เงินยังล้นโลก!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/609245

โดย อินเด็กซ์ 51 22 เม.ย. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 21 เม.ย.59 ปิดที่ 1,423.90 จุด บวก 8.94 จุด

มีมูลค่าซื้อขาย 47,307.53 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,848.85 ล้านบาท

บล.เอเซียพลัส คาดตลาดยังได้แรงหนุนจากหุ้นที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งน้ำมัน น้ำตาล กากถั่วเหลือง ยางมะตอยที่ปรับขึ้น แนะนำหุ้น TASCO, PTT เป็น Top picks และยังชื่นชอบหุ้นที่มีกำไรไตรมาส 1 เด่น ชื่นชอบ BDMS, IRPC, KCE, WORK

ระบุว่า Money Supply โลกที่เพิ่มขึ้นชัดเจน ยังเป็นตัวหนุนตลาดหุ้นโลก จากการที่หลายธนาคารกลางทั่วโลก ยังดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อเนื่อง ผ่านการลดอัตราดอกเบี้ย หรือการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบ เป็นปัจจัยหนุนให้ Money supply (M2)

เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยหากพิจารณา (M2) ตั้งแต่ต้นปี-ปัจจุบัน (YTD) ประเทศพัฒนาแล้วพบว่า M2 ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากที่สุด

2.08% ตามมาด้วยยุโรป ปรับเพิ่มขึ้น 1% ยกเว้นญี่ปุ่น ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.2%

ขณะที่ประเทศในเอเชีย พบว่า M2 จีนปรับขึ้นมากที่สุดราว 3.9% เนื่องจากมีการใช้มาตรการการเงินผ่อนคลายต่อเนื่องมากที่สุดในเอเชีย ตามมาด้วยไทย เพิ่มขึ้น 1.12% ขณะที่อินโดนีเซีย และมาเลเซียปรับเพิ่มในอัตราใกล้เคียงกัน 0.5% และ 0.4% ตามลำดับ

กล่าวโดยสรุป Money supply ที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยหนุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งหุ้น น้ำมันและทองคำ สินค้าโภคภัณฑ์ โดยราคาน้ำมันโลกที่วิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อหุ้น PTT (ให้ราคาพื้นฐาน 330 บาท) และ PTTEP (ราคาพื้นฐาน 80 บาท)

เช่นเดียวกับราคาน้ำตาลโลกที่ยังปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยราคาเฉลี่ยน้ำตาลในตลาดโลกขณะนี้ถือว่าดีกว่าสมมติฐานที่นักวิเคราะห์เอเซียพลัสประเมินไว้ ส่งผลดีต่อผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทั้งในประเทศและต่างประเทศ ฝ่ายวิจัยยังคงชอบ KSL ให้มูลค่าตามพื้นฐาน 4.82 บาท มีโครงสร้างรายได้มาจากน้ำตาล 70% ของรายได้รวม และยังมีการกระจายไปยังธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น เอทานอล และโรงไฟฟ้า ขณะที่ราคาปัจจุบันยังมี upside สูงถึงกว่า 19%

นอกจากนี้ ยังแนะนำ KTIS ให้ราคาพื้นฐาน 8.50 บาท และ KBS ให้พื้นฐาน 9 บาท

รวมทั้งยังแนะซื้อ TASCO จากราคาวัสดุก่อสร้างเริ่มขยับขึ้น ถือเป็นหุ้น Laggard และ upside มากสุด

ขณะที่หุ้นในปัจจุบันถือว่าปรับฐานลงมาก ทำให้ Upside

เปิดกว้าง 50% จึงเป็นโอกาสที่จะเข้าซื้อให้ Fair Value ที่ 39 บาท!!

อินเด็กซ์ 51

บวกได้!!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/608654

โดย อินเด็กซ์ 51 21 เม.ย. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 20 เม.ย.59 ปิดที่ 1,414.96 จุด ลดลง 1.04 จุด มูลค่าการซื้อขาย 46,009.29 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 139.19 ล้านบาท

หุ้นซื้อขายสูงสุด PTT 303 บาท บวก 5.00 บาท, JAS ปิด 4.38 บาท บวก 0.24 บาท, ADVANC ปิด 155 บาท ลบ 0.50 บาท, PTTEP ปิด 71.25 บาท ลบ 0.25 บาท และ SCC ปิด 488 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ประเมินแนวโน้มตลาดมีโอกาสกลับมาบวกได้ โดยให้แนวต้านรอบนี้ไว้ที่ 1,436-1,450 จุด หลังบรรยากาศการลงทุนผ่อนคลายมากขึ้น เมื่อประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯน่าจะชะลอไปพิจารณาอีกครั้งกลางปี

ขณะที่มองการเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทั้งการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การปรับลดฐานภาษี เพื่อกระตุ้นการจับจ่าย และมาตรการอื่นๆ เป็นปัจจัยบวกหนุนการลงทุน

ดังนั้น มองหุ้นไทยระยะสั้นยังไปต่อได้ แม้งบหุ้นกลุ่มแบงก์ไตรมาส 1 จะกดดันบ้าง แต่ภาพรวมหุ้นกลุ่มอื่นน่าจะออกมาดี แนะกลยุทธ์ลงทุน ถือหุ้นต่อส่วนคนที่ไม่มีหุ้น หาจังหวะทยอยเก็บหุ้นค้าปลีก วัสดุก่อสร้าง โรงแรม และท่องเที่ยว ด้านเทคนิคให้แนวต้าน 1,436 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,408 จุด

ด้าน บล.โกลเบล็ก มองดัชนีหุ้นไทยได้แรงหนุนจากเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ย บวกภาครัฐไฟเขียวโครงการลงทุนขนาดใหญ่ต่อเนื่อง
ล่าสุดอนุมัติก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม วงเงิน 8.29 หมื่นล้านบาท เร่งประมูลภายใน มิ.ย.นี้ และปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเริ่มใช้ปี 2560 ช่วยเพิ่มกำลังซื้อ หนุนดัชนีทดสอบกรอบแนวต้าน 1,430-1,440 จุด

แนะเก็งกำไรหุ้นกลุ่มที่มีปัจจัยบวก เช่น กลุ่มพลังงานทดแทนที่ 21 เม.ย.นี้ มีการจับสลากโซลาร์ฟาร์มสหกรณ์ 300 เมกะวัตต์ รองลงมากลุ่มรับเหมา รับอานิสงส์โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และหุ้นที่คาดว่ากำไรไตรมาส 1 โตดี ได้แก่ AOT, BA, AAV, EPG,CPF, WORK, SMT และ LPN จบปิ๊ง!!

อินเด็กซ์ 51

ลุ้น 1,430–1,460!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/608036

โดย อินเด็กซ์ 51 20 เม.ย. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 19 เม.ย.59 ปิดที่ 1,416 จุด บวก 17.23 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 57,371.16 ล้านบาท

ต่างชาติขายสุทธิ 582.62 ล้านบาท ขณะที่กองทุนในประเทศซื้อสุทธิ 4,557.60 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ ซื้อสุทธิ 2,257.17 ล้านบาท ส่วนราย ย่อยขายสุทธิสวนทางนักลงทุนในประเทศกลุ่มอื่นๆ 6,232.15 ล้านบาท

บล.ธนชาต ยังคงดัชนีเป้าหมายระยะสัปดาห์ไว้ที่ 1,430-1,460 จุด ซึ่งการปรับสูงขึ้นของตลาดหุ้นโลก หลังจากผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้, ราคาน้ำมันฟื้นตัว, อัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกทรงตัวในระดับต่ำ, และแนวโน้มการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น

รวมไปถึงการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ก่อนการทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญในเดือน ส.ค.นี้ จะเป็นปัจจัยหนุนดัชนีหุ้นไทยให้ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยแนะนำ “ซื้อ” หุ้นกลุ่มที่ได้รับผลดีจากดอกเบี้ยต่ำ SAWAD (XD หุ้นปันผล 40:1 วันที่ 28 เม.ย.นี้) MTLS และ KTC รวมไปถึงกลุ่ม REIT และ Infra Fund อย่าง CPNRF BTSGIF และ DIF

กลุ่มรับเหมาฯ และวัสดุก่อสร้าง ที่ได้ผลดีจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเร่งตัว แนะนำหุ้น SCC ซึ่งเป็นหุ้นใหญ่ที่เป็น Laggard Play รวมทั้ง CK- STEC และ UNIQ ยังเป็นหุ้นที่น่าลงทุน

กลุ่มที่คาดการณ์ผลการดำเนินงาน ไตรมาส 1 ออกมาดี แนะนำ AOT-BEAUTY-CHG

รวมทั้งกลุ่มหุ้นที่ถูก Consensus ปรับประมาณการกำไร และพื้นฐานขึ้น RS-BCH-LPH

ปิดท้าย มีข่าวสำนักงาน ก.ล.ต.เผยแพร่ข้อมูลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 59 ระบุว่า ไตรมาสแรกปีนี้ ก.ล.ต.ได้รับข้อมูลการร้องเรียนทั้งสิ้น 14 เรื่อง แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1.การกระทำอันไม่เป็นธรรม เช่น การปั่นหุ้น แพร่ข่าว การใช้ข้อมูลภายในในการซื้อขายหลักทรัพย์ 8 เรื่อง 2. การประกอบธุรกิจโดยไม่มีใบอนุญาต 5 เรื่อง และ 3.การปฏิบัติหน้าที่ของผู้แนะนำการลงทุนที่ไม่เหมาะสม 1 เรื่อง ทั้งนี้ มีจำนวนเรื่องที่ยุติหรือ ก.ล.ต.ได้ส่งต่อไปยังหน่วยงานอื่นอีกจำนวน 10 เรื่อง

สำหรับการบังคับใช้กฎหมายไตรมาส 1 ก.ล.ต.ได้ดำเนินคดีอาญา ผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ 16 ราย รวม 19 ข้อหา คิดเป็นเงินค่าปรับ 28.89 ล้านบาท และกล่าวโทษ 38 ราย รวม 14 คดี!!

อินเด็กซ์ 51

ขึ้นแรง!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/607484

โดย อินเด็กซ์ 51 19 เม.ย. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 18 เม.ย.59 ปิดที่ 1,398.77 จุด เพิ่มขึ้น 13.35 จุด หรือ 0.96% ณ เวลา 16.42 น. มีมูลค่าการซื้อขาย 47,822.80 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,791.05 ล้านบาท

ตลาดเปิดทำการซื้อขายวันแรก ดีดเด้งได้สะใจหลังสะสมความอัดอั้นในช่วงหยุดยาว เพราะตลาดหุ้นต่างประเทศขึ้นเอา–ขึ้นเอา!!

“สุกิจ อุดมศิริกุล” หัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง มองหุ้นไทยหลังสงกรานต์แนวโน้มดีขึ้น และครึ่งปีหลังดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1,650 จุดได้ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและแนวโน้มการลงทุนภาครัฐที่มีมากขึ้นในครึ่งปีหลัง และได้แรงหนุนจากเงินทุนต่างชาติที่ไหลกลับเข้าหุ้นไทย และตลาดหุ้นเกิดใหม่มากขึ้น ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกที่ต่ำ ขณะที่เชื่อว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะค่อยๆดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา

ปิดท้ายมีบทวิเคราะห์หุ้นสื่อสาร จาก บล.ทิสโก้ ระบุว่า รัฐบาลใช้อำนาจพิเศษมาตรา 44 เพื่อจัดการประมูลคลื่น 900 MHz วันที่ 27 พ.ค. (จากเดิม มิ.ย.) ราคาเริ่มต้นที่ 7.56 หมื่นล้านบาท รวมทั้งขยายช่วงมาตรการเยียวยาของ ADVANC เป็นสิ้นเดือน มิ.ย. หรือจนกว่าผู้ชนะการประมูลจะจ่ายเงินงวดแรก

ทั้งนี้ ทิสโก้มองว่า การให้ TRUE ร่วมประมูลได้อีกครั้งส่งผลให้เกิดสงครามราคา แม้จะไม่แน่ใจว่า TRUE จะมีเงินในการเข้าประมูลคลื่นที่มีราคาแพงอีกหรือไม่ แต่หาก TRUE เข้าร่วมด้วยมีโอกาสที่จะชนะ ขณะที่การต่อช่วงเยียวยาจะทำให้ ADVANC มีโอกาสย้ายลูกค้าออกจาก 2G มากขึ้น และหาก TRUE ประมูลคลื่นในราคาที่แพงก็มีโอกาสที่ ADVANC จะยอมทิ้ง และหันไปหา DTAC และจ่ายค่า Roaming แทน ทำให้มูลค่าที่เหมาะสมของ ADVANC ยังคงเดิม แต่การฟื้นตัวของ ADVANC จะล่าช้าจากความกังวลในการปิด 2G และผลกระทบจะเกิดในช่วงไตรมาส 3

หาก ADVANC ชนะประมูลที่ 7.6-8 หมื่นล้านบาท จะทำให้มูลค่าที่เหมาะสมเพิ่มขึ้น 20 บาท หลังจากที่มูลค่าตลาดของ ADVANC ลดลง 1 แสนล้านในเดือน มี.ค. หาก ADVANC ประมูลได้จะแก้ปัญหาการย้ายเครือข่ายได้และลดความเสี่ยงลง แต่จะส่งผลกระทบต่ออัตราการปันผลในระยะยาว ทั้งนี้แนะ “ซื้อ” ADVANC และ “ถือ” TRUE หากเข้าร่วมการประมูล!!

อินเด็กซ์ 51

ซึมรับหยุดยาว!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/604640

โดย อินเด็กซ์ 51 12 เม.ย. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 11 เม.ย.59 ปิดที่ 1,369.84 จุด เพิ่มขึ้น 0.20 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 28,725.98 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,167.41 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด ADVANC ปิด 151.50 บาท ลบ 5.50 บาท, PTT ปิด 284 บาท บวก 4 บาท, BBL ปิด 163 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท, KTB ปิด 17.20 บาท ลบ 0.40 บาท และ INTUCH ปิด 51.75 บาท ลบ 1.25 บาท

ตลาดวันสุดท้ายของสัปดาห์เงียบเหงารับวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ขณะที่หุ้น 3 กลุ่มหลัก พลังงาน-สื่อสาร-แบงก์ ยังโดนกดดันด้วยปัจจัยเฉพาะตัว

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) แนวโน้มหุ้นพลังงานมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ยาก นอกจากติดวันหยุดยาวของไทยแล้วราคาน้ำมันในตลาดโลกยังมีความไม่แน่นอนจากภาวะอุปทานส่วนเกิน ที่ต้องติดตามจากรายงานสต๊อกน้ำมันของสหรัฐฯ

ขณะที่หุ้นกลุ่มแบงก์แม้มีแรงซื้อกลับเข้ามาบางส่วน เพราะนักลงทุนเชื่อว่าราคาหุ้นได้สะท้อนรับข่าวที่คาดการณ์ว่า งบการเงินไตรมาส 1 ของกลุ่มแบงก์ที่จะออกมาไม่ค่อยดีนักและแนวโน้มไตรมาส 2 ยังไม่สดใสถูกกดดันจากหนี้เน่าเอ็นพีแอลท่ามกลางสินเชื่อที่โตช้า ล่าสุด ยังถูกกดดันจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงขาเดียว ด้านกลุ่มสื่อสารยังถูกกดดันด้วยประเด็นเดิมๆการประมูลคลื่น 900 MHz รอบใหม่ และงบไตรมาส 1 ก็ไม่น่าออกมาสวยนักจากค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น หากราคาหุ้นไม่ลดลงต่ำจนจูงใจให้เข้าซื้อ ช่วงนี้จึงแนะให้เลี่ยงหุ้นกลุ่มสื่อสารออกไปก่อน

ประเมินทิศทางตลาดวันสุดท้ายของสัปดาห์ก่อนวันหยุดยาว คาดดัชนี แกว่งผันผวนกรอบแคบ ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง แนะกลยุทธ์ช่วงนี้ให้ชะลอ การลงทุนสำหรับนักลงทุนที่คิดจะซื้อหุ้นเพิ่ม ส่วนนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่ยังถือต่อ ได้ ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 1,360 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,380 จุด!!

ปิดท้าย “ภากร ปีตธวัชชัย” รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เผยไตรมาส 1 ปีนี้ ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยเป็นครั้งแรก มูลค่า 1.83 หมื่นล้านบาท หลังขายสุทธิตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 57 เพราะธนาคารกลางยุโรปออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม และราคาน้ำมันโลกเพิ่มขึ้น ขณะที่ผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯมีแนวโน้มชะลอขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลกระแสเงินไหลเข้าในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น

เฉพาะเดือน มี.ค.ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทยถึง 2.65 หมื่นล้านบาท เป็นผลให้ดัชนีปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีมาปิดที่ 1,407.70 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 5.7% และปรับตัวขึ้นจากสิ้นปี 58 ถึง 9.3% ถือเป็นการปรับขึ้นมากสุดเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค.

อินเด็กซ์ 51

เรื่องของ TRUE!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/603371

โดย อินเด็กซ์ 51 9 เม.ย. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 8 เม.ย.59 ปิดที่ 1,369.64 จุด เพิ่มขึ้น 12.95 จุด ระหว่างวันแกว่งในกรอบ 1,351.27–1,370.68 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 43,488.39 ล้านบาท

หุ้นไทยรีบาวด์กลับหลังร่วงแรงวันก่อน แต่ “เอาคืน” ได้ไม่หมด โดยมีแรงซื้อกลับหุ้นที่ถูกเทขายหนักก่อนหน้าทั้งแบงก์และสื่อสาร บล. เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า ราคาหุ้นกลุ่มสื่อสารได้ปรับตัวลงหนักจนเข้าสู่เขต Oversold ไปแล้ว หากมองในแง่ valuation ของตลาดมองว่า Downside ต่ำแล้วหลังปรับตัวลงแรงในช่วงก่อนหน้า โดยมองระดับจุดต่ำสุดในรอบนี้ไว้ที่ 1,325 จุด กรณีที่ไม่มีข่าวลบเข้ามา

มองแนวโน้มตลาดสัปดาห์หน้า ซึ่งเปิดเทรดเพียงแค่ 2 วัน ก่อนจะเทศกาลสงกรานต์หยุดยาว ทางเทคนิคมีสัญญาณที่ดี ให้แนวต้าน 1,380 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,350-1,340-1,320 จุด

ปิดท้าย มีรายงานผลประชุมผู้ถือหุ้น TRUE โดย “ศุภชัย เจียรวนนท์” กรรมการผู้จัดการใหญ่เผยว่า ปีนี้ตั้งเป้ารายได้โต 13-17% จากปีก่อน และเป้า EBIDA โต 17-20% จากปี 58 โดยปีนี้เน้นลงทุนขยายโครงข่ายต่อเนื่อง ทั้ง 2G-3G และ 4G ครอบคลุมทั่วประเทศ และจะรักษาอันดับเครดิตให้อยู่ระดับลงทุนได้ หรือ Investment Grade และรักษา D/E ให้ต่ำกว่า 2 เท่า

ขณะที่ยอมรับปีนี้ขาดทุน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายค่าใบอนุญาต 4G คลื่น 1800 MHz และ คลื่น 900 MHz ปีละ 7 พันล้านบาท และการขยายโครงข่าย ขณะที่คาดว่ารายได้ธุรกิจมือถือปี 61 อยู่ที่ 8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 58 ที่มีรายได้ 4.5 หมื่นล้านบาท หากบริษัทมีมาร์เก็ตแชร์ติด 1 ใน 3 หรือมีลูกค้าเพิ่มเป็น 30 ล้านเลขหมาย หรือมาร์เก็ตแชร์แตะ 34% จากปัจจุบัน 20 ล้านเลขหมาย มีมาร์เก็ตแชร์ 21% ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้า 2G ที่จะเปลี่ยนมาใช้บริการของ TRUE จำนวน 1 ล้านเลขหมาย ส่วนประมูล 4 จีคลื่น 900 รอบใหม่กำลังศึกษา

ส่วนประเด็นการเพิ่มทุน กลุ่มซีพียืนยันใช้สิทธิเพิ่มทุนเกินสิทธิ

หากรายย่อยไม่ใช้สิทธิเพิ่มทุน และราคาหุ้นลงต่ำกว่า 7.15 บาท เพื่อให้ TRUE ได้เงินเพิ่มทุนครบ 6 หมื่นล้านบาท เพื่อนำเงินไปคืนหนี้ 5 หมื่นล้านบาท!! ปิดท้ายคุยว่าไปโรดโชว์ที่สหรัฐฯ และยุโรป กองทุนต่างชาติพอใจและเข้าใจแผนการเพิ่มทุนและการขยายธุรกิจของบริษัทอย่างดี.

อินเด็กซ์ 51

หุ้นแบงก์–สื่อสารร่วง!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/602779

โดย อินเด็กซ์ 51 8 เม.ย. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 7 เม.ย.59 ปิดที่ 1,356.69 จุด ลดลง 16.90 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 51,216.77 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ
2,844.13 ล้านบาท

ต่างชาติขายทำกำไรระยะสั้นๆ ทั้งหุ้นแบงก์และสื่อสารที่มีประเด็นกดดัน หลังนักวิเคราะห์อยู่ระหว่างปรับประมาณการงบไตรมาส 1 ของหุ้นแบงก์ลง จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง ส่งผลกระทบต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำไรแบงก์โดยรวม

ขณะที่หุ้นสื่อสารนำโดย ADVANC ร่วงหนักหลังยื่นข้อเสนอขอรับช่วงต่อใบอนุญาต 4G คลื่น 900 MHz ต่อจาก JAS ที่ราคา 7.56 หมื่นล้านบาท ซึ่งอาจทำให้นักวิเคราะห์ต้องปรับประมาณการผลประกอบการ ADVANC ลง

บล.เออีซี ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเดือนเมษายนว่า มีโอกาสพุ่งแตะจุดสูงสุดในครึ่งปีแรกที่ระดับ 1,440 จุด โดยได้รับปัจจัยหนุนจาก Fund Flow ต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อสุทธิ โดยปริมาณซื้อขายสะสมของต่างชาติปรับเพิ่มสู่ระดับ 3.3 หมื่นล้านบาท นับแต่วันที่ 15 ก.พ.59 เป็นระดับซื้อสะสมที่ทำจุดสูงสุดใหม่หลังปรับพอร์ต จากการคำนวณ Foreign Cost เฉลี่ยอยู่ที่ 1,370 จุด ซึ่งคาดว่า SET จะต้องปรับขึ้นสู่ 1,440 จุด เพื่อให้ต่างชาติได้ Returns ที่ 5%

แนะกลยุทธ์ลงทุน เลือกหุ้น 2 กลุ่มโรงกลั่น และสถานี NGV ได้แก่ IRPC-SPRC-SCN และบริษัทที่ได้ประโยชน์จากนโยบาย Tax incentive ภาครัฐฯ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจบริการท่องเที่ยวและโรงแรม ชอบ AAV-BA-CENTEL-BDMS-BCH-LPH รวมทั้งกลุ่มค้าปลีกและอสังหาฯ หุ้นเด่นเลือก CPN-PLAT-SF-ROBINS

โฟกัสหุ้นแบงก์ที่ถูกเทขายหลังแบงก์ใหญ่พากันลดดอกเบี้ยเงินกู้ โฟกัสที่หุ้น BB หลายสำนักวิเคราะห์ยังคงแนะนำให้ “ซื้อ” โดย บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะ “ซื้อ” ปรับราคาเหมาะสมเป็น 201 บาท ตามด้วย บล.โกลเบล็กให้ราคาเหมาะสม 194 บาท ขณะที่ บล.ฟิลลิป แนะ “ทยอยซื้อ” ให้ราคาพื้นฐาน 184 บาท

ด้าน บล.เคจีไอ แนะ “ถือ” ให้เป้าหมายที่ 175 บาท เช่นเดียวกับทรีนีตี้ที่ให้เป้า 173 บาท และทิสโก้ แนะ “ถือ” ให้มูลค่าที่เหมาะสม 165 บาท บล.กรุงศรี ให้ราคาเป้าหมาย 155 บาท ขณะที่ บล.ซีไอเอ็มบี แนะนำ “ขาย” ให้เป้า 156 บาท!!

อินเด็กซ์ 51

มองหุ้น ADVANC!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/602207

โดย อินเด็กซ์ 51 7 เม.ย. 2559 05:01

 

บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินทิศทางหุ้นไทยมีโอกาสแกว่งตัวลงปรับฐานได้ต่อ หลังดัชนีหุ้นไทย หลุดระดับ 1,400 จุด ซึ่งเป็นระดับจิตวิทยาที่สำคัญ

โดยหุ้นใหญ่กลุ่มหลักๆของตลาด โดนมรสุมปัจจัยลบกดดัน ทั้งกรณีหุ้นพลังงานในกลุ่ม ปตท.ที่โดนปัจจัยลบจากราคาน้ำมันโลกที่ลดลงและกรณีเฉพาะตัวของ PTT ที่โดนฟ้องร้องทั้งประเด็นการคืนท่อก๊าซ และอนุญาโต ตุลาการชี้ขาดให้ชำระค่าเสียหายแก่ RPC เป็นเงินราว 1.56 พันล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี

ขณะที่หุ้นแบงก์ใหญ่ทั้ง BBL และ KBANK ที่ได้มีการประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% ทำให้มองว่าจะทำให้รายได้จากดอกเบี้ยแบงก์ลดลง รวมทั้งเทศกาลการหุ้น XD จ่ายเงินปันผล ทำให้ราคาหุ้นแบงก์ในภาพรวมลดลง

ส่วนกลุ่มสื่อสารต้องติดตามเรื่องใบอนุญาตคลื่น 900 MHz ที่ ADVANC ยื่นขอจ่ายเงิน 7.56 หมื่นล้านบาท เพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาต 4G คลื่น 900 MHz ต่อ กสทช. และ กสทช. ยืนเรื่องต่อ คสช. แล้ว ซึ่งกรณีนี้ บล.โนมูระ พัฒนสิน มองว่าเป็นไปได้ยากที่ ADVANC จะได้ใบอนุญาตดังกล่าว เพราะต้องผ่านการพิจารณาของ คสช. และการประชุมผู้ถือหุ้นเป็นกรณีพิเศษด้วย

แนะกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ เก็งกำไรหุ้นกลางและเล็กรายตัวเลือก ERW–JMART–BDMS–CK เด่น!!

ขณะที่มุมมองโบรกเกอร์สำนักอื่นกรณีหุ้น ADVANC บล.เคจีไอ มองว่า ข่าวนี้เป็นลบในระยะสั้นต่อ ADVANC แต่เป็นบวกระยะยาว เนื่องจากราคาใบอนุญาตสูง ซึ่งจะกดดันต่อผลประกอบการปีนี้เพิ่มจากส่วนค่าใช้จ่ายเงินอุดหนุนเปลี่ยนเครื่อง 2G อย่างไรก็ดี ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ให้เป้าหมาย 203 บาท

ส่วน บล.บัวหลวง แนะนำ “ซื้อ” เช่นกัน ให้ราคาเป้าหมายตามปัจจัยพื้นฐาน 215 บาท ระบุว่า ADVANC ยังคงเป็นหุ้นที่ชื่นชอบมากที่สุดในกลุ่มไอซีที เนื่องจากเหตุผลของอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลดี และผลจากการที่ JAS ทิ้งใบอนุญาต ประเมินว่าการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่มีแนวโน้มไม่รุนแรงมากเท่ากับที่เคยคาดก่อนหน้านี้ ขณะที่ให้กรอบอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลใหม่ที่ระดับ 6-6.5% หมายถึงระดับแนวรับราคาหุ้น ADVANC ในกรอบ 158-170 บาท.

อินเด็กซ์ 51

มีแต่ข่าวร้าย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/601770

โดย อินเด็กซ์ 51 6 เม.ย. 2559 05:01

 

ตลาดหุ้นไทยวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมาแดงเถือก เพราะเจอทั้งปัจจัยลบทั้งจากภายนอกและภายในรุมถล่ม โดยเฉพาะข่าวบรรดาแบงก์พาณิชย์แห่ทยอยลดดอกเบี้ย

ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยประจำวันที่ 5 เม.ย. 2559 ปิด การซื้อขายที่ 1,373.59 จุด ลดลง 26.68 จุด มูลค่าการซื้อขาย 52,966.26 ล้านบาท

เป็นที่น่าสังเกตว่าตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 5 เม.ย.นั้น 3 ขาใหญ่พากันเทขายสุทธิ นั่นคือ พอร์ตลงทุนต่างชาติขาย 1,741.85 ล้านบาท, สถาบันขาย 4,809.03 ล้านบาท และ บัญชี บล.ขาย 1,407.69 ล้านบาท มีเพียงรายย่อยเท่านั้นที่ซื้อสุทธิ 7,958.57 ล้านบาท

ภาพรวมตลาดหุ้นไทยตลอดทั้งวันของวันที่ 5 เม.ย.นั้น ดัชนีหุ้นได้ดิ่งลงแรงตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับตัวลดลงแรง เป็นเพราะตลาดได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่อ่อนตัวลดลงต่อเนื่อง

ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจในยุโรป หลังตัวเลขภาคบริการ (PMI) ล่าสุดออกมาแย่ลง ประกอบกับปัจจัยภายในประเทศเองยังมีปัจจัยกดดันจากการปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ของกลุ่มแบงก์ และกรณีที่ ADVANC แสดงความจำนงขอซื้อใบอนุญาตคลื่น 900 MHz ที่ JAS ชนะประมูลในราคา 75,654 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้ภาพรวมบรรยากาศการลงทุนวันนี้ค่อนข้างปรับตัวร่วงรุนแรง

ขณะที่ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน มี.ค.59 อยู่ที่ระดับ 73.4 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และอัตราที่ต่ำสุดในรอบ 5 เดือน นับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2558 ที่อยู่ระดับ 74.6 เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจของไทย

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันที่ 7 เม.ย.นี้ (ส่วนวันที่ 6 เม.ย. ตลาดหุ้นไทยปิดทำการเพราะเป็นวันจักรี) มีแนวโน้มว่าน่าจะปรับ ตัวลงต่อได้อีก เนื่องจากคาดว่าจะมีแรงกดดันจากรายงานผลประชุมคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในคืนวันที่ 6 เม.ย.นี้ (เวลาไทย) หากผลที่ประชุมมีสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ย

กรอบดัชนีหุ้นไทยวันที่ 7 เม.ย.นี้ วางไว้ที่ระดับ 1,365–1,390 จุด!!!

อินเด็กซ์ 51

ในข่าวร้ายมีข่าวดี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/601199

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 5 เม.ย. 2559 05:01

 

ตลาดหุ้นไทยประจำวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา อยู่ในสภาพซึมเซาตลอดทั้งวัน เคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัวในกรอบแคบๆ
โดยมีแรงขายทำกำไรหุ้นขนาดใหญ่ออกมาบางส่วน โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มสื่อสาร หลังราคาวิ่งขึ้นมาเกินพื้นฐาน ตลอดจนแรงขายหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันปรับตัวลงแรง

โดยช่วงเช้าได้ปิดในแดนลบ พอเปิดตลาดช่วงบ่ายได้แกว่งขึ้นมาในแดนบวก ยันบวกอยู่ได้พักใหญ่ จนถึงเวลาพอเหมาะ “4 โมงเย็น” ก็มีแรงเทขายต่อเนื่องทำให้ตลาดไหลมาอยู่ในแดนลบจนตลาดปิด เหมือนช่วงปิดตลาดตอนเช้า

ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยประจำวันที่ 4 เม.ย.2559 ปิดที่ 1,400.27 จุด ลดลง 0.45 จุด หรือ –0.03% มูลค่าการซื้อขาย 36,057.01 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ AOT ปิดที่ 391.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,793.29 ล้านบาท, ADVANC

ปิดที่ 175.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,598.91 ล้านบาท, TPBI ปิดที่ 15.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,580.22 ล้านบาท, GVREIT ปิดที่ 14.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,428.02 ล้านบาท และ KBANK ปิดที่ 168.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,281.18 ล้านบาท

ตลาดหุ้นไม่เคลื่อนไหวมากส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากบางตลาดหุ้นในภูมิภาค เช่น จีนและไต้หวันที่ปิดทำการ เนื่องในวันหยุดเช็งเม้ง ประกอบกับยังมีแรงกดดันจากปัจจัยราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงแรง

แม้จะมีข่าวดีที่ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่แข็งแกร่งช่วยเป็นแรงผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศก็ไม่มีเชิงบวกให้พอชื่นใจ แถมกลับมีปัจจัยลบอ่อนๆโดยเฉพาะเรื่องการเมืองในประเทศที่เริ่มมีอุณหภูมิสูงขึ้นรับเดือนเมษายน ส่งผลให้นักลงทุนทยอยเทขายออกมาเป็นระยะๆ

สำหรับตลาดหุ้นวันที่ 5 เม.ย. นี้ หลับตาก็รู้ว่าดัชนีหุ้นไทยยังคง แกว่งตัวในกรอบแคบ

เนื่องจากใกล้วันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ นักลงทุนจึงเลือกที่จะขายหุ้นเพื่อถือเงินสดมากขึ้น

แต่มีแนวโน้มว่ากระแสเงินทุนของนักลงทุนต่างชาติจะไหลเข้ามาในภูมิภาคเอเชียรวมถึงไทยต่อเนื่อง หลังเฟดแสดงท่าทีจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป และอัตราดอกเบี้ยในประเทศหลักอย่างยุโรปและญี่ปุ่นก็เป็นขาลง

แนวรับ 1,380 จุด แนวต้าน 1,405 จุด!!!

อินเด็กซ์ 51