SABINA คอลเลคชั่นใหม่ Friendly Earth ตอบโจทย์สายแฟชั่นรักษ์โลก

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/677547

วันที่ 08 มี.ค. 2565 เวลา 10:18 น.SABINA คอลเลคชั่นใหม่ Friendly Earth ตอบโจทย์สายแฟชั่นรักษ์โลก

SABINA เปิดตัวชุดชั้นในคอลเลคชั่น ‘เฟรนด์ลี่ เอิร์ธ” (Friendly Earth) เน้นวัตถุดิบ-กระบวนการผลิต ‘เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม’ ตอบโจทย์ลูกค้าสายแฟชั่นรักษ์โลก

งานนี้คนรักแฟชั่นหัวใจรักษ์โลกยิ้มแก้มปริกันเลยทีเดียว เมื่อ SABINA เดินหน้าเปิดตัวสินค้ากลุ่มยั่งยืน (Sustainable Product) วางขายคอลเลคชั่น “Friendly Earth” (เฟรนด์ลี่ เอิร์ธ) ที่ใส่ใจตั้งแต่วัตถุดิบที่ผลิตจากเส้นใยรีไซเคิล (Recycled Yarn) ลดการใช้วัตถุดิบที่สร้างขึ้นใหม่ ขณะที่กระบวนการผลิตเลือกใช้วิธีย้อมแบบประหยัดน้ำ (Light on Water) ลดการขาดแคลนน้ำและลดปริมาณน้ำเสียที่เกิดขึ้นในขั้นตอนย้อม และเลือกใช้สีพิมพ์รักษ์โลก (Eco Printing) ในขั้นตอนการพิมพ์ ลดโอกาสเกิดน้ำเสียจากสารเคมี มั่นใจตอบโจทย์ลูกค้าสายแฟชั่นที่รักษ์โลก และความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม วางเป้าเพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่มยั่งยืนให้ได้ 5% ในปี 2566 พร้อมเชิญชวนลูกค้าร่วมอนุรักษ์โลกได้ที่ซาบีน่า ช็อป และเคาน์เตอร์ ซาบีน่า รวมทั้งช่องทางออนไลน์ ตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป

นางสาวพิชชา ธนาลงกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในแบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยว่า  “ซาบีน่า” แบรนด์ชุดชั้นในของคนไทยมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ผู้คนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตลอดจนให้ความใส่ใจในการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ทุกการสวมใส่ ช่วยลดการสร้างผลกระทบต่อโลกใบนี้ ภายใต้คอนเซ็ปต์  We care for your EVERYWEAR  จากความมุ่งมั่นดังกล่าวได้เผยโฉมให้เห็นครั้งแรกในรูปแบบแคปซูล คอลเลคชั่นในชื่อ “เฟรนด์ลี่ เอิร์ธ” (Friendly Earth) ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นพิเศษที่ใช้กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยังคงคุณภาพ ความสบาย และดีไซน์ ซึ่งเป็นจุดเด่นของซาบีน่า

“ต้องยอมรับว่าหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมคืออุตสาหกรรมเสื้อผ้าแฟชั่น ที่ถึงแม้จะมาไวไปไวแต่กลับทิ้งร่องรอยผลกระทบ และขยะบนโลกมหาศาล ซาบีน่าในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายชุดชั้นในรายใหญ่ในประเทศไทย จึงมองหาแนวทางในการบรรเทาผลกระทบจากการผลิต พร้อมหยิบยกความยั่งยืนเป็นวาระสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ทำการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้มาซึ่งชุดชั้นในที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งไม่เพียงแค่เรื่องของวัสดุเท่านั้นที่เราให้ความสำคัญ แม้แต่ขั้นตอนการผลิตเราก็ไม่ได้ละเลย ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบที่ผลิตมาจากเส้นใยรีไซเคิล โดยนำเส้นด้ายที่เป็นวัตถุดิบเหลือใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอมารีไซเคิลเป็นผ้า นำมาผลิตเป็นชุดชั้นในเพื่อลดการใช้วัตถุดิบที่สร้างขึ้นมาใหม่ นอกจากนี้ เรายังดูแลถึงขั้นตอนการผลิต เพราะเราตระหนักถึงความสิ้นเปลืองทั้งทรัพยากรและพลังงานจากการย้อมสีผ้า เนื่องจากต้องใช้น้ำในปริมาณมาก และยังเต็มไปด้วยสารเคมีหลายชนิด ดังนั้น ในคอลเลคชั่น “เฟรนด์ลี่ เอิร์ธ” (Friendly Earth) ทางแบรนด์จึงเปลี่ยนมาใช้วิธีการย้อมผ้าที่เรียกว่า Light on Water หรือกระบวนการย้อมแบบประหยัดน้ำ เพื่อลดการสูญเสียน้ำสะอาด และลดการสร้างมลพิษจากการย้อมผ้า ขณะที่อีกหนึ่งขั้นตอนที่เราให้ความสำคัญไม่แพ้กัน คือ การใช้ “สีพิมพ์รักษ์โลก” ที่เรามั่นใจว่า ไม่มีการปล่อยน้ำเสีย หรือสารเคมีใด ๆ ที่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม โดยในทุกขั้นตอน ซาบีน่ามุ่งมั่นที่จะใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทุกๆ กระบวนการผลิตสินค้าแฟชั่น เพื่อก่อให้เกิดการผลิตแบบยั่งยืน (Sustainable Production) และเพื่อให้ชุดชั้นในคอลเลคชั่น “เฟรนด์ลี่ เอิร์ธ” (Friendly Earth) เป็นชุดชั้นในที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์ลูกค้าสายแฟชั่นที่รักษ์โลกอย่างแท้จริง” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด SABINA

ทั้งนี้ SABINA ตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่มที่เน้นความยั่งยืน (Sustainable Product) ให้มีสัดส่วนไม่น้อยกว่า 5% ของสินค้าทั้งหมด โดยมีเป้าหมายจะทำให้สำเร็จภายในปี 2566 เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้งบริษัทฯ และลูกค้าได้มีส่วนร่วมในการดูแลโลกไปด้วยกัน

สำหรับคอลเลคชั่น Friendly Earth เป็นสินค้ากลุ่มรักษ์โลกที่สามารถเพิ่มความมั่นใจให้ผู้สวมใส่ มีวางจำหน่ายแล้ววันนี้ ผู้สนใจสามารถร่วมส่วนหนึ่งในการสนับสนุนคอลเลคชั่นที่สวย สวมใส่สบาย และดีต่อโลก จาก “ซาบีน่า” ได้แล้ววันนี้ ที่ซาบีน่า ช็อป รวมถึงเคาน์เตอร์ซาบีน่า ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ และซาบีน่าออนไลน์ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านทาง Facebook : SabinaThailand  | Line@: @SabinaThailand |  Instagram : Sabina_ig  หรือ www.sabina.co.th

กลเม็ดเคล็ดไม่ลับช่วยให้ลูกน้อยทานอาหารมากขึ้น

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/677522

วันที่ 07 มี.ค. 2565 เวลา 20:52 น.กลเม็ดเคล็ดไม่ลับช่วยให้ลูกน้อยทานอาหารมากขึ้น

คลายกังวลเรื่องปัญหาการกินของลูกน้อย จินนี่ย์ (JINNY) ตัวช่วยพ่อแม่ยุคใหม่ สารอาหารครบถ้วนตามหลักโภชนาการ

พ่อแม่ต้องเจอ!! ปัญหาการกิน หนึ่งในเรื่องที่กังวลโดยเฉพาะเด็กเล็กในช่วงปฐมวัย ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการเลือกกิน การปฏิเสธการรับประทานอาหารมื้อหลัก ซึ่งอาจส่งผลต่อโภชนาการที่เป็นพื้นฐานของการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ดังนั้น หลายบ้านจึงมีกลเม็ดเคล็ดไม่ลับแตกต่างกันไปในการช่วยให้ลูกน้อยรับประทานอาหารมากขึ้น ด้วยการรังสรรค์เมนูอาหารใหม่ ๆ ปรุงแต่งรสชาติให้อร่อยมากยิ่งขึ้น จินนี่ย์ (JINNY) ผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับเด็ก จึงเป็นหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่เลือกใช้ ช่วยให้การปรุงอาหารเป็นเรื่องง่าย มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยขั้นตอนการผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100% ปราศจากผงชูรสและวัตถุกันเสีย สะดวกปลอดภัย ครบถ้วนด้วยสารอาหารและคุณประโยชน์ ให้ทุกมื้ออาหารเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับครอบครัว  

ยศสรัล แต้มคงคา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็ม.เอส.กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “ในวันที่ลูกสาว ‘น้องไอย’ เริ่มมีพฤติกรรมเลือกรับประทานอาหารและทานยากในแต่ละมื้อ ผมลองหาข้อมูลและพบว่าเป็นหนึ่งปัญหาใหญ่ของหลายครอบครัว ความคิดที่จะทำผลิตภัณฑ์เพื่อเป็นตัวช่วยให้ลูกทานอาหารง่ายขึ้นและครบถ้วนด้วยสารอาหารจึงผุดขึ้นมา โดยใช้ประสบการณ์จากธุรกิจเกี่ยวกับอาหารของครอบครัว คิดค้นและพัฒนาเป็นอาหารที่เหมาะสมสำหรับเด็กตามช่วงวัย ผลิตภัณฑ์ จินนี่ย์ (JINNY) จึงกำเนิดขึ้นเพื่อเจาะตลาดคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ที่มักประสบปัญหาการทานอาหารของลูก โดยเฉพาะเด็กในวัย 6 เดือนที่เปลี่ยนจากการดื่มนมสู่อาหารมื้อแรก พ่อแม่ต่างกังวลกับเมนูอาหาร อยากให้ลูกได้รับสารอาหารเหมาะสมตามวัย และเมื่อถึงวัย 1 ขวบเด็กจะเริ่มคุ้นชินกับรสชาติ บางรายมีพฤติกรรมในการต่อต้านอาหารบางประเภท เช่น ไม่ทานผัก ไม่เคี้ยวข้าว เลือกทานและทานยากมากขึ้น จึงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเริ่มปรุงแต่งรสชาติอาหารให้ลูกบ้าง แต่เครื่องปรุงที่มีอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปอาจจะมีส่วนผสมที่มีสารปรุงแต่งที่ไม่เหมาะสมและเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเด็กในระยะยาว จินนี่ย์ (JINNY) นับเป็นตัวช่วยที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100% ไม่ใส่ผงชูรส ไม่มีวัตถุกันเสีย ไม่แต่งสีและกลิ่น ผลิตจากถั่วเหลืองอินทรีย์ และโซเดียมต่ำ สะดวกปลอดภัย ครบถ้วนด้วยสารอาหารและคุณประโยชน์ ช่วยให้ลูกน้อยทานอาหารได้มากยิ่งขึ้น มีสุขภาพที่ดีเหมาะสมตามวัย จินนี่ย์ (JINNY) มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลาย ได้แก่ ซอสผัด ซอสปรุงรส และซอสเทอริยากิ ช่วยเสริมรสให้อาหารกลมกล่อม หอมอร่อย ข้าวผักรวม 3 สี และพาสต้าผสมผักหลากสีสัน ที่อุดมไปด้วยวิตามิน รวมทั้งแซลมอนหยอง 3 รสชาติ ให้มื้ออาหารของลูกน้อยอร่อยมากยิ่งขึ้น”

ผศ.นพ.วรวุฒิ เชยประเสริฐ กุมารแพทย์เจ้าของเพจเฟสบุ๊ค “เลี้ยงลูกตามใจหมอ” กล่าวถึงปัญหาพฤติกรรมการกินตั้งแต่การเริ่มอาหารมื้อแรกไว้ว่า “อาหารตามวัยที่เหมาะสมจะช่วยให้เด็กเรียนรู้ที่จะกินเพื่ออิ่มและเติบโตได้ รวมถึงยังได้เรียนรู้อาหารชนิดต่าง ๆ ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ มองเห็น ได้กลิ่น ได้สัมผัส ได้เคี้ยวและลิ้มรส รวมถึงได้ยินเสียงการเคี้ยวของคนในครอบครัวบนโต๊ะอาหารร่วมกัน จะช่วยให้เด็กเปิดรับอาหารได้มากขึ้นและกล้าที่จะกิน รวมถึงสร้างพฤติกรรมเลียนแบบการกินของผู้ใหญ่บนโต๊ะอาหารที่เขาได้เห็นอีกด้วย ซึ่งอาหารตามวัยที่ดี เริ่มได้เมื่ออายุราว 6 เดือนเพราะก่อนหน้านั้นเด็กจะได้รับสารอาหารที่เพียงพอแล้วจากนมแม่ สามารถเริ่มอาหารได้ทุกชนิดโดยแบ่งออกเป็น 4 หมวดหลักได้แก่ ข้าว เนื้อสัตว์ ผักผลไม้ และไขมัน โดยเริ่มอาหาร 1 มื้อ เพิ่มเป็น 2 มื้อ เมื่ออายุราว 7-8 เดือน และ 3 มื้อเมื่ออายุ 9-12 เดือน ควรจัดให้กินเป็นเวลาและกินร่วมกับผู้ใหญ่ พออายุ 1 ขวบ คุณพ่อคุณแม่สามารถปรุงอาหารได้อ่อน ๆ เพื่อให้มีรสชาติมากขึ้นได้ การวางพื้นฐานของพฤติกรรมการกินที่ดี มีวินัย กินเป็นเวลา ไม่กินจุกจิก จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยเปิดรับความหลากหลายของชนิดอาหาร และทำให้ร่างกายเจริญเติบโตได้สมวัย”

ด้าน โอบอุ้ม-รัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา เซเลบสาวคนดังตัวแทนคุณแม่ยุคใหม่ กล่าวว่า “โอบอุ้มทุ่มเทเวลาทั้งหมดในการดูแลลูกชายน้องไอออนวัย 3 ขวบด้วยตัวเองค่ะ ดังนั้นการเข้าครัวเพื่อปรุงอาหารให้ลูกถือเป็นสิ่งสำคัญ เน้นเสริมสร้างโภชนาการให้ครบ 5 หมู่ สะอาดและถูกหลักอนามัย จินนี่ย์ (JINNY) คือแบรนด์ที่โอบอุ้มไว้วางใจ และเป็นตัวช่วยที่ดีในทุกมื้ออาหารของลูกค่ะ เพราะนอกจากจะปลอดภัย มีมาตรฐานรับรอง และมีรสชาติอร่อยถูกปากน้องไอออนแล้ว ยังช่วยให้น้องทานอาหารได้มากขึ้นอีกด้วย เมนูประจำที่ทำบ่อยและอยากแนะนำ คือ ข้าวไก่ย่างค่ะ แค่นำจินนี่ย์ซอสผัดอเนกประสงค์ผสมปลาทูน่าญี่ปุ่น 2 ช้อนโต๊ะผสมคลุกเคล้ากับเนื้อไก่เท่านั้น และแช่ตู้เย็นหมักไว้ประมาณ 1 ชม. นำไก่มาย่างให้สุกแล้ววางบนข้าวผักรวม แค่นี้ก็พร้อมเสริฟแล้วค่ะ เรียกว่าเป็นเมนูโปรดของน้องไอออน ทำง่ายเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่อย่างอุ้มมากค่ะ” 

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่สนใจในผลิตภัณฑ์แบรนด์จินนี่ย์ (JINNY) เฟซบุ๊กแฟนเพจ Jinny 4kids

รวมแฟชั่นรองเท้าหน้าร้อนคอลเลคชั่นใหม่ ซัมเมอร์นี้มีหรือยัง!!

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/677398

วันที่ 07 มี.ค. 2565 เวลา 14:55 น.รวมแฟชั่นรองเท้าหน้าร้อนคอลเลคชั่นใหม่ ซัมเมอร์นี้มีหรือยัง!!

ส่องรองเท้าคอลเลคชั่นใหม่ ดีไซน์ที่ใช่ ในหลากหลายความต่าง

KEEN UNEEK MIMOSA รองเท้ารุ่นพิเศษฉลองวันสตรีสากล

สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยม ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำทางด้านความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัย พร้อมให้ทุกคนเข้ามาค้นพบ (Experiment), สร้างสรรค์ (Create) และพัฒนา (Cultivate) ได้อย่างไม่รู้จบ พร้อมนำเสนอความพิเศษมอบให้กับทุกคน โดยเฉพาะช่วงเวลาพิเศษอย่างวันสตรีสากล โดย KEEN แบรนด์รองเท้าที่ตอบโจทย์ปกป้องเท้าได้อย่างมั่นใจ ออกรุ่นใหม่ UNEEK MIMOSA เพื่อร่วมฉลองวันสตรีสากล ที่ Element 72 ชั้น 1 สยามดิสคัฟเวอรี่

รองเท้ารุ่น KEEN UNEEK MIMOSA ได้รับแรงบันดาลใจจากดอก MIMOSA เป็นดอกไม้ตัวแทนสำหรับวันสตรีสากล มาพร้อมลวดลายของดอกไม้ที่อยู่ด้านในและด้านข้างรองเท้า เชือกถักสีทอง ทำให้รองเท้ามีความพิเศษเหนือใคร

มาพบกับความพิเศษนี้ได้ที่ Element 72 ชั้น 1 สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยม ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

 

Arizona New Shades of Summer

ฤดูร้อนปีนี้ Birkenstock (เบอร์เคนสต๊อก) นำเสนอโทนสีใหม่อย่าง สี Lavender Fog และ Dusty Blue มารับร้อนนี้ โดยมาพร้อมรุ่นคลาสสิกประจำแบรนด์อย่าง Arizona มีทั้งแบบ Footbed (พื้นรองเท้า) พื้นไม้ค็อกวีแกน และแบบโฟมยาง EVA คุณภาพสูง ให้สาวๆ ได้เลือกแมทช์กับเสื้อผ้าในสไตล์ที่เป็นตัวเอง

Arizona BFBC Earthy VEG Lavender Fog (ราคา 4,290 บาท)

ดีไซน์สายคาดสองเส้นในตำนานอย่างรุ่น Arizona นำความเป็นเอกลักษณ์ที่คุ้นเคยมาพร้อมโทนสีม่วงลาเวนเดอร์นำ    เทรนด์และความสวมใส่สบายของ Footbed ในรูปแบบวีแกน พร้อมด้วยอัปเปอร์ทำจากผ้าใยสังเคราะห์

Arizona EVA Dusty Blue (ราคา 2,290 บาท)

ดีไซน์สายคาดสองเส้นในตำนานอย่างรุ่น Arizona รองเท้าแตะรุ่นนี้นำต้นแบบมาจากรุ่นออริจินัลที่ทำจากไม้คอร์ก ทว่าเลือกใช้วัสดุหลักในการผลิตจาก EVA น้ำหนักเบาพิเศษและมีความยืดหยุ่นสูงแทน รองเท้าแตะเหล่านี้ดูดซับแรงกระแทก กันน้ำ และไม่ทำลายผิวยามสวมใส่ สามารถแมทช์กับลุคสบายๆ ริมชายหาด ในสวน หรือหลังการออกกำลังกายก็ยังได้

รีบจับจองเป็นเจ้าของ Birkenstock รุ่นล่าสุดนี้ได้ บนเว็บไซต์ www.ikonthailand.com และร้านเบอร์เคนสต๊อกทุกสาขา

เรียบง่ายสไตล์ธรรมดาครั้งแรกกับ นันยาง ซาฟารี

อีกขั้นกับแรงบันดาลใจครั้งใหม่ที่ไม่เคยหยุดของ นันยาง กับการพัฒนา “ตำนานบทใหม่” นันยาง ไวท์ ซาฟารี (Nanyang White Zafari) โดยได้นำสไตล์รองเท้านันยางในยุค 60’s รุ่น 121 มาพัฒนาใหม่สู่เจนเนอเรชั่นที่ 5 ในปี 2022 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผลิตเป็นสีขาว ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘การผลิตแบบดั้งเดิม’ ที่กระบวนการผลิตกว่า 95% ถูกทำขึ้นด้วยมืออย่างมีศิลปะด้วยความปราณีต และใช้กาวสูตรเฉพาะ ‘นันยาง-07’ ที่มีคุณสมบัติเหนียวพิเศษ ทำให้รองเท้ามีความทนทาน พิถีพิถันในการเลือกใช้วัถตุดิบ วัสดุทุกชิ้นผลิตขึ้นในประเทศไทย 100%

นันยาง ไวท์ ซาฟารี (Nanyang White Zafari) ราคา 299 บาท มีให้เลือกตั้งแต่เบอร์ 35-45 มีให้เลือก 3 สี 3 สไตล์ ขาว ดำ โกโก้ วางจำหน่ายที่ร้านรองเท้าใกล้บ้าน และ ออนไลน์ https://linktr.ee/NanyangLegend

รองเท้านันยาง ซาฟารี รุ่นแรก 121 ได้เปิดตัวครั้งแรกในปี 1961 จนเกิดเป็นเทรนด์รองเท้าผ้าใหม่รูปแบบใหม่ในไทย และได้รับการพัฒนาอีกครั้งในปี 1990 กับรุ่น 121-S ก่อนจะปรับโฉมอีกครั้งในปี 1998 รุ่น 121-N และเพื่อให้ได้รองเท้าที่ใช่สำหรับผู้ที่รักและชื่นชอบ นันยาง ซาฟารี โดยในปี 2018 นันยางได้ทำการสำรวจความต้องการของลูกค้าเพื่อปรับโฉมนันยาง ซาฟารี อีกครั้งกับรุ่น 2018 จนกลายเป็นผ้าใบยอดนิยมของคนทุกวัยที่มีไลฟ์สไตล์เป็นของตนเอง

TRIPLE STITCHTM  รองเท้าผ้าใบสุดไอคอนนิค : Anytime, Anywhere, Anyplace

อาร์ทิสติคไดเร็คเตอร์ Alessandro Sartori สรรค์สร้างจินตนาการใหม่ให้รองเท้าผ้าใบสุดไอคอนนิค Zegna Triple Stitch ด้วยการเสริมมุมมองที่แปลกใหม่ขึ้นมาในแต่ละซีซั่นและยังคงครองตำแหน่งไอเท็มขายดีสุดคลาสสิคสำหรับเสื้อผ้าสุภาพบุรุษอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่มีการพัฒนาออกแบบสีสันใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งและยังคงเป็นรองเท้าผ้าใบที่ขายดีที่สุด และยังคงเป็นไฮไลท์หลักๆ ประจำตู้เสื้อผ้าของคนรุ่นใหม่จาก Zegna นับตั้งแต่ได้มีการเปิดตัวมา รองเท้าผ้าใบ Triple Stitch เน้นการใช้งานได้จริง มีประสิทธิภาพ และสามารถใช้ได้หลากหลายสถานการณ์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมและเส้นทางแห่งวิวัฒนาการที่ก้าวหน้ามาอย่างยาวนานถึง 112 ปีของ Zegna ซึ่งตอบสนองความต้องการของผู้ชายที่มีต้องการความคลาสสิคและความทันสมัยในเสื้อผ้าลักชัวรี่

รองเท้าผ้าใบ Triple Stitch Sneaker ก้าวข้ามการแต่งกายและการจัดหมวดหมู่ที่ท้าทาย เป็นสัญลักษณ์ของสไตล์ทันสมัย สร้างมาเพื่อทุกช่วงเวลา ดีไซน์โดดเด่นด้วยซิลลูเอทเพรียวบางที่มอบความรู้สึกที่สวยงามและเรียบหรู ผลิตจากวัสดุชั้นสูงที่คัดสรรคุณภาพตั้งแต่หนังแท้ไปจนถึงผ้าใบและหนังกลับเนื้อนุ่ม ตกแต่งด้วยสายรัดยางยืดที่ทำให้การสวมถอดกลายเป็นเรื่องง่าย Triple Stitch รองเท้าผ้าใบรุ่นนี้ถูกดีไซน์มาเพื่อรองรับความสะดวกสบายในทุกครั้งที่สวมใส่ นำเสนอโครงสร้างรองเท้าที่สามารถยืดหยุ่นได้อย่างน่าทึ่งและพื้นยางรองเท้าที่มีน้ำหนักเบา

ออกแบบตามแนวทางการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปในยุคปัจจุบัน รองเท้าผ้าใบรุ่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการแบบไดนามิกของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเผชิญสภาพแวดล้อมและสถานที่ใหม่ๆอย่างไร้กังวลเพราะได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสำหรับสวมใส่ในวันสบายๆ หรือสำหรับการเดินทางที่สะดวกสบาย รองเท้าผ้าใบรุ่นนี้ผสานประโยชน์อเนกประสงค์ได้อย่างแท้จริงสามารถเข้ากับเสื้อผ้าทางการและเสื้อผ้าลำลอง สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์กับกางเกงขายาวที่เรียบหรูหรือว่าจะเป็นลุคสปอร์ต รองเท้าผ้าใบ Triple Stitch จาก Zegna ก็สามารถทำได้ดีและกลายเป็นไอคอนหลักสุดฮิตสำหรับผู้ชายที่มีสไตล์อย่างแท้จริง เพราะพร้อมสวมใส่ได้ทุกที่ทุกเวลา

 

 

กลับมาอีกครั้งกับ TRIPLE STITCH SNEAKER รักษ์โลกจาก ZEGNA

กลับมาอีกครั้ง Triple Stitch Sneaker รองเท้าสุดฮิตที่นอกจากจะมีดีไซน์ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์แล้วยังรักษ์โลกอีกด้วย ด้วยสีสันและวัสดุที่ร่วมสมัย โดยรวมถึงเวอร์ชัน #UseTheExistingTM ที่เป็นการลดรอยเท้าทางนิเวศวิทยา (ecological footprint) ของ Zegna โดยรองเท้าผ้าใบ #UseTheExistingTM ถือเป็นขั้นต่อไปของมรดกแห่งความยั่งยืนและวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องของ @Zegnaofficial

ครอบคลุมไปถึงวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อมของแบรนด์สำหรับอนาคตใน 2 เส้นทางของโครงการ #UseTheExistingTM ที่ถูกนำไปใช้ในเวอร์ชันปรับปรุงและเวอร์ชันใหม่ของ Triple Stitch Sneaker มาพร้อมกับอัปเปอร์ผ้าขนสัตว์เนื้อนุ่มซึ่งทำจากเส้นใย 14MILMIL14 ที่นำกลับมาใช้ใหม่ อีกทั้งด้ายและผ้าที่ใช้ในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย ในขณะเดียวกันซับในและพื้นรองเท้าทำมาจากผ้าฝ้ายและยางรีไซเคิลบางส่วน ถือเป็นการเข้าใกล้ถึงเป้าหมายของ Zegna ไปอีกขั้นที่จะลดขยะเหลือทิ้งให้เป็นศูนย์

#UseTheExistingTM เป็นพันธะสัญญาแห่งวิวัฒนาการของแบรนด์และเป็นหลักการในการชี้นำที่รวบรวมความพยายามของเราทั้งหมดในการปรับปรุงกระบวนการผลิตที่แทรกอยู่ในคอลเลกชันของแบรนด์ทั้งหมด เปิดตัวโดยอาร์ทิสติกไดเรกเตอร์ของแบรนด์อย่าง Alessandro Sartori ที่ร่วมพัฒนาด้วยความเชี่ยวชาญและนวัตกรรมของแผนกสิ่งทอของกลุ่มแบรนด์ Zegna โดย #UseTheExistingTM เป็นสิ่งที่แสดงถึงคำมั่นสัญญาที่เป็นรูปธรรมของ Zegna ที่จะลดขยะในขั้นสุดท้ายให้เหลือศูนย์

โมเดล #UseTheExistingTM นี้ได้ร่วมกับคอลเลกชันรองเท้า Triple Stitch Sneaker ที่ขายดีระดับโลกของ Zegna ออกแบบมาสำหรับความคิดสมัยใหม่และไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย รองเท้ารุ่นนี้ถือเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่มีความคงทนโดยผสมผสานสไตล์และความเอนกประสงค์ให้เข้ากับโครงสร้างที่ยืดหยุ่นและน้ำหนักที่เบาอย่างน่าทึ่ง

รองเท้า Triple Stitch Sneaker ที่มาในเวอร์ชัน #UseTheExistingTM ซึ่งถูกจินตนาการออกมาใหม่พร้อมวางจำหน่ายแล้ว โดยใช้วัสดุที่ยกระดับขึ้น ได้แก่ หนังกลับเนื้อนุ่ม หนังลูกวัว หนังกวาง และผ้าใบ ตกแต่งสายรัดยางยืดด้วยโลโก้ XXX อันเป็นเอกลักษณ์ จึงสามารถสวมใส่และถอดออกได้อย่างสะดวกสบาย เข้ากันได้กับทั้งเสื้อผ้าสั่งตัดและเสื้อผ้าลำลอง ถือว่ารองเท้าอันทันสมัยคู่นี้คือนิยามของความเอนกประสงค์และถูกสร้างขึ้นเพื่อทุกช่วงเวลา

ผู้นำการเปลี่ยนแปลงกับการสร้างทีมงานเชิงรุก

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/677431

วันที่ 07 มี.ค. 2565 เวลา 09:35 น.ผู้นำการเปลี่ยนแปลงกับการสร้างทีมงานเชิงรุก

โดย ภก.ดร.จันทรชัย ถวิลพิพัฒน์กุล สถาบันอินทรานส์ Hipot – การปฏิรูปศักยภาพมนุษย์อย่างบูรณาการ ศาสตร์ชีวิตองค์รวมเพื่อความมั่นคงยั่งยืน

เพราะโลกไม่แน่นอน อ่อนไหว ซับซ้อน และคลุมเครือ นำมาซึ่งความท้าทาย อีกทั้งการแข่งขันที่สูงขึ้นบนฐานของเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ธุรกิจจึงมีความเสี่ยง องค์กรจึงต้องปรับตัว แต่เราขาดบุคลากรที่มีคุณภาพ และดูเหมือนจะ “ติดกับดัก” ของศักยภาพที่ตีบตัน จึงไม่สามารถก้าวข้ามพ้นขีดจำกัดของตนเองได้ ไม่สามารถสร้างการนำตนเอง จึงไม่อาจเล่นชิงรุกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงจำเป็นต้องพิจารณาภาพรวม และต้องการผู้นำการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างทีมงานเข้มแข็งและนำองค์กรให้สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน

เมื่อพิจารณาถึงการสร้างการนำตนเองเพื่อเล่นเชิงรุก มันคือการระเบิดศักยภาพจากภายใน เมื่อพูดถึงศักยภาพภายใน เราลองพิจารณาชีวิตผีเสื้อ วงจรชีวิตของมันมี 4 ระยะ เริ่มด้วยระยะเป็นไข่ จากนั้นจะเป็นตัวหนอน ในช่วงนี้ หากนกเห็น มันจะกลายเป็นเหยื่อแน่นอน แต่หากมันรอด มันจะขับใยเหนียวๆ ออกมาห่อหุ้มตัวมันเอง กลายเป็นดักแด้ จากนั้นไม่นาน มันจะใช้ขาดันเปลือกให้แตกออก กลายเป็นชีวิตใหม่ เรียกว่า ผีเสื้อชีวิตใหม่ที่เกิดขึ้นนี้แตกต่างจากสภาพเดิมอย่างสิ้นเชิง และสามารถแสดงศักยภาพที่แตกต่างและสูงกว่าเดิม สามารถบินหลบหลีก ซ่อนเร้นจากศัตรูได้ สามารถบินหาน้ำหวานเพื่อยังชีพและดำรงเผ่าพันธุ์เพื่อความอยู่รอดจะเห็นได้ว่า ศักยภาพใหม่ที่ว่านี้ต้องระเบิดจากภายใน

มนุษย์เราก็เช่นกัน แรงบันดาลใจ ความมุ่งมั่น แรงขับเคลื่อนชีวิต ย่อมต้องมาจากภายใน เมื่อมาจากภายใน นั่นแสดงว่ามันอยู่ในอำนาจของตนเอง เมื่อตนมีอำนาจเหนือมัน นั่นคือ เราสามารถจัดการกับมันได้ นั่นคือ เราสามารถนำตนเองได้

การพัฒนาศักยภาพในการนำตนเอง ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า ไม่ว่าในสถานการณ์ใดๆ เรามีสิทธิ์ที่จะเลือกตอบสนอง นั่นคือ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เรามีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าเราจะโต้ตอบอย่างไร เพราะการตอบสนองใดๆ มันล้วนมาจากกรอบความคิดตนเอง

กรอบความคิดเปลี่ยนได้ และตนมีอำนาจเหนือมัน ดังนั้น การตอบสนองใดๆ ในรูปของพฤติกรรม มันจึงมาจากการเลือกของตนเองทั้งสิ้น ความสามารถในการเลือกนี้เองคือ อำนาจ

อำนาจดังกล่าวคือ ความเป็นอิสระ คืออิสระจากแรงกดดันภายนอก อิสระจากข้อจำกัดภายนอก บุคคลประเภทนี้จะไม่บ่น จะไม่โวยวาย ไม่ตีโพยตีพาย ไม่โทษโน่นนี่นั่น หรือโทษใคร หรืออ้างเหตุภายนอกว่าเป็นสาเหตุ นั่นคือ เขาจะไม่เอาข้อจำกัดภายนอกมากำหนดชะตาชีวิตตนเอง เพราะถ้าทำอย่างนั้น นั่นเท่ากับว่าตนพาเอาตนเองไปอยู่ภายใต้เงื่อนไขบางอย่างที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ซึ่งสะท้อนถึงความอ่อนแอ ความอ่อนด้อย ความไร้สมรรถภาพ แต่จะตระหนักว่า ตนอยู่เหนือสถานการณ์นั้นๆ เพราะเรามีอำนาจเหนือมัน ตนจึงไม่กวัดแก่วงไปตามกระแส จะไม่ยอมให้มันมามีอิทธิพลเหนือตนเอง แต่จะดูว่าตนมีทางเลือกอะไรบ้างที่พอจะทำได้ในสถานการณ์ดังกล่าว และไม่ว่าจะเกิดผลอะไรที่ตามมา ตนก็พร้อมที่จะรับผิดชอบ

ภาวะนี้เองคือ ศักยภาพสูงสุด มันคือ ความสามารถในการนำตนเอง เพราะนำตนเองได้ จึงปรับตัวได้และด้วยสามารถในการคาดการณ์ได้ล่วงหน้า ตนจึงสามารถสร้างทางเลือกได้หลากหลาย เพื่อรองรับสิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ความสามารถในการปรับตัวได้อย่างยืดหยุ่นล่วงหน้านี้เอง บุคคลจึงเล่นเชิงรุกได้ และด้วยทัศนคติที่ถูกต้อง หากว่าผลที่ออกมาไม่เป็นไปตามที่คาด ตนก็รู้ว่ามันพลาดที่ตรงไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องมองว่านั่นคือ กระบวนการเรียนรู้ แล้วจะหาทางปรับแก้ไขอย่างไร เพื่อทางออกที่ดีกว่า ดังนั้น ไม่ว่าในสถานการณ์ใดๆ ด้วยข้อจำกัดอย่างไรก็ตาม ขอให้เข้าใจว่า ตนมีศักยภาพในการนำตนเอง นั่นคือ เรามีอำนาจในการเลือกที่จะเล่นเชิงรุก เล่นเชิงบวกได้

การนำตนเองเชิงรุกจึงเป็นภาวะที่บุคคลสามารถระเบิดศักยภาพภายในออกมา เพื่อขับเคลื่อนตนเองได้อย่างเต็มที่ สามารถปรับฟื้นคืนสภาพตนเองได้ แม้ในภาวะที่ยากลำบาก สามารถควบคุม กำหนดทิศทาง และจัดการตนเองได้ นั่นคือ รู้ว่าจะเลือกตอบสนองอย่างไรให้เหมาะสม เมื่อมีความท้าทายผ่านเข้ามาในชีวิต

ภาวะที่บุคคลเลือกได้นี้เองสะท้อนถึงศักยภาพภายใน และต้องเกิดจากการปรับกรอบความคิด (Mindset) เพราะกรอบความคิดเป็นของตนเอง บุคคลจึงสามารถเลือกตอบสนองได้ การที่บุคคลตระหนักว่าชีวิตมีทางเลือก จึงสามารถนำตนเองได้ เมื่อนำตนเองได้ ก็เล่นเชิงรุกได้ สามารถรับมือกับความท้าทายต่างๆ ได้อย่างมั่นใจ การที่บุคคลสามารถเลือกที่จะนำตนเองเพื่อเล่นเชิงรุกนี้เองเป็นรากฐานสำคัญของความยั่งยืนขององค์กร

คำถามสำคัญคือ ท่านในฐานะผู้นำ ท่านมีวิธีการอย่างไรที่จะเหนี่ยวนำทีมงานให้เกิดการปรับกรอบความคิด ออกจากกรอบความคิดเดิมๆ ออกจากภาพความสำเร็จเก่าๆ สามารถพลิกฟื้นคืนสภาพตนเองและทีมงานให้กลับมาเข้มแข็ง มีความเชื่อมั่น มีความมั่นคงภายใน ไม่หวั่นไหว มีภูมิต้านทาน มีทัศนคติเชิงบวก มองปัญหาเป็นความท้าทาย มองความพลาดพลั้งเป็นกระบวนการเรียนรู้ ปลูกฝังการเรียนรู้ให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ตลอดชีวิต สร้างแรงขับเคลื่อนภายในให้สามารถนำตนเองได้ เพื่อเล่นเชิงรุก และมีความมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จ ให้สอดคล้องไปในแนวเดียวกันอย่างเป็นเอกภาพ

Jelly Bunny ฉลอง 10 ปี ปล่อยคอลเลคชั่นสุดเก๋ The Longest Ride พร้อมเซอร์ไพรส์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/677338

วันที่ 05 มี.ค. 2565 เวลา 11:35 น.Jelly Bunny ฉลอง 10 ปี ปล่อยคอลเลคชั่นสุดเก๋ The Longest Ride พร้อมเซอร์ไพรส์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ

ฉลองครบรอบ 10 ปี Jelly Bunny เผยคอลเลคชั่นสุดเก๋ The Longest Ride ครองคู่ใจแบรนด์มาอย่างยาวนาน แถมเซอร์ไพรส์พิเศษของ Jell Bunny x Painterbell

Jelly Bunny (เจลลี บันนี) ฉลองครบรอบ 10 ปี กับคอลเลคชั่น The Longest Ride คอลเลคชั่นที่บอกเล่าถึงมิตรภาพและความสัมพันธ์อันแสนอบอุ่นของพี่น้องฝาแฝด ที่ทั้งคู่ต่างถูกพิสูจน์ และผ่านบททดสอบการเดินทางอันยาวนานมาด้วยกัน การจัดงานฉลองนี้เปรียบเสมือนแทนคำขอบคุณไปยังลูกค้าทุกท่าน ด้วยความสัมพันธ์ไมตรีที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันผูกพันกว่า 10 ปี ทุกการสนับสนุนนั้นล้วนมาจากลูกค้าทั้งสิ้น และอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่สาวกแบรนด์เจลลี บันนีไม่ควรพลาด คือดิจิทัลแฟชั่นแคมเปญอินฟลูเอนเซอร์ และด้วยมนตร์เสน่ห์ของเหล่าตัวการ์ตูนน่ารักขี้เล่น เสริมให้งานฉลองมีกลิ่นอายความคลู ความเท่ ความสนุกสนานอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์เข้าด้วยกันอย่างน่าอัศจรรย์

คีย์ดีไซน์หลักประจำคอลเลคชั่นใหม่นี้ โดดเด่นในเรื่องลวดลายโมโนแกรม JB (Seasonal Monogram) ลายพิมพ์กระต่ายเจเรมี เสริมความมีเอกลักษณ์ตั้งแต่รองเท้าแพลตฟอร์มพิมพ์ลายโมโนแกรมสีสันสดใส, รองเท้าแตะปักลายตัวอักษร, หมวกทรงถัง, กระเป๋าโท้ทพิมพ์ลายกระต่ายสุดซ่า โดดเด่นไปจนถึงเสื้อผ้า ตั้งแต่เสื้อยืดแขนสั้นพิมพ์ลายเจเรมี, เสื้อกันหนาวแขนยาวปักลายดอกไม้, ฮู้ดทรงแขนเสื้อยาว และกางเกงขาสั้นเอวสูง ในทุกคอลเลคชั่นถูกประดับด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคอลเลคชั่น The Longest Ride กันอย่างลงตัว

ความพิเศษไม่เพียงเท่านี้ งานฉลอง 10 ปีทั้งที เราได้จัดความตื่นเต้นอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ให้ทุกท่าน นั่นคือการร่วมงานครั้งพิเศษของ Jell Bunny x Painterbell แบบ Exclusive ร่วมกับนักวาดการ์ตูนชื่อดัง คุณเบล เศรษฐพร ก่อวาณิชกุล หรือ Painterbell จะมาช่วยรังสรรค์ลายพิมพ์และแพทเทิร์นสุดน่ารักในคาแรคเตอร์ตัวการ์ตูน “เอมิลี” และ “ฟูฟู่แลนด์” โดยได้แรงบันดาลใจจากลูกค้าเก่า และกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมการแต่งกายแนวสตรีท มอบกลิ่นอายความน่ารัก ขี้เล่นของเจ้ากระต่ายน้อยจอมซนที่จะมาชักชวนให้ออกไปผจญภัยในทุ่งดอกไม้ วาดภาพระบายสีไปจนถึงการจัดปาร์ตี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์จนกลายเป็นเพื่อนสนิท

ในฤดูกาลอันแสนพิเศษนี้มาพร้อม Limited Item ประจำซีซั่นที่ไม่ควรพลาด ด้วยคอลเลคชั่นรองเท้าสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่หาที่ไหนไม่ได้ ด้วยดีไซน์รองเท้าที่แตกต่างจากแพทเทิร์นเดิม อย่าง รองเท้าแพลตฟอร์มพิมพ์ลายคาแรคเตอร์ตัวการ์ตูนเอมิลี, รองเท้าสวมส้นแบนพร้อมลายปักกระต่าย, รองเท้ารัดส้น, และรองเท้าแตะ และพบความเอ็กซ์คลูซีฟเช่นเดียวกันจากไลน์สินค้าเครื่องประดับ อาทิ กระเป๋าโท้ท, หมวกเบสบอลที่โดดเด่นด้วยลายพิมพ์ และลายปัก และอีกหนึ่งคอลเลคชั่นที่สายแฟชั่นห้ามพลาดกับความลิมิเต็ดของไลน์สินค้าเสื้อผ้า อาทิ เสื้อฮู้ดแขนยาวมาพร้อมดีเทลสีผ้ามัดย้อมสุดชิค, กางเกงขาสั้นเอวสูง ไปจนถึงเสื้อยืดแขนสั้นพิมพ์ลาย

Jelly Bunny ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมฉลองครบรอบ 10 ปี ไปด้วยกันกับคอลเลคชั่นสุดพิเศษ The Longest Ride และ Jelly Bunny x Painterbell ได้ที่เจลลี บันนี ทุกสาขา และเว็บไซต์ jellybunny ติดตามข้อมูลข่าวสารและโปรโมชั่นต่าง ๆ ได้ที่ Website: jellybunny Facebook: BunnyThailand/ Instagram: jellybunnykh/

ฉลองแบรนด์อายุครบ 100 ปี DICKIES เปิดแฟลกชิพสโตร์แห่งใหม่ใจกลางเมือง

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/677290

วันที่ 04 มี.ค. 2565 เวลา 13:50 น.ฉลองแบรนด์อายุครบ 100 ปี DICKIES เปิดแฟลกชิพสโตร์แห่งใหม่ใจกลางเมือง

DICKIES เปิดแฟลกชิพสโตร์แห่งใหม่ใจกลางเมือง ฉลองแบรนด์อายุครบ 100 ปี ปรับภาพลักษณ์จาก เวิร์คแวร์ (Workwear) สู่แบรนด์ ไลฟ์สไตล์สตรีทแวร์!

คนรักสินค้าแนวไลฟ์สไตล์สตรีทแวร์เจนเนอร์เรชั่นในไทยได้ช้อปรัวๆ เมื่อบริษัท ไทย เอาท์ดอร์ สปอร์ต จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ DICKIES แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ประกาศเปิด DICKIES FLAGSHIP STORE คอนเซ็ปต์ใหม่แห่งแรกยิ่งใหญ่ฉลองครบรอบ 100 ปี ของแบรนด์สัญชาติอเมริกา และเป็นการปรับภาพลักษณ์จากเวิร์คแวร์สู่การเป็นแบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ที่ยังคงได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบในสไตล์เวิร์คแวร์ผสมผสานเข้ากับสไตล์สตรีทแวร์ ตอบโจทย์ ต่อความต้องการของกลุ่มเจนเนอเรชั่นใหม่ โดยสาขาแห่งใหม่ปักหลักอยู่ที่ชั้น M ศูนย์การค้า สยามเซ็นเตอร์ บนพื้นที่กว่า 100 ตร.ม.

สำหรับ DICKIES FLAGSHIP STORE สาขานี้ได้มีการพัฒนารูปแบบการตกแต่งร้านแบบใหม่ในสไตล์โมเดิร์นผสมอินดัสเตรียลที่ยังคงกลิ่นอายของความเป็น DICKIES เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน มีความผสมผสานลงตัวกับสินค้าคอนเซ็ปต์ดีไซน์ใหม่ในรูปแบบ WI(Work Inspire) Lifestyles ที่ยังคงเอกลักษณ์ของความเป็นเวิร์คแวร์ไว้ และตีความในบริบทใหม่ของการเป็น “ผู้สร้างสรรค์” (MAKERS) เพื่อปรับภาพลักษณ์ให้แบรนด์มีความร่วมสมัย พร้อมที่จะก้าวเดินไปกับเหล่า MAKERS และผู้ชื่นชอบสินค้าแนวไลฟ์สไตล์ สตรีทแวร์เจนเนอร์เรชั่นใหม่ๆ

DICKIES เป็นที่จับตามองในกลุ่มคนแฟชั่นนับตั้งแต่ช่วงปี 1980 เริ่มจากกลุ่ม SKATER ผู้หลงใหลในวัฒนธรรมของสเก็ตบอร์ด ที่เป็นอีกหนึ่ง SUB CULTURE สำคัญที่มีอิทธิพลสำคัญต่อแฟชั่นสายสตรีทแวร์ ไปจนกระทั่งเหล่าเซเลบริตี้อย่าง KANYE WEST, JUSTTIN BIEBER, LADY GAGA, JUSTIN TIMBERLAKE และอีกมายมายต่างให้ความสนใจและเลือกสวมใส่ DICKIES จนกลายเป็นไอเท็มชิ้นสำคัญที่ทุกคน “ต้องมี” ทำให้ปัจจุบัน DICKIES เป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่มีชื่อชั้นในแวดวงสตรีทแฟชั่น ซึ่งมีรูปแบบการดีไซน์สินค้าที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำแบบใคร นำเทรนด์ใหม่ๆ อยู่เสมอ รวมถึงการทำโปรเจคพัฒนาการสินค้าร่วมกับแบรนด์ดังต่างๆ (COLLABORATION PROJECT) จนเป็นที่ต้องการของกลุ่มคนที่ชื่นชอบการแต่งตัวสไตล์สตรีทแวร์ในปัจจุบัน

สำหรับคอลเลกชั่นล่าสุด ได้แก่ Spring/summer 2022 ที่ประกอบไปด้วย ไลน์สินค้าใหม่ทั้งกางเกงทรงหลวม, เสื้อสไตล์ Oversized, Jacket ที่มีกลิ่นอายของความเป็น Streetwear ผสมผสานดีเทลในสไตล์ Workwear, หมวกและกระเป๋าที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงสินค้า A-must-have Item ระดับตำนานอย่างกางเกงรุ่น 874 และสินค้าอื่นๆ อีกมากมายที่สามารถนำมามิกซ์แอนด์แมทช์ได้กับทุกไลฟ์สไตล์ และคอลเลคชั่นครบรอบ 100 ปี ที่ออกแบบและผลิตขึ้นพิเศษสำหรับโอกาสนี้โดยเฉพาะ ซึ่งเหล่าสาวก DICKIES ไม่ควรพลาด!

พบกับสินค้า DICKIES จากผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ได้แล้ววันนี้ที่ DICKIES FLAGSHIP STORE รูปแบบใหม่แห่งแรกของประเทศไทยที่ ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ และเตรียมพบกับสาขาลำดับที่ 2 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าวในช่วงเดือนเมษายน รวมถึงพบกับสาขาอื่นๆ ได้เร็วๆ นี้ ติดตามข่าวสารได้ที่ Facebook: Dickies Thailand Instagram: dickies_thai

เลือกยีนส์ตัวเก่งรับซัมเมอร์แบบอินฟลูเอนเซอร์สายแฟ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/677289

วันที่ 04 มี.ค. 2565 เวลา 13:35 น.เลือกยีนส์ตัวเก่งรับซัมเมอร์แบบอินฟลูเอนเซอร์สายแฟ

ยูนิโคล่ชวนเลือกยีนส์ตัวเก่งรับซัมเมอร์ พร้อมคำแนะนำจากอินฟลูเอนเซอร์สายแฟในการเลือกยีนส์อย่างยั่งยืน

ไอเทมต้อนรับหน้าร้อนที่สดใสคงหนีไม่พ้นกางเกงยีนส์ที่หลายคนชอบหยิบมามิกซ์แอนด์แมชในสไตล์ใหม่ๆ ตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์ทุกวัน และตอบรับทุกทริปที่ไปไหนไปกัน แน่นอนว่ากางเกงยีนส์จาก ยูนิโคล่   แบรนด์เครื่องแต่งกายระดับโลก เป็นไอเทมที่ใครหลายคนมีติดตู้ จนเรียกว่าเป็นไอเทมชิ้นโปรดที่ใส่ได้ ทุกเทศกาล หยิบมาใส่กับเสื้อตัวไหน หรือจะจัดสไตล์ลิ่งยังไงก็ชนะทุกลุค เต็มที่ทั้งซัมเมอร์นี้

แต่สำหรับใครที่ยังคงมองตู้เสื้อผ้ากับกางเกงยีนส์ยูนิโคล่แล้วคิดไม่ออกว่าจะแต่งตัวแบบไหน เลือกกางเกงยีนส์ทรงไหน หรืออยากลงทุนกับกางเกงยีนส์ตัวใหม่สักตัว ยูนิโคล่ได้ชวนอินฟลูเอนเซอร์ที่มีสไตล์ที่น่าติดตามอย่าง ธนิน ศรีธวัชพงษา และ ปลื้ม–ณัฐรดา ธรรมปัญญา มาอัพเดทกางเกงยีนส์ยูนิโคล่ซีซั่นส์ Spring/Summer 2022 พร้อมทิปส์ในการเลือกกางเกงยีนส์ให้แมชไม่มีพลาด แถมยังรักษ์โลกอีกด้วย

Urban Casual

เปิดลุคแรกในสไตล์แคชชวลกับ Slim Fit Jeans กางเกงยีนส์ทรงเข้ารูป ทำจากผ้าเดนิมแท้ที่ยืดหยุ่นสวมใส่สบาย มีกลิ่นอายความวินเทจเล็กๆ จับคู่กับเสื้อ Denim Work Jacket ที่ช่วงนี้ธนินกำลังชื่นชอบการแต่งตัวลุคที่เรียบๆ แต่ก็สามารถใส่ลำลองได้

“ช่วงนี้ผมชอบการแต่งตัวสไตล์เรียบๆ แต่ยังสามารถออกไปเที่ยวเล่น และเป็นลุคลำลอง ที่ใช้ชีวิตในประจำวันได้ ถ้าที่ชอบมากและแมทช์ง่ายกับทุกลุคคือกางเกงยีนส์ยูนิโคล่ Slim Fit Jeans ที่สวมใส่ได้หลากหลายโอกาส อีกอย่าง สำหรับซัมเมอร์นี้ ผมรู้สึกว่ายีนส์เป็นส่วนผสมที่ลงตัว ชิลล์ๆ ใส่ลำลองก็ได้ แล้วสียีนส์ก็ยังสามารถนำมาเพิ่มสีสันในการแต่งตัว ทำให้ซัมเมอร์นี้ดูรีแลกซ์มากขึ้นได้ด้วยครับ”

Landscape Adventurer

ส่วนไอเทมติดตู้ที่ต้องคู่กับยีนส์ยูนิโคล่ สำหรับสายแอดแวนเจอร์ ธนินก็แชร์วิธีการแต่งตัวที่เน้นความคล่องตัว สะดวกสบายอย่าง Ultra Stretch Skinny Fit Jeans กางเกงยีนส์ผ้ายืดพิเศษทรงสกินนี่ ที่เนื้อผ้าสามารถยืดได้มากถึง 90% ถือเป็นกางเกงยีนส์ที่เนื้อผ้ายืดหยุ่นที่สุดของยูนิโคล่ มาพร้อมกับผิวสัมผัสผ้าเดนิมขนานแท้ “แบบที่ผมใส่อยู่ก็ดีเหมือนกัน มีความคล่องตัวสูง เดินไปไหนมาไหนก็สะดวก เหมาะกับคนที่อยากไปเที่ยวลุยๆ ในลุคดูสบายๆ”

แนะนำแมทช์ Ultra Stretch Skinny Fit Jeans กับเสื้อเชิ้ต Extra Fine Cotton Broadcloth ลายทาง ยิ่งเพิ่มมิติการแต่งตัวนี้สนุกขึ้น เห็นทีต้องมีติดตู้ตามธนินไว้ใส่ทุกเทศกาล ไม่ต้องใส่แค่ซัมเมอร์แล้ว

แม้สาวๆ หลายคนจะขึ้นชื่อเรื่องการมิกซ์แอนด์แมทช์แบบไม่ซ้ำใคร สาวปลื้มก็มีสไตล์ลิ่งใหม่ๆ ที่อยากมาแชร์ให้ทุกคนสนุกกับการแต่งตัวมากขึ้น

Daily Comfort & Stylish

”ปลื้มชอบกางเกงยีนส์ทรงหลวม ขาม้า ขาตรง แล้วก็ขาบาน และจะชอบใส่กางเกงยีนส์ที่เน้นให้ขาเราดูเพรียวมากขึ้น” และยีนส์ที่ปลื้มใส่อยู่คือ Peg Top High Rise Jeans กางเกงยีนส์เอวสูง เนื้อผ้าเดนิมผสมผ้าฝ้าย ในแพทเทิร์นหลวมๆ สวมใส่อย่างสะดวกสบาย กระบวนการแต่งผิวผ้าด้วยเลเซอร์ถูกนำมาใช้ทดแทนกระดาษเพื่อสร้างกลิ่นอายวินเทจและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ยิ่งจับคู่กับเสื้อทรงครอป และเสื้อเชิ้ตแจ็คเก็ตผ้าเดนิม ก็เพิ่มลูกเล่นให้วันสบายๆ พิเศษแบบไม่ซ้ำใคร

ส่วนไอเทมติดตู้สำหรับซัมเมอร์นี้ของสาวปลื้มก็หนีไม่พ้นยีนส์ยูนิโคล่ที่มีทรงและสไตล์ที่ไม่เหมือนกัน ผ่านไป 10-20 ปี ก็ยังสวมใส่ได้ “สำหรับคนที่กำลังหากางเกงยีนส์ ปลื้มไม่อยากให้ทุกคนไปโฟกัสว่าหุ่นเราต้องใส่ยีนส์เฉพาะแบบเท่านั้น ปลื้มอยากให้ทุกคนไปลองดูก่อนว่าชอบหรือไม่ สวมใส่สบายหรือเปล่า ใส่ตัวไหนแล้วดูดี เพิ่มความมั่นใจ ไม่ว่าจะหุ่นทรงไหนก็ใส่ยีนส์ได้หมด” ปลื้มพูดมาแบบนี้ เดี๋ยวเคลียร์คิวไปลองยีนส์เลยดีกว่า

Relaxing Summer

อีกหนึ่งลุคเรียบง่าย ใส่ลุยทริปขึ้นเหนือลงใต้ เดินเล่นสวนสาธารณะสบายๆ กับ Loose Cropped Jeans ยีนส์ขาสี่ส่วน ที่เน้นความสบายจากทรงที่หลวมหน่อยๆ ในผ้าคอตตอนเดนิม 100% ที่เนื้อผ้าไม่ยืดคงผิวสัมผัสธรรมชาติ และเป็นการร่วมพัฒนากับ Kaihara (ไคฮาระ) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องยีนส์จากประเทศญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพยีนส์มาอย่างยาวนาน เหมาะกับทริปเดินทางต่างจังหวัดหรือใส่ลำลองเดินเล่นในชีวิตประจำวันก็สะดวก ใครกำลังมองหายีนส์ที่ใส่สบาย เพิ่มความรีแลกซ์ในชีวิตประจำวัน ก็ต้องมีติดตู้ไว้บ้างแล้ว

นอกจากสไตล์มินิมอลที่ปลื้มชอบสุดๆ แล้ว ปลื้มยังเป็นแฟนคลับของนวัตกรรมการผลิตยีนส์อันยั่งยืนของยูนิโคล่ที่ใช้น้ำน้อย และลดสารเคมีในการผลิตยีนส์อีกด้วย “ตอนปลื้มรู้ว่ายีนส์ยูนิโคล่มีนวัตกรรมในการผลิตที่ช่วยลดการใช้น้ำ ลดสารเคมี ปลื้มยิ่งรู้สึกเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตลอดการใส่อีกด้วย”

ก่อนจะลุกขึ้นไปแต่งตัวกับยีนส์ยูนิโคล่ ทำความรู้จักกับ BlueCycle Jeans นวัตกรรมแห่งความยั่งยืนของยูนิโคล่ที่ตั้งใจผลิตกางเกงยีนส์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยลดปริมาณการใช้น้ำในกระบวนการแต่งผิวผ้าลงถึง 99% ทำให้การแต่งผิวกางเกงยีนส์คงมาตรฐานได้ดังเดิมแต่ใช้น้ำเพียงหนึ่งถ้วยชาเท่านั้น ถือเป็นวิธีที่ช่วยสร้างสายการผลิตเสื้อผ้าที่สะอาดขึ้น เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอีกด้วย

ครบทั้งทรง คุณภาพ สไตล์ รวมถึงนวัตกรรมการผลิต BlueCycle Jeans เพื่อกางเกงยีนส์หนึ่งตัวที่ใช้ได้อย่างยั่งยืนที่สะท้อนหลักปรัชญา LifeWear สวมใส่เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นอย่างครบองค์ประกอบแบบนี้ อย่าลืมแวะไปอัพเดทกางเกงยีนส์ ยูนิโคล่ Spring/Summer 2022 ไว้ในตู้เสื้อผ้ารับซัมเมอร์ที่ร้านยูนิโคล่สาขาใกล้บ้านคุณ หรือช้อปตลอด 24 ชั่วโมงทางออนไลน์สโตร์ Uniqlo.com/th แล้วเลือกทรงยีนส์ที่ถูกใจ มิกซ์แอนด์แมทช์ให้สนุกเหมือนสองอินฟลูเอนเซอร์ของเราได้เลย

MARON MINERAL LABORATORY STORE อัญมณีและเครื่องประดับ พร้อมความมูเตลูจากพลังพลอย

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/677199

วันที่ 03 มี.ค. 2565 เวลา 19:25 น.MARON MINERAL LABORATORY STORE อัญมณีและเครื่องประดับ พร้อมความมูเตลูจากพลังพลอย

MARON MINERAL LABORATORY STORE เดสติเนชั่นใหม่ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความมูเตลูจากพลังพลอย

แบรนด์  MARON  ผู้นำทางด้านอัญมณีมาอย่างยาวนาน  แนวทางการออกแบบร้านสาขา Siam Center ภายใต้ คอนเซป MINERAL LABORATORY สื่อถึงความร่วมสมัย และสะท้อนความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน “อัญมณี” อย่างยาวนานและลึกซึ้ง จัดวางผ่านมุมมองให้เข้าถึงง่าย ผ่านทาง องค์ประกอบดิสเพลย์ และการจัดแสง ใช้ความสว่างชัดเจน เหมือนได้อยู่ในห้องทดลองสร้างสรรค์ผลงานอัญมณี การตกแต่งภายใน เลือกใช้วัสดุพื้นผิวจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นแหล่งต้นกำเนิดอัญมณี ผสานกับ สแตนเลส  ที่มีความมันวาวผสมผสานบนพื้นฐานของความเรียบง่าย สง่างาม เพื่อตอกย้ำถึงความเป็น House of Ruby ผู้นำด้านอัญมณีมาอย่างยาวนาน 

แบรนด์  MARON ตั้งใจให้  Mineral Lab Store แห่งใหม่นี้ เป็นห้องทดลองสร้างสรรค์ผลงานจากอัญมณีธรรมชาติ ใจกลางกรุงเทพฯ พร้อมถ่ายทอดเรื่องราว วิถีชีวิต และการเดินทางตามหา ความมหัศจรรย์จากธรรมชาติ นั้นคือ “อัญมณี” สะท้อนชีวิตคนทำอัญมณีไทย ที่ระหว่างทางได้พบเจอความมหัศจรรย์ของธรรมชาติต่างๆ 

นอกจากนี้ยังถือโอกาส นำเสนอ คอลเลคชั่น  NINE LUCKY STARS :  “ดาวนพเก้า”  พรจากดวงดาว เอาใจคนที่ชื่นชอบ สายมูฯ ที่รักในการใส่เครื่องประดับและอัญมณี อีกด้วย 

“MARON : NINE LUCKY STARS  คอลเลคชั่น “ดาวนพเก้า” เครื่องประดับแห่งความปรารถนาที่ไม่สิ้นสุด ทำให้คุณตกอยู่ใน “จักรวาลดาว มาร็อง”  

MARON : NINE LUCKY STARS  “ดาวนพเก้า” บอกเล่าเรื่องการเดินทางของดวงดาว สู่การถ่ายทอดลงบนตัวเรือนเครื่องประดับ ที่เป็นที่นิยม 4 ประเภท เช่น ต่างหู สร้อย แหวน และกำไล เหมาะสำหรับทุกช่วงวัย และตอบโจทย์กับคนยุคใหม่ ที่ชื่นชอบ เครื่องประดับ และมีความปรารถนา ในสิ่งต่างๆ อย่างไม่รู้จบ ให้ “พรจากดวงดาว ตอบสนองทุกความปรารถนาไม่สิ้นสุด” ด้วย “จักรวาลดาวมาร็อง”

คอลเลคชั่น NINE LUCKY STARS  “ดาวนพเก้า” เจิดจรัส เหมือนทำให้คุณได้ตกอยู่ใน “จักรวาลดาวมาร็อง” 

คอลเลคชั่นนี้ ประกอบไปด้วย ต่างหู สร้อย แหวน และ กำไล แต่ละชิ้นงาน ประดับด้วยอัญมณีมงคล 9 ชนิด เพชร  ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน ไพลิน มุกดาหาร เพทาย และ ไพฑูรย์ 

ตัวเรือน มี 2 รูปแบบ รูปแบบแรก เงินแท้ 92.5% สามารถเลือกชุบเพิ่มเติมได้ จะมี ชุบทอง 18K ชุบทองคำขาว ทองชมพู และทองเบจ  เพื่อให้เหมาะกับความชอบของแต่ละบุคคล สามารถเลือกอัญมณีประดับ ใช้พลอยเพทายสีขาวแทนเพรชแท้  หรือ ใช้เพรชแท้ เริ่มต้นที่ขนาด 0.025 – 0.09 กะรัต ประดับลงบนตัวเรือนได้ 

ตัวเรือนรูปแบบที่สอง ทองคำแท้ สามารถเลือกเนื้อของทองได้ ตั้งแต่ 9K 14K และ 18K  เลือกสีตัวเรือนตามความชอบ เพิ่มเติมได้อีกเช่น ทอง ทองขาว และ ทองชมพู ใช้เพรชแท้ ขนาด 0.025 – 0.09 กะรัต ประดับลงบนตัวเรือนได้

นอกจากตัวเรือนที่มีคุณภาพคุ้มค่าแก่การสวมใส่แล้ว  “ดาวนพเก้า”  จะประกอบด้วย พลอยสิริมงคลทั้ง 9 ชนิด  ที่คัดสรร และเจียระไนด้วยเทคนิคเฉพาะของ แบรนด์ MARON ได้แก่  เพชร ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน ไพลิน มุกดาหาร เพทาย และ ไพฑูรย์ 

คอลเลคชั่น NINE LUCKY STARS  “ดาวนพเก้า”  เครื่องประดับ ของคนรักอัญมณี ที่ตอบโจทย์ทั้งคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน และสายมูฯ พลาดไม่ได้กับคอลเลคชั่น  “ดาวนพเก้า”  สร้างความเจิดจรัสบนตัวเรือนรูปดาว ตอบสนองความปรารถนาของผู้สวมใส่ไม่สิ้นสุด ด้วย “จักรวาลดาวมาร็อง” 

Under Armour คอลเลกชั่นพิเศษเพื่อสาวๆ ที่รักการออกกำลังกาย

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/677167

วันที่ 03 มี.ค. 2565 เวลา 10:25 น.Under Armour คอลเลกชั่นพิเศษเพื่อสาวๆ ที่รักการออกกำลังกาย

ร่วมฉลองวันสตรีสากล Under Armour ส่งเสริมโอกาสและความเท่าเทียมให้ผู้หญิงไทยพร้อมออกคอลเลกชั่นพิเศษเพื่อสาวๆ ที่รักการออกกำลังกาย

ต้อนรับการมาถึงของวันสตรีสากล ซึ่งตรงกับวันที่ 8 มีนาคม 2565 Under Armour (อันเดอร์ อาร์เมอร์) ในฐานะผู้นำแบรนด์เสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาชั้นนำระดับโลก เน้นย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนผู้หญิงไทยทุกคนที่รักการออกกำลังกายให้บรรลุทุกเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการมีสุขภาพที่แข็งแรงยิ่งขึ้น หรือการเอาชนะขีดจำกัดทางร่างกายและจิตใจที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม และฉลองให้กับทุกความสำเร็จ เพื่อส่งเสริมโอกาสทางการกีฬา และความเท่าเทียมของผู้หญิง รวมถึงสร้างแรงผลักดันให้แก่ผู้หญิงทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬา หรือเป็นคนธรรมดา ให้ก้าวผ่านทุกอุปสรรคและความท้าทาย และส่งต่อแรงบันดาลใจเหล่านั้นให้แก่ผู้คนรอบข้าง

Under Armour เชื่อมั่นในความสำคัญของการเล่นกีฬาและการออกกำลังกายที่มีส่วนช่วยให้ผู้หญิงสามารถพัฒนาและเติมเต็มศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ทั้งในและนอกสนาม เดินหน้าสนับสนุนนักกีฬาผู้หญิงทั่วโลกให้สามารถก้าวข้ามความท้าทายต่าง ๆ อาทิ Meg Boggs นักกีฬายกน้ำหนักชาวอเมริกัน ที่เป็นแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ที่จะรักและชื่นชมตัวเองในแบบที่ตัวเองเป็น รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งของจิตใจ (Mental Strength) จนกลายมาเป็นต้นแบบของสาว ๆ หลายคน สอดคล้องไปกับความมุ่งมั่นในระดับโลก ในประเทศไทย Under Armour Thailand สนับสนุนนักกีฬาหญิงไทยในทุกระดับอย่างต่อเนื่อง รวมถึงผู้หญิงต้นแบบที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงไทยอีกหลายคน อย่าง ซาร่า – นุศรา ต้อมคำ อดีตนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ครีม – ใบสน มณีก้อน นักมวยสากลหญิงทีมชาติไทย แพรว – ภัทราพร ศรีภัทรประสิทธิ์ นักกอลฟ์หญิงอาชีพ เอ – ปทุมมาศ จัดแจง นางฟ้านักวิ่ง เจ้าของเพจ “วิ่งหายเจ็บใจ” แพร์ – อลิตา ตันติวีรสุต ฟิตเนสไอดอลหญิง และผู้หญิงอีกหลายคนที่ได้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการตอกย้ำจุดยืนของ Under Armour และบอกเล่าเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงก้าวไปสู่จุดที่ดียิ่งขึ้นของชีวิต

Meg Boggs นักกีฬายกน้ำชาวชาวอเมริกัน และนักกีฬาของ Under Armour

และเพื่อสนับสนุนให้ผู้หญิงและเด็กผู้หญิงสามารถเล่นกีฬาและออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Under Armour จึงไม่หยุดคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบโดยเฉพาะเพื่อผู้หญิง เพราะ Under Armour เชื่อว่าเสื้อผ้าส่งผลต่อผู้สวมใส่ ทั้งวิธีคิด ความมั่นใจ ทัศนคติ และศักยภาพในตัว จึงได้มีการเปิดตัว สปอร์ตบรา และ เลกกิ้ง คอลเลกชันล่าสุดที่ถูกออกแบบมาเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะ สำหรับผู้หญิงและนักกีฬาทุกคนที่ต้องการผลักดันตัวเองสู่เป้าหมายที่ท้าทายกว่าเดิม ด้วยนวัตกรรมผ้าที่ล้ำสมัย รองรับและกระชับทุกสรีระของผู้หญิง สร้างความมั่นใจยิ่งขึ้นให้กับสาว ๆ ที่มีไลฟ์สไตล์แบบแอคทีฟ ช่วยให้การเล่นกีฬาและออกกำลังกายเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

UA Infinity High Blocked Sports Bra บราที่บุด้วยเทคโนโลยีโฟม PU เพื่อการรองรับและลดการเคลื่อนไหวของหน้าอก มีชั้นบุตาข่ายจาก UA ที่แห้งไวมากที่สุด ช่วยระบายอากาศและเพิ่มการรองรับที่สามารถปรับให้กระชับได้

UA IWD Crossback Bra บราที่มอบซัพพอร์ตอย่างเป็นระบบ ออกแบบมาเพื่อกิจกรรมที่ต้องการการรองรับระดับหลากหลาย คัพนุ่มและระบายอากาศได้ดีเยี่ยม มาพร้อมสีพิเศษสำหรับเฉลิมฉลองวันสตรีสากลในปีนี้ 

UA Meridian Leggings เลกกิ้งที่มอบสัมผัสที่นุ่มนวลและความยืดหยุ่นพิเศษ น้ำหนักเบา ระบายอากาศได้ดี และมอบความสบายที่เหนือกว่า 

UA Rush No-Slip Waistband Leggings เลกกิ้งที่ทำจากผ้า Jacquard และเทคโนโลยีใยผ้า Celiant ช่วยส่งแรงกลับในการออกกำลังกาย ดีไซน์ขอบกางเกงแบบกันลื่น เพิ่มความคล่องแคล่ว และผ้าตาข่ายด้านหลังขาสำหรับระบายอากาศ 

เสริมความมั่นใจและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทุกการออกกำลังกายด้วย สปอร์ตบรา เลกกิ้ง และ รองเท้า คอลเลกชันพิเศษล่าสุดจาก Under Armour ได้แล้ววันนี้ สามารถไปทดลองและเลือกซื้อได้ที่ร้าน Under Armour และช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ underarmour.co.th 

ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ Under Armour และโปรโมชั่นพิเศษก่อนใครได้ที่ช่องทาง

เฟซบุ๊ก www.facebook.com/UnderArmourThailand

อินสตาแกรม www.instagram.com/underarmoursoutheastasia

เว็บไซต์ www.underarmour.co.th

Line Official Account @underarmourth

ร้านค้าทางการของ Under Armour บน Lazada

ร้านค้าทางการของ Under Armour บน Shopee

#UnderArmourTH

Premium OTOP ช้อปสินค้าอัตลักษณ์ มรดกทางวัฒนธรรมไทย

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/677090

วันที่ 02 มี.ค. 2565 เวลา 14:22 น.Premium OTOP ช้อปสินค้าอัตลักษณ์ มรดกทางวัฒนธรรมไทย

ชวนนักช้อปเลือกชมสินค้า โครงการพัฒนาต่อยอดด้านการตลาดจาก “ดอนกอยโมเดล” สู่ตลาดสากล โครงการส่งเสริมการตลาดผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกาย Young OTOP และโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกายให้เป็น Premium OTOP

กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย  ร่วมกับ  ไอคอนคราฟต์  เชิดชูผู้ประกอบการไทยต่อยอดความสำเร็จจากการจัดทำ “โครงการพัฒนาต่อยอดด้านการตลาดจาก “ดอนกอยโมเดล” สู่ตลาดสากล, โครงการส่งเสริมการตลาดผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกาย Young OTOP และ โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกายให้เป็น Premium OTOP”  ทางกรมการพัฒนาชุมชน จึงดำเนินการจัดนิทรรศการ “กิจกรรมที่ 1 พัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกายให้เป็น Premium OTOP”  ตั้งแต่วันนี้ – 7 มีนาคม 2565 ณ ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4 ไอคอนสยาม เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ทดลองขายผลิตภัณฑ์ผ่าน LIVE  และพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกายให้เป็นผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยม ให้เป็นที่ต้องการของตลาดจนเกิดการพัฒนาและยกระดับศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ในการพัฒนาผ้าไทย อัตลักษณ์ มรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญา การออกแบบลายผ้า การทอผ้า การย้อมสีธรรมชาติ เทคนิคการทอลายต่าง ๆ  นำไปสู่การเป็นผลิตภัณฑ์ Premium OTOP สู่สากล เพื่อให้การดำเนินงานโครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

“โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกายให้เป็น Premium OTOP กิจกรรมที่ 1 พัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกายให้เป็น Premium OTOP” ว่า เพื่อพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกายให้เป็นผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยม ให้เป็นที่ต้องการของตลาดจนเกิดการพัฒนาและยกระดับศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ในการพัฒนาผ้าไทย อัตลักษณ์ มรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญา การออกแบบลายผ้า การทอผ้า การย้อมสีธรรมชาติ เทคนิคการทอลายต่าง ๆ  นำไปสู่การเป็นผลิตภัณฑ์ Premium OTOP สู่สากล โดยผู้เชี่ยวชาญดำเนินการออกแบบแนวคิดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ที่จะจูงใจและเกิดประโยชน์แก่กลุ่มเป้าหมายผู้เข้าร่วมโครงการจนบรรลุเป้าประสงค์ในการดำเนินโครงการฯ และกำหนดแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนครอบคลุมเป็นรูปธรรมและปฏิบัติได้จริง เพื่อให้การดำเนินงานโครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ” นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว

ด้านนายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย  กล่าวเพิ่มว่า  “สำหรับโครงการนี้ มีการประชาสัมพันธ์โครงการผ่านสื่อออนไลน์และออฟไลน์ และมีการจัดทำดิจิตอลแค็ตตาล็อกในรูปแบบของนิตยสารแฟชั่น โดยผ่าน QR Code เรื่องราวการสร้างสรรค์ 250 ผลิตภัณฑ์ เพิ่มคุณค่าและมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์ ประกอบด้วย รายละเอียดข้อมูลภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ถ่ายทอดเรื่องราวที่เข้าใจง่าย สนับสนุนการขายสินค้า มีภาพถ่ายสินค้าต้นแบบและจัดวางรูปเล่มในรูปแบบนิตยสารแฟชั่นที่ทันสมัย ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย และมีข้อมูล ชื่อคอลเลคชั่น แรงบันดาลใจ ข้อมูลผู้ประกอบการและช่องทางการติดต่อ เพื่อสนับสนุนการขายผ่านระบบ Online และ E-Commerceโดยหวังว่า โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกายให้เป็น Premium OTOP  จะช่วยให้ผู้ประกอบการทั้งหมดมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและต่อยอดการทำผลิตภัณฑ์ได้อย่างยั่งยืน”

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีนิทรรศการ “โครงการพัฒนาต่อยอดด้านการตลาดจาก “ดอนกอยโมเดล” สู่ตลาดสากล และ โครงการส่งเสริมการตลาดผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกาย Young OTOP โดยผู้สนใจสามารถเข้าร่วมชมนิทรรศการ พร้อมร่วมช้อปกับพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าและเครื่องแต่งกายทั้งสามโครงการ ได้ตั้งแต่วันนี้ – 7 มีนาคม 2565 ณ ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4 ไอคอนสยาม สอบถามเพิ่มเติม โทร.1338 หรือ FB: ICONCRAFT