สถานการณ์ปุ๋ยภายในประเทศ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

วันที่ 01 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 622

ดินและปุ๋ย

สถานการณ์ปุ๋ยภายในประเทศ

1. ปุ๋ยเคมี

1.1 การผลิตปุ๋ยเคมี

1) การผลิตปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต การผลิตปุ๋ยเคมีในประเทศไทยมีไม่มาก ผลิตได้ประมาณ 580,000 ตัน เป็นปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต ส่วนใหญ่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นปุ๋ยเชิงเดี่ยว ปุ๋ยเชิงประกอบ และปุ๋ยเชิงผสม ตามลำดับ

2) การผลิตปุ๋ยแอมโมเนียมคลอไรด์

3) การผลิตปุ๋ยสำเร็จรูป Compound

สำหรับการผลิตปุ๋ยเคมี จากการนำเข้าแม่ปุ๋ย หรือปุ๋ยเชิงเดี่ยวมาผลิตผสมกับสารเติมเต็ม (Filer) จะมีบริษัทที่ผลิตเป็นปุ๋ย Compound ได้แก่ บริษัท ไทยเซ็นทรัลเคมี จำกัด (มหาชน) บริษัท เทอราโกร เฟอร์ติไลเซอร์ จำกัด บริษัท มหาวงศ์ จำกัด

4) ส่วนการผลิตปุ๋ยเชิงผสมชนิดเม็ดไม่เป็นเนื้อเดียวกัน ได้แก่ บริษัท ไอซีพี เฟอร์ทิไลเซอร์ จำกัด บริษัท กลุ่มโรจน์กสิกิจน์ จำกัด บริษัท เวิลดเฟอท จำกัด บริษัท เทอราโกร เฟอร์ติไลเซอร์ จำกัด บริษัท มหาวงศ์ จำกัด และ บริษัทที่นำเข้าปุ๋ยเคมีเข้ามาบรรจุขายภายในประเทศ ได้แก่ บริษัท เจียไต๋ จำกัด บริษัท ยาราประเทศไทย จำกัด เป็นต้น

1.1.2 การขออนุญาตผลิต ปัจจุบัน มีผู้ได้รับใบอนุญาตผลิตปุ๋ยเคมีเพื่อการค้า 908 ราย

1.1.3 การขออนุญาตนำเข้า ใบอนุญาตนำเข้าปุ๋ยเคมี 360 ราย

1.1.4 การขออนุญาตส่งออก ใบอนุญาตส่งออกปุ๋ยเคมี 368 ราย

1.1.5 การตลาด

1) นำเข้า

– ปี 2557 มีปริมาณการนำเข้าปุ๋ยเคมี 5,592,435 ตัน คิดเป็นมูลค่า 68,334 ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 2.42 และลดลง ร้อยละ 6.75 ตามลำดับ โดยนำเข้าจากซาอุฯ (18.81%) รัสเซีย (13.26%) จีน (14.60%) กาตาร์ (6.87%) เกาหลีใต้ (6.42%) และอื่นๆ (40.05%)

– ปี 2558 มีปริมาณการนำเข้าปุ๋ยเคมี ประมาณ 4.2 ล้านตันผลิตภัณฑ์เศษ

2) ส่งออก

– ปี 2557 มีปริมาณส่งออกปุ๋ยเคมี 337,498 ตัน มูลค่า 4,753 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 18.55 และ ร้อยละ 34.51 ตามลำดับ โดยคู่ค้าหลักเป็นกลุ่ม ASEAN (85.38%) ได้แก่ ลาว 85,578 ตัน (25.36%) กัมพูชา 80,862 ตัน (23.96%) พม่า 69,536 ตัน (20.60%) ฟิลิปปินส์ 13.452 ตัน (3.99%) เวียดนาม 6,324 ตัน (1.87%) อินโดนีเซีย 3,209 ตัน (0.95%) และ มาเลเซีย 646 ตัน (0.19%)

นอกจากนี้ ยังมีการค้าขายชายแดนที่มีการซื้อ-ขาย กันโดยไม่ผ่านศุลกากรอีกจำนวนมาก

3) ความต้องการใช้

– ปี 2558 คาดว่าความต้องการใช้ปุ๋ยเคมีของไทยจะลดลงจากปี 2557 เนื่องจากพื้นที่ปลูกข้าวลดลงจาก 76.83 ล้านไร่ (รวมนาปี นาปรัง) ในปี 2557 เหลือ 65.53 ล้านไร่ (รวมนาปี นาปรัง) ในปี 2558 จากปัญหาภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง ทำให้พื้นที่นาปรังลดลง และจากการที่ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ กำลังซื้อของเกษตรกรน้อยลง ส่งผลให้ความต้องการใช้ปุ๋ยเคมีของเกษตรกรลดลงตามไปด้วย ประกอบกับนโยบายรัฐบาลการโซนนิ่งการเกษตรเพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชให้เหมาะสมกับดินและสภาพแวดล้อม อาจมีผลต่อการเลือกใช้สูตรปุ๋ยและปริมาณปุ๋ยเคมีที่เปลี่ยนไป

1.2 ปุ๋ยอินทรีย์

1.2.1 การผลิต ปัจจุบัน มีผู้ได้รับใบอนุญาตผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อการค้า 497 ราย

1.2.2 การตลาด

1) นำเข้า

– ปี 2557 มีปริมาณนำเข้าปุ๋ยอินทรีย์ 14,924 ตัน คิดเป็นมูลค่า 258 ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 81.49 และ ร้อยละ 81.25 ตามลำดับ โดยนำเข้าจากอังกฤษ (76.08%) เวียดนาม (16.48%) และ ลาว (3.42%)

2) ส่งออก

– ปี 2557 มีปริมาณส่งออกปุ๋ยอินทรีย์ 58,438 ตัน คิดเป็นมูลค่า 384 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 74.56 และ ร้อยละ 81.21 ตามลำดับ โดยคู่ค้าหลัก คือ ลาว 31,830 ตัน (54.47%) กัมพูชา 12,657 ตัน (21.66%) ญี่ปุ่น 4,992 ตัน (8.54%) และ มาเลเซีย 2,050 ตัน (3.51%) โดยคิดเป็นการส่งออกในกลุ่ม ASEAN ประมาณ ร้อยละ 63

3) ความต้องการใช้ แนวโน้มความต้องการใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อใช้ในการผลิตเติบโตตามกระแสความต้องการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ จากการประมาณการเบื้องต้น คาดว่า ความต้องการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ มีประมาณ ปีละ 580,000 ตัน

– การนำเข้า-ส่งออกปุ๋ย

– สำหรับปุ๋ยชีวภาพ ปัจจุบัน มีผู้ได้รับใบอนุญาตผลิตปุ๋ยชีวภาพเพื่อการค้า 13 ราย

2. สภาวะการแข่งขัน

2.1 ไทยสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง สร้างความเข้าใจในการใช้ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมี ทั้งการใช้แบบเชิงเดี่ยวและการใช้ร่วมกัน เพื่อให้เกษตรกรสามารถเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ของตนเอง โดยให้เหมาะสมกับสภาพดินและชนิดของพืช และผลักดันการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชุมชนให้กระจายไปทุกชุมชนเกษตรกรรม เพื่อลด waste ในอุตสาหกรรมเกษตร ลดการใช้ปุ๋ยเคมี เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดต้นทุนการผลิต

2.2 ไทยต้องนำเข้าปุ๋ยเคมีจากต่างประเทศเกือบทั้งหมด (95%) ส่งผลให้ราคาปุ๋ยต้องเป็นไปตามราคาที่นำเข้า ในขณะที่การจำหน่ายปุ๋ยเคมีในประเทศยังถูกควบคุมราคาโดยกรมการค้าภายใน (คน.)

3. สถานการณ์ภายนอกประเทศ

3.1 IFA (international Fertilizer Industry Association) ได้คาดการณ์ความต้องการใช้ปุ๋ยเคมีโลก ในปี 2015/16 ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 186 ล้านตันธาตุอาหาร จาก 185 ล้านตันธาตุอาหาร ในปี 2014/15 หรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 1 เนื่องจากราคาปุ๋ยที่ลดลง โดยจะเพิ่มขึ้นในส่วนของไนโตรเจน จำนวน 112.9 ล้านตัน ฟอสฟอรัส จำนวน 41.8 ล้านตัน โพแทสเซียม จำนวน 31.8 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 1, 1.1 และ 0.8 ต่อปี ประเทศที่มีแนวโน้มการใช้ปุ๋ยเพิ่มขึ้น ได้แก่ เอเชียตะวันตก เอเชียกลาง และยุโรปตะวันออก และคาดว่า ปี 2019/20 ความต้องการจะเพิ่มขึ้นถึง 200 ล้านตันธาตุอาหาร (ข้อมูล ณ วันที่ 25-27 พฤษภาคม 2558)

3.2 กระแสการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ และความตื่นตัวด้าน Food Security ทำให้มีการผลิตพืชเพิ่มมากขึ้น ส่งผลทำให้แนวโน้มในการใช้ปุ๋ยของโลกเพิ่มตามขึ้นไปด้วย

4. ปัญหาอุปสรรค

4.1 การใช้ปุ๋ยเคมีของเกษตรกรไม่ถูกหลักวิชาการ

4.2 ปุ๋ยเคมีมีราคาแพง ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งนี้ ราคาปุ๋ยยังขึ้นอยู่กับความต้องการใช้ และปริมาณที่ผลิตได้ของโลก

4.3 ด้านคุณภาพปุ๋ย ยังมีปัญหาในเรื่องปุ๋ยคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานปุ๋ยปลอมและปุ๋ยเสื่อมคุณภาพ

5. ข้อเสนอแนะ

5.1 ถ่ายทอดความรู้ในการใช้ปุ๋ยที่ถูกต้องตามหลักวิชาการให้แก่นักส่งเสริมทุกองค์กร และเกษตรกรผู้ใช้

5.2 ส่งเสริมให้มีโครงการสนับสนุนสินเชื่อในการจัดหาปุ๋ย หรือจัดหาปุ๋ยเคมีราคาถูกให้เกษตรกร ส่งเสริมเกษตรกรผสมปุ๋ยใช้เอง และสนับสนุนการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ และปุ๋ยชีวภาพ ตามความเหมาะสมของดิน พืช และบริบทของพื้นที่นั้นๆ สนับสนุนให้มีการผลิตปุ๋ยโพแทส และปุ๋ยอื่นๆ ในประเทศ สำหรับการผลิตปุ๋ยโพแทส ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ รวมถึงจัดสรรผลประโยชน์ให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างเหมาะสม

5.3 ควรมีมาตรการป้องกันและปราบปรามผู้ผลิตปุ๋ยปลอม และปุ๋ยที่ไม่ได้มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง และจัดหาปุ๋ยที่มีคุณภาพได้มาตรฐานในราคาที่ถูกเพื่อจำหน่ายให้เกษตรกร

ข้อมูลจากสมาคมการค้าผู้ผลิตปุ๋ยไทย