“เฟรชเก็ต” สตาร์ท อัพ ดาวรุ่ง กำลังคว้า “ใจ” เกษตรกรในอนาคต (ตอนจบ)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05108010959&srcday=2016-09-01&search=no

วันที่ 01 กันยายน พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 630

ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า

ศิริประภา เย็นยอดวิชัย Siriprapha_jeab@outlook.com

“เฟรชเก็ต” สตาร์ท อัพ ดาวรุ่ง กำลังคว้า “ใจ” เกษตรกรในอนาคต (ตอนจบ)

คุณพงษ์ลดา พะเนียงเวทย์ หรือ เบลล์ ได้เปิดตัวให้คนไทยทั้งประเทศได้รู้จักในฐานะ “สตาร์ท อัพ” (Start Up)” หนึ่งในผู้ชนะการประกวดโครงการ “ดีแทค แอคเซอเลอเรท บาธ 4” (dtac accerelerate batch 4) สนับสนุนโดย บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค)

ปัจจุบันคุณพงษ์ลดา มีตำแหน่งเป็นผู้ก่อตั้ง (Founder) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของแพลตฟอร์ม ที่ชื่อว่า “เฟรชเก็ต” (Freshket) ที่ดำเนินการภายใต้แนวคิด (concept) ที่ว่า ต้องการเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อระหว่างผู้ซื้อ (buyer) และผู้ผลิต (supplier) ในอุตสาหกรรมการเกษตรของไทย

เฟรชเก็ตได้ใช้พื้นที่ของ “ฮังก้า โค เวิร์กกิ้ง สเปซ” (Hangar Co working space) บนอาคารจามจุรี สแควร์ พื้นที่ในโลกดิจิตอลของกลุ่มสตาร์ท อัพ เป็นพื้นที่ทำงานในแต่ละวัน

ความทุ่มเทและความพยายามของคุณพงษ์ลดาน่าสนใจตรงที่ความสำเร็จก้าวแรกในฐานะผู้ชนะนั้น ไม่ได้เป็นก้าวแรกอย่างที่เห็นในเบื้องหน้า เพราะเบื้องหลังของเธอผ่านความยากลำบาก ลองผิด ลองถูก มาไม่รู้เท่าไร ที่ต้องลงพื้นที่เพื่อวิจัยตลาดมาอย่างเข้มข้นและคลุกฝุ่น รวมทั้งต้องใช้ชีวิตอย่าง “นกฮูก” มาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี กว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ชนะอย่างงดงามบนเวที “ดีแทค แอคเซอเลอเรท บาธ 4”

“กว่าจะมาเป็นแพลตฟอร์ม “เฟรชเก็ต” เคยลองทำอาชีพเป็นคนกลาง (supplier) ในการส่งผักสด จัดอยู่ในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งมีรายละเอียดมาก เช่น ต้องลงไปหาลูกค้า, ตัดแต่งผัก, คุมคนงาน, ซื้อของ และทำบิล กว่าจะปิดร้าน 4 ทุ่ม กว่าจะเช็กสต๊อก 5 ทุ่ม ถึง ตี 1 เบลล์ต้องลงรายชื่อลูกค้าทั้งหมด เวลาร้านอาหารสั่งมา สั่งผ่านทางไลน์ ผ่านทางอีเมล จากนั้นก็ลงออเดอร์ภายใน 3 นาที แล้วมาเขียน เพื่อจะดูว่า มะเขือเทศเท่าไร ฟักทองเท่าไร ผักกาดเท่าไร เราก็ให้เด็กไปซื้อ หรือไปซื้อเองที่ตลาด”

“ยากมากเลย จึงมาคิดว่า ทำไมมันไม่รวมกันเป็นที่ที่เดียวล่ะ ทุกอย่างต้องทำเองหมด ต้องเขียนเบอร์ ทำบิลอีก ทีละร้าน ใช้เอ็กซ์เซลล์ บ้าง แต่ก็คือ ต้อง in put เข้าไปใหม่หมด” คุณพงษ์ลดา เล่าให้ฟังถึงอดีตเมื่อกว่า 2 ปีที่แล้ว พร้อมกับเล่ารายละเอียดประสบการณ์ที่คลุกฝุ่นว่า

“จากประสบการณ์ที่ยากลำบากของเบลล์ ในการลงพื้นที่สำรวจตลาด ขับรถไปในซอยอารีย์ ใช้คอนเน็กชั่นทั้งหมดของเราที่เป็นร้านอาหาร ลงพื้นที่ไปสอบถามตามร้านอาหาร ตอนแรกก็เจอแบบเจ้าของร้านไม่อยู่ค่ะ เดี๋ยวมาใหม่นะคะ ไปอีกร้านหนึ่ง เด็กในร้านบอกว่าต้องเจอผู้จัดการ ผมตัดสินใจไม่ได้ครับ รอก่อน ผ่านไป 3-4 ชั่วโมง ได้มา 1-2 ร้าน เขาจะเอาเราหรือเปล่า ก็ไม่รู้ รู้ว่ายาก รู้สึกเสียเวลา”

“ขั้นตอนการทำงานแบบนี้ไม่มีประสิทธิภาพ ตอนนั้นก็ท้อเหมือนกัน ถ้าเราเจอเจ้าของร้าน เขาจะใช้บริการเรา เพราะเชื่อว่าโปรดักต์เราดี จะไม่ยาก แต่ที่ยากก็คือ ไม่เจอเจ้าของร้านอาหาร ไม่เจอผู้ที่ตัดสินใจได้ ตรงนี้เราเลยต้องเป็นผู้ทำโปรดักชั่นเอง ตั้งแต่รับออเดอร์ รวมของ ไปซื้อของ เปิดบิล ลองคิดดูซิ เวลาทำงานของเบลล์ คือ ตี 1 ถึง ตี 4 เป็นรูปแบบการทำงานที่มีขั้นตอนเยอะแยะไปหมดเลย เราก็มาคิดว่า เฮ้ย! ทำงานอย่างนี้ ไม่มีประสิทธิภาพแล้ว และรู้สึกว่า เอ๊ะ! ทำไมเด็กรุ่นใหม่จัดระบบการทำงานได้” คุณพงษ์ลดา เล่าให้ฟัง

หลังจากพบความยุ่งยากอย่างมากในการประกอบธุรกิจ และต้องตื่นพร้อมตลาดสดเปิด เพื่อจับจ่ายสินค้าให้ทันกับร้านอาหารที่สั่งซื้อเข้ามาผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้คุณพงษ์ลดาคิดสูตรการทำธุรกิจใหม่เพื่อแก้โจทย์ที่เจอ นั่นคือ การเดินเข้าสู่เส้นทางสตาร์ท อัพ อย่างเต็มตัว

“ถ้าเรารวบรวมซัพพลายเออร์มาได้จากหลายๆ แหล่ง จะเป็นตัวเลือกให้กับคนกลางที่รับซื้อ แต่ที่ผ่านมา อย่างที่เบลล์ทำคือ ซัพพลายเออร์ ฟู้ด เซอร์วิส (supplier food service) ไปหาผลผลิตมา จากนั้นนำไปทำให้สะอาด ตัดแต่ง ส่งให้กับร้านอาหาร ตรงนี้จึงมานั่งคิดว่า ถ้าเรามีผลผลิตเยอะ มีตัวเลือกเยอะ ผู้ซื้อจะตัดสินใจได้เอง ไม่ต้องผ่านหลายต่อจนเกินไป”

“เมื่อมีความต้องการผลผลิตสามารถเข้ามาในระบบของเฟรชเก็ตได้เลย ทางเราพร้อมบริการ หลายแห่งที่เป็นร้านอาหารเดิมใช้วิธีซื้อตรงกับเกษตรกร แต่เมื่อเรามีบริการ เขาก็ใช้บริการของเบลล์ ทั้งหมดนี้ทำให้เราเห็นได้เลยว่า สามารถสร้างตลาดได้เร็วขึ้นด้วยเฟรชเก็ต และตอบโจทย์ด้วยมาร์เก็ต เพลส เพราะเมื่อคน 2 ฝ่าย หากันไม่เจอ ด้วยพลังของมาร์เก็ต เพลส จะเป็นการรวม 2 คนนี้ คือ ผู้ซื้อ ผู้ขาย ให้มาอยู่ใน มาร์เก็ต เพลส ได้ง่ายๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะฉะนั้น เบลล์ก็เลยทำเฟรชเก็ตขึ้นมา เพื่อเป็นทั้งตลาดสำหรับของสดและเป็นร้านอาหารไปพร้อมๆ กัน” คุณพงษ์ลดา เล่าถึงต้นกำเนิดไอเดียที่นำมาสู่ความเป็นเจ้าของเฟรชเก็ต

มาถึงวันนี้ คุณพงษ์ลดาก้าวเข้าสู่เส้นทางสตาร์ท อัพ มาเป็นเวลา 5 เดือน แต่ชีวิตจริงอยู่กับวัฏจักรของเกษตรกรมาตั้งแต่เด็ก เพราะครอบครัวมีอาชีพเป็นผู้ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตร (trading local) ทำให้เธอคลุกคลีกับเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานีตั้งแต่อายุน้อย และมีโอกาสไปสัมผัสตลาดไท และตลาดสี่มุมเมือง มาตลอด จนกระทั่งเรียนจบ นี่จึงเป็นข้อได้เปรียบที่เธอเห็นภาพกว้างของธุรกิจซื้อขายผักสด ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทำให้เป็นที่มาของคำพูดหนึ่งซึ่งคุณพงษ์ลดาพูดไว้อย่างกินใจว่า การเข้ามาเป็นสตาร์ท อัพ ด้วยแพลตฟอร์มของ “เฟรชเก็ต” มาจากใจที่เธอต้องการทำให้ “ราคาสินค้าเกษตร” เกิดความเป็นธรรม เกษตรกรควรได้ราคาขายที่สมเหตุสมผล และไม่ถูกกดราคาเหมือนในอดีต

“เบลล์รู้สึกว่า เกษตรกรได้เงินน้อย และไม่ได้รับความยุติธรรม อย่างบางทีของล้น มีคนกดราคาหน้าสวน จากกิโลกรัมละ 5 บาท เหลือกิโลกรัมละ 1-2 บาท เรารู้สึกว่า อุตสาหกรรมนี้ควรมีความยุติธรรม เบลล์เติบโตมาจากกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ เห็นตั้งแต่เกษตรกร ไปจนถึงร้านอาหาร เห็นตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เบลล์เข้าใจในระดับหนึ่ง และอยากจะค่อยๆ แก้ไป ทีนี้เราแก้ในฝั่งของซัพพลายเออร์ก่อน ต่อไปซัพพลายเออร์ จะมีวิถีทางของซัพพลายเออร์ แล้วเราจะทำให้เขาเจอเกษตรกร ซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบ ส่วนเฟรชเก็ต มีตลาดให้จัดจำหน่าย ซึ่งเราอยากจะมีช่องทางให้เกษตรกร ให้มีผู้ผลิต มีผู้ขาย เป็นช่องทางหนึ่ง” คุณพงษ์ลดา เล่าให้ฟังอย่างเป็นกันเอง

คำว่า “สตาร์ท อัพ” ไม่ใช่จุดเริ่มต้น แต่เป็นความหมายที่มาพร้อมกับคำว่า เริ่มเมื่อยังไม่พร้อม และคุณพงษ์ลดา พะเนียงเวทย์ ได้ทิ้งท้ายบทสนทนาด้วยการแนะนำหนังสือ “สร้างธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ ต้องเริ่มตอนที่ไม่พร้อม” (THE LEAN STARTUP) เขียนโดย อีริค ไรส์ (ERIC RIES) อ่านแล้วมี 2 อย่าง คือ เข้าใจสตาร์ท อัพ มากขึ้น กับอยากเป็นสตาร์ท อัพ

ล้อมกรอบ

“คุณพงษ์ลดา พะเนียงเวทย์” ผู้มาพร้อม “หัวใจ”

คุณพงษ์ลดา จบการศึกษาสาขาอะไร?

เบลล์ จบด้านการตลาดที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังจากนั้น มาทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาด (consult marketing) อยู่ปีหนึ่ง ก่อนทำงานด้านสินค้าอุปโภคบริโภค (consumer products) จริงๆ โดยพื้นฐานแล้วเป็นคนเทคโนโลยีต่ำ (low tech) มาก เมื่อปีที่แล้วมีรุ่นพี่คนหนึ่งชวนไปทำแอพพลิเคชั่น (application) ทำให้ดึงเราเข้ามาในโลกสตาร์ท อัพ และโลกเทคโนโลยี เรารู้สึกว่าเทคโนโลยีพวกนี้เปลี่ยนแปลงวงกว้างได้จริงๆ แค่ในมุมที่เรามีพื้นฐานเรื่องของคอนซูมเมอร์ รีเซิร์ส อยู่แล้ว เราไม่ได้มีพื้นฐานเรื่องเทคโนโลยี แต่พอมีพื้นฐานเรื่องเทคโนโลยีปั๊บ ก็เลยรู้สึกว่า ถ้ามาจับในตลาดเฟรชเก็ต ปุ๊บ เบลล์ว่ามันสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งอินดัสเตรียลได้เลย มันมีพลัง

เคยอยู่ในแวดวงเทคโนโลยีมาก่อนไหม?

ใช่ค่ะ เคยทำแอพพลิเคชั่นมา ก็เลยคิดว่าโปรแกรมช่วยได้ พอสักพักหนึ่งก็คิดว่า จริงๆ ฝั่งซัพพลาย เราสามารถที่จะดีลกับเขาเข้ามา เราไม่จำเป็นต้องทำให้เราคนเดียว แต่เราก็ทำให้เขาด้วยสิ เพราะทุกคนก็มีปัญหาเหมือนเรา พอเราไปคุยกับซัพพลายเออร์รายอื่นๆ ก็มีปัญหาเดียวกัน หาลูกค้าลำบาก เป็นเวย์ทูเวย์ (way to way) เราก็เลยทำโปรแกรมขึ้นมา เพราะในเมื่อคนอื่นก็มีปัญหาเหมือนเรา แล้วเบลล์ก็รู้สึกว่า ตั้งแต่เด็กๆ ที่เบลล์อยู่ในวงการเกษตรมา เบลล์มีความฝัน เบลล์อยากช่วยเกษตรกร ตั้งแต่เห็นเกษตรกร เราอยากช่วยเขา เรารู้สึกว่าเกษตรกรทำงานหนักจังเลย เหมือนกับเราไปสวน บางทีก็เห็นว่า เกษตรกรไทยขาดความรู้ เขาก็ใช้ยาฆ่าแมลง

ประสบการณ์ทำอะไรในแอพพลิเคชั่น?

เคยเป็นผู้ก่อตั้ง (hold founder) มาก่อน เพราะมีพี่คนหนึ่งสนิทกันมาก เราไปทำงานด้วยกันตั้งแต่การวิจัยผู้บริโภค (consumer research) จากนั้นก็ไปคิดว่าจะสร้าง (generate) หรือจะทำอะไรกันดี ก็ไปทำ คอนซูมเมอร์ รีเสิร์ช สืบค้น (keyword) ไป สืบค้นมา จนมาเป็นความคิดที่สร้างสรรค์ (solid idea) ที่จะทำ แล้วก็รับสมัครคนมาสร้างแอพ

โจทย์ก็คือ ต้องการสร้างแอพ 1 แอพ เราก็จะมีฐานลูกค้า เราดูเรื่องฐานลูกค้า พี่เขาดูเรื่องของเทคโนโลยี มาเจอกันพอดี และความที่เราสนิทกัน พูดกันด้วยทุกเรื่อง และความที่เราก่อตั้งมาด้วยกัน ก็ต้องเข้าไปยุ่งในเรื่องเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเทคโนโลยีต่ำ (low tech) ยังไง ก็ต้องเข้าไปยุ่ง และเราก็ว้าว ว้าว ว้าว ขึ้นเรื่อยๆ ฮึ้ย! มันเป็นแบบนี้ได้ด้วยเหรอ เป็นการเรียนรู้ที่รวดเร็วมากๆ (fast learning)

“ตลาดเกษตรกรจริงจริงทุกสิ่งปลอดภัย” ที่อุดรธานี ตลาดต้นแบบ 1 ใน 10 ของประเทศ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05104150859&srcday=2016-08-15&search=no

วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 629

ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า

ลิน อุดรธานี

“ตลาดเกษตรกรจริงจริงทุกสิ่งปลอดภัย” ที่อุดรธานี ตลาดต้นแบบ 1 ใน 10 ของประเทศ

ทุกเช้าวันศุกร์-เสาร์ ตั้งแต่ราวตี 5 เรื่อยไปจนเที่ยงวัน บริเวณด้านหน้าสำนักงานเกษตรจังหวัดอุดรธานี คลาคล่ำไปด้วยผู้คน รถราสัญจรคึกคักมากเป็นพิเศษ เพราะโซนนี้คือ แหล่งจำหน่ายพืชผักอาหารปลอดภัย ที่มาจากเกษตรกรผู้ผลิตโดยตรง

…เรียกกันปากต่อปากว่า…ตลาดร่มเขียว หรือ ตลาดเกษตรกร

จุดสังเกตเห็นได้ง่าย คือร่มสีเขียวกางตลอดแนวรั้วบริเวณด้านหน้าและด้านข้างอันเป็นสัญลักษณ์ที่เด่นเห็นชัดแต่ไกล

ตลาดแห่งนี้เปรียบเสมือนลมหายใจสะอาดที่ผู้รักสุขภาพต่างโหยหา ในยุคสารพิษรดต้นคอ บวกกับความเสี่ยงต่อโรคภัยที่แฝงมากับอาหารปนเปื้อนสารพัดพิษ

ผู้ที่ไม่นิ่งดูดายต่อสุขภาพ คัดสรรอาหารการกินให้มีความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน จึงมีนัดกับเกษตรกร ณ สถานที่แห่งนี้เสมอ

ก้าวสู่ปีที่ 2 กับถนนสายสุขภาพเกิดขึ้นด้วยนโยบายรัฐส่งเสริม “โครงการตลาดเกษตรกร (Farmers Market)” ภายใต้สโลแกน “เกษตรกรจริงจริงทุกสิ่งปลอดภัย” ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร จากเกษตรกรหรือกลุ่มเกษตรกรเป็นผู้จำหน่ายโดยตรง ทำให้เกษตรกรมีช่องทางการตลาดเป็นของตนเอง รวมทั้งผู้บริโภคมีแหล่งซื้อสินค้าที่มีคุณภาพปลอดภัยและได้มาตรฐาน อันจะส่งผลต่อการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มรายได้ของเกษตรกรในท้องถิ่น ลดปัญหาผลผลิตถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง

นายนุศิษฎ์ วีรธนศิลป์ เกษตรจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า ตลาดเกษตรอุดรธานี เกิดขึ้นเมื่อปี 2557 สมัย นายเสนีย์ จิตตเกษม เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้ขับเคลื่อนภายใต้นโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร มอบหมายให้สำนักงานเกษตรจังหวัดมีหน้าที่ให้การส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในเรื่องสถานที่ ตลอดจนประสานงานกับหน่วยงานราชการ รวมทั้งเอกชนอื่นๆ เพื่อขับเคลื่อนให้มีความต่อเนื่อง

ในส่วนการดำเนินกิจกรรมตลาดเกษตรกรอุดรธานีถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะที่ผ่านมานั้นได้มีการวางระบบบริหารจัดการไว้อย่างเข้มแข็ง มีการตรวจสอบผลผลิตที่จะเข้ามาจำหน่ายตั้งแต่ต้นทาง นั่นคือเกษตรกรผลิตสินค้าได้มาตรฐานตรงตามเงื่อนไขตลาดเกษตรกรกำหนด เมื่อสมัครเข้ามาจะมีคณะกรรมการคัดกรองสินค้า

ที่สำคัญทุกเดือนมีการสุ่มตรวจสอบความปลอดภัยของผลผลิตโดยสาธารณสุขจังหวัด และหน่วยงานของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคอีกด้วย

นายนุศิษฎ์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากการบริหารจัดการแบบบูรณาการร่วมกันแล้ว สถานที่ตั้งตลาดยังเป็นศูนย์กลางแหล่งชุมชน มีทั้งโรงพยาบาล โรงแรม สถานศึกษา สวนสาธารณะหนองประจักษ์ฯ จึงเป็นการสร้างโอกาสให้เกษตรกรมีช่องทางตลาดที่กว้างมากขึ้น ลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น

ด้วยเหตุผลต่างๆ จึงส่งผลให้ตลาดเกษตรกรอุดรธานีจึงเติบโตอย่างต่อเนื่องมา เพราะความต้องการลูกค้าสูงขึ้น มียอดขายรวมในแต่ละสัปดาห์หลักแสน

“ยอดจำหน่ายรวมทั้งปีเฉพาะที่ตลาดเกษตรกรบริเวณหน้าสำนักงานเกษตรจังหวัดอุดรธานีในปีที่ผ่านมาสูงถึง 12 ล้านบาท ล่าสุดเดือนพฤษภาคม 2559 มียอดจำหน่ายถึง 1,126,444 บาท” นายนุศิษฎ์ กล่าว

เนื่องจากลูกค้าให้การตอบรับดีมาก ทั้งจากการบริการที่ดีของเกษตรกรต่อลูกค้าทุกคน ผู้บริโภคเองต่างพึงพอใจในคุณภาพมาตรฐาน ความปลอดภัย และในราคาที่สมเหตุผล เป็นตลาดที่ผู้ผลิตพบกับผู้บริโภคโดยตรงอย่างแท้จริง

“วันนี้จังหวัดอุดรธานีกลายเป็นต้นแบบตลาดเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จ ตลาดติด 1 ใน 10 ระดับประเทศ จึงเป็นแหล่งเรียนรู้ของหน่วยงานและกลุ่มเกษตรกรมาเรียนรู้งานจากหลายจังหวัดทั่วประเทศ” นายนุศิษฎ์ กล่าว

เกษตรกรจังหวัดกล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีสมาชิกตลาดจำนวน 53 ร้านค้า ซึ่งเป็นเกษตรกรในจังหวัดอุดรธานีสมัครเข้ามาตามระเบียบตลาดทั้งสิ้น มีการจัดแบ่งเป็นโซนผักผลไม้ปลอดสาร ข้าวปลอดสาร อาหารสดปลอดสาร อาหารแปรรูปคาวหวาน สินค้ามีความหลากหลาย เรียกว่า เป็นแหล่งศูนย์รวมสินค้าโอท็อปของดีเด่นดังแห่งเมืองอุดรที่ทั้งปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ

อาทิ ข้าวกล้องพื้นเมืองหลากสี มากคุณค่าทางโภชนาการ ข้าวสาร ไข่เค็มสมุนไพร น้ำฟักข้าว น้ำเสาวรส 5 ดาว ข้าวหลามกุมภวาปี สหกรณ์โคนมจังหวัดอุดรธานีและการแปรรูปนม น้ำสมุนไพรหลากรสชาติ การแปรรูปเห็ดเป็นทั้งน้ำเพื่อสุขภาพ ชาเห็ดเพื่อสุขภาพ และแหนมเห็ดมังสวิรัติ รวมไปถึงการแปรรูปข้าวเป็นขนมหลากชนิด

ทุกอย่างล้วนเหมาะเป็นของฝากสำหรับผู้ที่มาเยือนจังหวัดอุดรธานีได้เป็นอย่างดี เพราะสินค้าที่คัดสรรเข้ามาล้วนปลอดภัย มีเสน่ห์ทั้งไอเดียและรสชาติที่เอร็ดอร่อยถูกใจผู้บริโภค

เกษตรจังหวัดให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า สิ่งที่ผู้บริโภคยอมรับตลาดเกษตรกรคือ สินค้าได้มาตรฐาน มีคุณภาพและความปลอดภัย การบริการลูกค้าโดยอิสระบนพื้นฐานความยุติธรรมและจริงใจซื่อสัตย์ จึงเกิดความพึงพอใจและได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ตลาดก้าวสู่ปีที่ 2 ยิ่งเติบโตแม้ตนเพิ่งมาสานต่องานก็มีความดีใจที่ได้มาเห็นความเข้มแข็งของตลาด โดยมีคณะทำงานและพลังของสมาชิกทุกคนที่มีความตั้งใจดีร่วมกันที่จะเห็นตลาดเจริญก้าวหน้าพัฒนาไปในทิศทางที่ดีเข้มแข็งและมีความยั่งยืน

ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคนับวันใส่ใจสุขภาพและให้การยอมรับตลาด ได้ส่งผลต่อรายได้ที่เพิ่มขึ้น

สิ่งเหล่านี้จะเป็นจุดดึงดูดเกษตรกรรายใหม่ๆ ให้มีความตื่นตัวในเรื่องการผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานและความปลอดภัย

พร้อมกันนี้ ยังได้มีการเปิดตลาดในจุดอื่นๆ โดยร่วมกับเอกชนในจังหวัดอุดรธานี อาทิ ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างเซ็ลทรัลพลาซ่า บิ๊กซี ตลาดโพศรีวิลเลจ ฯลฯ โดยร่วมกับส่วนราชการอื่น เช่น สหกรณ์จังหวัด หอการค้าจังหวัด พาณิชย์จังหวัด พัฒนาชุมชน ฯลฯ ส่งเสริมเพื่อเปิดช่องโอกาสให้เกษตรกรได้เข้าไปเปิดตลาดใหม่เพิ่มรายได้ที่มากขึ้น

“ในอนาคตตลาดเกษตรกรจะมีการขยายพื้นที่เพื่อรองรับผลผลิตทางเกษตร การพัฒนาขีดความสามารถและทักษะความรู้ให้แก่เกษตรกรในรูปโครงการรัฐขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงภาคการเกษตรและชนบท ตลอดจนจัดให้มีศูนย์เรียนรู้ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อให้เกษตรกรได้เข้าไปศึกษาและยังมีโครงการอื่นๆ ที่ยังต้องส่งเสริมเกษตรกรอีกหลายโครงการ” นายนุศิษฎ์ กล่าว

ท้ายสุดนายนุศิษฎิได้กล่าวให้กำลังใจแก่สมาชิกตลาดเกษตรกรอุดรฯ ด้วยว่า ในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐจะเกิดอย่างต่อเนื่อง กระทรวงมีมาตรการในการดูแลพี่น้องเกษตรกร การส่งเสริมให้ผลิตพืชในระบบมาตรฐานทั้ง GAP และระบบอินทรีย์ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์เรียนรู้ของแต่ละอำเภอ เกษตรต้นแบบ แปลงต้นแบบ สร้างฐานเรียนรู้เพื่อให้เกษตรกรในแต่ละอำเภอเข้ามาเรียนรู้เป็นตัวอย่างนำไปปฏิบัติในไร่นาของตนเอง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ตนเองและผู้บริโภค

“ระบบ GAP ทุกคนสามารถทำได้ไม่ยาก ทางราชการพร้อมส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตพืชให้ได้มาตรฐาน ระบบอินทรีย์คือเป้าหมายสำคัญที่ทุกคนต้องทำให้ได้ ในอุดรธานีมีต้นแบบระบบอินทรีย์หลายพื้นที่ ทั้งการผลิตและการตลาดที่สามารถไปเรียนรู้ได้เช่นเดียวกัน” นายนุศิษฎ์ กล่าว

นับเป็นความโชคดีของเกษตรกรอุดรธานีและจังหวัดอื่นๆ ที่มีตลาดตรงนี้เกิดขึ้น เพราะเดิมการผลิตพืชของเกษตรกรส่วนใหญ่มักอาศัยพ่อค้าคนกลาง สำหรับตลาดเกษตรกรการที่นำผลผลิตมาพร้อมความปลอดภัยและได้มาตรฐานสู่ผู้บริโภคได้เลือกซื้อหาโดยตรงจะทำให้เกษตรกรมีรายได้ที่มากขึ้น เกิดความมั่นคง เกิดความมั่นใจศรัทธาในอาชีพ เมื่อมีรายได้คุณภาพชีวิตก็ดีความยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้ในที่สุด

ด้าน พ่อบุญเกิด ยุบลพันธ์ ประธานศูนย์เรียนรู้ตำบลทับกุง อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี ตัวแทนสมาชิกหนึ่งในผู้ค้าตลาดเกษตรกรรุ่นบุกเบิกตลาด เปิดเผยด้วยรอยยิ้มว่า

“สินค้าทุกกลุ่มชนิดตั้งแต่พืชผัก สินค้าแปรรูปยืนยันปลอดภัย 100% รู้ที่มาและปลอดภัยจริงๆ ส่งผลให้ลูกค้าตลาดเพิ่มมากขึ้น ผลดีของตลาดเกษตรกรคือ ทำให้ตนเกิดปัญญาและมีรายได้ตลอดทุกเดือนโดยไม่เดือดร้อนลูกหลาน เกิดความสุขสบายใจ ลดปัญหาครอบครัว เดิมจะพึ่งลูกหลานตอนนี้กลับกันแล้ว”

พ่อบุญเกิด กล่าวอีกว่า ตลาดเกษตรกรกลายเป็นอีกหนึ่งชุมชน ทุกคนที่มาล้วนเป็นผู้ที่ถูกคัดเลือกจากแต่ละอำเภอมาแล้วว่าดีและปลอดภัย สมาชิกตลาดต่างที่มาได้พบเจอกันมาคุยกันในเชิงบวกต่อยอดการเพิ่มมูลค่าของตนเองและเพื่อนๆ ทำให้เกิดการพัฒนาสร้างสรรค์ช่วยกัน

“เกษตรกรผู้สูงอายุเช่นตนได้มาเรียนรู้ร่วมกันกับคนรุ่นใหม่ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน เดิมอาชีพเกษตรกรเช่นเราอ่อนแอและเกิดปัญหามาตลอดเมื่อผลผลิตออกมาทุกคนจะมุ่งไปหานายทุนหรือพ่อค้าคนกลางเพียงอย่างเดียว เมื่อตนได้ไปศึกษาและได้ปฏิบัติตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รวมถึงโครงการในพระราชดำริต่างๆ มาประยุกต์ใช้กับอาชีพเกษตรกรรมจนสามารถ “ปลูกได้ ขายเป็น ไม่พึ่งนายทุน พึ่งพาตนเองได้” พร้อมยังลดต้นทุนการผลิตการขาย ตัดปัญหาพ่อค้าคนกลางไปจากระบบโดยสิ้นเชิง ทุกคนสามารถกำหนดยอดขายได้ด้วยตนเอง เพราะเกษตรกรจะทราบต้นทุนอยู่แล้ว” พ่อบุญเกิด กล่าวทิ้งท้าย

หากมาเยือนถิ่นเมืองดอกจาน เมืองอุดรธานี แล้ว ตลาดเกษตรกรเป็นอีกแห่งที่น่าสนใจอย่าลืมแวะไปอุดหนุนผลผลิตสินค้าแปรรูปทางการเกษตรที่หลากหลายและปลอดภัย ทั้งเป็นการส่งเสริมให้กำลังใจเกษตรกรในการประกอบอาชีพที่ยั่งยืน

โดยพบกัน ณ บริเวณด้านหน้าสำนักงานเกษตรจังหวัดอุดรธานี ตรงข้ามสวนสาธารณะหนองประจักษ์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ทุกวันศุกร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 07.30-18.00 น. โดยประมาณ