ท้าวทองกีบม้ามากกว่าแค่อาหารไทย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/593191

โดย Gourmet & Cuisine 29 มี.ค. 2559 16:01

ท้าวทองกีบม้ามากกว่าแค่อาหารไทย

หากแดจังกึมได้ชื่อว่าเป็นห้องเครื่องของโชซอน ท้าวทองกีบม้า หรือ Marie Guimar ก็เปรียบได้กับห้องเครื่องของอยุธยา หลายคนรู้จักชื่อของท้าวทองกีบม้าในฐานะคนที่ริเริ่มทำฝอยทอง ทองหยิบทองหยอด ไม่เพียงเฉพาะของหวานเท่านั้น ท่านยังได้ทิ้งมรดกไว้ให้วงการอาหารไทยไม่น้อย

เชฟแวน-อายุษกร อารยางกูร หนึ่งในหุ้นส่วนร้าน 4Garcons ที่เคยลองผิดลองถูกกับ Joe’s Table ร้านอาหารไทย-เวียดนาม เล่าถึงคอนเซปต์ร้านว่า “ชื่อสื่อถึงอาหารไทย แต่เราไม่ได้มีแต่อาหารไทย เรานำเสนออาหารอาเซียน ต่อยอดจากโจเทเบิล เราเดินทางไปเที่ยวไปกินแล้วก็จดจำรสชาตินั้น เหมือนที่เราทำกับ 4Garcons เน้นรสชาติดั้งเดิม ไม่ปรับเป็นรสไทย กินที่นี่ต้องเหมือนกับกินที่ต้นกำเนิด” นอกจากเดินทางไปค้นหารสชาติของภูมิภาคเออีซีแล้ว เชฟแวนยังนำเอาสูตรอาหารประจำบ้านของตัวเองและเชฟโจใส่ลงไปในเมนูอาหารด้วย

อาหารอาเซียนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันในเรื่องการใช้เครื่องเทศ แตกต่างกันเพียงสัดส่วนในการใช้ อาหารหลายจานของแถบนี้จึงดูคล้ายคลึงกัน Cha Kuay Tiew อาหารมาเลย์ ที่ว่ากันว่าเกือบแซงหน้าผัดไทยของบ้านเรา คล้ายกับก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ผสมกับผัดซีอิ๊ว จุดเด่นอยู่ที่ซอสดำที่ทำจากกะปิผัดกับเครื่องอื่นๆ เส้นใหญ่ หอยแครง กุ้ง ปลาหมึก ปลาหมึกกรอบ และกุนเชียง รสเผ็ดนิดๆ มีกลิ่นกะปิอ่อนๆ และแปลกตรงที่รสชาติของหอยแครง อีกจานมาจากบาหลี Bebek MG เป็ดกรอบที่ลองผิดลองถูกทำแบบดั๊กกงฟีก็ไม่เหมือน จนได้สูตรสำเร็จด้วยการหมักซอสแล้วนึ่งก่อนนำมาทอดน้ำมันท่วมร้อนให้กรอบนอกฉ่ำใน กินกับข้าวมันที่หอมกะทิ ซัมบาลที่เพิ่มรสเปรี้ยวเข้าไปให้กลมกล่อมขึ้น

อาหารไทยเด่นๆ เรายกให้ ปลาร้าทอดทรงเครื่อง สูตรอาจารย์คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งทางบ้านเชฟโจสนิทสนมจึงได้สูตรมา ปลาร้าปลาช่อนแกะก้างผสมกับเครื่องแกงเขียวหวานแล้วซอยแทนการตำ ใส่กะทิแล้วทอด รสชาติจัดจ้าน กินแล้วนึกถึงหนังสือน้ำพริกของอาหม่อม ข้าวมันส้มตำ มาพร้อมกับข้าวหุงกะทิ แกงแดงไก่ และน้ำพริกมะขามเปียก ขนมจีนน้ำพริก สูตรนี้ใช้ถั่วทองผสมมะขามเปียกและน้ำมะกรูด รสชาติเปรี้ยวกลมไปกับหวาน จานสุดท้ายจากบ้านเชฟโจ มัสมั่นหางวัว น้ำขลุกขลิกรสไม่หวาน เนื้อหางวัวนุ่มเคี้ยวง่าย

อีกสิ่งห้ามพลาดคือของหวาน ปลากริมไข่เต่า ปลากริมในน้ำกะทิเคี่ยวน้ำตาลให้ออกไหม้หน่อย กับไข่เต่าทรงกลมเคี้ยวหนึบในน้ำกะทิรสเค็มปะแล่ม

พิกัดความอร่อย : 113 Oakwood Residence ซอยทองหล่อ 17 ถนนสุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
เปิดบริการ 10.00-22.00 น.
โทร. 0-2712-8036
ราคา 80-650 บาท
รับบัตรเครดิต VISA และ Master Card

ที่มา – Gourmet & Cuisine
www.gourmetandcuisine.com

ถูกและดีมีอยู่จริง! สเต๊ก – สปาเกตตี 5,800 สตางค์ อร่อยง่ายหลังเลิกงาน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/596256

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 27 มี.ค. 2559 14:30

 

ยามเย็นแดดร่มลมตก อากาศร้อนเริ่มคลายตัว สายลมแห่งฤดูร้อนโชยมาเบาๆ มองหาเมนูหลังเลิกงานเพื่อไปสังสรรค์กันเบาๆ ในราคาสบายกระเป๋า แนะนำร้านสเต๊กแนวๆ ฝีมือคนไทย
 
เนื้อสเต๊กนุ่มๆ ชิ้นโตๆ ทั้งพอร์คชอป หรือ เนื้อริบอาย รสชาติถูกปากสไตล์ไทยๆ เพราะเข้มข้นไปด้วยเครื่องเทศร้อนแรง หรือจะเป็นเมนูเคียงอย่างสปาเกตตีหน้าต่างๆ แนะนำให้ลองมาชิมร้านนี้ค่ะ “ตุ๋งสเต๊ก”

จานแรกแนะนำนี่เลย หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบชีส หอยแมลงภู่ตัวโต๊โตเกือบเท่าฝ่ามือ ปรุงรสด้วยเนยสด กระเทียมและพาสลีย์สับละเอียด ราดด้วยซอสมะเขือเทศตามด้วยน้ำเกรวี่นิดหน่อย และโรยหน้าด้วยมอสซาเรลล่าชีส ก่อนนำไปอบ จนชีสละลายเยิ้มๆ ออกสีเหลืองอ่อนๆ กลิ่นหอมยั่วน้ำลายมาแต่ไกล

จานต่อไปเป็นเมนูเส้นรสเด็ด ปลาหมึกชิ้นโต กุ้ง หอย กระเทียม พริกแห้ง และเครื่องปรุงคลุกเคล้าให้สุกเข้ากัน ด้วยฝีมือเชฟที่คนแบบรัวๆ กับไฟร้อนๆ เมื่อทุกอย่างเข้าที่ก็นำเส้นสปาเกตตีเส้นเหนียวนุ่มลงคลุกเคล้า ราดด้วยซอส พริกไทย และน้ำเกรวี่ ตามด้วยใบโหระพา อื้มมมม…รสชาติแซ่บ เผ็ดร้อน อร่อยเต็มๆ คำสำหรับสปาเกตตีขี้เมาทะเล

มาถึงเมนูไฮไลต์ เนื้อหมูสันนอกติดกระดูกหมักด้วยเครื่องปรุงจนเข้าเนื้อ ถูกนำมาทอดจนสุก เนื้อหนานุ่มชุ่มฉ่ำเครื่องเทศและเนยสด ราดด้วยน้ำเกรวี่รสชาติเข้มข้นสูตรของร้าน ให้รสเผ็ดและหอมพริกไทยดำอ่อนๆ ทานกับมันบดสูตรพิเศษของทางร้าน ที่ผสมกันอย่างลงตัวกับนม เนย ครีมเทียม และพริกไทย ทานคู่กับสเต๊กหมูพอร์คชอป เข้ากั๊น เข้ากัน

เมนูเหล่านี้ราคาเริ่มต้นที่ 5,800 ค่ะ ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ จานนี้เริ่มต้น 5,800 สตางค์ หรือ 58 บาทค่ะ เห็นราคาย่อมเยาแบบนี้ แต่ทุกๆ เมนูได้คัดสรรวัตถุดิบอย่างดี ซึ่งเจ้าของร้าน “พี่ตู่” ลินดา อุตตะมะ บอกว่า ที่ร้านเข้าใจความต้องการของลูกค้าจึงเลือกใช้ของดีมีคุณภาพ และราคาเป็นกันเอง ด้วยความที่เป็นร้านโอเพ่นแอร์ ในบรรยากาศสบายๆ จึงนำต้นทุนไปลงกับวัตถุดิบชั้นดี

ลินดา อุตตะมะ

ใครสนใจอาหารฝรั่งสไตล์ไทย แวะไปชิมได้ที่ “ตุ๋งสเต๊ก” ทั้งหมด 3 สาขา ปากซอยลาดพร้าววังหิน 18 ซอยนวมินทร์ 111 และปากซอยนาคนิวาส 23 เลือกไปอิ่มอร่อยใกล้บ้านได้เลย เปิดบริการตั้งแต่ 16.00-23.00 น.

ชมคลิป

แกงขี้เหล็กร้านบัวตองของอร่อยเมืองสิงห์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/596496

โดย คุณชาย 4 27 มี.ค. 2559 05:01

 

วันอังคารที่ผ่านมา คุณชายสี่ตั้งใจไปไหว้หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน ขับไปเห็นป้ายร้านข้าวแกงบัวตอง ริมถนนเอเชีย กม.69 บรรยากาศดูโล่งโปร่งดี แวะเข้าไปจอด

ร้านนี้เลขที่ 174 หมู่ 3 ตำบลบ้านหม้อ อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี เจอสองเจ้าของ ศุลีพร ภู่วิจิตร พี่เล็ก อายุ 53 ปี บัวตอง ภู่วิจิตร พี่บัวตอง อายุ 49 ปี ยืนดูแลลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย

พี่เล็กบอกว่า ร้านข้าวแกงบัวตองเปิดที่นี่มาได้ 2 ปี เมื่อ 10 กว่าปีก่อน เช่าที่อยู่ในปั๊มน้ำมันอำเภอไชโย พอขายดี เจ้าของขอทำเอง บอกให้เราออกล่วงหน้า 6 เดือน ยังไม่ทันถึงเวลา เราต้องไปหาที่ใหม่

พี่บัวตอง น้องสะใภ้อาสาเล่าต่อ มาซื้อที่ตรงนี้ได้ ก็ทำใหม่หมด ทั้งถมที่ ก่อสร้างอยู่ร่วมปี เรามีประสบการณ์มาก่อนเลยรู้ว่าต้องทำยังไง เน้นสร้างแบบโล่งโปร่ง และเราก็พักอยู่ที่นี่

ตอนสร้างก็เอาป้ายไปปักไว้ว่า ข้าวแกงบัวตองย้ายมาอยู่ที่ กม.69 จะเปิดวันที่ 27 มีนาคม 2557

พอถึงวันเปิดนึกว่าคนจะน้อย แต่ผิดคาดลูกค้าเดิมๆที่ติดใจในรสมือ ที่ตามมากิน

พี่บัวตองขอคุยว่า ข้อดีของร้านเราทำกับข้าวกันเอง ทำวันละ 35 อย่างทุกวัน

ไม่อยากกินข้าวแกง อย่างอื่นก็มี ต้มเลือดหมู ข้าวมันไก่ ก๋วยเตี๋ยว

พี่เล็กบอกว่า เราทำอาหารแบบนี้ตลอด เพราะบางคนอาทิตย์หนึ่งมาครั้ง เดือนมาครั้ง ปีมาครั้ง เราวนอยู่สามสี่อย่าง เปลี่ยนบ้างอย่างสองอย่าง วันเสาร์ อาทิตย์

ถ้าหมดจะทำเพิ่มสองสามรอบ ส่วนวันธรรมดาตอนบ่ายก็เงียบ

เมนูวันที่คุณชายสี่เจอ พี่เล็กขอเสนอแกงขี้เหล็ก ซึ่งพิเศษกว่าที่อื่น ตรงไม่ขม

เคล็ดลับคือต้มน้ำให้เดือดก่อน แล้วใส่เกลือ ใส่น้ำตาลนิดหน่อย ทุบตะไคร้ใส่ไปสองสามต้น พอน้ำเดือดก็เอาใบขี้เหล็กขึ้นมาซาวๆแล้วก็บีบ ลองชิมดู ถ้าขมก็ต้มอีกรอบ ต้มจนกว่าจะหายขม

วิธีแกงก็เหมือนแกงปกติทั่วไป มีตะไคร้ พริกแห้ง หอม กระเทียม ข่า ผิวมะกรูด กะปิปั่นเป็นเครื่องแกง จากนั้นตั้งกระทะใส่น้ำมันนิดหน่อย ถ้าจะให้แซ่บต้องตำกระเทียมกับพริกแดงลงไปผัด ตามด้วยเครื่องแกงเหยาะด้วยหัวกะทินิดหนึ่ง

พอกะทิแตกมันก็ใส่หางกะทิ ใส่หมูย่างลงไป ตามด้วยใบขี้เหล็ก ปรุงรสด้วยน้ำปลา แล้วใส่ปลาช่อนย่างป่น ถ้าไม่มีจะใช้ปลาสร้อยย่างให้กรอบ แล้วเอามาป่น

ใส่ลงไปจะมีกลิ่นหอม พอใกล้สุกก็เหยาะหัวกะทิ โรยปลาป่นอีกรอบ

พี่เล็กตักแกงขี้เหล็กลงในถ้วย กลิ่นความหอมเรียกน้ำย่อยขึ้นมาทันที

คุณชายสี่ตักแกงขี้เหล็กราดลงบนข้าวสวยร้อนๆตักเข้าปาก สิ่งแรกที่รู้สึกได้คือไม่มีรสขม บวกกับกลิ่นหอมของปลาย่างอ่อนๆรสชาติหวานมัน เผ็ดเล็กน้อย ต้องตักข้าวตามต่อไปอีกคำ

ตำราแพทย์แผนไทยมีการใช้ประโยชน์ของต้นขี้เหล็กในหลายๆด้าน เช่น ใช้แก้อาการท้องผูก บำรุงโลหิต บำรุงน้ำดี ช่วยทำให้เจริญอาหาร นอกจากนี้ขี้เหล็กยังมีสารบาราคอล ที่มีฤทธิ์ในการกล่อมประสาท และมีฤทธิ์เป็นยานอนหลับอ่อนๆทำให้นอนหลับสบาย

ต่อด้วยต้มเลือดหมู พี่เล็กบอกเราใช้กระดูกสันหลังและคาตั๊ง โขลกกระเทียม พริกไทย รากผักชีห่อด้วยผ้าใส่ลงไปตุ๋น แล้วก็ปรุงรส ตุ๋นให้นานน้ำจะออกหวาน แทบจะไม่ต้องเติมอะไร

“เราเลือกใส่เลือด ตับ และหมูนุ่มเป็นชิ้นๆ ส่วนกระเพาะล้างให้สะอาดด้วยการต้ม จะไม่มีกลิ่น และตัดปัญหาด้วยการไม่ใส่ไส้หมู ถ้าหน้าตำลึงเราจะใส่ตำลึง แต่ถ้าหน้าแล้งจะใส่ผักกาดหอมแทน”

พี่เล็กบอกว่า ที่เลือกหมูนุ่มเพราะไม่อยากให้เหมือนที่อื่น จากการที่คุณชายสี่ได้ชิมรสพิสูจน์ได้ว่าหมูนุ่ม นุ่มสมชื่อมาก พี่เล็กยังเน้นว่า พะแนงของร้านก็ใช้หมูนุ่มทำ

ตามต่อด้วยเมนูผัดเผ็ดปลาไหล เมนูนี้ขึ้นชื่อว่าแซ่บมาก พี่บัวตองบอก เราซื้อปลาไหลนาเป็นๆ เอามาทำเอง และต้องเป็นปลาไหลนาเท่านั้น เพราะเนื้อจะหนึบ ถ้าเป็นปลาไหลเลี้ยงเนื้อจะเละ

วิธีการทำให้หายคาวต้องล้างเกลือ ส่วนการปรุงก็ผัดแบบผัดเผ็ดทั่วไป ใส่พริก กระเทียมลงก่อนตามด้วยเครื่องแกงเผ็ด พริกไทยเม็ด ผัดให้นานและห้ามคนบ่อยเดี๋ยวจะคาว ปรุงรสใส่น้ำปลา พริกไทยอ่อน กระชาย พริกเขียวเม็ดใหญ่ ใบกะเพรา ถ้าพูดถึงรสชาติแล้ว อยากยกจานนี้เด็ดจริง ทั้งเนื้อปลาที่เด้งสดอร่อยลิ้นเหลือเกิน

เมนูสุดท้ายแกงปลาดุกใบยอ เมนูนี้พี่บัวตองขอคุยเอง เราสั่งให้ส่งปลาดุกหรือบิ๊กอุยตอนตีห้าครึ่ง จะไม่ซื้อมาแช่ไว้ ถ้าใช้ปลาค้างคืนเนื้อจะด้าน แกงแล้วเนื้อไม่เด้ง ไม่หวาน

ส่วนใบยอลวกแล้วสต๊อกน้ำเย็น ใบจะเขียวสวย น้ำแกงก็จะใส ถ้าใส่ไปทันทีจะดำ

วิธีทำ ใส่น้ำมันผัดพริกกระเทียม เอาเครื่องแกงลงไปผัดเหมือนกับแกงขี้เหล็ก ใส่หางกะทิ พอน้ำเดือดใส่ปลาดุกลงไป ปรุงรสใส่ใบยอที่เราน็อกน้ำเย็น พอเดือดก็ราดหัวกะทิ

“ร้านเราขึ้นชื่อเมนูผัดเผ็ดปลาดุก ปลาไหล เพราะใช้ปลาสด ปรุงใหม่ๆจะหอม เป็นเมนูที่ขายดีมากๆ ปลาไหลตอนนี้ก็หายาก กิโลละ 250-290 บาท ยังมีผัดเผ็ดหมูป่า ผัดเผ็ดนก ผัดเผ็ดกบ แกงคั่วหอยขม ยิ่งผัดผักรวมมิตรคนชอบมาก หน้าเทศกาลหรือเสาร์ อาทิตย์ทำจนนับไม่ถ้วน”

พวกดาราก็มากินบ่อย รถ ขสมก.ไหว้พระ 9 วัดจะแวะประจำ เช้ามืดพอเปิดไฟ รถก็เข้ากันเต็ม ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่หกโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น ลูกค้าหากไม่แน่ใจ ก่อนไป โทร.08-9815-0014

ร้านข้าวแกงบัวตองเน้นความสะอาด ปลอดโปร่งลมพัดเย็น อากาศดี ห้องน้ำสะอาด ที่จอดรถกว้าง

กินอิ่มก่อนขึ้นรถกลับ หน้าร้านบัวตองมีขนมถ้วย ขนมใส่ไส้ กล้วยทอด ยิ่งหมูทุบเจ๊แอ๋ว นั่งทุบใหม่ๆ ทั้งหมูทุบ หมูฝอย หมูสวรรค์ ทุกอย่างรับประกันความอร่อย ซื้อไปฝากใครถูกใจแน่นอน.

คุณชาย 4

ทองแดงกับเครื่องแกงเขียวหวาน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/595483

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 25 มี.ค. 2559 05:01

 

คนไทยนิยมทาน “แกงเขียวหวาน” คู่กับข้าวสวยหรือขนมจีนแกงเขียวหวาน เป็นภูมิปัญญาของคนไทยสมัยก่อนที่ประยุกต์จากแกงเผ็ดมาเป็น “แกงเขียวหวาน” ด้วยการใส่พริกสีเขียว คำว่า “แกงเขียว” จึงหมายถึงแกงที่มาจากพริกสีเขียว ส่วนคำว่า “หวาน” หมายถึงสีของแกงที่มีสีเขียวหวานละมุน

ด้วยความที่แกงเขียวหวานมีพืชสมุนไพร และเครื่องเทศเป็นส่วนประกอบหลายชนิด เช่น พริกขี้หนูเขียว ตะไคร้ ผิวมะกรูด ข่าแก่ รากผักชี กระเทียม หอมแดง ลูกผักชีคั่ว ซึ่งพืชสมุนไพรเหล่านี้ อาจมีโลหะหนักบางชนิด เช่น สารหนู ปรอท ตะกั่ว ทองแดง ปนเปื้อนอยู่ได้

โลหะหนักข้างต้นปนเปื้อนอยู่ในพืชผัก สมุนไพร ที่เป็นส่วนประกอบของเครื่องแกงเขียวหวานได้จากการใช้สารเคมีในระหว่างการเพาะปลูก เช่น จากปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง หรือจากกระบวนการเก็บเกี่ยว การเก็บรักษา และการขนส่งที่ไม่ถูกต้อง รวมถึงจากเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตอาจเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้โลหะหนักปนเปื้อนในเครื่องแกงเขียวหวานได้

ปกติ ร่างกายต้องการทองแดงเพียงเล็กน้อย แต่ก็มีความสำคัญที่จะขาดเลยไม่ได้ และร่างกายเราจะได้รับทองแดงจากน้ำดื่ม และการทานอาหารตามปกติ แต่หากได้รับในปริมาณมากเกิน อาจทำให้มีอาการอาเจียน อักเสบในช่องท้องและกล้ามเนื้อ ท้องเสีย การทำงานของหัวใจผิดปกติ และกดระบบภูมิคุ้มกัน

แต่หากได้รับติดต่อกันเป็นเวลานาน และตับทำหน้าที่บกพร่อง ร่างกายจะไม่สามารถขับทองแดงออกจากร่างกายได้ จะทำให้ทองแดงสะสมในร่างกายทำให้ร่างกายสั่นเทาอยู่ตลอดเวลา กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง มีน้ำมูกน้ำลายไหล ควบคุมการพูดลำบาก

วันนี้สถาบันอาหารได้เก็บตัวอย่างเครื่องแกงเขียวหวานสำเร็จรูปจำนวน 5 ตัวอย่าง จาก 5 ยี่ห้อ ในเขตกรุงเทพฯ เพื่อนำมาวิเคราะห์ปริมาณทองแดง

ผลวิเคราะห์ปรากฏว่า พบทองแดงปนเปื้อนในเครื่องแกงเขียวหวาน จำนวน 3 ตัวอย่าง แต่ปริมาณที่พบยังไม่เกินค่ามาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขไทย ที่กำหนดให้มีทองแดงปนเปื้อนได้ไม่เกิน 20 มิลลิกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม

วันนี้ ท่านที่ชอบซื้อหาเครื่องแกงเขียวหวานสำเร็จรูปมาปรุงทานที่บ้าน คงสบายใจกันได้.

บราวนี่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/594897

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 24 มี.ค. 2559 05:01

 

วันนี้มีสูตรของหวานมาเอาใจคนชอบขนมหวานบ้าง โดยเฉพาะคนที่ชอบช็อกโกแลต คงถูกใจไม่น้อย สำหรับ “บราวนี่” นั้นจะมีหลายแบบ สุดแล้วแต่ใครจะชอบทานแบบไหน แต่วันนี้จะเป็นแบบเนื้อหนึบและชุ่มฉ่ำด้วยช็อกโกแลต ซึ่งเจ้าของสูตรคือ คุณตั้ม-วรรณดาลักษณ์ เสตสุวรรณ แนะนำว่า ถ้าได้ทานควบคู่กับไอศกรีมจะอร่อยมากทีเดียว

คุณตั้มเคยเปิดโรงเรียนสอนเบเกอรี่ชื่อว่า “เลกาโต้ นูโว” โดยรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ที่เป็นเชฟ เพราะสมัยก่อนยังหาโรงเรียนให้การรับรองผู้ไปทำงานต่างประเทศไม่ได้ จึงเห็นช่องทางเพื่อเปิดโอกาสให้คนได้มีงานทำ โรงเรียนของเธอจึงเน้นฝึกงานโดยเฉพาะ แต่ปัจจุบันเธอหันมาเป็นซัพพลายเออร์ ผลิตขนมเบเกอรี่ตามออเดอร์ให้กับผู้ที่เปิดร้านเบเกอรี่อย่างครบวงจร โดยส่วนตัวคุณตั้มจะชอบทำขนมมาก และจากการที่มีเพื่อนเป็นเชฟ จึงเป็นโอกาสให้เธอได้เรียนรู้จากเพื่อนๆแบบครูพักลักจำ โดยมีลูกชายคนเล็ก (เขื่อน-ภัทรดนัย) เป็นแรงผลักดัน เพราะลูกคนนี้จะผูกพันกับคุณแม่มาก จะเห็นภาพแม่ลูกช่วยกันทำช่วยกันชิมขนมอยู่หน้าเตาอบตลอด จนบอกได้เลยว่าลูกชายคนนี้โตมากับกลิ่นนมกลิ่นเนยกลิ่นแป้งก็ว่าได้ และเมื่อเขาพร้อม จึงได้มาเปิดร้านขนม Creamy Buzzle ที่เซ็นทรัลลาดพร้าวชั้น 3 โดยมีคุณแม่เป็นผู้ควบคุมการผลิต และตัวเขาเองจะเป็นคนคุมคุณภาพอีกที โดยคุณแม่การันตีว่า ลูกชายมีต่อมรับรสที่ดีมาก บางครั้งที่เธอฝีมือเพี้ยนไปบ้าง ลูกชิมปุ๊บจะรู้ทันที และส่งขนมของเธอกลับคืนทันที ไม่ยอมให้หลุดออกไปให้เสียชื่อเลย

สำหรับบราวนี่สูตรคุณตั้ม ที่หน้ากรอบและเนื้อในจะเหนียวนุ่มชุ่มฉ่ำ ส่วนผสม : ดาร์กช็อกโกแลตสับ 200 กรัม/น้ำตาลทราย 200 กรัม/น้ำตาลทรายแดง 200 กรัม / ไข่ไก่ 8 ฟอง/ เนย 100 กรัม/แป้งเค้ก 75 กรัม/ผงโกโก้ 50 กรัม

วิธีทำ 1) ร่อนผงโกโก้รวมกับแป้ง 2) ละลาย เนย กับ ช็อกโกแลต ด้วยวิธีตุ๋น บนน้ำร้อน 3) ตีไข่กับน้ำตาลทั้งสองชนิดจนน้ำตาลละลายหมดด้วยตะกร้อมือ 4) ค่อยๆเทช็อกโกแลตที่ละลายไว้ทีละนิดๆ แล้วตีให้เข้ากันจนเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน 5) ใส่ส่วนผสมของแป้งกับโกโก้ แล้วตะล่อมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน 6) เตรียมถาดขนาด 25 × 39 ซม. ปูกระดาษ ให้ชายเกินขอบถาดออกมาข้างละ 1 นิ้ว เพื่อที่จะยกบราวนี่ออกมาจากถาดได้เลย แล้วเทส่วนผสมที่ตีเข้ากันลงในถาด 7) อบไฟ 180 ℃ ไฟล่างอย่างเดียวนาน 30 นาที เมื่อสุกทั่วกันแล้ว ยกถาดออกจากเตา รอให้เย็นสนิท แล้วแช่เย็นพออยู่ตัว ใช้มีดคมๆตัด แล้วแซะออกจากกระดาษ เสิร์ฟได้ทันที.

โอมากาเสะซูชิที่ MIZU

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/592331

โดย Gourmet & Cuisine 22 มี.ค. 2559 16:01

 

กลายเป็นอีกหนึ่งร้านซูชิโอมากาเสะที่น่าจับตามอง สำหรับ MIZU by San.Kyo.Dai แบรนด์ใหม่ในเครือซันเคียวได หลังจากดันจนโรลฟิวชันให้เป็นที่รู้จักกัน ทางร้านจึงถือโอกาสต่อยอดแนะนำให้ฟู้ดดี้อาหารญี่ปุ่นได้ลองทำความรู้จักกับซูชิโอมากาเสะสไตล์เอโดะมาเอะ

“ในสมัยเอโดะยังไม่มีตู้เย็นเหมือนสมัยนี้ คนญี่ปุ่นจึงหาวิธีเพื่อเก็บถนอมอาหารให้อยู่ได้นาน จึงเกิดวิธีการแช่โชยุ ห่อคอมบุ หมักสาเก หรือหมักเกลือ เพื่อยืดอายุให้ปลา ซูชิแบบเอโดะมาเอะ 80% จึงเป็นปลาที่ผ่านการเอจจิงด้วยวิธีการต่างๆ มาแล้ว” เชฟเอ็ม หนึ่งในเชฟของร้านเล่าถึงที่มา เราสงสัยว่า แล้วเชฟแต่ละคนจะปั้นซูชิออกมาต่างกันไหม “สูตรของการเอจจิงเหมือนกัน แต่ผมกับเชฟคริสโตเฟอร์ (เชฟซูชิอีกคน) ตกแต่งและปรุงรสต่างกัน ปลาบางชนิดผมปรุงด้วยยูซุ แต่เชฟคริสใช้ดาชิแทน”

เชฟแนะนำว่า ถ้ามากินซูชิโอมากาเสะ มื้อกลางวัน 12.30 น. มื้อค่ำ 18.30 น. จะเป็นช่วงที่ข้าวกำลังอร่อยที่สุด มีหลายราคาตามวัตถุดิบและจำนวนคำซูชิ (มื้อกลางวัน 1,300, 2,000 และ 3,000 บาท มื้อค่ำ 2,000, 3,500 และ 5,000 บาท) ให้บริการรอบละ 7 ที่นั่ง เราขอลองชิมด้วยการเริ่มที่ ฮิราเมะ ปลาตาเดียวตามธรรมชาติ เอจจิงเพียงวันเดียว อิกะ ปลาหมึกกระดองบั้งแล้วทาโชยุ ชูโทโร่ เอจจิงนาน 7 วัน ปั้นกับข้าวที่หุงด้วยน้ำส้มสายชูแดง ทาโชยุ ใส่หอมกับขิง คำนี้ใช้ข้าวแปลกกว่าคำอื่นแต่เข้ากับชูโทโร่ดี และคำสุดท้าย โคฮาดะ คำนี้วัดทักษะของเชฟ ถ้าดองน้ำส้มไม่ดีจะคาวมาก

ส่วนอะลาคาร์ตจานแรก Kaisen ข้าวหน้าปลาดิบรวม ชูโทโร่ บุรี แซลมอน อิกะ อามะเอบิ เนงิโทโร่ อุนิ และอิกุระ วัตถุดิบสดมาก เพราะเข้ามาเกือบทุกวัน อีกจาน Unajyu ข้าวหน้าปลาไหลย่างแบบแห้งๆ ขอบนอกกรอบแต่เนื้อยังชุ่ม กินกับไข่หวานซอย สาหร่าย และกระเจี๊ยบ

ปิดท้ายกับไอศกรีมตามฤดูกาลที่มีประจำ คิตแคตชาเขียว มีเนื้อคิตแคตแทรกกับชาเขียวรสขม ส่วนส้มยูซุกลิ่นส้มเข้มข้น และอุเมะชู หอมบ๊วย แต่ก็มีความขมนิดๆ ของเหล้าบ๊วย

พิกัดความอร่อย: ชั้น 1 ชาญอิสระทาวเวอร์ 1 ถนนพระราม 4 แขวงสุรวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ
เปิดบริการ 11.30-14.30 น. และ 17.30-22.00 น. (หยุดวันจันทร์)
โทร. 0-2632-6660
ราคา โอมากาเสะ 1,300-5,000 บาท อะลาคาร์ต 90-2,700 บาท
รับบัตรเครดิต VISA และ Master Card

ที่มา – Gourmet & Cuisine
www.gourmetandcuisine.com

“ล้านตำลึงทอง”…ร้านนี้มีดี เต้าหู้ทอดนิ้มนิ่มน้ำจิ้มปังมาก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/593179

โดย คุณชาย 3 20 มี.ค. 2559 05:01

 

“เต้าหู้ทอด” น้ำจิ้มทีเด็ด กับ “ไส้ทอด” อร่อยเว่อร์.

“เพชร”…เม็ดงามแม้ถูกฝังอยู่ในโคลนตม เมื่อมีคนไปพบเจอ “เพชร” ก็เป็น “เพชร”… อยู่วันยังค่ำ ยังเลิศล้ำมีคุณค่า

“ล้านตำลึงทอง” ถนนเทศบาลรังสรรเหนือ ซอย 10 ย่านประชาชื่น ด้วยเจ้าของร้านมีฝันอยากมีเงินล้าน ได้เงินตำลึงทองโบราณชูเมนู อร่อยสบายกระเป๋า เชื้อเชิญให้คุณมาลิ้มลองแล้ววันนี้ เมนูเด็ดสะระตี่มีมากมายหลากหลายต่อแถวแสดงความอร่อยให้เลือกสรร ค้นหาความงามชวนอร่อยลิ้น

ครอบครัว “พฤฒิปวีณ” ฝันอยากมีเงินล้าน.

เรียกน้ำย่อยกันหน่อย…ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เส้นเล็ก…ใหญ่…บะหมี่…เส้นหมี่…วุ้นเส้น บะหมี่กรอบต้มยำชามละ 40 บาท เล็กแห้งตำลึงทอง…เกาเหลาต้มยำ ชามละ 50 บาท วุ้นเส้นต้มยำทะเล ชามละ 65 บาท

ตัดฉับไปที่เมนูข้าว อาหารจานเดียว โอ้โห…โหววว ชวนหิวสุดๆ ข้าวราดปลาสามรส ข้าวผัดพริกใบยี่หร่าทะเล ข้าวหมูกรอบผัดพริกขิง ข้าวกะเพรากุ้ง…ทะเล ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ สุกี้กุ้ง… หมึก…ทะเล น้ำหรือแห้งก็ได้ ผัดไทยกุ้งสดผัดซีอิ๊ว-ราดหน้ากุ้ง…หมึก…ทะเลมาเต็มๆ แถมด้วย…โกยซีหมี่ รสชาติดั้งเดิมระดับตำนาน

ที่ว่ามาทั้งหมดนี้สนนราคาอิ่มอร่อยระดับติดดาว แต่จ่ายสบายกระเป๋า จานละ 65 บาทเท่านั้น

ระดมพลความอร่อย ก๋วยเตี๋ยวปลาเต้าซี่ โกยซีหมี่.

เหมือนสวรรค์อยู่ตรงหน้า ประเดิมเมนูด้วย “ก๋วยเตี๋ยวปลาเต้าซี่” ปลาชิ้นโตเต็มคำ เส้นก็นุ่มหอมลงตัวอร่อยสุดๆ เคียงคู่มากับ “โกยซีหมี่” หอมกรุ่น เส้นนุ่มๆ จนต้องไถ่ถามที่มาที่ไป กับ ภรนน พฤฒิปวีณ พ่อครัววัย 46 ปี ผู้ที่เก็บเกี่ยววิชาตะหลิวทองคำสั่งสมประสบการณ์มาจนกลั่นออกมาเป็นเมนูเด่นคู่ล้านตำลึงทอง

เมนูนี้…กว่าจะได้มาต้องผ่านด่านอรหันต์ทำงานในร้านอาหารกับร้านราดหน้าเต้าซี่ปลา โกยซีหมี่ เฉพาะทางเกือบ 2 ปี เด็ดพิเศษอย่างไร…? ต้องเริ่มจาก “เส้น” ต้องผัดให้หอม ให้เกรียม แล้วก็รสชาติจะได้ตรงที่เราหมักไก่ให้รสชาติกลมกล่อม ผัดแล้วจะมีกลิ่นหอมออกมาโดดเด่น เทคนิคผัดเหมือนผัดผักบุ้งไฟแดง ไฟลุกได้รมควัน

“คนจีนจะชอบ เพราะเป็นสไตล์อาหารจีน ราดหน้าเต้าซี่ก็ได้มาจากที่เดียวกัน การผัดเส้นเป็นสิ่งสำคัญ แล้วพริกเวลาเอาลงไปผัดกับน้ำมัน ต้องให้ไหม้นิดๆจะได้มีกลิ่นของพริกหวานหอมชวนกินมากขึ้น”

ส่วน “ปลา” จะใช้เนื้อปลากะพง ผัดปรุงรส ใส่เต้าซี่ เหล้าจีนนิดหน่อย ได้กลิ่นหอม เพียงเท่านี้ก็เด็ดพร้อมเสิร์ฟ…สองเมนูเปิดความอร่อย ถือเป็นเมนูขายดีของร้าน เป็นเมนูหลัก ใครมาก็ต้องสั่ง

แต่ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “เต้าหู้ทอด” จุดขายสำคัญที่ไม่อยากจะบอกก็ต้องบอกย้ำให้แน่นหนักว่า…ถ้าไม่ได้สั่ง เหมือนมาไม่ถึงนะจะบอกให้ สั่งเป็นเมนูเรียกน้ำย่อย เป็นออเดิร์ฟทานเล่น

“เต้าหู้”…ล้านตำลึงทองใช้เต้าหู้สด จะมีความพิเศษโดดเด่นด้วยความหอมของถั่วเหลือง เนื้อจะนิ่มๆ…ถึงนิ่มมากๆ ไม่แข็งแบบแตกต่างจากเต้าหู้ทั่วไป หั่นเป็นสี่เหลี่ยมขนาดแน่นพอคำเคี้ยวได้สะใจเต็มปาก

เวลาจะทอดก็มีเคล็ดลับ ทอดออกมาแล้วเต้าหู้จะฟู ความกรอบจะเฉิดฉายอยู่ด้านนอก ส่วนเนื้อในจะซ่อนความนุ่มชุ่มฉ่ำละมุนลิ้นเอาไว้อยู่ด้านใน

“ล้านตำลึงทอง” ย่านประชาชื่น.

“น้ำจิ้ม” เนื้อคู่ที่ขาดไม่ได้ สูตรพิเศษเฉพาะดั้งเดิม “ล้านตำลึงทอง” ไม่เหมือนกับทั่วไป พิเศษแตกต่างด้วยการใช้น้ำจิ้มบ๊วยเค็ม กับน้ำมะขามเปียกที่สั่ง ตรงมาจากต่างประเทศ สปป.ลาว

พระเอก…นางเอก ลีลาเร้าใจ เด็ดสุดๆ… อย่างไร พูดไปใครจะไปเชื่อ โปรดมาลองกันเอง

แล้วก็มาถึงอีกเมนูทอด แต่น…แตน…แต๊น “ไส้ทอด” ครับท่าน ใครที่ได้ลองจะรู้ซึ้งแบบทันที ถึงรสชาติความอร่อยที่แตกต่างยากจะบรรยาย ลองแล้วจะต้องกลับมาลองอีกแน่นอน คุณชาย 3 ฟันธงไว้ล่วงหน้า

พิเศษไส้ทอด คนกิน จะรู้เลยว่าพิเศษอย่างไร พอจะเอาเคล็ดลับมาเล่าสู่กันฟังไปพลางๆรอเมนูสุดท้าย …ฮ้า…ไฮ้

“ไส้ทอด” ที่ว่านี้ไม่ได้มาจากสูตรต้นตำรับที่ไหน แต่มาจากประสบการณ์ส่วนตัวของพ่อครัวล้วนๆ กระบวนการทำต้องเอาไส้หมูที่ล้างทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วมาตุ๋นก่อนเพื่อให้ไส้ได้ที่

ต้องบอกก่อนนะว่าไม่เหมือน “ไส้พะโล้” …ทั่วไป กินจะรู้เลยว่าไม่ใช่ไส้พะโล้ทอดกรอบ แต่จะเป็นไส้ทอดกรอบที่ให้รสชาติอร่อยกรอบ ขนาดเก็บไว้นานๆก็ยังคงความกรอบอยู่ได้

ที่สำคัญ “ไส้ทอด” ของเขาไม่คาวแม้แต่นิดเดียว จิ้มกับซอสหวาน แกล้มกับขิงดอง แก้เลี่ยน พระเดชพระคุณเอ๊ย…รับประกันความอร่อยเด็ดสุดๆ ถ้าได้จิบอะไรเย็นๆไปด้วยล่ะก็ สุดจะฉ่ำหัวใจจริงๆ

“ผัดไทยกุ้งสดไข่เค็ม” เมนูอภิมหาอร่อย.

เมนูอภิมหาอร่อยสุดท้าย “ผัดไทยกุ้งสดไข่เค็ม”…โอ้แม่เจ้า! เพิ่งเคยเจอครั้งแรกในชีวิต

กลิ่น หอมมม…โชยมาแต่ไกล เส้นหนึบนุ่มกำลังดี ถั่ว พริก…คั่วมาอย่างหอม บีบมะนาวลงไปคลุกเคล้า รสชาติเป๊ะเว่อร์ ถูกใจ…เสียจริงๆ พ่อครัวล้านตำลึงทองคุยให้ฟังว่า แรกเริ่มเดิมทีเมนูนี้ก็มาจากเมนูผัดไทยธรรมดานี่แหละ แต่ได้แรงบันดาลใจจนเกิดเมนูใหม่เป็นพระเอกประจำร้านขึ้นมาจนได้

ครั้งหนึ่ง…พี่ชายเอาไข่เค็มมาให้เป็นของฝาก เป็น “ไข่เค็ม”…ที่ยังมีน้ำอยู่ไม่เค็มเข้าเนื้อ ยังไม่ได้ต้ม นึกอยากจะลองดูว่า ถ้าเอาไข่ที่มีอยู่ไปผัดไทยไข่เค็มก็น่าจะดี คุยกับพี่ชายว่าจะลอง “ผัดให้มาชิมกัน ปรากฏว่ารสชาติออกมาดีเกินคาด…ใช้ได้ทีเดียว ก็เลยออกเป็นเมนูประจำร้านอย่างที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้”

ตั้งแต่วันนั้นมาก็ติดเป็นเมนูแนะนำประจำร้าน เสียงตอบรับดีมากๆ…ไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน ก็ได้มาลองที่นี่ พูดแล้วก็ชวนหิวอยากจะไปซ้ำอีกหลายๆรอบ

“ไข่เค็ม”…สูตรเด็ดเคล็ดลับจะใช้ไข่ที่หมักไว้ไม่เกิน 12 วัน ซื้อกับเจ้าประจำความเค็มกำลังพอดิบพอดี ถ้านานกว่านั้นจะเค็มเกินไปไม่อร่อยลิ้นชวนกิน สำหรับเคล็ดลับผัดไทยไข่เค็มให้อร่อย สไตล์ล้านตำลึงทอง นอกจากไข่เค็มที่ไม่เค็มเกินไป จะมัน หอมแล้ว ถั่วป่น…พริก…วัตถุดิบที่ใช้จะคั่วเอง ทำเองทั้งหมดแบบสดใหม่ทุกวัน

เชิญท้าพิสูจน์ความอร่อย เมนูเด็ด “ล้านตำลึงทอง” ได้ทุกวัน ตั้งแต่ 10.00-18.00 น. ติดต่อออกร้าน จัดเลี้ยง สัมมนา ทำปิ่นโต อาหารกล่อง หรือกลัวไปไม่ถูก…สอบถามเส้นทางได้ที่ 08-5160-7174, 09-7220-2321.

คุณชาย 3

เชื้อก่อโรคกับหอยนางรมสด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/592168

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 18 มี.ค. 2559 05:01

 

หอยนางรมสด อาหารที่คนไทยนิยมทานคู่กับเครื่องเคียงต่างๆ เช่น กระเทียม พริก ยอดกระถิน

หอยนางรมสดเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารมากมาย เช่น กรดอะมิโนทอรีน ที่ช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง มีวิตามินหลายชนิด และมีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น สังกะสี เหล็ก ทองแดง ไอโอดีน ซีลีเนียม

ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเสื่อมของเซลล์ต่างๆ รวมทั้งมีกรดไขมันหลายตัว ที่เป็นส่วนประกอบของฮอร์โมนที่สำคัญของร่างกายที่สามารถช่วยเพิ่มจำนวนสเปิร์มในเพศชายได้

หอยนางรมที่แกะออกจากเปลือกแล้วจะตายทันที ถ้านำมาแช่เย็นหรือแช่แข็งก็จะเก็บได้นานขึ้น แต่หากเก็บไว้นานมากๆ คุณภาพอาจเสื่อมลง และหากเก็บไว้ในที่ที่ไม่ถูกสุขลักษณะก็อาจมีสิ่งสกปรก หรือเชื้อก่อโรคปนเปื้อนได้ เช่น เชื้อวิบริโอ พาราฮีโมไลติคัส, เชื้อซาลโมเนลลา

วันนี้ คอลัมน์มันมากับอาหารได้สุ่มเก็บตัวอย่างหอยนางรมสด จำนวน 5 ตัวอย่าง จาก 4 ย่านการค้า ในเขตกรุงเทพฯ เพื่อนำมาวิเคราะห์เชื้อซาลโมเนลลาปนเปื้อน

ผลปรากฏว่า พบเชื้อ ซาลโมเนลลา ปนเปื้อนในหอยนางรม 1 ตัวอย่าง

หากเราทานหอยนางรมที่ปนเปื้อนเชื้อซาลโมเนลลานี้เข้าไปจะทำให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษ ทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และถ่ายเหลว

อาการจะรุนแรงต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณของเชื้อซาลโมเนลลาปนเปื้อน และความต้านทานของร่างกาย เช่น หากเป็นผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นโรคตับ โรคไต มะเร็ง เบาหวาน หากได้รับเชื้อเข้าไปจะยิ่งทำให้เป็นโรคอาหารเป็นพิษที่มีความรุนแรงสูง

เห็นผลวิเคราะห์อย่างนี้แล้ว ขอแนะว่าควรเลี่ยงการทานหอยนางรมสด หันมาทานแบบปรุงสุกจะดีกว่า เพื่อความปลอดภัย.

สตูว์ลิ้นวัว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/591650

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 17 มี.ค. 2559 05:15

 

บรรดาขาประจำแหล่งช็อปปิ้งยอดนิยม อย่างสยามสแควร์ คงไม่มีใครไม่รู้จักร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อรสดีเด็ด ที่อยู่คู่กับสยามสแควร์มาแต่แรกเริ่มจนถึงทุกวันนี้เป็นเวลากว่า 4 ทศวรรษแล้ว ร้านนี้ไม่ได้มีแต่เฉพาะก๋วยเตี๋ยวเนื้อรสดีเด็ดเท่านั้น แต่ยังมีอาหารจานเดียวอีก 10 กว่าเมนู ทั้งข้าวแกง ข้าวสตูว์ลิ้นวัว ข้าวหมูทอดกระเทียม ฯลฯ ซึ่งเป็นเหมือนเมนูสัญลักษณ์ของร้านอาหารตามสั่งทั่วๆไป และวันนี้ก็มีสตูว์ลิ้นวัว รสดีเด็ดต้นตำรับ หนึ่งในเมนูขึ้นชื่อของร้าน จากฝีมือหนึ่งในผู้บริหารรุ่นลูก คุณเปิ้ล-ลภัทร ภัทรพุทธากร มาให้ได้ลองทำกันดู

คุณเปิ้ลเล่าว่า ธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวรสดีเด็ดเริ่มขึ้นจากสองแรงแข็งขันของพ่อและแม่ แห่งแรกอยู่ที่สะพานควาย แล้วย้ายมาสยามสแควร์ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มจนถึงขณะนี้เป็นปีที่ 46 แล้ว เมนูอาหารยังมี ครบถ้วนทุกอย่าง ทั้งรูปและรสเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อลูกๆโตขึ้นมาช่วยกันสืบทอดกิจการได้แล้ว ก็ได้ขยับขยายไปตามที่ต่างๆ แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นทำเลทองของสยามสแควร์ ณ ตรงจุดเดิม และอีกแห่งตรงโบนันซ่ามอลล์ เพราะคุณแม่ผมฝันว่า “…เช็ดช้อนไม่ทันขายเลย” แต่มาถึงรุ่นลูกก็เริ่มท้าทายความสามารถ ขยายมาเปิดสาขาในรูปของคาเฟ่แถวบรรทัดทอง โดยต่อยอดจากเมนูก๋วยเตี๋ยว เป็นหม้อร้อนนาเบะ

โดยส่วนตัวคุณเปิ้ลเอง ถูกวางตัวให้อยู่ในครัวของที่ร้านมาตั้งแต่เล็กจนโต โดยจะถูกปลุกแต่เช้ามาช่วยพ่อแม่ทำมาค้าขาย และวิธีที่คุณแม่ป้อนวิชาความรู้ในการทำอาหารให้เขา ก็คือการยื่นช้อนให้เขาชิมกับข้าวที่คุณแม่ปรุงออกมาทุกเมนู โดยที่ไม่เคยบอกว่าสูตรมีอะไรบ้างและต้องทำอย่างไร จะให้ชิมอย่างเดียวทุกวันๆ จนเขาสามารถแกะรสชาติได้หมด ถ้าจะถามผมว่า มีใจชอบในงานนี้ไหม ผมบอกได้เลยครับว่า ผมอยู่กับงานครัวมาจนโตและซึมซับมาเรื่อย จนหลงรักเลยครับ และสามารถลงครัวแทนคุณแม่ได้ตั้งแต่อายุ 20 เศษๆ และหลังจากชิมอาหารฝีมือผมจนไว้วางใจแล้ว ท่านถึงได้วางมืออย่างเต็มตัว

เครื่องปรุงสตูว์ลิ้นวัว ต้นตำรับรสดีเด็ด : ลิ้นวัว / ผงพะโล้ / น้ำมันหอย / ซอสภูเขาทอง / ซีอิ๊วขาว สูตร 5 / ซีอิ๊วดำ สูตร 5 /น้ำตาลทราย / น้ำมันพืช / กระเทียมสดสับ / แป้งอเนกประสงค์ตราว่าว

วิธีทำ 1) ต้มลิ้นวัวพอสุกแล้วลอกหนังลิ้นออก นำมาหั่นเป็นชิ้นพอคำ แล้วเอาลงไปต้มกับส่วนผสมทั้งหมด (มี ผงพะโล้ น้ำมันหอย ซีอิ๊วดำ ซอสภูเขาทอง น้ำตาลทราย) 2) เคี่ยวพอเปื่อย ประมาณ 30 นาที หรือลองชิมดูว่าเปื่อยนุ่มได้ที่หรือยัง จากนั้น 3) เจียวกระเทียมพอเหลือง เทใส่หม้อ 4) ผสมแป้งอเนกประสงค์กับน้ำ แล้วเทใส่หม้อสตูว์ โดยตีไปเทแป้งไปพร้อมๆกัน เพื่อให้น้ำเหนียวข้น 5) ปิดไฟเสร็จแล้วตักน้ำมันพืชพอประมาณราดลงบนหน้าสตูว์ เพื่อไม่ให้หน้าสตูว์แห้ง เป็นอันเสร็จ

เคล็ดลับ ต้มลิ้นกับเครื่องปรุงเสร็จแล้ว ทิ้งไว้ข้ามคืนปล่อยให้ลิ้นวอร์มไปเอง เพื่อให้มีความนุ่มเพิ่มขึ้น และเครื่องปรุงจะซึมเข้าไปในเนื้อ โดยจะมีน้ำมันออกมาปิดหน้า อย่าช้อนทิ้ง พอจะใส่แป้งค่อยช้อนหน้าน้ำมันออก.

Grill & Chill @The Flying Ribs

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/586174

โดย Gourmet & Cuisine 15 มี.ค. 2559 16:02

 

ร้านสเต๊กแอนด์กริลล์เฮาส์ที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน แต่ประสบการณ์ความอร่อยไม่ธรรมดา เพราะนี่คือโปรเจกต์ใหม่ของคุณหนึ่ง-ภาวัส วนะภูติ อดีตเจ้าของร้านอาหาร Italian Job ที่ดัดแปลงบ้านเก่าอายุกว่าร้อยปีของครอบครัวให้กลายเป็นสถานที่แฮงก์เอาต์น่านั่งในสไตล์ของตัวเอง ด้วยการผสมผสานผนังอิฐ พื้นปูนขัด และเคาน์เตอร์สังกะสีที่ดูดิบเท่เข้ากับโทนร้านสีขาว

นอกจากจะหยิบยกหลากหลายเมนูอิตาเลียนยอดนิยมจากร้านเดิมอย่างพิซซาและพาสตามาให้ขาประจำหายคิดถึงแล้ว The Flying Ribs เสริมเมนูสเต๊กสไตล์โฮมเมดที่พัฒนาสูตรให้แตกต่างและน่ากินยิ่งขึ้น จานเด่นซิกเนเจอร์ที่เจ้าของร้านภูมิใจนำเสนอคือ Flying Ribs ซี่โครงหมูหมักซอสบาร์บีคิวโฮมเมดจนเนื้อนุ่ม ก่อนทาซอสซ้ำอีกครั้งขณะย่างเพื่อความเข้มข้นและเคลือบด้วยฮันนี่เกลซเพิ่มความหอมหวาน เสิร์ฟพร้อมมันอบ มันฝรั่งทอด และป๊อปคอร์นที่เราขอบอกว่ากินกับซี่โครงหมูเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ

อีกหนึ่งจานที่ดูเหมือนธรรมดาอย่าง Bake Spinach with 3 Cheese หรือผักโขมอบชีสมอซซาเรลลา เชดดาร์ และพาร์เมซาน โรยหน้าด้วยออริกาโนตัดความเลี่ยน แต่ที่นี่อบบนจานแบนไม่เหมือนใครให้ชีสละลายเยิ้มแผ่เป็นขอบกรอบๆ เต็มจานให้อร่อยกันอย่างทั่วถึง ต่อด้วย Baked New Zealand Mussel with Cheese หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ตัวโตอบชีสมอซซาเรลลาและไวต์ไวน์ครีม เสิร์ฟบนจานแก้วที่รองด้วยเกลือทะเลสุดเก๋ อีกจานเด่นคนรักชีสไม่ควรพลาด

ส่วนใครชอบของทอดต้องลอง Fish and Chips สไตล์นิวซีแลนด์ที่ใช้ปลาค้อดดำชิ้นใหญ่เนื้อแน่นชุบแป้งหนาทอดจนกรอบกำลังดี กินกับมันฝรั่งทอดและซอสทาร์ทาร์ที่ใส่ถั่วลันเตาและหอมแดงเพิ่มรสชาติ แนะนำให้สั่งคู่กับ Fresh Mix Salad สลัดผักสดที่มีทั้งกรีนโอ๊ก เรดโอ๊ก มะเขือเทศ และหอมหัวใหญ่ ราดซอสไวต์ไวน์วินีการ์รสเปรี้ยวสูตรเฉพาะที่ช่วยเบรกความมันได้เป็นอย่างดี

พิกัดความอร่อย : ถนนสีลม (ด้านหลังอาคารตวงทิพย์) แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ
เปิดบริการ 11.00-14.00 น. และ 17.00-22.00 น. (หยุดวันอาทิตย์)
โทร. 0-2236-3235, 08-0591-1010
ราคา 80-495 บาท
รับบัตรเครดิต VISA และ Master Card

ที่มา – Gourmet & Cuisine
www.gourmetandcuisine.com