‘พิธา’ มั่นใจ ‘ขึ้นค่าแรง’ 450 บาท ผลงาน 100 วันแรก รัฐบาลแกนนำ ‘ก้าวไกล’

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/politics/549787

26 พ.ค. 2566

'พิธา' มั่นใจ 'ขึ้นค่าแรง' 450 บาท ผลงาน 100 วันแรก รัฐบาลแกนนำ 'ก้าวไกล'

‘พิธา’ มั่นใจ ‘ขึ้นค่าแรง’ 450 บาท ทำได้ 100 วันแรก หลังตั้งรัฐบาลสำเร็จ ดูแลทั้งระบบลูกจ้าง นายจ้าง เดินหน้าผลักดันแก้ พ.ร.บ.แรงงาน ขึ้น ‘ค่าแรง’ ทุกปี

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ยืนยัน นโยบายค่าแรง 450 บาท ทำได้ 100 วันแรกหลังเป็นรัฐบาล ซึ่งให้สัมภาษณ์หลังหารือกับแรงงานกลุ่มต่างๆ จากทั้ง 45 สหภาพ ที่เทศบาลบางเสาธง จ.สมุทรปราการ เนื่องจากนโยบายแรงงานเป็นเรื่องที่พรรคก้าวไกลให้ความสำคัญมาโดยตลอด จะเห็นได้ว่าในบันทึกความเข้าใจร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล (MOU) ข้อที่ 19 ระบุเรื่องการยกระดับสิทธิแรงงานทุกอาชีพให้มีสภาพการจ้างงานที่เป็นธรรม และได้รับค่าแรงที่เป็นธรรมสอดคล้องกับค่าครองชีพและการเติบโตทางเศรษฐกิจ 

นายพิธา ระบุ ตอนนี้เดินหน้าพูดคุยกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เห็นภาพรวมทางเศรษฐกิจทั้งหมดและเห็นความจำเป็นร่วมกันว่า ทำไมต้องขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 450 บาทต่อวัน โดยยืนยันว่าพรรคก้าวไกลคิดเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ เสนอนโยบายเป็นแพ็กเกจ ทั้งการยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน เช่น สิทธิในการรวมตัว สิทธิลาคลอด 180 วัน การกำหนดชั่วโมงทำงาน และการดูแลผลกระทบที่จะเกิดกับผู้ประกอบการ เช่น การที่รัฐช่วยสมทบค่าประกันสังคมในส่วนของผู้ว่าจ้างในช่วง 6 เดือนแรกหลังการขึ้นค่าแรง การเปิดให้ SME นำค่าแรงมาหักค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ 2 เท่าในช่วง 2 ปีแรก นโยบายหวยใบเสร็จ เป็นต้น

“เรื่อง ค่าแรง 450 บาท ต่อวัน เราไม่ได้คิดเอง แต่พิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจ ผลิตภาพของแรงงาน เพื่อให้ค่าแรงเป็นอัตราที่ยุติธรรมต่อคนทำงาน เดินทางมาวันนี้เพื่อยืนยันว่าเราจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้ จะดูแลทั้งพี่น้องแรงงานและผู้ประกอบการ เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตควบคู่กับการลดความเหลื่อมล้ำ” พิธากล่าว 

โดยต้องเดินหน้าพูดคุยเหมือนที่ไปพบกับภาคอุตสาหกรรมต่างๆ และจะเดินหน้าคุยกับหอการค้าและสภานายจ้างต่อไป เพื่อให้เห็นภาพทั้งองคาพยพ  และจะแก้ปัญหาให้เป็นครั้งสุดท้ายได้อย่างไร เพราะหากต่อไปแก้ไขเรื่อง พ.ร.บ.แรงงานได้ ค่าแรงจะขึ้นอัตโนมัติทุกปี ตามค่าเงินเฟ้อหรืออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขึ้นน้อย ขึ้นบ่อย ไม่ใช้นานๆขึ้นทีแบบปัจจุบัน ซึ่งจะสามารถทำให้บริหารได้ทั้งแรงงานและบริษัท 
 

ส่วนจะส่งผลต่อการย้ายฐานการผลิตในกลุ่ม เอสเอ็มอี หรือไม่ นายพิธา มองว่า การจะเลือกประเทศฐานผลิตเรื่องค่าแรงเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง เช่น บุคลากรที่พร้อม มีการคอรัปชั่น ระบบภาษี ตลาดในประเทศ ภาษีส่งออก เพราะเท่าที่ตนได้พูดคุยกับนักธุรกิจ การย้ายฐานการผลิตมี 8-9 ปัจจัย เรื่องค่าแรงเป็นเพียงแค่ 1 เรื่อง 

นายพิธา พบ 45 สหภาพแรงงานนายพิธา พบ 45 สหภาพแรงงาน

นายพิธา พบ 45 สหภาพแรงงานนายพิธา พบ 45 สหภาพแรงงาน

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

‘คนรุ่นใหม่’-กลุ่มหนุน ‘เพื่อไทย’ แนะปรับภาพลักษณ์ สู้ ‘เลือกตั้ง70’

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/politics/549773

26 พ.ค. 2566

‘คนรุ่นใหม่’-กลุ่มหนุน ‘เพื่อไทย’ แนะปรับภาพลักษณ์ สู้ ‘เลือกตั้ง70’

‘คนรุ่นใหม่-กลุ่มหนุน’ แนะเพื่อไทย ใช้โซเชียลมีเดียหลายแพลตฟอร์ม ช่วยทำให้เข้าถึงข้อมูลผ่านพรรคโดยตรง ปรับภาพลักษณ์ กลยุทธ์หาเสียงใหม่ สู้ศึก ‘เลือกตั้ง70’ ยันเป็นโหวตเตอร์ต่อไป ‘ภูมิธรรม’ ชี้ การเลือกตั้ง66 เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ไทยภายใต้ร้ฐบาลประชาธิปไตย

กลุ่ม PT Junior ( Potential Team Junior ) ภายใต้กิจกรรม Youth Session Vol.1 ร่วมล้อมวงคุยถอดบทเรียนการเลือกตั้งผ่านมุมมองของกลุ่ม PT Junior ช่วงอายุระหว่าง 18-25 ปี โดยมีนายภูมิธรรม เวชชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ ดร.นลินี ทวีสิน ประธานคณะทำงานด้านต่างประเทศ ร่วมรับฟังข้อเสนอแนะและแลกเปลี่ยนกลยุทธ์การเลือกตั้งในปี 2570 ด้วย

แนะปรับภาพลักษณ์เพื่อไทย

โดยข้อเสนอของกลุ่ม PT Junior เช่น การสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียที่จะช่วยทำให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงข้อมูลผ่านพรรคโดยตรง การใช้โซเชียลมีเดียที่หลากหลายแพลตฟอร์มมากขึ้น และเสนอให้มีการปรับภาพลักษณ์ กลยุทธ์ในการหาเสียงที่จะเข้าถึงเยาวชนมากขึ้น

ล้อมวงถอดบทเรียนเลือกตั้ง2566ล้อมวงถอดบทเรียนเลือกตั้ง2566

นอกจากจากนี้ ยังมีผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย กลุ่ม PTST มอบข้อเสนอแนะเชิงสร้างสรรค์ให้กับพรรคเพื่อไทย โดยมีนายภูมิธรรม เวชชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ดร.ลิณธิภรณ์ วริษวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย นางประภาพร ทองปากน้ำ ว่าที่ สส.สุโขทัย พรรคเพื่อไทย ร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะ

กลุ่มคนรุ่นใหม่-กลุ่มหนุนพรรคเพื่อไทย ล้อมวงถอดบทเรียนเลือกตั้ง2566กลุ่มคนรุ่นใหม่-กลุ่มหนุนพรรคเพื่อไทย ล้อมวงถอดบทเรียนเลือกตั้ง2566

กลุ่ม PTST มอง‘พรรคเพื่อไทย’ เป็นความหวังชาติ

โดยกลุ่ม PTST ได้จัดทำเวิร์คช็อปถอดบทเรียนและแนวทางพัฒนาพรรคเพื่อไทย ทั้งในด้านของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นโยบาย การสื่อสาร การทำงานของ สส.เขต ฯลฯ โดยพร้อมยืนยันที่จะสนับสนุนพรรคเพื่อไทยต่อไป และพร้อมที่จะสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยยังคงเป็นความหวังของประเทศ

นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอบคุณที่ให้เกียรติกับพรรคเพื่อไทยมานำเสนอความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งทางพรรคจะได้นำข้อเสนอเหล่านี้ไปพิจารณาเพื่อการปรับปรุงพรรคต่อไปพรรคเพื่อไทยยังคงยึดมั่นกับประชาชน เรายินดีรับฟังและพร้อมที่จะรับข้อเสนอของทุกฝ่ายในสังคม

กลุ่มคนรุ่นใหม่-กลุ่มหนุนพรรคเพื่อไทย ล้อมวงถอดบทเรียนเลือกตั้ง2566กลุ่มคนรุ่นใหม่-กลุ่มหนุนพรรคเพื่อไทย ล้อมวงถอดบทเรียนเลือกตั้ง2566

กลุ่มคนรุ่นใหม่-กลุ่มหนุนพรรคเพื่อไทย ล้อมวงถอดบทเรียนเลือกตั้ง2566กลุ่มคนรุ่นใหม่-กลุ่มหนุนพรรคเพื่อไทย ล้อมวงถอดบทเรียนเลือกตั้ง2566

‘คนรุ่นใหม่’-กลุ่มหนุน ‘เพื่อไทย’ แนะปรับภาพลักษณ์ สู้ ‘เลือกตั้ง70’

พรรคเพือ่ไทยถอดบทเรียนเลือกตั้ง2566พรรคเพือ่ไทยถอดบทเรียนเลือกตั้ง2566

‘พิธา’ หวังส่ง ‘แป้งหมัก- สาโท’ โกอินอินเตอร์ พร้อมลุยสุราก้าวหน้าเต็มสูบ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/politics/549774

26 พ.ค. 2566

‘พิธา’ หวังส่ง ‘แป้งหมัก- สาโท’ โกอินอินเตอร์ พร้อมลุยสุราก้าวหน้าเต็มสูบ

จัดตั้งรัฐบาล : พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รับข้อเสนอตัวแทนเครือข่ายสุรา เดินหน้าผลักดันนโยบายสุราก้าวหน้า เตรียมส่งแป้งหมัก สาโท ตีตลาดโลก เพื่อผู้ผลิตรายย่อย  ด้านเครือข่ายฯ  วอนสว. หนุนโหวตพิธานั่งนายกฯ เพื่อทลายทุนผูกขาด

เครือข่ายสุรา นำโดย สมาคมสุราท้องถิ่นไทย เครือข่ายสุราแห่งประเทศไทย สมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจคราฟท์เบียร์ ผนึกกำลังเข้าพบ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล และนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ว่าที่สส.พรรคก้าวไกล เพื่อให้ขับเคลื่อนนโยบายสุราก้าวหน้า ซึ่งเป็นนโยบายหลักของพรรคก้าวไกล


นายพิธา กล่าวภายหลังรับหนังสือจากเครือข่ายสุราว่า วันนี้มารับหนังสือจากเครือข่ายสุรา เกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลและการผลักดันนโยบายสุราก้าวหน้า ที่เคยหาเสียงไว้กับประชาชน พร้อมขอบคุณและให้เครดิตภาคประชาสังคม ประชาชน คนที่อยู่ในวงการ ทั้งสุราไทย สุราพื้นบ้านและคราฟเบียร์ ที่เห็นตรงกันกับพรรคก้าวไกล อยากจะเปลี่ยนสินค้าการเกษตรจากโภคภัณฑ์ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ ในการที่จะทำนโยบายวัฒนธรรมสืบสานประเพณีต่างๆ 

‘พิธา’ หวังส่ง ‘แป้งหมัก- สาโท’ โกอินอินเตอร์ พร้อมลุยสุราก้าวหน้าเต็มสูบ

“ไม่ว่าจะ แป้งหมัก สาโท ที่เป็นส่งหนึ่งของวัฒนธรรมไทย ที่ป็นนโยบายเศรษฐกิจและนโยบายท่องเที่ยว ทำให้ไทยมีความหลากหลายและทำให้คนทั่วโลกรู้จักเข้าใจถึงศักยภาพของสินค้าไทย” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวยืนยันด้วยว่า นโยบายนี้เป็นการเพิ่มผู้ผลิตมากกว่าผู้บริโภค เกิดการกระจายรายได้และโอกาส ก็ต้องมีการแก้กฎหมายและส่งเสริมในเรื่องของการผลิตและสาธารณสุข การส่งออก การท่องเที่ยว และการเรียนรู้ เป็นนโยบายเศรษฐกิจหนึ่งของพรรคก้าวไกล ทำให้สินเกษตรตั้งแต่เหนือจนใต้ ซ้ายจนขวา เพิ่มมูลค่า

‘พิธา’ หวังส่ง ‘แป้งหมัก- สาโท’ โกอินอินเตอร์ พร้อมลุยสุราก้าวหน้าเต็มสูบ

https://www.facebook.com/plugins/video.php?height=314&href=https%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fkomchadluek%2Fvideos%2F789785819110524%2F&show_text=false&width=560&t=0

ส่วนขั้นตอนการแก้ไขกฎกระทรวงที่ประกาศใช้ก่อนผ่าน พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า นั้น นายพิธา อธิบายว่ากฎกระทรวงเป็นของกระทรวงการคลังต้องนำไปแก้ไขให้ยกเลิกการกีดกันด้านทุนจดทะเบียน แรงม้า รวมถึงเรื่องอื่นๆ และทำให้การผลิตมีความเท่าเทียม ส่วน พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ต้องพิจารณาอีกครั้ง เพราะกฎกระทรวงสามารถแก้ไขไปมาได้ด้วยอำนาจของนายกรัฐมนตรี แต่ก็ต้องหารือกันในคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกที

“ทั้งหมดเป็นเพียงกระดุมเม็ดแรก กระดุมเม็ดถัดมาคือ กฎหมายห้ามโฆษณา เรื่องใบอนุญาต จากนั้นต้องค่อยๆ ทำให้สู่ระบบการค้าของโลกให้ได้ มีเรื่องของสาธารณสุข เรื่องการทำแบรนด์และบรรจุภัณฑ์ และการทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ดังนั้น ทุกกระทรวงมีหน้าที่หมด ทุกกระทรวงมีหน้าที่ทำให้อุตสาหกรรมทางการเกษตรที่ไม่เคยเกิดขึ้นนี้ ได้เกิดขึ้นจริงสักที”

‘พิธา’ หวังส่ง ‘แป้งหมัก- สาโท’ โกอินอินเตอร์ พร้อมลุยสุราก้าวหน้าเต็มสูบ

นายพิธา ย้ำว่า สำหรับนโยบายสุราก้าวหน้า สามารถดำเนินการได้ภายใน 100 วันแรกหลังเป็นรัฐบาล จากนั้นต้องอาศัยการบูรณาการระหว่างกระทรวงต่างๆ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำที่ต้องทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะในระดับจังหวัด ซึ่งต้องหารือกันว่าแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลจะมีแนวทางสนับสนุนอย่างไร โดยเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง

ส่วนสังคมตั้งคำถามว่า พรรคก้าวไกลไม่สนับสนุนกัญชา แต่กลับสนับสนุนสุรา ซึ่งเป็นสินค้าอบายมุขเหมือนกัน นายพิธา กล่าวว่า ทั้ง 2 สิ่งมีทั้งประโยชน์และโทษ เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรเสรีจริง เราจึงต้องใช้คำว่า สุราก้าวหน้า ในเรื่องกัญชาเช่นเดียวกัน ต้องควบคุมให้เหมาะสม  เราไม่ต้องการให้เกิดบริโภคมากขึ้นภายในประเทศ แต่ต้องการเพิ่มมูลค่า มีราคาสูงกว่าแอลกอฮอล์ทั่วไปและหาได้ตามร้านสะดวกซื้อ 

“ถ้าคิดว่าเป็นการมอมเมา เข้าร้านสะดวกซื้อ ซื้อเบียร์ไม่กี่กระป๋อง ก็ราคาถูกกว่า เราต้องการเพิ่มทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวที่มาในประเทศไทยมีอะไรที่ยึดโยงกับพื้นที่ในการที่จะได้รับอรรถรสมากขึ้น รวมถึงการเป็นผู้นำส่งสินค้าเหล่านี้ไปยังต่างประเทศมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หรือ เวลามีการจัดประชุมใหญ่ๆ ผู้นำต่างประเทศมาประชุมที่ไทยไม่ต้องใช้ไวน์ของต่างประเทศ เราสามารถใช้สุราของคนกลุ่มนี้ ทั้งเรื่องเล่า คุณภาพต่างๆ เพื่อให้ผู้นำรู้ถึงศักยภาพของวัตถุดิบไทยและฝีมือความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย” นายพิธา กล่าว

‘พิธา’ หวังส่ง ‘แป้งหมัก- สาโท’ โกอินอินเตอร์ พร้อมลุยสุราก้าวหน้าเต็มสูบ

ด้านนายสมบุรณ์ แก้วเกรียงไกร นายกสมาคมสุราท้องถิ่นไทย ระบุว่า นโยบายนี้ เป็นความหวังของผู้ผลิตรายย่อยทั่วประเทศ ซึ่งสุราในประเทศไทยตั้งแต่มีกฎหมาย ปี 2493 เป็นของกลุ่มนายทุนผูกขาดแค่ 2 องค์ใหญ่ๆ ตลาด 470,000 ล้าน อยู่ใน 2 กลุ่มนี้ เมื่อพรรคก้าวไกลต้องการทลายกลุ่มผูกขาด ผู้ผลิตสุราชุมชนรายน้อยก็โดนใจนโยบายนี้ 

“เพราะที่ผ่านมาไม่มีรัฐบาลไหนสนับสนุนและไม่มีพรรคไหนพูดชัดเจนว่าจะทำสุราก้าวหน้าและทลายกลุ่มนายทุนถูกขาด วันนี้จึงมาอ้อนวอน สว. ช่วยสนับสนุนให้พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ คิดว่าคงสำเร็จได้ ไม่มีปัญหาและจะเป็นโอกาสให้เกิดอาชีพสำหรับคนกลุ่มน้อย” 

‘พิธา’ หวังส่ง ‘แป้งหมัก- สาโท’ โกอินอินเตอร์ พร้อมลุยสุราก้าวหน้าเต็มสูบ

นายศุภพงษ์ พรึงลำภู ตัวแทนสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจคราฟท์เบียร์ (สมาคมฯคราฟท์เบียร์) กล่าวว่า เราร่วมกันทำงานมาแล้วกว่า 3 ปี ช่วงที่เป็นฝ่ายค้าน หากพรรคก้าวไกลมีความจริงใจมีที่จะแก้ปัญหา การเข้าถึงใบอนุญาตที่ยากเกินหรือที่เรียกว่าการผูกขาด เพราะจำหน่ายผู้ผลิตคาฟท์เบียร์ในไทยตลาดมูลค่า 2 แสนล้าน 

ซึ่งตั้งแต่หลังเลือกตั้งได้รับโทรศัพท์ทุกวัน มีคนมาถามจะจัดตั้งโรงเบียร์ขนาดเล็กได้เมื่อไร เป็นการสร้างความตื่นตัว ทุกคนที่มาถามไม่ได้ต้องการเป็นเจ้าสัวต่อไป แต่ต้องการมีโรงเบียร์เล็กๆในพื้นที่และสร้างผลิตภัณฑ์ของตัวเอง จึงขอเรียกร้องให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุนกับพรรคก้าวไกลให้จัดตั้งรัฐบาลได้โดยเร็วไม่ว่าจะเป็นสว.ผู้ที่มีวุฒิภาวะ หรือ สส.ฝ่ายค้าน เพื่อที่กฎหมายควบคุมแอลกอฮอล์จะได้ยึดโยงกับประชาชนและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม 

ตำแหน่ง ‘ประธานสภา’ พ่นพิษ ยื่น ‘ยุบพรรค’ ก้าวไกล ปล่อยให้คนนอกครอบงำ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/politics/549769

26 พ.ค. 2566

ตำแหน่ง 'ประธานสภา' พ่นพิษ ยื่น 'ยุบพรรค' ก้าวไกล ปล่อยให้คนนอกครอบงำ

ยื่นหลักฐานเพิ่มเติม ‘ยุบพรรค’ ก้าวไกล ปล่อยให้บุคคลภายนอกครอบงำ กรณีแสดงความเห็นชี้นำ ผู้ดำรงตำแหน่ง ‘ประธานสภา’

การแสดงความเห็นเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ ของธนาธร-ปิยบุตร- พรรณิการ์ กลายเป็นหลักฐานเพิ่มเติมให้เลขาธิการสมาคมองค์กรพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นให้ กกต. พิจารณา  ตรวจสอบว่าบุคคลทั้งสาม ครอบงำพรรค  ชี้นำพรรคก้าวไกล  ฝ่าฝืน มาตรา 28 และ มาตรา  29 แห่ง พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 เป็นเหตุให้ต้องยุบพรรคหรือไม่

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยแต่ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม  นายปิยบุตร แสงกนกกุล  ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กของตนว่า   ประธานสภาผู้แทนราษฎรตำแหน่งที่พรรคก้าวไกลเสียไปไม่ได้เป็นอันขาด พร้อมอธิบายเหตุผลมากมาย  

ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์กรพิทักษ์รัฐะรรมนูญไทย ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์กรพิทักษ์รัฐะรรมนูญไทย

ซึ่งต่อมาเป็นเหตุให้ว่าที่ สส.พรรคก้าวไกล และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลต่างออกมาให้สัมภาษณ์และหรือโพสต์ข้อความแสดงความเห็น   เพื่อยืนยันว่าตำแหน่งประธานสภาฯ  ต้องเป็นของพรรคก้าวไกล   ซึ่งเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ลงในสื่อสังคมออนไลน์มากมาย เช่น  นายรังสิมันต์ โรม น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล

         
การที่ว่าที่ สส.ท่านใดจะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของเหล่า ส.ส.ทั้ง 500 คนที่ประชาชนได้เลือกตั้งให้ไปเป็น สส. แล้วเข้าไปเลือกกันเอง   ว่าท่านใดจะมีความเหมาะสม เพราะทุกคนน่าจะมีวิจารณญานที่จะตัดสินได้ได้เอง    โดยไม่จำต้องมีใครมาชี้นำ   

แต่นายปิยบุตร แสงกนกกุล ออกมาโพสต์ข้อความลงในสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะดังกล่าว จะทำให้สังคมมองไปเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากการพยายามที่จะชี้นำความคิดและการกระทำของเหล่าว่าที่ ส.ส.ของพรรคก้าวไกล ให้ต้องช่วยกันผลักดันหรือกดดันให้พรรคร่วมต่าง ๆ ยินยอมให้ตำแหน่งประธานสภาฯเป็นของพรรคก้าวไกลเท่านั้น

           
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม  น.ส.พรรณิการ์ วานิช   อดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ และกรรมการบริหารคณะก้าวหน้า   ยังได้ออกมาโพสต์สำทับถึงข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า “ก้าวไกลต้องการเป็น #ประธานสภา เพื่อผลักดันวาระก้าวหน้าในสังคม”  

ชี้ให้เห็นว่าบุคคลทั้งสอง   ซึ่งมิใช่สมาชิกพรรคก้าวไกล มีพฤติการณ์หรือกระทําการอันเป็นการควบคุม ครอบงําพรรค หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระทั้งโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมหรือไม่  

รวมทั้งกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลออกมาเคลื่อนไหวสอดรับกับการชี้นำของบุคคลทั้งสอง จึงอาจเป็นการฝ่าฝืน ม.28 และ ม.29 แห่ง พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ด้วยหรือไม่

             
หาก กกต.วินิจฉัยว่าเป็นไปตามการชี้เบาะแส ก็สามารถเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคที่ฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าวได้ ตาม ม.92(3)

เคลื่อนไหวแล้ว ‘พิธา’ แนะทางออก ปมดราม่าเก้าอี้ ‘ประธานสภา’ ต้องเจรจากัน

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/politics/549759

26 พ.ค. 2566

เคลื่อนไหวแล้ว ‘พิธา’ แนะทางออก ปมดราม่าเก้าอี้ ‘ประธานสภา’ ต้องเจรจากัน

‘พิธา’ โพสต์เฟซบุ๊ก ปมดราม่าเก้าอี้ ‘ประธานสภา’ ขอให้พรรคร่วมรัฐบาลกลับไปพูดคุยกันผ่านตัวแทนแต่ละพรรคในวงเจรจาจะดีที่สุด ลั่น ต้องจับมือเกี่ยวแขนกันไว้ให้มั่น ‘ตั้งรัฐบาล’ ให้สำเร็จ

การเมืองประเทศไทย หลังการเลือกตั้ง2566 ยังรอลุ้น กกต.รับรองผลการเลือกตั้ง ขณะที่การฟอร์มทีม 8 พรรคการเมืองเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ยังติดหล่มปมดราม่าเก้าอี้ ‘ประธานสภา’ ทั้งจากพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ว่าพรรคการเมืองไหนควรได้ตำแหน่งนี้ไปครอง ล่าสุดว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยออกมาเคลื่อนไหวแล้ว

26 พ.ค. 2566  เมื่อเวลา 12.12 น. เฟซบุ๊กส่วนตัวของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความ ชี้แจงเรื่องเก้าอี้ ‘ประธานสภา’ หลังจากพรรคเพื่อไทยก็แสดงจุดยืนว่าควรเป็นของพรรคเพื่อไทย ว่า

เรื่อง #ประธานสภา ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เป็นเรื่องความเห็นไม่ตรงกันของพรรคร่วมรัฐบาลที่เล็กมากถ้าหากเทียบกับภารกิจที่ประชาชนมอบความไว้วางใจให้พวกเรามา

ดังนั้น พรรคร่วมรัฐบาลต้องจับมือเกี่ยวแขนกันไว้ให้มั่นคง ทำภารกิจยุติสืบทอดอำนาจรัฐประหาร พาประเทศไทยกลับสู่ประชาธิปไตยให้สำเร็จจงได้

พวกเราต่างก็รับทราบวิธีคิด หลักการ เหตุผล ของทุกฝ่ายชัดเจนแจ่มแจ้งในประเด็นนี้กันแล้ว

ดังนั้น ผมขอให้เรื่องตำแหน่งประธานสภานี้ ให้พรรคร่วมรัฐบาลกลับไปพูดคุยกันผ่านตัวแทนแต่ละพรรคในวงเจรจาจะดีที่สุด

ตอนนี้ ขอให้ทุกพรรคเดินหน้าทำงานปรับจูน นโยบายร่วมกัน ตั้งรัฐบาลให้สำเร็จตามความคาดหวังของประชาชนครับ

ขอบคุณที่มา : เพจ Pita Limjaroenrat – พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

อดีตสว. บี้สภาสูงโหวตหนุน ‘พิธา’ นายกฯ-จี้ กกต. รับรองผลเลือกตั้ง2566

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/politics/549751

26 พ.ค. 2566

อดีตสว. บี้สภาสูงโหวตหนุน ‘พิธา’ นายกฯ-จี้ กกต. รับรองผลเลือกตั้ง2566

อดีตผู้สมัครผู้ว่ากทม. แท็กทีมอดีตสว. เรียกร้อง กกต.เร่งรับรองผลเลือกตั้ง 2566 เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ เชื่อเลือกตั้งคราวหน้า ‘ก้าวไกล’ เป็นรัฐบาลพรรคเดียว – บี้สภาสูง เคารพเสียงประชาชน 14 ล้านเสียง

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)นายธเนตร วงษา อดีตผู้สมัครผู้ว่า กทม.พร้อมด้วยนายเอกรินทร์ นิลสวัสดิ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาปี 2549 ยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ให้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง2566 ให้เร็วที่สุดเพื่อประเทศไทยจะได้เดินหน้าในการทำธุรกิจ

ที่ผ่านมา ตนไม่ใช่สีแดงไม่ใช่สีส้มแต่เป็นผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง เป็นคนรักประชาธิปไตยครั้งนี้เป็นมติมหาประชาชนที่ประชาชนคนไทยลงมติ ให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยตนขอสนับสนุน

ชิงตำแหน่ง ‘ประธานสภา’ เป็นเรื่องปกติ

ส่วนที่มีประเด็นพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยแย่งตำแหน่งประธานสภานั้น ส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องปกติ เพราะว่าเป็นการแสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง และคิดว่าเดินหน้ากันต่อได้เพราะเป็นมติของประชาชนชัดเจนและคิดว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่มีคะแนนธรรมชาติมีคะแนนที่ได้มาจากเสียงของประชาชนจริงๆเป็นความต้องการของประชาชนจริงๆ

ส่วนตัวชอบนโยบาย 300 นโยบายของพรรคก้าวไกลโดยเฉพาะเรื่องสุราก้าวหน้าเรื่องสมัครใจเป็นทหาร เรื่องกระจายอำนาจเลือกตั้งผู้ว่าจะทำให้ประเทศไทยเจริญไปทุกจังหวัด

เลือกตั้งรอบหน้า ‘ก้าวไกล’ ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว

ส่วนถ้าพรรคก้าวไกลไม่ได้จะตั้งรัฐบาล แต่กลับต้องเป็นฝ่ายค้าน ตนมองตนมองว่ารอบหน้าอีก 4 ปีพรรคก้าวไกลจะได้ตั้งรัฐบาลเพียงพักเดียว หากเป็นเช่นนั้นจริงๆตนรอได้

นายธเนตร วงษา อดีตผู้สมัครผู้ว่า กทม.พร้อมด้วยนายเอกรินทร์ นิลสวัสดิ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาปี 2549 ยื่นหนังสือถึงประธาน กกต.เร่งรับรองผลเลือกตั้ง2566นายธเนตร วงษา อดีตผู้สมัครผู้ว่า กทม.พร้อมด้วยนายเอกรินทร์ นิลสวัสดิ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาปี 2549 ยื่นหนังสือถึงประธาน กกต.เร่งรับรองผลเลือกตั้ง2566

เชื่อปม ‘พิธา’ ถือหุ้นสื่อเป็นการกลั่นแกล้ง

ส่วนสำหรับกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลยังต้องมีการตรวจสอบกรณีเรื่องถือหุ้นสื่อนั้น ตนมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งเพราะนักวิชาการออกมาระบุว่าหุ้นน้อยมากไม่ สามารถที่จะบงการอะไรได้และสื่อไอทีวี(ITV) ก็ปิดไปนานแล้ว เรื่องหุ้นไม่น่าจะมีปัญหา

สว.ต้องเคารพ 14 ล้านเสียงปชช.

ด้านนายเอกรินทร์ กล่าวแสดงความเห็นเกี่ยวกับทิศทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของสว. ว่าจริงๆสว.ต้องเคารพเสียงประชาชน ส.ว. เพราะว่าสว.ที่แต่งตั้งขึ้นมาจากกระบวนการรัฐธรรมนูญปี2560 แต่สุดท้ายแล้ว สว.ก็ไม่น่าจะมาเข้าร่วม ในสิทธิของประชาชน ควรให้อิสระในการโหวตเลือกนายกฯ เพื่อให้ได้เลือกคนที่เป็นไอดอลของประเทศไทย 14 ล้านเสียง มีความเหมาะสมที่สุด

นายเอกรินทร์ นิลสวัสดิ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาปี 2549 บี้สภาสูงเคารพ14 ล้านเสียงประชาชนนายเอกรินทร์ นิลสวัสดิ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาปี 2549 บี้สภาสูงเคารพ14 ล้านเสียงประชาชน

‘สุธรรม’ จี้กกต.รับรองผลเลือกตั้ง ย้ำ ‘ประธานสภา’ ต้องได้คนดีที่สุด

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/politics/549739

26 พ.ค. 2566

'สุธรรม' จี้กกต.รับรองผลเลือกตั้ง ย้ำ 'ประธานสภา' ต้องได้คนดีที่สุด

‘สุธรรม’ เพื่อไทย จี้ กกต.เร่งรับรองผลการเลือกตั้ง2566 เพื่อเปิดประชุมสภา ตั้งรัฐบาล เชื่อสภา คือทางออกทุกปัญหา สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน-นักลงทุน ย้ำความเห็นต่างตำแหน่ง ‘ประธานสภา’ เกิดขึ้นได้ ท้ายสุดจะได้บุคคลที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมือง

12 วันหลังเลือกตั้ง2566 แม้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะรายงานผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ แต่ยังไม่มีการรับรองผลการเลือกตั้ง2566 ทั้งในระบบเขต และระบบบัญชีรายชื่อ ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวจากแกนนำพรรคเพื่อไทย

นายสุธรรม แสงประทุม ว่าที่ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และอดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ กกต. เร่งประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการโดยเร็วที่สุด เพื่อให้มีการเรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎร สรรหาประธานสภา และโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี หลังจาก กกต.รับรอง 15 วัน

“เพื่อเปิดประชุมสภาฯให้เข้าไปทำงาน ดึงความเชื่อมั่นต่างๆ ทั้งการลงทุนในประเทศ ความเชื่อมั่นของประชาชน และความเชื่อมั่นของนักลงทุนในนานาประเทศเองก็จะดีขึ้น จะทำให้บ้านเมืองเราที่เงียบเหงาซบเซาไปมานาน ได้เดินไปข้างหน้า”

'สุธรรม' จี้กกต.รับรองผลเลือกตั้ง ย้ำ 'ประธานสภา' ต้องได้คนดีที่สุด

‘ประธานสภา’ ต้องได้คนดีที่สุดสำหรับบ้านเมือง

ส่วนความคิดเห็นในการเลือก’‘ประธานสภา’ ที่ยังแตกต่างกันนั้น นายสุธรรม ระบุว่า อยากให้พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย ได้ปรึกษาหารือกัน หาก กกต.รับรองผลการเลือกตั้งแล้ว ภายใน 15 วัน คิดว่ายังทัน ในการสรรหาบุคคลที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมือง ไม่ใช่เพื่อพรรคใดพรรคหนึ่ง ตำแหน่งประธานสภาตนไม่ห่วงใยมากนัก เพราะประชาชนเลือกตั้งมา เพื่อให้ผู้แทนประชาชน หาทางออกในทุกปัญหาผ่านระบบสภา

“การเลือกตำแหน่งประธานสภาที่ยัง ที่หาคนเหมาะสมดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองนะครับ ไม่ใช่ดีที่สุดสำหรับพรรคใดพรรคหนึ่ง ดีที่สุดสำหรับบ้านเมือง ให้สมตามเจตนารมของประชาชน และอยากเห็นการเมืองเปลี่ยนแปลงอย่างส้นติ “

สุธรรม แสงประทุม อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฏรสุธรรม แสงประทุม อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฏร

ผู้สื่อข่าวถามว่า เก้าอี้ ‘ประธานสภา’ จะเป็นแรงกดดันให้พรรคเพื่อไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายสุธรรม กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่มีวุฒิภาวะทางการเมือง ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ประสบความสูญเสียที่หนัก ถูกยึดอำนาจ ถูกทำลายพรรคหลายครั้งทุกรูปแบบ

“ทำให้เราทนทาน รับรู้ถึงความคาดหวังของประชาชน เราจะนำพาเจตนารมณ์ของพี่น้องประชาชนประสบความสำเร็จให้ได้ พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยทุกพรรค มีความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง คำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน อยากเห็นบ้านเมืองสันติ ตอนนี้มีอุปสรรคเล็กน้อยระหว่างกระบวนการเท่านั้น อาจยุ่งเหยิงบ้าง แต่สุดท้ายจะมีผลสัมฤทธิ์และผลสำเร็จนั้นแน่นอน”

สภาฯ จะให้คำตอบใครเป็น ‘ประธานสภา’

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลตกลงกันไม่ได้ มีการเสนอให้พรรคประชาชาติ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานสภานั้น นายสุธรรม กล่าวว่า ต้องให้สภาเป็นคนหาคำตอบ ความคาดหวังมีหลายแบบ ท้ายที่สุดที่ประชาชนเลือกตั้งมา ใช้งบประมาณประเทศมหาศาล และรอคอยมายาวนานเราอยากเห็นดอกผลนี้เป็นจริง ไม่อยากเห็นการเสียโอกาสเกิดขึ้น หนทางข้างหน้ายังมีอีกมาก เรื่องต่างๆ เชื่อว่าจะคลี่คลายได้ โดยขอให้เอาเป้าหมายใหญ่ของส่วนรวมทั้งหมดเป็นหลัก

ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวิตและรีทวีตข้อความต่างๆ มีผลต่อการร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลหรือไม่นั้น นายสุธรรม กล่าวว่า ไม่มี ดร.ทักษิณ ให้เกียรติคนรุ่นใหม่เสมอ เคารพเจตนารมณ์ของประชาชน ดร.ทักษิณ ยังเป็นผู้ที่ถูกกระทำโดยละเมิดหลักการมาโดยตลอด จึงเคารพหลักการ เป็นคนง่ายๆ ซื่อๆ บางครั้งง่ายเกินไป ซื่อเกินไป จนทำให้คนเข้าใจผิด ตนไม่เชื่อว่าใครจะชี้นำเจตนารมณ์ของประชาชนที่ยิ่งใหญ่นี้ได้

ดังนั้นทุกฝ่ายจึงต้องประคับประคองให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ส่วนการรีทวีตนายดวงฤทธิ์ บุนนาค นั้น ถือเป็นการแสดงความเห็นประกอบเท่านั้น แต่ในท้ายที่สุด การประชุมสภาจะเป็นทางออก เป็นที่ถกเถียงปัญหาอย่างรองคอบ ลดข้อขัดแย้ง หาข้อสรุปที่ดีที่สุดที่ทั้วโลกยอมรับมากกว่าต่างคนต่างพูด ต่างคนต่างแสดงความคิดเห็น

‘สุธรรม’ เชื่อกลไกสภาทางออกทุกปัญหา

ทั้งนี้ ตนไม่อยากให้ความเห็นนอกระบบมาก่อกวนการจัดตั้งรัฐบาล โดยเชื่อว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะสามารถตกลงกันได้ตามครรลอง โดยยึดเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะดูจาก MOU ที่ร่วมหารือกันถือว่าไปได้ 80% แล้ว ถึงอย่างไรก็หนีการพูดคุยกันในสภาไม่พ้น อยากให้ทุกคนเดินหน้าต่อไป ตามที่ประชาชนคาดหวังอยากเห็นบ้านเมืองรอดพ้นจากวิกฤตที่เจอมาตลอด 8-9 ปีที่ผ่านมา

เชื่อว่ากลไกทางสภาที่พี่น้องประชาชนคาดหวัง มอบหมายความไว้วางใจผ่านการเลือกตั้ง จะเริ่มต้นเดินต่อไป เมื่อมีการรับรอง สส. มีการประชุมสภา เลือกประธานสภาและนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าจะฟื้นความเชื่อมั่นให้กับประเทศได้ ทั้งความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ ความเชื่อมั่นนักลงทุน ความเชื่อมั่นประชาชนที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองไปในทิศทางที่ถูกต้อง

“ผมอยากให้ กกต.ดำเนินการเรื่องนี้ตามครรลอง เร่งรับรองผลการเลือกตั้ง เพื่อเร่งจัดตั้งรัฐบาล นโยบายดีๆมีอีกเยอะมาก ที่พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และพรรคอื่นๆ ต้องผลักดัน พรรคเพื่อไทยมีวุฒิภาวะ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ เจอความสูญเสียที่หนัก ผมขอชื่นชมฝ่ายประชาธิปไตย ที่ได้ฟอร์มทีมแลกเปลี่ยนปรึกษาหารือ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ ไม่อยากให้กลไกนอกสภา เข้ามามีบทบาทพลิกผันเจตนารมณ์ของประชาชน” นายสุธรรม กล่าว

สุธรรม แสสุธรรม แส

เคลื่อนไหวตามระบบรัฐสภา

นายสุธรรม กล่าวอีกว่า การแสดงเจตจำนงในระบอบประชาธิปไตยที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ๆ ในชีวิตของตน ก็คือการเปลี่ยนแปลง 14  ตุลาฯ นั่นเป็นการเคลื่อนไหวนอกสภา และพฤษภาทมิฬ ก็เช่นเดียวกัน เป็นการเคลื่อนไหวนอกสภา  แต่การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นการเคลื่อนไหวตามระบบรัฐสภา ที่สงบสันติและตามครรลองที่นานาชาติยอมรับ และสากลยอมรับ

ตำแหน่ง ‘ประธานสภา’ สุดท้ายก็ต้องโหวตตาม ‘ข้อบังคับการประชุม’

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/politics/549744

26 พ.ค. 2566

ตำแหน่ง 'ประธานสภา' สุดท้ายก็ต้องโหวตตาม 'ข้อบังคับการประชุม'

‘ข้อบังคับการประชุม’ กำหนดให้การเลือก ‘ประธานสภา’ ต้องโหวตในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เท่านั้น แต่งตั้งกันเองไม่ได้

รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 84 มีสาระสำคัญ ระบุว่าในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้รับเลือกตั้งถึงร้อยละ 95 ของจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมดแล้ว หากมีความจําเป็นจะต้องเรียกประชุมรัฐสภาก็ให้ดําเนินการเรียกประชุมรัฐสภาได้   

ขณะที่มาตรา 121 วรรค  1 ระบุว่า ภายใน 15 วันนับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันเป็นการเลือกตั้งทั่วไป ให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อให้สมาชิกได้มาประชุมเป็นครั้งแรก

นี่ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่จะนำไปสู่การเลือกนายกรัฐมนตรี ที่ต้องกระทำในที่ประชุมรัฐสภา ตามบทเฉพาะกาลมาตรา 272  เจษฎ์ โทณะวนิก อดีตที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ชี้ว่า ก่อนการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี ต้องเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีประธานรัฐสภา เพราะประธานสภาผู้แทนราษฎร คือ ผู้ทำหน้าที่ประธานรัฐสภา

เมื่อย้อนดู ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร  จะพบว่า การเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องกระทำในที่ประชุมสภา ไม่สามารถกะเกณฑ์เอาตามความพอใจของพรรคการเมืองเช่นที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่ในปัจจุบันนี้ได้ 

ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ข้อที่ 5 ระบุว่าการเลือกประธานสภาและรองประธานสภาในการประชุมครั้งแรก ให้เลขาธิการเชิญสมาชิก ผู้มีอายุสูงสุดซึ่งอยู่ในที่ประชุมเป็นประธานชั่วคราวของที่ประชุม เพื่อให้ที่ประชุมดำเนินการ เลือกประธานสภาและรองประธานสภา และเพื่อให้ที่ประชุมดำเนินการในเรื่องอื่นที่จำเป็นจะต้อง ประชุมปรึกษาในการประชุมครั้งนั้นด้วย

ในการดำเนินการเลือกตามวรรคหนึ่ง ถ้าผู้เป็นประธานชั่วคราวของที่ประชุมได้รับการเสนอชื่อ เป็นประธานสภาหรือรองประธานสภา ให้สมาชิกผู้มีอายุสูงสุดในลำดับถัดไปซึ่งอยู่ในที่ประชุม เป็นประธานชั่วคราวของที่ประชุม

ข้อบังคับการประชุมข้อที่ 6 ระบุให้ สมาชิกแต่ละคนมีสิทธิเสนอชื่อสมาชิกได้หนึ่งชื่อ โดยต้องมีจำนวนสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่ายี่สิบคน ให้ผู้ถูกเสนอชื่อตามวรรคหนึ่ง กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในการที่จะดำรงตำแหน่ง ต่อที่ประชุม ภายในระยะเวลาที่ประธานกำหนด โดยไม่มีการอภิปราย ถ้ามีการเสนอชื่อผู้ใดเพียงชื่อเดียว ให้ถือว่าผู้ถูกเสนอชื่อนั้นเป็นผู้ได้รับเลือก

ถ้ามีการเสนอชื่อ หลายชื่อ ให้ออกเสียงลงคะแนนเป็นการลับ ให้ประธานประกาศชื่อผู้ได้รับเลือกต่อที่ประชุม  หมายความไม่ว่าจะมีการเสนอชื่อ ใครเป็นประธานสภา สุดท้ายต้องมีการลงคะแนนในที่ประชุม ตามข้อบังคับ

ส่องเพลง คนการเมือง โพสต์แทนคำพูด กลางประเด็น ‘ ศิธา -หมอชลน่าน’

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/politics/549724

25 พ.ค. 2566

ส่องเพลง คนการเมือง โพสต์แทนคำพูด กลางประเด็น ' ศิธา -หมอชลน่าน'

ส่องบทเพลงเก่า ที่เคยดังในยุค 80 และ 90 หลัง คนการเมืองใช้เป็นตัวแทนคำพูดในใจ ในประเด็นความไม่พอใจ ระหว่าง ผู้พันปุ่น กับ นพ.ชลน่าน

นับเป็นเรื่องที่คอการเมืองให้ความสนใจ และติดตามอย่างใกล้ชิด ต่อประเด็นความไม่พอใจที่เกิดขึ้น ระหว่าง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กับ น.ต.ศิธา ทิวารี หรือ ผู้พันปุ่น จนหลายฝ่ายมองว่าจะกระทบต่อความเป็นพันธมิตร ทัพ 8 พรรคการเมือง ที่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลในอนาคต ซึ่งเริ่มต้นมาจากการตั้งคำถามของ ผู้พันปุ่น ในเรื่อง Advance MOU จนมีการตอบโต้ไปมา

บทเพลงที่คนการเมืองโพสต์ต่อกันบทเพลงที่คนการเมืองโพสต์ต่อกัน


ท่ามกลางการแจงไปโต้มา บทเพลง จำนวนหนึ่งถูกนำมาใช้เป็นเสมือนหนึ่งตัวแทนคำพูด และความในใจของแต่ละฝ่าย และบนเพลงเหล่านั้น เป็นเพลงที่โด่งดัง ในช่วงปลายยุค 80 ต่อยุค 90 จึงขอวางประเด็นร้อน แล้วมาดูกันว่า แต่ละเพลงที่ถูกนำมาใช้นั้น มีเพลงอะไรกันบ้าง 
 

ส่องเพลง คนการเมือง โพสต์แทนคำพูด กลางประเด็น ' ศิธา -หมอชลน่าน'
เริ่มต้นที่ น.ต.ศิธา เปิดประเด็นใช้เพลงสื่อสาร ด้วยเพลง ‘อีกหน่อยเธอคงเข้าใจ’  จากนั้น ทาง อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ฝั่งพรรคเพื่อไทย ก็มีการโพสต์ด้วยเนื้อเพลงเช่นกัน ด้วยบทเพลง ‘ซ้ำเติม’ ซึ่งเป็นผลงานของนักร้องคนเดียวกัน นั่นคือ เอก ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ นักร้อง นักจัดรายการวิทยุชื่อดัง และเป็นผู้ก่อตั้งค่ายเพลง มิวสิก บั๊กส์ ค่ายเพลงที่ถือกำเนิดในยุคเพลงอินดี้เฟื่องฟู ทั้งบทเพลง ‘อีกหน่อยเธอคงเข้าใจ’   และ ‘ซ้ำเติม’ เป็นผลงานเพลงที่อยู่ในอัลบั๊มเดียวกันที่ชื่อว่า ร็อกกระทบไม้ ออกวางจำหน่ายในปี 2535 เป็นผลงานเพลงอัลบั๊มที่ 4 ของ ธเนศ 

ปกเทปคาสเซ็ท อัลบั๊ม ร็อกกระทบไม้ ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ ปกเทปคาสเซ็ท อัลบั๊ม ร็อกกระทบไม้ ธเนศ วรากุลนุเคราะห์


ส่วนอีกฟากฝั่ง อย่าง ก้าวไกล ตัวตึงของพรรค อย่าง วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ได้ใช้บทเพลงเสมือนเป็นเครื่องรวมใจ โพสต์แสดงความเห็น ด้วยเพลง ‘จับมือกันไว้’ ที่หลาย ๆ คนรู้จักกันอย่างดีแม้ในยุคปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลงานการขับร้องของ เบริ์ด ธงไชย แมคอินไตย์ นักร้องระดับซุปเปอร์สตาร์ของประเทศ สำหรับเพลง ‘จับมือกันไว้’ เป็นผลงานเพลงลำดับที่ 9 หรือเพลงที่ 3 ในหน้า 2 ของเทปคาสเซ็ท ในอัลบั๊มที่ 4 ชื่อว่า ส.ค.ส.

ปกอัลบั้ม ส.ค.ส.ของ เบริ์ด ธงไชย แมคอินไตย์ ปกอัลบั้ม ส.ค.ส.ของ เบริ์ด ธงไชย แมคอินไตย์

ออกวางจำหน่ายครั้งแรก 17 ธันวาคม พ.ศ. 2531 ยอดขายเทปครั้งนั้น มีการระบุข้อมูลไว้ว่า ขายได้เกิน 9.5 แสนตลับ ถัดมาอีก3ปี ได้มีการจัดจำหน่ายอีกครั้งในรูปแบบซีดี มิถุนายน พ.ศ. 2534
เรียกได้ว่า แต่ละบทเพลงที่แต่ละคนนำมาใช้เพื่อเป็นตัวแทนการสื่อสารที่แท้จริงนั้น เนื้อหากินใจ และบอกอายุของแต่ละคนได้ดีทีเดียว.

‘เพื่อไทย’ ขอ ‘ประธานสภา’ ลั่นประมุขคนละฝ่ายก็ไม่เลว

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

https://www.komchadluek.net/news/politics/549711

25 พ.ค. 2566

'เพื่อไทย' ขอ 'ประธานสภา' ลั่นประมุขคนละฝ่ายก็ไม่เลว

‘ประเสริฐ’ เผย ‘เพื่อไทย’ แจ้งขอตำแหน่ง ‘ประธานสภา’ ก่อนแล้ว รอคำตอบ ‘ก้าวไกล’ พรรคอันดับ 2 เป็นไม่เสียหาย คะแนน สส.เขตเท่ากัน ชี้ต่างฝ่ายเป็นประมุขก็ไม่เลว ส่วนชื่อ ‘หมอชลน่าน’ เหมาะสมแล้ว

มาที่ฝั่ง “พรรคเพื่อไทย” บ้าง ขอตำแหน่ง “ประธานสภาผู้แทนราษฎร” ซึ่งยังต้องรอข้อสรุปอีกครั้ง เนื่องจาก “พรรคก้าวไกล” ก็ประกาศชัดเจนว่าตำแหน่งนี้ต้องเป็นของเขา เพื่อคุมอำนาจนิติบัญญัติ

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เผยว่า ขณะนี้รอคำตอบจากพรรคก้าวไกล เนื่องจากเมื่อวันที่ทำ MOU ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ได้แจ้งความประสงค์ถึงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย อีกฝ่ายแจ้งว่า ขอเวลาอีก 2-3 วัน จะเอาคำตอบมาให้ ซึ่งมองว่ากองเชียร์ทั้ง 2 ฝั่ง อยากให้ สส.และแกนนำของแต่ละพรรคเป็น และ ตำแหน่งประธานสภาเป็นตำแหน่งสำคัญ อยากให้คำนึงถึงความเหมาะสม แต่ถ้าพรรคก้าวไกลไม่ยอมพรรคเพื่อไทยก็คงต้องกลับมาหารือกันอีกครั้ง

พร้อมยกตัวอย่างเมื่อปี 2562 นายชวน หลีกภัย เป็นประธานสภาฯ ซึ่งมาจากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคลำดับที่ 4 แต่ครั้งนี้เสียงใกล้กันมาก โดยเฉพาะ สส.แบบแบ่งเขต ที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยได้ 112 เท่ากัน เพราะฉะนั้นอยากให้มีการพูดคุยกันเพื่อหาทางออก และเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยเคยประสานงานไปแล้ว จึงอยากให้บรรยากาศการทำงานเป็นไปได้ด้วยดี เพราะได้ทำ MOU ไปแล้ว ไม่อยากให้บางเรื่องมาเป็นอุปสรรค หากปล่อยให้ต่างฝ่ายออกมาพูดก็ไม่จบซะทีและยิ่งนานไปก็ไม่ใช่ผลดี เพราะที่ผ่านมาการคุยกับพรรคก้าวไกลและพรรคร่วมอื่นๆบรรยากาศเป็นไปได้ด้วยดีทุกครั้ง

ส่วนจะกระทบกับการจับมือจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ยังยืนยันเจตนารมย์พรรคเพื่อไทย สนับสนุน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีในฐานะที่พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เรื่องประธานสภาเป็นคนละกรณีกัน และไม่มีใน MOU 

เมื่อถามว่า 10 เสียงที่ห่างกันไม่ได้มากพรรคเพื่อไทยถอยให้กับพรรคก้าวไกลพอสมควรหรือยังนั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า พอสมควร เพราะ 10 เสียงเป็นคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ที่ต่างกันเท่านั้น หากพรรคก้าวไกลได้รับการคัดเลือกตั้ง สส.เกินครึ่งหนึ่ง คือ 250 จะจบปัญหานี้ ไม่เกิดแน่นอน และในอดีตที่ผ่านมาพรรคที่ได้ลำดับที่ 1 กับ ลำดับที่ 2 จะ คะแนนต่างกัน คนละฝั่งกัน แต่ครั้งนี้เป็นฝั่งพรรคประชาธิปไตยเหมือนกัน ไม่มีพรรคใดที่ได้เสียงเกินครึ่งหนึ่ง จึงอยากให้ทุกฝ่ายมองถึงความเหมาะสม  

“ทางพรรคก้าวไกลได้นายกฯ เบอร์ 1 ไปแล้วถ้าพรรคเพื่อไทยมีโอกาสทำงานตรงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย” 

ส่วนที่มีชื่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ชิงเก้าอี้ประธานสภาฯ นายประเสริฐ มองว่า มีความเหมาะสม มีประสบการณ์ในสภา เป็น สส. 6 สมัย และเก่งเรื่องข้อบังคับ รวมถึงยังเป็นหัวหน้าพรรคด้วย ซึ่งหัวหน้าพรรคหนึ่งเป็นนายกฯ หัวหน้าอีกพรรคหนึ่งเป็นประธานสภาก็ไม่เลว

ส่วนข้อพิพาทระหว่าง นพ.ชลน่าน กับ นาวาอากาศตรีศิธา ธิวารี จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวหรือไม่ นายประเสริฐ หัวเราะ ก่อนตอบว่า อยากให้บรรยากาศดีกว่านี้ และต้องเคลียร์ใจกันเร็วๆ ซึ่งเมื่อก่อนทั้งสองฝ่ายรักกันดี ถูกคอกัน แต่นพ.ชลน่านเป็นผู้ใหญ่และเป็นหัวหน้าพรรค เมื่อมาเจอคำถามลักษณะถามจี้ 2 ครั้ง ตนว่าคงทำให้ท่านหงุดหงิดพอสมควรแต่ตนคิดว่าท่านเป็นผู้ใหญ่ท่านคงให้อภัย