ระมัดระวังลงทุน!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/624667

โดย อินเด็กซ์ 51 24 พ.ค. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 23 พ.ค.59 ปิดที่ 1,381.69 จุด ลดลง 4.17 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 36,561.35 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 451.5 ล้านบาท

บล.เอเชีย เวลท์ มองหุ้นไทยสัปดาห์นี้ขยับในกรอบ 1,376-1,394 จุด ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนหลังกังวลถึงความเป็นไปได้มากขึ้นที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม มิ.ย.นี้ ขณะที่คาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนไทยปีนี้น่าจะโตได้ถึง 24% หลังไตรมาส 1 มีกำไรรวม 2.33 แสนล้านบาท ฟื้นตัวกว่า 20% จากไตรมาส 4 ปี 58 และบวกขึ้นเกือบ 1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

หุ้นเด่นแนะนำ SVI ธุรกิจมีแนวโน้มสดใสหลังซื้อกิจการบริษัทยุโรป Siedel Elektronik ทำให้ SVI เข้าถึงเทคโนโลยีและตลาดอิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูงของยุโรปด้วยฐานการผลิตในออสเตรีย สโลวะเกีย และฮังการี และฐานการตลาดในสแกนดิเนเวีย แม้การลงทุนอาจฉุดกำไรช่วงแรก แต่อัตรากำไรจะดีขึ้นอย่างรวดเร็วหลังการผลิตใหญ่ถึงระดับหนึ่ง ทั้งนี้ ราคาเป้าหมาย Bloomberg consensus อยู่ที่ 5.78 บาท

ข่าว “จรีพร จารุกรสกุล” ซีอีโอ WHA เผยว่า กองทุนต่างชาติขนาด ใหญ่ เข้าซื้อบิ๊กลอตกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และสิทธิ การเช่า ดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) จาก WHA เพิ่มอีก 3.28% ที่ราคาหน่วยละ 10.10 บาท การันตีถึงความมั่นใจของกองทุนต่างชาติมีต่อ WHART ถึงศักยภาพของการบริหารจัดการคลังสินค้า และการเติบโตของค่าเช่าที่สร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจให้กับผู้ถือหน่วย รวมทั้งความเป็นมืออาชีพด้านการบริการจัดการของ WHA

ปัจจุบัน WHART มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ในโครงการศูนย์กระจายสินค้าที่ WHA บริหาร ที่มีการจ่ายปันผลต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิ

ปิดท้าย “ชาญชัย สงวนวงศ์” หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ และตลาดหลักทรัพย์ได้มอบรางวัล “หุ้นขวัญใจมหาชน” ประจำปี 58 ปรากฏว่า รางวัลสุดยอดหุ้นขวัญใจมหาชนได้แก่ INTUCH ขณะที่หุ้นยอดนิยมแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมได้แก่ หุ้น M-SITHAI-MTLS-PTTGC-CK-PTT-BTS-INTUCH ส่วนหุ้นขวัญใจมหาชนตลาด mai ได้แก่ EA

ทั้งนี้ “รางวัลหุ้นขวัญใจมหาชน” เป็นการตัดสินจากนักลงทุนที่ไม่ได้มุ่งเป้าหมายเชิงพาณิชย์ แต่หวังให้บริษัทจดทะเบียนตระหนักถึงการสื่อสารให้นักลงทุน ให้ทราบข้อมูลข่าวสารอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง ทั้งใน แง่มุมของบริษัท การลงทุน และการทำกิจกรรมเพื่อสังคม!!

อินเด็กซ์ 51

กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/623422

โดย อินเด็กซ์ 51 21 พ.ค. 2559 05:01

 

บทวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ระบุถึงการกลับมาวิตกกังวลกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกว่า เป็นไปตามที่ได้ย้ำเตือนไว้ว่าหากความคิดเห็นของกรรมการส่วนใหญ่ออกมาทำนองว่า Fed มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยเดือน มิ.ย.นี้ ถือเป็น Negative surprise ต่อตลาด

โดยประธาน Fed 2 สาขา ซึ่งได้แก่ Dennis Lockhart (แอตแลนตา) และ John Williams (ซานฟรานซิสโก) ที่มองว่าการขึ้นดอกเบี้ย Fed Funds 2 รอบในปีนี้ยังคงมีความเป็นไปได้อยู่ ทำให้นักลงทุนกลับมาให้น้ำหนักกับประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed อีกครั้ง!!

ล่าสุด Fed Funds futures บ่งชี้ว่าโอกาสที่ Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย.นี้ ขยับขึ้นสู่ระดับ 32% จากเพียง 4% เมื่อต้นสัปดาห์ก่อน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เงินดอลลาร์และ Bond yield สหรัฐฯ ถีบตัวสูงขึ้นด้วย

ทรีนีตี้มองปัจจัยดังกล่าวเป็น Sentiment เชิงลบระยะสั้นต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ แต่ยังไม่ได้ให้น้ำหนักกับประเด็นที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้ามากนัก เนื่องจาก FOMC Minutes ที่ออกมาเป็นรายงานที่เกิดขึ้นจากการประชุมเมื่อวันที่ 26-27 เม.ย. ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือน เม.ย.จะออกมาน่าผิดหวังอย่างมาก

ขณะที่ประธาน Fed ทั้ง 2 สาขาไม่ได้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเพื่อกำหนดนโยบายการเงินของ Fed ปีนี้!!

แต่สิ่งสำคัญที่สุดขณะนี้ คือผลการตัดสินใจของคณะกรรมการ FOMC คราวหน้าจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ซึ่งหากฟื้นตัวต่อเนื่อง อาจทำให้ Fed ตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยได้

ทั้งนี้ เหตุการณ์และข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะเกิดขึ้นนับตั้งแต่นี้ไปจนถึงวันที่ 14-15 มิ.ย.ที่จะมีผลต่อการตัดสินใจของ Fed คือ การรายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ในวันที่ 27 พ.ค.นี้ และการรายงานตัวเลขภาคการผลิต เดือน พ.ค.ในวันที่ 1 มิ.ย. การรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือน พ.ค.วันที่ 3 มิ.ย.และ Comment ของ Janet Yellen ในวันที่ 6 มิ.ย.ที่ฟิลาเดลเฟีย รวมทั้งตัวเลขค้าปลีกเดือน พ.ค.วันที่ 14 มิ.ย.

กลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้แนะให้ถือเงินสดต่อไปจนกว่าระดับ Valuation จะมีความน่าสนใจมากกว่านี้ มองจุดซื้อแรกที่ 1,350–1,370 จุด ชูหุ้นกลุ่มอาหาร CPF, TU, TFG และอิเล็กทรอนิกส์ KCE น่าลงทุน!!

อินเด็กซ์ 51

ไร้แรงหนุน!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/622970

โดย อินเด็กซ์ 51 20 พ.ค. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 19 พ.ค.59 ปิดที่ 1,385.86 จุด ลดลง 14.64 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 40,087.61 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 303 บาท ลบ 8 บาท, IVL ปิด 30.25 บาท ลบ 1.50 บาท, JAS ปิด 4.60 บาท ลบ 0.14 บาท, PTTEP ปิด 75 บาท ลบ 2.50 บาท, CPALL ปิด 48 บาท ลบ 1 บาท

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงต่อเนื่อง โดยไร้ปัจจัยหนุนในประเทศ เน้นจับตาเศรษฐกิจโลก และทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า มีความเป็นไปได้ 32% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย.นี้ และมีความเป็นไปได้ 62% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย.หลังประเมินข้อมูลความเคลื่อนไหวในตลาดดอกเบี้ยพันธบัตรล่วงหน้า “ความเป็นไปได้นี้ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อเงินดอลลาร์มากขึ้นอีกครั้ง โดยมีประธานเฟดระดับเขตสองคนที่ให้ความเห็นชัดเจนว่าควรขึ้นดอกเบี้ย” นักค้าเงินที่ยูเอสฟอเร็กซ์ระบุ

บลูมเบิร์กยังรายงานว่า มูดี้ส์อินเวสเตอร์สเซอร์วิสได้ลดประมาณการการขยายตัวของจีดีพีสหรัฐฯปีนี้ จาก 2.3% เป็น 2% แต่คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะฟื้นตัวต่อเนื่องจนถึงปี 60 โดยขยายตัว 2.3%

ขณะเดียวกัน มูดี้ส์ยังคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างมากที่สุด 2 ครั้งในปีนี้ และเตือนว่า หนึ่งในปัจจัยที่น่ากังวลที่สุดคือการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่รุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดเงินตลาดทุน และอาจทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง นอกจากนี้ ยังเตือนว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอ่อนแอลงมากขึ้น และแนวโน้มเศรษฐกิจหลายประเทศยังคงไม่มีความแน่นอน

บล.เคทีซีมิโก้ ระบุว่า หุ้นไทยโดนกดดันอย่างรุนแรงในหุ้นพลังงาน จากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงประกอบกับหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นมาสูงช่วงก่อนหน้า ทำให้นักลงทุนหันมาเทขายทำกำไร

ประเมินตลาดสัปดาห์หน้า มีโอกาสปรับตัวลงต่อเนื่อง จากความกังวลเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มิ.ย. และแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ

แนะกลยุทธ์เก็งกำไรระยะสั้น จับตาดัชนีระดับ 1,380 จุด หากดัชนีฯหลุดกว่าระดับ 1,380 จุด แนะขายหุ้นในพอร์ต และถือเงินสดเพิ่มขึ้น!!

อินเด็กซ์ 51

ไร้ข่าวดี!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/622475

โดย อินเด็กซ์ 51 19 พ.ค. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 18 พ.ค.59 ปิดที่ 1,400.50 จุด ลดลง 6.07 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 43,122.28 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 902.94 ล้านบาท

บล.ซีไอเอ็มบี ชี้ตลาดยังไร้ปัจจัยทั้งด้านบวกและลบที่ชัดเจน นักลงทุนเน้นเล่นหุ้นรายตัวที่มีข่าวเข้ามากระทบ ขณะที่มีความกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด ทำให้มีแรงขายลดความเสี่ยงออกมา
ประเมินหุ้นไทยระยะสั้นแกว่งแคบรอทิศทางตลาดที่ชัดเจน ลุ้นให้ดัชนียืนเหนือ 1,400 จุดให้ได้ เพื่อไปต่อที่ 1,410 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนเก็งกำไรระยะสั้นในลักษณะขึ้นแรงขาย-ลงแรงซื้อ ด้านเทคนิคให้แนวรับ 1,395 จุด และแนวต้าน 1,410 จุด

บล.ฟิลลิป มองการปรับขึ้นของตลาดยังมีจำกัด ให้กรอบการลงทุนที่แนวรับ 1,390 จุด แนวต้าน 1,410 จุด เตือนซื้อขายอย่างระมัดระวัง เลือกหุ้นรายตัวที่ผลดำเนินงานออกมาดี และราคายังปรับขึ้นช้ากว่ากลุ่ม (Laggard) โดยชื่นชอบ LH น่าลงทุน

มีข่าวหุ้นน้ำดีน่าสน ซีอีโอ GL คุยหลังหุ้นได้รับเลือกเข้าคำนวณดัชนี MSCI GLOBAL SMALL CAP จะเปิดทางให้ต่างชาติสนใจลงทุนหุ้น GL มากขึ้น สะท้อนพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง เห็นได้จากมาร์เก็ตแคป GL ที่ปรับขึ้นต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าปรับโมเดลธุรกิจใหม่สู่ “ดิจิตอลไฟแนนซ์” นำ FinTech หรือระบบไอทีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกิจ เพื่อรุกตลาดในอาเซียนทั้งไทย กัมพูชา ลาว และอินโดนีเซีย

ขณะที่ บมจ. บลิสเทล (BLISS) แจ้งเปลี่ยนมูลค่าหุ้น (พาร์) ที่ตราไว้ จากเดิม 0.10 บาท เป็น 0.50 บาท มีผล 24 พ.ค.นี้ โดยปัจจุบัน BLISS ยังถูกสั่งพักการซื้อขาย และจะสามารถซื้อขายตามมูลค่าหุ้นเมื่อได้รับอนุญาต ให้ซื้อขายใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้ BLISS ดำเนินธุรกิจ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และโทรคมนาคม ทั้งด้าน Software และ Hardware

ปิดท้าย ก.ล.ต. กล่าวโทษอดีตผู้บริหาร UMI และพวก ได้แก่ นางสาวปวีณา เหล่าวิวัฒน์วงศ์, นางปัณพร เหล่าวิวัฒน์วงศ์,นางสาววรัญญา เหล่าวิวัฒน์วงศ์ และนายตรัยรัธน์ ตรีรัตนพันธุ์ ร่วมกันปั่นหุ้น UMI ระหว่างวันที่ 9 ม.ค.56 ถึง 28 ก.พ.56 ในลักษณะอำพรางเพื่อ ให้บุคคลทั่วไปหลงผิดไปว่าหุ้น UMI มีการซื้อขายมากจนผิดไปจาก สภาพปกติของตลาด!!

อินเด็กซ์ 51

หวั่นขายทำกำไร!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/621882

โดย อินเด็กซ์ 51 18 พ.ค. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 17 พ.ค.59 ปิดที่ 1,406.57 จุด เพิ่มขึ้น 8.94 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 52,939.77 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 650.97 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด ADVANC ปิด 159.50 บาท บวก 13 บาท, PTTEP ปิด 78 บาท บวก 2.50 บาท, PTT ปิด 312 บาท บวก 5 บาท, IVL ปิด 31 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงและ JAS ปิด 4.62 บาท ลบ 0.06 บาท

ตลาดได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นสื่อสาร โดยเฉพาะ ADVANC และ INTUCH รับข่าวดีจากการประกาศไม่เข้าร่วมประมูลใบอนุญาตคลื่น ความถี่ 900 MHZ ของ TRUE ซึ่งส่งผลให้ ADVANC เป็นผู้เข้าร่วมประมูลเพียงรายเดียว และคาดว่าจะสามารถชนะประมูลได้ในราคาเริ่มต้น ที่ราว 75,654 ล้านบาท ทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรเข้ามาหนาแน่น

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงกระตุ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นกระตุ้นหุ้นกลุ่มพลังงานในกลุ่ม ปตท.ปรับตัวขึ้นแรง

บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองตลาดปรับขึ้นแรงอาจทำให้มีแรงเทขายทำกำไร ออกมา ทำให้ดัชนีทิศทางชะลอตัว เพราะตลาดยังขาดแรงหนุนระยะยาว ขณะที่ราคาน้ำมันดิบยังมีความผันผวนเป็นอย่างมาก แนะกลยุทธ์ลงทุนถือเงินสด และรอซื้อเมื่ออ่อนตัว ให้กรอบการลงทุนระยะสั้นแนวรับที่ 1,390 จุด แนวต้าน 1,410 จุด ให้เลือกซื้อหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2 จะออกมาดี

บล.เอเซียพลัส มองหุ้นไทยกลับมายืนเหนือ 1,400 จุด ได้อีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนผ่อนคลายแรงกดดันจากเศรษฐกิจไทย หลังตัวเลข GDP เดือน เม.ย.ออกมาดีกว่าที่คาด แต่ต้องการติดตามการผลักดันการฟื้นตัวเศรษฐกิจภาครัฐต่อไปว่าจะเดินหน้าได้แค่ไหน รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่มีความไม่แน่นอนสูง

ปิดท้าย มีข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า โกลด์แมนแซคส์กรุ๊ป แนะนักลงทุนขายหุ้นในเดือนพฤษภาคม ก่อนกลับเข้าซื้ออีกครั้ง หลังการปรับฐานผ่านพ้นไปแล้ว หรือ “Sell in May and Go away” โดยระบุว่า ดัชนี S&P 500 อาจปรับลดลง 5-10% มาอยู่ที่ 1,850-1,950 ช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ยังคงเป้าดัชนีสิ้นปีนี้ไว้ที่ 2,100 จุด

ยังระบุว่า นักลงทุนสถาบันและกองทุนประกันความเสี่ยงยังคงเปิดสถานะขายในตลาดล่วงหน้า แม้ดัชนีจะฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดของปีเมื่อวันที่ 11 ก.พ. ขณะที่ปัจจัยทางเทคนิคบ่งชี้ว่า เซ็นติเมนต์ตลาดเปลี่ยนไป โดยอยู่ในภาวะกระทิงน้อยลง

โกลด์แมนแซคส์ยังระบุว่าไม่มีใครบอกได้ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งหรือไม่ แต่โกลด์แมนแซคส์คาดว่าจะขึ้นอย่างน้อย 2 ครั้งปีนี้ ขณะที่ตลาดซึมซับเพียงว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อยหนึ่งครั้งปีนี้!!

อินเด็กซ์ 51

ไป 1,400 จุด!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/621335

โดย อินเด็กซ์ 51 17 พ.ค. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 16 พ.ค.59 ปิดที่ 1,397.63 จุด เพิ่มขึ้น 2.94 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 48,034.68 ล้านบาท

หุ้นไทยทะยานขึ้นเหนือ 1,400 จุด แต่นักลงทุนระวังตัวฉวยจังหวะ ขายทำกำไรออกมา ทำให้ปิดตลาดบวกได้เพียงเล็กน้อย แต่แนวโน้มยังมีโอกาสขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1,400 จุด อีกได้ไม่ยาก

บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) มองหุ้นไทยทะลุ 1,400 จุดได้ หลังจีดีพีไตรมาส 1 ออกมาโต 3.2% ดีกว่าที่ตลาดคาด ดีต่อบรรยากาศการลงทุน ลดแรงกดดันจากการปรับลงของดัชนี Downside risk จำกัดมากขึ้น แต่นักลงทุนยังกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แนะกลยุทธ์ หากดัชนีฯ ทะลุ 1,400 จุด ซื้อเก็งกำไรหุ้นแบงก์ และไปรอขายเมื่อดัชนีขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,420 จุด ขณะที่ให้แนวรับ 1,390 จุด แนวต้านสั้นอยู่ที่ 1,407-1,410 จุด

ปิดท้ายมีข่าว “กังวาล กุศลธรรมรัตน์” ซีอีโอ IRCP แถลงเปิดตัวบริษัท สิงห์คอม อินเตอร์กรุ๊ป ผู้เชี่ยวชาญด้านการติดตั้งอุปกรณ์ส่งสัญญาณโทรคมนาคม 3 จี และ 4 จี ให้กับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทยทั้ง 3 ราย ว่า ทิศทางธุรกิจสิงห์คอมฯมีโอกาสโตก้าวกระโดด จากเดิมสิงห์คอมฯ รับงานแค่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่หลัง IRCP เข้าไปถือหุ้นและสนับสนุนการเงิน ทำให้ขณะนี้ได้ออก ไปรับงานติดตั้งทั่วประเทศ

ทำให้คาดว่าปีนี้รายได้สิงห์คอมฯจะโตเท่าตัวจาก 100 ล้านบาท ในปี 58 ขึ้นมาเป็น 200 ล้านบาท ในปีนี้และตั้งเป้าปี 60 ทะยานเป็น 500 ล้านบาท และ 1,000 ล้านบาท ในปี 61 โดย IRCP จะเริ่มรับรู้รายได้ จากการถือหุ้น 51% ในสิงห์คอมฯตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีนี้เป็นต้นไป และตั้งเป้านำสิงห์คอมฯเข้าตลาดหุ้นภายใน 3 ปีนี้ ขณะที่ภาพรวมธุรกิจของ IRCP เองนั้น ได้ปรับเป้ารายได้ทั้งปีโต 70% จากเดิมคาดจะโต 50% จากปีก่อน เนื่องจากจะรับรู้รายได้ 85% ของโครงการในมือที่มีอยู่ 1,000 ล้านบาท และเตรียมเข้าประมูลงานเพิ่มมูลค่ารวม 5-6 พันล้านบาท

ส่วนหุ้นน้องใหม่ไอพีโอ บมจ.บางกอกชีทเม็ททัล (BM) ธุรกิจแปรรูป โลหะสำหรับชิ้นส่วนอุตสาหกรรมและเครื่องจักรกลการเกษตรที่หุ้นจะเข้าเทรด 17 พ.ค.นี้ “ธานิน สัจจะบริบูรณ์ ” ซีอีโอมั่นใจได้กระแสตอบรับดี สะท้อนจากผลจองซื้อหุ้น IPO ทะลัก เพราะปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง

และมีทิศทางการเติบโตที่ดี โดยขายหุ้นไอพีโอ 100 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 2.88 บาท มีบริษัทที่ปรึกษาการเงินมือทองอย่างแอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ (APM) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน!!

อินเด็กซ์ 51

บิ๊กลอต CPALL เฉียด 5 พันล้าน!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/620041

โดย อินเด็กซ์ 51 14 พ.ค. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 13 พ.ค.59 ปิดที่ 1,394.69 จุด ลดลง 4.62 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 50,233.54 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 4,116.17 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด IVL ปิด 32.25 บาท บวก 2 บาท, JAS ปิด 4.48 บาท บวก 0.16 บาท, CPALL ปิด 48 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, PTT ปิด 300 บาท ลบ 5 บาท และ CPF ปิด 28 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

มีบิ๊กลอตหุ้น CPALL 110.10 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 43.47 บาท รวมมูลค่า 4,786.15 ล้านบาท ขณะที่ยังมีบิ๊กลอต หุ้น CPALL–F อีก 3,147,300 หุ้น ในราคาเฉลี่ย 48.13 บาท รวมเป็นเงิน 151.48 ล้านบาท

คาดเป็นซื้อบิ๊กลอตโดยนักลงทุนต่างชาติ โดยพอร์ตรวมต่างชาติโชว์การซื้อสุทธิถึง 4,116.17 ล้านบาท!! ทั้งนี้ หากไปดูข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี พบว่า มีรายงานการทำบิ๊กลอตซื้อขายหุ้น CPALL กะปริดกะปรอยมาอย่างต่อเนื่องแทบทุกสัปดาห์ แต่รอบนี้บิ๊กลอตหนักสุดเพียงวันเดียวทะลักรวมกว่า 4,937.63 ล้านบาท

ขณะที่ CPALL แจ้งไตรมาส 1 มีกำไรสุทธิ 4.06 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3.40 พันล้านบาท และมากกว่าที่โบรกเกอร์คาดการณ์ไว้ที่ 3.7-3.8 พันล้านบาท ส่วนมุมมองโบรกเกอร์ บล.ทรีนีตี้ และดีบีเอสวิคเคอร์ส แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐานเท่ากันที่ 60 บาท ขณะที่ เมย์แบงก์กิมเอ็งแนะแค่ “Trading Buy” ให้ราคาเป้าหมาย 48 บาท และบัวหลวงแนะ “ถือ” ให้ราคาเป้าหมาย 47 บาท

มีรายงานผลงาน บจ. TRUE แจ้งไตรมาส 1 มีกำไรสุทธิ 1,968.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,569.42 ล้านบาท จากการปรับมูลค่ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิตอล (DIF) ขณะที่ขาดทุนจากการดำเนินงาน 1,440 ล้านบาท ทั้งนี้ได้มีการประเมินมูลค่าทรัพย์สินของกองทุน DIF ด้วยมูลค่ายุติธรรม (Fair Value) ตามเกณฑ์ของ ก.ล.ต.พบว่า กองทุน DIF มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กลุ่มทรู ซึ่งถือหน่วยลงทุนอยู่ร้อยละ 28 รับรู้มูลค่าเพิ่มนี้เป็นจำนวน 2.9 พันล้านบาท

ปิดท้าย ซีอีโอหญิงเก่ง “จรีพร จารุกรสกุล” นายหญิงแห่ง WHA เผยผลงานไตรมาส 1 มีกำไร 119.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดปีก่อน ที่มีกำไร 4.5 ล้านบาท หลังรับรู้งบ HEMRAJ เต็มไตรมาส ส่วนธุรกิจไตรมาส 2 ยังเดินหน้าขยายพื้นที่ให้เช่าคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงโรงงานระดับพรีเมียมเต็มสูบ โดยปีนี้ตั้งเป้าขยายพื้นที่เช่าไว้ที่ 250,000 ตารางเมตร และยังตั้งเป้าขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม 1,000 ไร่

ส่วนความคืบหน้าการจัดตั้งกองทรัสต์กอง REIT เหมราช เพื่อการนำทรัพย์สินของ HEMRAJ ขายให้กอง REIT คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4 ปีนี้!!

อินเด็กซ์ 51

น้ำมันดันหุ้น!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/619490

โดย อินเด็กซ์ 51 13 พ.ค. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 12 พ.ค.59 ปิดที่ 1,399.31 จุด เพิ่มขึ้น 16.90 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 43,165.81 ล้านบาท

ราคาน้ำมันโลกดีดตัวดันราคาหุ้นพลังงานกระฉูด ขณะที่ผลประกอบการหลายบริษัทออกมาดีกว่าคาด เช่น CPF ที่มีรายได้ทำนิวไฮต่อเนื่อง ช่วยดันตลาดบวกแรง เป็นไปตามตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯช่วยกระตุ้นจิตวิทยาการลงทุนหุ้นทั่วโลก

บล.ธนชาต ชี้แม้ตลาดขึ้นแรง แต่ยังต้องระวัง Sell in May หากดัชนีประคองตัวไม่หลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 1,380 จุด ถือเป็นสัญญาณที่ดี มีลุ้นไปยืนเหนือ 1,400 จุดได้อีกรอบ แต่หากหลุดเสี่ยงลงไปที่ 1,360 จุด ซึ่งเป็นโอกาสในการตั้งรับหุ้นคืน แนะกลยุทธ์ลงทุน เก็บหุ้นทิศทางกำไรไตรมาส 1-2 ดีต่อเนื่อง เช่น PTTGC-CPF-BEAUTY-GLOBAL ขณะที่ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) แนะเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่มีผลประกอบการดี ชอบ LH-AAV และ AOT

งานมหกรรมการเงินมันนี่เอ็กซ์โป ที่อิมแพค เมืองทองธานี บูธตลาดหลักทรัพย์คึกคักพร้อมรับนักลงทุนภายใต้แนวคิด “โอกาสลงทุนคุณสร้างได้” เดินหน้าขยายฐานผู้ลงทุน มีการแนะนำผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลายทั้งหุ้น อนุพันธ์ กองทุนรวมพร้อมเครื่องมือการลงทุนสุดล้ำ

ขณะที่เวทีสัมมนาเข้มข้นตลอด 4 วัน ที่นักลงทุนและผู้สนใจลงทุน ไม่ควรพลาด แถมยังมีบริการปรึกษาการลงทุนครบวงจรจากบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ!! มาเจอกันวันนี้ถึง 15 พ.ค.เท่านั้น!!

ปิดท้าย มีข่าวดีๆบริษัทจดทะเบียน “นพชัย วีระมาน” เอ็มดี บมจ.มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล (COOL) ผู้ผลิตจำหน่ายและให้เช่า พัดลมไอน้ำ-ไอเย็น “มาสเตอร์คูล” เผยผลงานไตรมาสแรกปี 59 มีรายได้รวม 228 ล้านบาท โต 61% มีกำไรสุทธิ 16 ล้านบาท โตกว่า 170% ของกำไรตลอดทั้งปี 58 สูงกว่าเป้าที่คาดไว้มาก เป็นผลจากการขยายช่องทางการตลาดที่ครอบคลุมกลุ่มลูกค้ามากขึ้นผ่านเทสโก้-โลตัส 42 สาขาทั่วประเทศ และผ่านพันธมิตรใหม่ SINGER

ปิดท้าย บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง “TKN” ประกาศงบไตรมาส 1 กำไรเพิ่มกว่า 213% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากยอดขายต่างประเทศพุ่ง 85.2% และอานิสงส์นักท่องเที่ยวจีน แถมจัดระบบลดอัตราสูญเสียวัตถุดิบ–ลดค่าใช้จ่ายได้ดีอีก ใครอยากรู้ว่า TKN มีกลยุทธ์ในการทำงานอย่างไร นักลงทุนใน กทม. พบกับ “ซีอีโอเถ้าแก่น้อย” อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ มาให้ข้อมูลในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน ที่อาคารตลาดหลักทรัพย์ รัชดาภิเษก.

อินเด็กซ์ 51

กังวล!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/618922

โดย อินเด็กซ์ 51 12 พ.ค. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 11 พ.ค.59 ปิดที่ 1,382.41 จุด ลดลง 7.72 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 47,641.34 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,002.21 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด IVL ปิด 30 บาท บวก 1.75 บาท, KBANK ปิด 158 บาท ลบ 3 บาท, TKN ปิด 13 บาท บวก 2.10 บาท, ADVANC ปิด 148.50 บาท ลบ 2.50 บาท และ BEM ปิด 6.40 บาท บวก 0.20 บาท

หุ้นไทยแกว่งลง กังวลการปรับหุ้นที่ใช้คำนวณ MSCI ที่มีแนวโน้มว่าหุ้นตลาดเกิดใหม่เอเชียรวมทั้งหุ้นไทยจะถูกปรับออกจากการคำนวณดัชนีมากกว่าหุ้นเข้าใหม่ แต่ยังมีแรงเก็งกำไรหุ้นรายตัวช่วงโค้งสุดท้ายประกาศงบไตรมาส 1 ปี 59

บล.ทิสโก้ คาดหุ้นไทยภาพรวมมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อ โดยหลังสิ้นสุดการประกาศงบไตรมาส 1 ของบริษัทจดทะเบียนวันที่ 16 พ.ค.นี้ ดัชนีเดือน พ.ค.มีโอกาสไปทำ low ที่ 1,350 จุด เพราะตลาดหุ้นเอเชียโดยส่วนใหญ่ถูกปรับลดน้ำหนักการลงทุน กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้จึงเน้นขายทำกำไร และถือเงินสดเป็นหลัก โดยเฉพาะหากดัชนีหลุดแนวรับที่ 1,380 จุด มีโอกาสร่วงแรง ขณะที่ให้แนวต้าน 1,400 จุด

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินว่าหุ้นไทยพักฐานมาระยะหนึ่งแล้ว แนะกลยุทธ์ถือเงินสด เพื่อทยอยซื้อในช่วงที่ดัชนีอ่อนตัวลง โดยคาดว่า ตลาดจะเข้าสู่ช่วงพักฐานไปอีก 2 สัปดาห์ แนะนำหุ้นไฟแนนซ์ที่มีกำไรโดดเด่น เชียร์ MTLS–SAWAD รวมทั้งกลุ่มโรงพยาบาลและโรงแรม

ขณะที่ ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ ประเมินกรอบดัชนีครึ่งปีหลัง 1,200-1,530 จุด คิดจาก P/E 12-15 เท่า มองวอลลุ่มปีนี้ 4.5-5 หมื่นล้านบาท คาดกำไรบริษัทจดทะเบียนโต 20% จากฐานที่ต่ำในปีก่อน พร้อมคาด กนง.คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% ตลอดทั้งปีนี้ หลังเงินเฟ้อยังไม่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ขณะที่ให้จับตา MSCI ปรับตะกร้าลงทุนรอบใหม่หากเพิ่มน้ำหนักหุ้นจีนหวั่นฉุดเงินไหลออกจากหุ้นไทยราว 2.4 หมื่นล้านบาท โดยการประกาศปรับตะกร้าการลงทุนของ MSCI Emerging Market วันที่ 12 พ.ค.นี้ คาดว่าจะมีการเพิ่ม China ADRs ซึ่งเป็น บจ.ของจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯเข้ามาในดัชนี โดยจะมีน้ำหนักการลงทุนอยู่ที่ 5.22% มากกว่าน้ำหนักของหุ้นไทยที่ 2.19% ทำให้จะมีเม็ดเงินไหลออกจากไทยประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเป็นการไหลออกจากหุ้นบิ๊กแคป!!

อินเด็กซ์ 51

หุ้นอสังหาดี!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/617832

โดย อินเด็กซ์ 51 10 พ.ค. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 9 พ.ค.59 ปิดที่ 1,394.14 จุด เพิ่มขึ้น 3.44 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 43,560.29 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,898.92 ล้านบาท

โดย บล.เคจีไอ ระบุว่า ผลดำเนินงานหุ้นในกลุ่มอสังหาฯคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นในไตรมาสแรก (ผลจากมาตรการรัฐ) อาจทำให้มีแรงเก็งกำไรเข้ามา ประเมินว่าผลงาน LPN จะเด่นสุดในไตรมาสนี้และในเชิงพื้นฐานเลือก ANAN และ AP เป็นหุ้นเด่น ขณะที่ PACE เริ่มโอนโครงการมหานครในไตรมาส 2/59

เช่นเดียวกับหุ้น บมจ.ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 (SAWAD) บวกแรงราคาหุ้นนิวไฮรอบ 1 เดือน โดย บล.เอเซียพลัส คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1 อยู่ที่ 421 ล้านบาท เดินหน้าขึ้นทำ new high อีกไตรมาส โตถึง 5.9% จากไตรมาสก่อน และโต 51.2% จากช่วงปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของทั้งดอกเบี้ยรับสุทธิและรายได้อื่นๆ ขณะที่สินเชื่อสุทธิยังโตต่อเนื่อง แม้จะเห็นปัจจัยกดดันจากค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ยังทรงตัวสูง ทั้งนี้ บล.เอเซียพลัส ยกให้ SAWAD เป็นหนึ่งในหุ้น top picks ให้ Fair value ปี 59 เท่ากับ 64 บาท อิง PBV 11.0 เท่า

ขณะที่ บมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ชี้แจงผลงานงวดไตรมาส 1 ที่มีกำไรสุทธิ 1,230 ล้านบาท ลดลง 19% จากงวดปีก่อน ทั้งที่รายได้เพิ่มขึ้น 9.3% ว่าเนื่องจากไตรมาสนี้ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงเหลือเพียง 29 ล้านบาท งวดปีก่อนมีกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 1,125 ล้านบาท เพราะการปรับปรุงทางบัญชี

พร้อมแจงว่ากำไรที่ TU ทำได้ ถือว่าใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ คือ บล.เอเซียพลัส คาดจะมีกำไร 1.28 พันล้าน เพิ่มขึ้น 68.7% จากไตรมาสก่อนหน้า และ บล.บัวหลวง คาดไว้ที่ 1.20 พันล้าน ลดลง 20% จากไตรมาส 1 ปี 58

ปิดท้ายห้ามพลาด งานมหกรรมการเงิน MONEY EXPO 2016 บูธตลาดหลักทรัพย์จัดสัมมนาเข้มเพื่อผู้ลงทุน ตลอด 4 วัน 15 หัวข้อโดยกูรูผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินการลงทุน มาเผยเคล็ดลับลงทุน หุ้น อนุพันธ์ กองทุนรวม อาทิ “เคล็ดลับเลือกหุ้นเด่น” “ลงทุนมั่นใจทำกำไรผ่านออนไลน์” “จับจังหวะ วิเคราะห์เทคนิคการลงทุน” และ “เสริมทัพจัดพอร์ต ไตรมาส 2” แล้วมาเจอกัน!!

อินเด็กซ์ 51