ท่ามกลางที่ประเทศไทยกำลังประสบกับวิกฤติภัยแล้งอย่างกว้างขวาง ถึงขนาดรัฐบาลต้องประกาศขอความร่วมมือจากเกษตรกรให้งดการทำนาปรัง และมีการส่งเสริมอาชีพอื่นทดแทนไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย
ในจำนวนอาชีพเสริมที่ใช้น้ำน้อยนั้น คือการเลี้ยงจิ้งหรีด เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ไม่ควรจะมองข้าม เนื่องจากเป็นอาชีพที่ใช้น้ำน้อยมาก เลี้ยงง่าย ตลาดต้องการสูง สามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเป็นอย่างดี จะเห็นจากบางหมู่บ้านที่เลี้ยงจิ้งหรีด มีเงินหมุนเวียนเดือนละนับล้านบาท โดยมีผู้ประกอบการไปรับซื้อถึงที่ ส่วนหนึ่งใช้บริโภคภายในประเทศ และอีกส่วนส่งออก
สอดคล้องกับก่อนหน้านี้ ทางองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือเอฟเอโอ ออกรายงานอย่างเป็นทางการว่า หนึ่งในหนทางดีที่สุดในการเลี้ยงประชากรโลกที่คาดว่าจะมีกว่า 9,000 ล้านคนในปี ค.ศ.2050 คือ “แมลง” ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันต่อป่าไม้และทะเล แหล่งอาหารหลักของคนเราไม่ให้รับศึกหนักมากไปกว่านี้ และปริมาณอาหารที่ผลิตได้ ณ วันนี้มีไม่เพียงพอแน่นอน
เอฟเอโอ เคยระบุว่า แมลงบางชนิดต้องเป็นอาหารคน เนื่องจากความต้องการแหล่งอาหารอย่างยั่งยืนเพิ่มสูงขึ้น ที่สำคัญกระบวนการเผาผลาญอาหารเป็นน้ำหนักตัวของปศุสัตว์และสัตว์ปีก ไม่ดีเท่ากับแมลง อย่างจิ้งหรีด ต้องการอาหารเพียง 2 กิโลกรัม สำหรับการทำน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม กระบวนการเปลี่ยนผ่านทางชีวภาพที่มีต้นทุนต่ำ แถมช่วยลดการปนเปื้อน และปล่อยก๊าซเรือนกระจก, ก๊าซแอมโมเนีย น้อยกว่าโค กระบือ และสุกร ตลอดจนใช้ที่ดินและน้ำน้อยกว่าการเลี้ยงปศุสัตว์ รวมถึงการใช้ทรัพยากรน้ำที่น้อยด้วย
ขณะที่ประเทศไทยก็ได้มีสถาบันการศึกษา หน่วยงานของรัฐ และบริษัทเอกชนบางแห่งก็มีการส่งเสริมในการเลี้ยงแมลงมาบ้างแล้ว โดยเฉพาะจิ้งหรีด อย่างคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้มีกิจกรรมจัดอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การแปรรูปอาหารจากแมลง” เน้นไปที่ชนิดและคุณค่าทางอาหารของแมลงกินได้ เป็นต้น
ล่าสุด นายพิศาล พงศาพิชณ์ รองเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ระบุว่า ทางคณะกรรมาธิการยุโรป หรืออีซี ได้ประกาศยอมรับกฎระเบียบฉบับใหม่เกี่ยวกับอาหารที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ (Novel food) เพื่อให้สถานประกอบการสามารถนำเข้า Novel food ไปยังยุโรปได้สะดวกขึ้น ซึ่งกฎระเบียบดังกล่าว จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 และได้กำหนดให้แมลงเป็น Novel food ด้วย ถือเป็นการเปิดช่องทางให้แก่อุตสาหกรรมอาหารจากวัตถุดิบแมลง ที่จะเป็นโอกาสให้เกษตรกรผู้เลี้ยงจิ้งหรีดของไทยที่จะขยายตลาดส่งออกได้มากขึ้น จึงจำเป็นต้องเร่งจัดทำมาตรฐานจีเอพี ฟาร์มจิ้งหรีด เพื่อเสริมขีดความสามารถการแข่งขันให้แก่สินค้าแมลงของไทยในตลาดโลก
“ปัจจุบันไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพและมีความชำนาญในการเพาะเลี้ยงจิ้งหรีดในเชิงพาณิชย์ โดยมีฟาร์มจิ้งหรีดประมาณ 2 หมื่นแห่ง ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ จ.ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และมหาสารคาม สำหรับพันธุ์จิ้งหรีดที่เกษตรกรนิยมเลี้ยงมี 3 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์สะดิ้ง ทองดำ และจิ้งหรีดขาว โดยมีกำลังผลิตสูงถึง 7,500 ตัน/ปี คิดเป็นมูลค่าจิ้งหรีดสดและแปรรูปรวมกว่า 900 ล้านบาท” นายพิศาล กล่าว
รองเลขาธิการ มกอช. ระบุอีกว่า ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์จิ้งหรีดแปรรูปมากมาย เช่น สแน็คฟู้รสชาติต่างๆ ทั้ง รสต้มยำ รสวาซาบิ จิ้งหรีดกรอบ รวมทั้งจิ้งหรีดชนิดโปรตีนผง เพื่อนำไปแปรรูป เป็น เค้ก คุกกี้ ส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งลาว จีน และสหภาพยุโรป หรืออียู ทางผู้ประกอบการได้ประสานมายัง มกอช. เพื่อให้ออกข้อกำหนดมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มจิ้งหรีด หรือฟาร์มจิ้งหรีดจีเอพี ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งเสนอให้คณะกรรมการมาตรฐานสินค้าเกษตรพิจารณาการจัดทำมาตรฐานฟาร์มจิ้งหรีด เพื่อสนับสนุนการเพาะเลี้ยง การแปรรูปและการส่งออกจิ้งหรีดไปต่างประเทศต่อไป
ด้าน นายราฟาเอล ซาโมซิโน กรรมการผู้จัดการบริษัท อีโค่ อินเซ็ค ฟาร์มมิ่ง จำกัด ผู้รับซื้อจิ้งหรีดเพื่อนำไปแปรรูเป็นจิ้งหรีดผง ส่งออกยุโรป มีสำนักงานอยู่ที่ อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ บอกว่า ปัจจุบันทางอียูให้การยอมรับการบริโภคแมลงเพิ่มมากขึ้นแล้ว โดยเฉพาะจิ้งหรีดมีแนวโน้มความต้องการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในรูปแบบของแป้งจิ้งหรีดหรือจิ้งหรีดผง นำไปทำคุกกี้ และพาสต้า ถือเป็นอาหารโปรตีนชั้นเลิศและมีรสชาติดีด้วย
“ช่วงนระยะ 2 ปี ตลาดแป้งจิ้งหรีดในยุโรปเติบโตขึ้นมากอย่าง ประเทศอังกฤษ มีการนำเข้าสูงที่สุด แต่ชาวยุโรปไม่นิยมบริโภคจิ้งหรีดสดเหมือนกับคนไทย แต่ยังไม่ยอมรับการบริโภคเป็นตัว เนื่องจากไม่คุ้นเคยนั่นเอง ทางบริษัท อีโค่ อินเซ็คฯ มีแผนส่งออกแป้งจิ้งหรีดไปยุโรปเดือนละไม่น้อยกว่า 200 กิโลกรัม ขายในราคากิโลกรัมละ 900-1,000 บาท” นายราฟาเอล กล่าว
การเลี้ยงจิ้งหรีดนับเป็นอีกทางเลือกของเกษตรกร โดยเฉพาะช่วงที่กำลังประสบปัญหาภัยแล้ง เนื่องจากใช้น้ำน้อยมาก แต่สามารถสร้างรายได้เป็นอย่างดี
——————-
อาชีพเสริมรายได้หลัก
นายเพ็ชร วงศ์ธรรม ผู้ใหญ่บ้านบ้านแสงตอ ต.บัวใหญ่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น บอกว่า ในหมู่บ้านเลี้ยงจิ้งหรีดทั้งหมด 66 ครอบครัว จากทั้งหมด 99 ครอบครัว เดิมทีเลี้ยงเป็นอาชีพเสริมหลังทำนา แต่ปัจจุบันกลายเป็นรายได้หลัก มีเงินสะพัดในหมู่บ้านเดือนละกว่า 1.6 ล้านบาท อย่างของตนเลี้ยงมาแล้ว 3 ปี เริ่มจาก 4 บ่อ ขนาด 2.80×3 เมตร เลี้ยงได้ 40-45 วัน จับขายได้รุ่นละ 300-400 กิโลกรัม ขายในราคากิโลกรัมละ 90-100 บาท ปัจจุบันมี 180 บ่อ ผลิตได้รุ่นละ 13-14 ตัน มีรายได้ปีละกว่า 1 ล้านบาท
“การที่จิ้งหรีดเป็นแมลงที่เลี้ยงง่าย ใช้พื้นที่และปริมาณน้ำน้อย ไม่ต้องใช้เทคโนโลยีและต้นทุนในการเลี้ยงที่สูง จึงเหมาะสมกับพื้นที่แห้งแล้งหรือเขตชนบท ซึ่งเกษตรกรสามารถเลี้ยงได้ปีละ 8 รุ่น จิ้งหรีดทองลายใช้เวลาเลี้ยง 40-50 วัน ราคาขายส่งกิโลกรัมละ 80-100 บาท ส่วนจิ้งหรีดทองดำใช้ระยะเวลาเลี้ยงประมาณ 30-45 วัน ราคาขายส่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 120-150 บาท อย่างของผมทำตลาดเองส่งไป จ.กาฬสินธุ์ ตลาดไท ตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว และจตุจักร กรุงเทพฯ” นายเพ็ชร กล่าว
——————-
(ทำมาหากิน : อย่ามองข้ามอาชีพเลี้ยง ‘จิ้งหรีด’ แมลงเศรษฐกิจเงินล้านสู้ภัยแล้ง : โดย…ดลมนัส กาเจ)