ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20150902/212698.html
การศึกษา-สาธารณสุข-สิ่งแวดล้อม : ข่าวทั่วไป
วันพุธที่ 2 กันยายน 2558

‘ถิน หวังทอง’ปราชญ์ชาวบ้านสร้างแหล่งเรียนรู้แก้ปัญหาชุมชน : ณัฐมน ไทยประสิทธิ์เจริญรายงาน
26 ปีของการก่อตั้ง “มูลนิธิสมาน-คุณหญิงเบญจา แสงมลิ” หลังจาก “อาจารย์สมาน แสงมลิ” อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ถึงแก่กรรม มี “คุณหญิงเบญจา แสงมลิ” เป็นประธานกรรมการ คนแรก และคณะกรรมการคนอื่นๆ ถักทอแนวคิด “อาจารย์สมาน แสงมลิ” ต้องการพัฒนาการศึกษา ศาสนา สาธารณประโยชน์ของชาติ ด้วยการเชิดชูผู้มีผลงานดีเด่น “รางวัลมูลนิธิสมาน-คุณหญิงเบญจา แสงมลิ” รวม 6 สาขา คือ ครูภาษาไทย ครูสังคมศึกษา สาขาการศึกษาก่อนประถมศึกษา สาขาพระสงฆ์ สาขาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โปรดเกล้าฯ พระราชทานรางวัล
สำหรับปี 2558 ผู้มีผลงานดีเด่นการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สามารถบริหารจัดการชุมชนให้สามารถพึ่งพาตนเอง ภายใต้ข้อจำกัดด้านความมั่นคง และเป็นแบบอย่างของการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในวิถีชีวิตอย่างเต็มรูปแบบ เขาคือ “นายถิน หวังทอง” ผู้จัดการฟาร์มตัวอย่างบ้านเตราะบอน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
นายถิน เล่าว่า ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่มีอาชีพทำสวนยางพาราเป็นหลัก ทำนาเป็นอาชีพรอง เมื่อมีผลผลิตก็นำไปขายนอกชุมชน เมื่อเกิดสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในปี 2544 ทำให้ชาวบ้านถูกทำร้ายจนเสียชีวิตไป 3 ราย เหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความวิตกกังวลในความไม่ปลอดภัยให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้ “คณะกรรมการบริหารกองพัน อรบ.สายบุรี 1” มีแนวคิดจะยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชนในพื้นที่หมู่ 1 บ้านเตราะบอน ต.เตราะบอน ให้มีแหล่งอาหารเลี้ยงตนเอง มีความปลอดภัยไม่ต้องเสี่ยงอันตรายไปหาอาหารจากข้างนอก
“ผมเริ่มคิดถึงการทำการเกษตรแบบพออยู่พอกิน อาศัยพื้นที่บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยกะลาพอ เป็นพื้นที่ของโครงการชลประทาน แต่สภาพพื้นดินเพาะปลูกไม่ได้ จึงได้เริ่มชักชวนชาวบ้านศึกษาหาความรู้การจัดการเกษตรแบบผสมผสาน เริ่มจากการถางป่า ปรับพื้นที่สร้างศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงตามโครงการพระราชดำริจังหวัดปัตตานี ร่วมกันเรียนรู้การเพาะปลูกพืชผักต่างๆ ปลูกลงในกระถางและภาชนะต่างๆ ที่หาได้ บ้างก็ยกพื้นให้สูง หรือแขวนไว้ตามกิ่งไม้ ทำที่รองซ้อนกันบ้าง ทำราวหรือแผงให้พืชผักเกาะเลื้อยไปตามแผงที่ทำไว้ มีทั้ง ปลูกข้าว ปลูกผักพื้นบ้าน และผลไม้พืชผักต่างๆ เป็นวิธีแก้ปัญหาให้ชาวบ้านมีพืชผักไว้ทำอาหารเอง เรียกกันง่ายๆ ว่า ปลูกผักคอนโด” นายถิน เล่าด้วยรอยยิ้ม
ไม่เพียงเท่านั้น ชุมชนแห่งนี้ยังทำนาบก ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพเอาไว้ใช้ในชุมชน จากการเรียนรู้ร่วมกันของคนในชุมชน ตั้งแต่รุ่นพ่อแม่สู่รุ่นลูกหลาน เรียนรู้แล้วสามารถลงมือปฏิบัติได้จริง เมื่อพืชผักผลไม้ผลิดอกออกผล ก็ต่อยอดด้วยการ “เปิดร้านค้า” ขายผลผลิตจากศูนย์เรียนรู้ฯ และมี “ธนาคารอาหารของชุมชน” ทำให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่ม
“คนเราเมื่อมีการศึกษาต้องมีคุณธรรม 2 อย่างนี้ต้องมีควบคู่กัน อย่างศูนย์เรียนรู้ที่ทำอยู่มีคนเห็นด้วยไม่กี่คนในช่วงแรก จากที่เรามีความรู้ มีคุณธรรมควบคู่ไปด้วยพี่น้องก็เห็นว่าที่เราทำเพื่อคนทุกคน ทำเพื่อพี่น้องในชุมชน และลูกหลานเราได้รับผลประโยชน์ เป็นกระบวนการของการศึกษานอกระบบ บางคนบอกว่าการศึกษาคือการต้องเรียนหนังสือ แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด เช่น ถ้าใครมาเรียนรู้ในศูนย์เศรษฐกิจพอเพียง มาศึกษาเรื่องเห็ด ก็จะได้ลงมือทำด้วยตัวเอง เอาขี้เลื่อยมาร่อนอย่างไร มีส่วนผสมอะไรบ้าง ต้องคลุกเคล้ากันให้มีความชื้นเท่าไร นี่ก็คือการศึกษานอกระบบ ถ้าเราเรียนวิธีทำนาจากหนังสือ (กระดาษ) จะไม่รู้เลยว่าการทำนาต้องเตรียมดินอย่างไร ต้องเตรียมพันธุ์ข้าวอย่างไร แต่การเรียนรู้ที่ศูนย์แห่งนี้ลงมือปฏิบัติจริงๆ” นายถิน กล่าว นายวัชรินทร์ จำปี รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาผู้มีผลงานดีเด่น สาขาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ประจำปี 2558 มูลนิธิสมาน-คุณหญิงเบญจา แสงมลิ เล่าถึงการทำงานของมูลนิธิว่า ในแต่ละปีมีผู้ได้รับการเสนอชื่อ 30 กว่าคน คณะกรรมการต้องคัดเลือกเอาไว้ 5-6 คน เพื่อส่งคณะกรรมการลงพื้นที่ไปศึกษาดูงานเชิงประจักษ์ สัมภาษณ์ พูดคุย เยี่ยมเยือน เพื่อประเมินว่างานของแต่ละท่านสร้างประโยชน์ ส่งผลกระทบไปสู่ชุมชนสังคมและประเทศอย่างไรบ้าง เพื่อหาคนที่เป็นที่หนึ่งให้ได้
“แต่ละปีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปพระราชทานรางวัลแก่ผู้ได้รับการคัดเลือกของมูลนิธิสมานฯ ทุกปี ทรงพูดคุย ให้กำลังใจ ในทุกๆ ปี เราจะได้รับพระมหากรุณาธิคุณแบบนี้ เพราะพระองค์ทรงเห็นว่าคนที่ได้รับรางวัลนี้ เป็นคนที่พิเศษจริงๆ เราจึงมีกำลังใจที่จะสานงานต่อเนื่องมาถึงทุกวันนี้” นายวัชรินทร์ กล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่ ดร.ทองอยู่ แก้วไทรฮะ ที่ปรึกษาคณะกรรมการคัดเลือกสรรหาผู้มีผลงานดีเด่น สาขาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ประจำปี 2558 เล่าว่า ทางมูลนิธิอยากเชิดชูเกียรติว่าสังคมไทยยังมีคนที่ทำงานเพื่อคนอื่นๆ สังคมยังต้องการคนที่เป็นผู้ให้ ผู้ที่ร่วมใจกันอย่างมั่นคงที่จะทำงานด้วยใจอาสา เราจะพยายามเฟ้นหาคนแบบนี้ให้มากขึ้นๆ เพราะเราต้องการให้กำลังใจ ให้ความภาคภูมิใจแก่คนที่ทำงานการศึกษานอกระบบ สิ่งที่อยากเห็นคืองานที่ถ่ายทอดความคิดสู่ประชาชน ผ่านกระบวนการให้ความรู้ ความคิด ทักษะ แนวทางในการทำงาน ซึ่งงานเหล่านี้เป็นงานที่ทุกท่านตั้งใจ และมีความจริงใจที่จะทำเพื่อประชาชน สิ่งเหล่านี้หายากในปัจจุบัน เพราะเรื่องของการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศมีอัตราที่สูงมาก ถ้าประชาชนของเราไม่ได้รับการดูแลที่ดีพอ คนของเราจะสู้กับประเทศอื่นๆ ไม่ได้ แม้ว่าในความเป็นจริงจะไม่อยากแข่งขัน แต่ก็จำเป็นต้องแข่ง การที่จะรอภาครัฐมาพัฒนาเพียงอย่างเดียวคงไม่ทัน เมื่อเรามีคนที่มีจิตอาสามาช่วยกันดูแลประชาชน จึงเป็นเรื่องดีที่จะช่วยขับเคลื่อนและพัฒนาบ้านเมืองของเราในอนาคต
นี่คือต้นแบบดีๆ ของสังคมไทย ที่ทำงานด้วยหัวใจเสียสละ หากคนในสังคมไทยสละเวลาเงยหน้าจากหน้าจอโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่ระบาดอยู่ทุกอณูของประเทศ แล้วปรบมือให้คนเหล่านี้บ้าง คนทำความดีคงมีกำลังใจเพิ่ม
