ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05090150159&srcday=2016-01-15&search=no
| วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 28 ฉบับที่ 615 |
เยาวชนนักประดิษฐ์
ธนสิทธิ์ เหล่าประเสริฐ
นักประดิษฐ์รุ่นจิ๋ว สาธิตจุฬาฯ สุดเจ๋ง คว้ารางวัลสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ เกาหลีสนใจสั่งซื้อ
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เผยความสำเร็จของวงการนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ไทย เมื่อนักประดิษฐ์ไทย ที่เข้าร่วมแสดงนิทรรศการและประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์และผลงานวิจัย ในงาน Seoul International Invention Fair (SIIF 2015) จัดโดย องค์กรส่งเสริมด้านการประดิษฐ์คิดค้นของสาธารณรัฐเกาหลี (Korea Invention Promotion Association : KIPA) จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 26-29 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีผลงานสิ่งประดิษฐ์และผลงานวิจัย จำนวนมากกว่า 1,000 ผลงาน จาก 33 ประเทศ เข้าร่วม
ทั้งนี้ วช. ส่งผลงานของนักประดิษฐ์ นักวิจัยไทย จำนวน 32 ผลงาน จาก 13 หน่วยงาน เข้าร่วมประกวดและนำเสนอ และได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย แต่ที่น่าภูมิใจมากไปกว่านั้น เมื่อสิ่งประดิษฐ์ผลงานของนักประดิษฐ์รุ่นจิ๋วจาก โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถม จำนวน 6 ผลงาน ซึ่งเข้าร่วมเป็นครั้งแรก สามารถคว้ารางวัลเกียรติยศและได้รับความสนใจจากภาคธุรกิจประเทศเกาหลีใต้ทาบทามสั่งซื้อสิ่งประดิษฐ์ฝีมือเด็กนักเรียนไทย
โดย 6 ผลงาน สิ่งประดิษฐ์ฝีมือเด็กไทยระดับประถมศึกษา จากโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถม ที่ได้รับการสนับสนุน จาก วช. ให้เข้าร่วมแสดงนิทรรศการและประกวดสิ่งประดิษฐ์ในงาน SIIF 2015 ครั้งนี้ ซึ่งทั้งหมดได้รับรางวัลต่างๆ ได้แก่ แปรงลบกระดานไร้ฝุ่นเพื่อสุขภาพ ได้รับรางวัลเหรียญทอง และ Special Prize จากประเทศไต้หวัน, อุปกรณ์เสริมการนอนหลับแสนสบายเป่าลมได้แบบพกพา ได้รับรางวัลเหรียญทอง และ Special Prize (Gold) จากสาธารณรัฐโปแลนด์, ตะขอช่วยเกี่ยวราวรถเพื่อพยุงตัวขณะยืนสำหรับเด็ก ได้รับรางวัลเหรียญทอง และ Special Prize จากประเทศรัสเซีย, ถังขยะสำหรับแก้วพลาสติกใช้แล้วแยกน้ำได้ ได้รับรางวัลเหรียญเงิน, รองเท้า ทู อิน วัน : ปรับส้นได้ ได้รับรางวัลเหรียญเงิน และ Special Prize จากสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ และเครื่องขัดเท้ากึ่งอัตโนมัติ รับรางวัลเหรียญทองแดง
อุปกรณ์เสริมการนอนหลับแสนสบายเป่าลมได้แบบพกพา หรือ HAPPY PILLOW เป็นผลงานของ เด็กหญิงชนิดาภา เหลืองเลิศไพบูลย์ เด็กหญิงจิณห์จุฑา เหลืองเลิศไพบูลย์ เด็กหญิงอาจรีย์ รัตนแสงเสถียร เล่าถึงแรงบันดาลใจในการคิดสิ่งประดิษฐ์สุดฮิปนี้ว่า หมอนรองคอที่ใช้ในการเดินทางที่เห็นอยู่ทั่วไป จะมีลักษณะเป็นรูป ตัว U ความหนาไม่มาก ทำให้เวลาสวมคอแล้วเวลาหลับคอจะเอียง ทำให้เกิดอาการปวดคอได้ หรือบางครั้งคอตกก้มหน้าโดยไม่รู้ตัว แทนที่จะหลับสบายระหว่างการเดินทาง ทำให้ต้องขยับตัวตลอดเวลา
จึงนำมาปรับให้มีขนาดที่รองรับกับศีรษะได้พอดี มีรูปแบบคล้ายหมอนประคองศีรษะกู้ชีพ ที่เมื่อเป่าลมเข้าเต็มที่ จะประคองศีรษะได้ทั้งหมด มีความหนานุ่มมากพอ ทำให้ศีรษะไม่เอียงซ้ายหรือขวา และมีสายรัดใต้คางป้องกันการก้มหน้า แถมด้วยฟังก์ชั่นพิเศษคือ ผ้าปิดตา ซึ่งทั้งหมดเมื่อปล่อยลมออก สามารถพับให้มีขนาดเล็กพกพาสะดวก
โดยผลงานสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน นับตั้งแต่การออกแบบ การพัฒนาชิ้นงานต้นแบบ จนได้รูปลักษณ์ที่เห็นในปัจจุบัน แต่ก็จะมีการพัฒนาต่อสำหรับคนที่ชอบฟังเพลง โดยจะมีช่องเสียบอุปกรณ์เชื่อมต่อและหูฟังในตัว
ส่วน ตะขอช่วยเกี่ยวราวรถเพื่อพยุงตัวขณะยืนสำหรับเด็ก เป็นผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อช่วยแก้ปัญหาที่เด็กๆ จะต้องเจอเวลาโดยสารรถสาธารณะและไม่มีที่นั่ง อย่าง เด็กหญิงปติญธร คุ้มเมธา เด็กชายเอกชล ประสพผล เด็กหญิงอภิสรา แซ่ฉั่ว โดยเด็กๆ บอกว่า ในเวลาที่รถโดยสารสาธารณะทั้งหลายมีผู้ใช้บริการแน่นหนา จะหาที่ยึดเกาะได้ยาก ยิ่งการโหนราวด้านบนยิ่งทำได้ยาก พวกเขาจึงมองหาอุปกรณ์ที่จะช่วยให้เขาโหนรถเมล์หรือรถไฟฟ้าได้สะดวก
โดยมีอุปกรณ์สำคัญ ได้แก่ ส่วนที่เป็นตะขอเกี่ยว และด้ามจับสามารถยืดหดได้ และห่วงคล้องมือ ซึ่งตะขอเกี่ยวนั้นได้พัฒนาจากรูปแบบ ตัวอักษร A มาเป็น C ส่วนโค้งด้านในติดแผ่นยางกันลื่นเพื่อเพิ่มการยึดเกาะ โดยเปลี่ยนวัสดุจากไม้มาเป็นพลาสติกที่มีความหนา แต่มีน้ำหนักเบา ด้ามจับยืดหดที่ได้มาจากไม้เซลฟี่ปลายด้ามสวมปลอกยางและมีห่วงไม้คล้องมือกันลื่น ง่ายต่อการพกพา และทำให้พวกเขาสามารถโดยสารรถสาธารณะได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งผลงานที่น่าสนใจ รองเท้า ทู อิน วัน : ปรับส้นได้ ผลงานของ เด็กหญิงมินท์มันตา ล้อวิชช์วรวัชร เด็กหญิงปาลิดา รงคพิชญ์ เด็กหญิงจิดาภา ซื่อดำรง เกิดจากความใส่ใจสุขภาพเท้าของคุณแม่ที่ชอบใส่ส้นสูง และยังช่วยให้คนที่อยากสูงสามารถเพิ่มความสูงได้ง่ายๆ เพียงแค่ทำให้ส้นสามารถพับเก็บได้ โดยต้นแบบของส้นเริ่มแรกใช้วิธียืดหดเพียงอย่างเดียว แต่ไม่มีความคงทนและปลอดภัย เมื่อลงน้ำหนักมากๆ ส้นก็หดกลับเอง จึงได้เปลี่ยนมาใช้วิธีการพับเก็บเมื่อต้องการให้เป็นรองเท้าส้นเตี้ย และดึงออกมาเมื่อต้องการให้เป็นส้นสูง
แต่ยังต้องมีการพัฒนาต่อไป เพราะขณะนี้รองรับน้ำหนักได้เพียง 30 กิโลกรัม ซึ่งถ้าต้องการให้คุณแม่หรือพี่ๆ ที่เป็นผู้ใหญ่ใส่ได้ จะต้องพัฒนารูปทรง รวมถึงวัสดุที่ใช้เพื่อให้รองรับน้ำหนักตัวได้มากกว่านี้
อาจารย์จีระศักดิ์ จิตรโรจนรักษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายหลักสูตรและการสอน โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถม กล่าวว่า ผลงานสิ่งประดิษฐ์ทั้ง 6 ชิ้น เป็นผลงานของเด็กนักเรียนในระดับประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เข้าร่วมโครงการสร้างสรรค์นวัตกรรมสู่เวทีประกวดนานาชาติ ของโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ฝ่ายประถม ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นปีแรก ด้วยเล็งเห็นว่าเด็กไทยมีศักยภาพในด้านความคิดสร้างสรรค์นวัตกรรม เพียงแต่ขาดการสนับสนุน ขาดโอกาสที่เขาจะแสดงออก เราจึงจัดโครงการนี้ขึ้นและเปิดรับนักเรียน ชั้น ป. 4 – ป. 5 เข้าร่วมโครงการตามความสมัครใจ โดยให้เขารวมกลุ่มกันนำเสนอผลงานสิ่งประดิษฐ์ที่เป็นตัวหนังสือ ให้เขาสร้างผลงานต้นแบบจากวัสดุใกล้ตัว และมีอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการคอยให้คำชี้แนะ ผ่านกระบวนการคิด แก้ไขปัญหา พัฒนา จนสามารถนำเสนอสิ่งประดิษฐ์ตัวจริงได้
“ต้องขอขอบคุณ วช. ที่เปิดโอกาสและสนับสนุนเด็กๆ กลุ่มนี้ให้มีโอกาสได้ไปแสดงผลงานในเวทีนานาชาติ จนได้รับรางวัลและเสียงชื่นชมกลับมา โดยเฉพาะ 2 ผลงานเด่น HAPPY PILLOW มีบริษัททัวร์ต่างประเทศที่เข้าชมงานสนใจจะสั่งทำเพื่อแจกให้ลูกค้าใช้ขณะเดินทางท่องเที่ยว และตะขอช่วยพยุงขณะยืนในรถโดยสาร ได้รับความสนใจจากภาคธุรกิจของเกาหลีใต้ ที่ต้องการให้เราผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศของเขา เพราะบ้านเขาใช้บริการรถสาธารณะกันมาก และไม่ใช่ใช้ได้แต่เด็ก ยังรวมถึงผู้ใหญ่ก็สามารถใช้ได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาในข้อตกลง แต่ทั้งนี้สิ่งที่เราต้องเร่งทำคือ การจดสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ให้กับเด็กๆ ก่อน และพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ให้มีความสะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น และจากความสำเร็จครั้งนี้ ทำให้โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ฝ่ายประถม ยังจะดำเนินโครงการนี้ต่อไป เพื่อช่วยสร้างนักประดิษฐ์นวัตกรรมรุ่นใหม่ให้กับประเทศ” อาจารย์จีระศักดิ์ กล่าว
ด้าน นางสาวสุกัญญา ธีระกูรณ์เลิศ รองเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า จากผลงานของเด็กๆ โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ ฝ่ายประถม ทำให้เราเชื่อมั่นว่า วช. เดินมาถูกทางแล้วสำหรับการวางรากฐานในการสร้างบุคลากรที่จะมาเป็นนักประดิษฐ์ ที่เราจะต้องเริ่มปลูกฝังตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยการเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้มีพื้นที่แสดงออกถึงจินตนาการ ซึ่งบางครั้งผู้ใหญ่อาจมองข้ามว่าเป็นไปไม่ได้ แต่เด็กๆ กลุ่มนี้ทำให้เห็นแล้วว่า จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ จะนำไปสู่นวัตกรรมใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน สังคม และประเทศชาติได้อย่างไร ไม่เพียงแค่ได้คำชื่นชมจากนักประดิษฐ์นานาชาติ พวกเขายังได้รับรางวัล ที่สำคัญเป็นการก้าวกระโดดอย่างมากที่สิ่งประดิษฐ์ของพวกเขาได้รับความสนใจจากนานาชาติที่จะนำไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์อีกด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญว่า ทำไม วช. จึงต้องทำให้เกิดการลงนามบันทึกความร่วมมือ โครงการ “Research for Community วิจัยเพื่อชุมชนสังคม” กับสถาบันการศึกษา
เมื่อเด็กไทยมีความสามารถมากขนาดนี้ เราต้องร่วมชื่นชม สนับสนุน และส่งเสริมให้พวกเขาก้าวต่อไป ไปชมผลงานของจริง ของเด็กไทยคนเก่งเหล่านี้ได้ ในงาน “วันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2559” ระหว่าง วันที่ 2-6 กุมภาพันธ์ 2559 ณ อีเว้นท์ ฮอลล์ 102-103 ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา กรุงเทพฯ ซึ่ง วช. ได้คัดสรรผลงานสิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรม เทคโนโลยี และผลงานวิจัย โดยฝีมือคนไทย ที่ตอบสนองความต้องการต่อประชาชน สังคม และประเทศชาติ ซึ่งไม่เฉพาะแต่ผู้ใหญ่ นักวิจัย นักการศึกษา แม้แต่เด็กนักเรียนชั้นประถมก็ไปชมกันได้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเองในการก้าวสู่เป็น “นักประดิษฐ์” ที่แท้จริง
ผู้สนใจเข้าชมงานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://inventors.nrct.go.th และ/หรือ http://rrm.nrct.go.th