มากกว่าดีไซน์ คือตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตยุคใหม่

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/686107

วันที่ 21 มิ.ย. 2565 เวลา 17:15 น.

มากกว่าดีไซน์ คือตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตยุคใหม่

ซูม 3 คีย์เวิร์ดหัวใจสำคัญของการออกแบบโชว์รูมรถที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ พร้อมชู Concept Design ของแฟลกชิปโชว์รูม บีเอ็มดับเบิลยู มิลเลนเนียม ออโต้ บนถนนพัฒนาการ-ศรีนครินทร์

มากกว่าดีไซน์ คือตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตยุคใหม่

ในยุคที่แนวคิดด้านการออกแบบ แทรกซึมเข้าไปอยู่แทบจะทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต บ่อยครั้งที่การนำเสนอมุมมองหรือไอเดียสร้างสรรค์ กลายเป็นโจทย์ใหญ่ ให้นักออกแบบขบคิด ด้วยหวังตอบสนองความต้องการของผู้คน ที่นับวันจะมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น การออกแบบโชว์รูมรถยนต์ก็เช่นกัน เหล่านักสร้างสรรค์พยายามตีโจทย์รอบด้าน นำเสนอองค์ประกอบทั้งภายนอกและภายในอย่างมีชั้นเชิง พร้อมปลุกเร้าความรู้สึก (Emotional) เสมือนว่าเพียงก้าวเท้าเข้ามาในโชว์รูมรถยนต์ คือจุดเริ่มต้นของการเปิดประสบการณ์ที่มากกว่าดีไซน์ เป็นสถานที่ตอบโจทย์ ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต

มากกว่าดีไซน์ คือตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตยุคใหม่

ภายใต้แนวคิดดังกล่าวนี้ อาจพูดได้ว่าเป็นการดึงสิ่งที่ผู้คนกำลังมองหา มารวมไว้ ณ จุดเดียวเป็นความแตกต่างที่ถ่ายทอดออกมาให้สามารถจับต้องได้ เกี่ยวกับมุมมองใหม่ด้านการออกแบบโชว์รูมรถให้จับตาต้องใจนี้ คุณวิสูตร สุขพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วีทู ดีไซน์ สตูดิโอ จำกัด (V2 Design Studio) ในฐานะผู้จุดประกายไอเดีย อธิบายถึงหลักการได้อย่างน่าสนใจว่า เป็นการสะท้อนแนวคิดที่แตกต่างจากอดีต ที่เน้นตัวผลิตภัณฑ์หรือรถยนต์เป็นที่ตั้ง เปลี่ยนมา ให้ความสำคัญกับการรังสรรค์ ‘ประสบการณ์ของผู้บริโภค’ (Customer Experience) โดยลงรายละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ นำเสนอผ่านหลากหลายมิติ ทั้ง รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส เพื่อถ่ายทอดตัวตนของแบรนด์

ที่น่าสนใจคือ แม้จะออกแบบแนวคิดเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับยานยนต์ หากการใส่ใจอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนที่แวะเวียนเข้ามาในโชว์รูม ก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญที่ต้องทำควบคู่กัน เป็นการมองในลักษณะของความเชื่อมโยง ตั้งแต่ออนไลน์ไปสู่ออฟไลน์ ซึมลึกไปถึงข้อมูล แล้วท้ายที่สุดต้องประเมินให้ได้ว่า ประสบการณ์แบบไหนกัน ที่ต้องการให้ลูกค้าหรือผู้คนทั่วไปได้สัมผัส

มากกว่าดีไซน์ คือตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตยุคใหม่

“เราให้ความสำคัญกับ 3 กิจกรรมหลัก ซึ่งเป็นเสมือนจุดเชื่อมต่อของออฟไลน์ คือ 1. การสัมผัสและทดลองขับ (Touch & Test) 2. การส่งมอบ (Handover Moment) 3. บริการหลังการขาย Aftersales Service ผ่านการออกแบบประสบการณ์ทุกมิติ ที่เกี่ยวกับการนำเสนอรถยนต์ (Product Experience) ในบรรยากาศที่เหมาะสม (Retail Experience) และเอื้อต่อการบริการของพนักงาน (People Experience)” คุณวิสูตร เผย 3 คีย์เวิร์ดที่เป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบโชว์รูมที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนยุคใหม่ พร้อมชู Concept Design ของแฟลกชิปโชว์รูม บีเอ็มดับเบิลยู มิลเลนเนียม ออโต้ บนถนนพัฒนาการ-ศรีนครินทร์ ที่เป็นเสมือนภาพสะท้อนที่ชัดเจนของไอเดียสร้างสรรค์สุดบรรเจิด

เพียงแรกสัมผัส ต้องสะดุดตากับดีไซน์ส่วนหน้าของอาคาร (Architectural Façade) ที่ออกแบบเป็นกล่องกระจกใส และระนาบแนวนอนขนาดใหญ่ เหมือนกำลังลอยเคลื่อนออกจากกัน (Floating Box) ช่วยขยายการมองเห็นของอาคารได้เต็มหน้ากว้างถนน และแบ่ง Façade ออกเป็น 3 หน้าต่างย่อย ตามกลุ่มรถที่ต่างกัน โถงจัดแสดงหลักชั้นล่างให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง เชื่อมต่อเป็นมุมกว้างคล้ายแกลเลอรี่ กับองศาในการจัดวางรถยนต์ที่หลากหลาย แทรกด้วยพื้นที่รับรองลูกค้า เรียกว่า ‘customer stage’ แสดงถึงการให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันแรก ต่างจากอดีตที่ผลิตภัณฑ์ต้องมาก่อน

มากกว่าดีไซน์ คือตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตยุคใหม่

แน่นอนว่า การมองในมุมที่ต่างออกไป ช่วยปลุกเร้าความรู้สึกของผู้คน ราวกับกำลังเปิดประสบการณ์ใหม่ อยู่ในไลฟ์สไตล์มอลล์ขนาดย่อมๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นคนช่วงวัยไหน ก็สามารถเพลิดเพลินได้กับมุมต่างๆ ในโชว์รูม ระหว่างที่พ่อแม่ให้ความสนใจกับรายละเอียดของรถยนต์คันโปรด จากพนักงานที่บริการด้วยมิตรไมตรี เด็กๆ ก็สนุกสนานกับพื้นที่รับรองที่มีขนมขบเคี้ยว ตลอดจนอาหารว่าง และเครื่องดื่มที่จัดเตรียมไว้อย่างพิถีพิถัน ขับกล่อมด้วยเสียงเพลงที่คัดสรรค์ มาโดยเฉพาะ รวมถึงการออกแบบกลิ่นที่สื่อสารความเป็นแบรนด์ เคล้าบรรยากาศอบอุ่น จนเกือบลืมไปว่าที่นี่ คือ โชว์รูมรถยนต์

อีกหนึ่งไอเดียสร้างสรรค์ที่คุณวิสูตรอยากสะท้อนให้เห็น ผ่านงานดีไซน์ที่มีผลต่อ การเปลี่ยนแปลงอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างแยบยล ซึ่งไม่ค่อยพบเห็นได้บ่อยนัก สำหรับโชว์รูมรถยนต์ นั่นคือ พื้นที่ชั้นลอย (mezzanine) ที่ออกแบบและจัดวางอย่างลงตัว ช่วยสร้างมิติการมองเห็นในมุมกว้างได้รอบทิศ โดยระดับที่ต่างกันของชั้นลอยช่วยแบ่งโซน จัดแสดงตามกลุ่มผลิตภัณฑ์ พร้อมเปิดให้แสงสว่างจากธรรมชาติสาดส่องผ่านช่องหลังคา สอดรับกับลิฟท์กระจกใสรอบด้าน เชื่อมการมองเห็นแบบ 360 องศา หรือเรียกว่า พาโนรามิกวิว (panoramic view) อันน่าตื่นตาตื่นใจ

มากกว่าดีไซน์ คือตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตยุคใหม่

ทว่า ทั้งหมดอาจไร้ความหมาย หากฤกษ์สำคัญอย่างวันรับรถ ดูธรรมดาจนไม่น่าจดจำ โชว์รูม แห่งอนาคตนี้ จึงตั้งใจออกแบบห้องส่งมอบรถยนต์ให้มีความพิเศษ ด้วยขนาดของพื้นที่โอ่โถง ผสานรับแขกสุดหรูพร้อมจอแอลอีดีขนาดใหญ่ สำหรับไว้บันทึกช่วงเวลาแสนประทับใจ โดยพื้นที่ดังกล่าวยังสามารถปรับใช้ในกิจกรรมอื่นๆ เช่น อีเว้นท์เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ หรือนำเสนอผลิตภัณฑ์ภายในโชว์รูม

มากกว่าดีไซน์ คือตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตยุคใหม่

ตราบใดที่ไอเดียสร้างสรรค์ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญ ให้นักออกแบบหยิบมาใช้ได้อย่างไม่มีวันจบ อาคารดีไซน์สุดล้ำ ฟังก์ชั่นภายในสุดเจ๋ง หลุดจากกรอบความคิดเดิมๆ จะยังคงผุดขึ้นมาให้เห็น เป็นกระจกบานใหญ่ ที่สะท้อนถึงการตีโจทย์รอบด้านอย่างมีชั้นเชิง พร้อมกับสร้างการปลี่ยนแปลง ให้เกิดขึ้น ไม่เฉพาะในเชิงธุรกิจ หากยังมีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกของผู้คนที่ได้สัมผัส และนำไปสู่การตัดสินใจได้ไม่มากก็น้อย เป็นบทสรุปที่ว่า มากกว่าดีไซน์ แต่ครบ จบ ในที่เดียว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตยุคใหม่ได้อย่างลงตัว…เตรียมพบกับ บีเอ็มดับเบิลยู มิลเลนเนียม ออโต้ พัฒนาการ-ศรีนครินทร์ แฟลกชิปโชว์รูมแห่งใหม่ ที่พร้อมนำประสบการณ์พิเศษมาให้ได้สัมผัสช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้

ทำไมถึงควรค่ากับการเป็นเจ้าของ HURACAN TECNICA ไอคอนนิคความแรงใหม่ล่าสุดจาก LAMBORGHINI

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/686048

วันที่ 21 มิ.ย. 2565 เวลา 11:45 น.

ทำไมถึงควรค่ากับการเป็นเจ้าของ HURACAN TECNICA ไอคอนนิคความแรงใหม่ล่าสุดจาก LAMBORGHINI

LAMBORGHINI HURACAN TECNICA เผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกในไทย กับผลงานระดับมาสเตอร์พีซที่ผสานโลกแห่งงานดีไซน์และระบบวิศวกรรมเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ

ทำไมถึงควรค่ากับการเป็นเจ้าของ HURACAN TECNICA ไอคอนนิคความแรงใหม่ล่าสุดจาก LAMBORGHINI

บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย นำโดย อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ, ศักดิ์ นานา และ ม.ล.พลอยนภัส ลีนุตพงษ์ กรรมการ จัดงานฉลองเปิดตัวไอคอนนิคแห่งความแรงใหม่ล่าสุดจากแบรนด์กระทิงดุ ‘LAMBORGHINI HURACÁN TECNICA’ สุดยอด ยนตรกรรมเครื่องยนต์ V10 แบบขับเคลื่อนล้อหลัง ที่พัฒนาเพื่อนักขับแนวหน้าผู้แสวงหาความสมบูรณ์แบบแห่งไลฟ์สไตล์ที่เหนือระดับและประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกเร้าใจทั้งในสนามแข่งและบนท้องถนน การเผยโฉมครั้งสำคัญนี้นับเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งนอกจากจะได้รับเกียรติจาก มร.สเตฟาน วิงเคิลมันน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี บินตรงแบบเอ็กซ์คลูซีฟมายังประเทศไทยเป็นครั้งแรกแล้ว ยังมีเหล่าเซเลบริตี้ และแฟนพันธุ์แท้กระทิงดุร่วมงานอย่างคับคั่ง เพื่อมาร่วมยลโฉมผลงานระดับมาสเตอร์พีซจากตระกูล HURACÁN ด้วยเช่นกัน อาทิ วิศรุต รังษีสิงห์พิพัฒน์, เอกภัทร พรประภา, เมลนีย์ อยู่วิทยา, ภัคคณวัฒน์ เหมะธนานันท์, จิรชัย ไทยชาติ, ณัฐเศรษฐ์ พูนทรัพย์มณี และ ปานหทัย สมรรถศรบุศย์ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดจัดขึ้นภายใต้มาตรการป้องกันโรคอย่างเข้มงวด เมื่อค่ำวันพุธที่ 15 มิถุนายน 2565 ณ โชว์รูม ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ ถ.วิภาวดีรังสิต

ทำไมถึงควรค่ากับการเป็นเจ้าของ HURACAN TECNICA ไอคอนนิคความแรงใหม่ล่าสุดจาก LAMBORGHINI

สเตฟาน วิงเคิลมันน์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี กล่าวว่า “ประเทศไทยถือเป็นตลาดสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การมาเยือนครั้งนี้จึงเป็นช่วงเวลาที่พิเศษสำหรับผมที่ได้นำเสนอผลงานชิ้นเอกล่าสุดอย่าง Huracán Tecnica ให้แฟนพันธุ์แท้กระทิงดุชาวไทยได้ชมแบบเอ็กซ์คลูซีฟ Huracán Tecnica คือการผสานความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบและระบบวิศวกรรมของลัมโบร์กินี เพื่อสร้างสรรค์ยานยนต์ตระกูล Huracán ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานได้อย่างสมบูรณ์แบบเสมือนกำลังขับเคี่ยวในสนามแข่งขันอันแสนเร้าใจ และเมื่ออยู่กับ Tecnica คุณจะมั่นใจได้ถึงสัมผัสที่เป็นหนึ่งเดียวกับยานยนต์และพื้นถนน ด้วยประสิทธิภาพการควบคุมทุกระบบยานยนต์ที่ง่ายดายเพียงปลายนิ้วในทุกโหมดการขับขี่และทุกสภาพแวดล้อม ที่สำคัญ Tecnica ยังเติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์ยานยนต์ตระกูล Huracán ของเราให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยเป็นโมเดลที่อยู่ระหว่างรุ่น RWD กับรุ่น STO ซึ่งเน้นการแข่งขันในสนามแข่งอย่างจริงจัง โดย Tecnica จะให้ความสำคัญกับการนำเสนอวิวัฒนาการใหม่แห่งดีไซน์อากาศพลศาสตร์และระบบวิศวกรรมชั้นเลิศ ประสิทธิภาพการขับขี่ และเครื่องยนต์ V10 ของ Huracán ที่มาพร้อมรูปลักษณ์การออกแบบที่สวยงามอย่างน่าหลงใหล”

ฟรานเชสโก้ สกาดาโอนิ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี เสริมว่า “เรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำ Huracán Tecnica มาให้ลูกค้าและสื่อมวลชนได้ยลโฉมอย่างใกล้ชิดถึงโชว์รูมลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ โดยนับเป็นการเผยโฉมครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่ง Huracán Tecnica ถือเป็นซูเปอร์สปอร์ตอเนกประสงค์ที่มาพร้อมคาแรคเตอร์อันตอบโจทย์การขับขี่ทั้งบนท้องถนนและในสนามแข่งขัน อีกทั้งยังนำมาซึ่งจิตวิญญาณแห่งนักขับขี่และประสิทธิภาพเหนือใคร ที่ทุกคนต่างให้การยอมรับว่านี่คือหนึ่งในสมาชิกตระกูล Huracán ที่สร้างความประทับใจได้ไม่รู้เลือน”

ทำไมถึงควรค่ากับการเป็นเจ้าของ HURACAN TECNICA ไอคอนนิคความแรงใหม่ล่าสุดจาก LAMBORGHINI

อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท เรนาสโซ มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “หลังจากที่ ออโตโมบิลิ ลัมโบร์กินี เพิ่งจัดงาน เปิดตัวพร้อมกันทั่วโลกในรูปแบบดิจิทัลไปเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา วันนี้นับเป็นโอกาสอันดีสำหรับแฟนๆ กระทิงดุชาวไทยที่ได้มีโอกาสยลโฉม Huracán Tecnica อย่างใกล้ชิด ณ โชว์รูมลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ โดย Huracán Tecnica จัดเป็นยนตรกรรมเครื่องยนต์ V10 รุ่นล่าสุด ที่เติมเต็มกลุ่มโมเดลตระกูล Huracán ของเราให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ถูกออกแบบมาเพื่อนักขับแนวหน้าผู้แสวงหาอิสรภาพในการขับขี่ในชีวิตประจำวัน ขณะเดียวกันยังมอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกเร้าใจทั้งในสนามแข่งและบนท้องถนน ซึ่งทางบริษัทฯ มั่นใจว่า โมเดลรุ่นใหม่ล่าสุดนี้จะตอบโจทย์ทุกความต้องการในการขับขี่และได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟนๆ ลัมโบร์กินีทั่วประเทศอย่างแน่นอน”

ทำไมถึงควรค่ากับการเป็นเจ้าของ HURACAN TECNICA ไอคอนนิคความแรงใหม่ล่าสุดจาก LAMBORGHINI

ซูมเหตุผล ว่าทำไมถึงควรค่ากับการเป็นเจ้าของ Huracán Tecnica ไอคอนนิคความแรงใหม่ล่าสุดจาก Lamborghini

ความสำเร็จของ Huracán นั้นยืนยงมา 8 ปีแล้ว เรียกว่าเปิดตัวที่ไรก็สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับสาวกกระทิงดุทั่วโลกได้ทุกครั้ง เพื่อทำความรู้จัก Huracán Tecnica คันนี้มากขึ้น เราได้รวบตึงดีเทลของไอคอนนิคความแรงใหม่ล่าสุดจากแบรนด์กระทิงดุมาฝากกัน

ทำไมถึงควรค่ากับการเป็นเจ้าของ HURACAN TECNICA ไอคอนนิคความแรงใหม่ล่าสุดจาก LAMBORGHINI

Huracán Tecnica ถือเป็นโมเดลที่อยู่ระหว่างรุ่น RWD กับรุ่น STO มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ V10 5.2L มอบสัมผัสแห่งการขับขี่ที่ตื่นเต้นเร้าใจด้วยกำลังเครื่องยนต์ถึง 640 แรงม้าเช่นเดียวกับ STO โดยเพิ่มกำลังเครื่องยนต์อีก 30 แรงม้า จากรุ่น Huracán EVO RWD พร้อมระบบส่งกำลังที่ให้แรงบิดถึง 565 นิวตันเมตร สูงสุด 6,500 รอบต่อนาที และยังเพิ่มอัตราเร่ง 0-100 กม./ชั่วโมง ได้ภายในเวลาเพียง 3.2 วินาทีเท่านั้น งานออกแบบยานยนต์น้ำหนักเบาของ Tecnica ยังมาพร้อมระบบ LDVI ที่ผ่านการคาลิเบรตใหม่และโหมดการขับขี่ที่ตั้งค่าระบบกันสะเทือนให้สอดรับการใช้งานเฉพาะแบบ รวมถึงการบังคับเลี้ยวล้อหลังและการปรับปรุงระบบลดความร้อนเบรกรุ่นล่าสุด ช่วยให้นักขับสัมผัสถึงประสบการณ์การขับขี่ยานยนต์ Huracán ที่สมบูรณ์แบบในทุกสถานการณ์ เพราะ Huracán Tecnica คือการระเบิดพลังสร้างสรรค์สุดยอดยานยนต์ที่ผสานความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบและระบบวิศวกรรมเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์ เพื่อส่งมอบซูเปอร์สปอร์ตอเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์ทั้งบนท้องถนนและในสนามแข่งขัน

ทำไมถึงควรค่ากับการเป็นเจ้าของ HURACAN TECNICA ไอคอนนิคความแรงใหม่ล่าสุดจาก LAMBORGHINI
ทำไมถึงควรค่ากับการเป็นเจ้าของ HURACAN TECNICA ไอคอนนิคความแรงใหม่ล่าสุดจาก LAMBORGHINI

ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษจากซูเปอร์สปอร์ตคาร์รุ่นใหม่ล่าสุดได้ที่ “ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ” โชว์รูมและศูนย์บริการครบวงจรขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก ถนนวิภาวดีรังสิต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-512-5111

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ลัมโบร์กินี กรุงเทพฯ ได้ที่: Lamborghini’s Official Website : https://www.lamborghini.com/ Lamborghini Bangkok’s Instagram : www.instagram.com/lamborghinirenazzomotor/

‘พอทเทอรี เคลย์’ จากดินหนึ่งก้อนสู่ศูนย์กลางงานเซรามิค

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/685771

วันที่ 16 มิ.ย. 2565 เวลา 18:38 น.

'พอทเทอรี เคลย์' จากดินหนึ่งก้อนสู่ศูนย์กลางงานเซรามิค

รู้จัก “พอทเทอรี เคลย์” (Pottery Clay) ครบทุกเรื่องเซรามิคแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย เพื่อผู้ประกอบการและคนรักงานปั้น

'พอทเทอรี เคลย์' จากดินหนึ่งก้อนสู่ศูนย์กลางงานเซรามิค

“พอทเทอรี เคลย์” (Pottery Clay) ศูนย์รวมสินค้าและบริการงานเซรามิคที่แรก ที่เดียว ที่ครบมากที่สุดในประเทศไทย สำหรับผู้ประกอบการเซรามิคทั้งรายย่อยและรายใหญ่ในระดับอุตสาหกรรม รวมไปถึงกลุ่มคนรักงานปั้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “One Stop Shopping”  จำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์งานปั้น พร้อมบริการด้านงานเซรามิคที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน เหมาะสมกับการใช้งาน ทั้งยังมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณค่างานปั้นด้วยการเปิด ‘SOC : School of Ceramics โรงเรียนสอนปั้นเซรามิค by Pottery Clay’  พื้นที่ที่ให้เรียนรู้งานปั้นรอบด้าน ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูง เหมาะสำหรับทุกเพศวัย  พร้อมต่อยอดเสริมสร้างทักษะจนสามารถนำไปประกอบสร้างอาชีพได้จริง

'พอทเทอรี เคลย์' จากดินหนึ่งก้อนสู่ศูนย์กลางงานเซรามิค

นางสาวสราญรัตน์ พานิชสุขไพศาล กรรมการบริษัท พอทเทอรี เคลย์ จำกัด เผยว่า “จุดเริ่มต้นของพอทเทอรี เคลย์ เกิดขึ้นด้วยดินเพียง 1 กิโลกรัม ที่นำไปเสนอให้ลูกค้ากลุ่มศิลปินเซรามิคได้ทดลองใช้ ซึ่งดินที่ว่านี้เป็นสูตรเฉพาะที่คิดค้นขึ้นมาใหม่จากประสบการณ์ในแวดวงอุตสาหกรรมวัตถุดิบสำหรับผลิตเซรามิคที่ได้เรียนรู้มาจากธุรกิจของครอบครัว ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่า เราเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริงในเรื่องดิน เมื่อดินสูตรใหม่นี้ได้รับการยอมรับในคุณภาพ เราก็เริ่มมองไปยังองค์ประกอบอื่นๆ ในการผลิตชิ้นงานเซรามิคจนได้ข้อสรุปมาว่า การจะสร้างชิ้นงานขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นชิ้นเล็กหรือใหญ่ ยังมีเครื่องไม้เครื่องมือที่จำเป็นอีกมากมายที่ควรจะได้มาตรฐานเพื่อให้ชิ้นงานที่ออกมามีคุณภาพที่ดีที่สุด จึงเริ่มสร้าง “พอทเทอรี เคลย์” (Pottery Clay) ขึ้นมา เพื่อให้ที่นี่กลายเป็นศูนย์รวมสินค้าและบริการงานเซรามิคที่แรก ที่เดียว ที่มีของคุณภาพ ครบวงจรมากที่สุดในประเทศไทย

'พอทเทอรี เคลย์' จากดินหนึ่งก้อนสู่ศูนย์กลางงานเซรามิค

สินค้าของเราจึงไม่ได้มีแค่ดินสูตรของเราเองเท่านั้น แต่ลูกค้ายังสามารถออเดอร์ให้จัดหาดินสำเร็จรูป รวมถึงพัฒนาสูตรดินขึ้นมาตามความต้องการในลักษณะ Made to order ได้ด้วย ทั้งยังนำเข้าดิน Keane จากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งถือว่าเป็นดินที่มีสูตรเฉพาะเข้ามาให้นักปั้นได้ใช้งาน โดยไม่ต้องสั่งออนไลน์ถึงต่างประเทศ ไม่ต้องรอนาน แค่มาที่เราก็ได้สัมผัสเนื้อดินจริงๆ และซื้อกลับไปใช้งานได้ทันที”

นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือและอุปกรณ์ทุกอย่างที่ต้องใช้ในการผลิตชิ้นงานเซรามิคจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นแป้นหมุน เตาเผาเซรามิคไฟฟ้า สีเคลือบต่างๆ เครื่องมือปั้นและอุปกรณ์ตกแต่งชิ้นงาน รวมไปถึงเครื่องจักรที่ผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมเซรามิคต้องใช้  โดยเราคัดสรรคุณภาพของสินค้าที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลมาร่วมไว้ที่นี่ เช่น แบรนด์ SKUTT เตาเผาเซรามิคไฟฟ้าที่ศิลปินทั่วโลกยอมรับในคุณภาพมายาวนานกว่า 70 ปี หรือจะเป็น Amaco สีเคลือบสีเซรามิคจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือศิลปินมือโปรก็ต้องมีติดไว้ใช้งาน โดยพอทเทอรี เคลย์เป็นผู้จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในไทย

'พอทเทอรี เคลย์' จากดินหนึ่งก้อนสู่ศูนย์กลางงานเซรามิค

“เมื่อซื้อสินค้าจาก พอทเทอรี เคลย์ ไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ ลูกค้ายังสามารถติดต่อเข้ามาปรึกษา การใช้งานต่างๆ กับเราได้ตลอดเวลา เพราะงานบริการหลังการขายคืออีกสิ่งหนึ่งที่เรามุ่งเน้น พนักงานของเรา ได้รับการปลูกฝังให้บริการอย่างเป็นกันเอง เป็นเพื่อนที่รักในงานเซรามิคเหมือนกัน แต่ทุกการบริการจะยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานระดับมืออาชีพ เช่นในเรื่องเตาเผาเซรามิคไฟฟ้าหรือเครื่องจักรเซรามิคที่ไม่เพียงมีประกันคู่ไปกับทุกเครื่อง แต่เรายังนำส่งให้ถึงจุดหมาย พร้อมบริการติดตั้ง สอนการใช้งานไม่คิดค่าใช้จ่าย และในกรณีที่ลูกค้าบางคนยังมีกำลังไม่พอที่จะซื้อเตาเผาไปเป็นของตัวเอง เราก็ยังมีบริการเปิดเตาเผาสำหรับงานเผาชิ้นงานเซรามิค ซึ่งไม่ว่าจะนำชิ้นมามาเผาเพียงชิ้นเดียวหรือหลายร้อยชิ้น พอทเทอรี เคลย์ก็บริการให้หมด

“ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เราได้รับเสียงตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากจากลูกค้าทั้งรายเล็กและรายใหญ่ในระดับอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังมีกลุ่มลูกค้าที่ไม่เคยสัมผัสงานเซรามิคมาก่อนเริ่มให้ความสนใจในงานด้านนี้กันมากขึ้น เราจึงเห็นโอกาสในการช่วยยกระดับและสร้างคุณค่าให้กับอาชีพนักปั้นเซรามิค จึงสร้างพื้นที่สำหรับกลุ่มคนกลุ่มนี้ที่ต้องการเรียนรู้งานปั้นเซรามิคและนำไปพัฒนาต่อยอดกลายเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ได้จริง จึงถือโอกาสในการก้าวเข้าสู่ปีที่ 6 ด้วยการเปิด ‘SOC : School of Ceramics โรงเรียนสอนปั้นเซรามิค by Pottery Clay’  พื้นที่ๆ เปิดสอนงานปั้น ให้ได้ปั้นจริง เผาจริง ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงระดับมืออาชีพ ซึ่งคอร์สสอนปั้นต่างๆ สอนโดยผู้เชี่ยวชาญที่จบเฉพาะทางเซรามิค อาทิ อ.ขวัญ – อนันตวัฒน์ วิวัฎฏ์กุลธร อาจารย์พิเศษ ภาควิชาออกแบบเซรามิค จากมหาวิทยาลัยบูรพา มาเป็นผู้สอนด้วยตัวเองทุกขั้นตอน”

'พอทเทอรี เคลย์' จากดินหนึ่งก้อนสู่ศูนย์กลางงานเซรามิค

สำหรับ SOC มีคอร์สต่างๆ ให้เลือกมากมาย ทั้งคอร์สระยะสั้น (One Day Workshop) ที่ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงก็ปั้นได้ เช่น การสอนปั้นมือบนแป้นหมุน, ปั้นกระถาง, ปั้นชิ้นงานประติมากรรม เป็นต้น แต่สำหรับบางคนที่หลงใหลในการเพ้นท์หรืออยากสร้างลวดลายบนชิ้นงานเซรามิคอย่างเดียว ก็สามารถเลือกคอร์ส Paint Your Own Pot (PYOP) เพื่อเรียนรู้การออกแบบลวดลายและลงสีบนเซรามิคสำเร็จรูปในสไตล์ที่ต้องการได้ สำหรับคนที่อยากลงลึกจริงๆ ก็มีคอร์สระยะยาว (Long Term Workshop) ซึ่งใช้เวลาเรียน 2 เดือน (สัปดาห์ละ 1 วัน) ซึ่งคอร์สนี้จะสอนทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ สอนเคล็ดลับทำเซรามิคด้วยเทคนิคขั้นสูง การทำลวดลาย การใช้เครื่องมือเฉพาะทาง เป็นคอร์สที่สามารถสร้างอาชีพได้หลังเรียนจบ

ด้านเสียงตอบรับ ในช่วงที่ผ่านมาทุกคนต้องเจอกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในอาชีพ ประกอบกับเทรนด์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ต้อง Work From Home หลายคนจึงเริ่มมองหาอาชีพเสริมกันมากขึ้น บางคนมองหากิจกรรมใหม่ๆ ในทำช่วงที่มีเวลาว่างมากขึ้น ส่งผลให้คอร์สเวิร์คช้อปต่างๆ ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก จากเดิมที่เราเริ่มต้นด้วยคลาสสอนเพียงแค่ 2 คลาส ปัจจุบันพัฒนาเพิ่มขึ้นกลายเป็นเกือบ 50 คลาส โดยมีนักเรียนจบคอร์สกับเราไปแล้วเกือบพันคน ซึ่งนักเรียนที่อายุน้อยสุดที่มาเรียนคือ อายุ 6 ปี ที่ผู้ปกครองจะพามาเรียนรู้งานศิลปะอีกแขนงในช่วงเวลาว่าง ซึ่งเด็กๆ จะได้สนุกกับปั้นดิน งานศิลปะแล้ว ยังช่วยในเรื่องของการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กอีกด้วย ขณะที่นักเรียนที่อายุมากสุดคือ 76 ปี ซึ่งก็คือกลุ่มคนวัยเกษียณที่ต้องการหางานอดิเรกทำ เมื่อเข้าคอร์สปั้นก็ทำให้ได้เพื่อนใหม่ และยังได้การเคลื่อนไหวและกระตุ้นมองให้ได้ใช้ความคิดแบบเพลินๆ อีกด้วย

'พอทเทอรี เคลย์' จากดินหนึ่งก้อนสู่ศูนย์กลางงานเซรามิค

“ในปีที่ 6 ของ พอทเทอรี เคลย์ นี้ได้ตั้งเป้าหมายว่า จะต้องก้าวขึ้นไปเป็นจุดศูนย์รวมของสินค้าและบริการเซรามิคที่คนที่ชื่นชอบในงานเซรามิค ทั้งนักท่องเที่ยว หรือศิลปินชาวต่างชาติ เมื่อมาถึงเมืองไทย ถ้านึกถึงสินค้าและงานเซรามิค จะต้องนึกถึงพอทเทอรี เคลย์ เพราะที่นี่มีทุกอย่างครบ จบในที่เดียว และเร็วๆ นี้จะมีการเปิดพื้นที่สำหรับ Residency ที่จะเป็นโปรแกรมที่จัดสำหรับศิลปินด้านงานเซรามิคที่ๆ ต้องการทั้งที่พำนักอาศัยและทำงานไปด้วยให้อยู่ในที่เดียวกัน รวมถึงอีกหนึ่งเป้าหมายที่อยู่ในแผนที่จะทำคือ การเปิดพื้นที่ Gallery Ceramic แห่งแรกในประเทศไทย ที่จะเป็นพื้นที่ๆ รองรับการจัดแสดงโชว์นิทรรศการ หรือผลงานเซรามิค งานประติมากรรมต่างๆ โดยเฉพาะ

ทั้งนี้ เป้าหมายสูงสุดของพอทเทอรี เคลย์ คือการที่จะยกระดับงานปั้น งานฝีมือให้ผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะ ผู้ที่สนใจอยากเริ่มต้นเรียนรู้ ได้มาลองฝึก ลองลงมือทำ สร้างสรรค์ผลงานด้วยสองมือตัวเอง รวมไปถึงการสร้างคุณค่า พร้อมส่งเสริมอาชีพนักเซรามิคไทย ผ่านพื้นที่ของ School of Ceramics (SOC) เพราะเชื่อว่าฝีมือคนไทยในด้านงานสร้างสรรค์นั้นสามารถก้าวสู่ตลาดสากลได้อย่างทัดเทียม เพียงแค่มีวัตถุดิบ อุปกรณ์ รวมไปถึงการบริการในด้านงานเซรามิคที่จะเป็นตัวช่วยในการส่งเสริมให้พวกเขาได้สร้างผลงานกันออกมาได้อย่างเต็มที่แน่นอน” คุณสราญรัตน์ กล่าวเสริม

DC Shoes x Andy Warhol ผสานศิลปะป๊อปอาร์ตกับวัฒนธรรมการเล่นสเก็ต

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/685627

วันที่ 14 มิ.ย. 2565 เวลา 19:14 น.

DC Shoes x Andy Warhol ผสานศิลปะป๊อปอาร์ตกับวัฒนธรรมการเล่นสเก็ต

คอลเลคชั่นใหม่ : DC Shoes X Andy Warhol สายสเก็ต สายแฟชั่นไม่ควรพลาด

DC Shoes x Andy Warhol ผสานศิลปะป๊อปอาร์ตกับวัฒนธรรมการเล่นสเก็ต

เปิดคอลเลคชั่นสุดอาร์ท DC Shoes X Andy Warhol จากศิลปินผู้ที่สร้างสรรค์ผลงาน POP ART ที่โด่งดังที่สุดในศตวรรษที่20 การันตรีจากภาพประมูลราคาสูงถึง 195 ล้านดอลลาร์ หรือราว 6.7 พันล้านบาท เมื่อเดือนที่ผ่านมา โดย Warhol ไม่ได้มีแค่ภาพวาด แต่ยังมีภาพถ่าย การทำ Silk screen ที่โดดเด่นทั้งมุมมอง และการใช้สีที่ตื่นเต้นอีกด้วย

DC Shoes x Andy Warhol ผสานศิลปะป๊อปอาร์ตกับวัฒนธรรมการเล่นสเก็ต
DC Shoes x Andy Warhol ผสานศิลปะป๊อปอาร์ตกับวัฒนธรรมการเล่นสเก็ต

โดยในครั้งนี้เป็นการที่เอาศิลปะของ Andy Warhol มาจับคู่ชนกันบนชุด และรองเท้า จากมุมมองของ DC Shoes ที่เรียกว่า Collisions

โดยจะแบ่งออกเป็น 4 มุมมองย่อย

1. Strength and Weakness โดย การนำเอารองเท้าที่มีทนทานที่สุด เทคโนโลยีสำหรับนักสเก็ตสายโหดอย่างแท้จริง มาติด Fragile ไว้

2. WAR and Peace ที่ใช้สีสันอันโดดเด่น โดยใช้ รูปวัว และ มีด มาเป็นการเล่าเรื่อง

3. Saints and Sinners มีการนำภาพโด่งดังระดับโลกมาทำสีใหม่ ทั้งเบาสบายตา และ โทนร้อนแรง

4. Life and Death เป็นอีกสองสิ่งที่ Warhol ใช้ในงานของเค้าบ่อยครั้ง นั่นคือ กะโหลก และ ดอกไม้ที่สีสด

DC Shoes x Andy Warhol ผสานศิลปะป๊อปอาร์ตกับวัฒนธรรมการเล่นสเก็ต
DC Shoes x Andy Warhol ผสานศิลปะป๊อปอาร์ตกับวัฒนธรรมการเล่นสเก็ต
DC Shoes x Andy Warhol ผสานศิลปะป๊อปอาร์ตกับวัฒนธรรมการเล่นสเก็ต

สำหรับสินค้าที่มีใน Collection นี้เรียกได้ว่าหลากหลาย น่าตื่นเต้น และมีศิลปะที่ยืนยาวอยู่คู่กันแบบลงตัว เพราะฉะนั้น ทั้งสายสเก็ต และสายแฟชั่นไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

Kiehl’s Loves Thailand Kiehl’s Loves Your Skin อีเวนต์สุดยิ่งใหญ่ พร้อมลวดลายลิมิเต็ดอิดิชั่น

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/685406

วันที่ 12 มิ.ย. 2565 เวลา 10:05 น.

Kiehl’s Loves Thailand Kiehl’s Loves Your Skin อีเวนต์สุดยิ่งใหญ่ พร้อมลวดลายลิมิเต็ดอิดิชั่น

Kiehl’s จัดเต็มทั่วไทย เพราะรักเลยไปหาถึงที่ ลุยครบกลาง อีสาน เหนือ ใต้! “Kiehl’s Loves Thailand Kiehl’s Loves Your Skin” งานอีเวนต์สุดยิ่งใหญ่ พร้อมลวดลายลิมิเต็ดอิดิชั่น ดึงแลนด์มาร์ก 4 ภาค ผสานกลิ่นอายคีลส์ สู่สกินแคร์ที่ตอบโจทย์ทุกสภาพผิว เพราะไม่ว่าจะอยู่ภาคไหนก็ใช้คีลส์ได้!

Kiehl’s Loves Thailand Kiehl’s Loves Your Skin อีเวนต์สุดยิ่งใหญ่ พร้อมลวดลายลิมิเต็ดอิดิชั่น

Kiehl’s Loves งานอีเวนต์ครั้งใหญ่ส่งต่อความรักทั่วไทย

คีลส์ (Kiehl’s) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณและเส้นผมคุณภาพชั้นเลิศจากมหานครนิวยอร์ก เปิดตัวโกลบอลแคมเปญ “Kiehl’s Loves” ส่งต่อความรักให้บรรดาแฟนๆ คีลส์ด้วยการผสานวัฒนธรรม และกลิ่นอายของคีลส์เข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่นอันล้ำค่าของแต่ละประเทศ โดยคีลส์เดินทางไปทั่วทุกมุมรอบโลก อาทิ อินเดีย ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ เม็กซิโก และกรีซ เพื่อส่งมอบความสุข ความสนุก และส่งต่อการดูแลผิวจากสกินแคร์คุณภาพ บัดนี้คีลส์ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะออกเดินทางไปดูแลและฟื้นบำรุงผิวของแฟนๆ ชาวไทยทุกภาคทั่วประเทศ! ด้วยสกินแคร์ชั้นเลิศที่มีความหลากหลาย และตอบโจทย์การดูแลทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะภาคไหนก็ใช้คีลส์ได้!

Kiehl’s Loves Thailand Kiehl’s Loves Your Skin อีเวนต์สุดยิ่งใหญ่ พร้อมลวดลายลิมิเต็ดอิดิชั่น

ลวดลายสุดลิมิเต็ดอิดิชั่นจากอัตลักษณ์ท้องถิ่น

เติมเต็มแคมเปญระดับโกลบอลให้พิเศษมากยิ่งขึ้นกับการดีไซน์ลวดลายลิมิเต็ดอิดิชั่น Kiehl’s Loves Thailand Limited Edition ที่รังสรรค์ขึ้นมาเป็นพิเศษเฉพาะแคมเปญนี้เท่านั้น ซึ่งลวดลายอันแสนน่ารักถูกนำมาประดับประดาบนผลิตภัณฑ์ขายดีครองใจแฟนคีลส์ตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็น คาเลนดูลา โทนเนอร์, ดาร์ก สปอท เซรั่ม, อัลตร้า เฟเชียล ครีม, ซูเปอร์ เซรั่ม และผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด เรตินอล ไมโคร โดส เซรั่ม โดยไอเดียการออกแบบจาก LINDA BARITSKI ศิลปินอิลลัสเตรเตอร์ชื่อดังจากลอนดอน ด้วยพลังการออกแบบที่ล้นเหลือ มองโลกในแง่ดี รวมถึงความสดใส ทำให้ฝีไม้ลายมือของเธอแตกต่างศิลปินคนอื่นๆ ที่แลดูมีชีวิตชีวา ในครั้งนี้เธอได้สร้างสรรค์ลวดลายสุดน่ารัก ผสมผสานกับการใช้สีสันที่ฉูดฉาด Kaleidoscopic Pattern ผ่านคอนเซปต์ที่ผสานเอกลักษณ์ของคีลส์เข้ากับอัตลักษณ์ท้องถิ่นของไทยในแต่ละภาคไว้ อาทิ ภาคเหนือ – ร่มบ่อสร้าง, โคมยี่เป็ง  ภาคอีสาน – หน้ากากผีตาโขน, แคนไม้ไผ่ ภาคกลาง – ยักษ์, วัดอรุณราชวณาราม,  รถตุ๊กตุ๊ก และภาคใต้ – หุ่นเชิดหนังตะลุง, ความงดงามของทะเลไทย

Kiehl’s Loves Thailand Kiehl’s Loves Your Skin อีเวนต์สุดยิ่งใหญ่ พร้อมลวดลายลิมิเต็ดอิดิชั่น
Kiehl’s Loves Thailand Kiehl’s Loves Your Skin อีเวนต์สุดยิ่งใหญ่ พร้อมลวดลายลิมิเต็ดอิดิชั่น
Kiehl’s Loves Thailand Kiehl’s Loves Your Skin อีเวนต์สุดยิ่งใหญ่ พร้อมลวดลายลิมิเต็ดอิดิชั่น
Kiehl’s Loves Thailand Kiehl’s Loves Your Skin อีเวนต์สุดยิ่งใหญ่ พร้อมลวดลายลิมิเต็ดอิดิชั่น
Kiehl’s Loves Thailand Kiehl’s Loves Your Skin อีเวนต์สุดยิ่งใหญ่ พร้อมลวดลายลิมิเต็ดอิดิชั่น

พบกับกิจกรรมสุดพิเศษมากมายภายในงานอีเวนต์

ไฮไลต์พิเศษสำหรับ Kiehl’s Loves Thailand ที่กรุงเทพมหานคร พบกับกิจกรรมสุดพิเศษ และเต็มไปด้วย Mission มากมายที่จะมอบความสนุกให้ทุกคน อาทิ รับผลิตภัณฑ์ขนาดทดลองที่ตู้ Pop Up Sampling ตามนโยบาย TRY BEFORE YOU BUY ลองก่อนค่อยซื้อ, มุมถ่ายรูปสุดน่ารักที่มาพร้อมกับ Kiehl’s Iconic Magnet ที่ออกแบบจากอัตลักษณ์และแลนด์มาร์คของแต่ละภาคที่จัดขึ้นเป็นพิเศษเฉพาะงานนี้ เพื่อแฟนคลีส์ให้ทุกคนแชะแอนด์แชร์รูปสวยๆ คอนเทนต์ปังๆ ลงโชเซียล

อีกหนึ่งไฮไลต์ใหม่ล่าสุดกับเครื่อง Derma Reader Deep Skin Analysis เครื่องวิเคราะห์ผิว 8 มิติ เทคโนโลยีสุดล้ำจากคีลส์ เพื่อให้แฟนๆ ของคีลส์ได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการตรวจและรับคำปรึกษาผิวในรูปแบบ โดยสามารถแชร์ผลวิเคราะห์ผิวทั้ง 8 มิติ ได้แก่ ริ้วรอย, ความเนียนของผิว,จุดด่างดำ, รูขุมขนกว้าง, รูขุมขนอุดตัน, รอยแดง, จุดด่างดำที่เกิดใหม่ และผลกระทบของรังสี UV นอกจากเครื่องมือทันสมัยแล้วยังตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านการดูแลผิวพรรณหรือ Skincare Expertise ด้วยเหล่า KCR (Kiehl’s Customer Representative) ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ที่คอยให้คำแนะนำและคำปรึกษาเรื่องสกินแคร์ที่ตรงตามสภาพผิวคุณตลอดทั้งงาน

Kiehl’s Loves Thailand Kiehl’s Loves Your Skin อีเวนต์สุดยิ่งใหญ่ พร้อมลวดลายลิมิเต็ดอิดิชั่น

ตะลุยทัวร์ทั่วไทย ตะลอนครบทั้ง 4 ภาค

คีลส์กลับมาตามคำเรียกร้องกับ Kiehl’s Loves Thailand Event งานยิ่งใหญ่แห่งปีที่เราจะออกเดินทางไปหาแฟนคีลส์ทุกคนทั่วไทย เริ่มต้นอย่างยิ่งใหญ่ที่ภาคกลางอย่าง กรุงเทพมหานคร ณ ชั้น G เซ็นทรัลลาดพร้าว ตั้งแต่วันที่ 9 – 15 มิถุนายน 2565  พร้อมไปแอ่วที่เวียงเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 21 – 27 มิถุนายน 2565 ณ เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ ก่อนจะล่องใต้ไปที่ จังหวัดภูเก็ต  ณ เซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 1 – 7  กรกฎาคม 2565 และปิดท้ายการตะลุยทัวร์ทั่วไทยที่มหานครแห่งแดนอีสานที่จังหวัดขอนแก่น  ตั้งแต่วันที่ 11– 17 กรกฎาคม 2565 ณ เซ็นทรัล พลาซ่า ขอนแก่น แฟนคีลส์ทั่วไทยต้องไม่พลาด!

พร้อมออกเดินทางไปกับเราหรือยัง? เพราะรักเลยไปหาถึงที่

#KiehlsLovesThailand

#KiehlsThailand

FOREO UFO 2 เครื่องมาสก์หน้าอัจฉริยะ #บูสต์ผิวฉ่ำ90 วิ!

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/685254

วันที่ 09 มิ.ย. 2565 เวลา 14:16 น.

FOREO UFO 2 เครื่องมาสก์หน้าอัจฉริยะ  #บูสต์ผิวฉ่ำ90 วิ!

ใหม่ล่าสุด! เปิดตัวเครื่องมาสก์หน้าอัจฉริยะ “FOREO UFO 2” ที่จะทำให้คุณหลงรัก ออกแบบทรีตเมนต์เฉพาะบุคคล #บูสต์ผิวฉ่ำ90 วิ! วางจำหน่ายแล้ววันนี้ที่ Sephora

FOREO UFO 2 เครื่องมาสก์หน้าอัจฉริยะ  #บูสต์ผิวฉ่ำ90 วิ!

FOREO แบรนด์ผู้นำระดับโลกด้านบิวตี้เทคจากประเทศสวีเดนกับภารกิจกอบกู้ผิวให้กับแฟนชาวไทยภายใน 90 วินาที! ส่ง “FOREO UFO 2” เครื่องมาสก์หน้าอัจฉริยะดีไซน์โฉบเฉี่ยวรุ่นล่าสุดลงจอดครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้คอนเซปต์ “Ur Future Obsession” เชิญชวนผู้ที่รักการดูแลตัวเองทุกคนเปิดประสบการณ์อันน่าหลงใหลกับการมาสก์หน้าเหนือระดับ #บูสต์ผิวฉ่ำ90วิ พร้อมเพลิดเพลินไปกับ 12 สูตรมาสก์ระดับพรีเมียม ปรนนิบัติผิวแบบเฉพาะบุคคลด้วยการ อัปเกรดเทคโนโลยีสุดล้ำ, การบำบัดผิวด้วยแสง LED แบบเต็มสเปกตรัม และฟังก์ชั่นใหม่ล่าสุดอย่าง Customized Routine ให้ออกแบบทรีตเมนต์ง่าย ๆ ได้ด้วยตนเอง ตอบโจทย์ความต้องการในการดูแลผิวที่แตกต่าง พร้อมมอบผลลัพธ์ผิวชุ่มชื้น แลดูเปล่งปลั่งและสุขภาพดี

FOREO UFO 2 เครื่องมาสก์หน้าอัจฉริยะ  #บูสต์ผิวฉ่ำ90 วิ!

FOREO UFO 2 เครื่องมาสก์หน้าอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุด[1]  ทำงานร่วมกับ FOREO UFO Activated Mask นวัตกรรมแผ่นมาสก์ที่คัดสรรสารสกัดระดับพรีเมียมจากทั่วทุกมุมโลก และมีให้เลือกสรรตามความต้องการผิวถึง 12 สูตร จาก 3 คอลเลกชั่น มาพร้อม Full-Spectrum LED Light หรือการบำบัดผิวด้วยแสง LED แบบเต็มสเปกตรัมที่มีให้เลือกทั้งหมด 8 สี ผสานการทำงานร่วมกับ การอัปเกรดเทคโนโลยีสำคัญ ได้แก่ 1. Ultra-Fast Thermo-Therapy (การบำบัดผิวด้วยความร้อน) 2. T-Sonic Pulsations (เทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์) และ 3. Ultra-Fast Cryo-Therapy (การบำบัดผิวด้วยความเย็น) ช่วยกระตุ้นการทำงานของชั้นใต้ผิว ให้ผิวดูดซึมสารบำรุงได้อย่างเต็มที่ (Maximum Absorption) พร้อมมอบผลลัพธ์ในการมาสก์หน้าอย่างเต็มประสิทธิภาพภายในเวลา 90 วินาที

FOREO UFO 2 เครื่องมาสก์หน้าอัจฉริยะ  #บูสต์ผิวฉ่ำ90 วิ!

นายสลาดัน มุยจิซ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ฟอริโอ้ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวถึงความตั้งใจของแบรนด์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม UFO รุ่นล่าสุด รวมถึงความแตกต่างระหว่างรุ่นก่อนหน้าไว้ว่า “ที่ FOREO เราเชื่อมั่นเสมอว่า การดูแลตัวเองไม่ควรเป็นเรื่องยุ่งยาก  แต่ตรงกันข้าม คือ ต้องช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น ที่มาของชื่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ UFO คือ Ur Future Obsession เราตั้งใจออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ด้านผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจ แต่ต้องช่วยย่นระยะและมอบความสนุกผ่านประสบการณ์ในการดูแลผิวหน้ารูปแบบใหม่ให้กับผู้คนทั่วโลก FOREO UFO 2 เครื่องมาสก์หน้าอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ เป็นการต่อยอดและพัฒนาประสิทธิภาพของหลากหลายเทคโนโลยีสำคัญมาไว้ในเครื่องเดียว มาพร้อมกับ ? ฟังก์ชั่นใหม่ล่าสุด อย่าง Customized Routine ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าอุณหภูมิความร้อนได้สูงสุด 45 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิความเย็นต่ำสุดถึง 5 องศาเซลเซียส พร้อมมอบอุณหภูมิผิวสัมผัสขณะมาสก์หน้าได้รวดเร็วกว่ารุ่นเดิมถึง 5 เท่า หรือแทบจะโดยทันที ทั้งยังสามารถตั้งค่าทรีตเมนต์ล่วงหน้า รวมถึงเลือกแสง LED อย่างเฉพาะเจาะจงเพื่อการดูแลผิวตามความต้องการที่แตกต่างเฉพาะบุคคลได้ โดยผู้ใช้งานจะสามารถกำหนดการ ตั้งค่าได้ด้วยตนเองอย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วคลิกให้ทรีตเมนต์การมาสก์หน้าเป็นไปอย่างล้ำลึกถึงชั้นใต้ผิวและมีประสิทธิภาพสูงสุดเสมือนได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ ในเวลาเพียงแค่ 90 วินาที!”

FOREO UFO 2 เครื่องมาสก์หน้าอัจฉริยะ  #บูสต์ผิวฉ่ำ90 วิ!
FOREO UFO 2 เครื่องมาสก์หน้าอัจฉริยะ  #บูสต์ผิวฉ่ำ90 วิ!

ภายในงานเปิดตัวเครื่องมาสก์หน้าอัจฉริยะ FOREO UFO 2 มีเซเลบชื่อดังให้เกียรติร่วมงาน อาทิ คุณจินนี่ – เขริกา โชติวิจิตร, คุณบุ๊ค – พิมพ์เลิศ ใบหยก, คุณเบอร์ดี้ – ปาวา นาคาศัย, คุณพิมพ์ – พิมพ์จิรา เจริญลักษณ์, คุณปุ๊ก – จงกล พลาฤทธิ์ และคุณเอย – ธัญวรรน เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นต้น ผู้ที่สนใจสามารถร่วมทดลองสินค้าและรับประสบการณ์เครื่องมาสก์หน้าอัจฉริยะ FORO UFO 2 ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่ Sephora ทุกสาขาทั่วประเทศ และ Sephora.co.th และตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไปที่ Central.co.th, Lazada LazMall, Shopee Premium Mall, F1RSTER และ King Power ติดตามข่าวสารล่าสุดจาก FOREO เพิ่มเติมได้ที่ Facebook : FOREO Thailand และ Instagram : @FOREO_TH

How to ฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้กลับมาสวยสุขภาพดี

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/685204

วันที่ 09 มิ.ย. 2565 เวลา 10:10 น.

How to ฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้กลับมาสวยสุขภาพดี

‘ธัญ’ (THANN) ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แนะวิธีฟื้นฟูสภาพผิวจากความหมองคล้ำให้สว่างใสอย่างมีสุขภาพดี

ในแต่ละวันเราต้องเผชิญกับแสงแดด มลภาวะ ฝุ่นควัน การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ รวมถึงรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันที่เราคุ้นชินที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพผิว เช่น การสูบบุหรี่ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด การทำความสะอาดใบหน้าอย่างไม่เหมาะสม ทำให้ผิวเกิดความหมองคล้ำโดยไม่รู้ตัว ‘ธัญ’ (THANN) แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและความงามร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แพทย์หญิงสุรีย์รัตน์ ศรีตั้งรัตนกุล แนะ “วิธีฟื้นฟูสภาพผิวจากความหมองคล้ำให้สว่างกระจ่างใสอย่างมีสุขภาพดี” กับผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพผิวหน้าในกลุ่ม ‘ชิโซะ’ (Shiso Collection) อาทิ ‘เพียวริฟายอิ้ง เฟซ วอซ’ (Purifying face wash), ‘แอสตริเจนต์ โทนเนอร์’ (Astringent toner), ‘รีไวทอลไลซิ่ง เฟซ มาส์ก’ (Revitalizing face mask) และ ‘ออยล์-ฟรี เฟเชียล ซันสกรีน เอสพีเอฟ 30 พีเอ +++’ (Oil-free facial sunscreen SPF30 PA+++) โดยมีเซเลบริตี้สาวสวยร่วมเผยวิธีดูแลและรับมือกับปัญหาผิวหมองคล้ำตามแบบฉบับของตนเอง

How to ฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้กลับมาสวยสุขภาพดี

แพทย์หญิงสุรีย์รัตน์ ศรีตั้งรัตนกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม ได้แนะนำวิธีรับมือกับปัญหาผิวหมองคล้ำให้กลับมาสวยกระจ่างใสอย่างมีสุขภาพดีว่า “ปัญหาผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส เกิดได้จาก 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ซึ่งปัจจัยภายในจะเกี่ยวข้องกับระบบของร่างกายเรา เช่น การรับประทานอาหาร ระบบขับถ่าย การพักผ่อน อารมณ์ และความเครียด ส่วนปัจจัยภายนอกที่คอยทำร้ายผิวสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ อาทิ มลภาวะ แสงแดด ฝุ่นละออง สภาพอากาศ การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ การอาบน้ำร้อน รวมถึงการทำความสะอาดผิวอย่างไม่ถูกวิธี สำหรับวิธีฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้กลับมาสวยอย่างมีสุขภาพดี ควรดูแลควบคู่กันไปทั้งภายในและภายนอก โดยสามารถทำได้ดังนี้

·      ล้างทำความสะอาดผิวหน้า เพื่อขจัดสิ่งสกปรก เครื่องสำอาง โดยเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีความอ่อนโยนนวดไปบนใบหน้าตามแนวรูขุมขน 15-20 วินาที แล้วใช้น้ำเปล่าล้างออก และปิดท้ายด้วยการใช้โทนเนอร์ เพื่อกระชับรูขุมขนและปรับสภาพผิวให้พร้อมสู่ขั้นตอนการบำรุงต่อไป

·    มาส์กหน้าเพื่อฟื้นฟูสภาพผิวให้สว่างใส อย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้ง  แนะนำให้เลือกมาส์กที่มีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการคืนความกระจ่างใสสู่ผิว อาทิ สารสกัดจากผลองุ่น (Grape extract) และสารสกัดจากรากหม่อน (Mulberry root extract) หรือกลุ่มที่เพิ่มความชุ่มชื้นสู่ผิว อาทิ สารสกัดจากพืชทะเลทราย (Ougon extract), สารสกัดจากทีฮาโลส (Trehalose extract) หรือสารสกัดที่ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวอ่อนๆ อย่าง AHA หรือกรดผลไม้ที่อ่อนโยน รวมถึงสารสกัดที่สามารถลดเลือนริ้วรอย

·    ทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ (UVA) และยูวีบี (UVB) เป็นประจำ โดยพิจารณาปัจจัยหลักในการปกป้องผิวจากรังสียูวีแต่ละประเภทได้จากค่า SPF (Sun Protection Factor) คือ ค่าที่บอกถึงประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UVB เป็นค่าระยะเวลาที่ผิวสามารถทนต่อแสงแดดได้โดยที่ผิวเราไม่ไหม้ (Sunburn) และค่า PA (Protection grade of UVA) คือค่าที่บอกถึงประสิทธิภาพในการปกป้องรังสี UVA โดยใช้เครื่องหมายบวก (+) ในการแสดงระดับของประสิทธิภาพ ปัจจุบันค่า PA++++ ถือว่าเป็นค่าที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูงสุด

·      หากวันไหนที่อยู่บ้านหรือไม่ได้ออกไปไหน แนะนำว่าไม่ต้องแต่งหน้าเลย เพื่อเป็นการพักผิวหน้า แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรแต่งหน้าบาง ๆ และล้างทำความสะอาดใบหน้าทุกครั้ง

·      ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ สามารถคำนวณได้จากน้ำหนักตัว (ก.ก.) x 33 =… ซีซี (1,000 ซีซี = 1 ลิตร, 1 ลิตร = 4 แก้ว) เพราะน้ำสะอาดจะช่วยให้เซลล์และระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื่น เปล่งปลั่ง สดใส

·      เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวเป็นประจำ เช่น มะเขือเทศ ส้ม มะนาว ผลเบอร์รี่ต่างๆ ธัญพืช ปลาทะเล”

ธัญ’ (THANN) ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม ผสานคุณค่าแห่งพืชพรรณจากแหล่งธรรมชาติชั้นดีทั่วโลกและเทคโนโลยีอันทันสมัย ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา THANN มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ธรรมชาติผสานเทคโนโลยีชั้นนำ ผ่านการทดสอบจากสถาบันวิจัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลอย่าง Spincontrol Asia Co.,Ltd. (France), Skinnova Lab Co.,Ltd. และ Dermscan Asia อาทิ Dermatological test, Irritation test และ Efficacy test เพื่อยืนยันในคุณภาพและประสิทธิภาพเพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม โดยปัจจุบันมีกว่า 90 สาขา รวมถึงสปาอีก 15 แห่งใน 3 ทวีป ได้แก่ เอเชีย อเมริกา และยุโรป ขอแนะนำกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ออกมาเพื่อฟื้นฟูสภาพผิวโดยเฉพาะ อุดมด้วยคุณประโยชน์ของสารสกัดธรรมชาติจาก “น้ำมันรำข้าว” (Rice Bran Oil) และ “ชิโซะ” (Shiso) ที่มีจำหน่ายในร้านและเคาน์เตอร์ ‘ธัญ’ (THANN) กว่า 100 สาขาในทวีปเอเชีย อเมริกา และยุโรป

นับเป็นเวลาเนิ่นนานกว่าพันปีที่นักพฤกษศาสตร์ชาวเอเชียได้ค้นพบต้น “ชิโซะ” (ชื่อวิทยาศาสตร์ Perilla frutescens var. crispa) พืชตระกูลมิ้นท์มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออก พบได้มากในประเทศญี่ปุ่น สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ท่ามกลางสภาพอากาศที่แห้งแล้ง อีกทั้งยังส่งผ่านความชุ่มชื้นและช่วยให้พืชที่อยู่ล้อมรอบเจริญเติบโตได้อีกด้วย ปัจจุบันชิโซะนอกจากจะกลายเป็นอัญมณีสำหรับวงการศิลปะการทำอาหารของชาวญี่ปุ่นแล้ว ยังเป็นส่วนผสมสำคัญในอาหารแมคโครไบโอติกส์ (Macrobiotics) หรืออาหารคุณภาพเพื่อการดำรงชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีสุขภาพ

How to ฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้กลับมาสวยสุขภาพดี

‘ธัญ’ (THANN) ใช้เวลานับพันชั่วโมงในการไขความลับอันน่าอัศจรรย์ของ “ชิโซะ” พืชอัศจรรย์ที่อุดมด้วยสารสำคัญอันมีประโยชน์ อาทิ เช่น  โรสแมรินิค แอซิด (Rosemarinic Acid), แอล-เพอริลลาดีไฮด์ (L-Perilladehyde)  และฟีนอล คอมพาวด์  (Phenol Compound) โดดเด่นในการให้ความชุ่มชื้น ปกป้องและฟื้นฟูเซลล์ผิวจากความแห้งกร้านและการเสื่อมสภาพ อีกทั้งยังเป็นสารแอนตี้ออกซิเดนท์ทรงประสิทธิภาพ โดยไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ด้วยสัดส่วนของวิตามิน A (มากกว่าผลกีวีถึง 300 เท่า), วิตามิน C (มากกว่าผลเลมอนถึง 160 เท่า) และวิตามิน E สูง พร้อม วิตามิน B1, B2, B6, K, แร่ธาตุและโปรตีนหลากชนิด นอกจากนี้ในสารสกัดจากชิโซะยังมีคุณสมบัติยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase Inhibitor) ในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) และด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นของสารสกัดจากชิโซะนำมาผ่านกระบวนการสกัดด้วย “นาโนเทคโนโลยี” ปราศจากการใช้สารเคมีจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ได้อนุภาคขนาดนาโนเมตร (10-9) ทำให้ได้อนุภาคขนาดเล็กสามารถซึมเข้าสู่ชั้นหนังแท้ (Dermis) เกิดประสิทธิภาพการบำรุงอย่างล้ำลึก โดยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับฟื้นฟูผิวจากความหมองคล้ำให้สว่างกระจ่างใสอย่างมีสุขภาพดี ได้แก่

‘เพียวริฟายอิ้ง เฟซ วอซ’ (Purifying Face Wash) ขนาด 200 มล. ราคา 950 บาท ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ขจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินได้อย่างหมดจด พร้อมคืนความกระจ่างใสสู่ผิว อุดมด้วยสารสกัดธรรมชาติที่มอบคุณค่าในทำความสะอาดและบำรุงผิว อาทิ น้ำมันมะพร้าวออแกนิค (Organic coconut oil), สารสกัดจากข้าวออแกนิค (Organic rice extract), สารสกัดจากต้นไผ่ (Bamboo extract), สารสกัดจากชิโซะ (Shiso extract), น้ำสกัดจากดอกวิชฮาเซล (Witch hazel water) และสารสกัดเลนทิล (Lentil extract)

‘แอสตริเจนต์ โทนเนอร์’ (Astringent Toner) ขนาด 135 มล. ราคา 900 บาท โทนเนอร์ช่วยกระชับรูขุมขน และคืนความสมดุลของผิวหลังล้างหน้า มีส่วนผสมจากพืชพรรณธรรมชาติ อาทิ สารสกัดจากใบชิโซะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว และต่อต้านสารอนุมูลอิสระ, โปรตีนและแร่ธาตุสำคัญในสารสกัดจากสาหร่ายช่วยคืนความยืดหยุ่นแก่ผิว, สารสกัดจากชาเชียวช่วยปลอบประโลมผิวให้มีสุขภาพดี และสารสกัดจากยีสต์ ช่วยรักษาสมดุลการทำงานของต่อมไขมันในผิว

‘รีไวทอลไลซิ่ง เฟซ มาส์ก’ (Revitalizing Face Mask) ราคา 1,090 บาท มาส์กหน้าสูตรเข้มข้นที่รวมคุณค่าจากสารสกัดธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้สว่างใสอย่างไร้ที่ติ มอบความเปล่งประกาย (Luminosity) สู่ผิวถึง 43%* ด้วยส่วนผสมทรงประสิทธิภาพจากธรรมชาตินานาชนิด อาทิ สารสกัดจากผลองุ่น (Grape fruit extract) ปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ, สารสกัดจากรากหม่อน (Mulberry Root extract) ลดเลือนจุดด่างดำและความหมองคล้ำของผิว, สารสกัดจากอูกอน (Ougon extract)และ สารสกัดจากทรีฮาโลส (Trehalose extract) ปกป้องและรักษาสมดุลความชุ่มชื้นของผิว สารสกัดอนุภาคขนาดเล็กจากใบชิโซะ (Nano shiso extract) ลดการอักเสบและอาการระคายเคือง พร้อมคุณสมบัติเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์

‘ออยล์-ฟรี เฟเชียล ซันสกรีน เอสพีเอฟ 30 พีเอ +++’ (Oil-free facial sunscreen SPF30 PA+++) ขนาด 40 มล.ราคา 1,000 บาท ด้วยสูตร Oil-free เนื้อครีมบางเบา (Emulsion Base) ซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะและไม่ทิ้งคราบขาวไว้บนใบหน้า ปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB พร้อมช่วยให้ผิวสว่างขึ้น 30% (lightening and depigmenting) ผิวมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น 8%* และริ้วรอยลดเลือนลง 5%* ด้วยส่วนผสมที่ให้คุณค่าการบำรุงจากธรรมชาติที่มีอนุภาคขนาดเล็กที่คัดสรรมาพิเศษ เพื่อแก้ปัญหาผิวคล้ำเสียจากแสงแดดโดยเฉพาะ อาทิ ‘นาโน ชิโซะ เอ็กซ์แทร็ค’ (Nano Shiso Extract) สารสกัดขนาดเล็กจากใบชิโซะ, ‘อูกอน เอ็กซ์แทร็ค’ (Ougon extract) และ ‘ไวท์ ที เอ็กซ์แทร็ค’ (White tea extract) สารสกัดจากชาขาว

How to ฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้กลับมาสวยสุขภาพดี

ผิวหน้าของเราประกอบด้วยระบบเลือดและน้ำเหลืองไหลเวียนอยู่ใต้ชั้นผิว ซึ่งเป็นการนำสารอาหารที่มีประโยชน์ไปเลี้ยงเซลล์ผิวและส่วนต่างๆ บนใบหน้า หากการไหลเวียนของระบบเลือดและน้ำเหลืองเกิดการติดขัด ผิวหน้าของเราจะแสดงออกมาในรูปแบบของปัญหาผิวต่างๆ เช่น ผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส หรือสิว เป็นต้น การใช้เทคนิคการนวดเพื่อกระตุ้นต่อมน้ำเหลือง (Lymphatic Drainage Massage) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองให้ดีขึ้น ทำให้ผิวสดใส แข็งแรง แลดูสุขภาพดี เปรียบเสมือนการทำดีท็อกซ์ผิวหน้าแบบง่ายๆ อีกวิธีหนึ่งซึ่งสามารถทำได้เองที่บ้าน

How to ฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้กลับมาสวยสุขภาพดี

ด้านเซเลบริตี้สาวสวยต่างร่วมทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ พร้อมเผยวิธีดูแลและรับมือกับปัญหาผิวหมองคล้ำตามแบบฉบับของตนเอง เริ่มที่ผู้บริหารสาว ปณิตา ศรไทยเทวา เผยว่า “ในช่วงวัยรุ่นเราอาจจะไม่ค่อยได้ดูแลตัวเองและผิวพรรณเท่าที่ควร แต่พออายุมากขึ้นการดูแลผิวแบบเดิมๆ ก็อาจไม่เพียงพอ และจะเห็นผลชัดเจนทันทีหากเราละเลยการดูแลตัวเอง ส่วนตัวพลอยเองก็มักเผชิญกับปัญหาผิวหมองคล้ำที่เกิดจากความเครียดจากการทำงานหรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งก็จะพยายามแบ่งเวลาเพื่อการพักผ่อน รวมถึงการออกกำลังกายเพื่อคลายความเครียด ร่างกายและจิตใจจะได้สดชื่น กระปรี้กระเปร่ามากขึ้น

ส่วนการดูแลผิวก็ให้ความสำคัญตั้งแต่การทำความสะอาดผิว โดยจะเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่สามารถขจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินได้อย่างหมดจด โดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึงอย่าง เพียวริฟายอิ้ง เฟซ วอซ แล้วตามด้วยแอสตริเจนต์ โทนเนอร์ เพื่อกระชับรูขุมขนและปรับสภาพผิวทุกครั้งหลังการล้างหน้าเพื่อให้พร้อมก่อนขั้นตอนการบำรุงผิวต่อไป ระหว่างสัปดาห์พลอยก็จะมาส์กหน้าเพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิวด้วยรีไวทอลไลซิ่ง เฟซ มาส์ก และเราก็ให้ความสำคัญกับการเลือกรับประทานอาหารที่ประโยชน์ต่อผิวอีกด้วย”

How to ฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้กลับมาสวยสุขภาพดี

ถัดมาที่ดีไซเนอร์สาว ตะวันนา ธารา เล่าว่า “หลังคลอดลูกแล้วรู้สึกเลยว่าผิวตัวเองไม่ค่อยสดใส และด้วยการที่หนูใหม่เป็นคนผิวสองสี เวลาทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องเผชิญกับแสงแดด ผิวก็จะหมองคล้ำได้ง่าย แต่เราก็มีตัวช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดอย่าง ออยล์-ฟรี เฟเชียล ซันสกรีน เอสพีเอฟ 30 พีเอ +++ ที่ใช้เป็นประจำ นอกจากนี้ก็ยังให้ความสำคัญในการทำความสะอาดผิวด้วย เพราะเราคิดเสมอว่าจุดเริ่มต้นของผิวสวยสุขภาพดี เริ่มจากการทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี เราจึงเลือกใช้ เพียวริฟายอิ้ง เฟซ วอซ เพื่อทำความสะอาดผิวรวมถึงสิ่งสกปรกตกค้าง โดยไม่ทำให้ผิวหน้าเราแห้งตึงหลังการล้าง แล้วตามด้วยการใช้ แอสตริเจนต์ โทนเนอร์ เพื่อกระชับรูขุมขน และปรับสภาพผิวให้พร้อมสำหรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป เพราะหากเราล้างหน้าไม่สะอาด การใช้ครีมบำรุงผิวก็อาจไม่เกิดประสิทธิภาพเท่าที่ควร

อีกสิ่งที่สำคัญคือ เราควรดูแลตัวเองจากข้างในตั้งแต่การเลือกทานอาหาร เพราะเมื่อก่อนเราเป็นคนที่แพ้ง่ายมาก โดยที่เราไม่รู้เลยว่าเราอะไร พอเราไปตรวจดีเอ็นเอจึงทำให้เรารู้เลยว่าเราแพ้อาหารจำพวกนม ยีสต์ ขนมปังบางชนิด พอเราหยุดทานผื่นแพ้ก็หายไป ไม่เกิดสิว และไม่ทิ้งริ้วรอยไว้บนใบหน้าด้วย”

How to ฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้กลับมาสวยสุขภาพดี

ปิดท้ายที่สาวสังคม เฌอปัฐน์ กิตติพรวริษฐ์ กล่าวว่า “การที่มีใบหน้าที่สดใสในทุกๆ วันเป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนา แต่ว่าในชีวิตประจำวันที่เราต้องออกไปทำงาน หรือออกไปทำกิจกรรมกับเพื่อน เราก็อาจจะต้องเจอกับปัญหาผิวหมองคล้ำจากแสงแดดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่พลอยฝนก็มีตัวช่วยสำหรับปกป้องผิวจากแสงแดดอย่าง ออยล์-ฟรี เฟเชียล ซันสกรีน เอสพีเอฟ 30 พีเอ +++ ครีมกันแดดเนื้อบางเบา ไม่มัน ไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่ทิ้งคราบขาวไว้บนใบหน้า พร้อมช่วยให้ผิวสว่างและเพิ่มความยืดหยุ่นด้วย เวลากลับถึงบ้านก็ต้องรีบล้างหน้าทำความสะอาดและบำรุงผิวตามปกติ แต่หากวันไหนรู้สึกว่าผิวหน้าหมองคล้ำ เราก็จะมาส์กหน้าด้วย รีไวทอลไลซิ่ง เฟซ มาส์ก เพื่อฟื้นบำรุงผิวแบบเร่งด่วนเพียง 15 นาที ผิวก็กลับมาสว่างกระจ่างใสได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการทำงานในวันต่อไป”

ฟื้นฟูสภาพผิวจากความหมองคล้ำให้สว่างกระจ่างใสอย่างมีสุขภาพดีกับผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพผิวหน้าในกลุ่ม ‘ชิโซะ’ (Shiso Collection) อาทิ ‘เพียวริฟายอิ้ง เฟซ วอซ’ (Purifying face wash), ‘แอสตริเจนต์ โทนเนอร์’ (Astringent toner), ‘รีไวทอลไลซิ่ง เฟซ มาส์ก’ (Revitalizing face mask) และ ‘ออยล์-ฟรี เฟเชียล ซันสกรีน เอสพีเอฟ 30 พีเอ +++’ (Oil-free facial sunscreen SPF30 PA+++) ได้แล้ววันนี้ที่ออนไลน์สโตร์  http://www.thann.co.th (ส่งฟรีทั่วประเทศ) และร้าน ‘ธัญ’ (THANN) ทั้ง 12 สาขาทั่วประเทศ อาทิ สาขาสุขุมวิท 47, ชั้น 2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, ชั้น 3 ศูนย์การค้าเกษร, ชั้น 5 ศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรียม, ชั้น 1 และชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน, ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์, ชั้น 4 ไอคอน สยาม, ร้านวูว์ ถนนเจริญราษฎร์ และสาขาถนนพระปกเกล้า (ตรงข้ามวัดเจดีย์หลวง) จังหวัดเชียงใหม่, สาขาป่าตอง (หน้าโรงแรม La Flora ป่าตอง) จังหวัดภูเก็ต และ ธัญ เวลเนส เดสทิเนชั่น จ.พระนครศรีอยุธยา

#ช้อปให้โลกจำ เซ็นทรัลพัฒนาผนึกกำลังกลุ่มเซ็นทรัลลดกระหน่ำกลางปี Mid Year Sale

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/685202

วันที่ 08 มิ.ย. 2565 เวลา 20:49 น.

#ช้อปให้โลกจำ เซ็นทรัลพัฒนาผนึกกำลังกลุ่มเซ็นทรัลลดกระหน่ำกลางปี Mid Year Sale

Mid Year Sale เซลกระหน่ำแห่งปี เซ็นทรัลพัฒนา ผนึกกำลังกลุ่มเซ็นทรัล และพันธมิตรระดับประเทศ ทุ่มงบ 800 ล้านบาท เปิดมหกรรมเซลกลางปี ลดใหญ่ระดับชาติ #ช้อปให้โลกจำ คาดช่วยเศรษฐกิจฟื้น หนุนรับเปิดประเทศเต็มรูปแบบ

#ช้อปให้โลกจำ เซ็นทรัลพัฒนาผนึกกำลังกลุ่มเซ็นทรัลลดกระหน่ำกลางปี Mid Year Sale

โอกาสช้อปมาถึงแล้ว!! บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผนึกธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัลและพาร์ทเนอร์ธุรกิจชั้นนำทั่วประเทศ ทุ่มงบกว่า 800 ล้านบาท แคมเปญ Mid Year Sale แห่งปี The Greatest Grand Sale 2022 มหกรรมเซลกลางปีที่ดีที่สุด ตอกย้ำเบอร์หนึ่งงานเซลลดครั้งยิ่งใหญ่ระดับชาติ ภายใต้คอนเซ็ปต์  #ช้อปให้โลกจำ ช้อปครั้งนี้เราทำเพื่อโลก ลดครบทุก category สินค้าครบครันที่สุด ทั้งศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า และออนไลน์รวมกว่า 1 หมื่นแบรนด์ พร้อมเดินหน้าสนับสนุนภาครัฐทุกภาคส่วน ปลุกมู้ดช้อปปิ้งลดใหญ่สวนกระแส ช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพประชาชนในช่วงภาวะน้ำมันแพง พร้อมผลักดันเศรษฐกิจ ต้อนรับการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ  เตรียมขนทัพสินค้าดีลพิเศษกว่า 10,000 รายการ ลดราคาสูงสุดกว่า 80% และลุ้นรางวัลใหญ่ ช้อปฟรี 400,000 บาท และรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 9 ล้านบาท พร้อมครั้งแรก Eco-Marketing ช้อปรักษ์โลก เริ่ม #ช้อปให้โลกจำ ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. – 31 ก.ค. 2565 นี้ ณ ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า และร้านค้าในเครือเซ็นทรัล 35 สาขาทั่วประเทศ คลิก https://www.youtube.com/watch?v=l3MgIHLbbKM

รวมพลังครั้งสำคัญ สร้างแรงกระเพื่อม ลดทั่วประเทศ กับทุก BUs ในเครือเซ็นทรัล ได้แก่ ศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัลพัฒนา, ธุรกิจในเครือเซ็นทรัล รีเทล ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, โรบินสัน ไลฟ์สไตล์, ซูเปอร์สปอร์ต, เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (CMG), ท็อปส์ มาร์เก็ต, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, เพาเวอร์บาย, บีทูเอส และออฟฟิศเมท ร่วมด้วยเซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป, โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา และ The 1 พร้อมทั้งพันธมิตรธุรกิจชั้นนำของประเทศ ที่มาร่วม Synergy ในครั้งนี้ ได้แก่ บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน, บัตรเครดิตอิออน, บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ, บัตรเครดิตซิตี้, บัตรเครดิตธนาคารออมสิน, บัตรเครดิตกสิกรไทย, บัตรเครดิตกรุงศรี, บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า, บัตรเครดิตเคทีซี, บัตรเครดิตไทยพาณิชย์, บัตรเครดิตทีทีบี (บัตรเครดิต ทีเอ็มบี บัตรเครดิตธนชาต), บัตรเครดิตยูโอบี, มาสเตอร์การ์ด, และสายการบินนกแอร์

#ช้อปให้โลกจำ เซ็นทรัลพัฒนาผนึกกำลังกลุ่มเซ็นทรัลลดกระหน่ำกลางปี Mid Year Sale

ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “The Greatest Grand Sale 2022 #ช้อปให้โลกจำ ฉลองครบรอบ 40 ปี เซ็นทรัลพัฒนา ตอกย้ำการเป็นอภิมหางานเซลช่วงกลางปีที่ดีที่สุดทั่วประเทศ ครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี จากการผนึกกำลังของธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัล และพันธมิตรชั้นนำทั่วประเทศ ขานรับนโยบายรัฐทุกภาคส่วนในการช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชนในภาวะที่สินค้าและน้ำมันแพง และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังการเปิดรับนักท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ โดยข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่าในช่วงไตรมาส 3 นี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยกว่า 5 แสนคนต่อเดือนจากประเทศระยะใกล้ ซึ่งไม่ต้องกักตัวขากลับ รวมถึงแถบตะวันออกกลาง และ ช่วงปลายปีนี้ คาดว่าไทยจะมีนักท่องเที่ยวพุ่งกว่า 1 ล้านคนต่อเดือน ดันยอดรวมปี 65 แตะเป้า 7-10 ล้านคน โดยเน้นไปที่นักท่องเที่ยวคุณภาพ (Quality tourist) โดยจากข้อมูลพบว่ามีนักท่องเที่ยวจากประเทศที่เดินทางเข้าไทยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สิงคโปร์, อินเดีย, มาเลเซีย, เวียดนาม และกัมพูชา (ตั้งแต่วันที่ 1-21 พ.ค. 2565 ) คาดทราฟฟิกศูนย์ฯ ทั่วประเทศจะเพิ่มขึ้นกว่า 30% โดยอัดงบการตลาดกว่า 800 ล้านบาท เพื่อให้ลูกค้าได้ช้อปและใช้ชีวิตอย่างเต็มที่หลังการฟื้นตัวของสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งการรวมพลังของภาคเอกชนอย่างยิ่งใหญ่ครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในกลไกลหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ทั้งการออกมาจับจ่ายใช้สอย และช่วยกันโปรโมทภาคท่องเที่ยวและบริการในประเทศทั่วทุกภูมิภาค”

#ช้อปให้โลกจำ เซ็นทรัลพัฒนาผนึกกำลังกลุ่มเซ็นทรัลลดกระหน่ำกลางปี Mid Year Sale

อีกทั้งปีนี้ยังเน้นเจาะกลุ่ม Wealth Segments รวมทั้งกลุ่ม New wealth ที่มีศักยภาพทั้งกำลังซื้อสูงและความถี่ในการจับจ่าย โดยจัดโปรฯ พิเศษสำหรับ Top spender ที่มียอดใช้จ่ายสะสมตลอดรายการสูงสุดตามเงื่อนไข รับแพ็คเกจที่พักหรู จาก SILAVADEE KOH SAMUI และเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ แลกรับ Cash Back สูงสุดถึง 30% โดยฐานข้อมูล The 1 พบว่า กลุ่มนี้สามารถช้อปปิ้งได้ทุกเวลา และให้ความสำคัญกับคุณค่าของความเป็นตัวตนที่ต่างจากคนทั่วไป มีช่องทางการใช้จ่ายที่สามารถ Personalized ได้ตามความต้องการทั้ง Offline-Online อีกทั้ง มีการวางแผนการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า” ดร. ณัฐกิตติ์ กล่าว

#ช้อปให้โลกจำ เซ็นทรัลพัฒนาผนึกกำลังกลุ่มเซ็นทรัลลดกระหน่ำกลางปี Mid Year Sale

ปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ทางเซ็นทรัล รีเทล รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมกับเซ็นทรัลพัฒนา ในการจัดงานอภิมหาแกรนด์เซลครั้งยิ่งใหญ่แห่งปีอย่าง The Greatest Grand Sale 2022  #ช้อปให้โลกจำ ซึ่งเป็นแคมเปญต้อนรับการเปิดประเทศ เพื่อกระตุ้นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และเป็นโอกาสให้คนไทยได้ซื้อสินค้าราคาพิเศษสุดคุ้ม ทำให้บรรยากาศการช้อปปิ้งกลับมาคึกคักอีกครั้ง และทำให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินในเศรษฐกิจไทยอย่างมหาศาล พร้อมยกทัพสินค้าหลากหลายรายการใน 8 กลุ่มธุรกิจของเรา มาเข้าร่วมงานอย่างจัดเต็ม ทั้งช่องทางหน้าร้านและหน้าเว็บ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, โรบินสัน ไลฟ์สไตล์, ซูเปอร์สปอร์ต, เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (CMG), ท็อปส์ มาร์เก็ต, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, เพาเวอร์บาย, บีทูเอส และออฟฟิศเมท รวมทั้งสิ้น 1,195 สาขา ใน 35 จังหวัดทั่วประเทศ ถือเป็นแคมเปญซิกเนเจอร์ระดับประเทศที่ทุกคนรอคอย ด้วยโปรโมชั่นสุดคุ้ม ส่วนลดสูงสุด 80%, สินค้าแฟลชดีล และแฟลชคูปอง, ส่วนลดเพิ่มจาก The 1 และบัตรเครดิต รวมถึงคะแนน The 1 พิเศษสำหรับลูกค้าที่ช้อปแบบรักษ์โลกด้วยการนำถุงผ้ามาเอง โดยเซ็นทรัล รีเทล คาดว่ายอดขายทั้งกลุ่มจากแคมเปญนี้จะเติบโต 15-20% และดัน Ticket Size เฉลี่ยของลูกค้าเพิ่มขึ้นอีก 5-10% และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลูกค้าทุกคนจะได้รับความประทับใจและประสบการณ์ที่ดีจากงาน The Greatest Grand Sale 2022 #ช้อปให้โลกจำ ในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นการคืนกำไรและแทนคำขอบคุณให้กับลูกค้าของเราทุกคน” ปิยวรรณ กล่าว

#ช้อปให้โลกจำ เซ็นทรัลพัฒนาผนึกกำลังกลุ่มเซ็นทรัลลดกระหน่ำกลางปี Mid Year Sale

ปลุก Mood ช้อป กับแคมเปญ THE GREATEST GRAND SALE 2022 #ช้อปให้โลกจำ ด้วยกลยุทธ์ Synergy For All เพื่อลูกค้า เพื่อชุมชน เพื่อโลก  

·      “เพื่อลูกค้า” ให้คนไทยได้ช้อปสินค้ากว่า 10,000 แบรนด์ ในเครือเซ็นทรัล และพันธมิตรชั้นนำ ตอบทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยส่วนลดสูงสุดถึง 80% อาทิ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลดสูงสุด 70%* และ Flash Deal*, แลกคะแนน The 1 รับส่วนลด on top สูงสุด 12.5%, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ มอบส่วนลดสูงสุด 70%* และ Flash Deal, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอล์ล และท็อปส์ มาร์เก็ตลดสูงสุด 50%* รับฟรี คูปองส่วนลดสูงสุด 25% จากกว่า 50 แบรนด์*, Power Buy สินค้าลดสูงสุด 50%* และ Flash Coupon, Supersports มอบส่วนลดสูงสุด 70%*, B2S ลดสูงสุด 80%*, OfficeMate ลดสูงสุด 90%*, ร้านค้าแบรนด์ดังในเครือเซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป ลดสูงสุด 70%* และ Central Pattana Birthday Sale (17 มิ.ย. 2565 – 19 มิ.ย. 2565) รับส่วนลดเพิ่ม หรือ รับ Voucher ตามเงื่อนไขที่แบรนด์กำหนด* พร้อม โปรฯ มากมายจากร้านค้าแบรนด์ดังภายในศูนย์ฯ

·      “เพื่อชุมชน” เปิดพื้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลสนับสนุนการขายสินค้าชุมชน และงานสินค้าที่ให้ผู้คนในชุมชน ตลอดจน SME’s สามารถสร้างรายได้ สร้างอาชีพ ได้ตลอดทั้งปี อาทิ เทศกาลผักผลไม้โครงการหลวง, Coconut Festival, Fruit Fest, เทศกาลยกสวน, โครงการสินค้า OTOP, Pride Market, Crew Market ฯลฯ

·      “เพื่อโลก” ครั้งแรกกับ Eco-Marketing โครงการ ช้อปดี-ทิ้งดี Zero waste พร้อมกันทั่วประเทศ แจกคะแนน The 1 รวม 4,000,000 คะแนน ให้กับนักช้อปสายรักษ์โลก ผ่าน 2 กิจกรรม ‘ทิ้งดี’ ส่งเสริมการบริจาคเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้วเพื่อส่งต่อให้ผู้ที่ต้องการ ก่อนซื้อสินค้าใหม่ในหมวดสินค้ารักษ์โลก เพียงนำมาบริจาค ณ จุด “ทิ้งดี” ภายในศูนย์การค้า รับคะแนน The 1 พิเศษ 40 คะแนน และ และ ‘ช้อปดี’ ในร้านค้าแบรนด์ชั้นนำที่คอลเลคชั่นสินค้ารักษ์โลก อาทิ Anello, Cath Kidston, Converse, H&M, Innisfree, Mango, NIKE, Sabina, Sephora, The body shop, Yves Rocher, CC double O, The Face Shop, Hoka, Uniqlo, Zara และ Teva ทั้งนี้ เพื่อตอกย้ำวิสัยทัศน์ “Imagining better futures for all” ในการเป็น Place maker ที่ต้องการสร้างพื้นที่ที่เป็นมากกว่าศูนย์การค้า เพื่อมอบประสบการณ์ที่มีความหมาย มีคุณค่ากับผู้คน ชุมชน และโลกของเราอย่างแท้จริง

#ช้อปให้โลกจำ เซ็นทรัลพัฒนาผนึกกำลังกลุ่มเซ็นทรัลลดกระหน่ำกลางปี Mid Year Sale

พบกับแคมเปญ The Greatest Grand Sale 2022 #ช้อปให้โลกจำ ช้อปครั้งนี้เราทำเพื่อโลก” ณ ศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัลพัฒนา, ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, โรบินสัน ไลฟ์สไตล์, ซูเปอร์สปอร์ต, เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป (CMG), ท็อปส์ มาร์เก็ต, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, เพาเวอร์บาย, บีทูเอส, ออฟฟิศเมท และช้อปออนไลน์ 24 ชั่วโมง ผ่านเซ็นทรัลออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. – 31 ก.ค. 2565 นี้

เปิดสไตล์สุดเนี้ยบ “เชอรี่–แพนเค้ก” แต่งมุมโปรดสร้างพื้นที่ส่วนตัว

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/685201

วันที่ 08 มิ.ย. 2565 เวลา 20:36 น.

เปิดสไตล์สุดเนี้ยบ “เชอรี่–แพนเค้ก” แต่งมุมโปรดสร้างพื้นที่ส่วนตัว

“เชอรี่ – แพนเค้ก” เปิดสไตล์สุดเนี้ยบ แต่งมุมโปรดสร้างพื้นที่ส่วนตัว พร้อมเล่าความประทับใจ เมื่อได้สัมผัส “QUIL” พรีเมียมคอลเลกชันจาก COTTO

เปิดสไตล์สุดเนี้ยบ “เชอรี่–แพนเค้ก” แต่งมุมโปรดสร้างพื้นที่ส่วนตัว

“ห้องน้ำหรือพื้นที่แห่งความผ่อนคลาย” ที่จะทำให้รู้สึกเสมือนได้ปลดเปลื้องพันธนาการ โดยเฉพาะการได้แต่งเติมรายละเอียดงานดีไซน์ลงไปในทุกตารางนิ้ว ที่เปรียบเสมือนการสร้างผลงาน Masterpiece บนพื้นที่ส่วนตัวของคุณเอง

ความสงบเงียบของธรรมชาติป่าสน ทะเลสาบ ผสานกับสายน้ำและแสงแดดที่อบอุ่น เรื่องราวการสร้างสรรค์ “QUIL” คอลเลกชันระดับพรีเมียมจากคอตโต้ ที่หยิบยกคอนเซ็ปต์ “The Wholeness of Tranquility” การเชื่อมต่อธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของความผ่อนคลายและความสงบเย็น เสมือนถูกโอบกอดด้วยธรรมชาติบนพื้นที่ส่วนตัว ผ่าน 4 องค์ประกอบ ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการออกแบบโทนสี และรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ TRANQUIL, REFINED, PRIDE และ WELLNESS

เปิดสไตล์สุดเนี้ยบ “เชอรี่–แพนเค้ก” แต่งมุมโปรดสร้างพื้นที่ส่วนตัว

สำหรับอัตลักษณ์แห่งการดีไซน์ของสินค้าและบริการระดับพรีเมียมในคอลเลกชัน “QUIL” ถูกบอกเล่าและส่งต่อความประทับใจ ผ่านการเข้ามาสัมผัสภายในโชว์รูม @SCG Home Experience โดยสองอินฟลูเอนเซอร์ผู้หลงใหลในความสุขสงบ และมักให้ความสำคัญกับการเลือกสรรผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นที่จะมาอยู่ภายในพื้นที่ส่วนตัว เพราะพวกเธอเชื่อว่าความพิถีพิถันในการมองหาสิ่งที่ดีที่สุด ย่อมตอบสนองไลฟ์สไตล์ของพวกเธอได้ดีที่สุดเช่นกัน

เปิดสไตล์สุดเนี้ยบ “เชอรี่–แพนเค้ก” แต่งมุมโปรดสร้างพื้นที่ส่วนตัว

เชอรี่ – เข็มอัปสร สิริสุขะ ผู้หญิงต้นแบบที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง เวลาส่วนหนึ่งในชีวิตเธอจึงมักใช้ไปกับการแสวงหาความสงบท่ามกลางธรรมชาติ  “ถ้าพูดถึง The Wholeness of Tranquility เรื่องความสงบ ส่วนตัวเชอรี่ฝึกสมาธิ แต่สมาธิต้องอาศัยการฝึกฝน ต้องใช้เวลา และต้องใช้ความพยายาม แต่สิ่งหนึ่งที่ทำได้ง่าย ๆ คือ การอาบน้ำ หลาย ๆ ครั้ง ความสงบ ความสุข หรือไอเดียใหม่ ๆ เกิดขึ้นเวลาอาบน้ำ ห้องน้ำจึงเป็นพื้นที่สำคัญที่ช่วยสร้างความสุขสงบได้ง่าย ๆ ยิ่งช่วงโควิดที่ผ่านมา ทุกคนต้องอยู่บ้านกันเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้ออกไปเจอกับธรรมชาติ เราจึงต้องพยายามหาอะไรที่สามารถสร้างความสุขได้ง่าย ๆ ให้เหมือนมีธรรมชาติมาโอบล้อมภายในบ้าน พอได้มาสัมผัสคอลเลกชัน QUIL ที่พูดถึงความงดงามของป่าสน สายน้ำ แสงแดด เรียกว่าตอบโจทย์รอบด้าน ทั้งตัวผลิตภัณฑ์ที่มีผิวสัมผัสเป็นเนื้อด้าน มีความเรียบง่าย ความโค้ง ความกว้าง โดยเฉพาะคู่สี Twilight Gold และ Timeless Taupe ซึ่งเป็นสีที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในสุขภัณฑ์และก๊อกน้ำ รวมไปถึงรายละเอียดต่าง ๆ อย่าง สะดืออ่างล้างหน้า ที่ทำออกมาเป็นเนื้อสีเดียวกัน สามารถเข้าคู่กันได้ลงตัวกับก๊อกน้ำ ทำให้รู้สึกเหมือนยืนล้างหน้าอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่ทำให้รู้สึกสงบและมีความสุข”

ทางด้าน แพนเค้ก – เขมนิจ จามิกรณ์ ที่เวลาส่วนใหญ่หมดไปอย่างเร่งรีบ ดังนั้น บนพื้นที่ส่วนตัวเธอจึงต้องการหยุดเวลาไว้กับผลิตภัณฑ์ที่มีดีไซน์ที่ชื่นชอบ “การใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ ทำให้รู้สึกเหมือนโดนจับเวลาโดยไม่รู้ตัว การได้หยุดนิ่งในห้องน้ำ ทำให้รู้สึกได้ปรนนิบัติจิตใจ และได้เป็นตัวเองมากที่สุด การดีไซน์จึงเป็นปัจจัยแรก ที่ทำให้อยากสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ อยากหยิบ อยากใช้แล้วมีความสุข ซึ่ง QUIL เป็นคอลเลกชันที่มีเส้นสายความโค้งมน ดูเรียบและลงตัว มีขนาดที่พอดี ทำให้รู้สึกอบอุ่น รู้สึกอิสระ ไม่ปิดกั้น ไม่ว่าจะจับ จะสัมผัส หรือจะมอง ประกอบกับเฉดสีสวยละมุนช่วยสร้างความรู้สึกไม่เร่งรีบในการทำกิจวัตรต่าง ๆ ในแต่ละวัน อีกทั้งผลิตภัณฑ์ในคอลเลกชัน ทั้งอ่างล้างหน้า ก๊อกน้ำ สุขภัณฑ์ และฝักบัว เวลาอยู่รวมกันแล้วดูคุมโทน สวย กลมกลืน นอกจากนี้ ฟังก์ชันการใช้งานที่คุ้มค่า อย่าง ฝักบัวที่ถูกคิดมาเป็นอย่างดีในการไหลของสายน้ำ มีความนุ่มนวลเมื่อน้ำตกมากระทบร่างกาย ช่วยทำให้การอาบน้ำเป็นเหมือนการเริ่มต้นวันใหม่ที่ดี ฉะนั้น ดีไซน์และการใช้งานจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดความสุขในพื้นที่เล็ก ๆ ที่เราสามารถดีไซน์ความเป็นตัวเองได้”

เปิดสไตล์สุดเนี้ยบ “เชอรี่–แพนเค้ก” แต่งมุมโปรดสร้างพื้นที่ส่วนตัว

เพราะใส่ใจทุกรายละเอียด

ความสวยงามครบทุกมิติของ QUIL ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างพิถีพิถัน พร้อมองค์ประกอบที่ได้รับความร่วมมือกับ 3 พาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ได้แก่ ฐิรัฐ นาถวิริยกุล Managing Director บริษัท เดอะ คลาสสิค แชร์ส จำกัด ผู้สร้างสรรค์เฟอร์นิเจอร์ที่มีความละเอียดละไม ได้ซ่อนรายละเอียดของชิ้นงานไว้ภายใต้ความเรียบหรูของเคาน์เตอร์ใต้อ่างล้างหน้า อย่างการแกะสลักลวดลายหน้าบานของเฟอร์นิเจอร์ ที่เรียกว่า Technique Hand Paint  ชนิพล กุศลชาติธรรม หรือ ตั้ม ROCKKHOUND ช่างภาพ และ Travel Film ผู้ทำหน้าที่ร้อยเรียงเรื่องราวบอกเล่าคอนเซ็ปต์ ‘The Wholeness of Tranquility’ เลือกใช้สถานที่อันสวยงามของ ลิวงค์ อ.จะนะ จ.สงขลา บันทึกความทรงจำของสีสันอันสวยงามในยามเช้า และพระอาทิตย์อัสดงในช่วงเย็น และ สน จันทร์ศุภฤกษ์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์สูท SUITCUBE ได้นำเฉดสีพิเศษแสดงถึงอัตลักษณ์ของคอลเลกชัน ออกแบบยูนิฟอร์มให้กับ Premium Butler ตัวแทนเพื่อนที่รู้ใจ เข้าถึงง่าย คุยได้ มีรสนิยม และมีความเป็นมืออาชีพ สามารถเข้าใจถึงความต้องการและไลฟ์สไตล์ของทุกคน

เปิดสไตล์สุดเนี้ยบ “เชอรี่–แพนเค้ก” แต่งมุมโปรดสร้างพื้นที่ส่วนตัว

มาเป็นผู้สร้างผลงาน Masterpiece ให้กับห้องน้ำของคุณเอง ด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมจาก “QUIL” คอลเลกชันที่ใส่ใจตั้งแต่การออกแบบรูปลักษณ์ภายนอก ไปจนถึงฟังก์ชันการใช้งานภายใน พร้อมบริการจาก Premium Butler ที่เปรียบเหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวในการซื้อสินค้าให้ทุกขั้นตอน ผู้สนใจสามารถเข้าชมสินค้า QUIL Premium Collection ภายในโชว์รูม @SCG Home Experience ชั้น 2 CDC เลียบทางด่วนรามอินทรา-เอกมัย หรือนัดหมาย Premium Butler ได้ที่ LINE @PremiumButler

Vintel เผยคอลเลกชั่น Vintel Gorgeous

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/684940

วันที่ 05 มิ.ย. 2565 เวลา 16:55 น.

Vintel เผยคอลเลกชั่น Vintel Gorgeous

Vintel ลักซ์ชัวรีเลานจ์แวร์ ผู้เปลี่ยนความเรียบง่ายสู่ไลฟ์สไตล์สุดหรู แต่คงไว้ซึ่งการสวมใส่สบายผ่านคอลเลกชั่น Vintel Gorgeous

Vintel เผยคอลเลกชั่น Vintel Gorgeous

นับตั้งแต่เกิดโรคระบาดที่ทำให้เทรนด์แฟชั่นเน้นไปที่การสวมใส่เสื้อผ้าสบายแต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความหรูหรา Loungewear (เลาจน์แวร์) จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกของคนแฟชั่น หรือแม้กระทั่งดาราฮอลลีวูด อย่าง เอมี ชูเมอร์ เรจินา ฮอลล์ และแวนด้า สไกส์ ยังเลือกสวมชุดนอนสุดหรูขึ้นประกาศรายชื่อผู้รับรางวัลออสการ์ครั้งที่ 94 มาแล้ว เพราะเสน่ห์ของชุดที่นอกจากจะสวมใส่สบายแล้วยังมอบสไตล์สุดหรูแถมยังครีเอตลุคให้สาวๆ หยิบมาสวมใส่ออกนอกบ้าน เพื่อทำคอนเทนต์แบบเช้าจรดเย็นได้อย่างคล่องตัว และจังหวะนี้เองที่ทำให้ Vintel (วินเทล) แบรนด์ลักซ์ชัวรีเลานจ์แวร์กลายเป็นที่รู้จักของคนไทยมากขึ้น เมื่อแบรนด์นำเสนอชุดเลานจ์แวร์แบบเปิดโลกใหม่ เติมความหรูหราให้กับชุดที่สวมใส่สบายผ่านการใช้วัสดุเส้นใยเยื่อไผ่แท้ ซึ่งนับได้ว่าเป็นแบรนด์เดียวในไทยที่ใช้วัสดุนี้

Vintel เผยคอลเลกชั่น Vintel Gorgeous
Vintel เผยคอลเลกชั่น Vintel Gorgeous

ล่าสุดวินเทลพาเหล่าสาวกสายแฟชั่นสร้างปรากฏการณ์ Gorgeous กับครั้งแรกในไทยที่แบรนด์เลานจ์แวร์จับมือกับ Beauty Gems แบรนด์อัญมณีชั้นนำของไทย จัดแฟชั่นโชว์คอลเลกชั่น Vintel Gorgeous (วินเทล กอเจียส) ในคอนเซ็ปต์ “The Luxury Runway PAJAMAS with DIAMOND” ณ The Event Hall เซ็นทรัลชิดลม

Vintel Gorgeous คอลเลกชั่นนี้ แนน-รัตติยา วรรัตน์ ครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์ และผู้ก่อตั้งแบรนด์ ได้หยิบเอาแรงบันดาลใจจากความสุข ความหรูหรา ความงดงามของผู้หญิง ขณะได้สวมเครื่องประดับอัญมณี โดยตีความออกมาเป็นเสื้อผ้าที่ตกแต่งด้วยลูกไม้และดอกกุหลาบ ตัวแทนแห่งความหรูหรา ลงบนชุด Sleepwear ชุดคลุมอาบน้ำ เดรส และกางเกงขาสั้น

Vintel เผยคอลเลกชั่น Vintel Gorgeous

“คอลเลกชั่นนี้เน้นไปที่การใช้ลูกไม้ ซึ่งบ่งบอกความเป็นผู้หญิงที่สอดคล้องเป็นอย่างดีกับอัญมณี โดยจะนำลูกไม้มาจับเป็นดอกกุหลาบซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุข และนำไปตกแต่งตามชุดอย่างประณีต รวมไปถึงตกแต่งแถบชุดเดรส จึงมีความหรูหรา สง่างาม และทำให้ผู้หญิงที่ได้สวมใส่รู้สึกมีความสุข เช่นเดียวกับการได้สวมใส่อัญมณี ที่สำคัญคือทำให้ได้ลุคที่เป็นมากกว่า Sleepwear สามารถใส่ทำแอ็กทิวิตี้ต่างๆ ได้ตลอดวัน ใส่ไปช็อปปิ้ง ไปเที่ยวรีสอร์ตพักผ่อนในวันหยุดหรืออยู่บ้านก็ใส่เสื้อผ้าแบบลักซ์ชัวรีได้”

Vintel แบรนด์ลักซ์ชัวรีเลานจ์แวร์ที่เกิดจากความตั้งใจของแนน-รัตติยา ที่ต้องการหาชุดเลานจ์แวร์ที่มีเนื้อนุ่มและสวมใส่สบาย จึงต่อยอดธุรกิจผ้า Hotel Supply ของครอบครัว ซึ่งทำเครื่องนอนผ้าคอตตอนทั้งหมดให้กลุ่มธุรกิจโรงแรมอาทิ LK Group และ Cape Dara เป็นต้น มาเป็นแบรนด์ชุดลักซ์ชัวรี เลานจ์แวร์ เปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 ทุกไอเท็มผลิตจากผ้าเยื่อไผ่แท้ 100% ให้ความนุ่ม เบาสบาย และระบายความร้อน ซึ่งได้ผลตอบรับดีมากจนขยายกิจการเปิดในห้างสรรพสินค้าชั้นนำกว่า 5 สาขา ได้แก่ เซ็นทรัลอีสวิลล์ สยามพรีเมียม เอาต์เล็ตต์ สยามเซ็นเตอร์ สยามพารากอน และไอคอนสยาม

Vintel เผยคอลเลกชั่น Vintel Gorgeous
Vintel เผยคอลเลกชั่น Vintel Gorgeous
Vintel เผยคอลเลกชั่น Vintel Gorgeous
Vintel เผยคอลเลกชั่น Vintel Gorgeous

“ผ้าเยื่อไม้ไผ่แท้เป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์เรา ปัจจุบันวินเทลเป็นแบรนด์เดียวในไทยและในโลกที่ทำชุดเลานจ์แวร์จากเส้นใยเยื่อไผ่แท้ธรรมชาติ 100% นำเข้าจากต่างประเทศ โดยนำเซลลูโลสของเส้นใยเยื่อไม้ไผ่มาผ่านกระบวนการทอออกมาเป็นเส้นใยผ้า หลังจากนั้นนำไปทอเป็นผืนและมาใส่แพตเทิร์นและ ลวดลายเข้าไป ซึ่งคุณสมบัติผ้านุ่มมาก สวมใส่สบาย เหมาะกับอากาศบ้านเรามากๆ นอกจากคุณสมบัติสวมใส่สบาย ระบายอากาศแล้ว ชุดเลานจ์แวร์ของวินเทลยังมีคุณสมบัติแอนตี้แบคทีเรียที่เกิดจากโครงสร้างผ้า เหมาะสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่าย สวมใส่แล้วจะรู้สึกไม่ระคายเคือง ไม่มีกลิ่นอับชื้นอีกด้วย”

มาครีเอตลุคสุดหรูให้ทุกๆ วันกับคอลเลกชั่น Vintel Gorgeous (วินเทล กอเจียส) ได้ที่ Vintel สาขาไอคอนสยาม และสยามพารากอน หรือช่องทางออนไลน์ Line Official: @Vintel / Instagram: Vintel.orginals

#Vintel

#VintelGorgeous

#LuxuryLoungewear