ไอคอนคราฟต์ จับมือ Theatre เปิดตัวคอลเลคชั่น Theatre 2022 – Sustainable

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/682756

วันที่ 11 พ.ค. 2565 เวลา 14:30 น.ไอคอนคราฟต์ จับมือ Theatre เปิดตัวคอลเลคชั่น Theatre 2022 - Sustainable

ไอคอนคราฟต์ ร่วมกับแบรนด์ดีไซเนอร์ไทยชั้นนำ Theatre เปิดตัวคอลเลคชั่น Theatre 2022 – Sustainable มุ่งขับเคลื่อนวงการแฟชั่นควบคู่ไปกับแนวคิดไลฟ์สไตล์เพื่อโลกที่ยั่งยืน

พื้นที่แห่งงานฝีมือสุดสร้างสรรค์ของคนไทย ไอคอนคราฟต์ ไอคอนสยาม ร่วมกับแบรนด์ Theatre แบรนด์ดีไซเนอร์ไทย ซึ่งอยู่คู่วงการแฟชั่นมานานกว่า 37 ปี โดยคุณจ๋อม ศิริชัย ทหรานนท์ จัดงาน “Theatre 2022 Sustainable” นำเสนอคอลเลคชั่นใหม่ปี 2022 ของแบรนด์เธียเตอร์ (Theatre) ภายใต้คอนเซ็ปต์ Sustainable เพื่อร่วมเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนวงการแฟชั่น ควบคู่ไปกับความยั่งยืน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างแรงบันดาลใจ และกระตุ้นจิตสำนึกของเยาวชน รวมไปถึงผู้บริโภคแฟชั่นส่วนใหญ่ให้หันมาใส่ใจเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น โดยกำหนดจัดงาน ระหว่างวันนี้ – 15 พฤษภาคม 2565 ณ ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4 -5 ไอคอนสยาม

คุณปารีสา จาตนิลพันธุ์ ผู้บริหารไอคอนคราฟต์ กล่าวถึงการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้ว่า ไอคอนคราฟต์ เป็นพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจและแหล่งรวมช่างฝีมือไทยทั่วประเทศที่ใหญ่ที่สุด พร้อมเชิดชูและสร้างความภาคภูมิใจกับความคิดสร้างสรรค์และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ถ่ายทอดในมุมมองใหม่ลงบนงานหัตถศิลป์ของไทย นำเสนอภายใต้คอนเซ็ปต์ “The creative inspiration platform for Thai craftsmen, to love, enjoy and be proud of modern Thai-ness” เพื่อเป็นเวทีแสดงศักยภาพและสนับสนุนส่งเสริมผลงานของสุดยอดช่างฝีมือไทย ล่าสุด ไอคอนคราฟต์ ได้ร่วมกับแบรนด์  เธียเตอร์  แบรนด์ดีไซเนอร์ไทย ที่อยู่คู่กับวงการแฟชั่นไทยมาอย่างยาวนาน โดยครั้งนี้ถือเป็นการนำเอาดีเอ็นเอของแบรนด์ คือ Sustainable ที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง นำมาขยายแบบจัดเต็มเป็นคอลเลคชั่นแห่งปี 2022 โดยจะมาจัดนิทรรศการที่ไอคอนคราฟต์ เพื่อให้ลูกค้าเหล่าแฟนคลับเธียเตอร์ ได้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกันทำให้เกิดความยั่งยืนในวงการแฟชั่นต่อไป

คุณศิริชัย ทหรานนท์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ เธียเตอร์ แบรนด์ดีไซเนอร์ไทย ซึ่งอยู่คู่วงการแฟชั่นมานานกว่า 37 ปี  กล่าวถึงการจัดงานในปีนี้ว่า  ปีนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญของเธียเตอร์ ทั้งรูปแบบและภาพลักษณ์ของแบรนด์  โดยคอลเลคชั่นล่าสุดนี้ มุ่งเน้นเรื่องการอยู่ร่วมกันกับสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน เริ่มจากกระบวนการผลิตคอลเลคชั่น Sustainable ที่เริ่มจากแนวความคิด Slow fashion, Reuse, Recycle และ Upcycle โดยเน้นงาน craft ซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญคู่กับแบรนด์มายาวนาน ภายใต้แนวความคิดดังกล่าว นำมาสู่การสร้างสรรค์สินค้าแฟชั่นใน 3 ประเภท ได้แก่

สินค้าต้นแบบสำหรับ made to order ในแนว one of a kind โดยเป็นสินค้าที่เกิดจากการนำเศษผ้าและวัสดุเหลือใช้ นำกลับมาใช้ใหม่ บวกความคิดสร้างสรรค์และเทคนิคเสริม ช่วยทำให้ตัวสินค้าโดดเด่น และมีความสวยงามเฉพาะตัว ไม่สามารถทำซ้ำได้เหมือนเดิม 100% ประกอบด้วย ชุดเดรส เสื้อเชิ้ต แจ็คเก็ต กางเกง กระเป๋า และรองเท้าบูท

สินค้า Limited Edition ที่มีจำนวนจำกัด ไม่สามารถทำเพิ่มได้ จัดทำขึ้นจากผ้าและวัสดุที่คงเหลือในโรงงาน ทั้งผ้าที่มีตำหนิจากความเก่าเก็บ และผ้าค้างสต็อก นำมาผนวกกระบวนการและความคิดสร้างสรรค์แบบยั่งยืนและ ย้อมสีธรรมชาติ โดยร่วมกับแบรนด์ KiRee จนได้เป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีจำนวนจำกัด ประกอบด้วยเสื้อเชิ้ต เดรส ชุด pyjamas เสื้อเชิ้ต และกางเกง

สินค้าที่จัดทำขึ้นเพื่อการกุศล หารายได้ช่วยสถานสงเคราะห์เด็ก Life Impact อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยเป็นสินค้าประเภทเสื้อยืดพิมพ์ลาย ดอกไม้วาดโดย ศิลปินไทย “กานต์ กาญจนามัย” ดีไซเนอร์เลือดใหม่ ซึ่งใช้แนวคิดการ reuse กระดาษใบเสร็จรับเงินเหลือใช้ มาเป็นพื้นในการวาด ทำให้ลายดอกไม้ที่ได้มีเสน่ห์แปลกตา สวยงาม ขณะที่เสื้อยืดจัดทำขึ้นจากผ้าฝ้าย พิมพ์ด้วยเทคนิค silk screen แบบทำมือ 10 สี มีจำนวนจำกัดเพียง 100 ตัว และมีหมายเลขกำกับ ซึ่งรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย จะนำไปมอบให้สถานสงเคราะห์เด็กทั้งหมด

การเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ ณ  ไอคอนคราฟต์ (ICONCRAFT) พื้นที่แห่งงานฝีมือสุดสร้างสรรค์ของคนไทย ชั้น 4 ไอคอนสยาม ในรูปแบบของนิทรรศการ Exhibition โดยบริเวณงานจัดให้มีการแสดงผลงานต่างๆ เพื่อสื่อสารแนวคิดของ Sustainable เป็นภาพวาดจากกระดาษ reuse ของศิลปิน “กานต์ กาญจนามัย” ทั้ง 8 ชิ้นงาน พร้อมเปิดประมูลภาพ (ราคาต่อภาพ เริ่มต้นที่ 15,000 บาท) เพื่อรวบรวมรายได้สมทบทุน บริจาค ช่วยเหลือสถานสงเคราะห์เด็ก life impact ทั้งหมด โดยไม่หักค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ จะมีการจัดแสดงเสื้อผ้าคอลเลคชั่น Theatre 2022  งาน one of a kind ใน Exhibition ตั้งโชว์ทั้ง 10 ชุด  และจำหน่ายเสื้อผ้า limited edition ในจำนวนจำกัดอีกด้วย

ภายในงานเพิ่มความพิเศษ ด้วยการจัดพื้นที่โชว์ผลงานประติมากรรมดอกไม้ ซึ่งได้ทำงาน collaboration ร่วมกับแบรนด์ Permaflora  แบรนด์ดอกไม้ผ้าทำมือที่แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาไทยอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ยังมีผลงานที่ร่วมกับศิลปิน คุณอีริค โตบัว  (Eric Tobua)  นักประดิษฐ์งานศิลป์จากเศษขยะ ซึ่งได้จัดทำประติมากรรมที่สวมใส่ได้จากดอกแพนซีทำมือ โดย Permaflora จำนวน 250 ดอก และจัดแสดงผลงานกระเป๋า tote bags ที่ได้ collaboration กับ Thais แบรนด์กระเป๋าที่ผลิตจากเศษหนังเหลือใช้จากอุตสาหกรรม โดยใช้เศษหนังมาอัดใหม่ผ่านกระบวนการที่ทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สกรีนทับด้วยลายดอกไม้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคอลเลคชั่นนี้

สำหรับนิทรรศการจะจัดแสดงผลงานผ้าบาติกพิมพ์ลาย block print monogram และย้อมสีธรรมชาติ จากการ collaboration ร่วมกับแบรนด์ KiRee กลุ่มชุมชนมัดย้อมสีธรรมชาติ บ้านคีรีวง นครศรีธรรมราช โดยจัดแสดงตัวอย่างการใช้สีจากธรรมชาติ  อาทิ   ใบมังคุด ครั่ง แก่นไม้ขนุน ลูกเนียง ฝักสะตอ เป็นต้น (โดยลาย monogram theatre ที่ใช้ในคอลเลคชั่นนี้ ถือเป็นการเปิดตัวลาย อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก) และยังมีการจัดแสดงผลงานรองเท้าบูท upcycling จากเศษหนัง โดย collaboration ร่วมกับแบรนด์ Tango แบรนด์เครื่องหนังที่อยู่คู่กับวงการแฟชั่นไทยมายาวนานเช่นกัน โดยใช้เศษหนังที่เหลือจากการทำงานมาประกอบใหม่ ให้เกิดเป็นศิลปะแบบ patchwork ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของทั้ง Tango และ Theatre

อีกหนึ่งไฮไลท์ ของการจัดงานครั้งนี้ จะจัดจำหน่ายเสื้อผ้า ready to  wear จากผ้าสต๊อก และเศษผ้าเหลือใช้นำกลับมาผลิตเป็นเครื่องแต่งกายใหม่ในแนวผสมผสาน ซึ่งมีจำนวนจำกัด และเข็มกลัดดอกไม้ทำมือโดย Permaflora ดอกไม้ทั้ง 7 แบบ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของคอลเลคชั่นนี้ถูกจัดทำในรูปแบบเข็มกลัด จำหน่ายพร้อมกล่องเสื่อกระจูดกับใบลาน จากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านโคกเมา จังหวัดพัทลุง

ทั้งนี้ เพื่อสร้างความตระหนักให้ผู้บริโภคกลุ่มแฟชั่น หันมาใส่ใจเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น ภายในงานจะมีกิจกรรมต่างๆ เพื่อตอกย้ำ และสื่อสารถึงแนวคิดดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยการจัดแสดงภาพจากวิดีโอ สัมภาษณ์บุคคลตัวอย่างที่เข้าร่วมโครงการ sustainability, เบื้องหลังการทำงานในคอลเลคชั่นนี้ รวมไปถึงขั้นตอนในการผลิตสินค้าบางประเภทที่เป็นไฮไลต์สำคัญของงาน โดยภายในงานทางแบรนด์เธียเตอร์ จะทำการถ่ายภาพแคมเปญของคอลเลคชั่น Sustainable โดยช่างภาพระดับแถวหน้าของประเทศ คุณ ณัฐ ประกอบสันติสุข พร้อมพูดคุย สัมภาษณ์บุคคลพิเศษที่ทางแบรนด์เลือกมาเพื่อเป็นแบบอย่างให้เยาวชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด และเล็งเห็นถึงความสำคัญของความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม  และโลกในอนาคตต่อไป

ร่วมเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนวงการแฟชั่นไทย ควบคู่ไปกับความใส่ใจสิ่งแวดล้อม และมาร่วมกันใส่ใจเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น กับแบรนด์ เธียเตอร์ (Theatre)  ในงาน “Theatre 2022 Sustainable” นำเสนอคอลเลคชั่นใหม่ปี 2022 ระหว่างวันนี้  – 15 พฤษภาคม 2565 ณ ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4 -5 ไอคอนสยาม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1338 หรือ Facebook ICONCRAFT

เปิดไอเดียรีเฟรซมุมพักผ่อน…สร้างอินสไปร์ทำงานแฮปปี้ได้ทุกสเปซ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/682473

วันที่ 08 พ.ค. 2565 เวลา 13:38 น.เปิดไอเดียรีเฟรซมุมพักผ่อน…สร้างอินสไปร์ทำงานแฮปปี้ได้ทุกสเปซ

เหมือนยกรีสอร์ทมาไว้ที่บ้าน ปลุกความสดชื่นชาร์จพลังให้ Summer นี้ ด้วยไอเดียรีเฟรชมุมพักผ่อน สร้างแรงบันดาลใจ

ปรับโหมดบ้านชิลฟีลลิ่ง “รีสอร์ท” เหมือนได้วาร์ปไปรับลมริมหาดทรายทั้งที่ตัวอยู่บ้าน อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ แชร์ไอเดียเพิ่มมู้ดความสดชื่นให้บ้าน บอกลาความเหนื่อยล้า หันมา Refresh บ้านและตัวเองใหม่!!  กับบรรยากาศภายในบ้านให้เต็มไปด้วยสีสันสดใส ช่วยชาร์จพลังเติมเต็มการพักผ่อน สร้างอินสไปร์การทำงานให้แฮปปี้ตลอด Summer นี้ ภายใต้แนวคิด  SUMMER FRESH SUMMER RELAX ให้อารมณ์เหมือนยกรีสอร์ทมาไว้ที่บ้าน มาส่องกันเลย  

เติมความ Fresh เล่นเฉดสีสร้างพลังบวก

Summer นี้ลองสร้างให้มู้ดชื่นฉ่ำและชาร์จพลังใจไปกับไอเทม Décor อาทิ แจกัน, หมอนอิง, เฟรมภาพ, พรม และอุปกรณ์ต่างๆ ในบ้าน มา  Mix กับเฟอร์นิเจอร์หลักสีเรียบ  เน้นการใช้ 3 โทนสีที่แทนความสดชื่นเพิ่มพลังบวก อย่าง โทนสีเหลืองเลม่อน สีแห่งความสุข เพิ่มความแจ่มใส เหมาะสุดๆช่วงเวลาปาร์ตี้ , โทนสีส้ม สร้างมู้ดสนุก ร่าเริง รู้สึกอิสระและความคิดสร้างสรรค์ และหากใครอยากเสกบ้านให้ได้ฟีลชิวริมทะเลลองเลือก โทนสีฟ้า ที่ให้ความรู้สึกสบายใจเย็นตา เพิ่มมู้ดผ่อนคลายน่าพักผ่อน โดยใช้การตกแต่งในโทนสีฟ้า เติมผนังห้องด้วยภาพวิวท้องทะเลให้สัมผัสถึงธรรมชาติ

นั่งทำงานชิลด้วยฟีลรีสอร์ทได้ง่ายๆ

แม้ว่าอุณหภูมิช่วงนี้จะร้อนระอุฉุดมู้ดการทำงาน ก็ใส่ไอเดียปรับมุมทำงานให้บาลานซ์กับการพักผ่อน จัดโต๊ะที่รกและดูเคร่งเครียดให้เป็นสเปซรีแล็กซ์เสริมอินสไปร์ให้สมองแล่นด้วยฟีลลิ่งรีสอร์ท ลองเพิ่มเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน วัสดุธรรมชาติวัสดุไม้, หวาย หรือของตกแต่งลายไม้  เพราะด้วยลวดลายของไม้จะช่วยจากสิ่งทอจากผ้าฝ้ายที่นุ่มเบาเข้าถึงธรรมชาติ ทั้งยังช่วยระบายอากาศได้ดีอีกด้วยเหมาะกับฤดูร้อน จะองศาเดือดแค่ไหน ไอเทมชุดนี้ก็เอาอยู่ หรือลองนำผ้าพิมพ์ลายสดใส ตกแต่งบนโซฟานุ่มดีไซน์ชิคๆ ในมุมนั่งเล่น ก็ช่วยปลุกมู้ดความสดชื่นได้เช่นกัน  

เนรมิตบ้านให้ร้อนนี้กลายเป็นมุมพักผ่อน

จะมุมไหนๆ ก็เป็นมุมพักผ่อนได้สบาย ด้วยทริคการแทรกธรรมชาติให้เป็นส่วนหนึ่งของบ้าน เช่น นำแจกันดอกไม้วัสดุทำจากโลหะ แก้วน้ำ กระถางต้นไม้มาตกแต่งตามมุมต่างๆ ทั้งห้องนั่งเล่น โต๊ะทานข้าว ห้องทำงาน ซึ่งช่วยทำให้บ้านสดชื่นอย่างเหลือเชื่อ  

เพิ่มความ Fresh ไอเทมรับ Summer

ทุกมุมบ้านกับการปรับ-เปลี่ยนสเปซใน ห้องนั่งเล่น ลองสร้างอารมณ์การพักผ่อนด้วยโซฟาผ้า-หนัง อาร์มแชร์และ Recliner ฟังก์ชันปรับระดับด้วยไฟฟ้า เพิ่มโมเม้นต์รีแร็ค เสริมความสะดวกสบายในทุกการพักผ่อน พร้อมตกแต่งด้วยโต๊ะข้าง โต๊ะกลาง และไอเทม Décor อาทิ แจกันดอกไม้ หมอนอิงสีสดใส และพรม หรือใน มุมครัว เลือกชุดครัว  ชุดโต๊ะอาหารที่ใช้วัสดุจากไม้ที่เรียบง่าย และตกแต่งมื้ออาหารให้สุดแสนพิเศษด้วยชุดจานชาม ด้วยเมนูและเครื่องดื่มดับร้อนให้กับสมาชิกในครอบครัว สำหรับ ห้องนอน เพิ่มความมีชีวิตชีวาชุดเครื่องนอนด้วยลายดอกไม้ หรือสีฟ้าของน้ำทะเล หรือหากิจกรรมเอ้าท์ดอร์สนุกๆ กับครอบครัว จัดบาร์บีคิวในสวนมอบอารมณ์ธรรมชาติด้วยโต๊ะ เก้าอี้สนาม กระถางต้นไม้  รูปปั้น ชวนให้ฟิน…รับรองว่าอยู่บ้านซัมเมอร์นี้ไม่มีเบื่ออย่างแน่นอน!!

มาช้อปไอเทมเด็ดที่ช่วยปลุกมู้ดให้บ้าน Fresh อีกครั้ง ด้วยเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ภายในบ้าน และของตกแต่งบ้าน ที่อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ 31 สาขา หรือช้อปผ่านช่องทาง Online ที่ www.indexlivingmall.com

Jockey For Her เปิดตัวคอลเลกชั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2022

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/682475

วันที่ 08 พ.ค. 2565 เวลา 13:15 น.Jockey For Her เปิดตัวคอลเลกชั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2022

Jockey ตอกย้ำเทรนด์โลกด้วยบราไร้โครงหลากสไตล์ สวมใส่สบายแบบไม่มีที่สิ้นสุด ภายใต้คอนเซ็ปต์ Infinite Comfort

ตอบโจทย์เทรนด์ของผู้หญิงในยุคปัจจุบัน ที่หันมาให้ความสำคัญกับการเลือกบราที่สวมใส่สบาย สามารถใช้ได้หลายโอกาสมากขึ้น ล่าสุด Jockey (จ๊อกกี้) แบรนด์สัญชาติอเมริกันมีประวัติยาวนานมากว่า 146 ปี เปิดตัวชุดชั้นในสำหรับผู้หญิงใหม่ล่าสุด  Jockey For Her  คอลเลกชั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2022  ภายใต้คอนเซ็ปต์ Infinite Comfort  ที่มอบความสบายแบบไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยบราไร้โครงหลากสไตล์ พร้อมคุณสมบัติไม่กดรัด ไม่อึดอัด กระชับทรงสวย และซัพพอร์ตได้ดี มาพร้อมกับเคล็ดลับที่ไม่ลับให้กับสาวๆ ในการเลือกชุดชั้นในที่จะทำให้คุณมั่นใจตลอดวัน จาก คุณพั้นช์-ภัคญดา ชุติดนัยกุล และ เซเลบริตี้สาวสวยรุ่นใหม่อย่าง คุณออม-ปภาพินท์ วีระภุชงค์

Jockey แบรนด์สัญชาติอเมริกาเป็นที่รู้จักในฐานะแบรนด์กางเกงชั้นในชายอันดับ 1 ของประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีชุดชั้นในและชุดออกกำลังกายสำหรับผู้หญิง ที่ให้ความสำคัญกับความสบายในการสวมใส่เป็นหลัก ผลิตภัณฑ์ชุดชั้นในสำหรับผู้หญิงทั้งหมดจึงเป็นบราไร้โครง ซึ่งตอบโจทย์เทรนด์การสวมใส่บราของผู้หญิงที่เปลี่ยนไป จากเมื่อก่อนนิยมเลือกบราที่ช่วยดันทรงให้หน้าอกสวยชิด ปัจจุบันสาว ๆ หันมาให้ความสำคัญกับชุดชั้นในที่สวมใส่สบายแต่ยังเก็บทรงสวย โดยเฉพาะช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ที่ผ่านมา ทำให้หลายคนต้อง Work From Home และมองหาชุดชั้นในที่สวมใส่สบายมากขึ้นช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเทรนด์ชุดชั้นในทั่วโลกจึงเปลี่ยนแปลงไป

สำหรับจ๊อกกี้ฟอร์เฮอร์คอลเลกชั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2022 ประกอบด้วยกางเกงชั้นในและบราไร้โครง 5 รุ่น ได้แก่ รุ่น 360° Fit Soft Cup ราคา 1,190 บาท เป็นรุ่นที่โดดเด่นที่สุดในคอลเลกชั่น ถูกพัฒนาจาก 360° Fit รุ่นแรกให้สวมใส่สบายมากขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ The No-Bra Bras ให้ความรู้สึกสบายเหมือนไม่ได้ใส่บรา มาพร้อมเนื้อผ้าที่ผ่านการคิดค้นขึ้นเป็นพิเศษให้มีเนื้อเนียนละเอียด สัมผัสนุ่มสบาย อ่อนโยนต่อผิว มอบความสบายขั้นสุดด้วยการตัดเย็บแบบไร้ตะเข็บ แต่มีตะขอที่ช่วยให้สวมใส่ชุดชั้นในไร้โครงสะดวกมากขึ้น สายบรายืดหยุ่นรับกับรูปร่าง ทำให้ไม่อึดอัดไม่กดทับบริเวณบ่า ดีไซน์หน้ายู หลังยู รับกับทรวงอก เก็บกระชับทุกสัดส่วน นอกจากนี้ยังประกอบด้วยฟองน้ำยางพารา ที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่นคืนรูปได้ดี พับเก็บได้ไม่เสียทรง เหมาะทุกการเดินทาง

ถัดมาเป็นรุ่น The Cloud ราคา 1,090 บาท ให้สัมนุ่มนวล เบาสบายดั่งปุยเมฆ  ด้วยเนื้อผ้า Circular Knitted ผ้าทอเนื้อละเอียดเนียนนุ่มที่มีส่วนผสมของเส้นใยสเป็นเด็กซ์มากถึง 40% จึงทำเนื้อผ้ามีความยืดหยุ่น โอบกระชับรับทรวงอก ไม่ง้อโครง สายบ่าปรับได้ตามรูปร่าง เก็บกระชับทุกสัดส่วน มาพร้อมดีไซน์แบบเต็มตัว สามารถใส่เป็น Everyday Look แมตช์กับเสื้อตัวนอกได้อย่างลงตัว ตามด้วยรุ่น Feather ราคา 990 บาท โฮมบราที่มอบความสบายและระบายอากาศได้ดีขั้นสุด ทำจากผ้าคอตตอน รูปทรงแบบเต็มตัวช่วยเก็บเนื้อด้านข้าง และสามารถใส่เป็นเสื้อครอปในชีวิตประจำวันได้ ตอบรับเทรนด์การสวมใส่เสื้อผ้าของสาว ๆ รุ่นใหม่

นอกจากนี้ยังมีรุ่น Cut Out ราคา 1,090 บาท ที่ช่วยเพิ่มความสนุกในการสวมใส่บรา ด้วยดีเทลผ้าตาข่ายที่ดูแฟชั่นมากขึ้น แต่ยังสวมใส่สบาย ไม่ระคายผิว เพราะตัดเย็บจากเนื้อผ้าไมโครไฟเบอร์ที่สาว ๆ หลายคนชอบ ดูแลรักษาง่าย เปื้อนยาก และสีสันสดใสยาวนาน ไม่ซีดเร็ว มาพร้อมฟองน้ำแบบชิ้นเดียว ทำให้ไม่เคลื่อนหลุดเมื่อสวมใส่ และฟังก์ชั่นปรับสายบ่าให้ไขว้กันได้ เพื่อเพิ่มความกระชับมากยิ่งขึ้น ปิดท้ายที่รุ่น Iconic II ราคา 1,090 บาท ที่มีฟังก์ชั่นคล้ายกับรุ่น Cut Out ตรงที่เป็นฟองน้ำแบบชิ้นเดียว และปรับสายบ่าให้ไขว้กันได้ แต่แตกต่างกันที่เป็นบราไร้โครงผ้าไนลอน ยืดหยุ่นสูง ระบายการได้ดี และมีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์แบบจ๊อกกี้

ด้านเซเลบริตี้สาวสวยรุ่นใหม่อย่าง คุณออม – ปภาพินท์ วีระภุชงค์ เผยว่า ชุดชั้นในเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้หญิงทุกคน เนื่องจากผู้หญิงเป็นเพศที่มีทรวดทรง และการเลือกชุดชั้นในที่เหมาะสมกับรูปร่าง ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจยามสวมใส่เสื้อผ้าให้ดูดีทั้งภายในและภายนอก ด้วยความที่ตัวเองชื่นชอบการออกกำลังกายอยู่แล้ว จึงมักเลือกบราแบบไร้โครงที่สวมใส่สบาย และสามารถใส่ไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ต่อได้เลย ซึ่งปัจจุบันมีบราไร้โครงให้เลือกหลากหลายแบบมากขึ้นตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน แต่ส่วนตัวมักเลือกแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ เนื้อผ้านุ่มสบาย ใส่แล้วไม่แพ้ และสามารถพับเก็บได้ เนื่องจากเป็นคนชอบเดินทางบ่อย ๆ

อีกหนึ่งคนดังที่มาร่วมแบ่งปันเคล็ดลับการเลือกชุดชั้นใน คุณพั้นช์ – ภัคญดา ชุติดนัยกุล กล่าวว่า ส่วนตัวชอบบราที่นอกจากสวมใส่สบายแล้ว ต้องช่วยกระชับสัดส่วน โดยจะมีบราหลัก ๆ 2 แบบคือบราที่เน้นความสบายยามสวมใส่อย่างสปอร์ตบรา และบราแบบไร้สายเนื่องจากตัวเองชอบใส่เสื้อปาดไหล่  สำหรับเคล็ดลับการเลือกซื้อบราอย่างแรกแน่นอนว่าต้องสวมใส่สบาย และพยายามไปลองและเลือกซื้อชุดชั้นในที่ร้านด้วยตัวเอง เพื่อให้ได้ชุดชั้นในที่พอดีกับรูปร่าง ต่างจากบางคนที่ชอบเลือกชุดชั้นในให้มีความหลวมนิดนึงเพื่อความสบายตัว ซึ่งตอนนี้มีบราแบบไร้โครงที่สวมใส่สบาย พับเก็บง่าย และดีไซน์สวย ให้เลือกสวมใส่มากมาย จนบางครั้งกลายเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องแต่งกาย สามารถใส่บราตัวเดียวกับเสื้อคลุมหรือเสื้อแจ็คเก็ตออกไปข้างนอกได้เลย

#JockeyforHer #JockeyThailand #InfiniteComfort

ทฤษฎีกาแฟร้อน Coffee Theory ตอนที่ 1 ศาสตร์องค์รวมแห่งความสำเร็จ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/682185

วันที่ 05 พ.ค. 2565 เวลา 06:10 น.ทฤษฎีกาแฟร้อน Coffee Theory ตอนที่ 1 ศาสตร์องค์รวมแห่งความสำเร็จ

โดย ภก.ดร.จันทรชัย ถวิลพิพัฒน์กุล สถาบันอินทรานส์ Hipot – การปฏิรูปศักยภาพมนุษย์อย่างบูรณาการ ศาสตร์ชีวิตองค์รวมเพื่อความมั่นคงยั่งยืน

เพราะโลกไม่แน่นอน อ่อนไหว ซับซ้อน คลุมเครือ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ หุ่นยนต์ เอไอ ก้าวหน้าในอัตราเร่ง นำมาซึ่งความท้าทายต่อการปรับตัวขององค์กรธุรกิจเพื่อความอยู่รอดอย่างยั่งยืน

ความท้าทายในการแก้ปัญหาการดำเนินไปของโลกทุกวันนี้คือการแก้ปัญหา แต่การแก้ปัญหา เรามักเจอความท้าทายต่อไปนี้

1. เวลาจะแก้ปัญหา คิดทีไรก็ได้แต่แนวทางเก่าๆ คิดวนเวียนเหมือนติดอยู่ใน “กับดักกรอบความคิดเดิมๆ”

2. ไม่เข้าใจว่าทำไมในขณะที่กำลังจัดการกับปัญหาหนึ่งๆ แม้มันยังไม่เรียบร้อยดีเลย มันก็มีปัญหาอื่นๆ แทรกและพ่วงติดเข้ามาทุกครั้ง ทำไมปัญหามันไม่จบซักที

3. เวลามีปัญหาเข้ามา ทำไมแก้ปัญหาไม่ตก หาทางออกไม่เจอ ไม่รู้ว่าอะไรสำคัญ จับประเด็นไม่ได้ เชื่อมโยงก็ไม่เป็น ไม่เป็นลำดับชั้น คิดสับสน วนไปมา

4. เวลาแก้ปัญหา คิดทีไรมันก็ได้แต่แนวทางแบบเดิมๆ ไม่มีอะไรใหม่ ขาดทางเลือกที่หลากหลาย ไม่สามารถพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆ จึงขาดนวัตกรรมที่มีคุณค่าเชิงเศรษฐกิจ

5. องค์กรไม่เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ขาดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การทำงานยังแยกส่วน มองภาพคนละเป้าหมาย จึงไม่สอดคล้องไปในแนวเดียวกัน

ทางออกการแก้ปัญหาต้องใช้ปัญญา แล้วเราจะสร้างปัญญา และความคิดที่แตกต่างขึ้นมาได้อย่างไร ปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นนั้น โดยรวมแล้วเป็นเพราะขาดมุมมองเชิงระบบ แล้วมุมมองเชิงระบบคืออะไร การทำความเข้าใจในเรื่องนี้ ผมขอเสนอ ทฤษฎีกาแฟร้อน หรือ Coffee Theory

เวลาท่านจะทานกาแฟร้อน โดยมาตรฐานก็มีผงกาแฟ ครีม น้ำตาล และน้ำร้อน แล้วท่านสงสัยไหมว่า ทำไมท่านไม่ทานทีละอย่าง แต่ท่านต้องนำองค์ประกอบทั้งสี่มาชงให้เข้ากันก่อน แล้วจึงดื่ม

เมื่อพิจารณาถึงกาแฟร้อนที่ชงเสร็จแล้ว จะเห็นว่ามันมีความเป็นหนึ่งเดียว คือหนึ่งถ้วย ในความเป็นหนึ่งเดียวนั้น มันต้องมีองค์ประกอบ ก็คือผงกาแฟ ครีม น้ำตาล และน้ำร้อน องค์ประกอบทั้งสี่ต้องเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ในขณะที่มันเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ในขณะนั้นเอง มันได้ผุดกำเนิดขึ้นเป็นสิ่งใหม่ ได้เป็นภาวะองค์รวมใหม่ที่สามารถแสดงศักยภาพ ในรูปของความหอมและรสชาติที่แตกต่างจากองค์ประกอบเดิม และคุณสมบัติเหล่านี้เองที่เป็นตัวกำหนดคุณค่าและสะท้อนออกมาในรูปของราคาและมูลค่าที่สูงขึ้น

และไม่ว่าเราจะพิจารณาอะไรก็ตาม เราพบว่าสรรพสิ่งรอบตัวทั้งรูปและนาม หรือแม้แต่ตัวความรู้ ปัญญา กระบวนการเรียนรู้ ต่างล้วนมีคุณสมบัติร่วมกัน เช่นเดียวกับความเป็นกาแฟร้อน กล่าวคือ มันมีภาวะของความเป็นองค์รวมที่สะท้อนออกมาจากความเป็นระบบ และขอเรียกแนวคิดนี้ว่า ทฤษฎีกาแฟร้อน หรือ Coffee Theory โดยมีคุณสมบัติสำคัญ 6 ประการคือ

1. ความเป็นหนึ่งเดียว

2. องค์ประกอบ

3. การเชื่อมโยง

4. การผุดกำเนิด

5. ศักยภาพที่แตกต่าง

6. คุณค่าและความหมาย

ทฤษฎีกาแฟร้อนจึงให้ความหมายที่เข้าใจง่ายถึงธรรมชาติของสรรพสิ่งว่าคืออะไร โลกเรานี้มันมีธรรมชาติเป็นอย่างไร แล้วเราจะนำเอาความเข้าใจในธรรมชาติดังกล่าวไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้อย่างไร

ดังนั้น การพัฒนาใดๆ เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จจึงจำเป็นต้องเข้าใจถึงธรรมชาติทั้ง 6 นี้ตามทฤษฎีกาแฟร้อน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาปัญญา องค์ความรู้ กระบวนการเรียนรู้ การสร้างทางเลือกในการแก้ปัญหา การพัฒนาความคิดที่แตกต่างที่แปลกใหม่ รวมทั้งการคิดค้นนวัตกรรมที่มีคุณค่าเชิงเศรษฐกิจ

โดยสรุป ปัญหาคือความท้าทาย การแก้ปัญหาต้องใช้ปัญญา ทฤษฎีกาแฟร้อนช่วยให้เราเข้าใจในความหมายของมุมมองเชิงระบบ อันเป็นฐานรากสำคัญของการยกระดับองค์กรให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้เพื่อความสำเร็จอย่างยั่งยืน

ทฤษฎีกาแฟร้อน จึงเป็นศาสตร์องค์รวมแห่งความสำเร็จ

Jim Thompson ชวนอัปเดตลุคในแบบไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ไปกับคอลเลคชั่น day to night

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/682186

วันที่ 05 พ.ค. 2565 เวลา 09:30 น.Jim Thompson ชวนอัปเดตลุคในแบบไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ไปกับคอลเลคชั่น day to night

เติมเต็มความสนุกของการแต่งกายไปกับคอลเลคชั่น day to night จาก Jim Thompson พร้อมอัปเดตลุคในแบบไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่

Jim Thompson (จิม ทอมป์สัน) แบรนด์ไลฟ์สไตล์สุดไอคอนิกของไทย ชวนผู้ชื่นชอบการแต่งตัวแบบมิกซ์แอนด์แมทช์มาอัปเดตเทรนด์ปรับลุค พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตแบบ day to night ด้วยเสื้อผ้าหลากสีสันในลวดลาย ปริ้นท์สวยงามร่วมสมัยที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความเป็นไทย โดยนับเป็นครั้งแรกที่แบรนด์นำเสื้อผ้าสไตล์ resort wear อันเป็นเอกลักษณ์มานำเสนอในมุมมองใหม่ สะท้อนคอนเซปต์ของเสื้อผ้าที่ออกแบบมาให้สามารถสวมใส่ในทุกกิจกรรมตลอดวัน เริ่มตั้งแต่ไปทำงานตอนเช้าในสไตล์ urban chic และในขณะเดียวกันก็พร้อมไป hang-out ต่อในช่วงกลางคืนกับสไตล์ glam resort เพื่อเติมเต็มความสนุกให้การแต่งตัวในทุกๆ วัน

ล่าสุด Jim Thompson ได้จัดงาน “Jim Thompson Exclusive Collection Preview” ซึ่งเป็นอีเว้นท์พิเศษที่แบรนด์ได้จับมือร่วมกับอีก 2 แบรนด์ระดับตำนานของไทยอย่าง การบินไทย และ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกอีกด้วย โดยเชิญสมาชิก Royal Orchid Plus Platinum & Gold members คนพิเศษ เข้าร่วมงานแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่ร้าน Jim Thompson สาขาสยามพารากอน ภายในงาน Jim Thompson ได้นำเสนอเสื้อผ้า Ready-to-Wear คอลเลคชั่นใหม่ แบบมิกซ์แอนด์แมทช์ทั้งสำหรับสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีกว่า 15 ลุค

ซึ่งไฮไลท์ของงานคือ การแนะนำการแต่งกายที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบ day to night โดยมีไอเทมส์ชิ้นเด่นที่ผู้หญิงชาวเมืองยุคใหม่ควรมีติดตู้เสื้อผ้าไว้ ได้แก่ Karawek Maxi Dress เดรสที่ได้นำความโรแมนติกสไตล์วินเทจมาผสมกับลายการเวกบนผ้าลินิน ซึ่งเป็นเดรสที่สวมใส่สบายแต่ยังมอบความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร Karawek Cotton Garthered Skirt กระโปรงผ้าฝ้ายชั้นดีที่มาพร้อมลายการเวกอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์มาในทรงจับจีบสวยงามเมื่อสวมใส่และยังนำไปมิกซ์แอนด์แมทช์กับเสื้อสไตล์ต่างๆ ได้อย่างลงตัว และ Tiered Maxi Dress เดรสผ้าไหมลายแก้วชิงดวง ซึ่งเป็นลายดอกกลมซ้อนทับในดีไซน์ร่วมสมัย ที่สวมใส่สบายมอบความรู้สึกหรูหราในลุค resort glam แล้วยังแฝงไปด้วยความหมายที่ช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลอีกด้วย สำหรับสุภาพบุรุษ ไอเทมส์ชิ้นเด่นสำหรับการมิกซ์แอนด์แมทช์ที่แบรนด์แนะนำ ได้แก่ Karawek Long Sleeve Shirt เสื้อเชิ้ตผ้าลินินสีขาวเนื้อดีที่สามารถสวมใส่ในลุคสุภาพเป็นทางการ หรือปรับให้กลายเป็นลุคสบายๆ แบบ casual ด้วยลูกเล่นลายการเวกที่ซ่อนไว้ที่ปลายแขนเสื้อด้านในเมื่อพับแขนเสื้อขึ้น และ Karawek Hawaiian Linen Short กางเกงขาสั้นผ้าลินินที่มาพร้อมลายปริ้นท์การเวกสีเหลืองสด เหมาะแก่การนำมาจับคู่กับเสื้อเชิ้ตหรือเสื้อยืด สำหรับสวมใส่ไปทำกิจกรรมสนุกๆ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

นอกจากนี้ เสื้อผ้า Ready-to-Wear คอลเลคชั่นใหม่ของ Jim Thompson ยังมาพร้อมกับนวัตกรรม “Easy Care” ที่สามารถซักทำความสะอาดได้ด้วยเครื่องซักผ้าปกติ โดยไม่จำเป็นต้องส่งซักแห้ง (dry cleaning) โดยสามารถซักน้ำ และรีดให้เรียบได้ง่าย เหมาะกับยุคปัจจุบันและเพิ่มความสะดวกสบายในการดูแลรักษาเสื้อผ้าตัวโปรดได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น

เลือกมิกซ์แอนด์แมทช์เสื้อผ้าเพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบ day to night ไปกับ Jim Thompson ได้แล้ววันนี้ ที่ Jim Thompson สาขาสุรวงศ์ และสาขาในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อาทิ สาขาสยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี และ และไอคอนสยาม หรือบนทางช่องทางออนไลน์ www.jimthompson.com

Burberry Beyond Radiance เปล่งประกายเกินต้านด้วยลิควิดไพรเมอร์ เมคอัพเบสล่าสุดจาก Burberry

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/682184

วันที่ 05 พ.ค. 2565 เวลา 07:55 น.Burberry Beyond Radiance เปล่งประกายเกินต้านด้วยลิควิดไพรเมอร์ เมคอัพเบสล่าสุดจาก Burberry

Burberry Beauty เปิดตัว Burberry Beyond Radiance ครั้งแรกกับไพรเมอร์เนื้อลิควิด ที่มอบผลลัพธ์หลากหลายให้คุณสัมผัสประสบการณ์ ‘เหนือระดับ’ ของผิวเปล่งประกายสว่างใสด้วยฟินิชแบบลูมินัส

เนรมิตขั้นตอนการเตรียมผิวและเมคอัพในทุกวันให้เป็นเรื่องง่ายขึ้น เมื่อ Burberry Beauty เปิดตัว Burberry Beyond Radiance ครั้งแรกกับไพรเมอร์เนื้อลิควิด ที่มอบผลลัพธ์หลากหลายให้คุณสัมผัสประสบการณ์ ‘เหนือระดับ’ ของผิวเปล่งประกายสว่างใสด้วยฟินิชแบบลูมินัส ช่วยให้ขั้นตอนการเตรียมผิวและเมคอัพในทุกวันให้เป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพสูงสุด มาพร้อมส่วนผสมจากธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสารบำรุงผิวมากมาย อาทิ ดอกกุหลาบดามัสเซน่า, สารสกัดจากใบชาดาร์จีลิ่ง, น้ำมันดอกคำฝอย และเปลือกส้ม มอบความชุ่มชื้นยาวนาน 24 ชั่วโมง ช่วยให้ผิวเนียนกริบ เปล่งปลั่งแบบสุขภาพดี พร้อมช่วยปกป้องและปรับฟื้นสภาพผิวให้กระจ่างใสไร้ที่ติอย่างเห็นได้ชัดตลอดวัน

ด้วยส่วนผสมที่มีแหล่งกำเนิดจากธรรมชาติถึง 96% ผสานกับไข่มุกสะท้อนแสง Burberry Beyond Radiance จึงจัดเป็นลิควิดไพรเมอร์สูตรวีแกนซึ่งโดดเด่นด้วยเนื้อสัมผัสบางเบาเป็นพิเศษ ประกอบไปด้วยน้ำมากถึง 80% ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นสู่ผิวอย่างล้ำลึกตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังอุดมไปด้วยเกราะป้องกันผิวชั้นดีจากวิตามินเอฟของน้ำมันดอกคำฝอยที่มีกรดไลโนเลอิกเสริมความแข็งแกร่งและล็อกความชุ่มชื้นไว้ในผิว ผสานด้วยความหอม สดชื่นอย่างเป็นธรรมชาติจากดอกกุหลาบดามัสเซน่าและสารสกัดจากใบชาดาร์จีลิ่งที่เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระช่วยปกป้องผิวสวยจากมลภาวะรอบตัว ปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งคุณสมบัติที่บูสต์ความเปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอกให้กับผิวแบบไม่สิ้นสุดด้วยโปรวิตามินพีจากเปลือกส้ม ซึ่งช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด ให้ผิวแลดูกระจ่างใส สม่ำเสมอ โปร่งแสงอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมช่วยฟื้นฟูผิวหมองคล้ำและลดเลือนจุดด่างดำหลังจากใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง 14 วัน นอกจากนี้ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำมันและส่วนผสมที่ทำให้เกิดภาวะรูขุมขนอุดตัน ซึ่งผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนังแล้วว่าปลอดภัยต่อผิวแน่นอน

Burberry Beyond Radiance นำเสนอมาในเฉดสีหนึ่งเดียวอย่าง Bare Glow ที่ออกแบบมาให้เหมาะสำหรับทุกสีผิวตามธรรมชาติและทุกสภาพผิวของผู้ใช้งาน รวมถึงผิวบอบบาง สามารถครีเอทลุคให้สาวๆ ได้หลากหลายตามต้องการ โดยใช้แต่งแต้มลงบนใบหน้าแบบเดี่ยวๆ ให้ลุคสวยใสเป็นธรรมชาติ หรือจะใช้เสมือนเป็นเมคอัพเบสก่อนลงรองพื้นเพื่อสร้างผิวที่ดูสว่างใสมีชีวิตชีวาและชุ่มชื้น นอกจากนี้ยังสามารถนำมาผสมร่วมกับรองพื้นเพื่อปรับระดับความกระจ่างใส หรือจะนำมาใช้เป็นไฮไลท์ขับเน้นเสน่ห์ตามจุดต่างๆ อาทิ บริเวณโหนกแก้ม, สันจมูก และรอยหยักบนริมฝีปาก ก็ได้เช่นกัน

Burberry Beyond Radiance พร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วในประเทศไทย ณ เคาน์เตอร์ Burberry Beauty เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เซ็นทรัล ชิดลม, สยามพารากอน, เอ็มโพเรียม, เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน, สยาม ทาคาชิมายะ และร้าน Sephora สาขาสยามเซ็นเตอร์ และเอ็มควอเทียร์ หรือช้อปออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ www.sephora.co.th และ www.central.co.th ในราคา 1,950 บาท

แฟน Maison Kitsune และ Longchamp เตรียมช้อป!

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/681672

วันที่ 28 เม.ย. 2565 เวลา 09:45 น.แฟน Maison Kitsune และ Longchamp เตรียมช้อป!

เอาใจนักช้อป Maison Kitsune และ Longchamp เปิดร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการ รวมทุกไอเท็ม ช้อปง่าย ช้อปชัวร์ แค่ปลายนิ้ว!!

ปรับตัวเข้ากับโลกดิจิตอลขั้นสุด เมื่อ “พีพี กรุ๊ป” (PP Group) ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าและกระเป๋าแบรนด์ “เมซง คิทสึเนะ” (Maison Kitsuné) และ “ลองฌองป์” (Longchamp) ตอบรับทุกความต้องการของลูกค้า โดยได้เปิดช่องทางช้อปปิ้งออนไลน์ เอาใจลูกค้าที่อยู่ต่างจังหวัด หรือไม่สะดวกเดินทางมายังช้อป รวมไปถึงผู้ที่กำลังสนใจหาข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ให้ได้รับการบริการที่ดีที่สุด และที่สำคัญไม่ต้องลุ้นว่าของที่ได้รับมานั้นเป็นของแท้หรือไม่!? เพราะเป็นการสั่งซื้อโดยตรงจากตัวแทนผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ฉะนั้นจึงมั่นใจได้เลยว่าเป็นของแท้ 100% อย่างแน่นอน!!

โดยร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการ คือ PP GROUP ONLINE STORE นี้เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะทำให้ลูกค้าสามารถเลือกสรรสินค้าเสมือนมาช้อปปิ้งเองที่ช้อป อีกทั้งยังสามารถสอบถามข้อมูลสินค้าอย่างละเอียด รวมไปถึงการเลือกซื้อ สั่งซื้อ ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพียงแค่คลิ๊ก ซึ่งช่องทางหลักในการเลือกซื้อสินค้า สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ http://www.ppgroupthailand.com หรือสามารถแอดไลน์เข้าไปพูดคุยสอบถามข้อมูลสินค้ากับพนักงานโดยตรงที่ LINE Official Account :: @ppgroupthailand

สำหรับแฟนแบรนด์จิ้งจอกสุดคูลอย่าง “เมซง คิทสึเนะ” สามารถเข้าไปเลือกช้อปและชมสินค้าผ่าน PP GROUP ONLINE STORE ได้ที่ Maison Kitsuné Online Store

เช่นเดียวกับแบรนด์ลองฌองป์ ที่สามารถช้อปออนไลน์ผ่าน PP GROUP ONLINE STORE ได้เช่นกันที่ Longchamp Online Store รับรองจัดเต็มมาทุกไอเท็ม รวมไปถึงสินค้าคอลเลกชั่นพิเศษต่างๆ ที่อัพเดทให้ช้อปปิ้งก่อนหน้าร้าน และไม่สามารถหาได้ตามร้านรับหิ้วทั่วไป และพิเศษสุดสำหรับนักช้อปเพียงแค่กด Subscribe E-newsletter ในเว็บไซต์ รับโค้ดส่วนลดทันที 500 บาทในการซื้อสินค้า

ชวนกันมาเพิ่มอรรถรสให้การช้อปปิ้งออนไลน์อย่างมั่นใจ ไร้กังวลเหมือนมาช้อปด้วยตัวเองที่ร้านด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพียงสั่งซื้อผ่านทางเว็บไซต์ www.ppgroupthailand.com หรือ LINE Official Account @ppgroupthailand และสามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ : PPGroupThailand

Off-White ฉลองเปิดคอลเลกชั่นประจำฤดูกาลสปริง/ซัมเมอร์ 2022

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/681664

วันที่ 28 เม.ย. 2565 เวลา 07:45 น.Off-White ฉลองเปิดคอลเลกชั่นประจำฤดูกาลสปริง/ซัมเมอร์ 2022

หนุ่มสาว Off-White ร่วมฉลองอิสระแห่งความสนุกในรูปแบบที่เป็นตัวเอง กับ Off-White คอลเลกชั่นใหม่ล่าสุด ‘Sticks & Stones’ แฟชั่นประจำฤดูกาลสปริง/ซัมเมอร์ 2022

Off-White™ ฉลองเปิดคอลเลกชั่นประจำฤดูกาลสปริง/ซัมเมอร์ 2022 ด้วยการมอบความสนุกในรูปแบบที่เป็นตัวคุณ ท่ามกลางบรรยากาศสุดคึกคัก เมื่อหนุ่มสาวออฟไวท์ นำทีมโดย มาร์กี้-ราศี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์, แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ และ โต้ง TWOPEE มารวมตัวกันเพื่อชม คอลเลกชั่นใหม่ล่าสุด ภายใต้ชื่อ “Sticks & Stones” ที่ร้าน Off-White™ สาขา The EmQuartier

คอลเลกชั่น Sticks & Stones

สำหรับคอลเลกชั่น “Sticks & Stones” ผลงานสร้างสรรค์โดย Virgil Abloh  ประจำฤดูกาลสปริง/ซัมเมอร์ 2022 ของแบรนด์ Off-White™ มาจากวลีคลาสสิกตลอดกาล สื่อถึงความสนุกและความเป็นตัวของตัวเอง ถ่ายทอดผ่านผลงานดีไซน์ที่ครอบคลุม ทุกความชอบในหลายสไตล์ มอบความสนุกในการแต่งตัวให้กับทุกคน

ครั้งนี้ ‘Monogram’ ถูกนำเสนอเป็นหนึ่งในลวดลายสำคัญสำหรับคอลเลกชั่นนี้ ออกแบบอย่างพิถีพิถันโดยเวอร์จิล แอบโลห์ กับความท้าทายในการตีความออฟไวท์ผ่านมุมมองใหม่ คือการรักษาสมดุลระหว่างแรงบันดาลใจจาก 2 องค์ประกอบหลักอย่าง ลวดลาย Arrow หรือลูกศร ที่ทุกคนคุ้นเคยผ่านชิ้นงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืดหรือกระเป๋ารุ่นฮิต อย่าง Jitney นำมาวางเรียงติดกัน ผสมผสานเข้ากับคำว่า “OFF” ในขนาดต่างๆ ให้อยู่ในกริดได้อย่างน่าสนใจและลงตัว ถือกำเนิดเป็นลวดลาย Off-White Monogram ที่มีความร่วมสมัย มอบกลิ่นอายของความวินเทจ หรูหรา พร้อมความสนุก สดใหม่ ด้วยสีสันประจำฤดูกาล

กระเป๋าคลาสสิกของออฟไวท์อย่าง The Burrow Bag ได้รับการปรับโฉมใหม่สำหรับคอลเลกชั่นนี้เช่นกัน ตั้งแต่สีสันที่สดใส ไปสู่รายละเอียดการออกแบบสำหรับทรงใหม่ประจำฤดูกาลอย่าง Burrow Zipped Pouch ทรงกระทัดรัด คล่องตัว เต็มเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ของออฟไวท์ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดการเจาะรู meteor รวมถึง zip tie หนังสีสันเข้ากับตัวกระเป๋า ไปจนถึง สายสะพายโซ่โลหะ ที่หยิบยืมจากวัสดุก่อสร้าง ผลพวงจากความสนใจทางวิศวกรรมของเวอร์จิล

และปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งหนึ่งที่มักเป็นที่จับตาเสมอของออฟไวท์คือ เสื้อยืด ซึ่งนอกจากจะได้รับความนิยมเพราะเป็นชิ้นที่สวมใส่ง่ายมีเอกลักษณ์แล้ว เสื้อยืดยังเป็นรากฐานการแต่งกายของวัฒนธรรมคนรุ่นใหม่ (youth culture) ที่เวอร์จิล ให้ความสำคัญในการดีไซน์ของเขาเสมอ การสร้างสรรค์คอลเลกชั่นเสื้อยืดจึงพัฒนาเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของออฟไวท์ ตอบโจทย์ทุกสไตล์การแต่งตัวด้วยทรงที่หลากหลายทั้ง slim fit, oversized และ skate fit

สำหรับฤดูกาลนี้ดีไซน์สำคัญที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยคือ Weed Collection พฤกษชาติที่กลุ่มคนจำนวนหนึ่งคุ้นเคยเป็นอย่างดี สัญญะความสนุกนี้ ถูกถ่ายทอดลงบนเสื้อยืดผ้าคอตตอนเนื้อดีผ่านงานปักเดินเส้นไหมในรูปแบบของใบไม้ ผสมผสานเทคนิคการสกรีนชั้นสูงเข้าเป็นส่วนหนึ่งกับเนื้อผ้า ด้วยสีสันเหลือบกันไปมาแบบ hallucinated graphic พร้อมกับโลโก้ OFF ในสไตล์เรโทร นอกจากนี้ยังคงประกอบด้วยเสื้อยืดลวดลาย กราฟิตี้สไตล์เรโทรอย่าง DJ Play, Wizard และ Tribal รวมไปถึงลวดลายสำหรับสไตล์มินิมัลอย่าง “Outfit came from Italy” และ Single Arrow ความหลากหลายในผลงานการออกแบบคอลเลกชั่นเสื้อยืดนี้ ล้วนถ่ายทอดสิ่งหนึ่งสิ่งเดียวกันคือ ความสนุกที่จะเป็นตนเองในรูปแบบของ ออฟไวท์ สำหรับหลากหลายมุมมอง ที่แตกต่างกันในแต่ละปัจเจกบุคคล

ภายในงานเหล่าเซเลบริตี้ร่วมฉลองอย่างคับคั่ง อาทิ อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ, ไอซ์-อามีนา กูล, ปันปัน-สุทัตตา อุดมศิลป์, สู่ขวัญ บูลกุล, ก้อง-กฤษฏิ์ จิระเกียรติวัฒนา และอีกมากมาย เลือกชมสินค้าคอลเลกชั่นใหม่อย่างเพลิดเพลิน กับบรรยากาศสนุกสนานโดย DJ Pipe Supersonic ร่วมสร้างสีสันภายในงาน

พบกับคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุด และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดที่ไม่เหมือนใครกับ Off-White™ ได้ที่ Off-White™ Siam Paragon และ Off-White™ EmQuartier หรือติดตามข่าวสารเพิ่มเติมผ่านทาง Off-White™ LINE Official Account @offwhitebangkok และ Instagram @off_white_bangkok

MCM Tumbler Color Splash แก้ว Tumbler ที่ทุกคนเรียกร้อง!

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/681502

วันที่ 26 เม.ย. 2565 เวลา 14:50 น.MCM Tumbler Color Splash แก้ว Tumbler ที่ทุกคนเรียกร้อง!

กลับมาอีกครั้งกับ MCM Tumbler Color Splash ที่มีให้เลือกถึงสองสี ‘เขียว’ หรือ ‘ม่วง’ พิเศษจำนวนจำกัดเพียง 100 ใบเท่านั้น

ของฟรีมีในโลก!! ที่ MCM กับแก้ว Tumbler ที่ทุกคนเรียกร้อง กลับมาอีกครั้งกับ MCM Tumbler Color Splash ที่ครั้งนี้มีให้เลือกถึง 2 สี ได้แก่ สีเขียว หรือ สีม่วง พิเศษเพียง 100 ใบ! สำหรับช้อปออนไลน์ผ่าน Line OA  : @MCMTHAILAND เท่านั้น!

เงื่อนไขในการรับ Tumbler

– ลูกค้าที่ไม่เคยมียอดซื้อกับทางแบรนด์ สามารถซื้อและได้เป็นของแถมเมื่อมียอดซื้อขั้นต่ำ 15,000 บาท

– พิเศษ! สำหรับ ลูกค้า MCM MEMBER สามารถรับเป็นของขวัญเมื่อซื้อสินค้าชิ้นใดก็ได้ (ยกเว้นสินค้า Monogram Knit Face Accessory และ Petite Scarf ไม่ร่วมรายการ ของแถมมีจำนวนจำกัด)

*จำกัด 1 ท่าน / 1 สิทธิ์ เฉพาะวันที่ 27 เมษายน 2565 – 30 เมษายน 2565 (4 วันเท่านั้น!!)

เตรียมแอดไลน์รอช้อปได้เลยที่ MCM LINE OA @mcmthailand หรือ https://lin.ee/zxCcAXw

GUCCI เปิดตัวแฟล็กชิปสโตร์โฉมใหม่ ณ ศูนย์การค้า THE EMPORIUM

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/681499

วันที่ 26 เม.ย. 2565 เวลา 11:40 น.GUCCI เปิดตัวแฟล็กชิปสโตร์โฉมใหม่ ณ ศูนย์การค้า THE EMPORIUM

ยลโฉม GUCCI รูปลักษณ์ใหม่ ในงานเปิดตัวแฟล็กชิปสโตร์ ณ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม บนพื้นที่ 408 ตร.ม.

ยิ่งใหญ่สมความเป็นแบรนด์ดังระดับโลก เมื่อ GUCCI จัดงานเปิดตัวแฟล็กชิปสโตร์โฉมใหม่ในศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม (THE EMPORIUM) บนพื้นที่ 408 ตารางเมตร พรั่งพร้อมด้วยสินค้าที่ได้รับการคัดสรรสำหรับสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี รวมถึงเสื้อผ้าสำเร็จรูป (ready-to-wear) กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับและแอคเซสเซอรี และสินค้าตกแต่งบ้าน GUCCI Décor

การกลับมาเปิดให้บริการในครั้งนี้ ร้าน GUCCI มาในรูปลักษณ์ใหม่ที่เชื้อเชิญและให้ความรู้สึกอันอบอุ่นและผ่อนคลาย ด้วยงานออกแบบและการตกแต่งภายในอันแสนประณีต ผนังด้านนอกร้านให้ความรู้สึกที่หรูหราด้วยการตกแต่งหินอ่อนอิตาลีในหลากหลายลวดลายและสีสัน ไม่ว่าจะเป็นหินอ่อนเบลเยียมแบล็ค (Belgium Black), รอสโซ นโปเลียน (Rosso Napoleon),  โรซา เดล การ์ดา (Rosa del Garda)  และกาลากัตตา โอโร (Calacatta Oro) ที่นำมาตกแต่งในดีไซน์ที่ผสมผสานความสง่างามให้กลมกลืนกับสิ่งรอบตัวและขับให้งานตกแต่งด้านในร้านโดดเด่นยิ่งขึ้น  นอกจากความหรูหราในสไตล์สมัยใหม่ที่มาจากวัสดุที่งดงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว ยังมีความน่าสนใจในการเลือกใช้พื้นที่อย่างลงตัว เรียกได้ว่า ร้าน GUCCI แห่งนี้เป็นส่วนผสมของแบบดั้งเดิมและความทันสมัย สอดคล้องกับแนวปรัชญาของความสง่างามและความทันสมัยอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของ GUCCI และยังนับว่าเป็นคอนเซ็ปต์ที่เสริมให้ผลิตภัณฑ์ดูโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วย

บรรยากาศภายในร้านจะเน้นความสวยงามประณีต แต่มีลูกเล่นและความน่าตื่นเต้นด้วยวัสดุต่าง ๆ ที่เลือกใช้  ไม่ว่าจะเป็น ลวดลายเรขาคณิตบนพื้นนั้นให้ความรู้สึกมีมิติไม่น่าเบื่อและลงตัวเป็นอย่างดีกับพื้นไม้ปาร์เก้ที่เพ้นต์ด้วยมือ ความขัดแย้งของสิ่งที่ตรงกันข้ามกันแต่กลับเชื่อมต่อถึงกันได้นี้ยังเห็นได้จากในส่วนอื่น ๆ เช่นกัน  ไม่ว่าจะเป็นส่วนดิสเพลย์และชั้นโชว์สินค้าทองเหลืองขัดเงาที่ตัดกับงานตกแต่งด้วยผ้าซาตินสีทองเข้ม โต๊ะกลมที่วางไว้ข้างโต๊ะสี่เหลี่ยม โซฟาและเก้าอี้นวมบุกำมะหยี่สีน้ำทะเลดูหรูหรา รวมถึงพรมวินเทจสไตล์ตะวันออกที่วางซ้อนกันเพื่อเพิ่มลูกเล่น นอกจากนี้ในร้านยังจัดให้มีพื้นที่สำหรับเสื้อผ้า ready-to-wear โดยเฉพาะ ซึ่งมุมดังกล่าวถูกโอบล้อมอยู่ภายในอ้อมกอดแห่งทัศนียภาพอันงดงามของสวนเบญจสิริ  จึงช่วยให้โซนนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าประทับใจอย่างคาดไม่ถึงและเป็นบรรยากาศเฉพาะตัวของ GUCCI อย่างแท้จริง

การเปิดร้านโฉมใหม่ในครั้งนี้ GUCCI ยังได้นำผลงานชิ้นเอ็กซ์คลูซีฟ จาก archive ส่งตรงจากประเทศอิตาลีมาจัดแสดงให้ได้ชมแบบใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสไตล์วินเทจคลาสสิค Jackie and Bamboo ที่ได้รับการออกแบบใหม่โดยผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Gucci ภายใต้มิติร่วมสมัย ตลอดจนชิ้นอื่น ๆ อีกมากมายจากคอลเล็คชั่นใหม่ล่าสุดของอเลสซานโดร มิเคเล  (Alessandro Michele) นอกจากนี้ยังมีผ้าพันคอไหมเนื้อนุ่มแสนประณีตตกแต่งด้วยลายพิมพ์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Gucci ที่จะมาอวดความงามพร้อมกับของชิ้นอื่น ๆ ที่ใช้ในการเดินทางจากทศวรรษ 60 และ 70 อาทิเช่น กระเป๋าเดินทาง กระเป๋าใส่เครื่องสำอาง และกระเป๋าเดินทางแบบสะพาย เป็นต้น นอกจากนี้ยังขอเชิญชวนทุกท่านให้เดินไปตามแคตวอล์กขนาดย่อมที่ตกแต่งด้วยซุ้มโค้งประดับไฟซึ่งส่องนำทางเข้าสู่พื้นที่จัดแสดงงานด้านในร้านท่ามกลางลวดลายพรรณไม้ผลิบานที่ตัดกับพื้นสีทึบ ร่วมกับการตกแต่งทางเดินและแท่นจัดแสดงที่จะช่วยให้ผู้เยี่ยมชมดื่มด่ำกับบรรยากาศได้อย่างเต็มที่

ด้วยความมุ่งมั่นของ GUCCI ในการส่งเสริมแนวคิดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีประหยัดพลังงานใน GUCCI สโตร์ทั่วโลก แฟล็กชิปสโตร์ GUCCI โฉมใหม่แห่งนี้จึงได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED (ความเป็นผู้นำด้านการออกแบบที่อนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม) รวมทั้งยังใช้ไฟ LED และติดตั้งระบบ Building Management System (BMS) เพื่อช่วยในการคอยติดตามและส่งเสริมประสิทธิภาพในการใช้พลังงานอีกด้วย

บรรยากาศงานเปิดตัวร้านใหม่

พบกับ GUCCI โฉมใหม่ได้แล้ววันนี้ ที่ชั้น M ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.gucci.com