ทิสโก้ผู้นำดิจิตอลโบรก!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/578942

โดย อินเด็กซ์ 51 18 ก.พ. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 17 ก.พ.59 ปิดที่ 1,288.47 จุด ลดลง 0.89 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 44,948.91 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,908.58 ล้านบาท

โฟกัสหุ้น AOT ปรับตัวขึ้นแรงดันราคาไปสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 400 บาท หลังเผยงบไตรมาส 1 ปี 59 (ต.ค.-ธ.ค.58) มีกำไร 4,626 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 712 ล้านบาท หรือ 18.22% จากงวดปีก่อน
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์สระบุกำไรออกมาดีกว่าที่คาด และมองว่าปริมาณการขนส่งตลอดปี 59 ยังแข็งแกร่ง มีสมมติฐานว่าอัตราการเติบโตของผู้โดยสารและเครื่องบินเป็น 11.1% และ 10.9% รวมทั้งพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้น

จากการเปิดเทอร์มินอล 2 ทั้งที่สนามบินดอนเมืองและภูเก็ตเดือน ธ.ค.58 และ พ.ค.59 ตามลำดับ แนะ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐานใหม่เป็น 430 บาท

ขณะที่ บล.กรุงศรีให้เป้าหมาย 400 บาท ส่วน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) บัวหลวงและทรีนีตี้ แนะแค่ “ถือ” ให้เป้าหมาย 390-370 และ 365 บาทตามลำดับ ล่าสุด AOT ปิดที่ 396 บาท บวก 16 บาท

ด้าน “ไพศาล ครุฑดำรงชัย” รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ทหารไทย คาดครึ่งปีแรก ธปท.ปรับลดดอกเบี้ย 0.25% หวังกระตุ้นการใช้จ่าย และการลงทุนเอกชน ประเมินดัชนีสูงสุดปีนี้ที่ 1,500 จุด และต่ำสุดอยู่ที่ 1,200 จุด คาดเม็ดเงินต่างชาติกลับมาลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังภาครัฐมีการลงทุนทำให้เอกชนเชื่อมั่น และลงทุนเพิ่มขึ้น โดยมองกำไร บจ.ปีนี้โต 15-16% จากปีก่อน

แนะกลยุทธ์การลงทุนปีนี้ เน้นลงทุนระยะสั้น หากดัชนีปรับตัวขึ้น 5-10% ควรขายทำกำไรไว้ก่อนและกลับไปรอซื้อคืน หากดัชนีปรับลง 5% แนะนำหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ลดลง

ปิดท้าย “ไพบูลย์ นลินทรางกูร”ควงคู่ “ธรัฐพร เตชะกิจขจร”จาก บล.ทิสโก้ ประกาศปักธงผู้นำดิจิตอลโบรกเกอร์ หลังพบนักลงทุนเทรดผ่านเน็ตโตพรวดๆสัดส่วนกว่า 60% ของทั้งตลาดแล้ว และมีแนวโน้มโตแรงต่อเนื่อง เดินหน้านำกระแสฟินเทค มาให้บริการลูกค้าออนไลน์ ด้วย TISCO Stock Scan โปรแกรมที่สแกนหุ้นเด็ดหุ้นเด่น มาให้ลูกค้าทั้งมือใหม่ เซียนรุ่นเก๋า และนักลงทุนมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นเน้นลงทุนยาว หรือมุ่งเก็งกำไรสั้น ดูปัจจัยพื้นฐาน หรือผสมกราฟเทคนิค มีโปรแกรมวิเคราะห์มาช่วยตัดสินใจเสร็จสรรพ

ที่โดดเด่นเป็นจุดแข็งจุดขายคือ TISCO Stock Scan หนุนหลังด้วยข้อมูลบทวิเคราะห์ ที่ประเมินอนาคตอย่างแม่นยำแน่นปึ้ก ด้วยทีม GURU นักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีมาตรฐานและได้รับการยอมรับ มีรางวัลการันตีเพียบ…งานนี้ทิสโก้หวังขยายฐานนักลงทุนพันธุ์ใหม่ พัฒนาให้เป็น smart investor โดยแท้!!

อินเด็กซ์ 51

ลุ้น 1,300 จุด!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/578410

โดย อินเด็กซ์ 51 17 ก.พ. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 16 ก.พ.59 ปิดที่ 1,289.36 จุด เพิ่มขึ้น 0.96 จุด ระหว่างวันแกว่งตัวในกรอบ 1,286.26-1,298.71 จุด ขณะที่มีมูลค่าการซื้อขาย 40,758.27 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด TASCO ปิด 24.40 บาท บวก 1.80 บาท, PTT ปิด 238 บาท บวก 3 บาท, AOT ปิด 380 บาท บวก 11 บาท, PTTEP ปิด 61 บาท บวก 3 บาท และ PTTGC ปิด 53.25 บาท บวก 0.25 บาท

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า นักลงทุนขายทำกำไรระยะสั้น หลังประเมินดัชนีไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านจิตวิทยาที่ระดับ 1,300 จุดได้ เพราะยังไม่มั่นใจทิศทางตลาดที่แน่นอน เนื่องจากยังมีความผันผวนสูงจากปัจจัยเสี่ยงทั้งในและต่างประเทศ

โดยยังคงต้องติดตามการประชุมของผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ซาอุดีอาระเบีย และรัสเซีย ว่าจะมีแนวทางการจัดการปัญหาราคาน้ำมันอย่างไร ซึ่งมีผลต่อทิศทางราคาน้ำมัน และราคาหุ้นพลังงาน

รวมทั้งติดตามค่าเงินของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก ทั้งค่าเงินเยนญี่ปุ่นและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ตลาดยังหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางการญี่ปุ่น จีน และยุโรป

มองแนวโน้มระยะสั้น คาดตลาดแกว่งตัว มอง Sentiment ยังไม่ดีมากนัก ด้านเทคนิคให้แนวต้านดัชนีไว้ที่ 1,300 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,270 จุด

มีข่าว “สันติ หอกิตติกุล” กรรมการผู้จัดการ GCAP ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อปี 59 โต 50% ส่วนปี 58 หดตัว 36% จากภัยแล้งกระทบตลาดเครื่องจักรกลการเกษตร โดยมีรายได้ 177.36 ล้านบาท ลดลงจากปี 57 ที่ 4.76% และมีกำไรสุทธิ 55.21 ล้านบาท โดยบอร์ดมีมติจ่ายปันผลปี 58 หุ้นละ 0.20 บาท โดยได้จ่ายงวด ม.ค.-มิ.ย.58 ไปแล้ว หุ้นละ 0.05 บาท คงเหลือจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังหุ้นละ 0.15 บาท

ขณะที่ปี 59 จะมุ่งขยายบริการและหาพันธมิตรคู่ค้าใหม่ๆ เน้นสินเชื่อเครื่องจักรกลการเกษตรประเภทพืชไร่ และเครื่องจักรประเภทอื่น รวมทั้งเพิ่มบริการทางการเงินอีก 2 ประเภทคือ สินเชื่อส่วนบุคคล สำหรับพนักงานของบริษัทคู่ค้า บริษัทพันธมิตร และสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ

ปิดท้าย บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เร็วๆนี้เตรียมรับ 2 รางวัลใหญ่ คือ “Thailand Top Company Awards 2016 Fast-growing Company Award” สุดยอดบริษัทที่มีผลประกอบการโตอย่างรวดเร็วทั้งยอดขาย-กำไร และอีกรางวัลคือ ASIA PACIFIC ENTREPRENEURSHIP AWARDS 2016 THAILAND-Outstanding Category ที่ “อมร ทรัพย์ทวีกุล” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นผู้ที่คว้ารางวัลนี้ ที่นำพาบริษัทเติบโตได้อย่างโดดเด่น.

อินเด็กซ์ 51

ลุ้นไปต่อ!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/577945

โดย อินเด็กซ์ 51 16 ก.พ. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 15 ก.พ.59 ปิดที่ 1,288.40 จุด เพิ่มขึ้น 11.91 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 30,612.43 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 307.88 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด TASCO ปิด 22 บาท ลบ 4.90 บาท, PTT ปิด 235 บาท บวก 5 บาท, PTTEP ปิด 58 บาท บวก 2.50 บาท, TOP ปิด 59 บาท บวก 1 บาท และ ADVANC ปิด 167 บาท บวก 0.50 บาท

หุ้นไทยปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่รีบาวน์กลับตัวขึ้นมาแรง แต่มูลค่าการซื้อขายยังคงเบาบางเพราะนักลงทุนมีความระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น โดยยังคงเป็นการเลือกเข้าซื้อหุ้นรายตัวที่มีข่าวดีหรือมีปัจจัยบวกเข้ามาหนุน

บล.เคทีซีมิโก คาดหุ้นไทยมีโอกาสบวกต่อได้ แต่ยังต้องดูทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศเป็นหลัก แนะกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้น แนะเก็งกำไรสั้นในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก พร้อมกับประเมินแนวรับ 1,274 จุด แนวต้าน 1,300 จุด แนวต้านถัดไป 1,313 จุด

ปิดท้ายมีข่าว “เกศรา มัญชุศรี” ผู้จัดการตลาดหุ้นมองแนวโน้มหุ้นไทยปีนี้น่าจะผันผวนน้อยกว่าปีก่อน มองการลงทุนระยะยาวยังน่าลงทุน หลังบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) ยังมีสภาพคล่อง และมีการขยายธุรกิจโดยเข้าซื้อกิจการต่างๆ

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังได้รับอิทธิพลจากปัจจัยต่างประเทศ ที่เข้ามากระทบการลงทุน ขณะที่มองว่าค่าเงินบาทปีนี้น่าจะผันผวนอ่อนค่าน้อยลงกว่าปีก่อน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่วนปัญหาสถาบันการเงินในยุโรป กรณีปัญหาฐานะของธนาคารดอยซ์แบงก์ (Deutsche Bank) ที่อาจไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ด้อยสิทธิได้ น่าจะกระทบต่อค่าเงินยูโร ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินยูโร

ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงเป็นผลประกอบการรวมงวดปี 58 ของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยออกมาในช่วงนี้ โดยหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ออกมาถือว่า ไม่เลวร้าย ส่วนหุ้นกลุ่มน้ำมันไม่ค่อยดีนัก จากการขาดทุนสต๊อกน้ำมันที่ราคาลดลง อย่างไรก็ตาม แนะนำนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนช่วงนี้ ต้องเน้นลงทุนระยะยาว โดยเน้นหุ้นปันผลเป็นหลัก

ด้าน “สันติ กีระนันทน์” รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เผยว่า มาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้นไทยปัจจุบันอยู่ที่ 94% ของจีดีพี หรือมีมูลค่า 13 ล้านล้านบาท โดยมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ 4.4 หมื่นล้านบาท/ขณะที่ปี 60 คาดมาร์เก็ตแคปจะแตะ 120% ของจีดีพีได้ ภายใต้การเมืองที่มีเสถียรภาพมากขึ้น มองเสถียรภาพการเมืองในประเทศ หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริงปีหน้า จะช่วยหนุนให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามามากขึ้น!!

อินเด็กซ์ 51

ยังไม่มีข่าวดี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/576723

โดย อินเด็กซ์ 51 13 ก.พ. 2559 05:01

 

ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2559 ยังไม่โสภาสถาพร แม้ช่วงเช้าจะมีแรงบวกเข้ามาให้เห็นพอชื่นใจก็ชั่วประเดี๋ยวเดียว โดย เฉพาะช่วงบ่ายอยู่ในแดนลบสลบไสล ถึงจะมีแรงซื้อเข้ามาบ้างแต่แรงขายก็ยังมีมากอยู่

ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยประจำวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2559 ปิดที่ระดับ 1,276.49 จุด ลดลง 4.25 จุด (-0.33%) มูลค่าการซื้อขาย 37,112.07 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,286.20 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,270.84 จุด

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,263.32 ล้านบาท ปิดที่ 161.00 บาท ลดลง 2.50 บาท, PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,175.26 ล้านบาท ปิดที่ 230.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท, KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,635.65 ล้านบาท ปิดที่ 17.20 บาท ลดลง 0.30 บาท, SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,626.64 ล้านบาท ปิดที่ 130.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท และ ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,571.53 ล้านบาท ปิดที่ 166.50 บาท ลดลง 1.50 บาท

การที่ตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะผันผวนไปทางโซนแดนลบนั้นสอดคล้องกับภาวะตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ก็เคลื่อนไหวในแดนลบ อันเป็นผลมาจากนักลงทุนมีความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกและค่าเงินที่ปรับตัวผันผวนอย่างรุนแรง รวมถึงภาวะราคาน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ

โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยซึ่งยังไม่มีปัจจัยบวกจากภายใน ทำให้ยังไม่เห็นความสดใสของตลาดหุ้นมากนัก ที่แย่ก็คือหากเศรษฐกิจโลกทรุดหนักย่อมกระทบต่อเศรษฐกิจไทยได้ โดยเฉพาะในภาคการส่งออก

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า บรรดาโบรกเกอร์กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า หลับตาก็รู้ว่าตลาดหุ้นยังผันผวนอยู่ในกรอบทางลง เพราะคาดว่าจะมีแรงกดดันจากตลาดหุ้นจีนที่จะกลับมาเริ่มเปิดทำการหลังจากสัปดาห์นี้ปิดช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งยังไม่ได้สะท้อนปัจจัยลบในช่วงที่ผ่านมามากนัก

โดยเชื่อว่าหากปัจจัยจากต่างประเทศยังผันผวนมากและปัจจัยในประเทศยังไม่มีอะไรเด่นชัด อาจกระทบให้ดัชนีฯมีโอกาสปรับตัวลดลงถึงระดับ 1,220 จุดได้ กำหนดกรอบแนวรับที่ 1,270 จุด หากหลุดลงมาแนวรับถัดไปที่ 1,240-1,220 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,300-1,320 จุด!!!

อินเด็กซ์ 51

แดงเถือก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/576256

โดย อินเด็กซ์ 51 12 ก.พ. 2559 05:01

 

สลบเหมือดกันถ้วนหน้าสำหรับนักลงทุนที่ได้ไประเริงไฟในตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา เพราะติดลบต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในต่างประเทศที่ระส่ำหนักเช่นกัน

โดยเฉพาะช่วงบ่ายร่วงหนักเกินบรรยาย อันเป็นผลจากความตื่นตระหนกของนักลงทุนจึงพากันเทขายหุ้นออกมาจำนวนมาก เนื่องจากวิตกกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

ดัชนีหุ้นไทยเมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ปิดที่ 1,280.74 จุด ลดลง 24 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -1.84% มูลค่าการซื้อขาย 45,363.29 ล้านบาท โดยมีแรงเทขายหนักในกลุ่มพลังงาน

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ ADVANC มูลค่าซื้อขาย 2,827.552 ล้านบาท ปิดที่ 168.00 บาท เพิ่มขึ้น +0.50 บาท (+0.30%), PTT มูลค่าซื้อขาย 2,818.727 ล้านบาท ปิดที่ 228.00 บาท ลดลง -8.00 บาท (-3.39%), KBANK มูลค่าซื้อขาย 1,801.112 ล้านบาท ปิดที่ 163.50 บาท ลดลง -3.00 บาท (-1.80%), SCB มูลค่าซื้อขาย 1,513.094 ล้านบาท ปิดที่ 129.00 บาท ลดลง -3.00 บาท (-2.27%) และ INTUCH มูลค่าซื้อขาย 1,219.392 ล้านบาท ปิดที่ 55.00 บาท ลดลง-0.25 บาท (-0.45%)

นักวิเคราะห์ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงท้ายเมื่อวันที่ 11 ก.พ. ยิ่งปรับตัวลงแรง เกิดขึ้นหลังจากตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดซึ่งติดลบกันถ้วนหน้า เป็นเพราะความกังวลจากผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทชั้นนำ และราคาน้ำมันในตลาดฟิวเจอร์สก็อ่อนตัวลงด้วย ทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานพลอยกระอักตามไปด้วย

ทั้งยังมีความกังวลเกี่ยวกับภาคธนาคารในยุโรปที่ใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ ทำให้มีข้อวิตกในเรื่องความสามารถในการทำกำไร โดยมีโอกาสที่จะเกิดการผิดนัดชำระตราสารพันธบัตร ยิ่งทำให้ตลาดหุ้นในยุโรปไม่สดใสมากนัก

ขณะที่ดัชนีหุ้นฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดปรับลงแรงถึง 3.85% เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลภาวะเศรษฐกิจโลก เช่นเดียวกับตลาดหุ้นที่เกาหลีใต้ก็ติดลบ

สำหรับตลาดหุ้นไทยที่ร่วงหนักเพราะเจอปัจจัยลบจากภายนอกประเทศ ขณะที่ภายในประเทศก็ไม่มีปัจจัยบวกมาช่วยหนุนส่ง

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันที่ 12 ก.พ.นี้ มีสัญญาณพักฐานลงมาต่อเนื่อง เพราะแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกที่ยังไม่สดใส ทั้งเรื่องความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกและทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังอ่อนตัวลง คาดการณ์กรอบดัชนีไว้ที่ระดับ 1,275–1,307 จุด!!!

อินเด็กซ์ 51

ยืน 1,300 จุด!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/575740

โดย อินเด็กซ์ 51 11 ก.พ. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 10 ก.พ.59 ปิดที่ 1,304.74 จุด เพิ่มขึ้น 0.78 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 30,807.05 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,505.35 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด ADVANC ปิด 167.50 บาท บวก 2.50 บาท, PTT ปิด 236 บาท ลบ 5 บาท, KBANK ปิด 166.50 บาท บวก 1 บาท, IRPC ปิด 4.30 บาท บวก 0.06 บาท และ KTB ปิด 17.70 บาท ลบ 0.30 บาท

หุ้นไทยกลับมายืนเหนือ 1,300 จุดได้ หลังโดนแรงขายออกมากดดัชนีร่วงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยมีแรงซื้อคืนในหุ้นใหญ่รายตัวทั้งสื่อสารและแบงก์ช่วยพยุงตลาด

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) มองนักลงทุนลดความกังวลเกี่ยวกับการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยคาดว่ามีโอกาสน้อยมากที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มี.ค.นี้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปี 58 ออกมายังไม่ฟื้นตัวแข็งแกร่งมากนัก ทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า อาจทำให้เงินทุนไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่

ประเมินตลาดระยะสั้นคาดหุ้นไทยแกว่งในกรอบ 1,295-1,315 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนเลี่ยงเก็งกำไรหุ้นพลังงาน-ส่งออก แต่ให้เลือกเล่นเก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นค้าปลีก สื่อสาร ท่องเที่ยว โรงแรมได้

บล.บัวหลวง จัดเสวนาแนวโน้มเศรษฐกิจการลงทุนและมุมมองการขับเคลื่อนของประเทศปี 59 “ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ” ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย ประเมินดัชนีหุ้นไทยปี 59 ไปได้ที่ 1,450-1,550 จุด บน P/E ที่ 15.5 เท่า

หุ้นเด่นแนะลงทุนกลุ่มการแพทย์ จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี และกำไรฟื้นตัว กลุ่มรับเหมาและปูนซีเมนต์ ได้รับอานิสงส์จากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน UNIQ-CK-STEC-SCC เด่น กลุ่มค้าปลีกอุปโภคบริโภคชอบ CPN-BEAUTY จากกำไรโตแข็งแกร่งหุ้นสายการบิน AAV-BA ได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลง

ปิดท้าย ตลาดหลักทรัพย์สรุปภาพรวมตลาดเดือน ม.ค.ดัชนีปิดที่ 1,300.98 จุด เพิ่มขึ้น 1.0% จากสิ้นปี 58 เป็นการปรับขึ้นมากสุดในภูมิภาคโดยตลาดได้ปัจจัยบวกจากผลการประชุมเฟดที่มีแนวโน้มชะลอการขึ้นดอกเบี้ย และการลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่นอยู่ที่ -0.1% เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ส่งผลให้ปรับตัวขึ้นมา

ต่างชาติขายสุทธิ 8,319 ล้านบาท ลดลงจาก ธ.ค.58 ที่ขายสุทธิอยู่ที่ 32,495 ล้านบาท!!

อินเด็กซ์ 51

เบาบาง!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/575219

โดย อินเด็กซ์ 51 10 ก.พ. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 9 ก.พ.59 ปิดที่ 1,303.96 จุด ลดลง 3.61 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 28,393.62 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 2,542.64 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 241 บาท บวก 1 บาท, SCB ปิด 131 บาท ลบ 3.50 บาท, ADVANC ปิด 165.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, CPALL ปิด 40.75 บาท ลบ 0.25 บาท และ TPIPL ปิด 2.42 บาท บวก 0.10 บาท

หุ้นไทยเงียบเหงาวอลุ่มบางเบาเหตุยังเป็นช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน ขณะที่มีแรงซื้อขายเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่มีข่าวเข้ามากระทบ

บล.ทิสโก้ มองหุ้นไทยแม้จะปรับตัวลงแต่ถือว่ายังอยู่ในทิศทางที่ดีกว่าตลาดหุ้นโลก ที่ตลาดหุ้นยุโรป เยอรมนี รวมทั้งญี่ปุ่นปรับตัวลงแรง มาทำจุดต่ำสุด หลังนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยและตลาดหุ้นเกิดใหม่ต่อเนื่องมาอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

ประเมินทิศทางตลาดระยะสั้น คาดว่าบรรยากาศการซื้อขายหุ้นไทยจะเงียบเหงาเบาบางต่อเนื่อง ด้านเทคนิค หากดัชนียืนเหนือ 1,316 จุด ได้จึงจะเกิดสัญญาณซื้อ อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าดัชนีหุ้นไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้วที่ระดับ 1,220 จุดไปแล้ว ขณะที่ในทิศทางขาขึ้น ตลาดมีโอกาสปรับขึ้นไปที่ 1,450 จุดในช่วงไตรมาส 3

แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้ทยอยซื้อหุ้นพื้นฐานดีในช่วงที่ตลาดหุ้นโลกผันผวน เพราะประเมินว่านักลงทุนต่างชาติจะกลับมาซื้อหรือเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยมากขึ้น ด้านเทคนิคระยะสั้นให้แนวรับที่ 1,290 จุด แนวต้าน 1,310 จุด!!

ปิดท้าย “สันติ กีระนันทน์” รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เผยว่า กิจกรรมบริษัทจดทะเบียน (บจ.) พบผู้ลงทุน หรือ Opportunity Day สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2558 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 ก.พ.-31 มี.ค.2559 มี บจ.ร่วมนำเสนอข้อมูลทั้งหมด 143 บริษัท ทั้งบริษัทขนาดใหญ่กลางเล็ก จาก 19 หมวดธุรกิจ โดยเป็น บจ. ใน SET50 จำนวน 21 บริษัท SET51-100 จำนวน 22 บริษัท และ Non SET 100 จำนวน 61 บริษัท และ mai 39 บริษัท มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปรวมทั้งสิ้น 3.9 ล้านล้านบาท

“กิจกรรม Opportunity Day ได้รับการตอบรับจาก บจ.เข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างต่อเนื่อง ทั้ง บจ. เดิม และ บจ. ใหม่ ซึ่ง Opportunity Day รอบนี้ มี บจ. ที่เข้าใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 58 ถึง 14 บริษัท ชี้ถึงการที่ บจ. ให้ความสำคัญในการนำเสนอข้อมูลผลประกอบการและทิศทางการดำเนินงานของบริษัทและพัฒนางานผู้ลงทุนสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง!!”.

อินเด็กซ์ 51

มองหุ้น BIGC!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/574650

โดย อินเด็กซ์ 51 9 ก.พ. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 8 ก.พ.59 ปิดที่ 1,307.57 จุด เพิ่มขึ้น 1.28 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 27,024.27 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 44.53 ล้านบาท

บล.เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์ หุ้น BIGC ระบุว่า การเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นใหญ่ หลังกลุ่ม Casino ตกลงขายหุ้นที่ถือใน BIGC 58.6% ให้ “เสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี” ภายใต้ TCC Corporation มูลค่าราว 1.22 แสนล้านบาท ทำให้ TCC กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ BIGC และทำให้ TCC มีธุรกิจครบตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำในไทย (ผลิตสินค้า-จัดจำหน่าย) และเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่กลุ่มค้าปลีกครอบคลุมทั้งไทยและเวียดนาม

ขณะที่ฝั่ง BIGC คาดหวัง Synergy ระยะสั้นลำบาก เนื่องจาก TCC ไม่มีประสบการณ์ทำค้าปลีกมาก่อน และเป็นธุรกิจที่แข่งขันสูงและ Lotus อาจใช้ช่วงที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหาร รีบทำ campaign แย่งมาร์เกตแชร์ แต่ BIGC อาจได้ประโยชน์ด้านโอกาสขยายธุรกิจในกลุ่ม CLMV ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของ TCC และมีสายป่านยาว โดยเฉพาะเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันมีช่องทางจัดจำหน่ายทั้งแบบดั้งเดิม (ตัวแทนจำหน่าย) และโมเดิร์นเทรด (ค้าส่ง+ร้านสะดวกซื้อ) ซึ่งเชื่อว่า TCC จะเข้าประมูล BIGC เวียดนาม ที่จะขายเช่นกัน

อีกประเด็นที่ต้องติดตาม คือ นโยบายการถือหุ้นกลุ่มค้าปลีก ซึ่งปัจจุบันให้ BJC เป็นหัวหอกหลัก แต่หลังได้ BIGC มา ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า ฐานะการเงินดี สามารถซื้อธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ได้มากกว่า BJC ซึ่งรวมถึงโอกาสเข้าซื้อ METRO เวียดนาม หรือ BIGC เวียดนาม ซึ่งต้องติดตามต่อไป แต่ถือเป็น Sentiment เชิงลบต่อ BJC ซึ่งราคาหุ้นมักผูกกับกระแสการทำ M&A

ปิดท้าย “ภรณี ทองเย็น” อุปนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เผยผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์และผู้ลงทุนสถาบัน เกี่ยวกับแนวโน้มการลงทุนเดือน ม.ค. โดยเชื่อดัชนีหุ้นไทยยังมีโอกาสขึ้นสู่ระดับสูงสุดปี 59 ที่เฉลี่ย 1,501 จุด ส่วนใหญ่มองตรงกันเป็นขาขึ้น คาดดัชนีต่ำสุดที่ 1,163 จุด และสิ้นปี 59 จะอยู่ที่เฉลี่ย 1,442 จุด

ปัจจัยคือการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐ และเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ขณะที่ให้ Forward P/E ปี 59 ที่เฉลี่ย 15.3 เท่า โดยกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 92 บาท ลดจากประมาณการครั้งก่อนที่ 109.5 บาท และ EPS Growth ปี 59 อยู่ที่เฉลี่ย 19.1%

แนะลงทุนหุ้นพื้นฐานแกร่ง มีปันผลสม่ำเสมอ มีกระแสเงินสดมั่นคง ทยอยซื้อสะสมเมื่อราคาอ่อนตัว หุ้นเด่นที่แนะนำตรงกันคือ AOT ให้เป้าหมาย 392.50 บาท CK ให้เป้า 33.40 บาท ERW เป้า 5.60 บาท และ KBANK ให้เป้า 206.20 บาท!!

อินเด็กซ์ 51

CPALL เร่งแก้ธรรมาภิบาล!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/573455

โดย อินเด็กซ์ 51 6 ก.พ. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 5 ก.พ.59 ปิดที่ 1,306.29 จุด เพิ่มขึ้น 9.18 จุด หรือ 0.7% มีมูลค่าการซื้อขาย 40,034.87 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 960.79 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด ADVANC ปิด 165.50 บาท ลบ 0.50 บาท, SCB ปิด 132.50 บาท บวก 2 บาท, CPALL ปิด 42.75 บาท บวก 0.25 บาท, KBANK ปิด 169 บาท บวก 4 บาท และ PTT ปิด 242 บาท บวก 4 บาท

หุ้นไทยกลับขึ้นมายืนเหนือระดับ 1,300 จุดได้อีกครั้ง จากนักลงทุนคลายความกังวลกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ขณะที่ยังมีแรงซื้อกลับหุ้นรายตัวเก็งผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 58 และงวดรวมทั้งปี 58

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน มองตลาดสัปดาห์หน้า แกว่งกรอบแคบ เนื่องจากเป็นช่วงตรุษจีน นักลงทุนน่าจะชะลอการลงทุน ขณะที่ยังต้องติดตามราคาน้ำมันโลกที่ยังผันผวน แนะกลยุทธ์ลงทุน เก็งกำไรสั้น เพื่อรอขายช่วงดัชนีดีดตัวขึ้นใกล้แนวต้าน ด้านเทคนิคให้แนวรับไว้ที่ 1,290 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,320 จุด

มีข่าว บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) รายงานผลประชุมบอร์ดบริษัทล่าสุด 5 ก.พ. 59 ระบุว่า ผลการประชุมบอร์ดบริษัท ที่ไม่มีกรรมการบริหารที่เกี่ยวข้องกับประเด็นปัญหาบรรษัทภิบาล กรณีอินไซด์หุ้นร่วมประชุม ได้พิจารณาถึงการกระทำของกรรมการบริหารดังกล่าวที่ได้ยอมรับว่ากระทำไปด้วยความไม่รอบคอบโดยไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ในกฎเกณฑ์ ก.ล.ต. และได้ยอมรับการปรับตามบทลงโทษ

อีกทั้งตลอด 20 กว่ากรรมการบริหารดังกล่าวได้ปฏิบัติงานไม่เคยมีประวัติด่าง พร้อยแสดงถึงพฤติกรรมการขาดธรรมาภิบาล บอร์ดเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นโดยไม่ใช่เจตนาของบุคคลทั้ง 3 ดังนั้นการชำระเบี้ยปรับและบทลงโทษของ ก.ล.ต. ถือเป็นบทเรียนสำคัญแก่บุคคลทั้ง 3 รวมทั้งได้กำชับและตักเตือนถึงการกระทำดังกล่าว

นอกจากนี้ บอร์ดเห็นชอบตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการตรวจสอบและกรรมการอิสระที่ควรให้โอกาสแก่กรรมการบริหารทั้ง 3 และเน้นไปที่การป้องกันมิให้เกิดเหตุเช่นนี้อีกในอนาคต โดยจะพัฒนาและปรับปรุงแนวทางและกระบวนการ ตลอดจนการอบรมกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานในเรื่องบรรษัท–ภิบาล เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล

จึงมีมติตั้งคณะกรรมการบรรษัทภิบาลที่จะช่วยเสริมระบบบรรษัทภิบาลให้มีความรัดกุมยิ่งขึ้น และแต่งตั้ง บริษัท อีวาย คอร์ปอเรท เซอร์วิสเซส ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านบรรษัทภิบาลจากภายนอกเป็นที่ปรึกษาแก่คณะกรรมการบรรษัทภิบาล เพื่อให้ข้อเสนอแนะในการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการกำกับดูแลกิจการ ซึ่งครอบคลุมการควบคุมกำกับข้อมูลสำคัญที่จะมีผลของการล่วงรู้ข้อมูลภายใน

บริษัทขอให้คำมั่นว่าจะดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ ประกอบด้วย จริยธรรมและธรรมาภิบาลในทุกด้าน ด้วยเจตนารมณ์แน่วแน่ มุ่งหมายจะเป็นองค์กรที่ดีของสังคมตลอดไป!!

อินเด็กซ์ 51

เก็งผลประกอบการ!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/572962

โดย อินเด็กซ์ 51 5 ก.พ. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 4 ก.พ.59 ปิดที่ 1,297.11 จุด เพิ่มขึ้น 5.34 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 39,842.93 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 837.83 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด ADVANC ปิด 166 บาท ลบ 5.50 บาท, PTT ปิด 238 บาท บวก 4 บาท, CPALL ปิด 42.50 บาท บวก 0.75 บาท, KTB ปิด 17.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง และ PTTEP ปิด 58 บาท บวก 1.25 บาท

บล.โกลเบล็ก คาดหุ้นไทยจะมีแรงซื้อดักงบและปันผลปี 58 ที่จะประกาศออกมาช่วยพยุงไม่ให้ดัชนีทรุดตัวแรง แนะกลยุทธ์ลงทุนระยะสั้น เลือกซื้อหุ้นที่มีปัจจัยบวกหนุน เช่น กลุ่มที่คาดว่างบไตรมาส 4 ดี ชอบ EPG, QTC, FSMART, KCE, TVT, GL, BEAUTY, EA, SYNEX, SMPC, SPALI, ORI, UBIS ช่วงไฮซีซั่นการท่องเที่ยว และได้ประโยชน์จากต้นทุนน้ำมันปรับตัวลงแนะ AOT, BA, AAV และกลุ่มจ่ายปันผลสูงเชียร์ INTUCH, ADVANC และ KTB

“ไพบูลย์ นลินทรางกูร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. ทิสโก้ ระบุว่า หุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีที่ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดัชนีปลายปี 58 ถือเป็นการปรับขึ้นเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากตลาดตุรกี โดยตลาดหุ้นทั่วโลกปีนี้ที่ปรับตัวขึ้นมีเพียง 3 ประเทศ คือ ตลาดหุ้นตุรกี ไทย และเม็กซิโก

หุ้นไทยที่ปรับขึ้นเป็นผลจากรัฐบาลไทยมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ขณะที่รัฐบาลหลายประเทศหยุดกระตุ้นเศรษฐกิจ และยังเป็นผลจากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ จะเปิดรับฟังความเห็นและปรับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือว่าส่งผลดีต่อตลาด อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าเม็ดเงินลงทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้าหุ้นไทยได้ก็ต่อเมื่อตัวเลขเศรษฐกิจไทยดีขึ้น และแบงก์ชาติปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหากปรับลดลงอีก 0.25% มองว่าเป็นระดับที่เหมาะสม

อย่างไรระยะนี้ตลาดไทยที่ทรงตัวถือเป็นจังหวะในการทยอยเลือก “ซื้อ” หุ้นที่จ่ายปันผลสูง ซึ่งที่ผ่านมาราคาหุ้นหลายบริษัทปรับตัวลง เช่น กลุ่มสื่อสาร ทำให้บางบริษัทมีผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงถึง 10%

ขณะที่ บลจ.ไทยพาณิชย์ แถลงนโยบายและแผนการดำเนินงานปี 59 โดยมี “สมิทธ์ พนมยงค์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ “ณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย” กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน ร่วมให้ข้อมูล ระบุว่า บลจ.ไทยพาณิชย์ มองหุ้นไทยปีนี้ยังคงผันผวน คาดดัชนีแกว่งในกรอบ 1,200-1,400 จุด อิง P/E 12.5-14 เท่า กำไรบริษัทจดทะเบียนโต 5-9%

แนะเลือกหุ้นขนาดกลางและเล็ก ซึ่งจะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าบริษัทใหญ่และมองหาราคาหุ้นที่ต่ำกว่าตลาด และมีอัตราการโตมากกว่าเศรษฐกิจ ชอบหุ้นท่องเที่ยว บริการ โรงแรม ค้าปลีก จะโดดเด่น ส่วนหุ้นพลังงาน สถาบันการเงิน หรือสื่อสารให้เลือกรายตัวเพราะยังมีความเสี่ยง!!

อินเด็กซ์ 51