Under Armour เปิดตัว Flagship Store ใหญ่สุดในไทย ภายใต้แนวคิด City Concept Store

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/679744

วันที่ 03 เม.ย. 2565 เวลา 12:12 น.Under Armour เปิดตัว Flagship Store ใหญ่สุดในไทย ภายใต้แนวคิด City Concept Store

ยิ่งใหญ่ ! Under Armour ฉลองเปิดตัว Flagship Store ใหญ่สุดในไทยที่สยามเซ็นเตอร์ พร้อมรวมทัพเหล่านักกีฬาอาชีพ – ทีมวิ่ง – Friend of Brand

หลังจากที่ Under Armour (อันเดอร์ อาร์เมอร์) ผู้นำแบรนด์เสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาชั้นนำจากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มีการเปิดตัว Under Armour Brand House ภายใต้แนวคิด “City Concept Store” เป็นครั้งแรกที่สาขา เมกา บางนา ในปี 2564 ที่ผ่านมา ล่าสุด Under Armour ได้มีการเปิดตัว Under Armour Brand House สาขาสยามเซ็นเตอร์ อย่างเป็นทางการ ในวันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2565 ในรูปโฉมใหม่ ที่มาพร้อมการตกแต่งที่สวยงามและทันสมัย ภายใต้แนวคิด “City Concept Store” ซึ่งสะท้อนถึงตัวตนของ Under Armour ผสานเข้ากันอย่างลงตัวกับความเป็นไทย ทั้งนี้ การเปิดตัวในครั้งนี้ นับเป็น Flagship Store ของ Under Armour ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย ครบครันทั้งผลิตภัณฑ์ รองเท้า เสื้อผ้า และอุปกรณ์สำหรับออกกำลังกาย ทั้งไลน์ผลิตภัณฑ์สำหรับการฝึกซ้อม วิ่ง กอล์ฟ บาสเกตบอล ไลฟ์สไตล์แฟชั่น และกิจกรรมกลางแจ้งอื่น ๆ รวมถึงสินค้าในคอลเลกชันพิเศษ เช่น Project Rock และ Curry Brand บนพื้นที่ขนาด 379 ตร. ม.

สำหรับแนวคิดการตกแต่งแบบ City Concept Store เป็นการดึงเอาการตกแต่งที่สะท้อนเอกลักษณ์ความโดดเด่นของแต่ละเมือง ซึ่งในประเทศไทยเอง ได้ดึงศิลปินชาวไทยรุ่นใหม่อย่าง อัครพงษ์ ‘โอ๊ต’ เพ็ชผล มาร่วมออกแบบลวดลายตกแต่งร้าน โดยได้แรงบันดาลใจมาจากชื่อเมือง ‘กรุงเทพฯ’ ซึ่งหมายถึงเมืองแห่งเทพ จึงเลือกใช้องค์ประกอบเช่น ก้อนเมฆ สื่อถึงสวรรค์หรือเมืองที่ลอยอยู่บนฟ้า ประดับอยู่ท่ามกลางลวดลายสถานที่สำคัญต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็น พระปรางค์วัดอรุณราชวราราม, พระบรมบรรพต หรือภูเขาทอง วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร, พระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม, เสาชิงช้า และสะพานพระราม 8 ผสานความเป็นไทยด้วยดอกบัว รถตุ๊กตุ๊ก และลายประจำยาม ลายไทยที่เรียบง่าย สวยงาม แต่แฝงด้วยความหนักแน่นและแข็งแรง ลวดลายตกแต่งร้านยังโดดเด่นด้วยยักษ์ในรองเท้า Under Armour สัญลักษณ์แห่งความแข็งแรง สะท้อนความเป็นนักกีฬาในแบบฉบับของ Under Armour

และเพื่อตอกย้ำความพิเศษในการเปิดตัวในครั้งนี้ ทาง Under Armour ยังได้มีการเปิดขายรองเท้า Curry Flow 9 Street Pack ในสีล่าสุด Dribble Me Elmo ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตัวละครยอดนิยม จาก Sesame Street อย่าง Elmo เป็นครั้งแรกที่ Under Armour Brand House สาขาสยามเซ็นเตอร์ และยังได้มีการเผยถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ได้มีการวางจำหน่ายและมีแผนจะวางจำหน่ายในปี 2565 นี้ ไม่ว่าจะเป็น UA Flow Wind 2 รองเท้าสายสปีดรุ่นที่ 2 UA HOVR Machina 3 รองเท้าวิ่งระยะไกล อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย Curry Flow 9 รองเท้าบาสเกตบอลที่ใช้เทคโนโลยีพื้น Flow ภายใต้ Curry Brand Rush ไลน์เสื้อผ้าที่ถูกออกแบบสำหรับ เทรนนิ่งและแข่งขัน โดยเฉพาะ UA Meridian Leggings เลกกิ้งที่มอบสัมผัสที่นุ่มนวลและความยืดหยุ่นพิเศษ น้ำหนักเบา ระบายอากาศได้ดี แห้งไว เหมาะสำหรับคุณผู้หญิงโดยเฉพาะ และอีกหลากหลายผลิตภัณฑ์ที่จะมีการเปิดตัวในปีนี้

Under Armour ยังได้มีการจัดงานเปิด Under Armour Brand House สาขาสยามเซ็นเตอร์ อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งได้รับเกียรติจาก คุณพรศักดิ์ ชินวงศ์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอ สปอร์ต (ประเทศไทย), คุณปริศนา ศิริสมถะ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยูเอ สปอร์ต (ประเทศไทย), คุณเทพฤทธิ์ ไรวินท์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท ยูเอ สปอร์ต (ประเทศไทย) และ คุณสรัลธร อัศเวศน์ ผู้บริหารสายงานบริหารธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด รวมถึง สี่นักแสดงหนุ่มสาวสายฟิต จอส – เวอาห์ แสงเงิน, ลุค – อิชิคะวะ พลาวเดน, วาววา – ณิชชา โชคประจักษ์ชัด และ ไอซ์ – อมีนา กูล มาร่วมสร้างสีสันให้กับกิจกรรมเปิดร้าน Under Armour Brand House สาขาสยามเซ็นเตอร์ ในครั้งนี้ โดยภายในงานยังโซนกิจกรรมต่าง ๆ ที่สะท้อนถึงตัวตนของ Under Armour ผ่านโซน Train – Compete – Recover รวมไปถึงโชว์ความเป็นไลฟ์สไตล์กับโซน Artist อีกทั้งยังมีการเฉลิมฉลองชัยชนะล่าสุดของ ซุปเปอร์บอน – ศุภชัย หมื่นสังข์ แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวธ ที่ขึ้นป้องกันแชมป์กับ มารัต กริกอเรียน ยอดนักชกจากอาร์เมเนีย ได้สำเร็จ

นอกจากนี้ Under Armour ยังได้มีการเปิดตัวเหล่านักกีฬาอาชีพ ทีมนักวิ่ง UA Run Crew และ Friend of Brand จากหลากหลายประเภทกีฬา เพื่อเป็นตัวแทนของแบรนด์ในการส่งต่อความมุ่งมั่น ตั้งใจ พัฒนาศักยภาพทางการเล่นกีฬาทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งในปีนี้ Under Armour ประเทศไทย ได้ร่วมงานกับนักกีฬาทีมชาติและนักกีฬาอาชีพหลายคนเพื่อมาถ่ายทอดเรื่องราวแรงผลักดันที่ช่วยให้พวกเขามุ่งมั่นจะพัฒนาตนเองเพื่อก้าวผ่านขีดจำกัด รวมไปถึงเป็นตัวแทนของแบรนด์ในการกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนให้มาเล็งเห็นความสำคัญของกีฬา และร่วมกันสร้างโอกาสและการเข้าถึงกีฬา ให้กับนักกีฬาคนอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักกีฬาเยาวชน ไม่ว่าจะเป็น

นักกีฬาอาชีพ ของ Under Armour

• ซาร่า – นุศรา ต้อมคำ อดีตนักกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติไทย เจ้าของตำแหน่งมือเซตอันดับหนึ่งของโลก

• ซุปเปอร์บอน – ศุภชัย หมื่นสังข์ แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวธ

• ครีม – ใบสน มณีก้อน นักชกมวยหญิงที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์นักชกไทยที่คว้าโควตาโอลิมปิก

• อาร์ม – ณัฐกานต์ เมืองบุญ นักกีฬาบาสเกตบอลทีมชาติ

• เตเต้ – อรรถพล ลีลาพิพัฒน์กุล นักกีฬาบาสเกตบอลทีมชาติ

• โบ๊ต – ณัฐวร บรรจถรณ์ นักกีฬาบาสเกตบอลทีมชาติ

• แคท – พิมพ์โชษิตา ทรัพย์เย็น นักกีฬาบาสเกตบอลทีมชาติ

• นัตตี้ – กัณยาวีธ์ มณีสมบัติกุล เจ้าของเหรียญทองยิงธนูซีเกมส์ เมื่อปี 2019

• แพรว – ภัทราพร ศรีภัทรประสิทธิ์ นักกอล์ฟอาชีพ เจ้าของตำแหน่ง Miss Tourism World Thailand 2020

ทีมนักวิ่ง UA Run Crew

• เอ – ปทุมมาศ อากาศวิภาต

• เพลง – ณิชกานต์ อินทรวิชัย

• มิ้งค์ – เพชรสุดา ภูกาม

• น้อง – สุธาสินี สาโถน

• โยเกิร์ต – กัญจน์ชญา นาคเปรม

• แยมโรล – กรณรัชตา เตชะวิจิตรา

• ฟีฟ่า – อิทธิวัฒน์ วาสนาทิพย์

• ทิว – อธิวัฒน์ อภิเลิศรุ่งรัตน์

• ตั้ม – ศุภโชค เสริมสุขเจริญชัย

• นัทเด้อ – ณัฐพงษ์ พรหมพินิจ

• โค้ชโอ๊ต – สาริน พรมภิยะ

Friend of Brand

• จอส – เวอาห์ แสงเงิน นักแสดงหนุ่มชื่อดัง

• ลุค – อิชิคะวะ พลาวเดน นักแสดงหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกัน

• มีน – นิชคุณ ขจรบริรักษ์ นักแสดงหนุ่มควบดีกรีนักบาส

• แพร – อลิตา ตันติวีรสุต ฟิตเนสอินฟลูเอนเซอร์สาว

• กาโม่ – อาชวิน อยู่บำรุง นักกอลฟ์ชื่อดัง

ผลักดันสู่เป้าหมายที่ท้าทายกว่าเดิม และสัมผัสสินค้าสปอร์ตเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่หลากหลายจากแบรนด์ Under Armour พร้อมพบกับ Curry Flow 9 Street Pack ในสีล่าสุด Dribble Me Elmo ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตัวละครยอดนิยม จาก Sesame Street อย่าง Elmo เป็นครั้งแรกได้แล้วในวันนี้ที่ Under Armour Brand House ชั้น G สาขาสยามเซ็นเตอร์

ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ Under Armour และโปรโมชันพิเศษก่อนใครได้ที่ช่องทางต่อไปนี้

· เฟซบุ๊ก www.facebook.com/UnderArmourThailand

· อินสตาแกรม www.instagram.com/underarmoursoutheastasia

· เว็บไซต์ www.underarmour.co.th

· Line Official Account @underarmourth

· ร้านค้าทางการของ Under Armour บน Lazada

· ร้านค้าทางการของ Under Armour บน Shopee

#UnderArmourTH

นีเวียต้อนรับซัมเมอร์ เปิดตัวน้องใหม่ วิตามินโลชั่นเซรั่มบำรุงผิวผสานกันแดด SPF50 PA+++

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/679595

วันที่ 01 เม.ย. 2565 เวลา 09:20 น.นีเวียต้อนรับซัมเมอร์ เปิดตัวน้องใหม่ วิตามินโลชั่นเซรั่มบำรุงผิวผสานกันแดด SPF50 PA+++

ตอกย้ำความเป็นตัวจริงด้านวิตามินโลชั่น นีเวีย เปิดตัว “นีเวีย เอ็กซ์ตร้า ไบรท์ ซูเปอร์ ซี พลัส” น้องใหม่ ตัวช่วยกู้ผิวใส ไม่คล้ำเสีย วิตามินเซรั่มบำรุงผิวกาย ผสานกันแดด SPF50 PA+++ ใหม่ล่าสุด สูตรบูสท์เตอร์เนื้อบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ที่อุดมด้วยคุณค่าวิตามินซีบริสุทธิ์ถึง 50 เท่า

แดดแรงกับเมืองร้อนเป็นของคู่กัน ซัมเมอร์นี้ นีเวีย ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับโลกที่ได้รับความไว้วางใจในการดูแลผิวจากคนไทยมากว่า 30 ปี ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ผู้นำเรื่องการบำรุงผิวกายด้วยวิตามินโลชั่นที่ครองใจผู้ใช้มาอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นจากการเปิดตัวนีเวีย C&E วิตามินโลชั่น ที่อุดมด้วยวิตามินซีสกัดจากส้มในปี พ.ศ. 2561, นีเวีย C&A วิตามินโลชั่น ที่อุดมด้วยวิตามินสกัดจากเชอรี่ในปี พ.ศ. 2563, นีเวีย ซูเปอร์ 10 วิตามิน เซรั่ม ที่เข้มข้มด้วย 10 สุดยอดวิตามินและอาหารผิวในปี พ.ศ. 2564 และล่าสุด ขอแนะนำน้องใหม่ที่ผสานวิตามินเซรั่มบำรุงผิวกับกันแดดไว้ด้วยกันอย่าง “นีเวีย เอ็กซ์ตร้า ไบรท์ ซูเปอร์ ซี พลัส” (NIVEA Extra Bright Super C+) ที่นอกจากจะมาฟื้นบำรุงผิวคล้ำเสียให้กลับมาดูใส ฉ่ำเด้ง ด้วยคุณค่าวิตามินซีบริสุทธิ์จากธรรมชาติมากถึง 50 เท่าÙ แล้วยังมาพร้อมกับสารป้องกันแสงแดด SPF50 PA+++  ไม่ว่าจะเจอแดดร้อนลมแรงแค่ไหนก็มั่นใจพร้อมอวดผิวสวยได้อย่างเต็มที่

คุณศิเรมอร ศุภจรรยา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์นีเวีย ภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า งานนี้จัดขึ้นเพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ของนีเวียในด้านการเป็นผู้นำเรื่องของการบำรุงผิวด้วยวิตามินโลชั่นอย่างแท้จริงค่ะ เพราะเราเป็นแบรนด์แรกที่พัฒนาสินค้าเพื่อคนไทย ที่ต้องการผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด มีประสิทธิภาพ แต่ไม่ทำร้ายผิวด้วยส่วนผสมที่รุนแรง  ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาผิวได้ในระยะยาว นีเวีย จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย ที่ได้คัดสรรและเฟ้นหาสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อสกัดส่วนผสมจากธรรมชาติ ออกมาเป็นวิตามินเข้มข้นที่ทรงประสิทธิภาพและปลอดภัย ทำให้ครองใจผู้บริโภคที่ต้องการผิวสุขภาพดีมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มเปิดตัวครั้งแรกกับ นีเวีย เอ็กซ์ตร้า ไวท์ ซี แอนด์ อี วิตามิน โลชั่น ที่เปี่ยมด้วยวิตามินซีเข้มข้นหลากชนิด ช่วยให้ผิวใสฉ่ำเด้งในเจ็ดวัน การันตีจากผู้หญิงกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ที่ได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์แล้วเห็นผลจริง ซึ่งเป็นก้าวเล็ก ๆ ที่ต่อยอดให้ นีเวีย ออกผลิตภัณฑ์ในซีรีย์วิตามินโลชั่นมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น นีเวีย เอ็กซ์ตร้า ไวท์ ซี แอนด์ เอ วิตามินโลชั่น กับคุณค่าวิตามินจากผลเชอร์รี่และมินต์ ที่ให้ผิวเรียบเนียน  หมดกังวลเรื่องสีผิวไม่สม่ำเสมอในเจ็ดวัน และ นีเวีย เอ็กซ์ตร้า ไบรท์ ซูเปอร์ 10 วิตามิน แอนด์ สกิน ฟู้ด เซรั่ม ที่ให้การดูแลด้วยสุดยอดวิตามินและสารอาหารบำรุงผิวถึง 10 ชนิด สกัดจากส้ม มะนาว ทับทิม โกจิเบอร์รี่ และอะโวคาโด ช่วยจบปัญหาจุดดำดื้อ  และล่าสุด นีเวีย ตอกย้ำความเป็นตัวจริงเรื่องวิตามินโลชั่น กับผลิตภัณฑ์น้องใหม่ นีเวีย เอ็กซ์ตร้า ไบรท์ ซูเปอร์ ซี พลัส วิตามินเซรั่มผสานสารกันแดด SPF50 PA+++ ที่จะมาช่วยให้สาว ๆ ทุกคน เผยผิวสวย ดูสวยใสอย่างมั่นใจรับซัมเมอร์นี้ ก็อยากจะฝากผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายของนีเวีย ให้ทุกท่านได้ลองใช้ และหวังว่าเราจะได้อยู่เคียงข้างดูแลผิวของทุกคนตลอดไปค่ะ

สำหรับ นีเวีย เอ็กซ์ตร้า ไบรท์ ซูเปอร์ ซี พลัส น้องใหม่สูตรบูสเตอร์ ที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรม ซูเปอร์ ซี พลัส อัดแน่นด้วยวิตามินซีมากถึง 50 เท่า จากคามู คามู ช่วยกู้ผิวและผสานสารป้องกันแสงแดด SPF50+++ ให้การปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำร้ายจากรังสี UVA และ UVB ช่วยให้ผิวแข็งแรง กลับมาดูสวย ที่สำคัญด้วยเนื้อเซรั่มที่บางเบาไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมลงสู่ผิวได้อย่างง่ายดาย  ให้ความรู้สึกสบายผิว เหมาะกับคุณที่ต้องการการบำรุงและปกป้องผิวในช่วงซัมเมอร์อย่างแท้จริง

อย่ารอช้า เชิญมาเตรียมผิวสวยดู ฉ่ำเด้ง ไม่คล้ำเสีย กันได้เลยกับ นีเวีย เอ็กซ์ตร้า ไบรท์ ซูเปอร์ ซี พลัส ที่มีให้คุณเลือกถึง 3 ขนาด คือ ขนาดพกพา 70 มล. (89 บาท), ขนาดกลาง 180 มล. (189 บาท) และหลอดใหญ่สุดคุ้มขนาด 320 มล. (279 บาท) จำหน่ายที่ร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ

Central Midnight Sale #GuiltyFreeFestival ช้อปเลยเพราะไม่เคยมี

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/679610

วันที่ 01 เม.ย. 2565 เวลา 11:01 น.Central Midnight Sale #GuiltyFreeFestival ช้อปเลยเพราะไม่เคยมี

3 เซเลบสายช้อป ชวนเปิดประสบการณ์ช้อปสุดคุ้ม กับซิกเนเจอร์แคมเปญเพื่อนักช้อปตัวจริง ที่งาน Central Midnight Sale ในคอนเซ็ปต์ “GuiltyFreeFestival ช้อปเลยเพราะไม่เคยมี”

เปิดประสบการณ์ช้อปปิ้งสุดยิ่งใหญ่รับซัมเมอร์ ห้างเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ปล่อยซิกเนเจอร์แคมเปญ “Central Midnight Sale” งานเซลที่ดีที่สุดของเมืองไทยที่ครองใจนักช้อปไทยมายาวนานกว่า 33 ปี โดยครั้งนี้กลับมาทวีความสนุกให้วงการรีเทลและแฟชั่นประเทศไทย ด้วยการต่อยอดคอนเซ็ปต์สุดเก๋จากครั้งก่อน ในคอนเซ็ปต์ใหม่ “Central Midnight Sale #GuiltyFreeFestival ช้อปเลยเพราะไม่เคยมี” #NewArrival ต้อนรับลูกค้าช่วงซัมเมอร์ ด้วยสินค้าแบรนด์ สุดฮอตทั้งไทยและต่างประเทศ ครบครันทุกหมวดหมู่ พร้อมโปรโมชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ลดทั้งห้าง! สินค้าใหม่ลดสูงสุด 30% เฉพาะรุ่นลดสูงสุด 50% พร้อมบริการและสิทธิพิเศษที่ดีและคุ้มที่สุด เริ่มแล้ววันนี้ – 5 เมษายน 2565 ที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา และทุกช่องทางการช้อปปิ้งของทางห้างฯ

รวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยว่า “งาน Central Midnight Sale เป็นซิกเนเจอร์แคมเปญสำคัญของห้างเซ็นทรัล ที่นักช้อปรอคอยในทุกไตรมาส เพราะมีกิมมิคและกิจกรรมสนุกๆ ให้ลูกค้าได้ตื่นตาตื่นใจทุกครั้ง และครั้งล่าสุด! ได้ยกระดับความสนุก ด้วยการต่อยอดคอนเซ็ปต์สุดเก๋จากครั้งก่อน ในคอนเซ็ปต์ “GuiltyFreeFestival ช้อปเลยเพราะไม่เคยมี” รวมสินค้า New Arrival กับกิมมิคสนุกๆ ที่แก้ปมการช้อปปิ้งให้ไม่ต้องรู้สึกผิดอีกต่อไป ด้วยการเปลี่ยนชื่อสินค้าให้รู้สึกว่ายังไม่เคยมี เช่น Sky Heels – รองเท้าส้นสูง, Goodnight Bag – หมอน และแม้คุณจะมี Sky Heels แล้ว แต่มีได้อีกเพราะชิ้นนี้เป็น New Arrival ซึ่งมาพร้อมโปรโมชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟ สินค้าใหม่ลดสูงสุด 30% เฉพาะรุ่นลดสูงสุด 50% และสิทธิพิเศษและความคุ้มค่าอีกมากมาย เราพร้อมสร้างสีสันปลุกมู้ดการช้อปปิ้งในช่วงไฮซีซั่นให้กลับมาคึกคักมากยิ่งขึ้น และหวังว่าแคมเปญนี้จะสร้างความสุขและความประทับใจให้นักช้อปได้อย่างดีเยี่ยมเช่นเคย”

และเพื่อต้อนรับบรรยากาศการช้อปปิ้งในช่วงซัมเมอร์ ห้างเซ็นทรัลได้ชวนเซเลบสายช้อปอย่าง เมลนีย์ อยู่วิทยา, ศิลป์ศุภา อภิรักษ์ทานนท์ และ พลอยวารินทร์ ทรงปกรณ์ มาร่วมช้อปเพลินๆ กับสินค้าคอลเลกชั่นใหม่สุดฮอตจากแบรนด์ชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ ครบครันทุกหมวดหมู่ ลดทั้งห้าง ทุกชั้น ทุกแผนก 

เริ่มที่ คุณเมย์ – เมลนีย์ อยู่วิทยา เผยว่า “พอโตขึ้นไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเมย์ เริ่มสนุกกับการอยู่บ้านเข้าครัวทำอาหารด้วยตัวเอง เซ็นทรัลมิดไนท์เซลรอบนี้เลยตั้งใจมาช้อปอุปกรณ์ของใช้ภายในบ้านโดยเฉพาะเครื่องครัวค่ะ โดยจะเน้นที่ดีไซน์สวยคลาสสิกเข้ากับการตกแต่งบ้าน และมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เหมาะสมกับตัวเรา ซึ่งก่อนมาช้อปเมย์แอบทำการบ้าน เลือกดูสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มาก่อน ซึ่งก็มีหลาย      แบรนด์ดังที่ร่วมโปรโมชั่นลดสูงสุดถึง 50% แถมยังมีส่วนลดเพิ่มเมื่อใช้คะแนนจากเดอะวันอีกด้วย เรียกว่า      มิดไนท์เซลเป็นแคมเปญที่ทำให้เราสนุกกับการช้อป ซื้อของได้คุ้มขึ้น จนเมย์อดใจไม่ไหวจริงๆ ค่ะ (ยิ้ม)”

ด้านคุณพีซ – ศิลป์ศุภา อภิรักษ์ทานนท์ ดีไซเนอร์สาวตัวแทนเวิร์กกิ้งวูแมนสายแฟฯ กล่าวว่า “ส่วนตัวพีซเป็นคนชอบแต่งตัวอยู่แล้ว และด้วยความที่เราเป็นดีไซน์เนอร์จึงต้องอัพเดตเทรนด์แฟชั่นอยู่ตลอด แต่จะมีทริคการช้อปโดยเน้นเสื้อผ้าสไตล์มินิมอลที่ใส่ง่ายในชีวิตประจำวัน จริงๆ แล้วตั้งแต่เด็กจะมาช้อปที่ห้างเซ็นทรัลชิดลมทุกอาทิตย์ เพราะว่าอยู่ใกล้บ้าน แต่ที่สำคัญมีสินค้าแบรนด์ดังให้เลือกมากมาย ยิ่งเป็นช่วงจัดงานเซ็นทรัลมิดไนท์เซลบอกเลยว่าไม่เคยพลาด เพราะคอลเลกชั่นใหม่ ร่วมโปรโมชั่นลดคุ้มสุดๆ อย่างวันนี้ พีซมาช้อปชุดว่ายน้ำค่ะ เพราะเป็นคนชอบไปทะเลมากๆ จะต้องมีชุดว่ายน้ำสำรองไว้สำหรับทุกทริป เรียกว่าเป็นแฟชั่นไอเท็มรับซัมเมอร์ที่ต้องมี! ซึ่งใครที่กำลังมองหาไอเท็มใหม่ๆ อัพลุคเก๋ไว้ถ่ายรูปลงโซเชียลแซบๆ แคมเปญนี้ห้ามพลาดเลยค่ะ”

ปิดท้ายด้วย คุณแป้ง – พลอยวารินทร์ ทรงปกรณ์ เซเลบริตี้สาวสวยที่ชื่นชอบการดูแลตัวเองเป็นชีวิตจิตใจ ได้บอกเล่าถึงประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ห้างเซ็นทรัลว่า “แป้งช้อปประจำที่ห้างเซ็นทรัลอยู่แล้ว เพราะมีหลายแบรนด์ที่เราชอบ มีคอลเลคชั่นใหม่ๆ ที่อินเทรนด์ทันสมัย ซึ่งซัมเมอร์นี้ไอเท็มที่อยากแนะนำให้ทุกคนมี คือเดรสสั้นเข้ารูปค่ะ แป้งเดินห้างบ่อยค่ะเพราะชอบออกมาเดินช้อปด้วยตัวเอง จะได้เลือกได้ลองสินค้าอย่างเต็มที่ ทั้งสินค้าแฟชั่น สกินแคร์ เครื่องสำอาง ส่วนตัวจะชอบแต่งหน้าแนวเอิร์ธโทนรู้สึกว่าเข้ากับทุกสถานการณ์ค่ะ แต่จะแอบแพ้ทางกับรองเท้า หากออกคอลเลกชั่นใหม่จะรีบซื้อเลย แต่ดีที่ช้อปที่งานนี้ทำให้ไม่รู้สึกผิด เพราะเขาจัดในธีม ‘#GuiltyFreeFestival ช้อปเลยเพราะไม่เคยมี’ ทำให้มีแล้วมีได้อีก เพราะเรียกชื่อไม่เหมือนกัน ”

พบไฮไลต์เด็ดกับกิจกรรม และโปรโมชั่นสุดพิเศษได้ทุกช่องทางการช้อปปิ้งของทางห้างฯ ไม่ว่าจะมา ช้อปหน้าร้าน ที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขาใกล้บ้านคุณ หรือช้อปผ่านทางแพลตฟอร์มออมนิชาแนล ดังนี้ Central App, เว็บไซต์ http://www.central.co.th, Central Chat & Shop, Central Call & Shop, Personal Shopper On Demand โทร. 1425 หรือช้อปผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ และอินบ็อกซ์เพจหลักของห้างที่ คลิก https://www.facebook.com/CentralDepartmentStore/ อาทิ

–              สินค้าแบรนด์ชั้นนำสุดฮอต ลดทั้งห้าง! ทุกชั้น ทุกแผนก! สินค้าคอลเลกชั่นใหม่ (New Arrival) ลดสูงสุด 30% เฉพาะรุ่นลดสูงสุด 50%

–              ใช้คะแนนลดเพิ่มและรับเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 34%

–              รับคูปองแทนเงินสด หรือ E-Coupon และเครดิตเงินคืนสูงสุด 21% เมื่อช้อปครบตามเงื่อนไข

–              รับคูปองส่วนลด 150 บาท  เมื่อแลกคะแนน The1 1,000 คะแนน ผ่านแอปพลิเคชั่นเดอะวัน        

–              ลูกค้าเอไอเอส ใช้ 100 พอยต์ แลกรับบัตรของขวัญเซ็นทรัล 100 บาท (จำนวนจำกัด 5,000 สิทธิ์ตลอดรายการ)

–              ลูกค้า Mastercard รับบัตรของขวัญเซ็นทรัล 1,000 บาท เมื่อช้อป 20,000 บาทขึ้นไปต่อเซล สลิป (จำกัด 1 สิทธิ์ต่อท่าน / จำนวน 500 สิทธิ์ตลอดรายการ)

–              ลูกค้า Dolfin รับคูปองส่วนลด 100 บาท เมื่อช้อปครบ 1,500 บาทขึ้นไปต่อเซลล์สลิป (จำกัด 1 สิทธิ์ต่อท่าน) และเมื่อช้อปครบทุก 25 บาท รับคะแนน The 1 point X2

–              รับสิทธิพิเศษเพิ่มจากบัตรเครดิตชั้นนำ

พลาดไม่ได้! กับ “Midnight Market” รวบรวมไอเท็มสุดฮอตภายในห้างมาให้ลูกค้าได้เลือกช้อปในที่เดียว เป็น One Stop Shopping Point ด้วยบรรยากาศสุดชิคตอบโจทย์ลูกค้าให้ช้อปสะดวก พบกันที่ห้างเซ็นทรัล 7 สาขา ได้แก่ ชิดลม, ลาดพร้าว, เซ็นทรัล @ เซ็นทรัลเวิลด์, ปิ่นเกล้า, บางนา, อีสต์วิลล์ และเวสต์เกต

มาช้อปมันส์ ที่งาน Central Midnight Sale #GuiltyFreeFestival ช้อปเลยเพราะไม่เคยมี” #New Arrival ตั้งแต่วันนี้ – 5 เมษายน 2565 ที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา และทุกช่องทางการช้อปปิ้งของทางห้างฯ พร้อมแฮชแท็กร่วมสนุกกันได้ที่  #CentralMidnightSale #GuiltyFreeFestival   #CentralDepartmentStore

ชวนไทยเที่ยวโลก ชวนโลกเที่ยวไทย กับโฉมใหม่ คิง เพาเวอร์ สนามบินสุวรรณภูมิ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/679597

วันที่ 01 เม.ย. 2565 เวลา 09:44 น.ชวนไทยเที่ยวโลก ชวนโลกเที่ยวไทย กับโฉมใหม่ คิง เพาเวอร์ สนามบินสุวรรณภูมิ

เผยโฉมใหม่ ‘คิง เพาเวอร์ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ’ ชวนไทยเที่ยวโลก ชวนโลกเที่ยวไทย สร้างปรากฏการณ์ Duty Free World Class Shopping Destination

ขานรับนโยบายฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยว คิง เพาเวอร์ ประกาศความพร้อม ‘คิง เพาเวอร์ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ’ โฉมใหม่ โชว์ศักยภาพการบริหารธุรกิจดิวตี้ ฟรี และกิจกรรมเชิงพาณิชย์ในท่าอากาศยาน ผนึกกำลังลักชัวรี่แบรนด์ สร้างปรากฏการณ์ ‘ดิวตี้ ฟรี เวิล์ดคลาส ช้อปปิ้ง เดสติเนชั่น’ เสริมภาพลักษณ์ความเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาคของสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมเผยโฉมใหม่ ชวนไทยเที่ยวโลก ชวนโลกเที่ยวไทย วันที่ 1 เมษายน นี้

นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวถึง ความพร้อมในการ ขานรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของภาครัฐ เช่นเดียวกับธุรกิจท่องเที่ยวภาคเอกชนอื่นๆ ในเดือนเมษายน นี้ ว่า “ในฐานะที่ คิง เพาเวอร์ เป็นผู้บริหารร้านค้าดิวตี้ ฟรี และพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวและร่วมส่งเสริมภาพลักษณ์ของสนามบินสุวรรณภูมิในการเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค ในวันที่ 1 เมษายน นี้ ‘คิง เพาเวอร์ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ’ มีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้า-ออก ด้วยโฉมใหม่ของพื้นที่ภายในสนามบิน รองรับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มเป้าหมาย ตามพันธกิจการปรับปรุงตกแต่งร้านค้า โดยหัวใจสำคัญคือการเป็น World Junction ที่ประกอบด้วย World Fashion, World Beauty และ World Duty Free เพื่อสร้างปรากฏการณ์ ‘ดิวตี้ ฟรี เวิล์ดคลาส ช้อปปิ้ง เดสติเนชั่น’ (Duty Free World Class Shopping Destination) เพื่อให้สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค ตอกย้ำภาพลักษณ์สนามบินที่มีความครบครันของแฟล็กชิพ สโตร์ของแบรนด์เนมระดับโลก มีความสมบูรณ์ในระดับสากล

ช้อปแบรนด์แฟชั่นระดับตำนาน

โดยล่าสุด คิง เพาเวอร์ ได้รับความร่วมมือจากแบรนด์แฟชั่นปารีสระดับตำนาน ‘หลุยส์ วิตตอง’ (Louis Vuitton) ในการร่วมพลิกโฉมหน้าใหม่แห่งประวัติศาสตร์ ด้วยการเปิดแฟล็กชิพสโตร์ภายในสนามบินที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก พร้อมผนึกกำลังสร้างปรากฏการณ์การเดินทางครั้งใหม่ กับ ‘กุชชี่’ (Gucci) แบรนด์แฟชั่นระดับตำนานสัญชาติอิตาลี ด้วยการนำนวัตกรรมใหม่ของเทคโนโลยี LED video wall display มาสร้างสีสันให้ ‘กุชชี่’ ด้วยการเป็น LED Boutique ในสนามบินครั้งแรกของเอเชีย รวมถึงแฟลกซ์ชิพสโตร์ระดับลักชัวรี่แบรนด์ชั้นนำอีกมากกว่า 20 แบรนด์ระดับโลก ได้แก่ คาร์เทียร์ (Cartier), ชาแนล (Chanel), แอร์เมส (Hermes), เฟอร์รากาโม (Ferragamo), โบเตก้า เวเนต้า (Bottega Veneta), แซงต์ โลรองต์ (Saint Laurent), Balenciaga (บาเลนเซียกา), เซลีน (CELINE), โลเอเว่ (LOEWE) และริโมวา (Rimowa) เป็นต้น ซึ่งร่วมกันผนึกกำลังเพื่อให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็น World Junction ของ World Fashion ที่มีแบรนด์ระดับโลกครบทุกแบรนด์

สำหรับพื้นที่ในโซน World Beauty ในการปรับปรุงตกแต่งร้านค้าครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจาก 5 แบรนด์ ชั้นนำ ได้แก่ ชาแนล (Chanel), เอสเคทู (SKII), ลังโคม (Lancôme), เอสเต้ ลอเดอร์ (ESTÉE LAUDER) และ ดิออร์ (DIOR) เปิดแฟล็กชิพสโตร์เครื่องสำอางและน้ำหอม หนุนความเป็น Beauty Gate Way ระดับลักชัวรี่ นอกจากนี้ ยังปรับปรุงในส่วนของพื้นที่ World Duty Free ซึ่งรวบรวมสินค้ายอดนิยมของนักเดินทาง ได้แก่ สุรา, ขนมและของฝากที่ระลึกทั้งไทยและต่างประเทศ รวมถึงสินค้าอัตลักษณ์ไทยพื้นบ้านที่ช่วยสร้างรายได้หมุนเวียนเศรษฐกิจชุมชน

ในส่วนของการอำนวยความสะดวกระหว่างเดินทาง ได้ทำการปรับปรุง The Atlas Club และ King Power Space สำหรับให้บริการสมาชิก คิง เพาเวอร์ ภายใต้มาตรการสุขอนามัยระดับสากล แต่ยังคงไว้ซึ่งความสะดวกสบายแก่นักเดินทาง ซึ่งสมาชิกฯ สามารถตรวจสอบสิทธิการเข้าใช้บริการล่วงหน้าที่ http://member.kingpower.com

นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงในส่วนพื้นที่เชิงพาณิชย์ให้มีความพร้อม สามารถรองรับการให้บริการนักท่องเที่ยวในระหว่างเดินทาง ด้วยร้านอาหารชั้นนำและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน ยังมีการพัฒนาด้านการให้ ‘บริการ’ ใหม่ในสนามบิน เรียกว่าบริการ KING POWER CLICK & COLLECT ผ่านระบบออนไลน์มาช่วยตอบโจทย์การท่องเที่ยวและการช้อปปิ้งยุคใหม่ ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว จากที่ไหนก็ได้ตลอด 24 ชั่วโมงสามารถให้บริการได้เหนือชั้นไม่แพ้ ดิวตี้ ฟรี อื่นๆ ในแถบภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนธันวาคม ที่ผ่านมา ช่วยอำนวยความสะดวกในการช้อปปิ้งสินค้า ดิวตี้ ฟรี กับ คิง เพาเวอร์ ในระบบออนไลน์ และรับของง่ายขึ้นที่สนามบินทั้งขาเข้า-ขาออก สามารถช้อปปิ้งได้จนถึง 2 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนออกเดินทาง และมีการเพิ่มแบรนด์ดังที่มากกว่าเดิม รวมถึงสินค้า Travel-Exclusive โดยจากการเปิดให้บริการมาแล้ว 3 เดือน บริการดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยกลุ่มสินค้ายอดนิยม ได้แก่ เครื่องสำอางและน้ำหอม

ทั้งนี้ การปรับปรุงร้านค้าภายใน คิง เพาเวอร์ ณ สุวรรณภูมิ จะเป็นการต้อนรับการเดินทางเข้า-ออกครั้งใหม่ระหว่างประเทศของนักเดินทางทั่วโลก โดยจะเห็นภาพการเปิดรับนักท่องเที่ยวของแต่ละประเทศชัดเจนขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายน นี้ เป็นต้นไป ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่จะนำเสนอ Magnet ใหม่ของ ดิวตี้ ฟรี ระดับเวิล์ดคลาส และพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่ครอบคลุมการให้บริการสำหรับการเดินทาง เป็น World Junction ใหม่ที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ของสนามบินสุวรรณภูมิ ในการเป็นศูนย์กลาง การบินระดับภูมิภาคได้อย่างสมบูรณ์

CANITT คอลเลคชั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2022 ความงดงามของทิวทัศน์ตลอดเส้นทางโร้ดทริป

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/679508

วันที่ 31 มี.ค. 2565 เวลา 11:30 น.CANITT คอลเลคชั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2022 ความงดงามของทิวทัศน์ตลอดเส้นทางโร้ดทริป

สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งสไตล์นิวโบฮีเมียนไปกับแบรนด์เสื้อผ้าสตรีหรู “คานิท” (CANITT) ในคอลเลกชั่นสปริง/ซัมเมอร์ 2022 ที่ชื่อว่า “เวย์ เอาต์ เวสต์” (WAY OUT WEST) แรงบันดาลใจจากความงดงามของทิวทัศน์ที่ได้พบเจอตลอดเส้นทางโร้ดทริปอันแสนพิเศษ พร้อมเคล็ดลับการแต่งตัวสำหรับท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน

สนุกกับการเดินทางครั้งใหม่ไปกับแบรนด์เสื้อผ้าสตรีหรู “คานิท” (CANITT) ที่ล่าสุด ขนิษฐา ดรุณเนตร ครีเอทีฟไดเรคเตอร์ฝีมือเฉียบประจำแบรนด์ ได้พาสาวๆ ออกเดินทางท่องโลกกว้างไปโร้ดทริปยังประเทศสหรัฐอเมริกา และได้หยิบยกเอาบรรยากาศความสวยงามของดินแดนแห่งหินผาแกรนด์แคนยอน รวมถึงทะเลทรายในแคลิฟอร์เนียและแอริโซน่า มาเป็นแรงบันดาลใจหลักในการถ่ายทอดไอเดียครั้งใหม่ ผสมผสานกับกลิ่นอายฮิปปี้ โมเม้นท์ (Hippies Moment) ที่บอกเล่าถึงช่วงเวลาแห่งอิสรภาพในการใช้ชีวิตของเหล่าบุปผาชน ถ่ายทอดสู่เสื้อผ้าสไตล์นิวโบฮีเมียนที่ถูกตีความให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้นและสามารถตอบโจทย์ทุกบทบาทของผู้หญิงยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี

“คานิท” (CANITT) แบรนด์แฟชั่นสตรีหรูภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘แดซลิ่ง’ (Dazzling), ‘โซฟิสติเคท’ (Sophisticate) และ ‘เออเบิร์น เฟมินีน’ (Urban Feminine) สามคำที่สามารถบ่งบอกถึงเอกลักษณ์การดีไซน์ได้เป็นอย่างดี กับการนำความงดงามทางแฟชั่นในแต่ละยุคสมัยมาผสมผสานกับไลฟ์สไตล์ของหญิงสาวในยุคปัจจุบัน ให้สนุกไปกับการสร้างสรรค์ลุคใหม่ หญิงสาวในแบบฉบับของ “คานิท” (CANITT) จึงเป็นผู้หญิงที่มีความทันสมัย หลงใหลในสไตล์อันโก้หรู แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์ผสานความเซ็กซี่อย่างมีระดับเอาไว้

ขนิษฐา ดรุณเนตร กล่าวถึงแนวคิดหลักของการออกแบบคอลเลกชั่นนี้ว่า “เรามองว่าช่วงเวลาของซัมเมอร์นั้นเปรียบเสมือนช่วงเวลาแห่งการเดินทางเพื่อค้นหาความสุขและแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ดังนั้นในคอลเลกชั่นนี้เราจึงหยิบเรื่องราวของการเดินทางมาเป็นแนวคิดหลักในการออกแบบเสื้อผ้า เพราะต้องการให้คานิทเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆให้กับหญิงสาวผ่านเสื้อผ้าที่สวมใส่ ให้รู้สึกเสมือนได้เดินทางไปโร้ดทริปด้วยตนเอง ผ่านการสร้างสรรค์ลายพิมพ์ การเลือกใช้โทนสี ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสวยงามของเส้นทางโร้ดทริปในประเทศอเมริกา”

จุดเด่นของการออกแบบคอลเลกชั่น “เวย์ เอาต์ เวสต์” (WAY OUT WEST) นี้ คือการเลือกใช้โทนสีอบอุ่น (Sand Dunes) ซึ่งทีมดีไซน์คัดเลือกจากเฉดสีที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นและนำมาปรับแต่งให้มีความโมเดิร์นเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็น สีแดงเข้ม (Rosewood), สีน้ำตาลเข้ม (Downtown Brown), สีชมพู (Baby Pink) และแน่นอนว่าเฉดสีคลาสสิกในโทนสีนู้ด แลสีขาวก็ยังถูกนำมาแต่งแต้มอยู่ในทุกงานดีไซน์ รวมถึงลายพิมพ์ซิกเนเจอร์ประจำแบรนด์ก็ได้ถูกนำมาตีความขึ้นใหม่อีกครั้งผ่านการเลือกใช้โทนสีใหม่ ภายใต้ชื่อฟอร์เอฟเวอร์ โบโฮ (Forever BoHo)

อีกหนึ่งความน่าสนใจของแบรนด์ “คานิท” (CANITT) คือในแต่ละคอลเลกชั่นทีมดีไซน์จะถ่ายทอดความสง่างามของผู้หญิงเก่งในแวดวงแฟชั่นผ่านการออกแบบเสื้อผ้า ซึ่งในฤดูร้อนนี้สไตล์อันคลาสสิกของชาล็อตต์ แรมปลิงก์ (Charlotte Rampling) นางแบบและนักแสดงจากยุค 60s ผู้ถ่ายทอดจิตวิญญาณบุปผาชนในทุกลุคที่ปรากฏบนรันเวย์ หน้านิตยสาร หรือแม้กระทั่งแผ่นฟิล์ม ได้ถูกนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบซิลลูเอทหลักประจำคอลเลกชั่นนี้ ไม่ว่าจะเป็น แจ็กเก็ตสูทคัตติ้งเนี้ยบ และซัมเมอร์เดรสที่ออกแบบมาเพื่อเน้นความโปร่งเบาสบายสไตล์นิวโบฮีเมียน ที่ตัดเย็บขึ้นเพื่อเสริมจุดเด่นตามสรีระของผู้หญิง รวมถึงเสื้อเชิ้ตตัวบางที่มีดีเทลระบายเชือกที่คอ, เสื้อเบลาส์แขนพอง และเชิ้ตบราคล้องคอ ที่สามารถสร้างความเซ็กซี่อย่างมีระดับตามแบบฉบับหญิงสาวของ “คานิท” (CANITT) ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

โดยครั้งนี้ทีมดีไซน์ยังได้หยิบเอาผ้าหนังกลับ (Suede) มาสร้างสรรค์ลุคเรียบโก้ ด้วยวิธีการเดินเส้นด้ายยีนส์บนแจ็กเก็ตและกางเกง รวมถึงการใช้ผ้าซีฟองและผ้าลินินคุณภาพเยี่ยมที่ใส่สบายผิว ประกอบกับการเลือกใช้วัสดุที่โก้หรูอย่างกระดุมสีทอง, เข็มขัดหนังแบบเชือก และคอร์เซ็ท

นอกจากนี้ ขนิษฐา ดรุณเนตร ยังได้แนะนำเคล็ดลับการแต่งตัวสำหรับท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อนนี้ให้โดดเด่นว่า “ฤดูร้อนนี้โทนสีอบอุ่นจะช่วยให้ผู้หญิงทุกคนสามารถโดดเด่นขึ้นได้ เพราะแดดในช่วงซัมเมอร์มักจะเข้ากับเสื้อผ้าโทนสีอบอุ่นเสมอ ซึ่งหากใครวางแผนจะท่องเที่ยวต่างประเทศไปแกรนด์แคนยอนหรือเดินทางที่ต้องใช้ความทะมัดทะแมงอาจจะหยิบแจ็กเก็ตหนังกลับแมทช์กับกางเกงที่เข้าชุดกันแล้วเติมเต็มลุคด้วยเข็มขัดหนังกับรองเท้าบู๊ท หรือถ้าใครจะไปเดินทะเลทรายหรือขึ้นบอลลูนชุดเดรสลายพิมพ์สไตล์นิวโบฮีเมียนเหมาะเป็นอย่างมากที่จะทำให้คุณโดดเด่นท่ามกลางฤดูร้อนนี้ ส่วนลุคง่ายๆ สำหรับวันที่ใช้ชีวิตเดินเล่นอยู่ในเมืองอาจจะหยิบเชิ้ตบราคล้องคอลายพิมพ์แมทช์กับกางเกงขาสั้นและรองเท้าแกลดิเอเตอร์ หรือเป็นเดรสคล้องคอเข้ารูปก็เหมาะกับช่วงซัมเมอร์เช่นกัน”

พบกับคอลเลกชั่น “เวย์ เอาต์ เวสต์” (WAY OUT WEST) ได้แล้ววันนี้ที่ร้านคานิท (CANITT) ศูนย์การค้าสยามพารากอน ชั้น 1 และศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม ชั้น G พร้อมติดตามรายละเอียดและโปรโมชั่นผ่านช่องทาง IG: CANITT_OFFICIAL และ Line ID: @CANITT_OFFICIAL

ช้างดาว : ห่านคู่ 69 ปีที่เป็นมากกว่าแฟชั่น แต่เป็น ‘สไตล์’ ที่อยู่เหนือกาลเวลา

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/679395

วันที่ 30 มี.ค. 2565 เวลา 07:55 น.ช้างดาว : ห่านคู่ 69 ปีที่เป็นมากกว่าแฟชั่น แต่เป็น ‘สไตล์’ ที่อยู่เหนือกาลเวลา

ทำความรู้จัก 9 ความเหมือนของเพื่อนร่วมรุ่น “ช้างดาว : ห่านคู่” พร้อมภารกิจพิเศษ เมื่อช้างดาวกลายเป็นเสื้อ และห่านคู่กลายเป็นรองเท้า?

มากกว่าแฟชั่น แต่เป็น ‘สไตล์’ ที่อยู่เหนือกาลเวลา

หากนึกถึงเสื้อยืดสีขาวของคนไทย เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงเสื้อยืดตราห่านคู่เป็นอันดับแรก และหากนึกถึงรองเท้าแตะที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน คงหนีไม่พ้นรองเท้าแตะตราช้างดาว เชื่อหรือไม่ว่าทั้ง 2 แบรนด์เป็นสินค้ายอดนิยมที่อยู่คู่คนไทยมานานถึง 69 ปี มีจุดกำเนิดทางธุรกิจในปีเดียวกัน และผลิตสินค้าให้คนไทย ใช้งานมากกว่า 100 ล้านชิ้น และครั้งนี้ทั้ง 2 แบรนด์ได้ร่วมกันสร้างปรากฏการณ์ใหม่ที่เซอร์ไพรส์แฟนคลับกับการออกมาประกาศผลิตสินค้าร่วมกันเป็นครั้งแรกในปี 2565

ทำความรู้จัก 9 ความเหมือนของเพื่อนร่วมรุ่น ช้างดาว : ห่านคู่

1. เริ่มต้นธุรกิจก้าวแรกพร้อมกันในปี 2496

2. มีถิ่นกำเนิดของสินค้าที่มาจากเกาะด้วยกันทั้งคู่ ช้างดาวมาจากเกาะสิงคโปร์ และห่านคู่มาจากเกาะฮ่องกง

3. ทั้ง 2 แบรนด์เป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่มีอายุ 69 ปีเท่ากัน

4. ถูกกล่าวขานถึงมากที่สุดในยุค 5 ย. และคงกระแสนิยมสูงสุดถึงปัจจุบัน

5. ใช้วัตถุดิบหลักจากธรรมชาติในกระบวนการผลิต ช้างดาวผลิตจากยางพาราธรรมชาติแท้ 100%

และห่านคู่ผลิตจากผ้าฝ้ายแท้ 100%

6. มีจำนวนสินค้าในตลาดรวม 8 รุ่นเหมือนกัน

7. มีแฟนคลับหลากหลายช่วงวัยตั้งแต่เด็ก 4 ขวบ ถึงวัยเก๋า 80 ปี

8. ครองความเป็นเบอร์ 1 ของตลาดเหมือนกัน

9. มีเป้าหมายที่จะอยู่คู่แฟนคลับชาวไทยไปถึง 100 ปี

ภายใต้ภารกิจพิเศษ ‘ช้างดาว : ห่านคู่’ บรรดาสาวกจะได้พบกับปรากฏการณ์อะไรบ้าง

คุณากร ธนสารสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงงานไทยแลนด์นิตติ้ง จำกัด กล่าวว่า ทั้ง 2 แบรนด์ได้ร่วมกันทำสินค้ารุ่นพิเศษโดยนำสัญลักษณ์ของทั้ง 2 ฝั่งมาจัดวางในสินค้าของตัวเอง ได้แก่ รองเท้าแตะช้างดาวรุ่นห่านคู่ และเสื้อยืดห่านคู่รุ่นช้างดาว นอกจากนี้เพื่อสร้างความพิเศษยิ่งขึ้นยังมี กระเป๋าย่าม ที่ผ้าด้านนอกทำจากผ้าที่ใช้ผลิตรองเท้าผ้าใบนันยางและผ้าด้านในจากห่านคู่ มีช่องสำหรับเก็บรองเท้าแตะและเสื้อโดยเฉพาะ ผลิตจำนวน 10,000 ชุด โดยมีรหัสประจำเสื้อทุกตัว ตั้งแต่ 00001 – 10000 เพื่อเป็นที่ระลึกให้กับผู้ร่วมประสบการณ์พิเศษในครั้งนี้

เมื่อช้างดาวกลายเป็นเสื้อ และห่านคู่กลายเป็นรองเท้า แล้วเราจะใส่กันยังไง?

บนความเหมือนกันหลายๆ ประการ ช้างดาวและห่านคู่จึงร่วมกันผลิตสินค้ารุ่นพิเศษ เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่และความประทับใจให้กับลูกค้าผูกพันกันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่ยังคงอัตลักษณ์สินค้าคุณภาพ ความคลาสสิก ความสบาย ง่ายง่าย ทนทาน ลุยไปทุกที่ ใช้ได้ทุกเพศทุกวัยทุกฐานะ ให้บรรดาสาวกได้เก็บสะสม ซึ่งนับเป็นคอลเลกชันพิเศษที่ผลิตเพียงครั้งเดียวในภารกิจนี้เท่านั้น ดร.จักรพล จันทวิมล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ได้กล่าวถึงแนวคิดการออกแบบว่า การออกแบบสินค้ารุ่นพิเศษนี้ เริ่มต้นจากความบังเอิญที่ทั้ง 2 แบรนด์มีความเหมือนกันในหลายสิ่งอย่างน่าประหลาดใจ ตั้งแต่ผู้ก่อตั้งเป็นชาวจีนเหมือนกัน เข้ามาทำงานในเมืองไทย ผลิตสินค้าเครื่องแต่งตัวเหมือนกัน และประสบความสำเร็จในช่วงเวลาเดียวกัน ผ่านประสบการณ์ อุปสรรคมามากมาย จนวันนี้สามารถสร้างเรื่องราวความประทับใจในเส้นทางของตนและยังคงเป็นสินค้ายอดนิยมคู่คนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นทีมนักออกแบบจึงตีโจทย์ออกมาโดยมุ่งเน้นผลิตสินค้าที่ยังให้ความรู้สึกถึงความเป็นเอกลักษณ์ของทั้ง 2 แบรนด์ แต่สร้างตราสินค้าใหม่ในแบบพิเศษ ที่เน้นลายเส้นเฉพาะตัวของ “ช้างดาวและห่านคู่” ให้อยู่ร่วมกันอย่างลงตัว สร้างแนวคิดการแต่งตัวในแบบเหนือกาลเวลา เหมือนย้อนกลับไปในสมัยยุค 5 ย. ตั้งแต่ผมยาว สะพายย่าม ใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ สวมรองเท้ายาง

มาทำความรู้จัก 3 สินค้ารุ่นพิเศษ ‘ช้างดาว : ห่านคู่’ กัน

1. เสื้อห่านคู่ รุ่นช้างดาว: เสื้อยืดคอกลมห่านคู่คลาสสิก สีขาว มาพร้อมกับลายพิมพิเศษ “ช้างดาว : ห่านคู่” พร้อมระบุหมายเลขประจำเสื้อ ตั้งแต่ 00001 – 10000 ผลิตจาก ผ้า Cotton คุณภาพดี 100% ปราศจากสารระคายเคือง ใส่สบาย เนื้อผ้าบางเบา ซับเหงื่อและระบายความร้อนได้ดี ฝีเข็มละเอียด ใส่นานทนทาน มี 5 ขนาดให้เลือก M (อก 38 นิ้ว) , L (อก 40 นิ้ว) , XL (อก 42 นิ้ว) , 2XL (อก 44 นิ้ว) , 3XL (อก 46 นิ้ว)

2. รองเท้าแตะช้างดาว รุ่นห่านคู่: รองเท้าแตะหูคีบช้างดาวคลาสิก รุ่น 200 พื้นสีเขียวห่านคู่ และหูสีน้ำเงินดั้งเดิมพร้อมกับลายพิเศษ “ห่านคู่” ผลิตจากยางธรรมชาติ 100% มีความยืดหยุ่น ทนทาน สวมใส่สบายเท้า มี 5 ขนาดให้เลือก 9 (23 cm) , 9.5 (24 cm) , 10 (26 cm) , 10.5 (27 cm) , 11 (28 cm)

3. กระเป๋าย่ามช้างดาว:ห่านคู่ กระเป๋าย่ามที่ถูกออกแบบร่วมกันของช้างดาวและห่านคู่ โดยใช้ผ้าจากรองเท้านันยางและผ้าด้านในจากห่านคู่ มีช่องพิเศษสำหรับใส่เสื้อยืดและรองเท้าแตะโดยเฉพาะ เพิ่มความพิเศษให้กับภารกิจนี้อย่างลงตัว

สินค้ารุ่นพิเศษนี้ ผลิตและจำหน่ายเป็นชุด โดย 1 ชุดประกอบด้วย เสื้อยืด รองเท้าแตะ และกระเป๋าย่าม จำหน่ายราคาชุดละ 990 บาท (ไม่มีค่าจัดส่ง) สามารถสั่งซื้อได้ทาง www.Thailandpostmart.com เริ่มจำหน่ายวันที่ 29 มีนาคม 2565 ตั้งแต่เวลา 19.53 น.เป็นต้นไป บริการจัดส่งแบบ EMS และบรรจุภัณฑ์พิเศษโดยไปรษณีย์ไทย (รุ่นพิเศษเพียง10,000 ชุด)

นันยางช้างดาวและห่านคู่ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าปรากฎการณ์การรวมตัวกันของ 2 ตำนานสินค้าในครั้งนี้ จะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า และได้รับการตอบรับอย่างดีจากแฟนคลับคนไทยทั้งประเทศ โดยนันยางและห่านคู่ จะยังเดินหน้าต่อในการสร้างสิ่งใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกยุคทุกสมัย และมุ่งเน้นพัฒนาสินค้าให้ดี มีคุณภาพมาตราฐาน เพื่อที่จะได้อยู่คู่กัน เป็นตำนานสินค้าขวัญใจของคนไทยตลอดกาล

ปกปิดแนบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ SUQQU THE LIQUID FOUNDATION รองพื้นชนิดน้ำเนื้อสัมผัสระดับพรีเมี่ยม

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/679267

วันที่ 28 มี.ค. 2565 เวลา 14:55 น.ปกปิดแนบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ SUQQU THE LIQUID FOUNDATION รองพื้นชนิดน้ำเนื้อสัมผัสระดับพรีเมี่ยม

SUQQU ชวนสัมผัสรองพื้นชนิดน้ำสุดเลอค่า SUQQU THE LIQUID FOUNDATION พร้อมแต่งแต้มสีสันด้วย SUQQU 2022 SPRING COLOR COLLECTION

SUQQU จัดงานแนะนำรองพื้นชนิดน้ำด้วยเนื้อสัมผัสระดับพรีเมี่ยม SUQQU THE LIQUID FOUNDATION ผสานสกินแคร์เพื่อความชุ่มชื้นผิวและให้การปกปิดขั้นสูง แนบเนียนไปกับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ มาพร้อมกับ SUQQU 2022 SPRING COLOR COLLECTION  สีสันใหม่ในสไตล์คุณ โดยมี อัตสึชิ ซูมิโนะ ประธานกรรมการ บริษัท คาเนโบ คอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้การต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ ณ ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน

ภายในบริเวณ Beauty Hall ถูกจัดแต่งอย่างเรียบง่าย เพื่อให้แขกที่มาร่วมงานได้สัมผัสผลิตภัณฑ์อย่างใกล้ชิด โดยมีนางเอกของงานเป็นรองพื้นชนิดน้ำใหม่ SUQQU THE LIQUID FOUNDATION ที่ SUQQU ได้คิดค้นและปรับแต่งเนื้อสัมผัสด้วยเทคนิคใหม่ ทำให้ผงพิกเมนต์เป็นของเหลว (New Fluid Pigment) และผสมให้เป็นรองพื้นชนิดน้ำแบบอิมัลซิไฟเออร์ ทำให้ได้รองพื้นที่ให้ความเรียบเนียน ให้การปกปิดสูงแต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ พร้อมให้ผิวฉ่ำวาวด้วยส่วนผสมที่มอบความชุ่มชื้นเพื่อความงามจากประเทศญี่ปุ่นรวม 13 ชนิด ที่พร้อมโอบอุ้มผิวให้ดูละมุน รังสรรค์ฟินิชลุคฉ่ำวาว เข้ากับผิวของสาวไทยทุกคน พร้อมเติมเต็มสีสันไปกับ SUQQU 2022 SPRING COLOR COLLECTION คัลเลอร์คอลเลกชั่นใหม่ที่พร้อมให้ทุกคนได้แต่งแต้มความสดใสในสไตล์ที่เป็นตัวคุณเอง โดยมีไอเทมสำคัญคือ SUQQU MELTING POWDER BLUSH บรัชออนเนื้อสัมผัสแบบแป้งที่มีความชุ่มชื้นแบบใหม่ที่ใช้เทคนิค “Melting Powder Formula” ผสมผสานออยล์ชุ่มชื้นระดับพรีเมี่ยม ให้ความโปร่งแสง กลมกลืนไปกับผิวอย่างเป็นธรรมชาติและให้สีที่กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ มีให้เลือกถึง 8 เฉดสีที่เข้ากับผิว

ด้านสาวนิหน่า-สุฐิตา ปัญญายงค์ พิธีกรชื่อดัง กล่าวว่า “ก่อนอื่นต้องบอกว่าเป็นแฟนคลับของรองพื้น SUQQU มาหลายรุ่นแล้ว ส่วนรุ่นใหม่นี้ได้ลองแล้วรู้สึกว่าเบา สบายหน้า แต่ยังให้ความปกปิดอยู่ สีและเนื้อรองพื้นแนบกลืนไปกับผิว ทำให้ผิวสวยป็นธรรมชาติมาก ส่วนตัวเป็นคนผิวแห้งซึ่ง SUQQU THE LIQUID FOUNDATION สามารถอยู่บนผิวได้ทั้งวันโดยไม่ตกร่องและสีไม่เปลี่ยนเลยค่ะ”

ทราย-อินทิรา เจริญปุระ นักแสดง กล่าวว่า “ได้ลองใช้ SUQQU THE LIQUID FOUNDATION แล้วรู้สึกว่าใช้ง่ายมาก ๆ ถ้าจะให้สรุปเป็นคำง่าย ๆ เลยก็คือ User Friendly ค่ะ คือใช้กับฟองน้ำได้ แปรงได้ มือเกลี่ยก็ได้ ใช้ในปริมาณที่น้อยและไม่จำเป็นต้องมีทักษะมากก็สามารถแต่งผิวออกมาให้สวยได้ ถือว่าตอบโจทย์มาก ๆ”

ออม-ปภาพินท์ วีระภุชงค์ เซเลบริตี้ กล่าวว่า “ได้ลอง SUQQU MELTING POWDER BLUSH แล้วรู้สึกชอบมากค่ะ มีให้เลือกหลายเฉดสี ลองปัดแล้วกลมกลืนไปกับพวงแก้ม ดูเป็นธรรมชาติเหมือนมีเลือดฝาดจากภายใน”

ยูนิโคล่ คอลเลคชั่น Spring/Summer 2022

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/679179

วันที่ 27 มี.ค. 2565 เวลา 14:28 น.ยูนิโคล่ คอลเลคชั่น Spring/Summer 2022

พบสไตล์รับซัมเมอร์กับยูนิโคล่ คอลเลคชั่น Spring/Summer 2022 พร้อมร่วมค้นหาความสุขของการแต่งตัวไปกับนิทรรศการ The Joys of Clothing ที่เซ็นทรัลเวิลด์

ยูนิโคล่ แบรนด์เครื่องแต่งกายระดับโลก ชวนค้นหาความสุขของการแต่งตัวที่บ่งบอกเอกลักษณ์ พร้อมสำรวจความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างเสื้อผ้าและชีวิตของเรา ผ่านไอเทมหลากหลายสไตล์ที่สามารถหยิบขึ้นมามิกซ์แอนด์แมชได้ตามโอกาสที่คุณต้องการจากยูนิโคล่ ประจำฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนปี 2022 ผ่านธีมประจำซีซันอย่าง The Joys of Clothing พร้อมนิทรรศการในชื่อเดียวกันซึ่งจัดขึ้นถึงวันที่ 27 มีนาคม 2565 ณ Central Court ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

สำหรับนิทรรศการของยูนิโคล่ในครั้งนี้ เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านธีมหลักของซีซั่น The Joys of Clothing กับการแสดงความสัมพันธ์ของคนและเสื้อผ้าในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นด้วยกิจกรรมต่างๆ ที่มีให้เลือกอย่างไม่รู้จบ พร้อมเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของฤดูที่ช่วยสร้างความสุขและรอยยิ้มได้ตลอดทั้งวัน โดยในซีซันนี้ ยูนิโคล่โฟกัสไปที่ความสุขอันเรียบง่ายในชีวิตประจำวัน เมื่อผู้คนและเสื้อผ้าบรรจบมาเจอกันผ่าน 4 ธีมย่อยได้แก่

The Joys of Skyline – สร้างนิยามการแต่งตัวใหม่สำหรับคนเมือง

เราทุกคนต่างเฝ้ารอที่จะได้ใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนๆ อีกครั้ง การได้สวมใส่เสื้อผ้าลำลองที่เรียบง่ายและดูดีทั้งในการทำงานและช่วงพักผ่อนได้กลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการใช้ชีวิตในเมือง ผู้คนต้องการเครื่องแต่งการที่โมเดิร์นทันสมัย ดูสนุกสนาน และสวมใส่ได้อย่างสบาย สปิริตของวิถีชีวิตคนเมืองจะเด่นชัดขึ้นกับลุคใหม่ในซีซันนี้

เสื้อแขนกุด สไตล์ American Sleeve เสริมบรา ทรงครอป

บราท็อปผ้าคอตตอนยอดนิยมของยูนิโคล่เสริมด้วยสไตล์ American Sleeve ที่ทำให้ช่วงไหล่ดูดีเพรียวบางช่วยให้ช่วงคอและเอวดูเรียวขึ้นชิ้นนี้จะเข้ากันได้ดีทั้งแบบมีเลเยอร์ หรือพร้อมกับกระโปรงยาว กางเกงขากว้าง และกางเกงขายาวตัวอื่นๆ

เสื้อเชิ้ต Extra Fine Cotton Broadcloth แขนยาว ลายตาราง

เสื้อเชิ้ตรับซัมเมอร์ให้คุณสามารถใส่ได้ทั้งช่วงเวลาทำงานหรือวันพักเบรค สร้างสรรค์จากเส้นใยคอตตอน 100%   ผ่านการฟอกแบบพิเศษเพื่อสร้างสัมผัสนุ่มให้ความรู้สึกสบายๆ ทรงหลวมช่วงไหล่และลำตัวที่ออกแบบให้ขยับแขน ได้ง่ายขึ้น ทรงเข้ารูปช่วงแขนและหน้าอก เย็บ 2 ชั้นเพื่อลุคลำลองพร้อมรอยย่นที่ตะเข็บตั้งแต่ปลายแขนเสื้อจนถึงวงแขน ใช้กระบวนการเย็บที่เรียกว่า “เย็บแบบม้วน” และการเย็บสองครั้งเพื่อให้ตะเข็บมีรอยย่นและให้ลุคที่ดูลำลอง ดีไซน์แบบเบสิคผสานสีสันและลวดลายที่หลากหลาย มีสไตล์ในทุกสถานการณ์ตั้งแต่แคชชวลไปจนถึงทางการ

The Joys of Landscape – เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ

การใช้เวลาว่างในกิจกรรมกลางแจ้งเป็นสิ่งสำคัญในการเติมพลังให้ร่างกายและจิตใจ คุณต้องมีเสื้อผ้าที่ใช้งานได้สำหรับการเดิน ปั่นจักรยาน และกิจกรรมอื่นๆ และไอเทมของยูนิโคล่เปี่ยมด้วยสีสันและพื้นผิวที่กลมกลืนกับทิวทัศน์ เพื่อให้คุณรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ

ที่ยูนิโคล่  ยีนส์ของเราสร้างสรรค์โดยคำนึงถึงอนาคตของโลกใบนี้ กรรมวิธีในการผลิตยีนส์ของยูนิโคล่จึงพยายามลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม โดย BlueCycle ถือเป็นการพลิกโฉมในวงการอุตสาหกรรม BlueCycle ช่วยลดปริมาณน้ำที่ใช้ในกระบวนการซักฟอกและแต่งผิวผ้ายีนส์ได้อย่างมากถึง 99%

ยูนิโคล่ขอเสนอกางเกงยีนส์เอวสูงที่ทำให้เรียวขาดูยาวขึ้น ไลน์อัพนี้ยังรวมถึงกางเกงยีนส์ทรงขาตรง อย่าง Straight High Rise Jeans หรือ เอาใจสายวินเทจด้วยทรงหลวม ดีไซน์ทรงขาสอบจนถึงข้อเท้า เพื่อลุคที่ดูโฉบเฉี่ยว อย่าง Peg Top High Rise Jeans

กางเกงยีนส์ทรงกว้างอย่าง Wide Fit Jeans ถือเป็นไอเทมอัพเดทประจำซีซั่นนี้ หรือจะเป็นกางเกงยีนส์สุดคลาสสิกอย่าง Ultra Stretch Jeans ที่ยืดหยุ่นเป็นพิเศษ มาพร้อมกับทรงขาสอบเข้ารูปที่สวมใส่ง่าย

Uniform Blue คอลเลคชันใหม่ที่ให้อารมณ์ลำลอง โดดเด่นด้วยเฉดหลากหลายของสีฟ้า ซึ่งมีทั้ง เสื้อเชิ้ตคอปก และเสื้อสเวตเตอร์       ทรงโอเวอร์ไซส์ รวมถึงเสื้อแจ็คเก็ตและกางเกงทำงานที่มีรายละเอียด ให้ลุคที่คลีนดูดีสำหรับทุกคน

The Joys of Imagination – สร้างแรงบันดาลใจให้กับความสวยงามที่ใช้งานได้จริง

ศิลปะและการออกแบบอันซับซ้อน ซึ่งกระตุ้นจินตนาการ ได้นำเสนอความคิดสำหรับการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายและ          มีความสุข สีสันสดใส ชวนมอง และความงามด้านการใช้งานของดีไซน์ที่ดี เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเสื้อผ้าที่ดูดีมีสไตล์และช่วยให้เคลื่อนไหวได้คล่องตัว อีกทั้งศิลปะยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับเสื้อผ้า เพื่อการใช้งานที่กระฉับกระเฉง

IRism

ความลับของเทคโนโลยีที่ช่วยเติมความมีชีวิตชีวาให้ผิวของคุณ ให้สัมผัสเรียบลื่น เส้นใยละเอียดพิเศษที่ช่วยดูดซับและระบายเหงื่อ เนื้อผ้าที่ให้สัมผัสนุ่มลื่น ช่วยถ่ายเทความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ความรู้สึกเย็นสบายอย่างรวดเร็ว เพิ่มความสบายในการสวมใส่ และเส้นใยชนิดพิเศษช่วยดูดซับและระงับกลิ่นไม่พึงประสงค์ตั้งแต่ต้นเหตุ มีไอเทมให้เลือกหลากหลายสำหรับผู้ชายและผู้หญิงเพื่อรองรับทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวันของทุกคน

เสื้อแจ็คเก็ตและกางเกง Ultra Light

ยูนิโคล่ได้เปิดตัว Ultra Light ซีรีส์ยอดนิยมด้วยเทคโนโลยีดรายที่แห้งเร็วสำหรับผู้ชาย ที่ครั้งนี้สร้างสรรค์ขึ้นสำหรับผู้หญิง  ด้วยแจ็กเก็ตแบบ 3  มิติพร้อมโครงสร้างเสื้อที่ช่วยสร้างความคล่องตัว ทรงเข้ารูปพอดีไหล่ พกพาสะดวก มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ สามารถใส่เดี่ยวหรือแมชเพื่อใช้งานได้หลากหลาย ดูดีทั้งชุดลำลองและชุดทำงาน

กางเกง Smart Ankle

กางเกงความยาวขาห้าส่วนทรงเนี้ยบ น้ำหนักเบา ทรงสวย และใส่สบาย ตัดเย็บจากผ้าที่ยืดได้ 2 ทิศทางเพื่อความสบาย ในทุกการเคลื่อนไหว พร้อมกระเป๋าด้านข้างเพื่อประโยชน์ใช้สอย ดีไซน์ทรงเอวหลวมยางยืดใส่สบาย ขอบเอวหุ้มด้วย ผ้าที่เข้าชุดกันเพื่อลุคที่ประณีตยิ่งขึ้น กางเกงทรงเข้ารูปขาสอบ ความยาวขาห้าส่วนผ้าคอตตอนทวิล ที่ใช้เส้นด้ายจำนวน มากเพื่อสัมผัสนุ่มเรียบ เหมาะสำหรับสไตล์แคชชวลหรือเรียบหรู

เสื้อยืด Uniqlo U AIRism คอตตอน ทรงหลวม

ไอเทมที่สร้างสรรค์และพัฒนาโดย “คริสตอฟ เลอแมร์” และทีมดีไซเนอร์ในปารีส ด้วยการออกแบบที่ทันสมัย บรรจบกับเทคโนโลยีนวัตกรรมผ้าอย่าง AIRism จนได้ผลลัพธ์ของสัมผัสเรียบลื่นสบายภายใต้ลุคแบบผ้าคอตตอน เป็นไอเทมที่ให้ทั้งความนุ่มลื่นและแห้งสบาย สวมใส่ได้ทั้งในสไตล์ลำลองและทางการ ทรงคอกลมกระชับ ที่ตอบโจทย์หลักของดีไซน์ได้เป็นอย่างดี

The Joys of Sun and Seaside – รับสัมผัสจากสายลม 

ยูนิโคล่นำเสนอเสื้อผ้าที่เรียบง่ายผ่านพื้นผิวที่เป็นธรรมชาติ สำหรับการใช้ชีวิตท่ามกลางแสงแดดฤดูร้อนหรือหลัง          พระอาทิตย์ตกดินบนชายหาด ผ้าลินินที่คลุมผิวได้อย่างนุ่มนวลและชุดเดรสที่ช่วยให้คุณรู้สึกสบายและเป็นอิสระราวกับลมริมทะเล

UV Protection

ไลน์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนไทยที่ต้องเจอแดดร้อน และรังสียูวีที่ทำร้ายผิวทุกวัน ยูนิโคล่ UV Protection คิดค้นผ่านนวัตกรรมการปกป้องแสงแดดเหมาะกับการสวมใส่ในชีวิตประจำวันของคนไทยทุกคน สามารถป้องกัน รังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วย UPF (อัตราการป้องกันรังวียูวีสำหรับเสื้อผ้าและสิ่งทอ)  ตั้งแต่ 15 ถึง 50 ยูนิโคล่ UV Cut Protection ออกแบบมาเพื่อปกป้องทุกคน ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ผ่านตัวเลือกที่หลากหลาย ตั้งแต่เสื้อฮู้ด เสื้อคาร์ดิแกน เสื้อยืด กางเกง ไปจนถึงเอสเซสเซอรี่และหมวก เพื่อป้องกันรังสียูวี ที่ครอบคลุมในทุกกิจกรรม

ลินินคอลเลคชัน

ยูนิโคล่ได้ขยายสินค้าในกลุ่มลินินเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย อาทิ เสื้อเชิ้ตผ้าลินินพรีเมียมของผู้ชาย เสื้อเชิ้ตผู้หญิงที่มาพร้อมสีสันใหม่และรูปทรงปกติ เพื่อให้สวมใส่เป็นแจ็กเก็ตตัวสั้นได้ง่าย นอกจากนี้ยูนิโคล่ยังได้เปิดตัวเสื้อ    แจ็คเก็ตที่ผสมลินินเนื้อนุ่ม สำหรับผู้หญิงแมชกันอย่างลงตัว รวมถึงชุดเดรสผ้าคอตตอนผสมลินิน พร้อมปกเสื้อสกิปเปอร์เพื่อเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลาย

กางเกงขาสั้น

ไอเทมยอดนิยมสำหรับทั้งผู้ชายและผู้หญิงในช่วงซัมเมอร์นี้ คงหนีไม่พ้นกางเกงขาสั้น ที่ซีซันนี้ยูนิโคล่ได้เตรียมกางเกง ขาสั้นหลากหลายสไตล์ไว้สำหรับทุกวันสบายๆ ของคุณ ทั้งกางเกงขาสั้นผ้าชิโน กางเกงข้าสั้นผ้าคอตตอน และกางเกง ขาสั้นผ้าเดนิมเจอร์ซี่ให้ได้รับลมเย็นตลอดทั้งซัมเมอร์

เสื้อฮู้ด AIRism UV Protection Supima cotton V-neck L/S cardigan

เสื้อแขนยาว น้ำหนักเบา เหมาะสำหรับสวมใส่ขณะอากาศร้อน ป้องกันรังสียูวีและแอร์ที่มากเกินไปจากเครื่องปรับอากาศภายในอาคาร ด้วยผ้าแอริซึ่ม (AIRism) ผ้าตาข่ายให้ความรู้สึกเย็นสบาย น้ำหนักเบา และให้ความรู้สึกสดชื่น สามารถใส่กันแดดในวันที่มีกิจกรรมเอ้าท์ดอร์ที่ต้องการการปกป้องเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับแมชกับกางเกงเลกกิ้งและชุดกีฬาอื่นๆ เพื่อสไตล์ที่ดูแอคทีฟยิ่งขึ้น

พร้อมกันนี้ ยูนิโคล่ยังเชิญชวนค้นหาความหมายของ The Joys of Clothing  ผ่านนิตยสาร LifeWear magazine ฉบับที่ 6 ประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อนปี 2022 โดยนิตยสาร LifeWear magazine เป็นนิตยสารแจกฟรี ที่พูดถึงปรัญชาไลฟ์แวร์ของยูนิโคล่ในการช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตประจำวันของทุกคนให้ดีขึ้นและสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยธีมของเล่มนี้คือ “The Joys of Clothing” ที่พูดถึงความสนุกของการแต่งตัว นำเสนอความสุขที่เรียบง่ายจากการสวมใส่เสื้อผ้า พร้อมพูดถึงความสัมพันธ์เชิงบวกของผู้คนและเสื้อผ้า ถ่ายทอดผ่านบทสัมภาษณ์กับผู้สร้างภาพยนต์อย่าง โซเฟีย คอปโปลา และเรื่องราวแฟชั่นของคอลเลคชัน UNIQLO and JW ANDERSON ที่นำเสนอผ่านเลนส์จากนิตยสาร frankie จากประเทศออสเตรเลีย หรือดาวน์โหลดยูนิโคล่ แอพพลิเคชันเพื่อรับข้อมูลล่าสุดจากยูนิโคล่

ชวนอ่านอนาคตที่งานสัปดาห์หนังสือ @สถานีกลางบางซื่อ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/679156

วันที่ 27 มี.ค. 2565 เวลา 08:45 น.ชวนอ่านอนาคตที่งานสัปดาห์หนังสือ @สถานีกลางบางซื่อ

คนรักการอ่านต้องมา!! สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 50 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 20 ระหว่างวันนี้ – วันที่ 6 เมษายน 2565 ปักหมุดครั้งใหม่ในพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ

สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) จัดงาน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 50 และ สัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 20 พบกับบูธสำนักพิมพ์ทั้งไทยและต่างประเทศจำหน่ายหนังสือและสื่อการศึกษา กว่า 208 ราย รวมกว่า 583 บูธ การอบรมสัมมนาทางวิชาการ, นิทรรศการ และเวทีเสวนาหลากหลายหัวข้อที่น่าสนใจ บนพื้นที่กว่า 2 หมื่นตารางเมตร ระหว่างวันเสาร์ที่ 26 มีนาคม – วันพุธที่ 6 เมษายน 2565 เวลา 10.00 – 21.00 น. ณ สถานีกลางบางซื่อ (วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม เปิดให้เข้างานเวลา 17.00 น.)

นางสาวทิพย์สุดา สินชวาลวัฒน์ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) กล่าวว่า “งานสัปดาห์หนังสือฯ จัดขึ้นเพื่อรณรงค์ส่งเสริมให้คนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเด็ก เยาวชน ตลอดจนผู้ใหญ่เห็นความสำคัญของการอ่าน และยังเปิดโอกาสให้สำนักพิมพ์ในประเทศไทยเกิดความตื่นตัวปรับปรุงพัฒนาการการผลิตหนังสือให้มีคุณภาพ มีความหลากหลายเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านในหลายๆ รูปแบบตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป งานในครั้งนี้จัดภายใต้ธีม “อนาคต” ซึ่งการอ่านหนังสือเปรียบเสมือนการเดินทางที่พาเราไปสู่อนาคต และยังเป็นการปักหมุดครั้งใหม่ของงานและการอ่านในพื้นที่ใหม่คือ สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการเดินทางแห่งใหม่ของประเทศไทยในอนาคต สมาคมฯ เชื่อว่า งานหนังสือครั้งนี้จะสามารถพาทุกท่านเดินทางไปสู่อนาคตแห่งความรู้และสร้างความทรงจำที่ดีให้กับผู้ร่วมงานทุกท่านเหมือนงานหนังสือครั้งที่ผ่านมา”

สำหรับกิจกรรมที่น่าสนใจในงาน ตลอด 12 วัน นอกจากการเลือกซื้อหนังสือจากหลากหลายสำนักพิมพ์ใน 6 โซน ได้แก่ 1.โซนหนังสือเด็กและสื่อการศึกษา 2.โซนหนังสือการศึกษา 3.โซนหนังสือต่างประเทศ 4.โซนหนังสือเก่า 5.โซน Book Wonderland (หนังสือการ์ตูนและวัยรุ่น) 6.โซนหนังสือทั่วไป

ยังมีนิทรรศการที่ให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์ความรู้หลากหลายรูปแบบ อาทิ นิทรรศการ 125 ปี รถไฟไทย ที่ไล่เรียงประวัติศาสตร์การรถไฟไทยตลอด 125 ปี เชื่อมโยงกับตัวอักษร ก-ฮ ที่เป็นความหมายสำคัญของประวัติศาสตร์การรถไฟไทย, นิทรรศการหนังสือดีเด่น ประจำปี 2565 ที่จัดแสดงหนังสือดีเด่นประจำปีนี้, นิทรรศการก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 รางวัลพานแว่นฟ้า วรรณกรรมการเมืองเพื่อพัฒนาประชาธิปไตย, นิทรรศการหนังสือพระราชนิพนธ์ ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี แสดงถึงพระอัจฉริยภาพด้านการประพันธ์ และการแปล อันเป็นเสน่ห์แห่งวรรณกรรม, นิทรรศการปกหนังสือสวยสร้างสรรค์ ครั้งที่ 4, นิทรรศการ 60 ปี ประพันธ์สาส์นและลานกิจกรรม 60 ปีประพันธ์สาส์น ฉลอง 60 ปีสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น ภายใต้แนวคิดหยั่งราก ต่อยอด สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และกิจกรรมเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้และการซื้อ-ขายลิขสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญา, เทศกาลศิลปะแห่งกรุงเทพ ครั้งที่ 7 (The 7th Bangkok Art Festival : BAF 7) เป็นต้น เวทีเสวนา จากสำนักพิมพ์ สมาคม และสมาพันธ์ต่างๆ ที่หยิบยกประเด็นที่น่าสนใจมาตั้งหัวข้อเสวนาโดยวิทยากรที่มีชื่อเสียง อาทิ การเปิดตัวหนังสือเซเปียนส์ ฉบับกราฟฟิก เล่ม 1-2 สุนทรียภาพในลีลาเอดูเทนเมนต์ของเซเปียนส์กราฟิก โดย ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์, คุณทิววัฒน์ ภัทรกุลวณิชย์ (คอลัมนิสต์การ์ตูนบางกอกโพสต์), คุณพรเทพ เฮง (ผู้ดำเนินรายการ), เปิดตัวแอปห้องสมุดดิจิทัลโฉมใหม่ TK Read โดย TK PARK และเสวนาหัวข้อ “ห้องสมุดดิจิทัล ตอบโจทย์นักอ่านยุคนี้ได้จริงหรือ?” โดย นายกิตติรัตน์ ปิติพานิช ผู้อำนวยการสถาบันอุทยานการเรียนรู้ (TK Park), และ นายพัฒนา พิลึกฤาเดช ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไฮเท็คซ์ อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด, เสวนา Reimagine Bookstores ร้านหนังสือที่มีหัวใจ โดย ดร.กฤตินี พงษ์ธนเลิศ (เกตุวดี Marumura), ก้อง – ทรงกลด บางยี่ขัน, หนุ่ม – โตมร ศุขปรีชา

ในปีนี้ กิจกรรมโครงการ ๑ อ่าน ล้านตื่น โดยสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมค้นหาและคัดเลือก “บุคคลต้นแบบส่งเสริมการอ่าน” เพื่อยกย่องและให้กำลังใจผู้ที่ทำกิจกรรมส่งเสริมการอ่านอย่างจริงจังและเสียสละ และกิจกรรมประกวด “อ่านได้ เล่าสนุก ปลุกไอเดีย” เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และปลูกฝังการอ่านให้กับเยาวชนและเสริมสร้างวัฒนธรรมการอ่านในสังคมไทย โดยในวันจันทร์ที่ 4 เมษายน 2565 เวลา 10.30-12.00 น. จะมีการมอบรางวัล และปาถกฐาพิเศษ จากศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ณ เวทีกลางภายในงาน และพิเศษสุดกับกระเป๋าที่ระลึก ออกแบบลายโดย “มุนิน” เป็นของตอบแทนผู้ที่สนับสนุนโครงการฯ ราคา 200 บาทขึ้นไป ที่บูธ B91 เท่านั้น

นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกของงานสัปดาห์หนังสือในประเทศไทยที่เปิดโอกาสให้เก็บ NFT หรือสินทรัพย์ดิจิทัลที่เป็นรูปภาพศิลปะจาก “มุนิน” ศิลปินนักวาดภาพชาวไทยชื่อดังที่มีเพียง 25,000 ชิ้น 5 แบบ พร้อมด้วยไอเท็มลับ NFT ชิ้นที่ 6 (จำนวนจำกัด) ที่มีให้กับผู้ที่สะสมครบทั้ง 5 แบบมาเลือกเก็บสะสมตลอด 12 วันเพียงซื้อหนังสือครบ 1,000 บาทภายในงาน แล้วนำใบเสร็จมาแลก NFT ได้ที่บูธกิจกรรม NFT หมายเลขบูธ B94

การจัดงานในครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้มาตรการการควบคุมโควิด-19 มีการตรวจวัดอุณหภูมิผู้ร่วมงานก่อนเข้างาน และให้บริการแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือครอบคลุมทั่วงาน และมีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อทั่วบริเวณงานทุกวันหลังเลิกงาน

ไปอ่านอนาคตกันที่งาน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 50 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 20 ณ สถานีกลางบางซื่อ ระหว่างวันเสาร์ที่ 26 มีนาคม – วันพุธที่ 6 เมษายน 2565 เวลา 10.00 – 21.00 น. (วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม เปิดให้เข้างานเวลา 17.00-21.00 น.) ติดตามรายละเอียดตารางกิจกรรมต่างๆ แผนผังบูธ โปรโมชั่นและหนังสือใหม่จากสำนักพิมพ์ ฯลฯ ได้ที่ Facebook https://www.facebook.com/bookthai หรือ Website https://thailandbookfair.com/

#สัปดาห์หนังสือ2565

#อ่านอนาคต

#NationalBookFair50

#BKKBookFair20

#งานหนังสือที่บางซื่อ

7 สัมผัสนวัตกรรมหมอนไฮบริด ตัวช่วยให้การนอนหลับยากเป็นเรื่องง่าย

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/679140

วันที่ 26 มี.ค. 2565 เวลา 15:05 น.7 สัมผัสนวัตกรรมหมอนไฮบริด ตัวช่วยให้การนอนหลับยากเป็นเรื่องง่าย

‘แค่เปลี่ยนหมอน ชีวิตก็เปลี่ยน’ มาร่วมเฉลิมฉลองวันนอนหลับโลก (World Sleep Day) กับ 7 เคล็ดลับจากนวัตกรรมหมอนไฮบริด ‘DREAMIA’ ที่จะช่วยให้การนอนหลับยากของคุณเป็นเรื่องจิ๊บๆ

จากตัวเลข Super Poll ที่บ่งชี้การนอนหลับของคนไทยโดยการเก็บข้อมูลจากประชาชนทั่วประเทศ (1,109  ตัวอย่าง) พบว่า 30-40% ของประชากรไทยหรือ 19 ล้านคน เผชิญปัญหานอนไม่หลับ โดยระบุสาเหตุมาจากที่รองนอน ฟูก หมอน ทำให้เกิดปัญหาการนอนมากถึง 96.5%  และปัญหาการทำงาน การเดินทาง และใช้โทรศัพท์มือถือ 45.2%

เพื่อให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการนอนหลับที่ดี และเนื่องในวาระ ‘วันนอนหลับโลก’ (World Sleep Day) 18 มีนาคมที่ผ่านมา อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ โดย คุณกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ผู้นำธุรกิจร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ภายในบ้าน ของตกแต่งบ้านครบวงจร สร้างปรากฎการณ์ครั้งสำคัญ  ร่วมกับ วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา  เปิดผลิตภัณฑ์ใหม่แบรนด์ DREAMIA หมอน 7 สัมผัส นวัตกรรมจากอเมริกา หมอนที่ทุกบ้านต้องมี ครั้งแรกในประเทศไทยกับการสร้างมิติใหม่แห่งการนอนเพื่อสุขภาพ ที่มาพร้อมกับ TRICKS การเลือกหมอน แค่เปลี่ยนหมอน ชีวิตก็เปลี่ยน แก้ทุกปัญหาในการนอนอย่างไรตามมาดูกันเลย 

หลับฝันดี…สัมผัสแรกต้องนุ่มสบาย

ทริคง่ายๆ สำหรับการเลือกหมอนสัมผัสแรก ต้องมอบความรู้สึกที่นุ่มสบาย มีความแน่นของเส้นใยไม่แบนหรือยุบหนอแล้วไม่พองหนอ  ที่สำคัญต้องรองรับทุกส่วนสรีระของร่างกายได้ดี  ควรใช้หมอนที่มีความนุ่มแน่นและไม่สูงมาก เพื่อหนุนให้ศีรษะอยู่เหนือระดับเดียวกับลำตัว ซึ่งนวัตกรรมของหมอน ‘DREAMIA’ แถมภายในบรรจุด้วยเส้นใยขนเป็ดเทียม ให้สัมผัสนุ่มสบายช่วยผ่อนคลายหลับสบายตลอดคืน  

เลือกหมอนที่ใช่…สุขภาพจะดีเอง

เพราะการนอนเป็นจุดเริ่มต้นของการมีสุขภาพที่ดี กว่าจะหาหมอนเริ่ดๆ เหมาะกับสรีระจะอ้วนหรือผอมต้องรองรับศีรษะ คอ และไหล่ได้อย่างลงตัวกับทุกท่วงท่าการนอน ซึ่งหมอน ‘DREAMIA’ ถูกออกแบบโครงสร้างแบบSOFTCELL® ที่ได้รับการจดทะเบียนสิทธิบัตร เป็นช่องเล็กๆที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อรองรับศีรษะ คอ และไหล่ได้อย่างลงตัว ช่วยลดอาการปวดต้นคอและรองรับน้ำหนักได้ดี จะตรากตำทำงานหนักแค่ไหน อาการออฟฟิศซินโดรมยังไงก็เอาอยู่

บอกลา…หน้ายับได้เลยหลังตื่นนอน

นอกจากโบ๊ะครีมทาหน้าแล้วหรือจะเลือกนอนหงาย เพื่อป้องกันหน้ายับหลังตื่นนอน การเลือกผ้าหุ้มหมอนก็สำคัญ ซึ่งหมอน ‘DREAMIA’ ถูกรังสรรค์มาด้วยผ้าจากTencel  ทำจากเซลลูโลสของเปลือกไม้ ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ให้เนื้อสัมผัสที่ละเอียด นุ่ม เรียบลื่นตลอดทั้งใบ เงางามดุจผ้าไหมให้เนื้อสัมผัสละเอียด นุ่ม ไม่ทำให้ผิวหน้าเกิดริ้วรอย  เรียกว่า ตื่นเช้ามาก็หน้าใสเด้ง ไร้รอยยับใดๆ แน่นอน

จะหลับทั้งที… หัวต้องไม่ร้อน…!!

หมอนเมมโมรี่โฟม ถูกออกแบบสำหรับคนที่รักสุขภาพอย่างแท้จริง โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการปวดเมื่อยในขณะนอนหลับและโลหิตไหลเวียนไม่ดี เพราะคุณสมบัติของเมมโมรี่โฟม ที่มีความแน่นและยืดหยุ่นสูง แต่หากนอนอยู่ท่าเดิมเป็นเวลานาน แรงกดทับจากหมอนอาจจะทำให้รู้สึกร้อนที่ศีรษะหรือมีเหงื่อท่วมกลายเป็นปัญหาหัวร้อนซะงั้น แต่ด้วยนวัตกรรมหมอน ‘DREAMIA’ ที่ถูกออกแบบรองรับการกระจายน้ำหนักของศีรษะ และช่วยปรับอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ช่วยตอบสนองการนอนหลับให้สมบรูณ์มากยิ่งขึ้น ช่วยปลุกพลังตอนเช้าพร้อมรับวันใหม่อย่างสดใส

ตัวผ้าหุ้มหมอนสำคัญ

จริงๆ แล้ว เส้นใยแต่ก็ชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างเส้นใยที่ถักถอจากธรรมชาติจะไม่  ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว มีความโปร่งสบาย ระบายอากาศได้ดี แต่หากเส้นใยสังเคราะห์ อาจก่อให้เกิดความร้อนเพราะการระบายอากาศได้น้อย นวัตกรรมของหมอน ‘DREAMIA’ เป็นผ้าเส้นใย Celliant ช่วยฟื้นฟูร่างกายและข้อกระดูกระหว่างหลับ ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นหลังตื่น โดยเส้นใยพิเศษที่มีคุณสมบัติช่วยระบบการไหลเวียนโลหิตและกล้ามเนื้อต่างๆ เพื่อให้ร่างกายกลับคืนสู่สภาพปกติได้เร็วขึ้นนั่นเอง

จะดีแค่ไหนเมื่อหมอนปรับระดับได้เอง

เพราะความต้องการหมอนแต่ละคนมีความแตกต่างกัน จะสูงหรือจะต่ำก็ปรับได้ขึ้นอยู่สไตล์ของแต่ละคน โดยหมอน‘DREAMIA’ สามารถถอดหมอนใบเล็กที่แทรกอยู่ตรงกลางด้านในออกได้ ทำให้ผู้นอนสามารถปรับระดับสูง-ต่ำของหมอนได้อย่างง่ายดาย หากต้องการความรู้สึกที่แน่นขึ้นและรองรับน้ำหนักได้ดีสามารถใช้หมอนด้านที่มีลักษณะเป็นแถวยาว Elongated SOFTCELL จะช่วยรองรับน้ำหนักของต้นคอได้ดีมากยิ่งขึ้น แต่จริงๆ แล้วหมอนที่ดีความสูงควรอยู่ 4-6 นิ้ว หากนอนหมอนเตี้ยเมื่อตื่นขึ้นมาจะเกิดอาการมึนศีรษะ หน้าและหนังตาบวม ส่วนหมอนที่สูงเกินไปส่งผลให้เลือกไหลเวียนไม่สะดวก

ซักหมอนทีไร…ปวดใจทุกที

ปัญหาปวดใจแม่บ้านกับการซักหมอนแล้วบางทีก็เป็นขุย  แต่ด้วยนวัตกรรม หมอน‘DREAMIA’ ที่ผ่านขั้นตอน Antimicrobial Silver Chloride Treatment ป้องกันแบคทีเรีย เชื้อรา กลิ่นและรอยคราบต่างๆ ทำให้รู้สึกได้ว่าหมอนสะอาดเหมือนใหม่อยู่เสมอ และไม่มีกลิ่นอับชื้น ช่วยลดอาการภูมิแพ้และผื่นคัน แม้จะผ่านการซักทำความสะอาดหลายครั้ง แถมยังโยนใส่เครื่องซักผ้าแล้วเลือกโปรแกรมถนอมผ้าเพียงเท่านี้ แล้วนำไปผึ่งให้แห้ง รับรองไม่ยับเยินแน่นอน

เมื่อได้ TRICKS และรู้ว่าหมอนไฮบริด DREAMIA นวัตกรรมจากอเมริกา ดีต่อสุขภาพหลับฝันดี ตื่นมาไม่ปวดคอ แถมช่วยฟื้นพลังชีพให้พร้อมเริ่มต้นวันใหม่อย่างสดใส ควรค่าแก่การนอนหนุนกันแล้ว สามารถช้อปได้ที่ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ หรือช้อปง่ายๆ ผ่านช่องทาง Online ที่ www.indexlivingmall.com สอบถามโทร 1379