ฝรั่งซื้อหนัก!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/585842

โดย อินเด็กซ์ 51 4 มี.ค. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 3 มี.ค.59 ปิดที่ 1,379.33 จุด เพิ่มขึ้น 14.02 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 61,922.00 ล้านบาท

ต่างชาติซื้อสุทธิ 5,180.99 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ซื้อสุทธิ 1,474.85 ล้านบาท ขณะที่รายย่อยขายสุทธิ 5,120.57 ล้านบาท และสถาบันในประเทศขายสุทธิ 1,535.28 ล้านบาท

หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด ADVANC ปิด 180 บาท เพิ่มขึ้น 5 บาท, PTTEP ปิด 74.25 บาท บวก 0.75 บาท, JAS ปิด 3.12 บาท ลบ 0.06 บาท, AOT ปิด 422 บาท บวก 10 บาท, TRUE ปิดที่ 7.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท

หุ้นไทยไปต่อ แต่นักวิเคราะห์เตือนให้ระวังแรงขายทำกำไร หลังดัชนีขึ้นต่อเนื่องมากกว่า 40 จุด หุ้นสื่อสาร ขนส่ง พลังงานปรับตัวขึ้นแรง โดยนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศเข้ามาซื้อสุทธิเป็นหลัก

บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงไหลเข้ามาซื้อหุ้นไทยและเอเชีย โดยยังคงคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ ตลอดจนการดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และญี่ปุ่น (BOJ) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ราคาน้ำมันโลกที่ยังทรงตัวส่งผลดีต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่

ขณะที่มองแนวโน้มตลาดระยะสั้นคาดหุ้นไทยผันผวนมากขึ้น แม้ได้แรงหนุนจากเงินทุนต่างชาติ เพราะดัชนีปรับตัวขึ้นแรงมาอย่างต่อเนื่องจึงต้องระวังแรง ขายทำกำไร รวมทั้งให้ติดตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในวันที่ 4 มี.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม มองตลาดยังมีทิศทางไปต่อได้ มีแนวต้านสำคัญที่ 1,400 จุด หากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามากระตุ้นการลงทุนเพิ่มขึ้นก็อาจโดนแรงขายกดดัชนี แต่ไม่น่าหลุดระดับ 1,350 จุด ซึ่งเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง ตราบใดที่ยังมีกระแสเงินทุนเป็นตัวหนุน

แนะกลยุทธ์ลงทุน แนะขึ้นขาย–ลงซื้อ ด้านเทคนิคให้แนวรับไว้ที่ 1,355 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,383 จุด

ปิดท้ายมีข่าว ผู้ถือหุ้น บมจ.กรีน รีซอร์สเซส (GREEN) ยิ้มรับข่าวดี หลังบริษัทแจ้งว่า ได้เข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญทั้ง 100% ของบริษัทโอริน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ขณะนี้ GREEN ได้เป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมออริจินส์ บางมด-พระราม 2 อย่างสมบูรณ์
และเริ่มประเดิมโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดลอตแรก เกือบ 10 ห้อง และภายในสัปดาห์นี้รวมประมาณ 30 ห้อง ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้เข้าบริษัททันทีในไตรมาสแรกปีนี้ตามแผน!!

อินเด็กซ์ 51

สัญญาณดี!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/585290

โดย อินเด็กซ์ 51 3 มี.ค. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 2 มี.ค. ปิดที่ระดับ 1,365.31 จุด เพิ่มขึ้น 18.36 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 68,861.23 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด JAS ปิดที่ 3.18 บาท บวก 0.40 บาท, PTTEP ปิด 73.50 บาท บวก 1.75 บาท, ADVANC ปิด 175 บาท บวก 3 บาท, TRUE ปิด 7.65 บาท บวก 0.20 บาท และ DTAC ปิด 34.50 บาท บวก 2.75 บาท

หุ้นไทยพุ่งแรง ตามทิศทางตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะที่กระแสเงินทุนต่างชาติหรือ Fund Flow ยังคงไหลเข้าตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชียต่อเนื่อง จากการใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบของธนาคารกลางญี่ปุ่นและการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีขึ้นสัปดาห์หน้า โดยคาดหวังว่าจะมีมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพิ่ม

บล.ธนชาตมองดัชนีปรับขึ้นทะลุแนวต้านสำคัญที่ 1,350 จุด ถือเป็นสัญญาณ “บวก” ทางเทคนิคให้เป้าหมายระยะสัปดาห์ถัดไปที่ 1,385 หรือ 1,400 จุด

หุ้นใหญ่อย่าง AOT, SCB, KTB, PTT, TOP, ADVANC, INTUCH มีแนวโน้มเป็นหุ้น “กลุ่มนำ” ตลาด รวมไปถึงหุ้นกลุ่มรับเหมาฯ ที่ปรับลดลงแรงก่อนหน้า เช่น UNIQ-CK คาดว่าจะมีจังหวะ Rebound ได้ดี

ส่วนหุ้นสื่อสารฟื้นตัวแกร่ง จากแนวโน้ม JAS ไม่สามารถหา Banking Guarantee ได้ ทำให้ความเสี่ยงจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากผู้เล่นรายใหม่ลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อทั้ง ADVANC INTUCH DTAC และ TRUE

อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก DTAC ยัง Laggard หุ้นกลุ่มสื่อสารตัวอื่น ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ทำให้คาดว่าจะมีจังหวะ Rebound ได้ดี ประเมินแนวต้านที่ 38 บาท!!

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) มองตลาดหุ้นสดใสทั้งภูมิภาค จาก Fund Flow ที่ไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดี รวมถึงราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น ขณะที่ยังประเมินว่าการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รอบเดือน มี.ค.นี้ไม่น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ยังใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบน่าจะเป็นแรงหนุนให้ Fund Flow ไหลเข้ามาในเอเชียมากขึ้น

ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามคือตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจสำคัญขณะที่ยังต้องจับตาการเคลื่อนไหวของกระแส Fund Flow ว่าจะยังคงมีต่อเนื่องหรือไม่ รวมทั้งการประชุมเฟดในรอบเดือนนี้

มองแนวโน้มการลงทุนระยะสั้น คาดตลาดมีโอกาสผันผวนได้ จากแรงขายทำกำไรหลังดัชนีปรับตัวขึ้นแรง take profit ด้านเทคนิคให้แนวรับ 1,365–1,360 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,380 จุด!!

อินเด็กซ์ 51

หุ้น MTLS กำไรกระฉูด!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/584240

โดย อินเด็กซ์ 51 1 มี.ค. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 29 ก.พ. ปิดที่ 1,332.37 จุด ลดลง 10.70 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 35,291.61 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 134.66 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด TRUE ปิด 7.05 บาท บวก 0.15 บาท, PTTEP ปิด 67.75 บาท บวก 0.50 บาท, PTT ปิด 260 บาท ลบ 4 บาท, ADVANC ปิด 170.50 บาท ลบ 3.50 บาท และ CPALL ปิด 43.25 บาท ลบ 1.25 บาท

นักลงทุนกลับมากังวลว่ามีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจีดีพีไตรมาส 4 สหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด กดดันให้กระแสเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นเกิดใหม่สะดุด นักลงทุนชะลอการลงทุนและเทขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยง หลังจากก่อนหน้านี้มีความหวังว่า fund flow จะเข้าตลาดหุ้นเกิดใหม่

ประเมินหุ้นไทยระยะสั้น คาดผันผวนกรอบแคบ ตราบใดที่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ส่วนปัจจัยในประเทศ รอผลสรุปงบไตรมาส 4 ปี 58 และงวดรวมปี 58 ซึ่งส่วนใหญ่ผลประกอบการออกมาตามที่ตลาดคาด โดยกำไรรวมอยู่ราว 2.2 แสนล้านบาท แนะกลยุทธ์ลงทุน เลือกเก็งกำไรหุ้นรายตัว เน้นปันผลสูง ให้ผลตอบแทนมากกว่า 5% อาทิ TCAP-MCS และ PS

ปิดท้าย มีข่าว MTLS “ชูชาติ เพ็ชรอำไพ” ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมืองไทย ลิสซิ่ง เผยรายได้และกำไรปี 59 จะโตไม่ต่ำกว่า 50% ตามเป้าหมายการโตของยอดปล่อยสินเชื่อที่คาดว่าจะโตไม่ต่ำกว่า 50% จากการเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง โดยปีนี้จะเปิดสาขาใหม่อีก 450 สาขา จากปี 58 ที่มีกว่า 900 สาขา จะเพิ่มเป็น 1,750 สาขาในปี 60

โดยยอดปล่อยสินเชื่อในไตรมาส 1 ปี 59 โตได้ตามเป้าขณะที่จะคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปีนี้ไม่ให้เกิน 1.5% จากปี 58 อยู่ที่ระดับ 0.92% แม้ยอด ปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น แต่มีระบบการควบคุม NPL ที่ดี ซึ่งทำมาถึง 24ปีแล้ว

“ตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 50% จากปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดีทำให้ประชาชนหันมากู้เงินกับบริษัท แต่ NPL ไม่สูง ปีที่แล้วอยู่ที่ 0.92% เพราะมีระบบการควบคุมที่ดี และจากที่รัฐบาลช่วยเหลือชาวบ้านไร่ละ 1,500 บาททำให้ชาวบ้านมีเงินมาใช้หนี้ โดยปี 58 ตัดหนี้สูญไปเพียง 14 ล้านบาท”

“เฮียชู” ยังโชว์ผลงานปี 58 ว่ามีกำไรสุทธิ 825 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 280.88 ล้านบาท หรือ 51.62% เทียบช่วงปีก่อน ที่มีกำไร 544.12 ล้านบาท ถือเป็นการทำสถิติสูงสุดใหม่ตั้งแต่ตั้งบริษัทมา ขณะที่พอร์ตสินเชื่อสุทธิปี 58 อยู่ที่ 12,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,182 ล้านบาท หรือ 70% จากสิ้นปี 2557 พอร์ตสินเชื่อคงเหลืออยู่ที่ 7,448 ล้านบาท

และปิดท้าย คณะกรรมการบริษัทมีมติจ่ายเงินปันผลงวดผลดำเนินงานปี 58 อัตราหุ้นละ 0.20 บาท.

อินเด็กซ์ 51

หุ้น BEAUTY เจ๋ง!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/583067

โดย อินเด็กซ์ 51 27 ก.พ. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 26 ก.พ. ปิดที่ 1,343.07 จุด เพิ่มขึ้น 9.65 จุด มี มูลค่าการซื้อขาย 40,233.84 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,373.06 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด ADVANC ปิด 174 บาท บวก 2 บาท, TRUE ปิด 6.90 บาท บวก 0.75 บาท, PTTEP ปิด 67.25 บาท ลบ 0.25 บาท, PTT ปิด 264 บาท บวก 3 บาท และ INTUCH ปิด 59.25 บาท ลบ 0.25 บาท

หุ้น TRUE พุ่งแรงหลังเผยเตรียมเซ็นกับ 6 แบงก์เพื่อปล่อยกู้และออกหนังสือค้ำประกันสำหรับใบอนุญาต 4G คลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ ในวันที่ 1 มี.ค.นี้ ประกอบด้วย ธนาคารไอซีบีซี (ไทย), ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารไทย–พาณิชย์, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงไทย และธนาคารเกียรตินาคิน

ขณะที่บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ทยอยแจ้งผลงานโดดเด่น นำโดย BEAUTY ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว ภายใต้แบรนด์บิวตี้ บุฟเฟต์, บิวตี้ คอทเทจ, บิวตี้ มาร์เก็ต, เมด อิน เนเจอร์ และเกิร์ลลี่เกิร์ล เผยปี 58 กำไรเพิ่มเป็น 402.49 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.13 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 57 ที่มีกำไรสุทธิ 301.15 ล้านบาท นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทอนุมัติจ่ายปันผลหุ้นละ 0.083 บาท

“คุณหมอบิวตี้” คุณหมอหนุ่มไฟแรง นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BEAUTY เผยว่า รายได้และกำไรทำสถิติเติบโตสูงสุดอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจากผลิตภัณฑ์แบรนด์ต่างๆของบริษัท ได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศและลูกค้าชาวต่างชาติ ส่งผลให้ยอดจำหน่ายปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม

โดยอัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมเพิ่มขึ้น 16.87% ขณะที่ยังมีการขยายสาขาครอบคลุมกลุ่มลูกค้ากว่า 342 สาขาทั้งในและต่างประเทศ มีการขยายช่องทางการจำหน่ายอื่นๆเพิ่ม เช่น Modern Trade ร้านสะดวกซื้อ และออนไลน์ ล่าสุด BEAUTY ปิดที่ 5.30 บาท

ปิดท้าย โฟกัสหุ้น BEC บล.คันทรี่ กรุ๊ป แนะนำ “ถือ” ให้ราคาเหมาะสม 35 บาท ตามด้วย บล.บัวหลวง แนะ “ถือ” ให้ราคาพื้นฐาน 29.50 บาท และ บล.ทิสโก้ ให้มูลค่าที่เหมาะสม 28 บาท

โดย บล.บัวหลวงระบุว่า เนื่องจากเห็นว่ากำไรสุทธิที่ยังคงไม่มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวในเร็วๆนี้ จึงแนะแค่ “ถือ” จากเหตุผลของผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับดีที่ 4-5% คาดว่ากำไรสุทธิปี 59 มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นเล็กน้อย ซึ่งจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับการฟื้นตัวของเม็ดเงินโฆษณาของอุตสาหกรรมโดยรวมในช่วงครึ่งหลังของปี 59

แต่ก็จะถูกกลบด้วยผลกระทบส่วนหนึ่งจากต้นทุนคอนเทนต์ใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นของช่องเอสดีและช่องแฟมิลี่ภายในปี 59.

อินเด็กซ์ 51

เลือกหุ้นปันผล!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/582552

โดย อินเด็กซ์ 51 26 ก.พ. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 25 ก.พ.59 ปิดที่ 1,333.42 จุด เพิ่มขึ้น 1.49 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 42,653.71 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 114.76 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด ADVANC ปิด 172 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, SCB ปิด 138 บาท ลบ 3 บาท, AOT ปิด 395 บาท ลบ 15 บาท, PTTEP ปิด 67.50 บาท บวก 1 บาท และ KBANK ปิด 171.50 บาท ลบ 1.50 บาท

บล.โกลเบล็กประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวนสูง จากปัจจัยที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมวันที่ 10 มี.ค.นี้ และคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25%-0.50% ในการประชุม 15-16 มี.ค.นี้

ส่วนราคาน้ำมันโลกยังคงอยู่ในระดับต่ำ หลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดอุปทานน้ำมันจะยังคงมีมากกว่าอุปสงค์ราว 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ และเห็นว่าเป็นเรื่องยากที่จะเห็นราคาน้ำมันฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในระยะใกล้นี้ เป็นปัจจัยลบกดดันหุ้นพลังงานต่อ

ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศยังคงไม่เห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจน ตัวเลขส่งออกเดือน ม.ค.59 มีแนวโน้มติดลบมากกว่า 8% ซึ่งเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 นับตั้งแต่เดือน ม.ค.58 อย่างไรก็ตาม แรงหนุนจาก ECB ที่ส่งสัญญาณใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม รวมถึงแรงซื้อดักงบการเงินและปันผลปี 58 ที่ทยอยประกาศเดือน ก.พ. แม้ราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงจะเป็นตัวถ่วงดัชนี แต่ประเมินตลาดจะผันผวนในทิศทางขาขึ้น โดยลุ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,340-1,350 จุด

แนะกลยุทธ์ Selective Buy หุ้นที่ปันผลสูง ชอบ INTUCH-ADVANC-KTB-KKP และ TISCO หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก High season ของการท่องเที่ยวและต้นทุนน้ำมันลดลง เชียร์ AOT-BA และ AAV หุ้นที่คาดว่างบปี 58 และไตรมาส 4 ปี 58 จะดี แนะ BEAUTY-EA-BRR-ORI- BJCHI-AAV และ BA

ปิดท้าย บจ.แจ้งผลงาน WORK โชว์งบปี 58 พลิกมีกำไร 163.65 ล้านบาท โตถึง 1,122% จากปี 57 ที่ขาดทุน 16.02 ล้านบาท หลังรายได้เพิ่ม และไม่มีต้นทุนเช่าเวลาออกอากาศ หลังย้ายรายการที่เคยออกอากาศช่องอื่นมาช่อง WORKPOINT TV พร้อมแจกปันผลงวดครึ่งปีหลังอีกหุ้นละ 0.15 บาท ล่าสุดหุ้น WORK ปิด 35 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

ขณะที่ KBANK บอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งหลังปี 58 อีกหุ้นละ 3.50 บาท รวมทั้งปีจ่าย 4 บาท เท่ากับปี 57 แม้ปี 58 จะมีกำไรสุทธิ 3.94 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปี 57 ที่มีกำไรสุทธิ 4.61 หมื่นล้านบาท ล่าสุด KBANK ปิด 171.50 บาท ลบ 1.50 บาท!!

อินเด็กซ์ 51

เงินฝรั่งเข้าต่อ!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/582001

โดย อินเด็กซ์ 51 25 ก.พ. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 24 ก.พ. ปิดที่ 1,331.93 จุด เพิ่มขึ้น 6.14 จุด

มีมูลค่าซื้อขาย 43,349.09 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,362.57 ล้านบาท

หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุด PTTEP ปิด 66.50 บาท ลบ 2.50 บาท, PTT ปิด 258 บาท ลบ 4 บาท, SCB ปิด 141 บาท บวก 4 บาท, ADVANC ปิด 172 บาท บวก 1 บาท และ KBANK ปิด 173 บาท บวก 1.50 บาท

หุ้นไทยฟื้นตัวด้วยแรงซื้อจากกระแสเงินทุนต่างชาติ ที่ไหลเข้าในหุ้น 3 กลุ่มหลัก คือธนาคารพาณิชย์ โรงพยาบาล และกลุ่มท่องเที่ยวรวมทั้งหุ้นสื่อสารที่จ่ายปันผลดี สวนทางกับหุ้นกลุ่มพลังงานที่ยังถูกเทขายออกมาจากราคาน้ำมันโลกที่ผันผวน และร่วงแรง

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ประเมินหุ้นไทยระยะสั้น มีโอกาสบวกต่อ จากแรงหนุนของกระแสเงินทุนต่างชาติ ที่ไหลออกจากตลาดพันธบัตรที่ให้อัตราผลตอบแทนลดลงเข้าตลาดหุ้นหรือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง โดยพบว่านักลงทุนต่างชาติเริ่มขายตราสารหนี้ไทยออกมาหลายวันติดต่อกันแล้ว ขณะที่มามาโชว์การซื้อสุทธิหุ้นไทยมากขึ้น

ส่วนโอกาสของตลาดจะขึ้นไปได้ไกลและแรงแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยลบราคาน้ำมันที่ผันผวนสูง และภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ยังอ่อนแอจะส่งผลกดดันต่อจิตวิทยาการลงทุนมากน้อย แนะกลยุทธ์ลงทุนเก็งกำไรหุ้นเป้าหมายของนักลงทุนสถาบันและต่างชาติ รวมทั้งหุ้นที่คาดว่างบไตรมาส 4 ปี 58 จะออกมาดี ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 1,320 จุด แนวต้าน 1,342 จุด

ปิดท้ายมีบทวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้แนะนำ “ซื้อ” หุ้น TPCHให้ราคาเป้าหมาย 23.20 บาท ยกให้เป็น King of Biomass ระบุว่า ราคาหุ้นสะท้อนประเด็นลบทั้งในส่วนของความล่าช้าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าและความล่าช้าการเปิดประมูลจากภาครัฐไปแล้ว ขณะที่แนวโน้มค่า Ft ที่ลดลงกระทบโครงการ CRB เพียงโครงการเดียว จาก sensitivity analysis พบว่า ราคาเป้าหมายจะปรับลง 0.07 บาท หากค่า Ft ปรับตัวลดลง ทุก 10 สตางค์ ต่อหน่วยในโครงการ CRB นอกจากนี้ยังคาดการณ์ ROE ปี 59 ที่ 14%

รวมทั้งประเมินว่าราคาหุ้นมี upside 1 บาทต่อหุ้น จากแผนซื้อโรงไฟฟ้าชีวมวล 2 แห่ง เพิ่มเติม ขนาดรวม 20 MW นอกจากนี้ ยังมีความได้เปรียบด้านต้นทุนและความเสี่ยงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ซึ่งผู้จัดหาวัตถุดิบเป็นหนึ่งในผู้ร่วมทุนโรงไฟฟ้าชีวมวล ดังนั้นคาดผลประกอบการ ปี 59 โตก้าวกระโดด ซึ่งได้แรงหนุนจาก 3 โครงการที่เตรียม COD หรือจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ ทั้งนี้ ประมาณการกำไรสุทธิปี 59-60 ที่ 306 ล้านบาท และ 564 ล้านบาท ตามลำดับ!!

อีกตัวทรีนีตี้แนะนำ “ซื้อ” หุ้น ADVANC ปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 191 บาท!!

อินเด็กซ์ 51

มองสวนทาง!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/581438

โดย อินเด็กซ์ 51 24 ก.พ. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 23 ก.พ. ปิดที่ 1,325.79 จุด บวก 5.60 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 49,838.20 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 949.73 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด นำโดย PTTEP ปิด 69 บาท ลดลง 3 บาท, PTT ปิด 262 บาท บวก 4 บาท, KBANK ปิด 171.50 บาท บวก 3 บาท, SCB ปิด 137 บาท บวก 1.50 บาท, AOT ปิด 404 บาท บวก 4 บาท

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน มองแนวโน้มตลาดมีโอกาสพักฐานลงชั่วคราว หลังหุ้นไทยปรับขึ้น 3 วันติดต่อกัน ทำให้อาจเกิดแรงขายทำกำไร ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเริ่มชะลอการปรับตัวขึ้น แม้จะมีแรงเก็งกำไรตามข่าวที่อิหร่านร่วมมือกับผู้ค้าน้ำมันโลก (OPEC) ร่วมกันตรึงกำลังการผลิต

อย่างไรก็ตาม มีแรงหนุนจากสัญญาณการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจไม่ขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตามไปด้วย ถือเป็นตัวแปรสำคัญที่กดดันให้เฟดไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยปีนี้

ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 1,300 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,340จุด

แนะกลยุทธ์การลงทุน แนะถือเงินสด 70% ของพอร์ต โดย 30% เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์ เชียร์ KTB ให้ราคาเป้าหมาย 19 บาท หุ้นกลุ่มอาหารชอบ CPF ให้ราคาเป้าหมาย 27 บาท กลุ่มพลังงานปลายน้ำ เช่น SCC ให้ราคาเป้าหมาย 630 บาท และทยอยขายทำกำไรในช่วงดัชนี 1330 จุด หรือทยอยสะสมหุ้นเป้าหมาย ในช่วงที่ดัชนีต่ำกว่า 1,300 จุด

บล.โมนูระ พัฒนสิน มองสวนทาง ประเมินว่าหุ้นไทยปรับขึ้นได้ต่อ จากแรงหนุนราคาน้ำมันโลกฟื้นตัว ส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน และกระแสเงินทุนไหลกลับเข้าตลาดหุ้นเอเชีย หลังเฟดมีท่าทีไม่รีบเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และคาดหวังว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม ทำให้กระแสเงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าตลาดหุ้นเอเชีย

ประเมินหุ้นไทยบวกต่อ ด้วยปัจจัยหนุนหลักจากกระแสเงินทุนไหลกลับเข้าตลาดหุ้นเอเชีย แนะกลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรหุ้นกลุ่มนำดัชนี BBL–SCB–KTB หุ้นที่เกี่ยวกับราคาน้ำมัน STPI–BJCHI หุ้นที่เป็นเป้าหมายของกระแสเงินทุนและนักลงทุนสถาบัน SCC

และหุ้นที่คาดว่างบไตรมาส 4 ปี 58 ออกมาโดดเด่น อาทิ ARW– KAMART–CI–SAWAD!!

อินเด็กซ์ 51

ฟื้นตัวต่อ!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/580958

โดย อินเด็กซ์ 51 23 ก.พ. 2559 05:01

 

นักวิเคราะห์หลายสำนักเริ่มกลับมามีมุมมองว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะค่อยๆเข้าสู่การฟื้นตัว

หลังดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,300 จุดได้ ท่ามกลางแรงซื้อเข้ามาหนาแน่นจากนักลงทุนสถาบันในประเทศ และนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มเห็นการกลับเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทยชัดเจนขึ้น

โดยเหตุผลสำคัญของเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้ามานี้ แม้หลักๆจะเป็นการไหลเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้ หรือตลาดพันธบัตร และตลาดหุ้นเพิ่งจะได้อานิสงค์ตามมา ประเมินว่าน่าจะเป็นผลจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ประกาศใช้ดอกเบี้ยนโยบายติดลบ จึงทำให้เงินเยนหนีดอกเบี้ยติดลบไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า หรือลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีโอกาสสูงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จึงเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ไม่เพียงแค่ตลาดหุ้นในเอเชียหรือตลาดเกิดใหม่ รวมทั้งตลาดหุ้นไทย

แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่คนทั้งโลกจับตา คือ การอ่อนแอของเศรษฐกิจจีน ค่าเงินหยวน สถาบันการเงินและตลาดหุ้นจีน ที่กำลังเป็นปัจจัยเสี่ยงของตลาดทุนทั่วโลก ยังคงเป็นตัวถ่วงเสถียรภาพและความมั่นใจของนักลงทุน สำหรับการลงทุนในตลาดเกิดใหม่

โดยกระแสเงินทุนจะเลือกกลับเข้ามาลงทุนในบางตลาดที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีรองรับ โดยเฉพาะการเติบโตของเศรษฐกิจและกำไรของบริษัทจดทะเบียน!!

บล.กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์นี้ มีปัจจัยที่ต้องติดตามคือ สถานการณ์การเคลื่อนย้ายเงินทุนในเอเชีย รวมทั้งความเห็นของเฟด สำหรับเครื่อง

ชี้วัดเศรษฐกิจสหรัฐฯและจีดีพีไตรมาส 4 รวมทั้งความเชื่อมั่นของผู้บริโภค รวมทั้งการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจของเยอรมนี และการรายงานข้อมูลราคาอสังหาริมทรัพย์ของจีน ด้านเทคนิคให้แนวรับที่ 1,307-1,285 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,320-1,335-1,350 จุด

บล.ทิสโก้ประเมินต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทย หลังรายงานผลการประชุมเฟดระบุว่า เฟดกังวลภาวะตึงตัวทางการเงิน จึงผ่อนปรนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้เม็ดเงินไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นเกิดใหม่

รวมถึงหุ้นไทย ขณะที่สัญญาณเทคนิคเริ่มดีขึ้นหลังยืนเหนือ 1,300 จุดได้ ส่วนราคาน้ำมันเริ่มฟื้นตัวและมีเสถียรภาพมากขึ้น

ประเมินสัปดาห์นี้หุ้นไทยบวกได้ต่อ จากแรงซื้อกลับของต่างชาติ แนะกลยุทธ์ให้ถือเพื่อรอขายทำกำไร ที่แนวต้าน 1,340 จุด!!

อินเด็กซ์ 51

สถาบันไทย–ฝรั่งซื้อ!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/579889

โดย อินเด็กซ์ 51 20 ก.พ. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 19 ก.พ. ปิดที่ 1,320.19 จุด บวก 25.60 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 48,302.83 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,453.68 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด PTTEP ปิด 72 บาท บวก 5.50, PTT ปิด 258 บาท บวก 8 บาท, SCC ปิด 452 บาท บวก 22 บาท, ADVANC ปิด 170 บาท บวก 2 บาท และปิด KBANK 168.50 บาท บวก 4 บาท

มีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่นในหุ้นขนาดใหญ่ ดันดัชนีพุ่งแรง นำโดย SCC, PTT, PTTEP ซึ่งเป็นแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ โดยสถาบันในประเทศโชว์ยอดการซื้อสุทธิ 3,018.05 ล้านบาท ขณะที่พอร์ตโบรกเกอร์ซื้อสุทธิ 1,856.56 ล้านบาท ด้านนักลงทุนรายย่อยเป็นกลุ่มเดียวที่ขายสุทธิออกมา 6,328.28 ล้านบาท

โดยแรงซื้อกลับของนักลงทุนต่างชาติ หลังเฟดมีท่าทีไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัว หรือมีเสถียรภาพมากขึ้น

บล.ทิสโก้ ชี้นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อหุ้นไทย โดยซื้อสุทธิ 4 วันทำการติดต่อกันในสัปดาห์นี้ และยัง long ในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Future) อีกด้วย ซึ่งเป็นผลจากรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รอบล่าสุด ระบุว่า เฟดกังวลภาวะตึงตัวทางการเงิน จึงผ่อนปรนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้เม็ดเงินไหลกลับเข้าตลาดหุ้นเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย

ขณะที่สัญญาณทางเทคนิคเริ่มดีขึ้น หลังดัชนีขึ้นมายืนเหนือ 1,300 จุดได้ และราคาน้ำมันเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว หลังอิหร่านและซาอุดีอาระเบียบรรลุข้อตกลงร่วมกับประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายสำคัญอย่างรัสเซีย

ประเมินตลาดสัปดาห์หน้า คาดหุ้นบวกต่อ ด้วยแรงซื้อกลับของต่างชาติ ทั้งกรณีท่าทีเฟดและธนาคารกลางยุโรปมีโอกาสผ่อนคลายนโยบายทางการเงินเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมีลุ้นว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หลังเศรษฐกิจไทยยังอ่อนแอ โดยทิสโก้มองว่า กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า

แนะกลยุทธ์การลงทุน แนะถือเพื่อรอขายทำกำไร เมื่อดัชนีขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,340 จุด พร้อมประเมินแนวรับ 1,300 จุด มองหุ้นเด่นสัปดาห์หน้า แนะนำ TPIPL ให้เป้าหมายที่ 2.32 บาท และ CK เป้า 24.2 บาท!!

อินเด็กซ์ 51

ฝรั่งซื้อต่อ!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/579406

โดย อินเด็กซ์ 51 19 ก.พ. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 18 ก.พ.59 ปิดที่ 1,294.59 จุด เพิ่มขึ้น 6.12 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 46,993.39 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,245 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 250 บาท บวก 7 บาท, PTTEP ปิด 66.50 บาท บวก 1.75 บาท, AOT ปิด 400 บาท บวก 4 บาท, PTTGC ปิด 53.75 บาท บวก 0.25 บาท และ SCC ปิด 430 บาท บวก 8 บาท

บล.โกลเบล็กประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนสูงมีปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบหน้า เดือน มี.ค. เนื่องจากกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมันโลก ที่มีความคืบหน้าจากความร่วมมือของประเทศผู้ผลิตน้ำมันในการช่วยกันรักษาเสถียรภาพราคา

ส่วนปัจจัยที่กดดันหุ้นไทย คือ ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ภาคเอกชนชะลอการลงทุน รวมทั้งการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศหลัก คือกลุ่มยูโรโซน ญี่ปุ่น จีน สวนทางกับสหรัฐฯ

ขณะที่ “ชัยยศ จิวางกูร” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็กประเมินว่าตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุมวันที่ 10 มี.ค.นี้ รวมถึงแรงซื้อหุ้นเพื่อดักเก็งกำไรงบการเงินและปันผลปี 58 ที่ทยอยประกาศออกมา

คาดว่าดัชนีหุ้นไทยจะแกว่งตัวในกรอบ 1,270-1,315 จุด แนะกลยุทธ์การลงทุนเลือกซื้อหุ้นรายตัว ในกลุ่มที่มีปัจจัยบวกและซื้อสะสมหุ้นที่งบการเงินเติบโตได้ดี แนะนำ FSMART-TVT-BEAUTY-EA-SYNEX-SPALI-ORI และ UBIS หุ้นกลุ่มที่มีปันผลสูง แนะนำ INTUCH-ADVANC- KTB และหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากธุรกิจเข้าสู่ช่วง High season คือการท่องเที่ยว ผนวกกับต้นทุนน้ำมันที่ปรับตัวลงแนะนำ AOT-BA และ AAV

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ “สุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ” นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก ระบุว่า ราคาทองคำเริ่มย่อตัวลงหลังปรับขึ้นแรงช่วงสัปดาห์ก่อน จากแรงขายทำกำไรหลังราคาทองปรับขึ้นมามาก บวกราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัว

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังปรับขึ้นจากการที่นักลงทุนคลายกังวลปัญหาสถาบันการเงิน หลังดอยช์แบงก์ประกาศจะเข้าซื้อคืนหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ์ของธนาคารจำนวนมากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนลดการลงทุนในทองคำและกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง หรือตลาดหุ้นมากขึ้น!!

อินเด็กซ์ 51