13 มิ.ย. 2568 04:40 น.

• ไลฟ์สไตล์
• ธนูเทพ

บุคคลในข่าว 13 มิถุนายน 2568

ถ้าไม่ได้ทำผิด ก็ไม่ต้องกลัวคำกล่าวหา หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ยักษ์ใหญ่สารพัดสีจำหน่ายมากที่สุดของประเทศ ฉบับประจำวันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน 2568

“ธนูเทพ” ประจำการรับใช้ท่านผู้อ่าน สถานการณ์ความขัดแย้ง ชายแดนไทย–กัมพูชา จากกรณีเหตุปะทะที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดและสร้างความกังวลว่าจะเกิด สงครามชิงแดน…แต่สุดท้ายสถานการณ์ก็ได้เริ่มคลี่คลาย เมื่อ กองทัพไทย ใช้มาตรการทางยุทธวิธีตอบโต้กดดัน สั่งกำลังพลเตรียมพร้อมรบ ระดมอาวุธยุทโธปกรณ์เต็มพิกัด เฝ้าระวังตามแนวชายแดน ไทย–กัมพูชา อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันและตอบโต้หากมีการรุกล้ำอธิปไตย…พร้อมใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก สั่งจำกัดเวลาเปิด–ปิด ด่านชายแดน ไม่ให้คนไทยข้ามไป บ่อนกาสิโน ในเขต กัมพูชา และลดการขนส่งสินค้าต่างๆให้แก่ กัมพูชา เพื่อเป็นการตอบโต้กดดัน ที่ ทหารกัมพูชา รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ทับซ้อนกว่า 150 เมตร ขัดต่อข้อตกลง พร้อมสั่งกำชับกองกำลังที่คุมด่านต่างๆตามแนวชายแดน หากมีการโจมตีจากทหารกัมพูชาให้ปิดด่านข้ามแดนอย่างถาวรทันที รวมถึงขู่ใช้ มาตรการตัดกระแสไฟฟ้า ที่ไทยส่งให้จังหวัดต่างๆของกัมพูชา

เมื่อเจอมาตรการตอบโต้กดดันอย่างเข้มข้นจาก กองทัพไทย ทำให้ รัฐบาล และ กองทัพกัมพูชา ต้องเปลี่ยนท่าทีลดความแข็งกร้าว ยอมปรับถอนกำลัง ถอยออกจากพื้นที่ทับซ้อนบริเวณ ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลับไปอยู่ในแนวที่ตั้งเดิม เมื่อปี 2567 แสดงท่าทีพร้อมเข้าสู่ แนวทางเจรจา แก้ปัญหาความขัดแย้ง ชายแดนกับ รัฐบาลไทย แทนการใช้กำลังเข้าปะทะกัน…งานนี้ ประสา “ธนูเทพ” เห็นว่าอันดับแรกต้องยกให้เป็นผลงานของ กองทัพ ที่ใช้ ยุทธวิธี กดดันให้ กัมพูชา เดินกลับเข้าสู่การเจรจาแก้ปัญหาความขัดแย้ง อย่างสันติ ยุติการเผชิญหน้าของทหารทั้งสองฝ่าย ก่อนจะบานปลายกลายเป็น สงครามระหว่างประเทศ ถือว่าทำหน้าที่ได้สมภาคภูมิ น่าชื่นชมอย่างยิ่ง…ขณะที่ในส่วนของ รัฐบาล ภายใต้การนำของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แม้ถูกมองว่ามีท่าที นุ่มนิ่มนุ่มนวลเกินไป ไม่มี ความแข็งกร้าวเด็ดขาด ในการแก้ปัญหา ทหารกัมพูชา รุกล้ำชายแดนไทย เพราะ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายก รัฐมนตรี และคนใน ตระกูลชินวัตร มีความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อกับ ฮุน เซน ประธานรัฐสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แต่ถ้ามองถึงการทำหน้าที่ของ รัฐบาลไทย ที่ต้องแสดงท่าทีในสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ท่ามกลาง สายตานานาชาติ ที่จับจ้อง ก็ถือว่า ทรงตัวได้ดี ที่ไม่แสดงท่าทีใช้อารมณ์เกรี้ยวกราด กระเหี้ยนกระหือ ใช้อาวุธเข้าห้ำหั่นทำสงครามแก้ปัญหา…แน่นอน ท่าทีเช่นนี้อาจไม่ถูกใจคนไทยที่อินกับ กระแสชาตินิยม แม้ นายกฯแพทองธาร ได้ย้ำมาก่อนแล้วว่า ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด แต่ก็ไม่มีใครสนใจฟังสักเท่าไหร่…ขณะที่ต่อมาทาง กองทัพบก ได้เชิญชวนให้คนไทยติดแฮชแท็กในประโยคเดียวกัน ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด กลับเป็น กระแสกระหึ่มโซเชียลฯ ทั้งที่ความหมายก็ชัดเจนตรงกันว่า คนไทยนั้นรักสงบ แต่ถึงคราวต้องรบก็ไม่ขลาด พร้อมสู้ตาย…แต่หลายคนกลับมองข้ามคำว่า สงบ คิดแต่จะให้ รบ อย่างเดียว และสุดท้ายขนาด กองทัพ เองก็ยังใช้ ยุทธวิธี เพื่อทำให้พื้นที่ชายแดน ไทย–กัมพูชา เกิดความสงบ โดยไม่ต้องทำ สงครามรบราฆ่าฟัน เพราะถ้าทั้งสองฝ่ายปะทะกันก็ต้องเสียเลือด เสียเนื้อ บาดเจ็บ ล้มตาย ขณะที่ ประชาชน ในพื้นที่ ทั้ง ไทยและกัมพูชา แม้แต่ เด็กน้อยตาดำๆ ก็จะได้รับเคราะห์กรรมจาก ภัยสงคราม อย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายสมรภูมิ

ล่าสุด หลังการประชุม ครม. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายกฯแพทองธาร ได้แถลงถึงสถานการณ์ ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาล พยายามอย่างเต็มที่ในการคลี่คลายสถานการณ์ ผลออกมาค่อนข้างเรียบร้อยดี มีการประสานความร่วมมือตามกรอบ ทวิภาคี รวมถึงคุยกันระหว่าง กระทรวงและทุกหน่วยงาน ขณะที่ตนเองได้พูดคุยกับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ผลลัพธ์ที่ออกมาสามารถ เจรจากันด้วยสันติวิธี ทำให้ไม่มีการปะทะกันที่รุนแรง มีการปรับกำลังพลในพื้นที่ที่มีข้อพิพาทให้อยู่ในสถานการณ์ปกติ ส่วนพื้นที่อื่นๆยังมีกำลังพลตามเดิม รัฐบาล ขอยืนยันการเจรจาทั้งหมดนี้ผ่านไปด้วยดี และขอเน้นย้ำว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นกับ ประชาชน อย่างแน่นอน…รวมถึง กระทรวงการต่างประเทศ ได้รายงานว่าการประชุม คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC) วันที่ 14 มิ.ย.นี้ มีการยืนยันแล้วในทุกระดับ ทั้ง กระทรวงการต่างประเทศ และ ระดับนายกรัฐมนตรี ขอยืนยันวันที่ 14 มิ.ย.นี้ มีการประชุมเกิดขึ้นแน่นอน

งานนี้ จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าสถานการณ์ความขัดแย้งชายแดน ไทย– กัมพูชา จะกลับเข้าสู่ ภาวะปกติได้จริงๆ อย่างที่ รัฐบาล ยืนยันไว้หรือไม่ โดยผลจาก การประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะเป็นตัวชี้วัดเบื้องต้น ว่า รัฐบาลกัมพูชา จริงใจที่จะเจรจา หรือเป็นแค่เล่ห์เหลี่ยม วางหลุมพราง หาทางดัดหลัง รัฐบาลไทย ในย่างก้าวต่อไป จบข่าว

ผ่างๆ…วันนี้ ศุกร์ 13 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนเรื่องการบังคับโทษจำคุกของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไปรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ…โดยเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของอดีตนายกฯทักษิณ ออกมาตีปี๊บว่าได้ขอขยายทำคำชี้แจง ซึ่งศาลฯได้อนุญาตกำหนดกรอบเวลาเป็นภายในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ และในวันที่ 13 มิ.ย. ตนเองในฐานะทนายจะเดินทางไปศาลฎีกาฯ ตามนัดไต่สวน โดย อดีตนายกฯ ทักษิณ ไม่ต้องไปศาลฯ …พยายามใช้เทคนิคยื้อเวลาเต็มที่เหมือนกัน แต่ยังไงก็ตามในการพิจารณาไต่สวนนัดนี้ ศาลฯ จะ มีคำสั่งอะไร ออกมาหรือไม่ ต้องรอลุ้นกันด้วยความระทึก

สังคมทั่วไป

สวดพระอภิธรรม พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกรัฐมนตรี ศาลา 5 วัดโสมนัสฯ 18.00 น. ถึง 16 มิ.ย. พระราชทานเพลิง 17 มิ.ย. 16.00 น.

ฌาปนกิจ สุใจ แสงศิริอัมพร มารดา ดร.นุชนาถ วสุรัตน์ 14 มิ.ย. 14.00 น. วัดเทพศิรินทราวาส

“ธนูเทพ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “บุคคลในข่าว” เพิ่มเติม

12 มิ.ย. 2568 06:02 น.

• ไลฟ์สไตล์
• เพลิงสุริยะ

บุคคลในข่าว 12 มิถุนายน 2568

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ…..ยอดจำหน่ายมากที่สุดของประเทศ…..ฉบับประจำวันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2568

เพลิงสุริยะ รายงานตัวท่านผู้อ่าน……..ช่วง 12–13–14 มิ.ย.นี้ เป็นช่วงลุ้นระทึกชี้ชะตา อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร และรวมไปถึง รัฐบาลลูกสาว

เริ่มจากวันนี้ 12 มิ.ย. ที่จะมีการประชุมใหญ่ประจำเดือนของ แพทยสภา……..วาระสำคัญที่ทุกฝ่ายจับตาคือ การลงมติยืนยันมติเดิม เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ให้ลงโทษแพทย์ 3 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งตัวและรักษา อดีตนายกฯทักษิณ ที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจหรือไม่ ……..หลัง สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะ สภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา ได้วีโต้มติแพทยสภา ทำให้แพทยสภาต้องมาประชุมอีกครั้งว่าจะยืนยันมติเดิมหรือไม่……..มีแรงกดดันจาก กลุ่มประชาคมแพทย์ ให้โหวตแบบเปิดเผย ขานชื่อทีละคน ไม่เอาการลงมติลับ……..เท่าที่ติดตามและได้รับฟังมา น่าจะไม่มีอะไรพลิกมติเดิม เสียงโหวตน่าจะท่วมท้นไม่ต่ำกว่า 60 เสียง

ถัดไป 13 มิ.ย. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้ นัดพร้อมหรือนัดไต่สวนการบังคับโทษจำคุก อดีตนายกฯทักษิณ เป็นไปตามระเบียบกฎหมายหรือไม่……..อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากกรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจ เช่นเดียวกัน ก็ต้องรอดูว่า อดีตนายกฯทักษิณ จะไปศาลฎีกาฯเอง หรือจะส่งทนายความไปแทน ……..ที่สำคัญคือต้องรอดูว่าศาลฎีกาฯ จะมีคำสั่งหรือคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร……..โปรดติดตามด้วยใจระทึกพลัน

และ 14 มิ.ย. มีการนัดประชุม คณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ……..ต้องดูว่าการเตรียมการของฝ่ายไทย จะเป็นการใช้ชั้นเชิงการทูตเชิงรุก หรือยังคงไล่ตามก้นของเขมร เพราะก่อนหน้านี้กัมพูชาโชว์ความเขี้ยวออกมาแล้วว่า จะไม่นำกรณีพิพาทที่ช่องบก ที่มี ปราสาทสามตา คือ ตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การประชุมในครั้งนี้……..มุ่งเป้ายืมมือศาลโลก มาเป็นคุณแก่เขมรท่าเดียว……..ตอนนี้สถานการณ์เลยดูเพลาๆลงไปชั่วคราว แต่ไม่อาจวางใจได้ เพราะ เล่ห์เขมร 2 พ่อลูกตระกูลฮุน รอบจัดแค่ไหนพวกเราคนไทยคงรู้ซึ้งในทรวง

เมื่อต้องเผชิญกับมรสุมรอบด้าน ก็ทำเอา นายกฯแพทองธาร ชินวัตร เป๋ไปเป๋มา ไม่รู้จะกางตำราเล่มไหนขึ้นมาตั้งรับ ทำได้แค่เด้งเชือกประคองตัวไปวันๆ ……..นี่คือบทพิสูจน์ การบริหารประเทศ บนกระดานอำนาจที่โหดอำมหิต ไม่ใช่ที่ที่มือสมัครเล่นจะมาทดลองงาน……..ช่วงจังหวะร้อนๆที่ชายแดนด้านตะวันออก นายกฯอิ๊งค์ ดันไปลงพื้นที่ด้านตะวันตก เมืองกาญจน์ ไปติดตามโครงการจัดหาน้ำบาดาล……..เฮ่ออออ……..ผิดกับ แคนดิเดตนายกฯ อีกคน ของพรรคร่วมรัฐบาล “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังคงเล่นบท หวานซ่อนมีด หลังกลับจากสวิตเซอร์แลนด์ ก็บินลงพื้นที่เรียกประชุม 7 ผู้ว่าฯที่มีชายแดนติดกับเขมรทันที……..โชว์บทบาทคู่ชิงตำแหน่งผู้นำ แถมยังโอ้โลมปฏิโลม ชื่นชมกองทัพในการจัดการแก้ปัญหาความขัดแย้งครั้งนี้ ……..นี่ก็เล่นเป็นเกิ๊นนน

ก็ต้องบอกงานนี้เจ้าหน้าที่ทหารผู้ปฏิบัติ ปฏิบัติหน้าที่ได้ชื่นชม ในการงัดมาตรการตอบโต้จากเบาไปหาหนัก ตัดไฟ ตัดน้ำ ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต……..เท่ากับตัดเส้นเลือดกลุ่มทุนเทา ที่เป็นลมหายใจของชนชั้นนำเขมร ตามมาด้วยการที่ กองทัพบกเชิญผู้ช่วยทหาร 47 ประเทศ มารับฟังข้อเท็จจริงปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาเน้นย้ำยึดแนวทางสันติ ใช้กลไกทวิภาคี……..เป็นการเดินเกมที่ถูก ใช้การทูตเชิงรุก ก็อยากให้รัฐบาลโดย กระทรวงการต่างประเทศ หากจนปัญญาจะคิดจริงๆ สามารถลอกการบ้านได้……..แต่เหรียญมี 2 ด้านเสมอ เมื่อบทบาท ทหาร–กองทัพ โดดเด่นขึ้นมา ท่ามกลางความเชื่อมั่นในตัว รัฐบาล ที่ถดถอยก็จะมีบรรดา กองเชียร์กองแช่ง คอยยุแยงให้ทหารคิดนอกกรอบ……..เลยอยากย้ำคำพูดของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตผู้นำฝ่ายค้าน อีกครั้งว่า “ทหารมีไว้ปกป้องประเทศ ไม่ใช่มีไว้ปกครองประเทศ”

ถือโอกาสนี้ร่วมไว้อาลัยต่อการอสัญกรรม ของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกฯ และอดีต ผบ.ทบ. ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง แม้จะพ้นจากอำนาจมาแล้วก็ยังสามารถครองใจกำลังพลมาได้เป็นสิบๆปี……..และยังเป็นบทเรียนสำคัญ หากเลือกวางหมากผิด อาจพังทั้งกระดาน

ร้อนฉ่าขึ้นมาทันที เมื่อโพยรายชื่อ 21 สส. ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เข้าชื่อยื่นเสนอ นายกฯแพทองธาร ปรับ ครม.สัดส่วนของพรรค นำโดย สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์…….. รีบสวนทันควัน วิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร ที่เคยมีภาพนั่งกินกาแฟอยู่กับกลุ่มสุชาติ ปฏิเสธในนาม สส.ชุมพรทั้ง 3 เขต ไม่ได้ร่วมลงชื่อขอให้ปรับ ครม. …….. งานนี้ไม่จบง่ายๆ การประลองกำลังระหว่างขั้ว พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค บวก เลขาฯขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ กับ ขั้วสุชาติ ที่มีอภิมหาทุนเป็นแบ็กอัป…….. คนที่ได้กับได้ก็ลูกพรรค รับกันมันมือ ……..แต่คนที่ปวดหัวสุดหนีไม่พ้นนายกฯอิ๊งค์ ที่ต้องตัดสินใจ จะเอาอย่างไรดีกับพรรคร่วม โดยเฉพาะ ภูมิใจไทยหนามยอกอก “นายใหญ่”

กองบัญชาการกองทัพไทย แสดงความชื่นชม AIS และไทยคม ในฐานะผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารโทรคมนาคมของประเทศ ร่วมสนับสนุนภารกิจป้องกันชายแดนไทย-กัมพูชา และการปฏิบัติภารกิจของเจ้าหน้าที่ไทยอย่างเต็มกำลัง เสริมความมั่นคงการสื่อสารในพื้นที่ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐ……..วันเสาร์ที่ 14 มิ.ย.นี้ ประเสริฐ ประคุณศึกษาพันธ์ อดีต สว.ขอนแก่น จัดกิจกรรมการกุศล “วันแห่งการให้ วันแห่งรอยยิ้ม” ในโอกาส ครบรอบ 10 ปี มูลนิธิ ส.ว.ประเสริฐ ประคุณศึกษาพันธ์ แจกปัจจัยยังชีพ (เงินสด) เครื่องอุปโภค บริโภค อาหารคาวหวาน อุปกรณ์การเรียน-กีฬา ฯลฯ แก่ประชาชนผู้ด้อยโอกาส ผู้สูงอายุ-พิการ เปิดลงทะเบียนตั้งแต่ 6 โมงเช้า ที่ บริษัท The Quality Wire จ.สมุทรปราการ……..สวดพระอภิธรรม คุณแม่สุใจ แสงศิริอัมพร มารดา นุชนาถ วสุรัตน์ 18.30 น. ศาลา 14 ถึงวันที่ 13 มิ.ย. วัดเทพศิรินทราวาส ฌาปนกิจศพ 14 มิ.ย. เวลา 14.00 น.

พระราชทานเพลิงศพ ร.ต.อนุกูล สุภาไชยกิจ อดีต สว. และอดีต ผวจ.ยะลา และ ผวจ.พัทลุง ที่วัดควนมะพร้าว อ.เมืองพัทลุง 12 มิ.ย. 15.00 น.

“เพลิงสุริยะ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “บุคคลในข่าว” เพิ่มเติม

11 มิ.ย. 2568 04:30 น.

• ไลฟ์สไตล์
• ไต้ฝุ่น

บุคคลในข่าว 11 มิถุนายน 2568

หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ยักษ์ใหญ่สารพัดสีขายดีที่สุด ชื่นชมผลงานกองทัพไทย ฉบับนี้ประจำวันพุธที่ 11 มิถุนายน 2568

สถานการณ์ชายแดนไทยช่องบก กลับสู่ภาวะปกติแล้ว เมื่อ สมเด็จฮุน เซน ผู้นำกัมพูชาตัวจริงยอมถอยไฟเขียวให้ทหารกัมพูชาที่รุกล้ำแผ่นดินไทยที่ช่องบก ถอนกำลังกลับไปที่ตั้งเดิมในกัมพูชา หลังจากที่ กองทัพบกสั่งจำกัดเวลาการเปิดปิดชายแดนไทย บีบชีพจรเศรษฐกิจกัมพูชาเป็นมาตรการแรก ความสำเร็จที่เกิดขึ้นครั้งนี้ “ไต้ฝุ่น” ขอยกให้เป็น ผลงานของฝ่ายทหาร ที่เดินเกมบีบฝ่ายเขมรจนต้องยอมถอย

สิ่งที่ สมเด็จฮุน เซน ผู้นำกัมพูชาตัวจริง กลัวอย่างมาก ก็คือ มาตรการตัดไฟฟ้า 9 จุด ที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 ประกาศเป็น มาตรการเพิ่มเติมต่อจากการจำกัดการเปิดปิดชายแดน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อหลายจังหวัดในกัมพูชา กระทบ ต่อเศรษฐกิจกัมพูชาในวงกว้าง รวมทั้ง บ่อนกาสิโน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อีกมากมาย ทำให้ สมเด็จฮุน เซน ต้องส่งนายทหารมาถามฝ่ายไทยว่า ไทยมีมาตรการตัดไฟจริงหรือไม่ เมื่อรู้ว่าเป็นความจริงก็รีบเปิดการเจรจากับฝ่ายไทยทันที

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พล.ท.สรัย ดึก รอง ผบ.ทบ. และ ผบ.กองพลสนับสนุนที่ 3 กัมพูชา เป็นฝ่ายติดต่อมาขอเจรจากับฝ่ายไทย ฝ่ายไทยมี พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาค 2 พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผบ.กองกำลังสุรนารี ร่วมเจรจาและบรรลุข้อตกลงสองฝ่าย กัมพูชาจะปรับการวางกำลังกลับไปสู่แนววางกำลังเดิมปี 2567 พร้อมทั้งกลบคูเลตที่ขุดไว้ เพื่อลดการเผชิญหน้า

ฝ่ายประสานที่สำคัญอีกคนที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เปิดเผยคือ ผู้ช่วยทูตทหารกองทัพบกไทยประจำกัมพูชา ซึ่ง “ไต้ฝุ่น” ไปค้นชื่อมาคือ พ.อ.กรวรานนท์ กลั่นพรมสุวรรณ ที่ได้ประสานงานกับฝ่ายกัมพูชามาโดยตลอด เป็นที่มาของการส่ง พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ไปพูดคุยหลังจากที่กัมพูชาประสานมาจนได้ข้อสรุป

เกมต่อไป คือ การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ที่ กรุงพนมเปญ วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน เกมนี้มี มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีต่างประเทศ เป็นผู้รับผิดชอบนำทีมไปร่วมประชุม ซึ่ง ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ยืนยันว่า วาระที่จะพูดคุยคือจุดปะทะที่ช่องบก เพราะเป็นพื้นที่เกิดเหตุการณ์ปะทะ ปราสาทอื่นจะไม่หยิบมาพูด คิดว่าคณะกรรมการเจบีซีฝ่ายไทยและกัมพูชาชัดเจนอยู่แล้วจะคุยเรื่องใดบ้าง “ไต้ฝุ่น” หวังว่า จะออกมาในเชิงบวก อย่างที่รองนายกฯคาด

ในยามนี้ สิ่งที่คนไทยและข้าราชการไทยต้องการอย่างยิ่ง คือ “ผู้นำประเทศ” วันจันทร์ที่ 9 มิ.ย. กระทรวงการต่างประเทศ เรียกประชุม เอกอัครราชทูตไทยทั่วโลก กงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก ที่โรงแรมแอทธินี เพื่อมอบ “นโยบายต่างประเทศเชิงรุกของรัฐบาลไทย” ท่ามกลางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ไม่แน่นอน แต่ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร กลับไปตรวจราชการดูนํ้าบาดาลที่กาญจนบุรี ไม่ไปร่วมประชุมให้นโยบายด้วยตัวเอง

นายกฯ แพทองธาร กลับมีเวลาไปอัดเทปเพื่อส่ง “คลิปวิดีโอมอบนโยบาย” ไปเปิดให้ เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก ฟังแทน ก็ไม่รู้ นายกฯแพทองธาร แยกแยะ “ความสำคัญของงาน” ไม่ออกหรืออย่างไร ระหว่าง การพบปะให้นโยบายเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยจากทั่วโลก ซึ่งมาประชุมปีละครั้ง กับการออกไปตรวจโครงการบ่อนํ้าบาดาล ที่ไปเมื่อไหร่ก็ได้ อย่างไหนสำคัญกว่ากัน ในยามที่ ไทยกำลังเจอวิกฤตินโยบายต่างประเทศเช่นนี้ น่าเป็นห่วง “ภาวะผู้นำ” ของ นายกฯแพทองธาร จริงๆนะครับ

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีสาธารณสุข ที่กำลังมีข่าวว่าจะได้กลับมาเป็นรัฐมนตรีอีกครั้ง เพิ่งเชิญแขกไปร่วมพิธีทำบุญ เปิดบ้านใหม่ใหญ่อลังการ เมื่อ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นบ้านสไตล์นีโอ เรเนซองส์ สถาปัตยกรรมยอดนิยมในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่อลังการมากทั้งในบ้านนอกบ้าน “ไต้ฝุ่น” เห็นภาพจาก เนชั่นสุดสัปดาห์ แล้วก็รู้สึกว่า ต้องรวยมากจริงๆ จึงมีบ้านใหญ่ขนาดนั้นได้ บ้านมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของไทยชิดซ้ายไปเลย

สังคมแฮปปี้กันดีกว่า มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง สมชัย สัจจพงษ์ เป็น ประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2568 “ไต้ฝุ่น” ขอแสดงความยินดีอีกครั้ง ดร.สมชัย สัจจพงษ์ ประธานแบงก์ชาติคนใหม่ จะเข้าแบงก์ชาติวันแรกพรุ่งนี้ 12 มิถุนายน

มนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม เตรียมจัดงานใหญ่ กาลา ดินเนอร์ฉลองรอบรอบ 40 ปี ปตท.สผ. วันพฤหัสบดี 19 มิถุนายน ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพ

อัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไทย จัดงานใหญ่ ฉลอง 50 ปี ตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย “Legacy & Future : 50 Years of Thai Capital Market” วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพ เริ่มตั้งแต่ 17.15 น. พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรัฐมนตรีคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ “ธุรกิจไทยโตคู่สังคม” ต่อด้วย The Legacy : มองอดีต สร้างอนาคต บรรษัทภิบาลไทย โดย ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ คนที่ 16 ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานตลาดหลักทรัพย์ฯคนที่ 17 ศ.(พิเศษ) กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานตลาดหลักทรัพย์ฯคนปัจจุบัน

มะรืนนี้ วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน เวลา 14.30 น. ภาคนี วิริยะรังสฤษฎ์ บรรณาธิการอำนวยการ วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดเสวนาเรื่อง “โหนเกษียณ Special EP ทางออก LTF–RMF–SSF ติดดอย สู่พอร์ตเกษียณสุข” ตอบทุกปัญหาของคนติดดอย โดย อัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคม บลจ.และกรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย มนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กุลฉัตร จันทวิมล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) ชยนนท์ รักกาญจนันท์ Head Coach & Co-Founder FINNOMENA ช่วยพานักลงทุนลงจากดอยไปสู่การลงทุนที่ยั่งยืนและเกษียณอย่างมีความสุข

บนแผงวันนี้

สายกินต้องไม่พลาด Gourmet & Cuisine ฉบับมิถุนายน ชวนชิมอาหารจีนในโลกยุคใหม่ Modern Chinese Chic & Vibrant ลิ้มรสอาหารจีนหลากหลายในปัจจุบัน เครื่องดื่มสุขภาพสร้างสมดุล ของหวานจีนลํ้ายุคที่ต้องลอง อีกเล่ม KITCHEN & HOME พาไป เปิดบ้านหรู SMYTH’S สไตล์ Private Estate ที่เล่า เรื่องราวด้วยเสน่ห์แห่งสถาปัตยกรรม.

“ไต้ฝุ่น”

คลิกอ่านคอลัมน์ “บุคคลในข่าว” เพิ่มเติม

10 มิ.ย. 2568 04:50 น.

• ไลฟ์สไตล์
• อินทรีเหล็ก

บุคคลในข่าว 10 มิถุนายน 2568

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ…..ยอดจำหน่ายมากที่สุดของประเทศ…..ฉบับประจำวันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2568

ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด……ขึ้นแฮชแท็กเต็มโซเชียล เลือดรักชาติมาเต็มสูบ…..พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ส่งสัญญาณถึง กัมพูชา ชัดเจน…..ไทยพร้อมใช้มาตรการเด็ดขาดหากไม่ยอมถอยจากพื้นที่พิพาท…..ลงนาม คำสั่งกองทัพบก เรื่อง ควบคุมการเปิด–ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา…..เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา…..มีพลเรือนและกำลังติดอาวุธของฝ่ายกัมพูชารุกล้ำแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ข้ามเข้ามาในราชอาณาจักรไทยหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง และแสดงท่าทีพยายามให้เกิดความเข้าใจว่า พื้นที่รุกล้ำเข้ามานั้นเป็นของกัมพูชา…..ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลงเคารพธงชาติ การติดอาวุธเข้ามาในพื้นที่ ทั้งที่ชัดเจนว่าดินแดนที่รุกล้ำเข้ามานั้นเป็นราชอาณาจักรไทยโดยสมบูรณ์…..กองทัพบกได้สั่งการให้กำลังพลเข้าระงับเหตุโดยการเจรจาและผลักดันให้บุคคลดังกล่าวออกไปเสียให้พ้นราชอาณาจักรไทย ตามหลักวิธีและด้วยความอดทน อดกลั้น แต่พลเรือนและกำลังติดอาวุธกัมพูชาพยายามจะรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยและแสดงท่าทียั่วยุ จนเกิดความตึงเครียดขึ้นตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

กองทัพบกมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้มาตรการเข้มข้นในการผลักดันผู้รุกรานให้พ้นไปเสียจากราชอาณาจักรไทย โดยเฉพาะบริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ…..อันแสดงให้เห็นถึงความไม่ร่วมมือกับประเทศไทยที่มุ่งหมายจะระงับความตึงเครียดดังกล่าวโดยสันติ…..อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกัมพูชา ยังคงมีท่าทียั่วยุให้เกิดการตึงเครียด เสริมกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์แสดงให้เห็นความตั้งใจอย่างชัดเจนที่จะใช้กำลัง…..ด้วยเหตุผลดังกล่าว สภาความมั่นคงแห่งชาติได้มอบหมายให้กองทัพบกดำเนินการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติตามความเหมาะสมของสถานการณ์…….ชัดเจนไม่ต้องแปลความให้เมื่อยตุ้ม…..ย้อนไปถึงคำถาม การสั่งห้ามปิดด่านความมั่นคง จากคนในรัฐบาลก่อนหน้านี้ ย้อนไปถึงคำถาม การแถลงข่าวของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ระบุถึง เขต no man’s land…..ที่ไม่มีอยู่จริง…..และต้องตั้งคำถามกับ รัฐบาลนายกฯแพทองธาร ชินวัตร…..รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ภูมิธรรม เวชยชัย…..รมว.ต่างประเทศ มาริษ เสงี่ยมพงษ์….. จะมีความชัดเจนกี่โมงดี

คะแนนนิยมเทไปที่กองทัพ…..ถึงคราวที่ต้องลงมือเอง พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย วิเคราะห์ถึง สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ต่อเป้าประสงค์ที่แท้จริงของ กัมพูชา ประกอบด้วย…..การได้รับความเชื่อมั่น และกระแสชาตินิยมจากประชาชนชาวกัมพูชา…..การได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์เหนือเขตแดนที่ชัดเจน โดยยึดแผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 ที่แนบท้ายมากับสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1907

และ หากศาลโลกตัดสินให้กัมพูชาได้กรรมสิทธิ์ ครอบครองวิหารสำคัญต่างๆ อาทิ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย ตลอดจนพื้นที่สามเหลี่ยมมรกต จะสามารถสร้างกระแสนิยมให้กับกลุ่มผู้นำประเทศ…..ในนาม กองทัพไทย อยากให้ประชาคมโลก รับทราบ กองทัพไทย ยึดมั่นตามสนธิสัญญาและกฎหมายระหว่างประเทศตามหลักสากล และเชื่อมั่นว่าการแก้ปัญหาระหว่างประเทศที่ได้ผลดีที่สุด คือ กลไกของทวิภาคีที่ทั้ง 2 ประเทศยึดถือ MOU 43 ซึ่งทำให้อยู่ร่วมกันโดยสันติ…..อยากให้สังคมไทยเชื่อมั่นในการปฏิบัติการทางทหารว่ากองทัพมีความพร้อมในการรักษาอำนาจอธิปไตยและรักษาความปลอดภัยของประชาชน….ถ้าเรารวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว เราชนะแน่ we are one we win…..จบข่าว

ณ จุดนี้ นาวาเอกนพโรจน์ สิริปริยพงศ์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ลงนามในหนังสือราชการด่วนที่สุด ให้ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมือง จ.จันทบุรี ระงับนักท่องเที่ยวไทย กัมพูชา เดินทางผ่านเข้าออก ณ จุดผ่านแดนถาวรตามประกาศใช้กฎอัยการศึกในเขตพื้นที่ จ.จันทบุรี เฉพาะ อ.ขลุง อ.โป่งน้ำร้อน อ.สอยดาว เนื่องจากสถานการณ์ อันเป็นภัยคุกคามจากประเทศกัมพูชาและอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย

ในขณะที่ เฟรชนิวส์ สื่อกัมพูชา รายงานว่า ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา ได้กล่าวถึงปัญหาพิพาทแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย ยืนยันว่า กัมพูชาได้จัดตั้งกลไกที่ครอบคลุมเพื่อจัดการปัญหาข้อพิพาทเรื่องเขตแดนที่มีอยู่กับไทย…ประกอบด้วย กระบวนการทางเทคนิค การเจรจาทวิภาคี และช่องทางกฎหมายระหว่างประเทศ…..ย้ำว่า กัมพูชาจะตอบโต้ด้วยการใช้กำลัง หากไทยเริ่มโจมตีด้วยอาวุธก่อน…..ว้าเหว่…..ข่าวประชาสัมพันธ์ ด้วย อิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. และ ศ.สันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ กรรมการ กกต. จะพ้นจากตำแหน่งตามวาระในวันที่ 12 ส.ค.2568…..ตามรัฐธรรมนูญในกรณีที่กรรมการ กกต.จะพ้นจากตำแหน่ง ให้ดำเนินการสรรหากรรมการใหม่ภายใน 120 วันก่อนวันครบวาระ

คณะกรรมการสรรหากรรมการ กกต. โดยมี ชนากานต์ ธีรเวชพลกุล ประธานศาลฎีกา เป็นประธาน ได้ให้มีการเปิดรับสมัครบุคคลผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการ กกต. จำนวน 2 คน ผู้ประสงค์จะสมัครสามารถยื่นใบสมัครด้วยตัวเองตั้งแต่วันที่ 9-23 มิ.ย.นี้ ไม่เว้นวันหยุดราชการ ที่จุดรับสมัครสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ชั้น 1 อาคารรัฐสภา สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0-2831-9336-7…..วันนี้เวลา 13.30 น. นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นประธานเปิดการประชุมการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและเครือข่ายงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ที่ห้องแมจิก 3 โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น

“อินทรีเหล็ก”

คลิกอ่านคอลัมน์ “บุคคลในข่าว” เพิ่มเติม

9 มิ.ย. 2568 04:40 น.

• ไลฟ์สไตล์
• อินทรีเหล็ก

บุคคลในข่าว 9 มิถุนายน 2568

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ยอดจำหน่ายมากที่สุดของประเทศ ประจำวันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ.2568

ประเทศไทยวันนี้ ว่าด้วย ปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลภายใต้การนำของนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร กับ ความสัมพันธ์ที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ กำลังฉายภาพ ภาวะผู้นำ ของประเทศไทย ผู้นำกัมพูชาทั้ง ฮุน เซน ประธานองคมนตรี ประธานรัฐสภากัมพูชา และ ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา ยืนกระต่ายขาเดียว….จะนำข้อพิพาทแนวชายแดนบริเวณ สามเหลี่ยมมรกต ติดกับ ด่านช่องบก จ.อุบลราชธานี ของประเทศไทย ส่งให้ศาลโลกตัดสิน เคลื่อนกำลังกว่า 12,000 นาย พร้อมอาวุธหนักประชิดชายแดน เตรียมพร้อม 24 ชั่วโมง…..ดังนั้น การที่รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ภูมิธรรม เวชยชัย ดอดบินไปเจรจากับ รมว.กลาโหมกัมพูชา พล.อ.เตีย เซยฮา ที่ จ.สระแก้ว.และ ได้รับการปฏิเสธ ที่จะ ถอนทหารออกจากบริเวณชายแดน จุดปะทะ โดยมีรายงานจาก เว็บไซต์ขแมร์ ไทม์ส ระบุ ไทย–กัมพูชา ตกลงผ่อนปรนความตึงเครียดบริเวณชายแดน ด้วยการเจรจาและช่องทางตามกฎหมาย …..แต่ กัมพูชา ยืนยัน ไม่ยอมถอนทหารออกจากตำแหน่ง ตามที่ไทยขอร้อง

นอกจากนี้ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมกัมพูชา ยังโพสต์ข้อความ เนื้อหาในการเจรจากับ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมฝ่ายไทย ข้อเสนอให้ กองทัพกัมพูชา ถอนกำลังออกจากตำแหน่งปัจจุบัน โดยกลับสู่สถานะเดิมในปี 2024 ก่อนที่อาคารสำนักงานจะได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ กัมพูชา ได้ปฏิเสธข้อเสนอนี้ และยืนกรานว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตอธิปไตยของกัมพูชา และ อยู่ภายใต้การควบคุมของกัมพูชา มาเป็นเวลานานแล้ว…..เป็นเวลาเดียวกับที่ นายกฯแพทองธาร เรียกประชุมด่วน สภาความมั่นคงแห่งชาติ

ผลคือให้ตั้ง คณะกรรมการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา…..ทำหน้าที่ติดตาม ประสานงาน และเสนอแนะมาตรการเพิ่มเติม….มอบหมายให้กองทัพ ประสานการปฏิบัติ เตรียมพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ โดยให้ความสำคัญกับการปกป้องอธิปไตยและการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ….ให้สอดคล้องกับแนวทางการเจรจาใน JBC ระหว่างไทย–กัมพูชา ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ยังมองโลกสวย เน้นการรักษาสันติภาพ ส่วนที่ประชุมใส่ใจเป็นพิเศษ การมอบหมายให้ กระทรวงดิจิทัลฯ ตามพิสูจน์ การเผยแพร่ข่าวสารเป็นเท็จเพื่อปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้งด้วย…..พับผ่า

วันเดียวกันนั้น ท.ทหารอดทน กองบัญชาการกองทัพไทย จัดประชุม ผบ.เหล่าทัพ โดยมี พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทสส. เป็นประธาน มีการรายงาน สถานการณ์ไทย–กัมพูชา ซึ่งในที่ประชุมยืนยันว่า ระหว่างที่ ทหารไทยลาดตระเวนในพื้นที่ประเทศไทย ถูก ทหารกัมพูชาเปิดฉากการยิง จึงได้ทำการตอบโต้ ซึ่ง ฝ่ายไทยดำเนินการประสานงานผ่านกลไกการเจรจาทั้งสองประเทศที่เคยตกลงกันไว้ แต่กลับไม่ได้ผลในการคลี่คลายสถานการณ์เท่าที่ควร ทั้งยังตรวจพบ การเพิ่มเติมกำลังของทหารฝ่ายกัมพูชา ซึ่งถือเป็น ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ…..สนับสนุนให้ กองทัพบก ใช้มาตรการทหารตอบโต้ ปกป้องอธิปไตย ยกระดับกำลังพล ยุทโธปกรณ์และแผนเผชิญเหตุ เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อตอบโต้การรุกล้ำอธิปไตย และ ปกป้องคุ้มครองประชาชน

เกิดข้อกังขาตามมา ระหว่างกองทัพ กับ รัฐบาล ยังไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ งานนี้ทำท่าจะโกโซบิ๊ก นอกจาก สภากัมพูชา มีมติเสนอให้ รัฐบาลกัมพูชา นำข้อขัดแย้ง ไปฟ้องศาลโลก…..ถึง รัฐบาลไทย จะออกแถลงการณ์แก้เกมว่า ไม่ยอมรับมติของศาลโลกก็ตาม หากมติศาลโลกออกมาเป็นลบผลลัพธ์สุดท้ายจะนำไป สู่การทำสงคราม เต็มรูปแบบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือที่ โฆษกสถานทูตจีน ประจำประเทศไทย แถลงว่า จีนยึดมั่นในหลักการแก้ไขข้อพิพาทโดยผ่านการพิจารณา และปรึกษาหารือกัน เพื่อรักษาสันติภาพเอาไว้ ไทย-กัมพูชา ล้วนเป็นมิตรประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของจีน….จีนยินดีที่จะประสานกับไทยและกัมพูชา เพื่อรักษาไว้ซึ่งสันติภาพ ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ส่องอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพกัมพูชา ทั้งอาวุธหนักอาวุธเบา..เมด อิน จีนและรัสเซีย ทั้งนั้น จริงมะ

โฟกัสไปที่แนวทางการเคลื่อนไหวของกัมพูชา ที่ ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา ต่อสายไปชี้แจงกับ อันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน และล่าสุด นายกฯแพทองธาร ยังโพสต์ข้อความ ขอบคุณนายกฯมาเลเซีย ที่โทรศัพท์มาสอบถามเหตุการณ์และพร้อมให้ความช่วยเหลือในการเจรจาระหว่างทั้งสองประเทศ “ดิฉันได้ย้ำความมุ่งมั่นของไทยในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่แล้ว” เท่ากับไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบที่ต้องคอยตามเกมของ กัมพูชา อยู่ตลอดเวลา…มองอนาคตประเทศไทย ถึงยุคที่ต้องมาตอบโต้ สู้รบตบมือกับเมียนมาบ้าง กัมพูชาบ้าง…ว้าเหว่

จับตาวันนี้ กรรมาธิการทหาร สว. นำโดย พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา พร้อมด้วย พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธาน สว. จะรวบรวมเงินไปช่วยเหลือและให้กำลังใจทหารในพื้นที่ ตั้งแต่ ปราสาทตาเมือนธม ผามออีแดง และ ช่องบก…..งานนี้ อรรถภูมิ บุณยเกียรติ ผอ.สถาบันโบราณศิลป์ จะนำวัตถุมงคล อาทิ พระสมเด็จวัดระฆังปี 2555 หลวงพ่อรวย ผ้ายันต์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ไปแจกจ่ายให้ทหารไทย……รวมถึงเตรียมมอบ พระกริ่งไพรีพินาศ รุ่นแรก ให้กับ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ.ด้วย……ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก

สังคมวันนี้ เวลา 09.00 น. สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เปิดงานกิจกรรม รณรงค์วันไข้เลือดออกอาเซียน ประจำปี 2568 ที่ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น

“อินทรีเหล็ก”

คลิกอ่านคอลัมน์ “บุคคลในข่าว” เพิ่มเติม

8 มิ.ย. 2568 04:30 น.

• ไลฟ์สไตล์
• ธนูเทพ

บุคคลในข่าว 8 มิถุนายน 2568

ถ้าอยากชนะศึก ต้องรู้ว่าศัตรูต้องการอะไร

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ยักษ์ใหญ่สารพัดสี จำหน่ายมากที่สุดของประเทศ ฉบับประจำวันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน 2568

“ธนูเทพ” ประจำการรับใช้ท่านผู้อ่าน…หลังจาก แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกมาระบุถึงกระแสข่าว การปรับ ครม. กำลัง พิจารณาอยู่ในใจ และถ้าจะต้อง ปรับ ครม. ก็จะต้องคุยกับ แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลก่อน…ล่าสุด อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ระบุถึงกระแสข่าวที่ว่าจะหลุดจากตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ว่ายังไม่ได้พูดคุยหรือมีการติดต่อจากใครในเรื่องนี้ ดังนั้น ต้องฟังจาก นายกรัฐมนตรี และการ ปรับ ครม. ต้องหารือในระดับหัวหน้าพรรค ขณะนี้ยังไม่มีการเรียกหารือใดๆทั้งสิ้น…สรุปยังอึมครึม ให้รอลุ้นกันต่อไป

ผ่างๆ…สำหรับ ปัญหาข้อพิพาทพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา จากการปะทะระหว่าง ทหารไทย กับ ทหารกัมพูชา ที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา …รัฐบาล ภายใต้การนำของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ออกแถลงการณ์ว่า จะใช้แนวทางแก้ปัญหาความขัดแย้ง ชายแดนไทย–กัมพูชา แบบสันติวิธี ด้วยการเจรจากับกัมพูชา โดยจะใช้เวทีการประชุม คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC ที่ รัฐบาลกัมพูชา เป็นเจ้าภาพ ในวันที่ 14 มิ.ย. นี้ เพื่อเจรจาแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น

แต่ปรากฏว่า รัฐบาลกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์โต้ ประกาศจุดยืนชัดเจนว่า กัมพูชา จะนำปัญหาใน พื้นที่ช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และ ปราสาทตาควาย ยื่นให้ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือ ศาลโลก เป็นผู้ตัดสินแก้ปัญหา และ จะไม่นำปัญหาข้อขัดแย้ง ในพื้นที่ ชายแดนไทย–กัมพูชา มาหารือในการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้…ถือเป็นการเล่นเล่ห์เหลี่ยม หักหน้ารัฐบาลไทยอย่างจัง

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ รัฐบาลกัมพูชา ออกแถลงการณ์ดังกล่าว นายกฯแพทองธาร ก็ได้ออกมาย้ำจุดยืนของรัฐบาลไทยอีกครั้ง เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ว่า รัฐบาลไทย ขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทาง สันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน กรณีที่ กัมพูชา จะให้ ศาลโลก เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทย ขอเรียนว่า ประเทศไทย ไม่ได้ให้การยอมรับ เขตอำนาจศาลโลก ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี 2503 จนถึงปัจจุบัน ขอย้ำว่าประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ประเทศไทย ยังยึดมั่นในกลไกการหารือ ทวิภาคี ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ

และล่าสุด เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. นายกฯแพทองธาร ได้นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานประชุม สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมี ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง อาทิ มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช. และ หน่วยงานความมั่นคง เข้าร่วมพร้อมเพรียง…โดย นายกฯแพทองธาร ระบุภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้พูดคุยถึงมาตรการต่างๆที่พร้อมรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยัน รัฐบาล กับ กองทัพ มีการทำงานสนับสนุนกันอย่างดี และอำนาจหน้าที่อะไรต่างๆก็เคลียร์กันหมดว่าถึงหน้างาน กองทัพสามารถตัดสินใจได้เลย

ส่วนในเรื่องของ การเจรจา อาจไม่ได้ลงในรายละเอียดทั้งหมด แต่ในกรอบความเข้าใจก็เกิดความเข้าใจกัน ยังไม่มีความรุนแรงที่ขยายมากยิ่งขึ้น ทาง กองทัพ เองก็ยืนยันในการ จำกัดความรุนแรง ไม่ให้เกิดขึ้น ส่วนเรื่องการที่ กัมพูชา รุกล้ำพื้นที่ทับซ้อน ก็ยังอยู่ใน ขั้นตอนการเจรจา ขณะที่ กองทัพ ก็ออกมายืนยันแล้วว่า เตรียมพร้อมทุกรูปแบบ สำหรับทุกๆสถานการณ์ กองทัพ ทราบอยู่แล้วว่าเหตุการณ์หน้างานเป็นอย่างไร ต้องปะทะหรือยัง อันนี้เป็นการตัดสินใจของ กองทัพ ให้หน้างานดูเลยว่า มันต้องปะทะหรือเปล่า แต่ถ้าไม่จำเป็นต้องปะทะ การที่เราจะปะทะไป ความเสียหาย มากกว่าแรงเชียร์ที่จะให้เกิดการปะทะ ตรงนั้นต้องใช้ สันติวิธี ให้ได้มากที่สุด …ถือเป็นเรื่องถูกต้องที่ รัฐบาล ให้อำนาจ กองทัพ ในการตัดสินใจในการปฏิบัติหน้าที่ รักษาอธิปไตยตามแนวชายแดน

ขณะที่ รองนายกฯภูมิธรรม สำทับว่า วันนี้เราต้องยึดมั่นในหลักการ ปกป้องอธิปไตยของประเทศ และ ดำรงความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ขอยืนยัน สมช. ได้ตกลงและเห็นพ้องต้องกันว่าเรื่อง อธิปไตย เป็นเรื่องสำคัญหลักที่จะต้องดูแลกันอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องอื่นๆเราจะประคองให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีเพราะยังมีภาระความจำเป็นที่ต้องร่วมมือกันอีก ฉะนั้น ความขัดแย้งอยากให้จำกัดวงมากที่สุด…พูดง่ายๆ ถ้าจบลงได้ด้วยการเจรจา ก็ดีกว่าเปิดฉากรบ

ทางด้าน พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก็ออกมาระบุว่า เรื่องแรกต้องเน้นย้ำว่า กองทัพ สนับสนุนแนวทางของ รัฐบาล ในการแก้ปัญหาและคลี่คลายสถานการณ์แนว ชายแดนไทย–กัมพูชา ด้วย สันติวิธี เรื่องที่สอง กองทัพ ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการ รักษาอธิปไตย และคุ้มครองปกป้อง ประชาชนตามแนวชายแดน ซึ่งได้ดำเนินการมาตลอด เรื่องที่สาม ในการประชุม ผบ.เหล่าทัพ มีการพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน ไทย–กัมพูชา ในลักษณะสนับสนุนแนวทางของ รัฐบาล และ สมช. ..เมื่อ ผู้นำรัฐบาล รมว.กลาโหม และ ผู้นำเหล่าทัพ ยืนยันทิศทางตรงกัน ประชาชน ก็สบายใจได้ว่าการแก้ปัญหาชายแดน ไทย–กัมพูชา มีการปรับจูนเป็นเอกภาพ ไม่เพลี่ยงพล้ำเขมรแน่นอน จบข่าว

สังคมทั่วไป

พล.ร.อ.ณรงค์ เทศวิศาล อดีต ผบ.กองเรือยุทธการ เป็นประธานจัดคอนเสิร์ตการกุศล หาเงินเพื่อสมทบทุนจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ให้แก่ รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า ที่ห้องเบญจรัศมี ททบ.5 วันที่ 8 มิ.ย. 17.00 น.

ศพ อุดม จิตโสภากุล บิดา พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล รอง ผบก.ปอศ. ตั้งสวดศาลาจรัสบวรพันธ์ วัดกลางนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ 19.00 น. 8 มิ.ย. คืนสุดท้าย พระราชทานเพลิง 9 มิ.ย. 15.00 น.

“ธนูเทพ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “บุคคลในข่าว” เพิ่มเติม

7 มิ.ย. 2568 04:35 น.

• ไลฟ์สไตล์
• ธนูเทพ

บุคคลในข่าว 7 มิถุนายน 2568

เพื่อรักษาอธิปไตยต้องใช้ทุกมาตร การที่จำเป็น

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ยักษ์ใหญ่สารพัดสี จำหน่ายมากที่สุดของประเทศ ฉบับประจำวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน 2568

“ธนูเทพ” ประจำการรับใช้ท่านผู้อ่าน…ท่ามกลางกระแสข่าว ปรับ ครม. ที่มีโผปลิวว่อนไปหมด เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. หลังการประชุม ครม. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุถึงกรณีกระแสข่าว พรรคภูมิใจไทย เสนอให้ ปรับ ครม. แบบ ปรับใหญ่ ว่ายังไม่ได้คุยกับ พรรคภูมิใจไทย เรื่องนี้จะคุยเมื่อจำเป็น ถ้าจะต้องปรับต้องคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลก่อนอยู่แล้ว และถ้าจะปรับหรืออะไรต้องปรับในส่วนของ พรรคเพื่อไทย ด้วย ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ต้องคุยกันในรายละเอียดแบบนี้ ยังอยู่ในช่วงของ การประเมิน และคิดอยู่ว่า จะปรับแบบไหนแล้วดีขึ้น วันนี้ก็ยังเหมือนเดิมอยู่ แต่ก็มีการคิดในเรื่องของ การปรับ แต่ยังไม่ 100% จึงขออนุญาตยังไม่พูดดีกว่า พูดแล้วมันจะกระทบ บางทีวางกระทรวงกันไปโดยไม่ได้ออกจากตนเองเลย คนที่มีชื่อเขาก็จะเกิดความสั่นไหว

เมื่อนักข่าวถามว่า ถึงเวลาต้อง ปรับ ครม. แล้วหรือยัง นายกฯแพทองธาร ตอบว่า มีการพิจารณาอยู่ในใจ และถ้าจะต้องปรับ ครม.ก็ต้องคุยกับแกนนำพรรคร่วมอยู่แล้ว สมมติสุดท้ายจะต้องปรับ ก็ต้องเรียกมาแสดงความคิดเห็นอยู่แล้ว

ฟังจากถ้อยคำ นายกฯ แสดงว่าต้องมีการ ปรับ ครม.แน่ แต่วัน ว. เวลา น. ยังอุบไว้ก่อน ประสา “ธนูเทพ” ประเมินว่าเร็วสุดคงไม่เกินกลางเดือน มิ.ย. นี้ น่าจะรู้ใครกระเด้งกระดอน

หันมาที่ประเด็นร้อนสถานการณ์ชายแดน ไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาล ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน ไทย–กัมพูชา โดยหลักใหญ่ใจความสรุปว่า รัฐบาล ยืนยันตระหนักถึงความสำคัญสูงสุดในการ ปกป้องอธิปไตย และ คุ้มครองบูรณภาพของดินแดนไทยอย่างเต็มที่ โดยยึดหลักการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วย สันติวิธี สอดคล้องตามหลัก กฎหมายระหว่างประเทศ และยึดมั่นใน หลักมนุษยธรรม

เหตุการณ์ปะทะในวันที่ 28 พ.ค.2568 ในขณะที่ กองกำลังฝ่ายไทย ลาดตระเวนตามปกติในพื้นที่ฝ่ายไทย แต่ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันในช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่าง กองกำลังไทย กับ กัมพูชา ที่บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี โดยกองกำลังไทยจำเป็นต้องป้องกันตัว และปกป้องพื้นที่อธิปไตยของไทย หลังจากเกิดเหตุรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่ายได้หารืออย่างใกล้ชิดในทุกระดับ รวมถึง นายกรัฐมนตรี ของทั้ง 2 ประเทศ ได้มีพูดคุยกัน โดยเห็นตรงกันว่าจะร่วมมือกันทำให้สถานการณ์กลับสู่ปกติ ไม่ลุกลามบานปลาย โดยใช้กลไกทวิภาคีต่างๆที่มีอยู่แก้ไขปัญหา หนึ่งในกลไกนั้นคือ กลไก คณะกรรมการเขตแดนร่วม หรือ JBC

ส่วนประเด็นเกี่ยวกับท่าทีของ ฝ่ายกัมพูชา ที่อาจประสงค์ใช้กลไกทาง ศาล หรือ ฝ่ายที่สาม มาพิจารณาเรื่องนี้ ไทยมีความมุ่งมั่นแก้ปัญหาโดยสันติวิธี บนพื้นฐานของ กฎหมายระหว่างประเทศ สนธิสัญญา และความตกลงต่างๆ เช่น MOU 2543 และพร้อมเจรจากับ กัมพูชา ผ่านกลไกระดับ ทวิภาคี ที่มีอยู่ระหว่างกัน เช่น JBC เป็นกลไกทางเทคนิคจัดตั้งขึ้นโดย MOU 2543 เพื่อหารือเรื่องการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทวิภาคี โดย กัมพูชา ได้ตอบรับตามคำขอของไทย ในวาระที่กัมพูชาเป็นเจ้าภาพในวันที่ 14 มิ.ย. 2568 ที่กัมพูชา รัฐบาล ขอยืนยันปัจจุบันโดยทั่วไปมีความสงบเรียบร้อย ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ตามขั้นตอน ปกป้องอธิปไตยและรักษาสิทธิทางกฎหมายของไทย อย่างครบถ้วน

แน่นอน การเจรจาอย่างสันติวิธี เพื่อไม่ให้เกิด สงครามฆ่าฟัน ทำให้ประชาชนตาดำๆต้องเดือดร้อน ถือเป็นหนทางที่ดีที่สุด ภายใต้เงื่อนไขสำคัญ ต้องไม่ยอมเสียดินแดนไทยแม้ตารางนิ้วเดียว แต่แนวทางนี้อาจไม่ถูกใจ พวกเลือดร้อน ปลุกเร้ากระแสสงคราม

แต่ที่แน่ๆ…วันเดียวกันกับที่ รัฐบาลไทย ออกแถลงการณ์สถานการณ์ชายแดน ไทย–กัมพูชา ฉบับดังกล่าว ทางรัฐบาลกัมพูชา ก็ได้ออกแถลงการณ์ตามมา โดยมีสาระสำคัญแสดงจุดยืนว่า ประเทศกัมพูชา จะนำปัญหาใน พื้นที่มุมเบ็ย (ช่องบก), ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด และ ปราสาทตาควาย ให้ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือ ศาลโลก ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นผู้แก้ไขปัญหา และจะไม่เจรจาทวิภาคีกับ ฝ่ายไทย ในการประชุม คณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ ที่ประเทศกัมพูชา โดยไม่นำ ปัญหาข้อขัดแย้ง พื้นที่ ชายแดนไทย–กัมพูชา มาบรรจุวาระในการประชุมครั้งนี้…งัดเล่ห์เหลี่ยม ล้มแผนเจรจา ลากปัญหาพิพาทพื้นที่ทับซ้อนขึ้นศาลโลก เพื่อชิงความได้เปรียบประเทศไทยตามแนวถนัด

งานนี้จึงขึ้นอยู่กับ รัฐบาล ว่าจะมี มาตรการใด ออกมากดดันตอบโต้กลับทาง กัมพูชา แต่ที่แน่ๆ จับทางจาก ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ออกมาระบุถึงเรื่องการเสนอแนวคิดในการ ปิดด่านชายแดน ของ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ว่าหาก เจรจา JBC ไม่สำเร็จ การปิดด่าน คือ มาตรการต่อไป ถือเป็นการเสนอตามลำดับขั้นตอน และหากมีการปิดด่านชายแดน สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. จะเป็นผู้พิจารณาโดยตรง…ดังนั้น เมื่อสถานการณ์พลิกผัน รัฐบาลกัมพูชา ล้มข้อเสนอการเจรจาทวิภาคีกับ รัฐบาลไทย ในเรื่องปัญหาขัดแย้งพื้นที่ชายแดนคงหนีไม่พ้นต้องใช้มาตรการ ปิดด่านชายแดนกดดัน เริ่มจากเบาไปหาหนัก จบข่าว

ถือว่ามาได้ถูกเวลา เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. จัดแถลงข่าวความพร้อมในการจัดซื้อ เครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง จากสวีเดน มูลค่า 19,500 ล้านบาท เพื่อทดแทนเครื่องบิน F-16 ที่ใช้มากกว่า 37 ปี โดยมั่นใจว่า โครงการนี้จะผ่านความเห็นชอบจาก ครม. …สถานการณ์ชายแดนไทยตึงเครียด ข้าศึกเหิมเกริมตั้งท่ารุกล้ำเขตแดน ทำให้กระแสต้านการจัดซื้อเครื่องบินรบ แผ่วลงไปโดยปริยาย

สังคมทั่วไป

ฌาปนกิจศพ เอี่ยมกุน เกษมธีระสมบูรณ์ วัดทองคง อ.เมืองสมุทรปราการ 7 มิ.ย. 16.00 น.

“ธนูเทพ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “บุคคลในข่าว” เพิ่มเติม

6 มิ.ย. 2568 04:53 น.

• ไลฟ์สไตล์
• ธนูเทพ

บุคคลในข่าว 6 มิถุนายน 2568

แม้หวังตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ยักษ์ใหญ่สารพัดสี จำหน่ายมากที่สุดของประเทศ ฉบับประจำวันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน 2568

“ธนูเทพ” ประจำการรับใช้ท่านผู้อ่าน …ถือว่ามาตามนัด หลังจาก ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ผ่านความเห็นชอบจากสภาฯ วาระแรก ไปเรียบร้อยแล้ว รอเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ วาระที่ 2…สถานการณ์การเมืองก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวร้อนแรงเรื่อง การปรับ ครม. โดยเฉพาะเมื่อ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาส่งสัญญาณว่ากระทรวงหลักอย่าง กระทรวงมหาดไทย ยังทำงานไม่ค่อยเต็มที่ ควรให้ พรรคเพื่อไทย เข้าไปทำบ้าง ถ้าอยากทำงานให้ได้ผล ให้นโยบายถึงประชาชน ก็ต้องให้ กระทรวงมหาดไทย อยู่ในความดูแลของ พรรคเพื่อไทย ยิ่งทำให้ กระแสการปรับ ครม. พุ่งเป้าไปที่การ ยึดคืนโควตา กระทรวงมหาดไทย จาก อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายก รัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย…ล่าสุด มีกระแสมาแรงว่า ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้รับวางตัวให้ไปนั่งเก้าอี้ รมว.มหาดไทย…ขณะที่ รองนายกฯอนุทิน ได้แต่อ้อมแอ้มเรื่องกระแส ปรับ ครม. โดยระบุว่ายังไม่ได้คุยเรื่องการ ปรับ ครม. กับ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายกฯก็ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่มีอะไร ให้ฟังนายกฯคนเดียว ก็ต้องเชื่อนายกฯ เพราะเป็นหัวหน้ารัฐบาล และเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาตัดสินปรับเปลี่ยน…แต่งานนี้ก็ต้องไม่ลืมสิ่งที่คนในแวดวงการเมืองมักพูดกัน “ทักษิณคิด นายกฯอิ๊งค์ทำ” ก็แล้วกันนะจ๊ะ

ที่แน่ๆ ในห้วงกระแสข่าว ปรับ ครม. ร้อนแรง ช่วงวันที่ 3-6 มิ.ย. รองนายกฯอนุทิน มีภารกิจนำคณะผู้แทนจากประเทศไทยไปร่วมการประชุมระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (Global Platform for Disaster Risk Reduction หรือ GP 2025) ครั้งที่ 8 ที่นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส…เสร็จภารกิจแล้วคงได้กลับมาลุ้นโผ ครม.ชุดใหม่

ผ่างๆ…ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดว่าด้วยปัญหา ชายแดนไทย–กัมพูชา หลังมีเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณพื้นที่ทับซ้อน ชายแดนช่องบก จ.อุบล ราชธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนมีการเจรจาให้ถอยฝ่ายละ 200 เมตร ไปอยู่ในที่ตั้งตามแนวเดิมของแต่ละฝ่าย เพื่อรอ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ประชุมหารือแก้ไขปัญหาภายใน 2 สัปดาห์…ขณะที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ประกาศย้ำให้ กำลังพล ตามแนวชายแดน ไทย–กัมพูชา เตรียมความพร้อมตลอดเวลาในการทำหน้าที่ เพื่อรักษาอธิปไตยมิให้ใครมารุกราน…ล่าสุด ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ระบุถึงจุดยืนต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่ามีจุดยืนยึดมั่นแนวทางแก้ไข แบบสันติวิธี หลีกเลี่ยงความรุนแรง และยึดมั่นในการรักษา อธิปไตยและผลประโยชน์ของประชาชน ที่ผ่านมาพยายามหาช่องทางเจรจาเพื่อหาทางยุติได้อย่างสงบ แต่ก็ไม่ประมาท มีการประสานงานกันอย่างทั่วถึงกับทาง กองทัพ กองทัพภาค ผบ.ทบ. กระทรวงกลาโหม และ กระทรวงการต่างประเทศ ขณะที่กองทัพก็เตรียมความพร้อมเพื่อรักษาอธิปไตย มีการวางกำลังที่สามารถปกป้องอธิปไตยของประเทศได้โดยมั่นใจ…สำหรับเรื่องของ การเจรจา ได้พูดคุยกันมาตลอดทั้ง กระทรวงกลาโหม กองทัพ และ กระทรวงการต่างประเทศ ว่าสิ่งที่เราอยากจะแก้ไขปัญหาต้องคุยกันภายในให้เป็นเอกภาพ สิ่งที่สำคัญก็คือ เราจะใช้ มาตรการความรุนแรง หรือ สงคราม เป็นมาตรการสุดท้าย หลังจากการแก้ไขวิกฤติต่างๆไม่สามารถเดินได้ แต่สิ่งสำคัญคือขณะนี้กำลังเริ่มต้นการเจรจา โดยยึดบันทึกความเข้าใจระหว่าง รัฐบาลไทย และ รัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ.2543 หรือ MOU 2543 และกลไก คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ในการแก้ไขปัญหา

ทั้งนี้ รองนายกฯภูมิธรรม ยังสำทับด้วยว่า เรื่อง การปิดด่านชายแดน ไม่มีการสั่งปิดด่าน ไม่ได้ขัดแย้งกันในเรื่องนี้ การปิดด่านเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่จะยกระดับการพูดคุย และตรงบริเวณ ด่านชายแดน ยังไม่มีเรื่องของ การวางกำลัง แต่ได้เตรียมความพร้อมเอาไว้ ซึ่งการปิดด่านเป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องอยู่กับสถานการณ์ที่เป็นจริง และต้องเห็นตรงกันทั้ง 3 ฝ่าย ซึ่งขณะนี้อยู่ใน ภาวะวิกฤติ มันจะมีความเห็นและอารมณ์ มีเหตุผลปะปนกันไป แต่ทั้ง 3 หน่วยงาน ก็พูดคุยกันตลอดถึงแม้ต่างคนจะมีมุมมองที่ต่างกัน เราไม่อาจจะปล่อยให้การยกระดับต่างๆตามอำเภอใจถ้าต่างฝ่ายเห็นตรงกันว่าเป็นการเจรจา แต่ถ้าถึงขั้น ต้องปิดด่านก็ต้องปิด…ยืนยันว่าการตัดสินใจทั้งหมดไม่ใช่เรื่องของ ผลประโยชน์ ของ คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือ คนใดคนหนึ่ง และยืนยัน ความเป็นเอกภาพ ขอให้มั่นใจว่าหากมาถึงจุดสุดท้ายเราจะใช้ สงครามเป็นบรรทัดสุดท้าย หากไปต่อไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ไม่ใช่แค่อารมณ์ว่าอยากให้ทำอะไร แต่ต้องคำนึงถึงเหตุผลความจำเป็น เพราะหากยกระดับถึงขั้นสุดท้าย ที่เป็นสงคราม คงไม่มีใครปรารถนาถึงแม้แนวหน้าทั้ง ทหาร และ ประชาชน มีความพร้อมที่จะปกป้องประเทศ แต่เราต้องคำนึงถึง ชีวิตและความสูญเสีย ที่จะเกิดขึ้น ฉะนั้น ถ้าเราหลีกเลี่ยงได้มากที่สุดเราก็จะต้องหลีกเลี่ยง…แน่นอนสงครามไม่ใช่สิ่งที่ทุกฝ่ายพึงประสงค์ แต่ถ้ามีการรุกล้ำอธิปไตยก็คงต้องซัดกันสักตั้ง จบข่าว

สังคมทั่วไป…วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด จัดงาน “THE MALL LIFESTORE THE HEART OF PRIDE” พบโปรโมชันพิเศษจากร้านค้าแฟชั่น ร้านอาหาร ในศูนย์การค้า ที่เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ ทุกสาขา ถึง 30 มิ.ย.นี้

ศพ คุณหญิงสุมนา ทรัพย์เจริญ ตั้งสวดศาลา 150 ปี วัดมกุฏกษัตริยาราม 18.30 น. คืนสุดท้าย และบรรจุศพ

พิธีกงเต๊กศพ เอี่ยมกุน เกษมธีระสมบูรณ์ ศาลา 1 มูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ 6 มิ.ย. และฌาปนกิจ 7 มิ.ย. 16.00 น. ที่วัดทองคง อ.เมืองสมุทรปราการ

“ธนูเทพ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “บุคคลในข่าว” เพิ่มเติม

5 มิ.ย. 2568 04:30 น.

• ไลฟ์สไตล์
• เพลิงสุริยะ

บุคคลในข่าว 5 มิถุนายน 2568

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ…..ยอดจำหน่ายมากที่สุดของประเทศ…..ฉบับประจำวันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ.2568

เพลิงสุริยะ มารายงานตัวรับใช้ท่านผู้อ่าน……..ศึกในก็ต้องรบ ศึกนอกก็ต้องรับ…..สภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของ นายกฯอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร กำลังเผชิญกับบททดสอบ ภาวะผู้นำ ของจริง……..เริ่มจากศึกใน จากตัวช่วยพิเศษเป็นต้นธารดีเอ็นเอ ตอนนี้สถานการณ์ คุณพ่อนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ไม่รู้ว่าจะต้องจัดอยู่ในสถานะไหน……..ยังคงเป็นลมใต้ปีกชั้นดี หรือเริ่มจะเป็นตัวแปรทำให้ดุลอำนาจภายในรัฐบาลแกว่ง หรือจะเป็นปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลลูกสาวต้องพังครืนลง

จากน้ำผึ้งที่หยดลงบนชั้น 14 รพ.ตำรวจ มาวันนี้ทำท่าจะบานปลายจนรัฐบาลเอาไม่อยู่……..เมื่อ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภา ใช้สิทธิวีโต้มติของแพทยสภา ที่ให้ลงโทษ 3 แพทย์ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งตัว อดีตนายกฯทักษิณ ไปพักรักษาตัวที่ชั้น 14……..เข้าทางกลุ่มต้าน ออกมาล่าชื่อสนับสนุนมติแพทยสภา ที่สำคัญคือ มีแพทย์เบอร์ใหญ่ๆมาร่วมลงชื่อด้วย ทำให้กระแสของกลุ่มต้านยิ่งดูคึกคัก……..ไม่ต้องบอกก็รู้ เกมนี้กลุ่มต้านหวังอย่างยิ่งที่จะโค่นล้มรัฐบาลในเครือชินวัตรลงให้ได้

แต่ “นายใหญ่” หาได้ยี่หระ แถมเปิดศึกปะฉะดะกับเขาไปรอบด้าน ออกมาขย่มใส่ พรรคภูมิใจไทย พรรคร่วมรัฐบาลเบอร์ 2……..ประกาศให้ พรรคเพื่อไทย แกนนำรัฐบาล ยึดเอา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ พ่วง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ของ พรรคกล้าธรรม กลับมาบริหารเอง……..กระทรวงเหล่านี้ในยุคเฟื่องฟูรัฐบาลทักษิณ ล้วนเป็นกระทรวงที่สร้างผลงาน จนทำให้ พรรคไทยรักไทย สืบเนื่องมา พรรคพลังประชาชน มาจนถึง พรรคเพื่อไทย ปั้นผลงานจนครองความนิยมไปทุกหย่อมหญ้า ……..ดังนั้นถ้า “นายใหญ่” จะหวนรำลึกถึงคืนวันอันรุ่งเรือง ก็ไม่แปลก……..ด้วยภาวะจำยอมตอนที่ ตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ก็เลยต้องยอมปล่อยให้กระทรวงเหล่านี้ไปอยู่ในมือพรรคร่วมรัฐบาล

แต่…มีเครื่องหมายคำถามตัวโตๆว่า ภูมิใจไทยจะยอมหรือ แล้ว เพื่อไทยจะกล้าหัก ยอมเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ในช่วงเวลาที่เหลืออีกเกือบ 2 ปีนี้หรือ……..อีกคำถามคือ “ทักษิณ” คิดช้าไปหรือไม่ หลังปล่อยให้ ขั้วน้ำเงิน สะสมกระสุนดินดำเสบียงกรังจนเพียบแปร้……..รวมไปถึงการซื้อใจข้าราชการในกระทรวงที่กำกับและเคยกำกับดูแล อย่าง สาธารณสุข คมนาคม มหาดไทย ศึกษาธิการ จัดวางคนคุมตำแหน่งสำคัญๆเอาไว้เกือบหมดแล้ว……..จนหลายคนพูดว่า ข้าวหอมเขากระโดง มียางกว่าข้าวขาวเพื่อไทย……..ระบบให้คุณให้โทษ ปูนบำเหน็จรางวัล ชัดเจนกว่า……..ที่สำคัญคือ มีลมใต้ปีกที่พร้อมจะอุ้มชูเต็มที่……..ครบเครื่องของแทร่

ถ้าจะปรับ ครม. ทั้ง “พ่อ” และ “ลูกสาว” ต้องคุยกันให้ตกผลึก และต้องทำเร็ว ก่อน 13 มิ.ย. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำสั่งคดีชั้น 14 ……..ถ้าทำหลังจากนั้นดุลอำนาจอาจเปลี่ยน เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้……..ถ้าจะรื้อใหญ่อย่างที่ อดีตนายกฯทักษิณ คิด ย่อมมีผลกระทบเป็นลูกระนาดทั้ง อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย, พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ, นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ และ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข……..ซึ่งคงไม่ง่ายขนาดนั้น อนุทิน ออกมาเสียงแข็งใส่ จะฟังแต่นายกฯคนเดียว ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เจ้าของพรรคตัวจริง ก็ออกมาขวางเต็มลำ กระทรวงเกษตรฯต้องกล้าธรรมเท่านั้น……..จบเห่

ส่วนศึกนอก ที่รัฐบาลทำได้แค่ตั้งรับ คือแนวรบฝั่งกัมพูชา ที่ “พ่อ– ลูก ตระกูลฮุน” แห่งขแมร์ ออกมาขย่มใส่ไทยตามแผนที่วางไว้……..บทเรียนที่ “นายใหญ่” ไม่เคยจดจำ ทำให้ รัฐบาลแพทองธาร ต้องกลายเป็นลูกไล่ของ “พ่อ–ลูก ตระกูลฮุน” ยิ่งแสดงตัวสนิทสนมคุ้นเคย ยิ่งโดนขย่มหนัก……..เพราะชาวกัมพูชาถูกปลุกกระแสคลั่งชาติ ชาตินิยมมาพักใหญ่ ประกอบกับกระแสความนิยมในตัว ฮุน มาเนต ผู้นำกัมพูชา ที่ขึ้นมารับช่วงต่อจากพ่อ ยังค่อนข้างต่ำเตี้ยเลี่ยดิน……..ยิ่งมี พรรคฝ่ายค้านกัมพูชา คอยปลุกกระแสคลั่งชาติ “ฮุน เซน” เลยเลือกเล่นกับกระแสชาตินิยม ก่อนความสัมพันธ์ส่วนตัว แต่ “ทักษิณ” กลับเลือกหยิบมุมความสัมพันธ์ส่วนตัวขึ้นมาเล่น……..บ่งชี้ได้ว่าอดีตผู้นำทั้งสอง ใครคือตัวจริงที่เล่นกับอำนาจเป็น

เรื่องนี้รัฐบาลต้องตั้งหลักดีๆ นอกจากต้องคอยระวังเพื่อนบ้านที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรแล้ว ยังต้องระวังคนในบ้าน พวกกลุ่มต้านทั้งหลาย เริ่มอาศัยจังหวะปลุกกระแสคลั่งขึ้นมาอีกรอบ……..ถ้าผู้นำรัฐบาล นายกฯอิ๊งค์ และ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ยังเล่นบทหน่อมแน้มแบบนี้……..ก็รอวันพังได้เลย

อีกหนึ่งทุกข์หนักของพี่น้องคนไทย คือ หนี้สินล้นพ้นตัว……..รัฐบาลชุดนี้ก็มีนโยบายที่จะช่วยพี่น้องคนไทยลดหนี้สินอย่าง “คุณสู้ เราช่วย” แต่จุดพลุมาแล้วก็ดูจะเงียบๆไป ช่วยปรับหนี้ได้แค่ 2 พันกว่าล้าน……..วันก่อนฟังการอภิปรายของ จิตติพจน์ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ประธานอนุกรรมาธิการการเงินการคลัง ใน กมธ.การเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน ในช่วงประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 แล้ว……..ถึงได้รู้ว่าปัญหาติดขัดอยู่ที่ ธนาคารและสถาบันการเงินทั้งหลาย ไม่ค่อยให้ความร่วมมือ ปัจจุบันตัวเลขหนี้สินครัวเรือนไทยอยู่ที่ราวๆ 16 ล้านล้านบาท (เทียบกับงบประมาณประเทศแต่ละปีแล้ว เท่ากับ 4 ปีกว่าๆ)

โดยมีประชาชนร้องเรียนผ่าน สส. และเข้ามาร้องต่อ กมธ.ว่า ได้รับความเดือดร้อนจากการเรียกเก็บดอกเบี้ยแพง โดยเฉพาะตัว สินเชื่อส่วนบุคคล และ บัตรเครดิต……..จากข้อมูลที่ กมธ.ได้ นอกจากจะเรียกเก็บดอก 25% ยังบวกค่าใช้จ่ายอื่นกรณีผิดนัดชำระ ขณะที่กฎหมายกำหนดให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ไม่เกิน 15%

เหตุที่สถาบันการเงินเรียกเก็บดอกได้ถึงขนาดนั้น เพราะผู้ว่าการแบงก์ชาติ อาศัยอำนาจจากคำสั่งคณะปฏิวัติ (ตั้งแต่ยุคจอมพลถนอม กิตติขจร)……..แต่คำสั่งของคณะปฏิวัติ ข้อ 5, 7 และ 14 มีเงื่อนไขว่า “เท่าที่จำเป็นเพื่อความปลอดภัยและผาสุกของประชาชน” นี่จึงน่าจะเป็นความปลอดภัยและผาสุกของสถาบันการเงินมากกว่าของประชาชน……..กมธ.เคยทำหนังสือเชิญ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ มาชี้แจงแล้วถึง 6 ครั้ง แต่ไร้เสียงตอบรับ……..ไม่แปลกใจเลยทำไมแต่ละปี แบงก์ต่างๆถึงทำ กำไรรวมกันอู้ฟู่กว่า 2 แสนล้าน ทั้งที่ต้นทุนอยู่ที่ 0.5–1%……..จบข่าว.

“เพลิงสุริยะ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “บุคคลในข่าว” เพิ่มเติม

4 มิ.ย. 2568 04:30 น.

• ไลฟ์สไตล์
• ไต้ฝุ่น

บุคคลในข่าว 4 มิถุนายน 2568

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ยักษ์ใหญ่สารพัดสีขายดีที่สุด อย่าหลงกลเขมรขึ้นศาลโลก ฉบับนี้ประจำวันพุธที่ 4 มิถุนายน 2568

เห็นข่าวสองพ่อลูก สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา ผลัดกันโพสต์ลงเฟชบุ๊กถล่มไทย ประกาศยึดดินแดนช่องบก หรือสามเหลี่ยมมรกต 12 ตารางกิโลเมตร ใน อำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี ไปเป็นของกัมพูชา ดื้อๆ แถมยังสั่งการให้ นำเรื่องขึ้นฟ้องศาลโลกยึดดินแดนไทยอีก ทำให้ “ไต้ฝุ่น” คิดถึง พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6 ขึ้นมาทันที “แม้หวังตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ ศัตรูกล้ามาประจัน จักอาจสู้ริปูสลาย”

“ไต้ฝุ่น” ขอแสดงความชื่นชม พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 ที่เดินทางไปให้กำลังใจและพักค้างคืนกับ กองทัพทหารราบที่ 21 หน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กองกำลังสุรนารี ที่มี พล.ต.สมภพ ภาระเวช เป็นผู้บัญชาการกองกำลัง และพักค้างคืนที่ ฐานปฏิบัติการตาเมือนธม แม่ทัพภาค 2 ได้กล่าวกับลูกน้องว่า “พวกเราทำถูกต้องแล้ว” ในการปกป้องผืนแผ่นดินไทย มีกองกำลังทหารที่เข้มแข็งอย่างนี้ ประชาชนก็อุ่นใจ

ไม่เพียงให้กำลังใจ แต่ หน่วยงานความมั่นคง ยังได้เรียกประชุมด่วน เตรียมประกาศปิดด่านชายแดนไทยกัมพูชาที่เป็นจุดถาวร 6 แห่ง เพื่อความปลอดภัยของประชาชน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่า การปิดด่านชายแดนเป็นส่วนหนึ่งของแผน สำหรับใช้บริหารจัดการสถานการณ์

แต่บ่ายวันจันทร์ “ไต้ฝุ่น” กำลังเขียนข่าวหน้า 4 มีข่าวออกทุกสื่อว่า นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ได้ขอให้ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรัฐมนตรีกลาโหม ไปพูดคุยกับกองทัพว่า ขอให้กองทัพอย่าปิดด่าน ขอให้กองทัพใช้ความอดทนอดกลั้น หลังพบว่า กองทัพกัมพูชาได้เพิ่มกำลังทหารและอาวุธหนักเข้าพื้นที่ “ช่องบก” เป็นจำนวนมาก

ขณะเดียวกันก็มีข่าวว่า พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกฯและรัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา ได้โทรศัพท์มาคุยกับ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรัฐมนตรีกลาโหมไทย ขอร้องให้ไทยอย่าปิดด่าน ถ้า นายกฯ และ รัฐมนตรีกลาโหมไทย อ่อนแอให้เห็นกันตั้งแต่ยังไม่ทันออกรบแบบนี้ รบร้อยครั้งก็แพ้ร้อยครั้ง ถ้า กัมพูชา เอาเรื่องขึ้นฟ้อง ศาลโลก เมื่อไหร่ ประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอยเขาพระวิหารอีก เพราะกัมพูชาจะใช้แผนที่ฝรั่งเศสที่ไม่เป็นธรรมกับไทยอีก

แวบไปดู สงครามการค้าโลก จากความบ้าคลั่งของ ประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กันเสียหน่อย สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ จะยกหูโทรศัพท์คุยกับ ประธานาธิบดีสี ผู้นำจีน หลังจากที่สหรัฐฯออกมากล่าวหาจีนว่าเชื่องช้าในการอนุมัติใบอนุญาตส่งออกแร่หายากและแร่ธาตุอื่นๆ ที่จำเป็นในการผลิตยานยนต์และชิปไปยังสหรัฐฯ โดย รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า เขาหวังว่าจะได้รับการแก้ไขเมื่อทรัมป์ได้พูดคุยกับประธานาธิบดีสี

“ไต้ฝุ่น” ฟังแล้วก็แปลกๆ ก๊อ ทรัมป์เป็นคนขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนเอง และ ห้ามบริษัทสหรัฐฯขายชิปให้จีน แต่วันนี้กลับออกมากล่าวหาจีนว่า เชื่องช้าในการออกใบอนุญาตส่งออกแร่หายาก ทำให้อุตสาหกรรมชิปและยานยนต์สหรัฐฯมีปัญหาเรื่อง supply chain ซึ่งตัวเองก็รู้อยู่แล้ว เห็นแก่ตัวสุดท้าย อั๊กลี่ อเมริกัน จริงๆ

อยากเล่นการเมืองทางลัด อีลอน มัสก์ ก็บาดเจ็บสาหัสไปหลายแสนล้านดอลลาร์ แถมยังเกือบถูกปลดออกจากซีอีโอรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา ในที่สุด อีลอน มัสก์ ก็ต้องโบกมืออำลาทำเนียบขาว และ DOGE ในงานเลี้ยงรํ่าลากันเมื่อวันอาทิตย์ อีลอน มัสก์ มาปรากฏตัวด้วย ดวงตาที่เขียวชํ้า เขาอ้างว่าถูกลูก 5 ขวบต่อย แต่ นสพ.นิวยอร์กไทม์ส รายงานว่า อีลอน มัสก์ เสพคีตามีน เอ็กสตาซี เห็ดหลอนประสาท และระบุว่า มัสก์ใช้คีตามีนอย่างหนักจนส่งผลกระทบต่อกระเพาะปัสสาวะ ทุกข์ของคนรวยและคนดัง

สังคมแฮปปี้ดีกว่า “ไต้ฝุ่น” ขอแสดงความยินดีกับ คนไทยรุ่นใหม่ ที่สร้างชื่อเสียงระดับโลกให้กับประเทศชาติ คนแรก “ไต้ฝุ่น” ขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งกับ “น้องโอปอล” สุชาตา ช่วงศรี สาวใต้จากภูเก็ต วัย 21 ปี Miss World Thailand 2025 ไปคว้ามงกุฎ Miss World 2025 จากเวทีนางงามโลก ณ เมืองไฮเดอราบัด ประเทศอินเดีย เป็น Miss World คนที่ 72 และเป็น Miss World คนแรกของประเทศไทย ในรอบ 72 ปี สุดยอดจริงๆ น้องโอปอล

น้องโอปอล เป็นเด็กไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่พูดได้ถึง 3 ภาษา คือ ไทย จีน อังกฤษ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษพูดได้เปรี๊ยะมากสำหรับเด็กไทย แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ น้องโอปอล คว้ามงกุฎ Miss World ไปครอง ก็คือ ความฉลาดหลักแหลมในการตอบคำถามรอบ 4 คนสุดท้าย ซึ่งเป็นคำถามที่ยากมากสำหรับคนรุ่นใหม่ ถามว่า “การเดินทางครั้งนี้สอนคุณอย่างไรเกี่ยวกับความจริงและความรับผิดชอบส่วนบุคคลในการกำหนดเรื่องราวที่ถูกเล่าขาน”

“ไต้ฝุ่น” ชอบใจมากกับคำตอบของ โอปอล ที่พูดถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการประกวดครั้งนี้ว่า “สิ่งสำคัญที่สุดที่ฉัน รวมถึงผู้เข้าประกวดทุกคน รวมถึงทุกคนในห้องนี้สามารถทำได้ก็คือ การเป็นบุคคลต้นแบบที่คนรอบตัวสามารถยึดถือเป็นแบบอย่างได้ ฉันเชื่อเสมอว่า ไม่ว่าเราจะเป็นใคร อายุเท่าไหร่ มีบทบาทหรือหน้าที่ใดในชีวิตต้องมีใครสักคนหนึ่งที่มองขึ้นมาหาเรา อาจเป็นเด็กเล็ก คนรอบตัว หรือพ่อแม่ของเราเอง วิธีที่ดีที่สุดในการนำทางคนเหล่านั้นก็คือ การเป็นผู้นำที่ผ่านความอ่อนโยน และการกระทำของเราเอง เพราะ “การกระทำของเรานั้นเสียงดังกว่าคำพูดเสมอ”

แสดงความยินดีกับ Miss World น้องโอปอล แล้ว “ไต้ฝุ่น” ก็ต้องแสดงความยินดีกับ “น้องวิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักแบดมินตันมือหนึ่งของไทยที่เพิ่งขึ้นเป็น “มือ 1 ของโลกคนใหม่” หลังจากที่ไป คว้าแชมป์ชายเดี่ยว สิงคโปร์ โอเพ่น 2025 เมื่อวันเสาร์ที่ 31 พ.ค. รับเงินรางวัลไป 70,000 ดอลลาร์ 2.23 ล้านบาท

และแสดงความยินดีกับ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ ศุภิสรา เพียวสามพราน คู่ผสมไทยที่สามารถ คว้าแชมป์คู่ผสม สิงคโปร์ โอเพ่น 2025 ไปครอง รับเงินรางวัล 74,000 ดอลลาร์ 2.43 ล้านบาทไปแบ่งกัน สุดยอดจริงๆ วงการแบดมินตันไทย “ไต้ฝุ่น” ต้องชมอีกคนคือ คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการผลักดันนักแบดมินตันไทยจนสู่ระดับโลก

วีกเอนด์นี้ 7-8 มิถุนายน ภริตา วิริยะรังสฤษฎ์ บรรณาธิการบริหาร นิตยสาร Gourmet & Cuisine จัดแข่งแรลลี่ “Gourmet Foodie Party 2025” ในธีม “East Feast Paradise : สวรรค์นักกิน ถิ่นตะวันออก” เส้นทาง กรุงเทพฯ–จันทบุรี สนุกไปกับ สีสันตะวันออก สัมผัสมนต์เสน่ห์เมืองจันท์ ลิ้มรสผลไม้สดนานาชนิด มื้อคํ่ากับเมนูขึ้นชื่อเมืองจันท์ ณ โรงแรมมณีจันท์รีสอร์ท

บนแผงวันนี้

อนุสาร อ.ส.ท. ฉบับ TRAIN TRAVELOGUE เล่า เรื่อง ราง พาเที่ยวไปตามรางรถไฟ จากปางต้นผึ้งถึงลับแล จากแปดริ้วถึงบ้านคลองลึก จากนครปฐมถึงราชบุรี จากบ้านแหลมถึงแม่กลอง และวันวานสู่ความหวัง เมื่อกันตังยังอยู่, หนังสือ การบริหารโครงการชุมชน : กลยุทธ์ที่ท้าทายพยาบาล เขียนโดย ผศ.ดร.ปาหนัน กนกวงศ์นุวัฒน์, สำหรับคนรักรถ ฟอร์มูลา ฉบับใหม่ ลองของแรง Ferrari 296 Challenge ม้าลำพองเวอร์ชันสนามแข่ง

ศพ เอี่ยมกุน เกษมธีระสมบูรณ์ ตั้งสวดศาลา 1 มูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ 19.00 น. ถึง 5 มิ.ย.นี้, 6 มิ.ย. พิธีกงเต๊ก และ 7 มิ.ย. 16.00 น. ฌาปนกิจ ที่วัดทองคง อ.เมืองสมุทรปราการ.

“ไต้ฝุ่น”

คลิกอ่านคอลัมน์ “บุคคลในข่าว” เพิ่มเติม