เดินหน้าสร้างความเกื้อหนุนระหว่างวัด-ชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/dhamma/676524

วันที่ 24 ก.พ. 2565 เวลา 15:25 น.เดินหน้าสร้างความเกื้อหนุนระหว่างวัด-ชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน

สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมลงนามความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืนหนุนเสริมชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ให้เป็นสถาบันหลักในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความสุข

เมื่อวันที่ 24 ก.พ. เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และ ดร.สุรินทร์ คำฝอย รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายแผนงาน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน โดยมี พระธรรมวชิรโมลี เจ้าอาวาสวัดยานนาวา รองประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศของมหาเถรสมาคม พระเทพวชิรโมลี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯ พระปัญญาวชิรโมลี เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย พระพิพัฒน์วชิโรภาส ผู้อำนวยการศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่วังอ้อ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงมหาดไทย พระเถรานุเถระ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมในพิธี ณ ที่พระอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร 

เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กล่าวว่า เป็นนิมิตมงคลที่ดีอย่างสำคัญยิ่งที่หน่วยงานภาคีเครือข่ายได้ตั้งกุศลและเจตนาในการที่จะสนองงานภารกิจของคณะสงฆ์ ในฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม โดยกระทรวงมหาดไทย ถือว่าเป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลบำบัดทุกข์ บำรุงสุขของประชาชนในประเทศ พร้อมหน่วยงานเกี่ยวข้องมาร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน และเป็นสักขีพยาน ซึ่งพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ ทรงให้ความสำคัญและอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาตลอดมา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปณิธานอันแน่วแน่ในการทรงงานเพื่อสืบสาน รักษา และต่อยอด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและแนวพระราชดำริต่าง ๆ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อความอยู่ดีมีสุขของประชาชน สร้างความมั่นคงและความวัฒนาสถาพรให้กับประเทศชาติ

ทั้งนี้ ฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ได้ขับเคลื่อนงานปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ด้วยการดำเนินโครงการยุทธศาสตร์ 2 โครงการ คือ โครงการส่งเสริมความร่วมมือภาคีเครือข่าย และโครงการสาธารณสงเคราะห์เพื่อสังคมที่ยั่งยืน ตามหลักการดำเนินการ 4 ประการ คือ 1.สงเคราะห์ 2.เกื้อกูล 3.พัฒนา และ 4.บูรณาการ โดยเจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเมตตาประทานคติธรรม ในการประชุมสัมมนาขับเคลื่อนงานฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ตามแผนปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา จากนโยบายสู่การปฏิบัติงานระดับจังหวัด ความตอนหนึ่งว่า “บุคคลพึงบำเพ็ญกรณียกิจเพื่อเกื้อกูลกันและกัน ด้วยการละคลายความเป็นตัวตนให้มากที่สุด ให้สมดังพุทธศาสนีที่ว่า “ภูตํ เสสํ ทยิตพฺพํ” แปลความว่า เมื่อยังมีชีวิตอยู่ควรเกื้อกูลกัน”

“ในการลงนาม MOU ร่วมกันในวันนี้เป็นการประสานพลังความร่วมมือเพื่อสนับสนุนส่งเสริมบทบาทหน้าที่ซึ่งกันและกัน โดยใช้หลักแห่งความเมตตาธรรม คือความหวังดี ความปรารถนาดีต่อกัน ในการจะอนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกันบรรเทาทุกข์ ทั้งในส่วนของวิชาการและพัฒนา เพื่อก่อให้เกิดทิฏฐธัมมิกัตถะประโยชน์ อันหมายถึงประโยชน์ในปัจจุบัน ประกอบด้วย 1) อุฏฐานสัมปทา คือ ความถึงพร้อมในการขยันหา ทั้งในความรู้และการทำหน้าที่ 2) อารักขสัมปทา มีความพร้อมในการรักษาสิ่งต่าง ๆ ที่ได้มาโดยถูกวิธี รู้จักประหยัด รู้จักเก็บ อดออม 3) กัลยาณมิตตตา รู้จักคบคนดีเป็นมิตร 4) สมชีวิตา ประกอบสัมมาอาชีพ เลี้ยงชีวิตให้เหมาะสมกับฐานะ โดยอาศัยหลักคำสอนในทางพระพุทธศาสนาเป็นต้นทาง สร้างสังคมชุมชนให้เอื้อต่อการพัฒนา ทั้งนี้ เพื่อต่อยอดและสืบสานพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงประกาศเป็นปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎร” ตลอดไป เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กล่าวในช่วงท้าย

ด้าน นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อให้คณะสงฆ์ซึ่งเป็นฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ได้หนุนเสริมความหวังของประเทศชาติ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้เป็นสถาบันหลักในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความสุข ตลอดจนพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็งตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง นับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน วัดและพระสงฆ์ได้ดำเนินงานด้านสาธารณะสงเคราะห์ คือ เป็นครู คลัง ช่าง หมอ ด้วยการอบรมสั่งสอน เป็นคลังอาหาร สรรพวิทยาการ โดยพระสงฆ์ที่มีความสามารถทางด้านงานช่าง และวัดเป็นศูนย์กลางของความรู้ทางด้านยาสมุนไพร แพทย์ทางเลือก ดังเช่นที่วัดพระเชตุพนฯแห่งนี้ โดยที่จะนำองค์ความรู้นวัตกรรมของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มาเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการหนุนเกื้อนำมาใช้นำแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในหลากหลายมิติ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นการดำเนินการที่เป็นภารกิจหลักของกระทรวงมหาดไทยในการหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข และพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ซึ่งกระทรวงมหาดไทยพร้อมที่จะขับเคลื่อนและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนอย่างยั่งยืน

“กระทรวงมหาดไทยและสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ตลอดจนภาคีเครือข่ายทั้งข้าราชการฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครต่าง ๆ และภาคประชาชนในทุกจังหวัด จะได้ร่วมกันขับเคลื่อน สิ่งที่เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ และคณะสงฆ์ ได้ตั้งใจในการที่จะบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนอย่างเต็มสติกำลัง ร่วมแรง ร่วมใจ สานพลังร่วมกันระหว่างภาครัฐ วัด และชุมชน เพื่อเกื้อหนุนส่งเสริมให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเอง และสามารถปรับตัวได้ต่อบริบทความเปลี่ยนแปลงท่ามกลางภาวะวิกฤตในปัจจุบัน ด้วยการน้อมนำเอาแนวพระราชดำริและพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นหลักในการทำงาน ซึ่งความเข้มแข็งของชุมชนจากภายในนี้ จะเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่จะขยายผลไปสู่การพัฒนาสังคมไทยและสังคมโลกด้วยความเมตตาของพระเดชพระคุณคณะสงฆ์ต่อไปอย่างยั่งยืน” นายสุทธิพงษ์กล่าว

โปรดเกล้าฯพระราชทานราชทินนามพระราชาคณะเจ้าคณะรอง 3 รูป

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/dhamma/675245

วันที่ 09 ก.พ. 2565 เวลา 20:41 น.โปรดเกล้าฯพระราชทานราชทินนามพระราชาคณะเจ้าคณะรอง  3 รูป

เว็บไซต์ราชกิจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศโปรดเกล้าฯพระราชทานราชทินนามพระราชาคณะเจ้าคณะรอง 3 รูป พระพรหมวชิรปัญญาจารย์ วัดราชโอรสารามฯ พระพรหมวชิรเจดีย์ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุฯ และ พระพรหมวชิรเจดีย์ วัดสุทัศนฯ

เมื่อวันที่ 9 ก.พ. เว็บไซต์ราชกิจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศพระราชทานราชทินนาม ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดพระราชทานราชทินนามพระราชาคณะเจ้าคณะรอง จำนวน 3 รูป ดังนี้

พระมหาโพธิวงศาจารย์ มีราชทินนามว่า พระพรหมวชิรปัญญาจารย์ ปริยัติกิจ วิธานปรีชา ศีลาจารวิมล โสภณธรรมานุสิฐ ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสีสถิต ณ วัดราชโอรสาราม ราชวรวิหาร พระอารามหลวง กรุงเทพมหานคร

พระพุทธิวงศมุนี มีราชทินนามว่า พระพรหมวชิรเจดีย์ ศรีพุทธศาสตรโกศล วิมลพุทธชินราชธำรงวิศิษฎ์ พิพิธศาสนกิจจาทร ตรีปิฎกวราลงกรณ์ มหาคณิสสร บวรสังฆารามคามวาสี สถิต ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร พระอารามหลวง จังหวัดพิษณุโลก

พระวิสุทธาธิบดี มีราชทินนามว่า พระพรหมวชิรมุนี ศรีธรรมสาธก ดิลกปัญญาโกศล วิมลธรรมโวทานธารี ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี สถิต ณ วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร พระอารามหลวง กรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2565

ประกาศ ณ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2565 เป็นปีที่ 7 ในรัชกาลปัจจุบัน

เกจิดังนั่งปรกอธิษฐานจิตพิธีพุทธาภิเษกเหรียญ”หลวงพ่ออ๊อด”

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/dhamma/674258

วันที่ 28 ม.ค. 2565 เวลา 18:28 น.เกจิดังนั่งปรกอธิษฐานจิตพิธีพุทธาภิเษกเหรียญ"หลวงพ่ออ๊อด"

ปทุมธานี-เกจิดังแห่งยุคนั่งปรกอธิษฐานจิต พิธีพุทธาภิเษกเหรียญมงคลบารมี 38 พ.ศ.2565 “หลวงพ่ออ๊อด”วัดสายไหมสมทบทุนสร้างอุโบสถวัดสายไหมแห่งที่ 2 พระนครศรีอยุธยา

พระครูโสภณภัทรเวทย์,ดร. (หลวงพ่ออ๊อด ปธานิโก) เจ้าอาวาสวัดสายไหม ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี จัดพิธีบวงสรวงเทวาภิเษกซึ่งเป็นพิธีกรรมทางศาสนาพราหมณ์โดยมีพราหมณ์มาบวงสรวงอัญเชิญทวยเทพเทวาทั้งหลายให้มารับรู้เป็นสักขีพยานและอำนวยอวยพร เพื่อความเป็นสิริมงคลใน พิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคล“เหรียญมงคลบารมี 38 พ.ศ.2565 ” “หลวงพ่ออ๊อด วัดสายไหม โดยมี พล.ต.ต.ชุมพล ชาญชนะโยธิน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี และประชาชนเข้าร่วมพิธี

ทั้งนี้ เวลา 15.09 น. ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เดินทางมา “เป็นประธานจุดเทียนชัยมงคล โดยมี พระเกจิภาวนาจารย์ดังแห่งยุค มาร่วม นั่งอฐิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล อาทิ พระเดชพระคุณ พระราชสุทธิธรรมาจารย์ (สำอางค์) ตานะทินโน วัดประยูรธรรมาราม เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี พระภาวณาวิสุทธิ์ธิโสภณ ( พระมหาสุรศักดิ์ อติสักโข ) เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม เจ้าอาวาสวัดประดู่ พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ (หลวงพ่ออิฏฐ์) วัดจุฬามณี จ.สมุทรสงคราม พระครูโสภณสันติคุณ (พระอาจารย์หน่อย) เจ้าอาวาสวัดหัวคุ้ง จ.พระนครศรีอยุธยา พระครูอาคมสิทธิสุนทร (วิชัย ปญฺญาทีโป) วัดสันติวิหาร จ.สระบุรี พระโสภณ พัฒนคุณ (เศรษฐีเรือทอง) เจ้าอาวาสวัดพุน้อย จ.ลพบุรี พระนันทวิริยาภรณ์ (อ่าง สิริจนฺโท ) เจ้าอาวาสวัดใหญ่สว่างอารมณ์ จ.นนทบุรี สวดพระมหานาดพิธีมหาพุทธาภิเษก โดย พระสรภาณกวี (เฉลียง จิตฺตธมฺโม) รองเจ้าคณะแขวงพระบรมมหาราชวัง ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร ในพิธีพพุทธาภิเษกเหรียญรุ่น “มงคลบารมี 38 พ.ศ.2565” ณ พระอุโบสถวัดสายไหม

เวลา 16.09 น.พระเดชพระคุณ พระราชสุทธิธรรมาจารย์ (สำอางค์) ตานะทินโน วัดประยูรธรรมาราม เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ดับเทียนชัย จากนั้น หลังเสร็จพิธีพระครูโสภณภัทรเวทย์,ดร. (หลวงพ่ออ๊อด ปธานิโก ได้แจกวัตถุมงคล“เหรียญมงคลบารมี 38 พ.ศ.2565 ” (แจกทาน) กับประชาชน ที่เข้าร่วมพิธี โดยในพิธีพุทธาภิเษก “เหรียญมงคลบารมี 38 พ.ศ.2565 ” “หลวงพ่ออ๊อด วัดสายไหม ในครั้งนี้ได้มีการจัดควบคุมตามมาตรการ Social Distancing การจัดระเบียบด้วยวัดอุณหภูมิ ติดสติ๊กเกอร์ ก่อนเข้าร่วมงานพิธีพุทธาภิเษกดังกล่าวอย่างเคร่งครัดพระครูโสภณภัทรเวทย์,ดร. (หลวงพ่ออ๊อด ปธานิโก) แห่งวัดสายไหม ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ท่านได้จัดสร้างวัตถุมงคล “เหรียญมงคลบารมี 38 พ.ศ.2565 ”เพื่อให้ญาติโยมเช่าบูชาเพื่อเป็นสิริมงคลและสมทบทุนสร้างอุโบสถ วัดสายไหมแห่งที่ 2 อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

สำหรับ ลักษณะเหรียญ เป็นพิมพ์เสมา ขนาด 4.2×2.8 เซนติเมตรด้านหน้า เป็นรูป หลวงพ่ออ๊อด ปธานิโก ครึ่งองค์ พร้อมชื่อ-ฉายา ลงคำว่า หลวงพ่ออ๊อด ปธานิโก ด้านขวาและด้านซ้าย ประดับรายล้อมด้วยศิลปะ ไทย-จีน ด้านบน ลงยันต์หัวใจพระรัตนตรัย หรือหัวใจแก้วสามดวงที่ว่า “อิ สวา สุ” ซึ่งย่อมาจาก พุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณโดยหลวงพ่ออ๊อด ท่านใช้ยันต์ตัวนี้ในการบริกรรมและปลุกเสกตะกรุดลูกปืนของท่าน โดยบริกรรมควงกัน 3 บท คือ “อิ สวา สุ สุ สวา อิ สวา สุ อิ” กลายเป็นพระคาถาคุ้มกันภัย (อิ) มาจากบทพระพุทธคุณ 56 คือ อิติปิโส (สวา) มาจากบทพระธรรมคุณ 38 คือ สวาขาโต (สุ) มาจาก บทพระสังฆคุณ 14 คือ สุปะฏิปันโน รวมกันคือ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ครบองค์แห่งพระรัตนตรัย และรวมคุณแห่งเลข ก็จะได้ 108 เท่ากับ บทอิติปิโสรัตนมาลา 108 หมายถึง อักขระอิสวาสุ นี้ได้มาจากตัวต้นของบทสรรเสริญพระพุทธคุณ (อิติปิโสฯ) พระธรรมคุณ (สวากขาโตฯ) พระสังฆคุณ (สุปะฏิบันโนฯ) นั่นเอง นับถือกันว่ามีคุณวิเศษทางคุ้มครองป้องกันภัยเป็นสิริมงคลยิ่ง ด้านล่าง มังกร เปรียบเสมือน โชคลาภ รุ่งเรือง มังกร ถือว่าเป็นสัตว์สำคัญที่สุดของชาวจีนและเป็นสัตว์ชนิดเทพที่ศักดิ์สิทธิ์ สามารถเหาะเหินเดินอากาศและแหวกน้ำดำดินได้ มังกรจึงเหมาะมากสำหรับการส่งเสริมธุรกิจการค้าให้รุ่งเรืองโดยเฉพาะสำนักงานหรือร้านค้า ช่วยเรียกโชคลาภให้มาเยือน

การนำสัญลักษณ์มังกรมาใช้จะเป็นรูปปั้น, รูปวาด ไม่ว่าจะเป็นอะไรมังกรยังเป็นตัวแทนของความแข็งแกร่ง ความตั้งใจ ความพยายาม กล้าหาญ อดทน ชาวจีนจึงถือว่า มังกร คือ จิตวิญญาณของการเปลี่ยนแปลงและฟื้นฟูให้ดีขึ้น ด้านหลัง รูปพระควัมปติทรงเครื่อง (พระปิดตา) ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในหลวงพ่ออ๊อด ที่มีต่อพระควัมปติเป็นอย่างสูง ท่านว่าปิดตา ปิดกิเลส ทั้งยังเป็นเมตตาโชคลาภมงคลดีนักแล เหรียญรุ่นนี้ ในตะกรุด ลงยันต์หัวใจธาตุทั้ง4 นะ มะ พะ ทะ เป็นคาถาที่ย่ออักษรหน้าของคาถา เพื่อง่ายต่อการท่องจำ คาถานี้เป็นคาถาสรรเสริญพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทียบกับธาตุทั้ง 4 – นะ ธาตุน้ำ มีปกติไหล คือ สายธารแห่งพระเมตตาบารมี – มะ ธาตุดิน มีความแข็งแกร่งประดุจเพชร หรือเขาศิลาล้วน คือพระขันติบารมี – พะ ธาตุไฟ มีปกติร้อน คือ ปัญญาย่อมแผดเผากิเลสให้สิ้นไป คือ พระปัญญาบารมี- ธะ ธาตุลม มีปกติไม่มีสิ่งใดขวางกั้น คือ พระทศพลญาณ พระญาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ไม่มีสิ่งใดในจักรวาลต้านทานได้

พระครูโสภณภัทรเวทย์,ดร. (หลวงพ่ออ๊อด ปธานิโก) เจ้าอาวาสวัดสายไหม จัดเป็นพระเกจิชั้นแนวหน้าของเมืองไทยในยุคปัจจุบัน ที่มีจริยาวัตรงดงามเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้าน ท่านได้สร้างผลงานไว้มากมาย มีนัยเป็นรูปธรรมโดดเด่นอยู่ในบวรพุทธศาสนา ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง ทำบุญช่วยสนับสนุนกิจการงานของสงฆ์ เผยแผ่พระพุทธศาสนา ระยะเวลาที่ผ่านมาท่านสร้างวัตถุมงคล สร้างถาวรวัตถุ เพื่อสังคมส่วนรวมทั้งทางโลกและทางธรรม โดยเฉพาะการสร้างวัตถุมงคลทรงคุณภาพ นับได้ว่าวัตถุมงคลทุกรุ่นของหลวงพ่อที่ท่านอธิษฐานจิตนั่งปรกปลุกเสก นั้นเป็นสิริมงคลแก่ผู้ครอบครอง เต็มเปี่ยมไปด้วยพุทธคุณอย่างแท้จริงหลวงพ่ออ๊อด ปธานิโก ท่านได้นำปัจจัยทุกบาททุกสตางค์ มาเพื่อทำนุบำรุงรักษาศาสนสถานอย่างแท้จริง โดยปัจจัยการสร้าง“เหรียญมงคลบารมี38 พ.ศ.2565”ทั้งหมด ท่านจะนำไปก่อสร้างอุโบสถวัดสายไหมแห่งที่ 2 จ.พระนครศรีอยุธยา หากท่านใดต้องการร่วมทำบุญสร้างวัดสายไหมแห่งที่2 สามารถติดต่อได้ที่พระอาจารย์ อ๊อด ที่วัดสายไหม อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี หรือ ร่วมสมทบทุนทำบุญได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชีวัดสายไหม สาขาคูคต เลขบัญชี 351-258550-2 เพราะงานสร้างวัดเป็นงานใหญ่ที่ยังจำเป็นต้องใช้ปัจจัยอีกเป็นจำนวนมาก ในการดำเนินการให้แล้วเสร็จ เพื่อเป็นการสืบสาน ให้พุทธศาสนาได้อยู่คู่กับพุทธศาสนิกชนตราบนานเท่านาน

พิธีใหญ่!เกจิดังร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิตพุทธาภิเษก เหรียญหลวงพ่อพัฒน์

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/dhamma/671785

วันที่ 28 ธ.ค. 2564 เวลา 20:25 น.พิธีใหญ่!เกจิดังร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิตพุทธาภิเษก เหรียญหลวงพ่อพัฒน์

ปทุมธานี- เกจิดังแห่งยุคร่วมพิธียิ่งใหญ่นั่งปรกอธิษฐานจิต พิธีพุทธาภิเษก เหรียญหลวงพ่อพัฒน์ รุ่นเลื่อนตำแหน่ง ยกฐานะและรุ่นปลอดภัย วาระที่ 2

เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ที่วัดชินวรารามวรวิหาร จ.ปทุมธานี นายพิษณุ ประภาธนานันท์ นายอำเภอเมืองปทุมธานี พร้อมด้วย นายณรงค์เวทย์ ลาภวิไล นายกเทศมนตรี ตำบลบางขะแยง นายฉัตรบดี รัตนเกื้อ ปลัดอำเภอเมืองปทุมธานี น.ส.กาญจนา สุดชารี ปลัดอำเภอเมืองปทุมธานี พร้อมคณะกรรมการจัดสร้างเหรียญหลวงพ่อพัฒน์ รุ่น เลื่อนตำแหน่ง ยกฐานะและรุ่นปลอดภัย ได้จัดพิธีบวงสรวงเทวาภิเษกซึ่งเป็นพิธีกรรมทางศาสนาพราหมณ์ โดยมีพราหมณ์มาบวงสรวงอัญเชิญทวยเทพเทวาทั้งหลายให้มารับรู้เป็นสักขีพยานและอำนวยอวยพร เพื่อความเป็นสิริมงคลใน พิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลเหรียญหลวงพ่อพัฒน์ รุ่น เลื่อนตำแหน่ง ยกฐานะและรุ่นปลอดภัย วาระที่ 2ต่อมา เวลา 14.00 น.

นายเอกวิทย์ มีเพียร รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี มาเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษก โดยมี พระครูสมุห์วัชระ ภทฺทธมฺโม (พระครูต้น) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม พ.ต.อ.นิรุธ ประสิทธิเมตต์ รอง ผบก.ส.2 พ.อ.บุญเลิศ เอมน้อย ผู้อำนวยการกองพิธีการกรมเสมียนตรา สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย นายพิษณุ ประภาธนานันท์ นายอำเภอเมืองปทุมธานี หัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน เข้าร่วมพิธี พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ และธัมมจักกัปปวัตนสูตร ประพรมน้ำพระพุธมนต์ โปรยข้าวตอกดอกไม้ พระสงฆ์สวดมหานาค 4 รูป จากวัดระฆังโฆสิตาราม ร่วมประกอบพิธีพิธีพุทธาภิเษก โดยมี พระเกจิภาวนาจารย์ดังแห่งยุค อาทิ พระธรรมรัตนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต(พระอารามหลวง) พระภาวนาวิสุทธิโสภณ (สุรศักดิ์ อติสกฺโข) เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม เจ้าอาวาสวัดประดู่พระอารามหลวง

พระมงคลวโรปการ (หลวงพ่อชำนาญ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าอาวาสวัดชินวรารามวรวิหาร พระครูสุวรณโชติวุฒิ (หลวงพ่อตี๋) เจ้าอาวาสวัดหูช้าง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี พระครูวีรญาณประยุต (หลวงพ่อทองสุข) เจ้าคณะอำเภอนาดี เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี พระครูโสภณภัทรเวทย์ (หลวงพ่ออ๊อด) เจ้าอาวาสวัดสายไหม อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พระครูสิทธิสรคุณ (หลวงพ่อแก้ว)เจ้าอาวาสวัดตะโก อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา พระครูสุนทรคุณธาดา (หลวงพ่อทองกลึง) วัดเจดีย์หอย อ.ลาดหลุดแก้ว จ.ปทุมธานี พระครูสุวัฒนวิสุทธิสารคุณ หรือพระอาจารย์เทียนชัย ชัยทีโป เจ้าอาวาสวัดเทพสรธรรมาราม (บาย ตึ๊ก เจีย) อ.เมือง จ.ปทุมธานี นั่งปรกอธิฐานจิตในพิธีพุทธาภิเษก

จากนั้นเวลา 16.09 น.พระธรรมรัตนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต(พระอารามหลวง) ดับเทียนชัย หลังเสร็จพิธี พระมงคลวโรปการ (หลวงพ่อชำนาญ) ได้แจกวัตถุมงคลเหรียญปลอดภัยให้กับข้าราชการ ประชาชน ที่เข้าร่วมพิธี โดยในพิธีพุทธาภิเษกในครั้งนี้ได้มีการจัดควบคุมตามมาตรการ Social Distancing การจัดระเบียบด้วยวัดอุณหภูมิ ติดสติ๊กเกอร์ ก่อนเข้าร่วมงานพิธีพุทธาภิเษกดังกล่าวอย่างเคร่งครัด

นายพิษณุ ประภาธนานันท์ นายอำเภอเมืองปทุมธานี เปิดเผยว่า การจัดสร้างวัตถุมงคลเหรียญหลวงพ่อพัฒน์ รุ่น เลื่อนตำแหน่ง ยกฐานะและรุ่นปลอดภัย มีวัตถุประสงค์นำรายได้สมทบทุน บูรณปฏิสังขรณ์ วัดบางหลวงหัวป่า (ร้าง) เพื่อเป็นสาขาของ วัดระฆังโฆสิตาราม และยกฐานะวัดร้างขึ้นเป็นวัดที่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา และนำรายได้สมทบทุน สร้างเมรุ และศาสนสถานวัดธารทหาร (ห้วยด้วน) นำรายได้ สมทบทุน ปรับปรุงห้องผู้ป่วยอาคารศูนย์การแพทย์ 18 ชั้น โรงพยาบาลปทุมธานี และโรงพยาบาลธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี นำรายได้ปรับปรุงซ่อมแซมที่ว่าการอำเภอเมืองปทุมธานี และเป็นทุนสนับสนุนใช้จ่าย ในกิจการสาธารณประโยชน์ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี และเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ได้ร่วมทำบุญ พร้อมกับผู้ที่เคารพนับถือในพระเดช พระคุณของพระราชมงคลวัชราจารย์ หลวงพ่อพัฒน์ ปุญฺญกาโม จะได้มีเหรียญที่ระลึกดังกล่าวไว้สักการะบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และครอบครัวต่อไป

สำหรับ ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบูรณปฏิสังขรณ์ วัดบางหลวงหัวป่า (ร้าง) เพื่อเป็นสาขาของ วัดระฆังโฆสิตาราม และยกฐานะวัดร้างขึ้นเป็นวัดที่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา และนำรายได้สมทบทุน สร้างเมรุ และศาสนสถานวัดธารทหาร (ห้วยด้วน)นำรายได้ สมทบทุน ปรับปรุงห้องผู้ป่วยอาคารศูนย์การแพทย์ 18 ชั้น โรงพยาบาลปทุมธานี และโรงพยาบาลธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี นำรายได้ปรับปรุงซ่อมแซมที่ว่าการอำเภอเมืองปทุมธานี และเป็นทุนสนับสนุนใช้จ่าย ในกิจการสาธารณประโยชน์ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือโทรสั่งจองได้ที่ ที่ทำการปกครองอำเภอเมืองปทุมธานี โทร. 02-5816130 ต่อ 203 คุณบุญส่ง เนียมหมวด โทร. 081-4316196 คุณจงจิต อินถา โทร. 088-2526923 คุณกาญจนา สุดชารี โทร. 089-8819395 รับวัตถุมงคล กลางเดือนมกราคม 2565 เป็นต้นไป

“สมเด็จช่วง”มรณภาพ สิริอายุ 96 ปี 76พรรษา

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/dhamma/670180

วันที่ 09 ธ.ค. 2564 เวลา 09:13 น."สมเด็จช่วง"มรณภาพ สิริอายุ 96 ปี 76พรรษา

สงฆ์ไทยสิ้นเสาหลัก พระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) มรณภาพ สิริอายุ 96 ปี พรรษา 76

สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) สมเด็จพระราชาคณะฝ่ายมหานิกาย เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ (พระอารามหลวง) ประธานสมัชชามหาคณิสสร และอดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ได้มรณภาพ สิริอายุ 96 ปี พรรษา 76

ทั้งนี้ หลังจากอาพาธ และรักษาตัวที่โรงพยาบาลมาเป็นระยะเวลาหลายปี

สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นหนึ่งในบรรดาสมเด็จพระราชาคณะ รัตตัญญู ทรงคุณธรรม แตกฉานในพระไตรปิฎก เป็นเสาหลักแห่งคณะสงฆ์ไทย เคยดำรงตำแหน่งสูงสุด คือ ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

สำหรับประวัติ เกิดเมื่อวันพุธที่ 26 สิงหาคม 2468 ที่จังหวัดสมุทรปราการ บรรพชาเมื่ออายุได้ 14 ปี วันที่ 1 พฤษภาคม 2482 ณ วัดสังฆราชา เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร โดยมีพระครูศีลาภิรัต (ทอง) วัดลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เป็นอุปัชฌาย์

อุปสมบทเมื่อที่ 11 พฤษภาคม 2488 ณ พัทธสีมาวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร พระครูบริหารบรมธาตุ (ป่วน เกสโร) วัดนางชี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระครูสมณธรรมสมาทาน เป็นกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายานามว่า “วรปุญฺโญ”

เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เมื่อปี 2499 และเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เมื่อปี 2508 สร้างสำนักเรียนวัดปากน้ำให้มีชื่อเสียงด้วยเป็นสำนักเรียนที่สอบเปรียญธรรม 9 ประโยค ได้มากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นสนามสอบบาลีชั้นประโยค ป.ธ.5 ในภูมิภาค

เจ้าประคุณสมเด็จช่วง มีความแตกฉานทางภาษาบาลี สามารถสนทนาภาษาบาลีได้ และได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่กองบาลีสนามหลวง เมื่อปี 2539 ถือเป็นตำแหน่งสำคัญยิ่งของการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลีของพระภิกษุสงฆ์

ท่านยังได้มอบปัจจัยให้สร้างพระไตรปิฎกจารึกในแผ่นหินอ่อน เจดีย์ วิหาร เพื่อธำรงรักษาพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืน รวมถึงหอประชุมสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ซึ่งเป็นที่ประชุมกรรมการ มส.ทุกวันนี้

เจ้าประคุณสมเด็จช่วง ได้รับการถวายสมณศักดิ์จากหลายประเทศ อาทิ

พ.ศ. 2520 ได้รับสมณศักดิ์จากบังกลาเทศ ที่พระศาสนธชมหาปัญญาสาระ

พ.ศ. 2524 ได้รับสมณศักดิ์จากศรีลังกา ฝ่ายอมรปุรนิกาย ที่ พระชินวรศาสนโสภณเตปิฏกวิสารทคณปาโมกขาจริยะ

พ.ศ. 2525 ได้รับสมณศักดิ์จากศรีลังกา สยามวงศ์ ฝ่ายอัสสคิริยะ ที่ พระศาสนโชติกสัทธัมมวิรทวิมลกิตติสิริ และได้รับสมณศักดิ์จากศรีลังกาสยามวงศ์ ฝ่ายมัลลวัตตะ ที่ พระธรรมกิตติสิริเตปิฏกวิสารโท

พ.ศ. 2526 ได้รับสมณศักดิ์จากศรีลังกา ฝ่ายรามัญวงศ์ ที่ พระติปิฏกบัณฑิตธัมมกิตติสสิริยติสังฆปติ

พ.ศ. 2526 ได้รับสมณศักดิ์จากศรีลังกา สยามวงศ์ ฝ่ายโกฏเฏ ที่ พระอุบาลีวังสาลังการะอุปัชฌายธรรมธีรราชมหามุนีเถระ

พ.ศ. 2558 รัฐบาลเมียนมา ถวาย “อัคคมหาบัณฑิต” ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช

พ.ศ. 2560 สมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาตั้ง เป็นประธานอำนวยการโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา หรือหมู่บ้านรักษาศีล 5

ส่วนสมณศักดิ์นั้น เริ่มจากพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระศรีวิสุทธิโมลี วันที่ 5 ธ.ค. 2499 และได้รับการสถาปนาให้เป็นสมเด็จพระราชาคณะ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2538 ในราชทินนามว่า “สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ไพศาลหิตานุหิตวิธาน ปฏิภาณสุธรรมภาณีศรีสังฆโสภณ วิมลศีลาจารนิวิฐ ตรีปิฏกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆารามคามวาสี อรัญวาสี”

มจร ทำความสะอาดครั้งใหญ่รับพิธีประสาทปริญญา ประจำปี 2564

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/dhamma/670070

วันที่ 07 ธ.ค. 2564 เวลา 20:34 น.มจร ทำความสะอาดครั้งใหญ่รับพิธีประสาทปริญญา ประจำปี 2564

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ร่วมกันทำความสะอาดครั้งใหญ่และฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อป้องกันโควิดเตรียมความพร้อมในพิธีประสาทปริญญา ประจำปี พ.ศ.2564

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.พระเมธีธรรมาจารย์ หรือเจ้าคุณประสาร รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) พร้อมผู้บริหาร คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ นิสิตและจิตอาสา ได้ร่วมกันทำความสะอาดครั้งใหญ่ภายในบริเวณมหาวิทยาลัยและฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อป้องกันโควิด-19 เพื่อเตรียมความพร้อมในพิธีประสาทปริญญา ประจำปี พ.ศ.2564

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กำหนดพิธีประสาทปริญญาในระดับปริญญาตรี-โทและปริญาเอกทั้งหลักสูตรภาษาไทยและหลักสูตรนานาชาติในวันที่ 8-12 ธันวาคมนี้ ปีนี้มีคนเด่น คนดังเข้ารับปริญญาบัตรและปริญญากิตติมศักดิ์หลายคน เช่น อั้ม อธิชาติ ชุมนานนท์ ไชยา มิตรไชย เป็นต้น รวมบัณฑิตเข้ารับปริญญากว่า 3,000 รูป/คน วันที่ 8 ธันวาคม วันแรกเป็นพิธีเปิดงาน มีสัมมนาทางวิชาการและปาฐกถาเป็นต้น วันที่ 9 ธันวาคม พิธีซ้อมใหญ่ผู้เข้ารับในระดับปริญญาตรี วันที่ 10 ธันวาคม พิธีซ้อมใหญ่ผู้เข้ารับในระดับปริญญาโท ปริญญาเอก ปริญญากิตติมศักดิ์ ทุกระดับ

วันที่ 11 ธันวาคม พิธีประสาทปริญญาระดับปริญญาตรี ทุกคณะ ทุกวิทยาเขต วิทยาลัยสงฆ์และสถาบันสบทบทุกแห่ง วันที่ 12 ธันวาคม พิธีประสาทปริญาระดับปริญญาโท ปริญญาเอกและปริญญากิตติมศักดิ์ทุกระดับ พิธีประสาทปริญญาในปีนี้ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระบัญชาให้สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เสด็จแทนพระองค์เป็นประธานมอบปริญญาบัตรทั้งสองวัน

สำหรับ พิธีประสาทปริญญาบัตรในปีนี้มหาวิทยาลัยมีความเข้มงวดเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข มีทั้งกระบวนการคัดกรอง การเข้าหอประชุม การฉันภัตตาหาร เป็นต้น เพื่อความมั่นใจของทุกฝ่าย พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวในตอนท้าย

เปิดจอง”เหรียญมงคลบารมี 38 พ.ศ.2565″หลวงพ่ออ๊อด วัดสายไหม

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/dhamma/670068

วันที่ 07 ธ.ค. 2564 เวลา 19:48 น.เปิดจอง"เหรียญมงคลบารมี 38 พ.ศ.2565"หลวงพ่ออ๊อด วัดสายไหม

“หลวงพ่ออ๊อด” วัดสายไหมเกจิดังเมืองปทุมฯจัดสร้าง”เหรียญมงคลบารมี 38 พ.ศ.2565″รายได้สมทบทุนสร้างอุโบสถ วัดสายไหมแห่งที่ 2 จ.พระนครศรีอยุธยา

พระครูโสภณภัทรเวทย์,ดร. (หลวงพ่ออ๊อด ปธานิโก) แห่งวัดสายไหม ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ได้จัดสร้างวัตถุมงคล “เหรียญมงคลบารมี 38 พ.ศ.2565 ” เพื่อให้ญาติโยมเช่าบูชาเพื่อเป็นสิริมงคลและสมทบทุนสร้างอุโบสถ วัดสายไหมแห่งที่ 2 อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยจัดสร้าง ลักษณะเหรียญ เป็นพิมพ์เสมา ขนาด 4.2×2.8 เซนติเมตรด้านหน้า เป็นรูป หลวงพ่ออ๊อด ปธานิโก ครึ่งองค์ พร้อมชื่อ-ฉายา ลงคำว่า หลวงพ่ออ๊อด ปธานิโก ด้านขวาและด้านซ้าย ประดับรายล้อมด้วยศิลปะ ไทย-จีน ด้านบน ลงยันต์หัวใจพระรัตนตรัย หรือหัวใจแก้วสามดวงที่ว่า “อิ สวา สุ” ซึ่งย่อมาจาก พุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ

หลวงพ่ออ๊อด ท่านใช้ยันต์ตัวนี้ในการบริกรรมและปลุกเสกตะกรุดลูกปืน โดยบริกรรมควงกัน 3 บท คือ “อิ สวา สุ สุ สวา อิ สวา สุ อิ” กลายเป็นพระคาถาคุ้มกันภัย (อิ) มาจากบทพระพุทธคุณ 56 คือ อิติปิโส (สวา) มาจากบทพระธรรมคุณ 38 คือ สวาขาโต (สุ) มาจาก บทพระสังฆคุณ 14 คือ สุปะฏิปันโน รวมกันคือ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ครบองค์แห่งพระรัตนตรัย และรวมคุณแห่งเลข ก็จะได้ 108 เท่ากับ บทอิติปิโสรัตนมาลา 108หมายถึง อักขระอิสวาสุ นี้ได้มาจากตัวต้นของบทสรรเสริญพระพุทธคุณ (อิติปิโสฯ) พระธรรมคุณ (สวากขาโตฯ) พระสังฆคุณ (สุปะฏิบันโนฯ) นั่นเอง

นับถือกันว่ามีคุณวิเศษทางคุ้มครองป้องกันภัยเป็นสิริมงคลยิ่ง ด้านล่าง มังกร เปรียบเสมือน โชคลาภ รุ่งเรือง มังกร ถือว่าเป็นสัตว์สำคัญที่สุดของชาวจีนและเป็นสัตว์ชนิดเทพที่ศักดิ์สิทธิ์ สามารถเหาะเหินเดินอากาศและแหวกน้ำดำดินได้ มังกรจึงเหมาะมากสำหรับการส่งเสริมธุรกิจการค้าให้รุ่งเรืองโดยเฉพาะสำนักงานหรือร้านค้า ช่วยเรียกโชคลาภให้มาเยือน การนำสัญลักษณ์มังกรมาใช้จะเป็นรูปปั้น, รูปวาด ไม่ว่าจะเป็นอะไรมังกรยังเป็นตัวแทนของความแข็งแกร่ง ความตั้งใจ ความพยายาม กล้าหาญ อดทน ชาวจีนจึงถือว่า มังกร คือ จิตวิญญาณของการเปลี่ยนแปลงและฟื้นฟูให้ดีขึ้น

ด้านหลัง รูปพระควัมปติทรงเครื่อง (พระปิดตา) ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในหลวงพ่ออ๊อด ที่มีต่อพระควัมปติเป็นอย่างสูง ท่านว่าปิดตา ปิดกิเลส ทั้งยังเป็นเมตตาโชคลาภมงคลดีนักแล พระปิดตา มีประวัติว่าเป็นอัครสาวกองค์หนึ่ง ชื่อพระควัมปติ หรือพระมหากัจจายนะ แสดงออกถึงนัยยะแห่งธรรม และผู้ศรัทธาเชื่อกันว่า สามารถดลบันดาลโชคลาภ เงินทอง มีกินมีใช้สมบูรณ์พูนสุข ประทับบนตะกรุดลูกปืนหยุดมัจจุราช ซึ่งเป็นที่ทราบโดยทั่วกัน ถึงความเลื่องลือในพุทธาคมวิชาตะกรุดลูกปืนของ หลวงพ่ออ๊อด วัดสายไหม จึงนำเอกลักษณ์ความเป็นเจ้าตำรับแห่งตะกรุดลูกปืน“วัดสายไหม”มาลงไว้ในเหรียญรุ่นนี้

ในตะกรุด ลงยันต์หัวใจธาตุทั้ง4 นะ มะ พะ ทะ เป็นคาถาที่ย่ออักษรหน้าของคาถา เพื่อง่ายต่อการท่องจำ คาถานี้เป็นคาถาสรรเสริญพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทียบกับธาตุทั้ง 4- นะ ธาตุน้ำ มีปกติไหล คือ สายธารแห่งพระเมตตาบารมี- มะ ธาตุดิน มีความแข็งแกร่งประดุจเพชร หรือเขาศิลาล้วน คือพระขันติบารมี- พะ ธาตุไฟ มีปกติร้อน คือ ปัญญาย่อมแผดเผากิเลสให้สิ้นไป คือ พระปัญญาบารมี- ธะ ธาตุลม มีปกติไม่มีสิ่งใดขวางกั้น คือ พระทศพลญาณ พระญาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ไม่มีสิ่งใดในจักรวาลต้านทานได้ด้านบนด้านซ้ายและด้านขวา ลงคำว่า แคล้วคลาด ปลอดภัย ความหมาย คือ ขอให้ศิษย์ทั้งหลายจงแคล้วคลาด ปลอดภัย จากภัยภยันตรายทั้งปวง

ด้านบนตรงกลาง ลงยันต์อุณาโลม เป็นปฐมยันต์ที่ให้กำเนิดแก่ยันต์ทั้งปวง ไม่ว่าจะลงอักขระเลขยันต์ชนิดใดต้องมียันต์อุณาโลมเป็นประธานบนยอดทุกครั้ง ถือเป็นปฐมยันต์ที่สูงสุด ศักดิ์สิทธิ์ และสร้างความสำเร็จถึงขั้นสูงสุด และเป็นสัญลักษณ์ ของพระพุทธเจ้า 1 ใน 32 ประการที่เรียกว่า มหาปุริสลักษณะ มหาบุรุษ แสดงถึงผู้มีบุญ อันยิ่งใหญ่ในแผ่นดิน ด้านล่าง ลายเซ็นและตัวหนังสือ บรรทัดที่ 1 ลายเซ็นมงคลนาม พระครูโสภณภัทรเวทย์,ดร.(หลวงพ่ออ๊อด ปธานิโก) หลวงพ่อท่านว่า “ลองดูซิลายเซ็นฉันเหมือนเรือสุพรรณหงษ์” บรรทัดที่ 2 รุ่น มงคลบารมี 38 ความหมายของมงคล 38 ประการ มงคลอันสูงสุดของชีวิตมนุษย์ มงคล 38 ประการ ต่อด้วย พ.ศ.2565 คือ เหรียญรุ่นมงคลบารมี 38 ออกให้บูชาในปีพุทธศักราช 2565 บรรทัดที่ 3 ลงคำว่า วัดสายไหม ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี หมายถึง สังกัดอารามวัดสายไหม และสถานที่ตั้งของสังกัดวัดอาราม

โดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เดินทางมา “เป็นประธานจุดเทียนชัยมงคล โดยมีเกจิอาจารย์ดังแห่งยุคมาร่วม นั่งอฐิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล อาทิ พระเดชพระคุณ พระราชสุทธิธรรมาจารย์ (สำอางค์) ตานะทินโน วัดประยูรธรรมาราม เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี พระภาวณาวิสุทธิ์ธิโสภณ ( พระมหาสุรศักดิ์ อติสักโข ) เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม เจ้าอาวาสวัดประดู่ พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ (หลวงพ่ออิฏฐ์) วัดจุฬามณี จ.สมุทรสงคราม พระครูโสภณสันติคุณ (พระอาจารย์หน่อย) เจ้าอาวาสวัดหัวคุ้ง จ.พระนครศรีอยุธยา พระครูอาคมสิทธิสุนทร (วิชัย ปญฺญาทีโป) วัดสันติวิหาร จ.สระบุรี พระโสภณ พัฒนคุณ (เศรษฐีเรือทอง) เจ้าอาวาสวัดพุน้อย จ.ลพบุรี พระนันทวิริยาภรณ์ (อ่าง สิริจนฺโท ) เจ้าอาวาสวัดใหญ่สว่างอารมณ์ จ.นนทบุรี สวดพระมหานาดพิธีมหาพุทธาภิเษก โดย พระสรภาณกวี (เฉลียง จิตฺตธมฺโม)รองเจ้าคณะแขวงพระบรมมหาราชวัง. ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร 

ในพิธีพพุทธาภิเษกเหรียญรุ่น “มงคลบารมี 38 พ.ศ.2565” ณ พระอุโบสถวัดสายไหม 27 มกราคม 2565 เวลา 15.09 น. โดยวันที่ 1 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา หลวงพ่ออ๊อด ท่านได้เมตตาทำพิธีเจิมบล๊อก“เหรียญรุ่นมงคลบารมี 38 พ.ศ.2565 ”เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่บรรดาศิษยานุศิษย์ ที่สั่งจองและนำไปบูชารายการจัดสร้างประกอบด้วย – ชุดเนื้อทองคำอุปถัมภ์ ตามสั่งจองไม่เกิน 39 ชุด บูชา 99,999 บาทประกอบด้วย 1.เนื้อทองคำลงยาแดง 1 เหรียญ 2.เนื้อเงินลงยาสีแดงหน้ากากทองคำ 1 เหรียญ 3.เนื้อเงินลงยาสีน้ำเงินหน้ากากทองคำ 1 เหรียญ 4.เนื้อเงินลงยาสีเขียวหน้ากากทองคำ 1 เหรียญ 5.เนื้อเงินลงยาสีฟ้าหน้ากากทองคำ 1 เหรียญ-ชุดเนื้อทองคำ ตามสั่งจองไม่เกิน 99 ชุด บูชา 64,999 บาท

ประกอบด้วย 1.เนื้อทองคำ 1 เหรียญ 2.เนื้อเงินลงหน้ากากทองคำ 1 เหรียญ

-เนื้อทองคำ ตามสั่งจอง 54,999 บาท

-เนื้อเงินลงยาหน้ากากทองคำ ตามสั่งจองไม่เกิน 299 ชุด บูชา 7,999 บาท

-เนื้อเงินลงยาสีแดง ตามสั่งจองไม่เกิน 999 ชุด บูชา 2,499 บาท

-เนื้อเงิน ตามสั่งจองไม่เกิน 1,999 ชุด บูชา 1,999 บาท

-เนื้อนวะโลหะหน้ากากเงิน ตามสั่งจองไม่เกิน 299 ชุด บูชา 1,499 บาท

-เนื้อนวะโลหะ ตามสั่งจองไม่เกิน 2,564 ชุด บูชา 699 บาท

-เนื้อปลอกลูกปืนหน้ากากเงิน ตามสั่งจองไม่เกิน 599 ชุด บูชา 999 บาท

-เนื้อทองแดง 3K ตามสั่งจองไม่เกิน 1,000 ชุด บูชา 499 บาท

-เนื้อทองแดง ตามสั่งจองไม่เกิน 30,000 ชุด บูชา 199 บาท

ชุดกรรมการ ตามสั่งจองไม่เกิน 2,999 ชุด ประกอบด้วย 1.เนื้อทองแดงลงยาสีแดง 1 เหรียญ 2.เนื้อทองแดงลงยาสีน้ำเงิน 1เหรียญ เนื้อทองแดงลงยาสีเขียว 1 เหรียญ บูชา 999 บาท  สั่งจองพระได้แล้ววันนี้ ถึง 15 มกราคม 2565 ที่วัดสายไหม หรือศูนย์สั่งจองพระทั่วไป รับพระ ตรุษจีน 2565 เป็นต้นไป

หลวงพ่ออ๊อด  เจ้าอาวาสวัดสายไหม ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จัดเป็นพระเกจิชั้นแนวหน้าของเมืองไทยในยุคปัจจุบัน ที่มีจริยาวัตรงดงามเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้าน ท่านได้สร้างผลงานไว้มากมาย มีนัยเป็นรูปธรรมโดดเด่นอยู่ในบวรพุทธศาสนา ท่านเป็นพระที่มีเมตตาสูง ทำบุญช่วยสนับสนุนกิจการงานของสงฆ์ เผยแผ่พระพุทธศาสนา ระยะเวลาที่ผ่านมาท่านสร้างวัตถุมงคล สร้างถาวรวัตถุ เพื่อสังคมส่วนรวมทั้งทางโลกและทางธรรม โดยเฉพาะการสร้างวัตถุมงคลทรงคุณภาพ นับได้ว่าวัตถุมงคลทุกรุ่นของหลวงพ่อที่ท่านอธิษฐานจิตนั่งปรกปลุกเสก นั้นเป็นสิริมงคลแก่ผู้ครอบครอง เต็มเปี่ยมไปด้วยพุทธคุณอย่างแท้จริง

หลวงพ่ออ๊อด ได้นำปัจจัยทุกบาททุกสตางค์ มาเพื่อทำนุบำรุงรักษาศาสนสถานอย่างแท้จริง โดยปัจจัยการสร้าง“เหรียญมงคลบารมี38 พ.ศ.2565” ทั้งหมด ท่านจะนำไปก่อสร้างอุโบสถวัดสายไหมแห่งที่ 2 จ.พระนครศรีอยุธยา หากท่านใดต้องการร่วมทำบุญสร้างวัดสายไหมแห่งที่2 สามารถติดต่อได้ที่พระอาจารย์ อ๊อด ที่วัดสายไหม อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี หรือ ร่วมสมทบทุนทำบุญได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชีวัดสายไหม สาขาคูคต เลขบัญชี 351-258550-2 เพราะงานสร้างวัดเป็นงานใหญ่ที่ยังจำเป็นต้องใช้ปัจจัยอีกเป็นจำนวนมาก ในการดำเนินการให้แล้วเสร็จ เพื่อเป็นการสืบสาน ให้พุทธศาสนาได้อยู่คู่กับพุทธศาสนิกชนตราบนานเท่านาน

ปลัดมท.อัญเชิญผ้าพระกฐินสมเด็จพระสังฆราชทอดถวายวัดกลาง

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/dhamma/668559

วันที่ 18 พ.ย. 2564 เวลา 15:55 น.ปลัดมท.อัญเชิญผ้าพระกฐินสมเด็จพระสังฆราชทอดถวายวัดกลาง

ลพบุรี-สมเด็จพระสังฆราชโปรดให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยอัญเชิญผ้าพระกฐินไปทอดถวายพระสงฆ์ผู้จำพรรษาถ้วนไตรมาส ณ วัดกลาง จ.ลพบุรี

เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่พระอุโบสถ วัดกลาง อ.เมือง จ.ลพบุรี สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงพระกรุณาโปรดให้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย อัญเชิญผ้าพระกฐินทอดถวายพระสงฆ์ผู้จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส โดยมีสมเด็จมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ การนี้ พระเทพเสนาบดี เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี พระปัญญาวิสุทธิโมลี เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี (ธรรมยุต) พระกิตติญาณเมธี เจ้าคณะอำเภอเมืองลพบุรี (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดกลาง พระเถรานุเถระ นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชนชาวจังหวัดลพบุรีร่วมในพิธี

โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ ประธานในพิธี จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย และเปิดกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพเบื้องหน้าพระรูปสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และเชิญผ้าพระกฐินประทาน กล่าวบท นะโม 3 จบ กล่าวคำถวายผ้าพระกฐิน จบแล้ว ประธานถวายผ้าพระกฐินและเทียนบูชาพระปาฏิโมกข์แด่พระสงฆ์รูปที่ 2 พระสงฆ์กระทำอปโลกนกรรม ประธานถวายบริวารกฐิน พุทธศาสนิกชนถวายเครื่องไทยธรรม ประธานมอบปัจจัยโดยเสด็จพระราชกุศลในการถวายผ้าพระกฐินแก่ไวยาวัจกรวัดกลาง กรวดน้ำ พระสงฆ์อนุโมทนา ประธานกราบลาพระรัตนตรัย เป็นอันเสร็จพิธี โดยมียอดปัจจัยที่ถวายเพื่อทำนุบำรุงศาสนา เป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,635,000 บาท

เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ โปรดประทานสัมโมทนียกถา ความโดยสังเขปว่า เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระศรัทธาให้น้อมนำผ้าพระกฐินมาน้อมถวายพระสงฆ์ ณ วัดกลางแห่งนี้ ซึ่งมีความสำคัญและผูกพันกับศิษยานุศิษย์วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม โดยพระอุโบสถนี้ ทางคณะศิษยานุศิษย์วัดราชบพิธได้มาร่วมดำเนินการก่อสร้างถวายเป็นเสนาสนะ เป็นศาสนสถาน เพื่อให้พระสงฆ์ทั้งปวงได้ประกอบศาสนกิจ และอุบาสก อุบาสิกา พุทธศาสนิกชน ชาวบางขันหมาก ได้ใช้ประโยชน์ โดยเจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ประทานอนุญาตให้อัญเชิญพระพุทธอังคีรส (จำลอง) เป็นพระประธานในพระอุโบสถแห่งนี้ จึงถือว่าวัดกลางเป็นวัดในพระอุปถัมภ์ของเจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกวัดหนึ่ง และอยู่ในความอุปถัมภ์ของวัดราชบพิธ สืบเนื่องมาจากที่วัดราชบพิธได้ส่งเสริมดูแลคณะสงฆ์ รามัญ ที่อำเภอพระประแดง มาโดยตลอด ซึ่งพระกิตติญาณเมธี เจ้าอาวาสวัดกลาง และพระปัญญาวิสุทธิโมลี เจ้าอาวาสวัดพระนางจามเทวี ก็เป็นเชื้อสายจากวัดแห่งนี้ที่ไปศึกษาจากวัดอาษาสงคราม อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ และกลับมาพัฒนาวัดในท้องถิ่นที่อยู่ ถือเป็นการกลับมาสร้างความเจริญ เป็นความอุตสาหะและความจริงใจของพระสงห์ ลูกหลานชาวตำบลบางขันหมากเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบ้านเกิด

“การทอดกฐินถือเป็นอานิสงส์สำคัญซึ่งใน 1 ปี วัดสามารถรับผ้าพระกฐินได้ 1 ครั้ง ถือว่าเป็นบุญประจำกาล ที่สามารถกระทำได้ภายใน 1 เดือน หลังออกพรรษา วันนี้จึงเป็นการเรามาร่วมกันแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพระศาสนา มาช่วยกันทำนุบำรุงพระศาสนา วัดกลางแห่งนี้ไม่ใช่ของผู้ใดผู้หนึ่ง ไม่ได้เป็นสมบัติของเจ้าอาวาส แต่เป็นสมบัติของเราชาวพุทธศาสนิกชนทุกคน สาธารณสถานต่าง ๆ นั้นเราในฐานะพุทธศาสนิกชนถือว่าเป็นเจ้าของร่วมกัน ต้องช่วยกันดูแลรักษาและพัฒนาขึ้น ส่วนที่ชำรุดทรุดโทรมก็ช่วยกันทำนุบำรุงให้ดีขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์แก่สังคมท้องถิ่นนี้ เพื่อเป็นศรัทธาให้กับพุทธศาสนิกชนทั่วไป จึงขออนุโมทนากับพุทธศาสนิกชนทุกท่านทุกคน” เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กล่าวสัมโมทนียกถา

ทั้งนี้ ก่อนประกอบพิธี นายสุทธิพงษ์ พร้อมด้วยนายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ได้ร่วมปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ บริเวณด้านหลังพระอุโบสถวัดกลาง ร่วมกับเจ้าประคุณ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ภายหลังจากเสร็จสิ้นพิธี ได้เยี่ยมชม พบปะ และให้กำลังใจผู้ประกอบการ OTOP จ.ลพบุรี ซึ่งได้นำผลิตภัณฑ์ผ้ามัดหมี่ของจังหวัดลพบุรี มาออกร้านจำหน่ายให้กับพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมงาน มีผ้าลวดลายต่าง ๆ ที่น่าสนใจ อาทิ ผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ หลากหลายรูปแบบและหลากหลายสีสัน มีความโดดเด่น แปลกตา เป็นอัตลักษณ์ผ้าของจังหวัดลพบุรีที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

จากนั้น นายสุทธิพงษ์ ได้เดินทางต่อมายังวัดอัมพวัน ตรวจเยี่ยมและเยี่ยมชมนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์มอญบางขันหมาก และร่วมกิจกรรมกับชาวมอญบางขันหมาก จากประวัติมีการสันนิษฐานว่า ชาวมอญบางขันหมากได้อพยพมาจากพม่าในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และต่อมาสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้อพยพชาวมอญกลุ่มนี้มาสร้างเมืองลพบุรี เพราะชาวมอญมีความถนัดในการทำอิฐ และเมื่อสร้างเมืองเสร็จแล้วเห็นว่าภูมิประเทศแห่งนี้ทำเลดี เหมาะที่จะตั้งหลักปักฐาน จึงตั้งรกรากอยู่ที่ตำบลบางขันหมากจนถึงทุกวันนี้ ทั้งนี้ จุดเด่นของชาวมอญบางขันหมาก คือ ความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา แม้สภาพเศรษฐกิจสังคมจะเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด แต่ความศรัทธาของชาวมอญยังคงเหนียวแน่น สะท้อนจากเมื่อถึงเทศกาลงานบุญต่าง ๆ ชาวบางขันหมากทุกครัวเรือนจะไปร่วมทำบุญที่วัด ผู้ที่ไปทำงานต่างถิ่นก็จะกลับมาเยี่ยมเยียนบ้านเดิมในทุกโอกาส ถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของชาวมอญบางขันหมาก จนถึงปัจจุบัน

คลื่นมหาชนร่วมพิธีปลุกเสกเหรียญหลวงพ่อพัฒน์เกจิดังปากน้ำโพ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/dhamma/668196

วันที่ 14 พ.ย. 2564 เวลา 19:23 น.คลื่นมหาชนร่วมพิธีปลุกเสกเหรียญหลวงพ่อพัฒน์เกจิดังปากน้ำโพ

หลวงพ่อพัฒน์นั่งปรกอธิษฐานจิต พิธีพุทธาภิเษก เหรียญหลวงพ่อพัฒน์ รุ่นเลื่อนตำแหน่ง ยกฐานะและรุ่นปลอดภัย รายได้เพื่อการกุศล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อำเภอเมืองปทุมธานี โดยนายพิษณุ ประภาธนานันท์ นายอำเภอเมืองปทุมธานี พ.ต.อ.นิรุธ ประสิทธิเมตต์ รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี นายฉัตรบดี รัตนเกื้อ ปลัดอำเภอเมืองปทุมธานี น.ส.กาญจนา สุดชารี ปลัดอำเภอเมืองปทุมธานี พร้อมคณะกรรมการจัดสร้างเหรียญหลวงพ่อพัฒน์ รุ่น เลื่อนตำแหน่ง ยกฐานะและรุ่นปลอดภัย ได้จัดพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลเหรียญหลวงพ่อพัฒน์ รุ่น เลื่อนตำแหน่ง ยกฐานะและรุ่นปลอดภัย ณ วัดธารทหาร (ห้วยด้วน) ตำบลธารทหาร อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ ท่ามกลางศิษยานุศิษย์และศรัทธาสาธุชนร่วมในพิธีจำนวนมาก

ทั้งนี้ ในพิธีพุทธาภิเษก เหรียญหลวงพ่อพัฒน์ รุ่น เลื่อนตำแหน่ง ยกฐานะและรุ่นปลอดภัยในครั้งนี้ ได้มีการจัดควบคุมตามมาตรการ Social Distancing การจัดระเบียบด้วยวัดอุณหภูมิ ติดสติ๊กเกอร์ ก่อนเข้าร่วมงานพิธีพุทธาภิเษกดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ในพิธี พระราชมงคลวัชราจารย์ “หลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม”อายุ 100 ปี ศิษย์ผู้สืบทอดวิชาอาคมกับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จังหวัดนครสวรรค์ ประกอบพิธีพุทธาภิเษก ได้เมตตานั่งปรกอธิฐานจิต โดยมี พระมงคลวโรปการ (หลวงพ่อชำนาญ อุตฺตมปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดชินวรารามวรวิหาร ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี จุดเทียนชัย และนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลเหรียญหลวงพ่อพัฒน์ รุ่น เลื่อนตำแหน่ง ยกฐานะและรุ่นปลอดภัย

นายพิษณุ ประภาธนานันท์ นายอำเภอเมืองปทุมธานี เปิดเผยว่า การจัดสร้างวัตถุมงคลเหรียญหลวงพ่อพัฒน์ รุ่น เลื่อนตำแหน่ง ยกฐานะและรุ่นปลอดภัย มีวัตถุประสงค์นำรายได้สมทบทุน บูรณปฏิสังขรณ์ วัดบางหลวงหัวป่า (ร้าง) เพื่อเป็นสาขาของ วัดระฆังโฆสิตาราม และยกฐานะวัดร้างขึ้นเป็นวัดที่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา และนำรายได้สมทบทุน สร้างเมรุ และศาสนสถานวัดธารทหาร (ห้วยด้วน)นำรายได้ สมทบทุน ปรับปรุงห้องผู้ป่วยอาคารศูนย์การแพทย์ 18 ชั้น โรงพยาบาลปทุมธานี และโรงพยาบาลธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี นำรายได้ปรับปรุงซ่อมแซมที่ว่าการอำเภอเมืองปทุมธานี และเป็นทุนสนับสนุนใช้จ่าย ในกิจการสาธารณประโยชน์ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี และ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมทำบุญ พร้อมกับผู้ที่เคารพนับถือในพระราชมงคลวัชราจารย์ หลวงพ่อพัฒน์ ปุญฺญกาโม จะได้มีเหรียญที่ระลึกดังกล่าวไว้สักการะบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และครอบครัวต่อไป โดยจะมีพิธีพุทธาภิเษก อีกวาระหนึ่งปลายเดือนธันวาคม 2564 ที่ วัดชินวรารามวรวิหาร ตำบลบางขะแยง อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี และรับวัตถุมงคล ในเดือนมกราคม 2565 เป็นต้น

สำหรับ การจัดสร้างเหรียญหลวงพ่อพัฒน์ รุ่นเลื่อนตำแหน่ง ยกฐานะ และรุ่น ปลอดภัย 2 รุ่นนี้ประกอบด้วย เนื้อทองคำหนัก 22 กรัม จัดสร้างตามสั่งจอง เหรียญละ 59,999 บาท (ปิดการจองแล้ว) เหรียญรวมเนื้อ 9 ชนิด ชุดใหญ่(100เหรียญ) ชุดละ 22,000 บาท(เหลือน้อย)เหรียญรวมเนื้อ 9 ชนิด ชุดกลาง(9เหรียญ) ชุดละ3,999 บาท(เหลือน้อย) เหรียญรวมเนื้อ ชุดเล็ก(7เหรียญ) ชุดละ 2,999 บาท (เหลือน้อย) เหรียญรวมเนื้อ9ชนิด ประกอบด้วย 1.เนื้อเงินลงยา 2.เนื้อเงิน 3.เนื้อนวะลงยา 4.เนื้ออัลปาก้าลงยา 5.เนื้อทองแดงลงยา 6.เนื้อทองเหลืองลงยา 7.เนื้อสัตตะลงยา 8.เนื้อซาติน 9.เนื้อทองเหลืองผิวรุ้ง (เหลือน้อย) โดยเหรียญ ทั้งหมดนี้ ปลุกเสกและนั่งอธิฐานจิต โดยหลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม และหลวงพ่อชำนาญ อุตฺตมปญฺโญ และเกจิอาจารย์ดังแห่งยุคนี้

ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบูรณปฏิสังขรณ์ วัดบางหลวงหัวป่า (ร้าง) เพื่อเป็นสาขาของ วัดระฆังโฆสิตารามฯ และยกฐานะวัดร้างขึ้นเป็นวัดที่มีพระภิกษุอยู่จำพรรษา และนำรายได้สมทบทุน สร้างเมรุ และศาสนสถานวัดธารทหาร (ห้วยด้วน) นำรายได้ สมทบทุน ปรับปรุงห้องผู้ป่วยอาคารศูนย์การแพทย์ 18 ชั้น โรงพยาบาลปทุมธานี และโรงพยาบาลธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี นำรายได้ปรับปรุงซ่อมแซมที่ว่าการอำเภอเมืองปทุมธานี และเป็นทุนสนับสนุนใช้จ่าย ในกิจการสาธารณประโยชน์ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือโทรสั่งจองได้ที่ ที่ทำการปกครองอำเภอเมืองปทุมธานี โทร. 02-5816130 ต่อ 203 นายบุญส่ง เนียมหมวด โทร. 081-4316196 คุณจงจิต อินถา โทร. 088-2526923 คุณกาญจนา สุดชารี โทร. 089-8819395

มท.1นำผ้ากฐินพระราชทานกระทรวงมหาดไทยถวายวัดเศวตฉัตรฯ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/dhamma/668077

วันที่ 12 พ.ย. 2564 เวลา 20:59 น.มท.1นำผ้ากฐินพระราชทานกระทรวงมหาดไทยถวายวัดเศวตฉัตรฯ

รมว.มหาดไทยนำผู้บริหารระดับสูงและประชาชนร่วมพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของกระทรวงมหาดไทย ประจำปี 2564 มียอดเงินถวายเป็นพระราชกุศล 5,905,181 บาท

เมื่อวันที่ 12 พ.ย. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นประธานในพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของกระทรวงมหาดไทย ประจำปี 2564 โดยมี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ตลอดจนบริษัท ห้างร้าน และประชาชนผู้มีจิตศรัทธาเข้าร่วมในพิธี ณ พระอุโบสถ วัดเศวตฉัตร วรวิหาร เขตคลองสาน 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานผ้าพระกฐินให้กระทรวงมหาดไทยนำมาถวายพระสงฆ์จำพรรษาถ้วนไตรมาส ณ วัดเศวตฉัตร วรวิหาร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา โดยพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานในวันนี้ ประกอบด้วย พิธีถวายเครื่องบริวารพระกฐินพระราชทาน ได้แก่ บาตร เครื่องอัฐบริขาร ตาลปัตรฯ และเครื่องไทยธรรม แด่พระสงฆ์รูปที่ครองผ้า และถวายปัจจัยที่ผู้มีจิตศรัทธา ร่วมโดยเสด็จพระราชกุศลแด่เจ้าอาวาสเพื่อถวายแด่พระภิกษุ สามเณร เพื่อนำไปบูรณปฏิสังขรณ์พระอาราม หรือทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของวัด โดยมียอดเงินที่ถวายผ้าพระกฐินพระราชทานถวายเป็นพระราชกุศล เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น จำนวน 5,905,181 บาท พร้อมทั้งมอบเงินให้โรงเรียนวัดเศวตฉัตรเพื่อเป็นทุนบำรุงการศึกษาแก่นักเรียน ซึ่งภายหลังจากเสร็จสิ้นพิธี พล.อ.อนุพงษ์ ได้พบปะเยี่ยมเยียนทักทายอนุโมทนาบุญต่อผู้มาร่วมงานกับพระราชพิพัฒนโกศล เจ้าอาวาสวัดเศวตฉัตร วรวิหาร พร้อมทั้งได้กราบสักการะพระพุทธบัณฑูรมูลประดิษฐสถิตไสยาสน์ พระพุทธไสยาสน์ซึ่งประดิษฐานภายในวัดเศวตฉัตร วรวิหาร สร้างขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น อายุราว 190 ปี ที่อยู่ระหว่างการบูรณะ

สำหรับ วัดเศวตฉัตร วรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ในเขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เดิมชื่อ วัดบางลำพูล่าง สันนิษฐานว่าก่อสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งต่อมาได้รับการบูรณะโดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นสุรินทรรักษ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ต้นราชสกุลฉัตรกุล ในช่วงปี พ.ศ. 2359–2373 ต่อมาได้รับการปฏิสังขรณ์โดยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานชื่อวัดใหม่ว่า วัดเศวตฉัตร โดยกรมศิลปากรได้ประกาศกำหนดให้วัดเศวตฉัตร วรวิหาร ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 94 ตอนที่ 75 วันที่ 16 สิงหาคม 2520

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า นับเป็นสรรพสิริมงคลต่อชาวมหาดไทยทุกคน ที่ได้มีโอกาสอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานมาทอดถวายที่วัดเศวตฉัตร วรวิหาร ที่อยู่ระหว่างการบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะอยู่จำนวนมาก รวมถึงพระอุโบสถที่อยู่ระหว่างการออกแบบรายการและงบประมาณที่ใช้ในการบูรณะโดยกรมศิลปากร ทั้งนี้ เงินปัจจัยที่พุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันทำบุญโดยเสด็จพระราชกุศลฯ ในวันนี้ ทางวัดจะนำไปสมทบทุนบูรณปฏิสังขรณ์ด้วย และหากยังไม่เพียงพอก็จะได้ช่วยกันระดมปัจจัยในการบูรณะต่อไป เพื่อให้พระภิกษุ สามเณร วัดเศวตฉัตร ได้ประกอบศาสนกิจและเผยแผ่พระธรรมคำสอนเป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวของพุทธศาสนิกชนได้โดยสะดวก และบุญกุศลในการถวายผ้าพระกฐินพระราชทานในครั้งนี้ ขอน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ด้วย