หุ้น JAS!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/572416

โดย อินเด็กซ์ 51 4 ก.พ. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 3 ก.พ.59 ปิดที่ 1,291.77 จุด เพิ่มขึ้น 6.47 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 39,654.93 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,183.96 ล้านบาท

ราคาหุ้น JAS ยังถูกเทขายต่อเนื่อง กดราคาลงต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ที่ 2.84 บาท ก่อนมาปิดที่ 2.88 บาท ลดลง 0.04 บาท JAS ยังคงโดนกระแสข่าวกดดันว่ามีปัญหาในการชำระค่าใบอนุญาต4 จีงวดแรก ทั้งนี้ ราคา JA S ลดลงต่อเนื่องหลังเข้าไปประมูล 4 จีได้ในราคาสูง จากปลายปีก่อนเคยขึ้นไปสูงถึง 9.25 บาท

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุก่อนหน้านี้ว่า JAS มีโอกาสสูงที่จะคืนใบอนุญาต 4 จี เพราะความเป็นไปได้ที่จะได้แบงก์การันตีมีน้อย และยังไม่ประกาศพันธมิตรธุรกิจ อาจเป็นผลจากค่าใบอนุญาตที่สูง หาก JAS ไม่จ่ายค่าประมูลงวดแรกภายใน 21 มี.ค.นี้ จะถูกริบหลักประกัน 644 ล้านบาท ส่วนกรณี JAS หาเงินมาได้ทันกำหนด JAS จะประสบความลำบากในการทำธุรกิจ เพราะอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) มีเพียง 2.3% ใน 3 ปี หากทำธุรกิจมือถือ ปัจจุบัน JAS มีรายได้ต่ำกว่า 14,000 ล้านบาท สินทรัพย์รวมต่ำกว่า 51,000 บาท ในปี 58

บล.เอเซียพลัส ระบุ JAS มีแนวโน้มเพิ่มทุน เพราะการเข้าสู่ธุรกิจมือถือเสียเปรียบ Operator 3 รายเดิมทุกด้าน จากการแย่งชิงลูกค้า โครงข่ายที่ต้องลงทุนใหม่ ยังไม่รวมค่าประมูลคลื่น 900 MHz ที่สูงถึง 75,000 ล้าน ช่องทางการระดมทุน JAS เบื้องต้นน่าจะมาจากการใช้เงินสดที่เหลือจากการตั้งกองทุน JASIF ราว 10,000 ล้านบาท โดย JAS กำหนดทางเลือกแหล่งทุนไว้ 4 ทาง เช่น นำบริษัทย่อย JMBB เข้าตลาด, ขายหุ้นเพิ่มทุน JMBB ให้พันธมิตร, ระดมทุนโดยนำสินทรัพย์โทรคมนาคมที่ลงทุนเพิ่มขายให้ JASIF รวมทั้งเงินจากการแปลงสภาพ JAS-W3 ซึ่งมีโอกาสน้อยเพราะราคาหุ้นที่ต่ำกว่าราคาแปลงสภาพมาก

ในส่วนของฐานลูกค้านั้น สมมติฐานว่าให้มีลูกค้าอินเตอร์เน็ตเดิม 30% ใช้งานบริการมือถือ เบื้องต้นคาดว่าจะมี ARPU เฉลี่ย 500 บาทต่อเดือน ซึ่งประเมินได้ว่าต้นทุนใบอนุญาตกับส่วนแบ่งรายได้เฉลี่ย 5 ปีของ JAS จะสูงถึง 110% ของรายได้ ภายใต้สมมติฐานให้ลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านราย เท่ากับลูกค้าที่ใช้อินเตอร์เน็ตภายในปีที่ 5 ซึ่งทำให้ JAS ต้องเผชิญภาวะขาดทุนไปอีกหลายปี!!

ปิดท้าย มีข่าวจากที่ปรึกษาการเงินมือทอง “สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม” ประธานแอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ พา “ประจินต์ คงสาคร” ผู้บริหาร บมจ. เจตาแบค หรือ GTB โรดโชว์ความแข็งแกร่งให้นักลงทุนชาวนครสวรรค์ได้เจาะลึก ก่อนเสนอขายหุ้นไอพีโอหลังพาไปพบนักลงทุนที่ขอนแก่นแล้วแม้งานที่ปรึกษาการเงินจะแน่นแต่เพื่อลูกค้า “สมภพ” คนเดิมคนนี้เต็มที่ทุกครั้งขอบอก!!

อินเด็กซ์ 51

 

ปตท.แจงเรื่องมูดี้ส์!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/571870

โดย อินเด็กซ์ 51 3 ก.พ. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 2 ก.พ.59 ปิดที่ 1,285.30 จุด ลดลง 12.04 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 45,479.33 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 632.44 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด ADVANC ปิด 168.50 บาท ลบ 1 บาท, CPALL ปิด 42 บาท บวก 1.75 บาท, DTAC ปิด 35.50 บาท บวก 3 บาท, SCC ปิด 410 บาท ลบ 16 บาท และ PTT ปิด 232 บาท ลบ 8 บาท

หุ้น PTT กลับมาลบแรง หลังกังวลว่ามูดี้ส์จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ขณะที่ “เทวินทร์ วงศ์วานิช” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT ออกโรงแจงว่า ขณะนี้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดี้ส์ยังไม่ได้ปรับลดอันดับเครดิตของ PTT เพียงอยู่ระหว่างการทบทวนอันดับเครดิตเท่านั้น หลังราคาน้ำมันได้ปรับตัวลดลง โดยคาดว่ามูดี้ส์จะใช้เวลาทบทวน 1 เดือน และจะทราบผลอันดับเครดิตราว มี.ค.นี้

หากมูดี้ส์ปรับลดอันดับเครดิตจริงไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทในการระดมทุน เพราะยังไม่มีแผนการระดมทุนในช่วง 1-2 ปีนี้ แม้บริษัทจะมีงบลงทุนสูง เพราะ ปตท.มีเงินสดในมือที่เพียงพอในการลงทุน

ขณะที่บริษัทอยู่ระหว่างทบทวนลดค่าใช้จ่ายต่างๆ คาดว่าผลของแผนทบทวนจะแล้วเสร็จไตรมาส 1 ปี 59 โดยการลดค่าใช้จ่ายนี้จะไม่มีผลกระทบต่อแผนการลงทุนของ ปตท. เพราะได้เตรียมเงินพร้อมแล้วในการลงทุนท่อเส้นที่ 5 และขยายคลัง LNG 5 ล้านตัน เป็น 10 ล้านตัน “ราคาน้ำมันได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และน่าจะปรับตัวดีขึ้น คาดว่าราคาเฉลี่ยน้ำมันปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 30-40 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งหากรัสเซียและโอเปกปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบจะส่งผลดีทำให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้” บิ๊ก ปตท.แจง

ปิดท้าย บล.ภัทร ประเมินหุ้นไทยผันผวนทั้งปี มองดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,350–1,380 จุด บนเงื่อนไขจีดีพีปีนี้โต 2–3% แนะจับตาภัยแล้ง การเมือง และส่งออกเป็นหลัก โดยประเมินส่งออกโต 1–2% ขณะที่ภัทรมีแนวโน้มที่จะปรับลด EPS Growth ลงได้อีก

มองราคาน้ำมันปีนี้อาจต่ำกว่า 30 เหรียญ/บาร์เรล ชั่วคราว แต่ทั้งปีน่าจะยืนอยู่ที่ 40 เหรียญ/บาร์เรล โดยภัทรให้น้ำหนักลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ส่วนหุ้นกู้ควรลงทุนอายุไม่เกิน 3 ปี

ขณะที่ บล.ภัทร ตั้งเป้าปี 61 จะมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUA) ของธุรกิจ Wealth Management เพิ่มเป็น 6 แสนล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.1 แสนล้านบาท!!

อินเด็กซ์ 51

โฟกัสหุ้นทรู!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/571380

โดย อินเด็กซ์ 51 2 ก.พ. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 1 ก.พ.59 ปิดที่ 1,297.34 จุด ลดลง 3.64 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 50,319.05 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 798.45 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด ADVANC ปิด 169.50 บาท บวก 0.50 บาท, TRUE ปิด 6.60 บาท ลบ 0.50 บาท, PTT ปิด 240 บาท บวก 4 บาท, PTTEP ปิด 57 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง และ JAS ปิด 3 บาท ลบ 0.12 บาท

ในที่สุด TRUE ก็ประกาศเพิ่มทุนตามที่ตลาดคาดการณ์ มาดูความเห็นของนักวิเคราะห์สำนักต่างๆที่มีมุมมองต่อการเพิ่มทุนครั้งนี้

บล.ทรีนีตี้มองว่า เพิ่มทุนครั้งนี้ เร็วกว่าที่หลายฝ่ายได้คาดการณ์ไว้ เนื่องจากใบอนุญาตคลื่น 900 MHz ที่มีมูลค่าสูงถึง 75,000 ล้านบาท ดังนั้นการที่ธนาคารจะออก Bank Guarantee ให้กับบริษัทต้องมีความแน่ใจในเรื่องของแหล่งเงินทุนที่บริษัทจะมี เพื่อไม่ให้ธนาคารต้องรับความเสี่ยง ดังนั้น บริษัทจึงเร่งให้มีมติการเพิ่มทุนดังกล่าว เพื่อที่จะให้ธนาคารออก Bank Guarantee ให้ทันภายใน 21 มี.ค.นี้

ทั้งนี้ มองว่า TRUE Over Invest มากเกินไป ราคาใบประมูลแพงไป

บล.โกลเบล็กชี้ว่า ถ้าการเพิ่มทุนครั้งนี้สำเร็จ เพิ่มทุนได้ตามจำนวนที่ต้องการ พื้นฐานหุ้นจะน่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิม และจะมีผลให้ TRUE ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี

อย่างไรก็ตาม ในแง่ราคาหุ้น เชื่อว่าต่อจากนี้ราคาอาจไดลูทได้อีกไม่มาก โดยอยู่ระหว่างรอข้อมูลที่ชัดเจนมาประกอบการทบทวนราคาพื้นฐานจากเดิมให้ไว้ที่ 8 บาท เบื้องต้นอาจปรับลงเล็กน้อย

ด้านนักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง เชื่อว่าหากราคาในกระดานที่ 6-7 บาท จะจูงใจให้ผู้ถือหุ้นเดิมให้ใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน แต่แนะนำขาย TRUE เนื่องจากคาดว่าปีนี้ผลประกอบการจะพลิกเป็นขาดทุน 5,200 ล้านบาท เพราะต้องลงทุนจำนวนมาก จากที่ต้องจ่ายค่าใบอนุญาต 2 ใบ การลงทุน โครงข่าย ฯลฯ ทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 59 อยู่ที่ 4 บาท

ส่วน บล.ธนชาต ชี้ราคายังมีโอกาสลงต่อ แนะหลีกเลี่ยง แต่ถ้ามีหุ้นอยู่แล้ว ควรขายตัดขาดทุนถ้าหลุด 6 บาท ในมุมของราคาหุ้นหลังจากเดือน มี.ค. ช่วงหมดโปรโมชั่นพยุงหุ้นแล้ว น่ากังวลเพราะคงยากที่กำไรจะพยุงให้ราคาหุ้นกลับมาร้อนแรงได้เหมือนเดิม!!

อินเด็กซ์51

หุ้นสื่อสารดี๊ด๊า!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/570205

โดย อินเด็กซ์ 51 30 ม.ค. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 29 ม.ค.59 ปิดที่ 1,300.98 จุด บวก 12.58 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 53,581.75 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,482.48 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ADVANC ปิด 169 บาท บวก 8.50 บาท, INTUCH ปิด 56.25 บาท บวก 3 บาท, PTT ปิด 236 บาท บวก 1 บาท, TASCO ปิด 33.25 บาท ลบ 2.00 บาท และ TRUE ปิด 7.10 บาท บวก 0.45 บาท

ต่างชาติและกองทุนสถาบันในประเทศกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยอีกครั้งโดยหุ้นกลุ่มสื่อสารปรับตัวขึ้นแรง เก็งงบการเงินที่น่าจะออกมาดีและจ่ายปันผลสูง ขณะที่แบงก์ชาติญี่ปุ่น (BOJ) มีมติใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ พร้อมคงนโยบายการเงิน กระตุ้นตลาดภาพรวม

บล.ธนชาต ออกบทวิเคราะห์ระบุหุ้นกลุ่มสื่อสารฟื้นตัวเด่น แนะ “ซื้อ” INTUCH และ ADVANC จากประเด็นข่าวเกี่ยวกับการจ่ายเงินใบอนุญาต คลื่น 900MHz ของ JAS ยังไม่มีความชัดเจน ทำให้มีแรงซื้อ ADVANC และ INTUCH เข้ามามากขึ้น

โดยธนชาตทำการวิเคราะห์ในหลายกรณีดังนี้ 1.กรณี JAS และ TRUE สามารถชำระค่าใบอนุญาตได้ มองการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานในระยะถัดไป

2.JAS ไม่สามารถชำระค่าใบอนุญาต 900MHz (เพราะไม่สามารถ Bank Guarantee ได้) มีโอกาสสูงที่ TRUE อาจไม่ชำระค่าใบอนุญาตด้วยเช่นกัน (แม้คาดว่า TRUE น่าจะสามารถหา Bank Guarantee ได้ก็ตาม) ในกรณีนี้ JAS และ TRUE ต้องจ่ายค่าปรับ 645 ล้านบาท และอาจมีการฟ้องร้องตามมาอีกในอนาคต

ขณะที่การประมูลคลื่น 900 ใหม่จะเกิดขึ้น ในกรณีต่างๆกันดังนี้ 1.กสทช.จัดประมูลขึ้นใหม่ที่ราคาขั้นต้น 1.3 หมื่นล้านบาท โดย JAS และ TRUE ไม่สามารถเข้าร่วมประมูลได้ ซึ่งจะเป็นการประมูลใบอนุญาต 2 ใบ ด้วยผู้เข้าร่วมประมูล 2 ราย ทำให้ราคาประมูลมีแนวโน้มต่ำมาก เป็นปัจจัยบวกต่อ ADVANC-INTUCH-DTAC โดยตรง

2.กสทช.ให้ผู้ชนะที่เป็นอันดับถัดไป คืออันดับ 3-4 ได้ใบอนุญาต ที่ราคา 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งในกรณีนี้ ADVANC และ DTAC อาจไม่ยอมจ่ายเนื่องจากมองว่า JAS และ TRUE เป็นผู้ที่ทำให้ราคาประมูลสูงเกินจริง

3.กสทช.ศึกษาแนวทางการประมูล 900MHz ใหม่ โดยตั้งราคาขั้นต่ำ และหลักประกันเพิ่มขึ้น ซึ่งในกรณีนี้จะเป็นปัจจัยบวกต่อ ADVANC ที่มีเวลาเพิ่มขึ้นในการโอนลูกค้าจากคลื่น 2G เดิม มาที่คลื่น 3G-4G

ทั้งนี้ ไม่ว่ากรณีไหนจะเกิดขึ้น เรามองว่า ADVANC และ INTUCH เป็นหุ้นที่น่าสนใจซื้อมากที่สุด ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 200 บาท และ 70 บาท ตามลำดับ และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้า 7-8%!!

อินเด็กซ์ 51

หุ้นน้ำมันไปต่อ!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/569719

โดย อินเด็กซ์ 51 29 ม.ค. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 28 ม.ค.59 ปิดที่ 1,288.40 จุด บวก 10.11 จุด มูลค่าการซื้อขาย 44,560.35 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 3.91 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 235 บาท บวก 13 บาท, PTTEP ปิด 56.75 บาท บวก 5 บาท, SCB ปิด 127 บาท บวก 3 บาท, ADVANC ปิด 160.50 บาท บวก 2.50 บาท และ JAS 3.06 บาท บวก 0.02 บาท

มีแรงซื้อหุ้นพลังงานอย่างต่อเนื่อง ดันราคาหุ้นกลุ่ม ปตท.พยุงตลาด เนื่องจากมีแรงคาดหวังต่อกรณี OPEC และกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มหารือกันถึงความเป็นไปได้ในการลดกำลังการผลิต เพื่อพยุงราคาน้ำมันโลก แม้จะเป็นเพียงการสร้างความหวังให้กับนักลงทุนก็ตาม แต่มีผลต่อจิตวิทยาการลงทุนหุ้นพลังงาน

ขณะที่หุ้น AOT ทำจุดสูงสุดใหม่ (All time new high) หลายสำนักวิเคราะห์แนะ“ซื้อ” โดย บล. กรุงศรีให้ราคาเป้าหมาย 400 บาทระบุว่า เปลี่ยนสนามบินเป็นขุมทอง โดยคาดกำไรจากธุรกิจหลักไตร-มาส 1 ปีนี้เพิ่มขึ้น 46% QoQ และ 20% YoY จากจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 12% YoY พื้นที่เชิงพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นของสนามบินดอนเมือง (DKM) และภูเก็ต (HKT) จะช่วยเพิ่มรายได้จากสัมปทานให้ AOT อีก 1.3 พันล้านบาท

ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ออกบทวิเคราะห์เชียร์หุ้น PTTGC ระบุ เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มโรงกลั่นที่ยัง Laggard และธุรกิจปิโตรเคมีที่เป็น Gas Base จะมีความน่าสนใจในช่วงราคาน้ำมันฟื้นตัว ซึ่งจะส่งผลให้ Spread เพิ่มขึ้น ดังนั้น หากราคาน้ำมันกลับมาฟื้นตัว จะส่งผลให้ PTTGC กลับมามีความน่าสนใจกว่า TOP แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” PTTGC

บล.เคทีซีมิโก้ ประเมินทิศทางภาพรวมตลาดระยะสั้นหุ้นไทยมีโอกาสบวกได้ต่อ ลุ้นไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1,300 จุด แต่ต้องติดตามแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันในประเทศเป็นหลัก ส่วนนักลงทุนต่างชาติช่วงนี้เริ่มเห็นจังหวะการเข้าซื้อสลับขายบ้าง แต่ยังไม่เห็นการกลับเข้ามาซื้ออย่างเต็มตัว ขณะที่ยังต้องติดตามราคาน้ำมันโลกอย่างใกล้ชิดซึ่งมีผลต่อราคาหุ้นพลังงาน

แนะกลยุทธ์การลงทุน เลือกเก็งกำไรหุ้นรายตัว ที่มีข่าวเข้ามากระตุ้นทั้งผลประกอบการและทิศทางการเติบโตของธุรกิจด้านเทคนิคให้แนวรับ 1,280 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,300 จุด !!

อินเด็กซ์ 51

พลังงานมา!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/569108

โดย อินเด็กซ์ 51 28 ม.ค. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 27 ม.ค.59 ปิดที่ 1,278.29 จุด บวก 10.22 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 42,243.03 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 472.55 ล้านบาท

หุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด JAS ปิด 3.08 บาท ลบ 0.14 บาท, ADVANC ปิด 158 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, PTT ปิด 222 บาท บวก 3 บาท, SCC ปิด 430 บาท บวก 8 บาท และ SCB ปิด 124 บาท บวก 4.50 บาท

มีแรงซื้อหุ้นพลังงานกลับ หลังราคาน้ำมันโลกรีบาวด์ขึ้นจากสภาวะภูมิอากาศที่เลวร้ายในสหรัฐฯ และเลขาธิการโอเปก (OPEC) ออกมาระบุว่าจะพยายามโน้มน้าวกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันทั้งในและนอก OPEC หันมาคุยกัน เพื่อร่วมกันลดกำลังการผลิต ทำให้มีการคาดหวังว่าราคาน้ำมันจะพยุงตัวขึ้นมาได้ และมีความคาดหวังต่อผลประกอบการบริษัทด้านพลังงานในต่างประเทศฟื้นตัว

ขณะที่หุ้นกลุ่ม ปตท.มีแรงซื้อคืนดันราคาขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งหุ้น SCC ที่ประกาศงบปี 58 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ และยังคงประกาศจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลัง ในอัตราหุ้นละ 8.50 บาท โดย SCC ปี 58 กำไรสุทธิโต 35% จากปีก่อน

บล.โนมูระ พัฒนสิน ประเมินทิศทางตลาดระยะสั้นคาดหุ้นไทยมีโอกาสบวกต่อ แต่ต้องระวังแรงขายทำกำไร ในจังหวะที่ดัชนีขึ้นไปทดสอบแนวต้าน ที่ระดับ 1,290 จุด

ขณะที่ต้องติดตามผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 4 ปี 58

กลุ่ม Real sectors ที่จะทยอยประกาศออกมา ซึ่งจะมีผลต่อหุ้นรายกลุ่มรายตัว

แนะกลยุทธ์การลงทุน แนะเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่างบไตรมาส 4 จะออกมาดี เชียร์หุ้น RS-SPA-KAMART-CI-QTC โดยให้รอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวในหุ้น SCC และซื้อเล่นรอบหุ้นในกลุ่มพลังงาน อาทิ PTT-PTTGC

บล.เออีซีมองหุ้นไทยยังอยู่ในภาวะผันผวนสูง ตามปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศที่นักลงทุนยังคงต้องติดตามทั้งผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และความหวังที่กลุ่มโอเปกและประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกอาจจะร่วมมือกันปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อแก้ปัญหา Oversupply

กลยุทธ์ลงทุนเน้นหุ้น Big Cap ที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายของการฟื้นตัว ได้แก่ หุ้นสื่อสาร แนะนำ ADVANC–DTAC และ TRUE หุ้นแบงก์แนะ KBANK–SCB–TCAP และ TMB หุ้นพลังงานและสาธารณูปโภค PTTEP–PTT–TOP แต่หุ้น Small Cap ที่น่าสนใจ คือ TPIPL, IRPC, CKP

กลุ่มอาหารชอบ CPF-TU และหุ้น Small Cap ที่น่าสนใจคือ GFPT!!

อินเด็กซ์ 51

ขึ้นขาย–ลงซื้อ!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/568592

โดย อินเด็กซ์ 51 27 ม.ค. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 26 ม.ค.59 ปิดที่ 1,268.07 จุด เพิ่มขึ้น 0.37 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 30,767.18 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 285.08 ล้านบาท

บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) มองหุ้นไทยดีกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปิดแดนลบ โดยปัจจัยหลักที่กระทบต่อการลงทุนทั่วโลกยังคงเป็นราคาน้ำมันโลกที่ผันผวนสูง และอยู่ในทิศทางขาลง ท่ามกลางความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่เป็นแรงกดดันต่อการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน รวมทั้งเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว

ทั้งนี้ ต้องติดตามมาตรการต่างๆ เพื่อลดความผันผวนของตลาดหุ้นจีน แม้ทางการจีนจะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ แต่หุ้นจีนยังปรับตัวลงหนัก ขณะเดียวกันต้องติดตามการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ถึงมุมมองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยเฟด

ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 4 ปี 58 กลุ่มแบงก์ออกมากำไรโตลดลงตามคาด ส่วนกลุ่มพลังงานคาดว่าจะยังไม่ดีนัก หลังจากราคาน้ำมันโลกยังปรับตัวลงต่อเนื่อง

ประเมินทิศทางตลาดระยะสั้น คาดหุ้นไทยแกว่งผันผวนต่อตามปัจจัยและสถานการณ์ต่างประเทศ แนะกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ เน้นขายทำกำไรในจังหวะที่ดัชนีดีดตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านหลัก 1,290 จุด โดยให้เก็งกำไรระยะสั้นในกรอบแนวรับแนวต้านช่วง 1,250-1,290 จุดได้ ในลักษณะขึ้นขาย-ลงซื้อ หากดัชนียังไม่หลุดแนวรับสำคัญที่ 1,250 จุด

ปิดท้าย “กฤติยา วีรบุรุษ” ประธานธุรกิจตลาดทุน กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคิน บล.ภัทร ประเมินดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,350 จุด อิง P/E 13 เท่า มองหุ้นไทยปีนี้ผันผวนจากปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ แต่ครึ่งปีหลังดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นจากแนวโน้มราคาน้ำมันปลายปีมีโอกาสรีบาวน์ขึ้นไปแตะ 50 เหรียญต่อบาร์เรล จากปัจจุบันที่ 25 เหรียญต่อบาร์เรล การปรับขึ้นของราคาน้ำมันจะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อการปรับขึ้นของหุ้นไทย แต่เตือนนักลงทุนให้ใช้ความระมัดระวังกับการลงทุนในหุ้นพลังงาน สื่อสาร แบงก์และอุตสาหกรรมการผลิต

สำหรับพอร์ตลงทุนของบริษัทปัจจุบันอยู่ที่ 8,000 ล้านบาท ตั้งเป้า 3 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 61 พอร์ตลงทุนจะแตะ 1.7 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในประเทศ 80-90% ที่เหลือเป็นการลงทุนต่างประเทศ

นอกจากนี้ เตรียมตั้งเฮจด์ฟันด์กองที่ 2 มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท หลังตั้งกองแรกไปแล้วเมื่อปี 58 โดยเน้นลงทุนหุ้นในประเทศและเอเชีย ยกเว้นญี่ปุ่น หวังผลตอบแทน 6–7%!!

อินเด็กซ์ 51

JAS เด้ง!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/567974

โดย อินเด็กซ์ 51 26 ม.ค. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 25 ม.ค.59 ปิดที่ 1,267.70 จุด ลดลง 0.33 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 43,900.58 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 95.82 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 222 บาท บวก 4 บาท, JAS ปิด 3.10 บาท บวก 0.10 บาท, PTTEP ปิด 50.50 บาท บวก 2.25 บาท, ADVANC ปิด 155 บาท ลบ 4 บาท และ KBANK ปิด 157.50 บาท ลบ 5.50 บาท

ตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวนตามทิศทางตลาดต่างประเทศ และราคาน้ำมันโลกที่ยังคงผันผวนสูง ขณะที่นักลงทุนเลือกเล่นหุ้นรายกลุ่มรายตัวตามข่าวที่เข้ามากระทบโดยมีแรงซื้อหุ้นพลังงานคืนต่อเนื่อง

ขณะที่ราคาหุ้น JAS ปรับตัวขึ้นแรงท่ามกลางมูลค่าซื้อขายหนาแน่นหลังประกาศกำไรสุทธิปี 58 ที่ 15,710 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 57 ที่มีกำไรสุทธิ 3,271 ล้านบาท เนื่องจากปี 58 มีกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนสุทธิ 13,218 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรจากการดำเนินงาน 2,919 ล้านบาท พร้อมกันนี้บอร์ด บริษัทอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลดำเนินงานปี 58 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,140 ล้านบาท โดยเป็นการจ่ายจากกำไรสะสม

ขณะที่ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ประเมินตลาดภาพรวม ระยะสั้นยังผันผวนต่อ มองผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 4 ปี 58 ที่จะทยอยออกมา ไม่โดดเด่น แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวดีขึ้นในปีนี้ จากโครงการลงทุนภาครัฐ การท่องเที่ยว การบริโภคฟื้นตัวดีขึ้น แนะกลยุทธ์ลงทุนเก็งกำไรระยะสั้นหุ้นรับเหมาฯ แบงก์-วัสดุก่อสร้าง และให้หลีกเลี่ยงหุ้นพลังงาน-สื่อสารที่ยังมีความ ผันผวนสูง ด้านเทคนิคให้แนวรับ 1,255-1,250 จุด ส่วนแนวต้าน 1,280 จุด

ปิดท้ายตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) ร่วมกับสถาบันบัณฑิต บริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันแผนธุรกิจภาคภาษาอังกฤษ The mai Bangkok Business Challenge®@ Sasin 2016 ชิงถ้วยรางวัลพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่ง จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 14 ภายใต้แนวคิด “การบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความสำเร็จเพื่อธุรกิจที่ยั่งยืน” ระหว่างวันที่ 11-13 ก.พ.นี้

ทั้งนี้ The mai Bangkok Business Challenge® @ Sasin มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนแนวคิดความเป็นผู้ประกอบการให้กับนิสิตนักศึกษาระดับปริญญาโท มุ่งหวังให้เกิดการเรียนรู้ การทำงาน การสร้าง ความสัมพันธ์ระหว่างนิสิตนักศึกษาในระดับนานาชาติ เปิดโอกาสให้พบปะกับนักลงทุนเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเริ่มต้นทำธุรกิจเพื่อการลงทุนอย่างแท้จริงในอนาคต และมุ่งหวังให้ธุรกิจนั้นมีการเติบโตอย่างยั่งยืน

ปีนี้มีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมแข่งขันรอบคัดเลือกจากมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก 48 ทีม จาก 17 ประเทศ 5 ทวีปทั่วโลก!!

อินเด็กซ์ 51

พลังงาน–แบงก์เด้ง!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/566772

โดย อินเด็กซ์ 51 23 ม.ค. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 22 ม.ค.59 ปิดที่ 1,268.03 จุด บวก 22.42 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 43,474.45 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 832.26 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด PTT ปิด 218 บาท บวก 14 บาท, KBANK ปิด 163 บาท บวก 0.50 บาท, KTB 17.50 บาท บวก 0.70 บาท, SCB ปิด 119.50 บาท บวก 4.50 บาท, ADVANC ปิด 159 บาท บวก 1.50 บาท

หุ้นไทยพลิกกลับมาบวกแรง จากราคาน้ำมันโลกในตลาดซื้อขายล่วงหน้า (Zoil future) พุ่งแรง 10% ส่งผลให้ Dowjones futureบวกตาม และตลาดหุ้นยุโรปเปิดตลาดในแดนบวก โดยหุ้นในกลุ่ม ปตท.ปรับตัวโดดเด่น ขณะที่ยังมีแรงซื้อหุ้นปันผล โดยเฉพาะสื่อสารปันผลงาม อย่าง ADVANC- INTUCH รวมถึงหุ้นแบงก์ที่เริ่มมีแรงซื้อกลับคืนมาดันราคาเช่นกัน

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ประเมินราคาน้ำมันที่รีบาวน์แรง จากแรงซื้อกลับรวมถึงการ Cover short บางส่วน แต่มองแนวโน้มราคาน้ำมันยังเป็นขาลง เพราะยังเผชิญแรงกดดันทั้งภาวะอุปทานส่วนเกิน ขณะที่อุปสงค์อ่อนตัวลง

ประเมินตลาดสัปดาห์หน้า คาดหุ้นไทยบวกต่อ หลังดัชนียืนเหนือแนวรับสำคัญที่ 1,240 จุดได้แข็งแกร่ง จึงมีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,280 จุด และ 1,300 จุดตามลำดับ แต่ยังมองการรีบาวน์ของดัชนีรอบนี้ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากบรรยากาศการลงทุนยังถูกแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และความอ่อนแอของเศรษฐกิจจีน

กลยุทธ์การลงทุน แนะเก็งกำไรหุ้นรายตัว โดยเล่นรอบระยะสั้น มองดัชนีมีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 1,280 จุด หากผ่านไปได้จะขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1,300 จุด ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 1,245 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,265-1,270 จุด

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า นอกจากปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันที่ดีดกลับแรงหนุนหุ้นพลังงานแล้ว ยังได้ Sentiment เชิงบวกจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ประกาศว่าพร้อมจะผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุมครั้งถัดไปเดือน มี.ค.นี้ ซึ่งอาจเป็นการเพิ่มวงเงินมาตรการ QE

ขณะที่มองว่าหุ้นกลุ่มแบงก์ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หลังผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 58 ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ โดยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ จึงคาดว่าผลประกอบการกลุ่มแบงก์ปีนี้จะปรับตัวดีขึ้น Outperform ตลาด ทำให้แรงขายชะลอตัวลง และนักลงทุนเริ่มกลับมาซื้อบ้างแล้ว

มองสัปดาห์หน้าหุ้นไทยบวกต่อ แต่ค่อนข้างจำกัดไม่น่าทะลุแนวต้านที่ 1,300 จุดได้ กลยุทธ์ลงทุนแนะเก็งกำไรหรือทยอยซื้อสะสมหุ้นแบงก์และเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่างบไตรมาส 4 ปี 58 จะออกมาดี!!

อินเด็กซ์ 51

ผันผวนหนัก!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/566248

โดย อินเด็กซ์ 51 22 ม.ค. 2559 05:01

 

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 21 ม.ค.59 ปิดที่ 1,245.61 จุด ลดลง 3.37 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 41,498.67 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 506.27 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด ADVANC ปิด 157.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง, KBANK ปิด 162.50 บาท บวก 2.50 บาท, PTT ปิด 204 บาท บวก 4 บาท, SCC ปิด 402 บาท ลบ 6 บาท และ JAS ปิด 2.90 บาท ลบ 0.10 บาท

บล.บัวหลวง เผยดัชนีหุ้นไทยผันผวนหนักหลังบวกแรงกว่า 10 จุด พลิกกลับมาปิดลบ ซึ่งเป็นไปตามทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกโดนแรงกดดันจากหลายปัจจัยที่ขัดแย้งและไม่สมดุลกัน

ทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และวิกฤติค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลง กระทบไปถึงตลาดหุ้นและค่าเงินดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งผูกค่าเงินกับดอลลาร์สหรัฐฯ (ที่แข็งค่า) แต่อิงเศรษฐกิจกับจีน

ท่ามกลางราคาน้ำมันโลกที่ร่วงแรงทำนิวโลว์จนหลุดต่ำกว่า 30 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เกิดความกังวลว่าจะเกิดวิกฤติหนี้ จากตราสารอนุพันธ์ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจน้ำมัน!!

ประเมินตลาดระยะสั้น ยังผันผวนสูง มีโอกาสทิ้งตัวลงแรงและดีดตัวขึ้นได้ทั้ง 2 ทาง ขึ้นกับข่าวและทิศทางปัจจัยต่างประเทศที่เข้ามากระทบ ด้านเทคนิคให้แนวรับ 1,230-1,220 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,270 จุด

แนะกลยุทธ์ลงทุน เก็งกำไรหุ้นที่ไม่อิงแรงกดดันจากตลาดหุ้นต่างประเทศ เช่น กลุ่มอาหารที่ได้ประโยชน์ช่วงเทศกาลตรุษจีน กลุ่มพลังงานทดแทนที่สัปดาห์หน้าจะจับสลากโซลาร์สหกรณ์

ปิดท้าย มีข่าว “สุภกิจ จิระประดิษฐกุล” รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เผยว่า ตลาดฯ ร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต. เพิ่มประสิทธิภาพการจดทะเบียน หลักทรัพย์ทุกประเภททั้งหุ้นสามัญของ บจ. ใหม่ (IPO) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และกองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF) ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Digital IPO) เพื่อยกระดับมาตรฐานระบบงานให้มีความทันสมัยก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอลเต็มรูปแบบ พร้อมเริ่มใช้งานตั้งแต่ 25 ม.ค.นี้ เป็นต้นไป

โดยผู้ออกหลักทรัพย์สามารถยื่นคำขออนุญาตและเสนอขายหลักทรัพย์ต่อ ก.ล.ต. รวมถึงการยื่นคำขอให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับหลักทรัพย์เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนผ่านระบบดิจิตอลในรูปแบบ one stop services

ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจดทะเบียนหลักทรัพย์และเป็นการยกระดับการรับหลักทรัพย์สู่มาตรฐานสากล รวมทั้งลดภาระ บจ.
ด้านงานเอกสาร!!

อินเด็กซ์ 51