาศโลกร้อน ทำร้อนกระเป๋า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/578234

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 17 ก.พ. 2559 10:01

 

นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเรดดิ้ง ได้พบข้อเท็จจริงว่า อุณหภูมิของโลกร้อน อาจจะมีผลกระทบถึงเส้นทางการบิน ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ระหว่างอเมริกากับยุโรป ให้เปลี่ยนแปลงไปได้

อุณหภูมิของโลกที่ร้อนขึ้นจะมีผลทำให้ลมกรดเป็นกระแสอากาศซึ่งไหลอยู่ในระดับ 3-4 พันฟุต ด้วยความเร็วสูงประมาณ 200 ไมล์ แรงขึ้น ทำให้เครื่องบินที่บินจากอังกฤษไปอเมริกาต้องบินทวนลม แต่ทางฝ่ายลำที่บินตามสายการบินตะวันออก บินจากอเมริกาก็จะบินได้เร็วขึ้น สรุปแล้วการบินไปกลับ ระหว่างอังกฤษกับอเมริกา จะต้องมีระยะทางยาวขึ้นมาก สายการบินเส้นนี้ เป็นสายการบินที่มีเครื่องบินเดินทางมากที่สุด เฉลี่ยแล้ววันละประมาณ 600 ลำ นักวิทยาศาสตร์ยังพบด้วยว่า ผลกระทบในเรื่องนี้ ยังอาจทำให้การบินเกิดความปั่นป่วนจากกระแสลมเพิ่มขึ้น เที่ยวขาไปจากกรุงลอนดอน อาจจะต้องใช้เวลาเพิ่มอีกเกือบเท่าตัวเกินกว่า 7 ชั่วโมงก็เป็นได้ ในขณะที่เที่ยวกลับก็จะทำให้บินได้เร็วขึ้น กินเวลา 5 ชั่วโมง 20 นาที เท่าที่เป็นอยู่กันการบินจากนิวยอร์กไปลอนดอนต้องใช้เวลา 5 ชั่วโมง กับ 16 นาที.

โลกจะร้อนต่อไป นานอีก 1,000 ปี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/577763

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 16 ก.พ. 2559 10:01

 

(ภาพ : REUTERS)

นักวิทยาศาสตร์ได้กล่าวเตือนอย่างน่าวิตกว่า ถ้าหากยังไม่พบยุทธวิธีประหยัดพลังงานลงได้ทั่วโลกใหม่ ด้วยสภาพภูมิอากาศของโลก ที่ก่อความเสียหายให้แก่สิ่งแวดล้อม ปล่อยควันคาร์บอนโขมงอยู่ต่อไป จะก่อความเสียหายไปนานจนถึง 1 พันปีหน้า

ความกระทบกระเทือนที่ก่อให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น น้ำแข็งและแม่น้ำแข็งละลาย ตลอดจนระดับน้ำทะเลริมฝั่งสูงขึ้น จะยังคงเป็นอยู่อีกนาน และจะบันดาลให้ที่อยู่อาศัยตามแถบริมฝั่งทะเลของผู้คนจำนวน 13,000,000,000 คนนี้จะต้องจมหายไป

นักวิทยาศาสตร์ เจเรมี ชากุน จากวิทยาลัยบอสตัน อเมริกา กล่าวว่า ผลจากการศึกษาวิเคราะห์ของเราแสดงว่า ยุคของโลกร้อนจะยังคงยืดขยาย ไปจนถึงยุคน้ำแข็ง และเราจะได้เห็นวัฒนธรรมที่ยืนยงคงอยู่ให้เราได้ชื่นชม ระหว่างตลอดพันปีที่พัฒนามาต้องล่มสลายลง

นักวิจัยได้วาดภาพของอนาคตอันใกล้ที่น่าหวั่นหวาด โดยคิดคำนวณจากปริมาณของคาร์บอน อันเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ ปริมาณพันสองร้อยล้านตัน ในช่วง 2-3 ศตวรรษหน้าเป็นเกณฑ์.

จี้ออกกฎหมาย งดใช้น้ำบาดาล แก้ทะเลกัดเซาะแผ่นดินชายฝั่ง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/577183

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 14 ก.พ. 2559 05:45

 

นักวิชาการด้านปฐพีวิทยา ม.เกษตรฯ ชี้ “การใช้น้ำบาดาล” ทำแผ่นดินชายฝั่งทรุดต่อเนื่องปีละ 1-2 เซนติเมตรเป็นอีกหนึ่งสาเหตุก่อปัญหาพื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทยถูกน้ำทะเลกัดเซาะเสียหาย ผนวกกับอัตราเพิ่มสูงของน้ำทะเลปีละ 4 มิลลิเมตร ส่งผลกระทบการกัดเซาะชายฝั่งของน้ำทะเลให้รุนแรงขึ้น แนะรัฐบาลออกกฎหมายห้ามใช้น้ำบาดาลถาวร พร้อมเร่งสร้างระบบประปาริมชายฝั่งทดแทน ขณะที่ชาวบ้านชุมชนบางบ่อ หนึ่งในหลายชุมชนริมชายฝั่ง โอดที่ยังต้องใช้น้ำบาดาลเพราะประปาภูมิภาคเข้าไม่ถึง ได้แต่ช่วยกันเองทำแนวกั้นไม้ไผ่ชะลอคลื่น รวมถึงปลูกป่าชายเลนเพิ่ม

จากปัญหาพื้นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านตามแนวชายฝั่งทะเลอ่าวไทยเกิดการทรุดตัวและชายฝั่งถูกน้ำทะเลกัดเซาะหายไปอย่างต่อเนื่อง สร้างความสูญเสียทั้งของชาวบ้านและระบบนิเวศชายฝั่งคิดเป็นมูลค่ามหาศาล ทำให้มีการศึกษาวิจัยอย่างจริงจังถึงสาเหตุและแนวทางแก้ไข โดยเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ผศ.ดร.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ หัวหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนาวิศวกรรมปฐพีและฐานราก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) เปิดเผยว่า จากการที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาวิศวกรรมปฐพีและฐานราก มก. ศึกษาวิจัยเพื่อหาแนวทางลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำทะเลบริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดสมุทรสงคราม สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา มาตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปี 2558 พบว่าปัญหาการหายไปของพื้นดินชายฝั่งทะเลในพื้นที่จังหวัดตอนบนของอ่าวไทย นอกจากปัญหาปริมาณตะกอนที่เคยไหลออกสู่ทะเล มีปริมาณลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการสร้างเขื่อน ฝาย ประตูระบายน้ำต่างๆ ที่ทำหน้าที่แบ่งกั้นน้ำจืดและน้ำเค็มบริเวณตามแนวชายฝั่ง และปัญหาระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นปีละ 4 มิลลิเมตรแล้ว ยังพบว่ามีปัญหาแผ่นดินชายฝั่งทะเลทรุดจากการใช้น้ำบาดาล ในอัตรา 1-2 เซนติเมตร/ปี เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้น้ำทะเลท่วมพื้นดินชายฝั่งได้รวดเร็วและรุนแรงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะบริเวณชุมชนวัดขุนสมุทรจีน ต.แหลมฟ้าผ่า อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ, ชุมชนบ้านชายทะเลรางจันทร์ ต.นาโคก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร และชุมชนบ้านบ่อล่าง ต.บางแก้ว อ.เมืองสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นพื้นที่มีการใช้น้ำบาดาลมากว่า 50 ปี

ผศ.ดร.สุทธิศักดิ์กล่าวว่า แม้ว่าปัจจุบันพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทยเป็นพื้นที่ควบคุมการใช้น้ำบาดาล แต่ในบางพื้นที่ที่การประปาส่วนภูมิภาคยังเข้าไม่ถึง การใช้น้ำบาดาลก็เป็นเรื่องจำเป็นที่มิอาจเลี่ยงได้ เช่น ชุมชนบ้านชายทะเลรางจันทร์ เป็นอีกชุมชนที่มีการใช้น้ำบาดาลมากว่า 50 ปี เคยมีบ่อสูบน้ำบาดาลกระจายอยู่ทั่วชุมชนกว่า 30 หลังคาเรือน และในปี 2531 มีการลดการใช้น้ำบาดาลในชุมชน ให้เหลือเพียงแห่งเดียว บริเวณวัดรางจันทร์ โดยก่อสร้างถังสูงเก็บน้ำเพื่อจำหน่ายในราคาถูกให้กับชาวบ้านในชุมชนใช้งานเป็นประปาหมู่บ้านจนถึงปัจจุบัน เพราะหมู่บ้านชายทะเลรางจันทร์ อยู่นอกพื้นที่การให้บริการของการประปาส่วนภูมิภาค ทำให้การใช้น้ำบาดาลในพื้นที่มีความจำเป็นต่อชาวบ้านในชุมชน และเนื่องจากไม่สามารถยกเลิกการใช้น้ำบาดาลได้อย่างสิ้นเชิง จึงทำให้การทรุดตัวจากการสูบน้ำบาดาลยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในอัตราทรุดตัวอยู่ที่ 14 มิลลิเมตร/ปี ขณะเดียวกัน บริเวณพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยส่วนใหญ่ มีการทำเกษตรกรรมขุดบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ จึงทำให้ต้องแปรสภาพป่าชายเลนเป็นบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งป่าชายเลนเป็นปราการป้องกันคลื่นตามธรรมชาติ ยิ่งกว่านั้นยังมีการขุดคลองเพื่อนำน้ำจากทะเลไปใช้ในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ มีผลทำให้ชายทะเลอ่อนแอไม่สามารถต่อสู้กับคลื่นลม พายุ และเป็นการเร่งการกัดเซาะชายฝั่งให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น

หัวหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนาวิศวกรรมปฐพีและฐานราก มก. กล่าวอีกว่า แนวทางและมาตรการลดผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลและการทรุดตัวของแผ่นดิน ในเบื้องต้น รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งแก้ปัญหาปัจจัยการทรุดตัวของแผ่นดินจากการใช้น้ำบาดาลด้วยการออกกฎหมายยกเลิกการใช้น้ำบาดาลอย่างถาวร โดยเฉพาะในพื้นที่รัศมี 10 กิโลเมตรจากชายฝั่งอ่าวไทย และเพิ่มการให้บริการน้ำประปาอย่างทั่วถึง ครอบคลุมพื้นที่ริมชายฝั่ง รวมทั้งติดตั้งหมุดตรวจวัดการทรุดตัวของพื้นดินและบ่อตรวจวัดน้ำบาดาลตลอดพื้นที่ริมชายฝั่ง พร้อมเร่งฟื้นฟูป่าชายเลนให้กลับสู่สภาพที่เหมาะสม โดยการร่วมมือกันในชุมชน เช่น การป้องกันรักษาป่าชายเลนที่มีอยู่เดิม และการเพิ่มปริมาณป่าชายเลนด้วยการปลูกป่าเพิ่มเติม ที่สำคัญต้องปรับทัศนคติ และทำความเข้าใจกับทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งชาวบ้านในชุมชน นักอนุรักษ์ และนักพัฒนา โดยยึดหลักความจริงเพื่อรณรงค์และช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง ลดการกระทำที่เร่งให้เกิดปัญหาในอนาคตจากการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งทะเลที่ไม่เหมาะสม เช่น การทำลายป่าชายเลนเพื่อขุดทำนากุ้ง

ด้านนายวิสูตร นวมศิริ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 ชุมชนบางบ่อ ต.บางแก้ว อ.เมืองสมุทรสงคราม หนึ่งในหมู่บ้านริมชายฝั่ง ที่พื้นดินกว่า 30 ไร่ ถูกกัดเซาะจมหายไปใต้ทะเล กล่าวว่า ปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะมีมานานนับ 20 ปี จนชายฝั่งพังบ้านเรือนที่อยู่ในหมู่ 10 ต้องรื้อหนีถึง 11 หลัง ตนและชาวบ้านในชุมชนพยายามต่อสู้ป้องกันมาตั้งแต่ปี 2551 ด้วยการปักไม้ไผ่ชะลอคลื่น เป็นแนวกั้นที่มีความยาวกว่า 1,800 เมตร และปลูกป่าชายเลนเพิ่ม ซึ่งประสบความสำเร็จได้ระดับหนึ่ง ทำให้ตอนนี้มีพื้นที่ป่าชายเลนเพิ่มมากขึ้น และบ้านเรือนภายในชุมชนบางบ่อ หมู่ที่ 10 ก็ไม่ได้รื้อหนีอีกต่อไป ส่วนกรณีที่มีนักวิชาการระบุว่า การใช้น้ำบาดาลทำให้แผ่นดินทรุดตัวเพิ่มนี้ อันนี้ตนไม่มีความรู้ แต่ตนและชาวบ้านจะพยายามรักษาและขยายพื้นดินชายฝั่งให้มากที่สุด ด้วยการปลูกป่าชายเลนกับขยายแนวไม้ไผ่กันคลื่น แต่จะให้ชาวบ้านเลิกใช้น้ำบาดาลทั้งหมดในทันทีคงเป็นเรื่องยาก เพราะน้ำประปาส่วนภูมิภาคยังเข้ามาไม่ทั่วถึง และราคาก็แพงกว่าน้ำบาดาล ซึ่งเป็นระบบประปาหมู่บ้านเดิมถึงหน่วยละ 2 บาท

ประชุม “ACB 2016” ชู “ความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” : พลัง”อาเซียน+6″สู้เศรษฐกิจโลก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/574432

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 9 ก.พ. 2559 05:15

 

“ความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน”

หัวใจสำคัญของ การประชุมระดับภูมิภาคอาเซียนด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ครั้งที่ 2 (2nd ASEAN Conference on Biodiversity หรือ ACB 2016) ระหว่างวันที่ 15-19 ก.พ.นี้ ที่ประเทศไทย โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าภาพจัดประชุม

โดยมีตัวแทนจากรัฐบาลของประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา +3 คือ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ รวมทั้งประเทศคู่เจรจาในภูมิภาคเอเชียตะวันออก หรืออาเซียน +6 ซึ่งมีประเทศเพิ่มเติมจากเอเชีย +3 คือ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และอินเดีย รวมทั้งองค์กรระหว่างประเทศ องค์กรพัฒนาเอกชน โดยเฉพาะภาคเอกชนผู้ที่จะมีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งผู้สังเกตการณ์จากประเทศคู่เจรจาเข้าร่วมประชุมมากกว่า 400 คน

ถือเป็นงานใหญ่ของประเทศไทย เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้โจทย์กับกระทรวงทรัพยากรฯ ว่า ต้องการจะให้อาเซียนมีความเป็นหนึ่งเดียวในเรื่องของเศรษฐกิจ โดยใช้ความหลากหลายทางชีวภาพเป็นต้นทุน

พล.อ.สุรศักดิ์

เพราะความหลากหลายทางชีวภาพคือจุดเด่นหนึ่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทยได้ชื่อว่ามีความโดดเด่น เป็นแหล่งรวมของสิ่งมีชีวิตนานาพันธุ์ นานาชนิด ที่อาศัยอยู่ในระบบนิเวศทั้งในป่า ภูเขา ทะเล

“ประเทศไทยถือได้ว่าเป็นผู้นำในระดับภูมิภาคอาเซียนว่าด้วยเรื่องการมีพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์เรื่องความหลากหลายทางชีวภาพและการจัดการพื้นที่เหล่านั้น ซึ่งปัจจุบันเมื่อสถานการณ์โลกเปลี่ยนไป ไม่ใช่จะจัดการเรื่องของการเก็บเอาไว้เท่านั้น แต่เรื่องของการจัดการ คือการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ดังนั้น เป็นโอกาสดีอย่างยิ่งที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพการประชุมระดับภูมิภาคอาเซียนด้านความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้สำหรับการทำงานการดูแลและจัดการเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพร่วมกันในภูมิภาคนี้” พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรฯ ในฐานะเจ้าภาพ กล่าวถึงความสำคัญของการประชุมที่จะเกิดขึ้น

ประเด็นสำคัญในการประชุมครั้งนี้ จะเป็นการหารือ ติดตามกรอบการดำเนินงาน ทบทวนปัญหาอุปสรรคและทิศทางของแผนการดำเนินงานและโครงการความร่วมมือต่างๆ ที่เป็นความท้าทายในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพของอาเซียน อาทิ ธุรกิจกับความหลากหลายทางชีวภาพ, การดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และเป้าหมายไอจิ ค.ศ.2011-2020 ของประเทศสมาชิกอาเซียน, วาระแห่งอาเซียนด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ, กลไกทางการเงินเพื่อการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ, การบูรณาการเรื่องความหลาก หลายทางชีวภาพ เข้าสู่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น การเกษตร ป่าไม้ ประมง และภาคส่วนอื่นๆ เช่น การท่องเที่ยว เหมืองแร่ อุตสาหกรรม และภาคส่วนที่มีผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ, การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นต้น

ที่สำคัญ ประเทศไทยจะผลักดันและส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ระหว่างกัน ในเรื่องการจัดการพื้นที่คุ้มครองข้ามพรมแดน การจัดการพืชป่า สัตว์ป่า ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน ประเด็นอุบัติใหม่ เช่น โรคติดต่อข้ามพรมแดน

รวีวรรณ

นางรวีวรรณ ภูริเดช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กล่าวว่า เป้าหมายหลักของการประชุม คือ ลดความสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งมีสาเหตุหลายประการ ทั้งการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการผลิตและบริโภค ที่ทำการเกษตรแบบมุ่งเน้นการค้า มีการผลิตสายพันธุ์เดียวโดยละทิ้งสายพันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิม มีการใช้สารเคมีมากขึ้นในการเกษตร การทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของสัตว์นานาพันธุ์ เช่น การทำลายป่า การล่าสัตว์ การอพยพหนีภัยธรรมชาติของสัตว์ รวมทั้งมีการนำทรัพยากรธรรมชาติไปใช้ประโยชน์มากเกินไป และการตักตวงผลประโยชน์จากชนิดพันธุ์ของพืชและสัตว์ป่า เพื่อผลประโยชน์ทางการค้า โดยการค้าขายสัตว์และพืชป่าแบบผิดกฎหมาย เป็นต้น โดยครั้งนี้ จะเน้นการเข้าถึงการแบ่งปันผลประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพหรือการพึ่งพาอาศัยกันแบบยั่งยืน

“ประเทศไทยจะโชว์ตัวอย่างการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพที่คนกับทรัพยากรอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน เช่น วิถีชีวิตของชาวประมงพื้นบ้านในลุ่มน้ำบางปะกง การทำวนเกษตรใน จ.ฉะเชิงเทรา หรือเรื่องการทำธุรกิจแบบพึ่งพาระหว่างวิถีชาวบ้าน วัฒนธรรม การจัดการทรัพยากร ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และการจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์ อุทยานฯ เขาใหญ่กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว” เลขาธิการ สผ. ระบุตบท้าย

“ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม” มองว่าการประชุมครั้งนี้จะเป็นโอกาสดีของประเทศไทยที่จะได้แสดงศักยภาพในเรื่องของความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงการเป็นผู้นำความร่วมมือระหว่างประเทศอาเซียน

ที่สำคัญคือต้องไม่ลืมว่า ความหลากหลายทางชีวภาพมีความสำคัญกับชีวิตของประชาชนที่ต้องอยู่อย่างสอดคล้องปรองดองกับธรรมชาติ ทั้งการอนุรักษ์ ฟื้นฟูและใช้ประโยชน์จากความหลากหลายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อหยุดยั้งการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ

สุดท้ายเราขอฝากความหวังกับการประชุม “ACB 2016” ครั้งนี้ ว่า ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพ จะสามารถโน้มน้าวให้ประเทศสมาชิกอาเซียนตระหนักถึงการดูแลและจัดการให้เกิดการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับความหลากหลายทางชีวภาพได้อย่างยั่งยืน

สำคัญที่สุดคือการช่วยกันลดความสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพได้อย่างเป็นรูปธรรมพร้อมแปรความหลากหลายทางชีวภาพให้เป็นต้นทุนทางเศรษฐกิจได้อย่างสมดุล.

ทีมข่าวสิ่งแวดล้อม

วท.ทุ่ม 18 ล้านลงพื้นที่จัดการขยะล้น ‘เกาะสีชัง’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/574180

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 8 ก.พ. 2559 05:30

 

รศ.ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยว่า วท.ร่วมกับเทศบาลตำบลเกาะสีชัง จ.ชลบุรี และมหาวิทยาลัยสุรนารี ทำโครงการบริหารจัดการขยะชุมชนเทศบาลตำบลเกาะสีชัง อ.สีชัง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความสำคัญทั้งทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยมีนักท่องเที่ยวหลักแสนต่อปี มีปริมาณขยะประมาณ 12-15 ตันต่อวัน และเพิ่มเป็น 15-17 ตันต่อวันในช่วงวันหยุดและเทศกาล ปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของธุรกิจการบริการเพิ่มมากขึ้นเกินกว่าศักยภาพของหน่วยงานท้องถิ่นจะรับมือไหว วท.จึงส่งองค์ความรู้จากโครงการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการบำบัด ขยะมูลฝอยด้วยวิธีการออกแบบเชิงกลและชีวภาพ โดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เข้าสู่พื้นที่เพื่อบริหารจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพถูกหลักสุขาภิบาล โดยใช้งบประมาณ 18.23 ล้านบาท

ปลัด วท.กล่าวอีกว่า ทั้งนี้จะสามารถบริหารจัดการขยะมูลฝอย 15 ตันต่อวัน ทั้งการคัดแยก การนำกลับมาใช้ซ้ำและการรีไซเคิลเป็นเชื้อเพลิงขยะและปุ๋ยอินทรีย์ สุดท้ายคือนำไปสู่การพึ่งพาตนเองในการจัดการขยะได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด โดยในวันที่ 10-11 ก.พ.นี้ ตนจะลงพื้นที่เกาะสีชัง เพื่อติดตามความก้าวหน้าของโครงการและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ด้วย.

ทส.ตั้ง กก.ต้านโกง-แต่งตั้งโปร่งใส

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/573009

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 5 ก.พ. 2559 05:45

 

น.ส.ภาวิณี ปุณณกันต์ อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ประธานคณะทำงานประชาสัมพันธ์กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบในหน่วยงานของรัฐ ดังนั้น ทส.จึงร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และมูลนิธิต่อต้านการทุจริต ลงนามความร่วมมือป้องกันแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบในหน่วยงานสังกัด ทส. 4 ประการ คือ 1. การป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบ โดยส่งเสริมการสร้างค่านิยม ปลุกจิตสำนึก ในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต 2. การป้องปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ โดยให้ความรู้ และสร้างทักษะการติดตามตรวจสอบแผนงานโครงการรวมทั้งเรื่องร้องเรียนต่างๆให้เป็นไปอย่างโปร่งใส 3. การปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย หากตรวจสอบพบว่ามีการละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือทุจริตประพฤติมิชอบจะส่งเรื่องให้หน่วยงานที่มีอำนาจรับผิดชอบพิจารณาทันทีและ 4. ให้จัดตั้งคณะกรรมการร่วมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนกำกับ ดูแล ป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ

น.ส.ภาวิณีกล่าวต่อว่า ความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ของ ทส.ในการพัฒนาบุคลากรและหน่วยงานในสังกัดให้มีความโปร่งใส ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชันและสามารถปกป้องทรัพยากรธรรมชาติไม่ให้ถูกบุกรุกทำลาย ซึ่ง พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทส. ได้สั่งการเรื่องการแต่งตั้ง ทุกตำแหน่งต้องโปร่งใสเป็นธรรม สนับสนุนคนดี ขณะเดียวกัน ต้องลงโทษคนผิดอย่างเด็ดขาดทันที.

‘เด็กเส้น’ชิงผอ.ทสจ.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/570601

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 31 ม.ค. 2559 05:40

 

ล้วนคนสนิทระดับบิ๊กบางรายยังมีคดีคาอยู่ ยอด137คน-เอาแค่18

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เผย 137 ชื่อผู้มีสิทธิเข้าชิงซี 9 ตำแหน่ง ผอ.ทรัพยากรฯจังหวัด (ทสจ.) ที่ต้องคัดให้เหลือ 18 คน พบเด็กนายมาเพียบ ขณะที่ “ธัญญา เนติธรรมกุล” มั่นใจกรณีตั้งอดีตหัวหน้าอุทยานฯสิรินาถ จ.ภูเก็ต อดีตหน้าห้องรุ่นเดียวกันที่ถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงและถูกดีเอสไอชี้มูลความผิด เป็นกรรมการดูแลเขาหัวโล้น เจ้าตัวอ้างแค่ถูกตั้งข้อกล่าวหา ยังไม่มีความผิด

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 30 ม.ค.ว่านายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการสัมภาษณ์เพื่อดำรงตำแหน่งอำนวยการระดับสูง คือ ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) ระดับ 9 สังกัดสำนักงานปลัดฯ จำนวน 137 คน เพื่อคัดให้เหลือ 18 คน ปรากฏว่าในจำนวน 137 คน มีบุคคลที่ได้ชื่อว่าใกล้ชิดกับผู้ใหญ่และผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรฯ อาทิ นายเกษมสันต์ จิณณวาโส นายธัญญา เนติธรรมกุล รองอธิบดี รักษาการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช รวมทั้งนายมนต์สังข์ ภู่ศิริวัฒน์ หัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานรัฐมนตรี ฯลฯ อาทิ นางสิริมณี ชุมเรียง นายณัฐพล รัตนพันธุ์ นายเกรียงศักดิ์ ถนอมพันธ์ นายธัญนรินทร์ ณ นคร จากกรมอุทยานฯ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นคณะวนศาสตร์ รุ่น 47 กับนายธัญญา เนติธรรมกุล นายสว่าง กองอินทร์ กรมอุทยานฯ นายมโนชญ บุณยานันต์ นายสมคิด ตั้งประเสริฐ นายเปลื้อง รัตนฉวี นายวุฒิศักดิ์ นราพันธ์ นายสาโรจน์ ดวงบุบผา จากสำนักปลัดฯที่ถูกระบุว่า มีความใกล้ชิดกับนายเกษมสันต์ ส่วนที่ใกล้ชิดกับนายมนต์สังข์ อาทิ นายพีระ ช่วยบำรุง นายบุญชู อยู่ภู่ นายเมืองแมน เกิดนานา ซึ่งจบจาก โรงเรียนป่าไม้แพร่ รุ่น 25 ด้วยกันจากกรมอุทยานฯ

นอกจากนี้ยังมี นายนิธิวุฒิ ระวิวรรณ สำนักงานปลัดฯที่มีนามสกุลเดียวกับ น.ส.สุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายสุรพจน์ กาญจนสิงห์ จากกรมอุทยานฯ เพื่อนคณะวนศาสตร์ รุ่น 43 กับนายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ รวมทั้งยังมีรายชื่อของข้าราชการที่มีชื่อเสียง อาทิ นายสุเมธ สายทอง อดีตหัวหน้าอุทยานฯ หมู่เกาะเสม็ดฯ นายบุญสืบ สมัครราช ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 กระบี่ นายวัฒนพงษ์ สุกใส อดีตหัวหน้าอุทยานฯ อ่าวพังงา เป็นต้น

อย่างไรก็ดี นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ กล่าวว่า รายชื่อผู้มีสิทธิสอบเป็น ทสจ.ไม่ได้เป็นคนกลุ่มไหนหรือคนของใคร การเสนอชื่อผู้มีสิทธิเป็นไปตามกระบวนการที่แต่ละจังหวัดเสนอเข้ามา ส่วนการคัดเลือกก็ต้องดูอาวุโส ความเหมาะสม โดยจะมีการสอบสัมภาษณ์ในวันที่ 4-12 ก.พ.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การคัดเลือกข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง ทสจ.ก่อนหน้านี้เคยเกิดปัญหาจนเป็นข่าวครึกโครมเมื่อช่วงปลายปี 2558 ที่ผ่านมา หลังจากนายธัญญา มีคำสั่งให้นายสมหมาย กิตติยากรและนายอดิศร นุชดำรงค์ 2 รองอธิบดีกรมอุทยานฯ ออกจากการเป็นคณะกรรมการคัดเลือกข้าราชการเพื่อเสนอรายชื่อเข้ารับการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทอำนวยการสูง (ซี 9) นอกจากนี้ นายธัญญา ยังมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการป่าต้นน้ำเสื่อมสภาพบนพื้นที่สูงชัน (เขาหัวโล้น) มีนายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้ตรวจราชการกรมอุทยานฯ เป็นประธานและมีคณะกรรมการ จำนวน 22 คน ปรากฏว่า 1 ในคณะกรรมการมีชื่อของนายจรวย อินจันทร์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ อดีตหัวหน้าอุทยานฯ สิรินาถ จ.ภูเก็ต และเป็นอดีตหน้าห้องนายธัญญา รวมทั้งเป็นเพื่อนคณะวนศาสตร์ รุ่น 47 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กับนายธัญญา ที่ถูกกรมอุทยานฯ ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงและล่าสุดถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม ชี้มูลความผิดข้อหาร่วมกันออกเอกสารสิทธิในอุทยานฯ สิรินาถ โดยมิชอบรวมอยู่ด้วย

กระนั้นเมื่อสอบถามเรื่องนี้ นายธัญญาก็กล่าวว่า การแต่งตั้งนายจรวยเข้ามาดูแลโครงการเขาหัวโล้น เพราะขณะนี้นายจรวยยังถือว่าไม่ได้มีความผิด เป็นเพียงแค่ถูกตั้งข้อกล่าวหา แต่ถ้าผลการสอบสวนพบว่ามีความผิด ตนก็จะไม่ปกป้องก็ให้เป็นไปตามกระบวนการ แม้นายจรวยจะเป็นเพื่อนของตนก็ตาม