MIDO เผยโฉม 5 สุดยอดเรือนเวลาหรู ไฮไลท์ประจำปี 2022

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/679130

วันที่ 26 มี.ค. 2565 เวลา 12:07 น.MIDO เผยโฉม 5 สุดยอดเรือนเวลาหรู ไฮไลท์ประจำปี 2022

งดงามสมการรอคอย! “มิโด” (MIDO) เผยโฉม 5 สุดยอดเรือนเวลาหรู ไฮไลท์ประจำปี 2022 ในงาน “MIDO PRODUCT NOVELTIES PRESENTATION 2022” ที่ส่งตรงให้ชมแบบเอ็กซ์คลูซีฟจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในรูปแบบออนไลน์

เผยโฉมเรือนเวลาที่ควรค่าแก่การเก็บสะสมกับ “มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ ในเครือเดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) ล่าสุดได้จัดงาน “MIDO PRODUCT NOVELTIES PRESENTATION 2022” อวดโฉมสุดยอด 5 เรือนเวลาหรู ประจำปี 2022 ซึ่งประกอบไปด้วย มัลติฟอร์ต สเกเลตัน เวอร์ติโก้ (Multifort Skeleton Vertigo), คอมมานเดอร์ โครโนกราฟ สเปเชียล เอดิชั่น (Commander Chronograph Special Edition), เรนฟลาวเวอร์ บลอสซั่ม (Rainflower Blossom), โอเชียน สตาร์ ไทเทเนียม (Ocean Star Titanium) และมัลติฟอร์ต พาวเวอร์วินด์ ลิมิเต็ด เอดิชั่น (Multifort Powerwind Limited Edition) ในรูปแบบออนไลน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ได้รับเกียรติจากประธานแบรนด์ “มิโด” (MIDO) มร.ฟรานซ์ ลินเดอร์ (Mr.Franz Linder) เป็นผู้แนะนำ 5 เรือนเวลาหรูด้วยตนเอง

“มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี นับตั้งแต่ จอร์จ แชแรน (Georges Schaeren) เริ่มก่อตั้งบริษัท MIDO G.Schaeren & Co. AG ขึ้นที่เมืองโซโลธูร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ตั้งแต่ ค.ศ. 1918 ภายใต้ปรัชญาของการสร้างสรรค์แบรนด์ให้อยู่เหนือกาลเวลาด้วยแนวคิดการออกแบบที่ร่วมสมัย ผ่านการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความหรูหรา ทนทาน และยังคงไว้ซึ่งฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบถ้วน 

สำหรับสุดยอด 5 เรือนเวลาหรูนั้นได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากความงดงามของสถาปัตยกรรมชื่อดังระดับโลก ที่ยังคงคอนเซ็ปต์การดีไซน์ตามแบบฉบับของ “มิโด” (MIDO) ซึ่งโดดเด่นในด้านนวัตกรรม ฟังก์ชันการทำงาน และความงาดงามเหนือกาลเวลา โดยทั้ง 5 รุ่นนี้จะทยอยเปิดตัวให้เหล่าคนรักนาฬิกาได้ยลโฉมกันตลอดทั้งปี 2022 เริ่มจาก “มัลติฟอร์ต สเกเลตัน เวอร์ติโก้” (Multifort Skeleton Vertigo) เรือนเวลาหรูจากตระกูล มัลติฟอร์ต (Multifort) ที่ถูกพัฒนาดีไซน์ขึ้นใหม่ด้วยหน้าปัดที่เผยให้เห็นกลไกการทำงานด้านใน ผสมผสานเอกลักษณ์อันโดดเด่นด้วยลวดลายเจนีวา สไตรป์ (Geneva Stripes) ที่ภายในบรรจุด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 80 สามารถสำรองพลังงานได้ยาวนานถึง 80 ชั่วโมง พร้อมบาลานซ์สปริงที่ทำจากนิวาครอน (Nivachron) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยในการต้านแรงแม่เหล็ก และป้องกันการกระแทกได้เป็นอย่างดี

ถัดมาที่คอลเลกชั่นที่เรียกได้ว่าเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ “มิโด” (MIDO) อย่าง คอมมานเดอร์ (Commander) ที่ปีนี้ได้สร้างสรรค์รุ่นพิเศษ “คอมมานเดอร์ โครโนกราฟ สเปเชียล เอดิชั่น” (Commander Chronograph Special Edition) ด้วยดีไซน์คลาสสิกเหนือกาลเวลากว่าที่ผ่านมา โดยการผสมผสานระหว่างความหรูหราและความสปอร์ตเอาไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัวด้วยดีไซน์ของตัวเรือนที่เป็นสีโรสโกลด์ และสายหนังแท้สีน้ำตาล ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 60 ที่มาพร้อมกับสายสำรอง และกล่องดีไซน์พิเศษเฉพาะรุ่น

ต่อมาที่ “เรนฟลาวเวอร์ บลอสซั่ม” (Rainflower Blossom) เรือนเวลารุ่นพิเศษสำหรับสุภาพสตรีจากคอลเลกชั่น เรนฟลาวเวอร์ (Rainflower) สะท้อนความงดงามชวนให้หลงใหล ที่มาพร้อมการดีไซน์ลวดลายแบบใหม่บนหน้าปัดที่มีความโค้งมนอ่อนช้อย เฉกเช่นความงดงามของดอกไม้ ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นอย่างปราณีตบรรจง ถ่ายทอดความหรูหราให้กับเหล่าสุภาพสตรีโดยเฉพาะ พร้อมกลไกคาลิเบอร์ 80 ที่สามารถสำรองพลังงานได้นาน 80 ชั่วโมง และบาลานซ์สปริงนิวาครอน (Nivachron)

ถัดมาที่นาฬิกาจากตระกูล โอเชี่ยน สตาร์ (Ocean Star) กับรุ่น “โอเชียน สตาร์ ไทเทเนียม” (Ocean Star Titanium) ที่ทางทีมดีไซน์ได้หยิบยกลวดลายอันเป็นเอกลัษณ์อย่างลายเส้นรูปทรงคลื่นมาดัดแปลงผสมผสานให้เข้ากับหน้าปัดสีดำบนตัวเรือนไทเทเนียม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงดีไซน์อันแข็งแกร่งที่ผสานความคลาสสิกเหนือกาลเวลาเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ โดยมาพร้อมฟังก์ชันของนาฬิกาดำน้ำประสิทธิภาพสูงพิเศษด้านความแม่นยำ และเที่ยงตรงพร้อมที่สามารถดำน้ำลึกได้ในระดับ 200 เมตร ขับเคลื่อนด้วยกลไกคาลิเบอร์ 80 ที่สามารถสำรองพลังงานได้ยาวนานถึง 80 ชั่วโมง ซึ่งทนทานในทุกสภาพแวดล้อม

และสุดท้ายกับ “มัลติฟอร์ต พาวเวอร์วินด์ ลิมิเต็ด เอดิชั่น” (Multifort Powerwind Limited Edition) เรือนเวลาหรูที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อรำลึกถึงรุ่น พาวเวอร์วินด์ (Powerwind) ที่โดดเด่นด้วยตัวกลไกการขึ้นลานอัตโนมัติ ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1954 ซึ่งมาพร้อมดีไซน์สุดคลาสสิกจากการคัดเลือกวัสดุคุณภาพเยี่ยมที่มีความทนทาน โดยเรือนรุ่นพิเศษนี้จะถูกผลิตขึ้นเพียง 1,954 เรือนทั่วโลกเท่านั้น ถือเป็นอีกหนึ่งเรือนไฮไลท์ที่ควรค่าแก่การสะสมเป็นอย่างมาก

และอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญประจำปีนี้คือการที่ “มิโด” (MIDO) ได้ประกาศต่อสัญญากับแบรนด์แอมบาสเดอร์หนุ่มชื่อดัง “คิม ซู ฮยอน” (Kim Soo-Hyun) ซูเปอร์สตาร์ระดับแถวหน้าของเกาหลีต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อเป็นตัวแทนถ่ายทอดความงดงามเหนือกาลเวลาผ่านเรือนเวลาหรูของ “มิโด” (MIDO) ให้เหล่าแฟนคลับแบรนด์ได้ติดตามกันตลอดปีนี้

นอกจากนี้ทาง “มิโด” (MIDO) ยังได้แนะนำเคล็ดลับการเก็บรักษานาฬิกาเรือนโปรดให้คงสภาพเหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลาว่า สำหรับนาฬิกาที่เป็นลายเหล็ก หรือสายโลหะ ควรถอดสายออกมาเพื่อทำความสะอาดแยก โดยใช้แปรงขนนุ่มพิเศษขัดไปที่บริเวณตัวสายเพื่อกำจัดฝุ่นที่ติดอยู่ตามซอก แต่หากเป็นสายที่ทำจากหนัง ควรระวังไม่ให้โดนน้ำ หรือเหงื่อมากเกินไป เพราะอาจก่อให้เกิดเชื้อราจากการอับชื้น และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ ซึ่งส่งผลให้หนังเสื่อมสภาพ หรือเปลี่ยนสีได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นการทำความสะอาดสายหนังนั้นสามารถทำได้โดยการใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำบิดให้หมาด และเช็ดไปที่บริเวณสายเบาๆ ส่วนบริเวณหน้าปัดนาฬิกา สามารถใช้ผ้าสะอาดเนื้อนิ่ม ไม่มีขุย ชุบน้ำหมาดๆ และเช็ดบริเวณหน้าปัด และด้านหลังให้ทั่วอย่างเบามือ เพื่อขจัดคราบเหงื่อ หรือน้ำมันที่เกาะติดอยู่ ให้สะอาด และเงางาม เพียงเท่านี้ก็สามารถเก็บรักษานาฬิกาให้คงสภาพเหมือนใหม่ และสวยงามอยู่เสมอได้

เตรียมพบกับ 5 เรือนเวลาสุดพิเศษแห่งปี 2022 จากเรือนเวลาสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์แบรนด์ “มิโด” (MIDO) นาฬิกาดีไซน์หรูคุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss made ได้ที่เคาน์เตอร์ “มิโด” (MIDO) เซ็นทรัล, โรบินสัน, เดอะมอลล์ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือสั่งผ่านทางออนไลน์ MIDO Official Store ใน Shopee และ Lazada และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติ่มได้ที่เว็บไซต์  www.midowatches.com, LINE Official Account: @midothailand หรือติดต่อได้ที่เบอร์ 02-610-0299

เปิดมุมมองธรรมะแบบคนรุ่นใหม่ กับว่าที่ร้อยเอก ณัฏฐกิตติ์ ชัยเฉลิมมงคล

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/678977

วันที่ 24 มี.ค. 2565 เวลา 11:55 น.เปิดมุมมองธรรมะแบบคนรุ่นใหม่ กับว่าที่ร้อยเอก ณัฏฐกิตติ์ ชัยเฉลิมมงคล

ส่องเส้นทางธรรมของเยาวรุ่นยุคใหม่ เขาเรียกผมว่า “Buddhist-Hero” คุยกับ “ไวยาวัจกร” กับภารกิจเพื่อศาสนา สุวรรณภูมิ สู่พุทธภูมิ

พระพุทธศาสนาสร้างชีวิต

ผมโตมากับบ้านที่มักจะพาผมเข้าวัดทำบุญ ก็เลยผูกพันกับศาสนาพุทธมาโดยตลอด เวลาเห็นวัดสวยๆ ก็อยากเข้าไปไหว้พระประธาน อยากไปกราบหลวงพ่อ  ส่วนวัดธาตุทอง  เป็นวัดที่ผมเข้าไปตั้งแต่เด็ก คุณป้าพามาบ้าง คุณแม่พามาบ้าง ผมก็เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเจ้าอาวาสมาตั้งแต่ท่านยังไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส ตอนนั้นรู้แค่ว่าต้องมาวัด ต้องมาทำบุญกับหลวงพ่อชุบ (หลวงพ่อชุบ พระราชวรญาณโสภณ เจ้าอาวาสวัดธาตุทอง) คนส่วนใหญ่โตแล้วก็จะบวชตามประเพณี แต่ของผมด้วยเหตุการณ์หลายๆ อย่าง  พอจบแล้วก็เลยต้องทำงานเลย ตอนแรกได้ทุนฝึกงานที่มองโกเลีย เพราะผมไม่รู้จักประเทศมองโกเลียเลยอยากไป  พอไปฝึกงาน ถือเป็นความโดดเด่นของรุ่น ท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยเลยขอคุย บอกให้ผมไปเรียนต่อจนจบปริญญาเอกแล้วกลับมาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยอีกครั้ง

ซึ่งตอนนั้นปริญญาตรีผมเรียน วิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัย นอร์ท กรุงเทพฯ ไปฝึกงานที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งชาติมองโกเลีย โดยเขาได้เทคโนโลยีต่างๆ จากเยอรมันและรัสเซีย เขาเลยมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าเรา  (จบมาปี 42) กลับมาผมก็ทำโปรเจคต์จบ ซึ่งเป็นการฝังอุปกรณ์ตัวหนึ่งเข้าไป สมมุติขับผ่านวัดธาตุทอง มันก็จะมีเสียงบอกว่า วัดธาตุทอง จริงๆ แล้วมันก็คือ ระบบ จีพีเอส (ระบบแสดงผลนำทางผ่านดาวเทียม) ตอนส่งโปรเจคต์จบ เนคเทค เรียกคุย เพื่อที่จะพัฒนาต่อยอดระบบนี้ ในขณะที่ทางมหาวิทยาลัย ก็มอบทุนเรียนต่อให้จนจบปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัยอิลินอยด์ สเตท  เพื่อที่จะให้กลับมาเป็นอาจารย์ที่นี่ บวกลบคูณหารต้องใช้เวลากว่า 15 ปีถึงจะคืนทุน และตอนที่ผมทำงานอยู่ 1 เทอม ผมไม่มีอิสระในชีวิตเลย ผมเดินลงมาเพื่อที่จะขับรถไปซื้อหมากฝรั่งกิน พอขับรถออกไป ฝ่ายบุคคลก็โทรมาทันที แล้วบอกว่า ระหว่างทำงานห้ามขับรถออกข้างนอกนะคะ ผมอึดอัดมาก และรู้สึกว่าถ้าอยู่ในวงการวิชาการ น่าจะแคบ ระหว่างนั้นคือจุดเปลี่ยนของชีวิต อาทิตย์ถัดไปต้องเซ็นสัญญาเพื่อเรียนต่อ แต่สุดท้ายผมก็ทิ้งทุนนั้นไป เพราะมีนักการเมืองมาทาบทามให้ไปช่วยงาน ในตำแหน่ง ผู้ช่วยดำเนินงานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทำงานทางการเมืองเหนื่อยแต่สนุก  มันทำอะไรก็ได้ มันคือความท้าทายใหม่ ๆ แต่ก็อยู่ได้แป๊บเดียว เพราะว่าสุดท้ายก็มีแอคซิเดนทางการเมือง การเมืองก็ล่มสลายไป 

ว่าที่ร้อยเอก ณัฏฐกิตติ์ ชัยเฉลิมมงคล

มีทางเลือกหลายทางแต่สุดท้ายก็เลือกทางธรรมเพราะอะไร?

ถึงจุดหนึ่ง คนเราอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ทำอะไรตามตัวเอง ทำตามความฝัน บางคนเปิดร้านกาแฟ บางคนเปิดร้านอาหาร ผมไปชอบดื่มเบียร์ก็เลยตามฝันไปเปิดร้านอาหาร และมีขายเบียร์อย่างที่เราชอบ ก็ขายดี แต่พอมีรัฐประหารทำให้มีกฎระเบียบมาก ผู้บริโภคก็น้อยลง และด้วยความที่เป็นคนไปซื้อของเอง ทำให้ผมไม่มีอิสระในชีวิต ก็ทำไปเรื่อย ๆ จนมาช่วงที่ ในหลวงเสด็จสวรรคต ช่วงนั้นเป็นช่วงที่กลับมาเข้าวัด ทำบุญ และมีการพูดคุยกับหลวงพ่อ  หลวงพ่อก็บอกว่าวัดอย่างไรก็ห้ามทิ้ง ช่วงนั้นก็ติดๆ ขัดๆ เรียกได้ว่า เส้นทางทางโลกไม่สะดวก แต่พอประสานงานทางธรรม โล่งไปหมด ก็เลยคิดว่าเราอาจจะเกิดมาเพื่อทำงานให้พระพุทธศาสนา  หลังจากที่หลวงพ่อบอกมาว่าให้ช่วยงานวัดเถอะ  ผมก็ตัดสินใจขายกิจการทั้งหมด ได้เงินมาก้อนหนึ่ง อยู่กับเงินก้อนนี้สักพักใหญ่ กระทั่งได้ไปอินเดีย ผมก็เลยตั้งใจว่าทำอะไรก็ตามที่มีความสุข ไม่เดือดร้อนคนอื่น มีเงินมีอะไรใช้ ไม่หวือหวา ตอนนี้ก็ผ่านมา 6 ปีแล้วก็มีความสุขดี

ธรรมะกับคนรุ่นใหม่ ธรรมะล่มสลาย ความคลาสสิคของหลักธรรมคำสอน

ผมได้เรียนรู้ในสิ่งที่น้อยคนจะได้เรียนรู้ คือบทเรียนการล่มสลายของศาสนาในประเทศอินเดีย ถามว่าศาสนาที่เจริญรุ่งเรืองมากๆ ทำไมถึงล่มสลายไป มันเกิดจากการล่าอาณาจักรโดยชนชาติศาสนาอื่น จนศาสนาพุทธได้เสื่อมสลายหายไปจากประเทศอันเป็นต้นกำเนิด

ประเด็นที่สองคือยุคหลังของศาสนาพุทธในอินเดีย  พระภิกษุเริ่มกลับมาค้นหาตัวเองมากขึ้น มุ่งนิพพาน ทั้งที่พระพุทธองค์ได้ทรงประทานปัจฉิมโอวาทว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลายอันว่าสังขารทั้งหลายย่อมมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ของตนและประโยชน์ของผู้อื่นให้ บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด” หลักการนี้ยุคสุดท้ายของอินเดีย ไม่ได้ถูกใช้ เหล่านักบวชเริ่มมุ่งเน้นเรื่องนิพพาน  ปิดช่องทางการเผยแพร่พระพุทธศาสนา ทำให้ศาสนาเล็กลง ๆ  เรื่อยๆ อีกอย่างหนึ่งคือการรับเอาศาสนาอื่นมาผสมกับศาสนาพุทธ เกิด ตันตระวัชรญาณ (คือมุ่งเน้นอย่างอื่นด้วยไม่ใช่แค่หลักธรรม) ขึ้นมา ซึ่งมีอะไรหลายๆ อย่างมามิกซ์กัน แต่เราไม่ได้อยู่ในยุคสมัยนั้น เราก็เลยไม่รู้ แต่นั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้สุดท้าย ศาสนาพุทธล่มสลายลง ซึ่งผมมองว่าถ้าวันนี้ไม่มีการเผยแพร่ศาสนาออกไป ต่อไปมันก็จะน้อยลงๆ และเสื่อมสลายไปในที่สุด

ตอนนี้กำลังจะถึงจุดนั้น เพราะศาสนามันน้อยลง เยาวชนห่างธรรมะมากขึ้น ถามว่าธรรมะเข้าใจยาก หรือการถ่ายทอดวิชาพุทธศาสนามันน่าเบื่อมากหรือเปล่า อย่างผมตอนนั้นเรียนวิชาพระพุทธศาสนา ได้อะไรบ้าง หลับ เพราะวิชา พุทธศาสนา คือวิชาที่ง่วงนอนที่สุด การเรียนพระพุทธศาสนาไม่ใช่เรื่องสนุก หรือน่าสนใจอีกต่อไป เป็นสาเหตุที่ทำให้คนรุ่นใหม่ห่างเหินศาสนา

ทั้งที่ความคลาสสิคสุดๆ คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ สองพันหกร้อยปี สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาต่างๆ ในปัจจุบันได้หมด ถ้าไปเปิดพระไตรปิฎกมีคำตอบทั้งหมด ไปอ่านได้เลยพระพุทธเจ้าท่านได้มอบแนวทางไว้ให้หมดแล้ว และยังใช้ได้ถึงทุกวันนี้   เพียงแค่เปลี่ยนบริบท อย่างเช่น หลักอริยสัจ4 เอาเข้าจริงทุกอย่างที่เราจะแก้ไขปัญหาได้ เราสามารถใช้หลักอริยสัจสี่ไปใช้ได้หมด โดยการนำไปประยุกต์ใช้ สามารถใช้ได้หมด

เป็นไปได้ไหมว่า พุทธพาณิชย์ที่มากขึ้น ทำให้ศาสนาเสื่อมลง?

ถ้าพูดกันตามหลักการ ศาสนาพุทธในประเทศไทย ไม่ใช่ศาสนาพุทธเพียว100 เปอร์เซ็นต์ ยุคแรกของประเทศไทยไม่มีศาสนา สมัยก่อนเขานับถือผี ผีปู่ ผีย่า ผีบรรพชน นับถือดินฟ้าอากาศ ยุคต่อมาของสุวรรณภูมิ ก็คือซึมซับเอาฮินดูเข้ามา  อินดูคือเทพเจ้า พระพรหม พระศิวะ พระนารายณ์ การปกครองก็เป็นแบบให้องค์กษัตริย์คือองค์สมมติเทพ ที่เรียกกษัตริย์พระรามาธิบดีที่ 1  ก็คือ พระราม นั่นเอง ต่อมาศาสนาพุทธก็ได้แผ่กระจายเข้าสู่ดินแดนสุวรรณภูมิ ซึ่งสุดท้ายทั้ง 3 ความเชื่อก็ถูกเบรนด์ ผสมรวมกันเป็นวิถีพุทธแบบที่ไม่เหมือนใคร คือปนกันไปหมด กลายเป็นว่า วันนี้ในบ้านชาวพุทธ ก็จะมี 2 ศาลคือ ศาลพระภูมิ เป็นศาสนาอินดู มีศาลตายาย ซึ่งป็นความเชื่อศาสนาผี

ส่วนคำว่าพุทธพาณิชย์นั้น ถ้าหมายถึงเหล่าบรรดาวัตถุมงคลนั้น ส่วนตัวผมมองว่าสิ่งเหล่านี้คืองานศิลปะ เป็นพุทธศิลป์ ที่บอกเล่าเรื่องราว วิถี วัฒนธรรม ของแต่ละยุคแต่ละสมัย บ้างก็สะสมเก็บเพราะความเพื่อในพุทธคุณความศักดิ์สิทธิ์ หรือเพื่อรำลึกถึงคุณครูบาอาจารย์ และมีแม้กระทั่งที่ทำเป็นธุรกิจเป็นเรื่องเป็นราว เรื่องนี้มีหลายมุมมอง อยู่ที่เราจะมองด้านไหนมากกว่าครับ

การได้รับรางวัล “ผู้นำโลกรุ่นใหม่ สาขาสันติภาพ” ที่เนปาล

หลังจากที่ผมเปิดตัวว่าเป็นนักเคลื่อนไหวกิจกรรมทางพุทธศาสนา คือคำว่า นักกิจกรรมทางพุทธศาสนา นั้นมันกว้างมากเพราะรวมถึงการเคลื่อนไหว การฟื้นฟู กิจกรรมเกี่ยวกับพุทธศาสนาทั้งหมดโดยไม่มีวาระแอบแฝงนั่นคืองานที่ผมอยากทำ แต่ต้องทำด้วยการเต็มใจ อย่างเช่นไปทำกิจกรรมที่อินเดีย ทางอินเดียก็ต้องเต็มใจ ไม่ใช่เป็นการยัดเยียด หรือไปหลอกใคร ไม่อย่างนั้นผมคงไม่รู้สึกแฮปปี้   ซึ่งคนอินเดียเขาต้องรู้สึกแฮปปี้  เขาต้องได้ประโยชน์และอยากให้เรากลับไปทำอีก ตอนหลังกลับมา คนอินเดียก็เรียกร้องให้ผมไปทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาอีก  มีพระองค์หนึ่งในอินเดียถามว่า ณัฏฐกิตติ์เป็นใคร มีคนตอบว่าณัฏฐกิตติ์ คือฮีโร่ของพวกเรา เขาเรียกว่าผมเป็น Buddhist-Hero  ซึ่งผมไม่ได้คาดหวังว่าจะมีคนตอบแบบนี้ แต่คนไทยที่ไปกับผมกลับมาพูดต่อว่าณัฏฐกิตติ์ เป็นฮีโร่ของชาวพุทธในอินเดียเลยนะ ซึ่งมันก็เป็นความรู้สึกลึกๆ ที่เราภูมิใจ

นั่นเป็นจุดเริ่มต้น แต่ต่อมาซึ่งผมเชื่อว่าเป็นสาเหตุ คือ โดยปกติเวลาทำกิจกรรมอะไรผมก็จะโพสต์ไปเรื่อยๆ ก็ทำให้มีเครือข่ายคนพุทธมากขึ้นทั้งเมืองไทย เนปาล ศรีลังกา ฯลฯ  ซึ่งเครือข่ายเหล่านี้ก็จะรู้จักกัน จนมันเชื่อมโยงไปกับสภาเยาวชนโลก ซึ่งที่เนปาลเขาก็จัดฟอรัมนี้ขึ้นมา เกี่ยวกับการประชุมผู้นำรุ่นใหม่ โดยให้แต่ละประเทศส่งรายชื่อไป ซึ่งก็จะมีหลายคน ปรากฎว่าตัวแทนจากประเทศไทย เพื่อนผมบอกว่า ไอเห็นยูเด่นมาก มันก็แล้วแต่ยูว่าจะอยู่หัวข้อไหน ซึ่งผมก็เป็นหัวข้อ สันติภาพ ศาสนาพุทธคือศาสนาของสันติ ปรากฎว่าก็ได้รับเลือกมา

มิตรสหายเครือข่ายสหายธรรมในประเทศไทย มันเริ่มต้นอย่างไร?

จริงๆ ผมมีความผูกพันกับศาสนาพุทธมาตั้งแต่เด็ก ผมเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อ พระเดชพระคุณท่านเจ้าอาวาสตั้งแต่เด็ก  ตอนหลังผมก็หันมาทำธุรกิจส่วนตัว พอพักจากงานธุรกิจส่วนตัว ผมก็ไปเรียนต่อปริญญาโททางด้านพุทธศาสนา(วิชาสันติศึกษา) และด้วยความที่เราชอบทำกิจกรรมทางด้านศาสนาพุทธอยู่แล้ว ประกอบกับการมาเรียนปริญญาโท ต่อด้วยปริญญาเอกที่ มจร. ตรงนี้   ทำให้เรามีเครือข่ายคนที่ใจบุญ เกี่ยวข้องเยอะ ทั้งพระและฆราวาส  ทำให้เกิดความเชื่อมโยงกัน ระหว่างเครือข่ายเรา ซึ่งเครือข่ายค่อนข้างใหญ่ และก่อนที่ผมจะเรียนทางด้านพุทธศาสนา ผมก็เป็นคนที่ชอบทำกิจกรรมอยู่แล้ว ประกอบกับก่อนที่ตัดสินใจเรียนปริญญาโทไม่นาน ผมก็ได้รู้จัก พระอโสโกภิกฺขุ (กากัน มาลิค) จึงได้เข้าไปสัมผัสพุทธศาสนาที่ไม่ใช่พุทธศาสนาในเมืองไทย ไปดูวิถีของคนอินเดีย

ได้รับการขนามนามให้เป็น Buddhist-Hero  ?

เริ่มแรกผมไปกับกากัน ที่อินเดียก็จะเริ่มจำผมได้ ว่า กัปตันณัฏฐกิตติ์ อยู่ประเทศไทย เป็นชาวพุทธที่เลื่อมใสในศาสนาพุทธมาก แต่ผมไม่ได้คาดหวังเรื่องเกียรติยศชื่อเสียง เราแค่รู้สึกว่าเราเป็นนักกิจกรรมมาโดยตลอด อย่างพระท่านอยากได้ผ้าไตรจีวรเพื่อนำไปบรรพชาสามเณรสัก 100 ชุด  กลับมาเมืองไทยเราก็เป็นสะพานบุญคุยกับเพื่อนที่ไทยว่า  ที่อินเดียเขาจะบรรพชาเณรไม่ทราบว่าคนไทยสนใจไหม?  ปรากฎว่าในเวลาอันรวดเร็วเราสามารถรวบรวมผ้าไตรร้อยผืนได้ตามที่เขาต้องการ และเราก็สามารถส่งให้เขาได้เลย เขารู้สึกว่านี่คือสะพานบุญที่ดีมาก และนี่คือวัฒนธรรมของคนอินเดียคือมองคนต่างชาติที่เป็นคนพุทธ หลายๆ ประเทศที่เป็นพุทธ เขาสามารถขอความช่วยเหลือได้ ตอนหลังก็มีการทำพระพุทธรูปไปมอบให้เขาเป็นที่ระลึกบ้าง ครั้งแรกผมนำพระพุทธรูปนำไปมอบให้พระที่อินเดีย 200 องค์ ปรากฏว่ามันเป็นความนิยมของเขาด้วย และเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าประเทศไทย ช่วยเหลือทางศาสนาให้เขา เพราะพระพุทธรูปที่เราส่งไป เป็นพุทธศิลป์แบบไทย แจกไปสักพักคนจำภาพผมว่าผมมอบพระพุทธรูป บังเอิญมีโครงการกำลังใจขององค์ภาฯ (โครงการกำลังใจในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ) สอนให้นักโทษที่มีโทษสูง มีกิจกรรมทำ หนึ่งในนั้นคืองานปั้นพระพุทธรูปเป็นโครงการฯ ปั้นพระพุทธรูปจากนักโทษอุกฉกรรจ์ โดยมีนัยยะเพื่อช่วยขัดเกลาจิตใจพวกเขาด้วย บางคนปั้นไปน้ำตาไหลไป บางคนได้รับโทษประหารชีวิตแต่ปั้นพระพุทธรูปออกมาได้สวยงาม  ชื่อโครงการว่า “ปั้นดินให้เป็นบุญ” โดยการนำของ อาจารย์อรสม สุทธิสาคร นักเขียน และศิลปินแห่งชาติ ซึ่งนักโทษจะปั้นพระพุทธรูปขึ้นมา ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีการประกวดกันว่า พระพุทธรูปองค์ไหนที่สวยที่สุด  แล้วเอาองค์นั้นมาหล่อเพื่อที่จะให้ประชาชนร่วมบุญ ทำบุญ สร้างพระพุทธรูปองค์นี้เพื่อนำไประดิษฐานตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ บังเอิญมีรุ่นพิเศษที่ทำไว้ 51 องค์เพื่อที่จะส่งให้ดินแดนพุทธภูมิ หรือ อินเดีย ซึ่งรุ่นก่อนหน้านี้ส่งมอบให้เนปาล ซึ่ง อาจารย์ อรสม สุทธิสาคร ท่านมีที่ปรึกษาคือ พระธรรมศากยวงศ์วิสุทธิ์  ซึ่งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ผู้สืบทอดเชื้อสาย ศากยะ จากสายพระอานนท์ ท่านก็แนะนำว่าถ้าจะส่งพระพุทธรูปไปประเทศอินเดีย ไปที่ๆ เป็นชุมชนของชาวพุทธคนอินเดียจริงๆ ท่านแนะนำให้คุยกับผม อาจารย์อรสม เลยมาคุยกับผม ว่าโปรเจคต์นี้เป็นแบบนี้จะมีการส่งมอบส่วนหนึ่งไปประเทศอินเดีย

ความตั้งใจอันแรงกล้า บวกกับแนวคิดที่อยากส่งเสริมพระพุทธศาสนา นำมาสู่การตั้ง  “มูลนิธิไตรรัตนภูมิ” ซึ่งผู้สนใจ มีอุดมการณ์เดียวกัน สามารถติดตามข่าวสารและกิจกรรมของมูลนิธิฯ ได้ ผ่านช่องทาง เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/triratnabhoomi/ และที่เว็บไซต์ http://www.worldofbuddhist.com/

เปิดผลวิจัย “บิวตี้บีสต์” เทรนด์คนเจ้าสำอางยุคใหม่ไร้คำจำกัดทางเพศ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/679045

วันที่ 25 มี.ค. 2565 เวลา 10:05 น.เปิดผลวิจัย “บิวตี้บีสต์” เทรนด์คนเจ้าสำอางยุคใหม่ไร้คำจำกัดทางเพศ

เมื่อกระแส ‘Gender-Neutral’ เปลี่ยนทัศนคติความงามหนุ่มสาวยุคใหม่ ไอ-ดีเอซี แบงค็อก จับมือ เอ็มไอ กรุ๊ป เปิดผลวิจัย “บิวตี้บีสต์” เทรนด์คนเจ้าสำอางยุคใหม่ไร้ขีดจำกัดทางเพศ ชี้ชายแท้แคร์บุคลิกภาพพุ่ง ดัน “รองพื้น อายไลน์เนอร์ ดินสอเขียนคิ้ว” ขึ้นเป็นสินค้ายอดนิยม

นักการตลาดบิวตี้ต้องรู้!! เปิดช่องทางสื่อเรียกทรัพย์บรรดาคนสวยหล่อ พร้อมคอนเทนท์โกยรายได้จากขาช็อป “บิวตี้บีสต์” โดย บริษัท ไอ-ดีเอซี แบงค็อก จับมือกับ เอ็มไอ กรุ๊ป ในฐานะ Digital Marketing Agency และ Media Agency ที่ให้คำปรึกษาและช่วยวางกลยุทธ์การตลาดและการสื่อสารทางการตลาด เปิดผลการสำรวจที่น่าสนใจ พบปัจจุบันกระแส ‘gender-neutral’ หรือการไม่จำกัดเพศ ได้เปลี่ยนทัศนคติต่อหนุ่มสาวยุคใหม่ที่มีต่อความสวยความงามเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเพศชายที่หันมาให้ความสนใจการพัฒนาบุคลิกภาพ และเลือกใช้เครื่องสำอางในหลากหลายประเภท นอกจากนี้ยังเผยถึงช่องทางสื่อ และคอนเทนท์ที่มีอิทธิพลต่อกลุ่มดังกล่าวโดยแบรนด์สินค้าที่ต้องการเข้าถึงกลุ่ม Beauty Beast ต้องเน้นสิ่งสำคัญทั้งการสื่อสารเรื่องความสวยความงามที่เป็นกลางการ ชูประโยชน์ของเครื่องสำอางว่ามีส่วนช่วยพัฒนาตัวตนหรือบุคลิกภาพ การใช้สื่อออฟไลน์ในการเปิดตัวสินค้าและสร้างการจดจำสินค้าในวงกว้าง และการใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อทำคอนเทนท์และสร้างการมีส่วนร่วมอย่างสม่ำเสมอ

นางสาวสุชาดา สุภาการ Head of Digital Strategic Planning บริษัท ไอ-ดีเอซี แบงค็อก จำกัด

นางสาวสุชาดา สุภาการ Head of Digital Strategic Planning บริษัท ไอ-ดีเอซี แบงค็อก จำกัด เปิดเผยว่า ทัศนคติและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนในสังคมปัจจุบันมีวิวัฒนาการในเรื่องการใส่ใจดูแลตนเองอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานที่ขณะนี้ได้หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องภาพลักษณ์ ความสวยงาม และไลฟ์สไตล์ที่ต้องดูดีอยู่เสมอ รวมไปถึงกระแส ‘Gender-Neutral’ หรือการไม่จำกัดเพศที่ได้เปลี่ยนมุมมองของผู้บริโภคหนุ่มสาวยุคใหม่ที่มีต่อความงามซึ่งได้มองถึงสินค้าหรือบริการด้านความสวยงามว่าเป็นปัจจัยพื้นฐานในการใช้ชีวิตประจำวัน ล่าสุดจึงได้ทำความร่วมมือกับ บริษัท เอ็มไอ กรุ๊ป เพื่อทำการสำรวจทัศนคติและพฤติกรรม กลุ่ม “Beauty Beasts” หรือหนุ่มสาวยุคใหม่ที่หลงใหลในเรื่องความสวยความงาม  และต้องการปรับบุคลิกภาพของตนเองให้สมบูรณ์แบบ เพื่อช่วยให้กลุ่มนักการตลาดได้รับข้อมูล – มุมมองที่แตกต่างเกี่ยวกับความสวยความงามของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน และสามารถนำไปกำหนดกลุยทธ์ทางการตลาดได้อย่างเหมาะสม

สำหรับการศึกษาในครั้งนี้ได้ผสมผสานวิธีการวิจัยทั้งในเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ ผ่านบทสนทนาเชิงลึกเพื่อทำความเข้าใจทัศนคติ และพฤติกรรมของกลุ่ม Beauty Beasts โดยทำการศึกษา จำนวนทั้งหมด 414 คน แบ่งเป็นชาย 201 คน และ หญิง 213 คน โดยกลุ่ม The Male Beasts  เป็นชายแท้ กลุ่มคนเมือง อายุ 16 – 30 ปี มีรายได้ครัวเรือนระดับกลางถึงระดับสูง และใช้เครื่องสำอางของผู้หญิงในการแต่งหน้าเป็นประจำอย่างน้อย 3 ชนิดและ The Female Beasts ผู้หญิงกลุ่มคนเมือง อายุ 20 – 35 ปี โดยมีรายได้ครัวเรือนระดับกลางถึงระดับสูง ที่ใช้เครื่องสำอางในการแต่งหน้าเป็นประจำและหลงใหลในวัฒนธรรมเคป๊อบ (K-Pop)

ซึ่งผลจากการศึกษาพบว่า 60% ของกลุ่ม Beauty Beasts ให้ความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่และความสุขของตนเอง (Self-focused and self-care) ก่อนที่จะให้ความสนใจกับคนรอบข้าง ความสุขของกลุ่มนี้เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวันมากกว่าการวางเป้าหมายเรื่องการประสบความสำเร็จในการเรียนหรือหน้าที่การงาน นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมโดดเด่นในเรื่องการเป็น “Trend Adapter” ที่มักจะปรับเทรนด์ให้เหมาะสมกับสไตล์และความชอบของตนเองมากกว่าการเลียนแบบจากกระแสนิยม และ 96% ยังให้ความเห็นว่า “ชอบที่จะตามเทรนด์ให้ทันและปรับให้เข้ากับสไตล์และความชอบเฉพาะตัวของแต่ละบุคคล

อีกข้อมูลที่น่าสนใจในสังคม Beauty Beasts ที่เติบโตมากับ Digital Technology และเป็น Digital Native หนุ่มสาวกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มักสร้างคอนเทนท์ในเรื่องที่แต่ละคนสนใจ ผ่านทางโซเชียลมีเดีย และหลาย ๆ คนอยากที่จะพัฒนาตนเองให้เป็น Content Creator หน้าใหม่ ซึ่งพวกเขาให้ความสำคัญในการออกแบบและสร้างสรรค์คอนเทนท์ก่อนโพสต์บนโซเชียลมีเดียเสมอ โดย 52% ของ Male Beasts และ 56% ของ Female Beasts ใช้เวลาในการแก้ไขปรับแต่ง รูปภาพ / คอนเทนท์ ก่อนโพสต์บนโซเชี่ยลมีเดีย ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่ผู้หญิงมักจะให้ความพิถีพิถันในการตกแต่งรูปภาพมากกว่าผู้ชาย และจากพฤติกรรมนี้ถือเป็นข้อมูลที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับนักการตลาดที่จะสามารถเข้าถึงกลุ่ม Beauty Beasts ได้ด้วยการสร้างกิจกรรมทางการตลาดที่โฟกัสไปที่สิ่งสนุกสนาน และการสร้างแคมเปญที่ดึงดูดให้กลุ่ม Beauty Beasts อยากทำคอนเทนท์ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์บนโซเชียลมีเดีย และเผยแพร่ไปยังผู้ใช้งานในแต่ละแพลตฟอร์ม

“การศึกษากลุ่ม Beauty Beasts ในครั้งนี้มีความน่าสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะ Male Beasts ที่ขณะนี้ให้ความสำคัญในการดูแลตนเอง รวมไปถึงการทำให้ตนเองดูดีขึ้นจากการใช้เครื่องสำอางผู้หญิง โดยบางคนสามารถพัฒนาตนเองจนเป็นผู้เชี่ยวชาญมากกว่าผู้หญิงบางกลุ่ม และยังพบว่ากลุ่ม Male Beasts เริ่มสนใจแต่งหน้าตั้งแต่วัยมัธยม ใช้เครื่องสำอางผู้หญิงแต่งหน้าโดยเฉลี่ยถึง 9.3 ชนิดอยู่เป็นประจำ โดยมากถึง 78% ใช้รองพื้น 65%ใช้อายไลน์เนอร์ และ 56% ใช้ดินสอเขียนคิ้ว นอกจากนี้ยังได้ทราบถึงความเห็นอีกว่า 78% ของ Male Beasts เห็นด้วยว่า การใช้เครื่องสำอางเพราะการดูแลลุคของตนเองเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาตนเอง ซึ่งไม่ต่างจาก 81% ของ Female Beasts ที่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว และมองว่าการใช้เครื่องสำอางคือการพัฒนาตนเองเช่นเดียวกัน สะท้อนให้เห็นว่าค่านิยมในการดูแลตนเองไม่ใช่แค่เรื่องของเพศหญิง หรือเพศใดเพศหนึ่งอีกต่อไป”

นางสาวสุชาดา กล่าวเสริมว่า จากการศึกษาข้อมูลเชิงลึกยังพบว่า สิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับนักการตลาดและแบรนด์สินค้าที่ต้องการเข้าถึงกลุ่ม Beauty Beast ต้องเน้นการสื่อสารเรื่องความสวยความงามที่เป็นกลางไม่แบ่งแยกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะผู้หญิงหรือผู้ชายเท่านั้น ชูประโยชน์ที่ได้รับนอกเหนือการจากใช้ผลิตภัณฑ์ว่าสามารถพัฒนาตัวตนหรือบุคลิกภาพของกลุ่ม Beauty Beasts ได้ อีกทั้งต้องสื่อสาร – ทำกิจกรรมทางการตลาดผ่านทาง Beauty Bloggers ทั้งหญิงและชายในช่องทางออนไลน์ต่างๆ เช่น IG Stories หรือ Tik Tok อย่างสม่ำเสมอ และสุดท้ายแบรนด์ควรมีช่องทางการขายผ่านทั้งทางจุดจำหน่ายตามห้างร้านค้า และทาง e-commerce เนื่องจากแต่ละช่องทางมีจุดเด่นในการกระตุ้นให้เกิดการซื้อที่ต่างกันคือ จุดจำหน่ายตามห้างมีบทบาทในการสร้างประสบการณ์การใช้ผลิตภัณฑ์ ในขณะที่ออนไลน์มีบทบาทในด้านการใช้โปรโมชั่นและสามารถเข้าถึงได้ทุกที่

นางสาววรินทร์ ทินประภา Chief Strategy Officer เอ็มไอ กรุ๊ป

ทางด้าน นางสาววรินทร์ ทินประภา Chief Strategy Officer เอ็มไอ กรุ๊ป ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนของช่องทางการสื่อสาร โดยในส่วนของสื่อออฟไลน์ต่อกลุ่ม Beauty Beasts พบว่า ยังมีส่วนสำคัญในการสร้างการรับรู้ ทำให้สินค้าและแบรนด์เป็นมีรู้จักและจดจำได้ดี โดยบทบาทของแต่ละช่องทางมีความแตกต่างกัน 64% ให้ความเห็นว่าสื่อทีวีช่วยให้ได้รู้จักแบรนด์หรือสินค้าใหม่ ๆ 42% เผยว่าสื่อนอกบ้าน (Out of Home) ทำให้จดจำแบรนด์หรือสินค้าต่างๆได้ดียิ่งขึ้น สื่อ ณ จุดขาย –37% เห็นด้วยว่าช่วยกระตุ้นให้ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าได้ทันที และวิทยุ  37% เห็นด้วยว่า ทำให้จดจำแบรนด์หรือสินค้าต่าง ๆ ได้ดี จึงเหมาะกับการเปิดตัวสินค้าใหม่ที่ต้องการสร้างการรับรู้และทำให้สินค้าหรือแบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง

ในส่วนบทบาทของสื่อออนไลน์ต่อกลุ่ม Beauty Beasts ก็เช่นกันโดยเฉพาะในปัจจุบัน โซเชี่ยลมีเดีย มีหลากหลายแพลตฟอร์มให้ผู้บริโภคใช้เพิ่มมากขึ้น พบว่า 75% ใช้ Facebook เป็นช่องทางให้การอัพเดตข้อมูลข่าวสาร ขณะที่ 55% ใช้ Line เพื่อติดต่อสื่อสารกับคนรอบข้างและซื้อสินค้า 55% ใช้ YouTube ในการค้นหาไอเดีย และเพื่อความบันเทิง ส่วน Facebook Messenger เป็นอีกช่องทางที่มีความน่าสนใจไม่น้อยเนื่องจากจำนวนถึง 66% มีประสบการณ์ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าทันทีผ่านช่องทางดังกล่าว ด้าน Instagram  พบว่า 44% ใช้ IG เป็นพื้นที่ในการหาแรงบันดาลใจและสร้างคอนเทนท์ของตัวเอง ขณะที่ TikTok – 51% เคยมีส่วนร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ บน TikTok และใช้ TikTok เพื่อความบันเทิง ส่วนสุดท้ายคือ Twitter ซึ่ง 59% ใช้เพื่อสื่อสาร ติดตามไอดอล หรือเซเลบริตี้ต่าง ๆ เพื่อรู้สึกใกล้ชิดกับบุคคลที่เขาชื่นชอบมากขึ้น

จากการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในครั้งนี้ ทางบริษัท ไอ-ดีเอซี แบงค็อก จับมือกับ บริษัท เอ็มไอ กรุ๊ป ได้มุ่งเน้นที่จะสร้างคอนเทนท์ที่มีความหลากหลาย และเน้นการเจาะลึกข้อมูลในมุมมองของผู้บริโภค ในสิ่งที่ผู้คนให้ความสำคัญในชีวิตประจำวัน อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://beauty-beasts.idacthailand.com/BeautyBeasts_i-dacxmi.pdf ติดตามข้อมูลข่าวสารอื่นๆได้ทาง i-dac Bangkok : https://www.facebook.com/idacbkk และ MI group : https://www.facebook.com/migroup.agency

ชวนเที่ยวงาน Siam Center x Esther Bunny Summer Party

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/678980

วันที่ 24 มี.ค. 2565 เวลา 12:08 น.ชวนเที่ยวงาน Siam Center x Esther Bunny Summer Party

สยามเซ็นเตอร์ มอบประสบการณ์ Be The First รับซัมเมอร์ ในงาน Siam Center x Esther Bunny Summer Party เริ่มแล้ววันนี้ถึง 4 พฤษภาคม 2565

สยามเซ็นเตอร์ The Ideaopolis เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ ศูนย์กลางแห่งจินตนาการไร้ขีดจำกัด ในทุกศาสตร์แห่งสุนทรี มอบประสบการณ์ Be the first ที่แตกต่างไม่เหมือนใครต้อนรับซัมเมอร์นี้ จัดงาน Siam Center x Esther Bunny Summer Party โดยร่วมกับ บริษัท แอนนิเมชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัดผู้พัฒนาตลาดและตัวแทนลิขสิทธิ์สินค้า และ บริษัท เทค ทอยส์ จำกัด พบกับคาแรคเตอร์กระต่ายสุดคิ้วท์ Esther Bunny ขวัญใจสาวเกาหลีและเอเชียจากการสร้างสรรค์โดย “เอสเธอร์ คิม” ศิลปินสาวชาวเกาหลี-อเมริกัน เอ็กซ์คลูซีฟกับ Esther Bunny Pop Up Cafe ที่แรกที่เดียว พร้อมด้วยสินค้าและกิจกรรมสุดพิเศษมากมาย ตั้งแต่วันนี้ ถึง 4 พฤษภาคม 2565 ณ เอเทรี่ยม  สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์

ซัมเมอร์นี้สุดฮอตท่ามกลางบรรยากาศโคเรียนที่รายล้อมไปด้วยกระต่ายหวานสีชมพูสุดคิ้วท์ “Esther Bunny” ขนทัพคอลเลคชั่นมาให้ช้อปมากมาย ทั้ง ตุ๊กตา หมอนอิง พวงกุญแจ กระเป๋าสตางค์ ชุดชั้นใน-บอดี้สูท หน้ากากผ้า ถุงเท้าจากซาบีน่า ซึ่งเรื่องราวของเจ้ากระต่าย Esther Bunny มีถึง 4 คาแรคเตอร์ มีบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันไป ขอแนะนำ Bow Bunny หรือ Ribbon Bunny กระต่ายสีชมพูน่ารัก ดูหรูหรา มาพร้อมโบว์ติดอยู่ที่หู ชอบแฟชั่น และวัฒนธรรม ชอบอ่านหนังสือคลาสิค และชอบไปพิพิธภัณฑ์ Rose Bunny กระต่ายที่มาพร้อมกับดอกกุหลาบในมือ มีอารมณ์อ่อนไหว ขี้อาย ชอบช่วยเหลือ แต่ขี้กังวล และไม่มั่นใจในตัวเอง เธอมักจะถือดอกกุหลาบไว้ในมือเพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับคนอื่น เพราะเธอกลัวการถูกเกลียด, Cream Bunny หรือ CoCo Bunny กระต่ายตัวสีขาว ดวงตาสีฟ้า มาพร้อมโบว์สีชมพูอ่อน ชอบช้อปปิ้ง เที่ยวคาเฟ่ ชอบอยู่กับตัวเอง ชอบทำอาหาร และสนุกกับการเล่นกล้องของเล่นยุคเก่า, Lavender Bunny กระต่ายน้อยสีม่วง ติดโบว์สีม่วง มาพร้อมกับความสดใส เหมือนดอกไม้ที่ช่วยสร้างบรรยากาศด้วยสีสันและกลิ่นหอม เธอชอบร้องเพลง ทำอาหาร เธอมีความเข้มแข็ง แต่ก็อ่อนหวานในตัวเอง

นอกจากนี้ สยามเซ็นเตอร์ยังมอบความเป็น Be the First พบกับ Esther Bunny Pop Up Cafe คาเฟ่คาแรคเตอร์แห่งแรกในประเทศไทย จัดเต็มสุดเอ็กซ์คลูซีฟ มีทั้งขนมเครื่องดื่ม สุดน่ารัก อาทิ เค้ก, โดนัท, โรล, โยเกิร์ต, บานอฟฟี่, biscoff scone รวมทั้งเมนูไอศครีม ได้แก่ Honey yogurt เป็นไอศกรีมโยเกิร์ตโฮมเมดผสมกับน้ำผึ้ง มีความหอม หวานอมเปรี้ยว, Pinky Milky ไอศครีมนมชมพู, Fresh Milk with Vanilla cookie ไอศครีมสีฟ้าชมพูพาสเทล, Strawberry Crumble ไอศครีมนม กับซอสสตรอเบอรี่ และโฮมเมดครัมเบิ้ล, lychee Rose หอมอร่อย

ไม่เพียงเท่านี้พบกับ ตู้น้ำดื่มเวนดิ้งพลัสที่เป็นทั้งมุมถ่ายรูปสุดชิคและจำหน่ายน้ำดื่มลาย Esther Bunny สีสันสดใสรับซัมเมอร์ พิเศษเมื่อซื้อน้ำดื่ม พบสติ๊กเกอร์เอสเธอร์ บันนีตามแบบที่กำหนด ลุ้นรับ พวงกุญแจ Esther Bunny Angel สุดคิ้วท์ จากประเทศเกาหลี มูลค่า 350 บาท ทันที (ของมีจำนวนจำกัด)

พร้อมพบกับ DIY Workshop ดีไอวายเสื้อยืดแขนกุดและหมวกฟรี! เพียงนำใบเสร็จช้อปครบขั้นต่ำ 1,000 บาท ในสยามเซ็นเตอร์ หรือลูกค้า ONESIAM SuperApp กดคูปองรับ 100 viz coins แลกรับ 1 สิทธิ์ สำหรับลูกค้า ONESIAM SuperApp สามารถรับส่วนลด 10% เมื่อช้อปกระเป๋าสตางค์ และพวงกุญแจ และอีก 10% สำหรับเมนูเครื่องดื่มทุกเมนู

มาพบกับความพิเศษไม่เหมือนใครได้ที่งาน Siam Center x Esther Bunny Summer Party ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม ถึง 4 พฤษภาคม 2565 ณ เอเทรี่ยม1 สยามเซ็นเตอร์ เมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์

เตรียมช้อป!! Central Midnight Sale ซิกเนเจอร์แคมเปญที่ทุกคนรอคอย

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/678936

วันที่ 23 มี.ค. 2565 เวลา 20:08 น.เตรียมช้อป!! Central Midnight Sale ซิกเนเจอร์แคมเปญที่ทุกคนรอคอย

ห้างเซ็นทรัล งัดซิกเนเจอร์แคมเปญที่ทุกคนรอคอย “Central Midnight Sale” 25 มีนาคม – 5 เมษายน อัดความสุขสร้างสีสันต้อนรับลูกค้าช่วงซัมเมอร์ พร้อมต่อยอดความสำเร็จของกลยุทธ์สุดปัง ที่ดึง Insight ลูกค้ามอบความสนุกครั้งใหม่กับ “Central Midnight Sale #GuiltyFreeFestival” ช้อปเลยเพราะไม่เคยมี #NewArrival

นักช้อปตัวจริงตาวิ้งเป็นประกายอีกครั้ง เมื่อห้างเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เดินหน้ากระตุ้นค้าปลีกไทยโตต่อเนื่องอัดแคมเปญไม่ยั้งลุยไตรมาสแรกของปี ด้วยซิกเนเจอร์แคมเปญ “Central Midnight Sale” งานเซลที่ดีที่สุดของเมืองไทยที่ครองใจนักช้อปมายาวนานกว่า 3 ทศวรรษ และในครั้งนี้ได้ทวีความสนุกให้วงการรีเทลและแฟชั่นประเทศไทย ด้วยการต่อยอดคอนเซ็ปต์สุดเก๋จากครั้งก่อน ที่ดึง Insight ของลูกค้ามาเป็นไอเดียในการครีเอทกลยุทธ์ด้านตลาด กับครั้งล่าสุดนี้มาในคอนเซ็ปต์ “GuiltyFreeFestival ช้อปเลยเพราะไม่เคยมี” #NewArrival เตรียมต้อนรับลูกค้าในช่วงซัมเมอร์ ด้วยแบรนด์ชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ จัดโปรโมชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟทั้งห้าง! สินค้าใหม่ลดสูงสุด 30% เฉพาะรุ่นลดสูงสุด 50% อาทิ Estee Lauder, La Mer, Jo Malone London, Calvin Klein Jeans, Scotch & Soda, Ray-Ban, Swarovski, Nike, Adidas, Tefal, Dyson, Sanrio ฯลฯ ครบครันทุกหมวดหมู่ พร้อมโปรโมชั่น สิทธิพิเศษ และบริการ ที่ดีและคุ้มที่สุด 

ยืนหนึ่งสมกับต้นฉบับ “มิดไนท์เซล” ตัวจริง! เริ่มช้อปได้เลยตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม –  5 เมษายน 2565 ที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา และทุกช่องทางการช้อปปิ้งของทางห้างฯ พร้อมกันนี้ ห้างเซ็นทรัล ยังคงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับมาตรการด้านสุขอนามัย ด้วยมาตรการ Central Clean & Safe เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจ และอุ่นใจได้ ปลอดภัยเสมือนอยู่บ้าน ตามมาตรการความปลอดภัยทางสาธารณสุข

นางสาวรวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยว่า “ปีนี้ห้างเซ็นทรัลครบรอบ 75 ปี ตลอดการทำธุรกิจเราเรียนรู้ลูกค้าในทุกๆ วัน เพื่อมอบสิ่งใหม่ สร้าง Demand Generation ที่ถูก personalized ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าสูงสุด เราไม่มีกรอบในการคิดงาน จึงเป็นห้างที่สร้างความแปลกใหม่ให้แก่วงการรีเทล อยู่เสมอ ซึ่ง Central Midnight Sale นับว่าเป็นอีกหนึ่งแคมเปญที่นักช้อปรัก เพราะสร้างความสุข และปรับกลยุทธ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้าตื่นเต้นอยู่เสมอ กลายเป็นซิกเนเจอร์แคมเปญสำคัญของห้างเซ็นทรัล ที่จัดต่อเนื่องมากว่า 33 ปี หรือตั้งแต่ปี 2531 นี่คือแคมเปญที่นักช้อปรอคอยในทุกไตรมาส และสำหรับ Central Midnight Sale ครั้งล่าสุดนี้ เราต่อยอดความสนุกของคอนเซ็ปต์ครั้งก่อนเป็น “GuiltyFreeFestival ช้อปเลยเพราะไม่เคยมี” #NewArrival ยกระดับกิมมิกสนุกๆ ที่แก้ปมการช้อปปิ้งให้ไม่ต้องรู้สึกผิดอีกต่อไป ด้วยการเปลี่ยนชื่อสินค้าให้รู้สึกว่ายังไม่เคยมีสินค้า เช่น Sky Heels – รองเท้าส้นสูง, Goodnight Bag – หมอน เป็นต้น และแม้คุณจะมี Sky Heels แล้ว แต่มีได้อีกเพราะชิ้นนี้เป็น New Arrival! Central Midnight Sale #GuiltyFreeFestival ช้อปเลยเพราะไม่เคยมี #NewArrival! ครั้งนี้ ถือเป็นการต้อนรับลูกค้าเข้าสู่บรรยากาศการช้อปปิ้งสุดคึกคักในช่วงซัมเมอร์ ที่ถือเป็นช่วงเวลาที่มีการจับจ่ายใช้สอยสูงที่สุดอีกช่วงของปี เนื่องจากตรงกับช่วงปิดเทอม มีวันหยุดยาวในช่วงเทศกาล และเป็นช่วงที่ลูกค้าจะออกมาอัปเดตเทรนด์ใหม่ๆ พร้อมมองหาไอเท็มคอลเลกชั่นใหม่รับซัมเมอร์ให้กับตัวเองและซื้อให้คนที่รัก เราจึงได้ผนึกกำลังกับพาร์ตเนอร์แบรนด์ชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ จัดโปรโมชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟมากมาย เราคาดว่า Central Midnight Sale ครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีเหมือนทุกครั้ง และคาดว่าจะสามารถกระตุ้น Traffic ให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในห้าง และทำยอดขายแคมเปญแตะอย่างน้อย 1,000 ล้านบาท สร้างสีสันบรรยากาศการช้อปปิ้งในช่วงไฮซีซั่นให้กลับมาคึกคักมากยิ่งขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศให้ก้าวต่อไปข้างหน้า หวังเป็นอย่างยิ่งว่าแคมเปญนี้จะสร้างความสุขและความประทับใจให้ทุกคนได้อย่างเช่นเคย”

ด้วยความพร้อมของห้างเซ็นทรัลที่เป็นห้างแรกและห้างเดียวในไทยที่เชื่อมช่องทางออฟไลน์และออนไลน์เข้าไว้ด้วยกันเป็นแพลตฟอร์มออมนิชาแนลอย่างสมบูรณ์แบบ ในทุกๆ แคมเปญของห้างเซ็นทรัลจึงมีความแข็งแกร่งรอบด้าน สร้างการเติบโตในธุรกิจค้าปลีกด้วยการเพิ่มโอกาสใหม่ๆ ในทุกช่องทางการขาย ผสานทั้งด้านเทคโนโลยีและกลยุทธ์ทางการตลาดเข้าด้วยกัน เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายในทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละท่านให้ได้มากที่สุด รวมไปถึงการใช้ช่องทาง โซเชียลมีเดีย ดารา และอินฟลูเอ็นเซอร์ เพื่อสร้างการรับรู้ โปรโมตแคมเปญในวงกว้าง ซึ่งครั้งนี้ แฟนคลับ หยิ่น-อานันท์ และวอร์-วนรัตน์ ห้ามพลาด! ชมไลฟ์ความสนุก กับตอน #คืนนี้ไม่หวั่นช้อปเซ็นทรัลกับหยิ่นวอร์ ในวันที่ 25 มีนาคม 2565 เวลา 21.00 น. – 22.30 น. รับชมผ่านทาง YouTube, Facebook และ Twitter ของ CentralDepartmentStore  และยังมีไฮไลต์พิเศษกับการเปิดตัวหนังโฆษณาตัวใหม่เป็นภาคต่อจากคอนเซ็ปต์ “GuiltyFreeFestival ช้อปเลยเพราะไม่เคยมี” สร้างสีสันและรอยยิ้มให้ทุกคนได้รู้สึกเอ็นจอยและเข้าถึงความสนุกในครั้งนี้ ซึ่งรับชมทาง YouTube : https://www.youtube.com/watch?v=v74Fyu5XXCU และ https://www.facebook.com/CentralDepartmentStore/

พบกับกิจกรรมและรับโปรโมชั่นสุดพิเศษได้ทุกช่องทางการช้อปปิ้งของทางห้างฯ ไม่ว่าจะมาช้อปหน้าร้าน ที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขาใกล้บ้านคุณ หรือช้อปผ่านทางแพลตฟอร์มออมนิชาแนล ดังนี้ Central App, เว็บไซต์ www.central.co.th , Central Chat & Shop, Central Call & Shop, Personal Shopper On Demand โทร.1425 หรือช้อปผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ และอินบ็อกซ์เพจหลักของห้างที่ คลิก https://www.facebook.com/CentralDepartmentStore/ อาทิ 

– สินค้าแบรนด์ชั้นนำสุดฮอต ลดทั้งห้าง! ทุกชั้น ทุกแผนก! สินค้าคอลเลกชั่นใหม่ (New Arrival)  ลดสูงสุด 30% เฉพาะรุ่นลดสูงสุด 50%

– ใช้คะแนนลดเพิ่มและรับเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 34%

– รับคูปองแทนเงินสด หรือ E-Coupon และเครดิตเงินคืนสูงสุด 21% เมื่อช้อปครบตามเงื่อนไข 

– รับคูปองส่วนลด 150 บาท  เมื่อแลกคะแนน The1 1,000 คะแนน ผ่านแอปพลิเคชั่นเดอะวัน        

– ลูกค้าเอไอเอส ใช้ 100 พอยต์ แลกรับบัตรของขวัญเซ็นทรัล 100 บาท (จำนวนจำกัด 5,000 สิทธิ์ตลอดรายการ)

– ลูกค้า Mastercard รับบัตรของขวัญเซ็นทรัล 1,000 บาท เมื่อช้อป 20,000 บาทขึ้นไปต่อเซล สลิป (จำกัด 1 สิทธิ์ต่อท่าน / จำนวน 500 สิทธิ์ตลอดรายการ)

– ลูกค้า Dolfin รับคูปองส่วนลด 100 บาท เมื่อช้อปครบ 1,500 บาทขึ้นไปต่อเซลล์สลิป (จำกัด 1 สิทธิ์ต่อท่าน) และเมื่อช้อปครบทุก 25 บาท รับคะแนน The 1 point X2

– รับสิทธิพิเศษเพิ่มจากบัตรเครดิตชั้นนำ

พลาดไม่ได้! กับ “Midnight Market” รวบรวมไอเท็มสุดฮอตภายในห้างมาให้ลูกค้าได้เลือกช้อปในบรรยากาศสุดชิคตอบโจทย์ลูกค้าให้ช้อปสะดวก เป็น One Stop Shopping Point พบกันที่ห้างเซ็นทรัล 7 สาขา ได้แก่ ชิดลม, ลาดพร้าว, เซ็นทรัล @ เซ็นทรัลเวิลด์, ปิ่นเกล้า, บางนา, อีสต์วิลล์ และเวสต์เกต

และเตรียมสนุกกับกิจกรรม KitchenAid Midnight sale พบกับ เชฟบอย The Michelin Guide จากร้านอาหาร เสน่ห์จันทร์ ที่จะมารังสรรค์เมนูสุดพิเศษให้ทุกท่านที่แวะมาสนุกที่ KitchenAid กับ เมนู Basque cheesecake ในวันที่ 26 มีนาคม 2565 เวลา 14.00-15.00 น. ที่แผนกโฮม ห้างเซ็นทรัล ชิดลม พร้อมโปรโมชั่นพิเศษจาก KitchenAid กับส่วนลดสูงสุด 40% วันที่ 25 มีนาคม – 5 เมษายน 2565  

พิเศษ! เมื่อช้อปผ่าน Central App  ระหว่างวันที่ 25 – 31 มีนาคม 2565

· จัดเต็มกับสินค้าราคาพิเศษสูงสุด 80% 

· แจกโค้ดลดเพิ่มสูงสุด 20% ทุกวัน เวลาเที่ยงคืน และ 14.00 น. ตลอดแคมเปญ

· รับ T1 X3 ทุกออร์เดอร์ ไม่มีขั้นต่ำ! เที่ยงคืน -ตีสอง เฉพาะ 26 มีนาคม 2565 

· Midnight Brand Sale แบรนด์ดังลดจัดเต็ม 00.00-02.00 น. เฉพาะวันที่ 27-28 มีนาคม 2565

· Super Flash Deal เปลี่ยนใหม่ทุกเที่ยงคืน เฉพาะวันที่ 29-31 มีนาคม 2565

· สินค้าซื้อ 1 ฟรีของแถมไซส์จริง

· สิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากบัตรเครดิต และพาร์ตเนอร์ ที่ร่วมรายการอีกมากมาย

มาช้อปมันส์ที่งาน Central Midnight Sale #GuiltyFreeFestival ช้อปเลยเพราะไม่เคยมี” #New Arrival ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม – 5 เมษายน 2565 ที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา และทุกช่องทางการช้อปปิ้งของทางห้างฯ พร้อมแฮชแท็กร่วมสนุกกันได้ที่  #CentralMidnightSale #GuiltyFreeFestival #CentralDepartmentStore

CMG และ ATOME ชวนช้อปแบรนด์ดัง

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/678807

วันที่ 22 มี.ค. 2565 เวลา 16:01 น.CMG และ ATOME ชวนช้อปแบรนด์ดัง

BUY NOW PAY LATER! ช้อปก่อนจ่ายทีหลัง CMG และ ATOME ชวนช้อปแบรนด์ดัง “แบ่งจ่าย 3 ครั้ง ดอกเบี้ย 0%” สมัครง่าย ๆ ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต เพียงบัตรเดบิตก็ตอบโจทย์สายแฟ

เพราะความแฟรอกันไม่ได้ Central Marketing Group [CMG] ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าแบรนด์แฟชั่น และเครื่องสำอางชั่นนำระดับโลกกว่า 40 แบรนด์ ภายใต้ Central Retail Corporation เอาใจนักช้อป เปิดตัวช่องทางการชำระ เงินรูปแบบใหม่ ร่วมกับ ATOME (อาโตมี่) แบรนด์ผู้นำด้านบริการซื้อก่อนจ่ายทีหลัง ให้คุณช้อปแบรนด์สุดคูล อย่าง Calvin Klein Jeans, GUESS, MLB และ The Body Shop ได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยการชำระเงินที่ยืดหยุ่น แบ่งยอดชำระออกเป็น 3 ครั้ง ครั้งละเท่าๆกันได้ โดยไม่มีดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมรายเดือนเพิ่มเติม สมัครได้ง่าย ๆ แม้ไม่มีบัตรเครดิต* (*เลือกสมัครโดยใช้บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต ก็ได้)

ปังไม่หยุด! รับสิทธิ์พิเศษถึง 3 ต่อ**

ต่อที่ 1)  สิทธิพิเศษต้อนรับผู้ใช้บริการ ATOME ครั้งแรก ด้วยเวาเชอร์ส่วนลด 250 บาท เมื่อมียอดซื้อสินค้า ขั้นต่ำ 600 บาท ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม – 30 เมษายน 2565

ต่อที่ 2) ส่วนลดพิเศษจากทางแบรนด์ให้คุณช้อปได้คุ้มยิ่งขึ้น สำหรับผู้ใช้บริการ ATOME ครั้งแรก

?      MLB: รับคูปองส่วนลดเพิ่ม 10%* เมื่อซื้อสินค้าที่มีส่วนลดต่ำกว่า 30%

?      Calvin Klein Jeans: รับคูปองส่วนลดเพิ่ม 100 บาท เมื่อซื้อสินค้าที่มีส่วนลดไม่เกิน 20% ครบ 2,000 บาทขึ้นไป (สุทธิ) สำหรับลูกค้าใหม่และปัจจุบัน

?      GUESS: รับคูปองส่วนลดเพิ่ม 100 บาท (ไม่มีขั้นต่ำ)

?      The Body Shop: รับคูปองส่วนลด 100 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 1,000 บาทขึ้นไป

ต่อที่ 3)  ลูกค้าปัจจุบันของ ATOME รับคูปองส่วนลด 100 บาท

**เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด / ระยะเวลา ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม – 30 เมษายน 2565

มาสัมผัสประสบการณ์การช้อปรูปแบบใหม่ ที่สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ได้ที่หน้าร้าน Calvin Klein Jeans, GUESS, MLB และ The Body Shop ทุกสาขา และช้อปออนไลน์ได้ที่ guess.co.th, thebodyshop.co.th  พร้อมรับสิทธิพิเศษได้ง่ายๆ เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ATOME และลงทะเบียนสมัครสมาชิก จากนั้นสามารถเลือกชำระกับ ATOME ที่หน้าตัวเลือกการชำระเงิน บนแอปพลิเคชันมือถือได้เลย

#CMGxATOME #ช้อปก่อนจ่ายทีหลัง #ดอกเบี้ย0 

ส่องจีพีเอสสมาร์ทวอทช์สายเอาท์ดอร์ใหม่ค่าย “การ์มิน”

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/678737

วันที่ 22 มี.ค. 2565 เวลา 08:30 น.ส่องจีพีเอสสมาร์ทวอทช์สายเอาท์ดอร์ใหม่ค่าย "การ์มิน"

“การ์มิน” เปิดตัว INSTINCT 2 ซีรีย์ จีพีเอสสมาร์ทวอทช์สายเอาท์ดอร์ พร้อมโชว์นวัตกรรมโซลาร์เทคฯ เพิ่มอายุการใช้งานไม่จำกัด มาพร้อมดีไซน์ที่โดดเด่นใน 2 ขนาด มีให้เลือกกว่า 18 สไตล์

หนึ่งในไอเท็มคู่กายทั้งชายและหญิงยุคนี้ ต้องมีสมาร์ทวอทช์คู่ใจไปไหนไปกัน ล่าสุด การ์มิน ผู้ส่งมอบที่สุดของความหลากหลายทางเทคโนโลยี GPS ตั้งแต่อุตสาหกรรมการบิน ยานยนต์ การเดินทะเล ฟิตเนส และกิจกรรมกลางแจ้ง ลุยต่อด้วยการเปิดตัว INSTINCT 2 ซีรีย์ จีพีเอสสมาร์ทวอทช์สายเอาท์ดอร์ดีไซน์เด่นใน 2 ขนาด มีให้เลือกกว่า 18 สไตล์ มาพร้อมกับนวัตกรรมโซลาร์เทคฯ ที่เพิ่มให้อายุแบตเตอรี่ใช้งานได้ไม่จำกัด (Unlimited) พร้อมลุยในทุกสถานการณ์ กับตัวเรือนที่แข็งแกร่งถูกสร้างขึ้นตามมาตรฐานทางทหารของสหรัฐอเมริกา MIL-STD-810 จัดเต็มกับฟีเจอร์อัพเกรดด้านสุขภาพ พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ Sleep Score เพื่อให้การมอนิเตอร์ด้านสุขภาพครบถ้วนทุกมิติ รวมถึงฟีเจอร์ด้านไลฟ์สไตล์อย่าง Garmin Pay ที่มาพร้อมกับ Rabbit Card ราคาเริ่มต้นเพียง 11,990 บาท

สมาร์ทวอทช์การ์มิน รุ่น INSTINCT 2 ซีรีย์ ถูกดีไซน์ให้มีความโดดเด่นตามแบบฉบับ BOLD & RUGGED แข็งแกร่ง จัดจ้าน สะท้อนตัวตนที่ชัดเจนและแตกต่างเป็นหนึ่งเดียว ส่งเสริมให้ผู้สวมใส่ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในทุกๆ วัน และภายใต้สีสันอันโฉบเฉี่ยว ยังมีเทคโนโลยีระดับแถวหน้าของวงการสมาร์ทวอทช์ที่การ์มินพัฒนาขึ้น

DESIGNED FOR LIFE – ดีไซน์เพื่อสนับสนุนการใช้ชีวิตทุกรูปแบบ

INSTINCT 2 ซีรีย์ มีขนาดบางกว่ารุ่นก่อนและมีให้เลือกถึง 2 ขนาด คือ INSTINCT 2 ขนาด 45 มม. และ INSTINCT 2S ที่มาในขนาด 40 มม. ซึ่งจะเจาะลูกค้ากลุ่มผู้หญิงหรือผู้ที่มีขนาดข้อมือค่อนข้างเล็กจะสวมใส่รุ่นนี้ได้สบายกว่า โดยหน้าจอแสดงผลของ INSTINCT 2 ซีรีย์ ถูกอัปเกรดใหม่ให้มีความละเอียดสูง ผู้สวมใส่สามารถแคปเจอร์ข้อมูลสำคัญได้เพียงพริบตาระหว่างทำกิจกรรม จอกระจกกันรอยขีดข่วนและแข็งแกร่ง ใช้งานได้อย่างมั่นใจ ถูกสร้างขึ้นตามมาตรฐานทางทหารของสหรัฐอเมริกา MIL-STD-810 ทนทานต่อทั้งความร้อน แรงกระแทก และน้ำลึกถึง 100 เมตร นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานร่วมกับ Garmin Connect IQ™ (CIQ) แพลตฟอร์มสำหรับการปรับแต่งผลิตภัณฑ์เพื่อการใช้งานส่วนบุคคล ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดแอปฯ วิดเจ็ต หน้าจอนาฬิกา ช่องข้อมูล และอื่น ๆ อีกมากมายได้ฟรี และที่สำคัญผลิตภัณฑ์ซีรีย์นี้ยังมีฟีเจอร์เพื่อสุขภาพ อาทิ Hydration Tracking (ติดตามการดื่มน้ำ) Connect Leaderboard (ข้อมูลจำนวนก้าว ระยะทาง) Menstrual Cycle (ข้อมูลรอบเดือน) และ Pregnancy Tracking (ติดตามการตั้งครรภ์) ที่สามารถเรียกใช้งานได้ผ่าน CIQ

SOLAR TECH FOR ENDURING BATTERY LIFE – นวัตกรรมโซลาร์เทคฯ ที่เพิ่มให้อายุแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน

เติมเต็มอายุใช้งานแบตเตอรี่แบบเต็มพิกัด ใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุดถึง 28 วัน เมื่ออยู่ในโหมดสมาร์ทวอทช์ และนวัตกรรมโซลาร์เทคฯ ที่ถูกพัฒนาไปอีกขั้น จึงช่วยให้แบตเตอรี่ใช้งานได้ไม่จำกัด¹ INSTINCT 2 ซีรีย์ ยังมีโหมดกิจกรรมแบบบิ้วท์อินที่หลากหลาย อาทิ Multisport ที่อัปเกรดใหม่มาพร้อมโหมดกีฬากว่า 30 โหมด พร้อมอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถใช้งานระหว่างกิจกรรมหรือดูข้อมูล เวลา และระยะทางของกิจกรรมที่กำลังทำได้แบบไม่จำกัดประเภท และหากเกิดเหตุฉุกเฉิน INSTINCT 2 ซีรีย์ ยังมีฟีเจอร์ Incident Detection ที่จะช่วยแจ้งเหตุผิดปกติให้คนใกล้ชิดของผู้ใช้งานทราบทันที โดยต้องมีการตั้งค่าเชื่อม INSTINCT 2 ซีรีย์ กับระบบ Garmin Connect™ Mobile ล่วงหน้าเพื่อระบุว่าเจ้าของอุปกรณ์ต้องการแจ้งให้ใครและสถานที่ไหน (ถ้ามี) ทราบหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น

STAY HEALTHY WHILE STAYING CONNECTED – มอนิเตอร์ข้อมูลสุขภาพ พร้อมอัพเดททุกการเคลื่อนไหว

INSTINCT 2 SOLAR พร้อมเพิ่มความสะดวกในชีวิตประจำวันให้แก่ผู้ใช้งานเพิ่มเติมผ่าน Garmin Pay² ที่ช่วยให้คุณใช้บัตรเครดิต หรือ Rabbit Card ชำระเงินต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว เปิดทางให้ไปสนุกกับการผจญภัยครั้งต่อไปได้อย่างฉับไว INSTINCT 2 ซีรีย์ ครบเครื่องเรื่องฟีเจอร์สุขภาพ อาทิ ฟีเจอร์ติดตามการนอนหลับขั้นสูง การให้คะแนนประสิทธิภาพของการนอน และข้อมูลการนอนเชิงลึก (Advanced Sleep with Sleep Score and Insights) รวมถึงฟีเจอร์เก็บข้อมูลทางสุขภาพอย่าง Health Snapshot ที่จะช่วยเก็บข้อมูลสุขภาพที่สำคัญให้ผู้สวมใส่ไว้ทั้งหมด พร้อมแสดงข้อมูลการเต้นของหัวใจ (Heart Rate) ระดับความเครียด (Stress Level) ระดับพลังงานของร่างกาย (Body BatteryTM) ฟีเจอร์วัดอายุของสุขภาพ (Fitness Age) รวมถึงฟีเจอร์สำหรับการเทรนด์แบบมืออาชีพ ตั้งแต่ฟีเจอร์ประเมินความหนักของ การฝึกซ้อม (Training Status/Load/Effect) ระยะเวลาในการฟื้นตัว (Recovery Time) การออกกำลังที่มีความเข้มข้นสูง (HIIT Workouts) ไปจนถึงการแนะนำการออกกำลังกายประจำวัน ใน INSTINCT 2 ซีรีย์ ยังได้เพิ่มการติดตามระดับ VO2 Max เพื่อความแม่นยำที่มากขึ้นเมื่อนำข้อมูลสุขภาพมาวิเคราะห์ ฟีเจอร์มากมายเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นผู้ใช้สายสุขภาพได้ดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ

PURPOSE-BUILT EDITIONS – รุ่นเฉพาะตอบโจทย์ทุกกิจกรรม

INSTINCT 2 ซีรีย์ มีรุ่นพิเศษเพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้งานเฉพาะดังนี้:

· รุ่น Surf Edition: เหมาะกับกิจกรรมทางน้ำ อาทิ เซิร์ฟ วินด์เซิร์ฟ ไคท์บอร์ด รวมถึงยังมีวิดเจ็ทกระแสน้ำเพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับข้อมูลสภาพทะเล รวมถึงยังช่วยบันทึกข้อมูลกิจกรรมไว้ด้วยร่วมกับ Surfline Sessions™

· รุ่น Tactical Edition: ได้รับความนิยมในหมู่ทหาร เพราะมีฟีเจอร์เชิงกลยุทธ์หลากหลาย อาทิ Kill Switch, Stealth Mode, Night Vision Goggle Compatibility, Dual Format Position และ Jumpmaster Activity มีให้เลือกทั้งแบบสีแทน (Coyote Tan) และสีดำ (Black)

· รุ่น Camo Edition: ลวดลาย Graphite และ Mist Camo ทั้งให้ผู้ใช้งานกลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบตัวเมื่อออกทำกิจกกรมและโดดเด่นเมื่อใช้ในชีวิตประจำวัน เข้าได้กับทั้งป่าคอนกรีตและป่าธรรมชาติ

INSTINCT 2 และ INSTINCT 2S ถือเป็นนวัตกรรมด้านสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ที่ช่วยยืนยันว่าการ์มินยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อนำอุตสาหกรรมจีพีเอสสมาร์ทวอทช์อย่างไม่หยุดยั้ง ราคาขายเริ่มต้นที่ 11,990 บาท สามารถพบกับ INSTINCT 2 ซีรีย์ได้ที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของการ์มินทุกสาขา ติดตามข้อมูลสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3J7rnTk หรือที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ Garmin Thailand และอินสตาแกรม Garmin Thailand

HermesFit พร้อมมอบประสบการณ์ระดับโลกสุดเอ็กซ์คลูซีฟครั้งแรกในไทย ณ เซ็นทรัลเวิลด์

วันที่ 17 มี.ค. 2565 เวลา 17:40 น.HermesFit พร้อมมอบประสบการณ์ระดับโลกสุดเอ็กซ์คลูซีฟครั้งแรกในไทย ณ เซ็นทรัลเวิลด์

เตรียมสัมผัสประสบการณ์ระดับโลกในงาน HermesFit ครั้งแรกในไทย เนรมิตพื้นที่ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์กว่า 4,000 ตร.ม. ให้เป็น Interactive Sports Universe ที่ไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่นแลนด์มาร์คระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ

Hermès เตรียมมอบประสบการณ์ระดับโลกสุดเอ็กซ์คลูซีฟครั้งแรกในไทย กับงาน HermèsFit ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่นแลนด์มาร์คระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ โดย Hermès ชวนทุกคนมาร่วมฟิตร่างกายไปด้วยกัน ณ ยิมที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ บริเวณหน้าลานเซ็นทรัลเวิลด์แบบเต็มพื้นที่กว่า 4,000 ตารางเมตร (ลานสแควร์ B&C) ระหว่างวันที่ 18 – 27 มีนาคม 2565 แบบไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านทาง hermes.com โดยเซ็นทรัลเวิลด์ ถือเป็นศูนย์การค้าแห่งเดียวของไทยที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นสถานที่จัดงานระดับโลกอย่าง HermèsFit ในครั้งนี้ ขอเชิญสัมผัสประสบการณ์สนุกๆ Fitness with Style ที่ HermèsFit ตามเวลาที่ต้องการ หรือสำรองที่เพื่อเข้าร่วมคลาสในยิม และฝึกกับเทรนเนอร์ตามเวลาที่นัดหมาย

HermèsFit เตรียมนำเสนอประสบการณ์ใหม่แบบ Interactive Sports ด้วยกิจกรรม Fitness with Style และความสนุกท้าทายจาก Hermès Accessories ที่ผสมผสานความสง่างามในการออกกำลังกายเข้ากับความสนุกสนานของฟิตเนสได้อย่างลงตัว อาทิ คลาส Carré Yoga โยคะด้วยผ้าพันคอที่จะช่วยให้ร่างกายเกิดความสมดุลด้วยท่าโยคะที่ได้แรงบันดาลใจจากผ้าพันคอของ Hermès, คลาส Belt Stretching ยืดเส้นด้วยเข็มขัด โดยเลือกเข็มขัดเส้นที่ใช่มาช่วยยืดเส้นยืดสาย ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และฝึกลมหายใจ, คลาส Kickboxing with Bracelets ต่อยมวยแบบมีสไตล์ด้วยกำไลข้อมือ, คลาส Hat Balance Challenge ที่จะช่วยฝึกสมดุลร่างกายระหว่างสวมหมวก และคลาส Small Leather Goods Workout จะเป็นคลาสที่ใช้เครื่องหนังชิ้นเล็กที่จะช่วยให้คุณออกกำลังกายด้วยความสง่างาม แข็งแรง และยืดหยุ่น โดยเหล่าโค้ชที่แต่งกายอย่างสดใสในชุดสีส้ม จะเตรียมพร้อมให้คำแนะนำ ตลอดช่วงเวลาการออกกำลังกายที่คุณเลือก ซึ่งจะทำให้คุณได้สัมผัสและคุ้นเคยกับงานฝีมือของ Hermès ได้อย่างคาดไม่ถึง

ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์จะถูกเนรมิตให้สวยงามและได้รับการตกแต่งอย่างมีชีวิตชีวาด้วยสีส้มอันเป็นเอกลักษณ์ของ Hermès และผนังตกแต่งลวดลายกราฟิกต่างๆ พื้นที่สีสันสดใส ประกอบไปด้วยห้องสำหรับคลาสออกกำลังกายตามตารางเวลา มีผนังอุปกรณ์ยกน้ำหนักอันครบครัน ทั้งบาร์เบลและเคตเทิลเบลของ Hermès อีกทั้งพื้นที่สำหรับฝึกร่างกายแบบ Callisthenics อันได้แรงบันดาลใจจากผ้าพันคอของ Hermès เวทีมวยและผนังปีนผาจำลอง ที่เป็นบูธถ่ายภาพด้วยในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีบาร์น้ำผลไม้ และอื่นๆ อีกมากมาย

พบไฮไลท์พิเศษในช่วงเย็นบริเวณเวทีมวยที่ตั้งอยู่ใจกลางพื้นที่จะถูกเนรมิตให้กลายเป็นเวทีดนตรีสำหรับการแสดงต่างๆ โดยจะมีบูทดีเจและคอนเสิร์ตดนตรีสดในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และบริเวณใกล้เคียงถูกตกแต่งด้วยกระสอบทรายลายพิมพ์ผ้าพันคอซิลค์ของ Hermès นอกจากนี้ยังมีโต๊ะปิงปองทรงกลม พร้อมไม้ปิงปองพิมพ์ลายผ้าพันคอซิลค์ ให้ผู้ชมงานมาถ่ายรูปเพื่อเก็บช่วงเวลาอันน่าจดจำของ #HERMESFIT ไว้

HermèsFit เป็นงานอีเวนต์ที่เวียนไปจัดต่อเนื่องกันหลากหลายที่ทั่วโลก อาทิ โตเกียว, นิวยอร์ค ปารีส และอื่นๆ โดยได้นำเสนอประสบการณ์ใหม่เพื่อแบ่งปันเจตนารมณ์ที่ดีให้กับแฟนๆ ทั่วโลก ด้วยความมีเอกลักษณ์และชีวิตชีวาของ HermèsFit วิถีใหม่ของการออกกำลังกาย มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ Fitness with Style ได้ที่ HermèsFit แบบไม่มีค่าใช่จ่าย ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งแต่วันที่ 18 – 27 มีนาคม 2565 เวลา 10:30 – 19:30 น. เพียงลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านทาง hermes.com หรือสำรองที่เพื่อเข้าร่วมคลาสในยิม และฝึกกับเทรนเนอร์ตามเวลาที่นัดหมาย ให้คุณได้สัมผัสและทำความคุ้นเคยกับงานฝีมือของ Hermès ได้อย่างคาดไม่ถึง

คุยกับ โบว์-จิณณรักษ์ เจตน์รังสรรค์ พร้อมฟังข้อแนะนำเทรนด์การเลือกการลงทุนสำหรับคนรุ่นใหม่

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/678419

วันที่ 17 มี.ค. 2565 เวลา 14:12 น.คุยกับ โบว์-จิณณรักษ์ เจตน์รังสรรค์ พร้อมฟังข้อแนะนำเทรนด์การเลือกการลงทุนสำหรับคนรุ่นใหม่

“เสี่ยง” เพื่อ “อิสรภาพ” กับหลักคิด “สาวนักบริหารการเงิน” ในช่วงเวลาที่ความเสี่ยงมารอบทิศทาง

ว่ากันว่า “นักลงทุน” กับ “ความเสี่ยง” เป็นของคู่กัน แต่เสี่ยงอย่างไรให้คุ้มค่าและไปถึงเป้าหมายคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ยิ่งในยุคปัจจุบันที่มีความผันผวนสูง ความเปราะบางเศรษฐกิจมีมาก ไม่มีอะไรที่แน่นอนขณะที่ทุกคนต้องการความชัวร์ เพราะในบั้นปลายชีวิตต้องการเป็นอิสระและมั่งคั่งด้วยหากเป็นไปได้!!!

จิณณรักษ์ เจตน์รังสรรค์

ดังนั้น อาชีพ “นักวางแผนการเงิน” ในวันนี้ จึงกลายเป็นอีกหนึ่งอาชีพเนื้อหอมที่ใคร ๆ ก็ต้องการเก็บไว้เป็นที่ปรึกษาข้างตัว วันนี้เราได้มีโอกาสคุยกับ คุณโบว์-จิณณรักษ์ เจตน์รังสรรค์ นักวางแผนการเงิน CFP Senior Financial Consultant หญิงสาวเจ้าของบริษัท Money Adwise (Wealth Management) ที่บริหารการเงินการลงทุนของคนรุ่นใหม่ที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยง

ตอนเลือกเรียนด้านการเงิน เลือกเพราะ ชอบเรียนเลข เพราะเลขมันมีที่มาที่ไปชัดเจน มีหลักการคำนวณรองรับ ถ้าเข้าใจกฎเกณฑ์ของมันก็จะแก้โจทย์ หรือปัญหาต่าง ๆ ได้ พอได้เรียนจริงๆ ก็รู้เลยว่าเรื่องการเงินสำคัญต่อชีวิตทุกคน ช่วยให้ประสบความสำเร็จในชีวิตได้ รวมทั้งล้มเหลวได้ถ้าละเลย ก็เลยหันมาศึกษามากขึ้นเกี่ยวกับการวางแผนการเงิน จนได้คุณวุฒิ นักวางแผนการเงิน CFP® ได้ทำงานให้คำปรึกษามาเรื่อย ๆ พบว่าการบริหารภาษีจะช่วยให้ลูกค้าเหลือเงินไปลงทุนเยอะขึ้น และมีแผนการเงินที่มีประสิทธิภาพขึ้น จึงตัดสินใจเรียนต่อ Mini-MBA ด้านภาษี ทำให้เข้าใจกฎเกณฑ์ รายละเอียด สิทธิต่างๆ ที่มีที่จะทำให้บริหารภาษีได้ดี และถูกต้องตามกฎหมาย

เราเรียนทางด้านนี้มา การได้ใบอนุญาตด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะด้านการวางแผนการลงทุน หรือด้านประกันจึงไม่ได้รู้สึกยากนัก ส่วนการสอบที่ท้าทายที่สุด คงหนีไม่พ้น การสอบจนได้คุณวุฒิวิชาชีพ นักวางแผนการเงิน CFP เพราะต้องสอบหลาย Module ครอบคลุมทั้งด้านการลงทุน ด้านการบริหารความเสี่ยง  

การวางแผนเกษียณ การวางแผนภาษี และมรดก โดยที่การสอบ Module สุดท้ายเป็นการทำแผนการเงินที่ต้องสามารถเชื่อมโยงแต่ละแผนเข้าด้วยกันได้ด้วย การที่เรามีประสบการณ์ทำแผนการเงินองค์รวมมาอย่างต่อเนื่อง เจอผู้รับคำปรึกษาหลากหลายรูปแบบ ทำให้ผ่านการสอบมาได้โดยไม่เครียดจนเกินไป นอกจากนั้นความรู้ที่ได้จากการเรียนก็ช่วยให้เราดูแลลูกค้าได้เป็นอย่างดี

“เกษียณสุข” ต้องเป็นไปได้

ตอนเริ่มทำงานแรก ได้เรียนรู้ว่าต้องมีการตัดสินใจเรื่องเงินตลอดเวลา บริหารเงินเดือนอย่างไร งบสำหรับชุดทำงาน อุปกรณ์ทำงาน ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ซื้อของได้แค่ไหน ไปเที่ยวใช้งบเท่าไหร่ แล้วเหลือเงินเก็บไหม แล้วเงินเก็บตรงนี้เพียงพอไหมสำหรับอนาคต แล้วถ้าจะเปลี่ยนงาน จะซื้อรถ จะซื้อบ้าน จะแต่งงาน จะมีลูก จะมีสัตว์เลี้ยง จะเปิดธุรกิจ จะเกษียณ ฯลฯ ถ้าไม่วางแผนให้ดี ปล่อยไปเรื่อย ๆ อาจจะมีเงินไม่พอเวลามีปัญหา หรือไม่ก็เงินไม่พอตอนเกษียณ

เราได้ยินและเห็นคนรอบตัวที่ตัดสินใจพลาดบ้าง โดนหลอกบ้าง เจอวิกฤตบ้าง เกษียณไม่ได้บ้าง เลือกเครื่องมือทางการเงินไม่เหมาะแล้วมีปัญหาบ้าง เช่น ต้องการใช้เงินในระยะ 1-2 ปี แต่ไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูง 100% ซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีเกินสิทธิ เลือกประกันผิดประเภท เราจึงต้องการให้คนรอบตัว มีการวางแผนการเงินที่ดี มีความรู้ความเข้าใจ ไม่เป็นภาระคนอื่น และผ่านวิกฤตในชีวิตไปได้ สามารถเกษียณได้จริงๆ

ชูบริการเป็น “คู่คิด” ในทุกช่วงชีวิต

เราเรียกว่า One-stop holistic planning ให้คำปรึกษาครอบคลุมทุกช่วงวัยของชีวิตจริงๆ เนื่องจากแต่ก่อนจะมีปัญหาปรึกษาเรื่องการลงทุนกับสถาบันการเงินแห่งนี้แล้ว วันหนึ่งคนนั้นย้ายออกไป กลายเป็นต้องมานั่งอธิบายใหม่ ขณะมีบางอย่างที่ไม่สามารถมองหรือทำความเข้าใจได้ในระยะเวลาอันสั้น ทำให้นักลงทุนสูญเสียโอกาสไป ซึ่งอาจจะเป็นโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตเลยก็ได้ จึงเป็นที่มาของการเปิดบริษัทฯ และใช้บริการรูปแบบนี้เป็นจุดขาย คอยให้คำปรึกษาทางการเงินแบบเฉพาะทาง เคียงคู่ทุกเหตุการณ์ ซึ่งตลอดการทำงาน มีเคสที่ประทับใจหลายเคสมาก

ถ้าให้ยกตัวอย่างเคสนึง จะนึกถึงเคสบ้านคุณหมอบ้านนึงค่ะ สาเหตุที่ประทับใจ เพราะบ้านนี้ให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงินทุกคน แล้วเนื่องจากอยู่คนละช่วงวัย แผนที่แต่ละคนให้ความสำคัญจึงไม่เหมือนกัน สำหรับคุณพ่อคุณแม่ เราดูแลทั้งเรื่องการลงทุน และการเตรียมส่งต่อทรัพย์สิน เราได้ช่วยทำทะเบียนทรัพย์สิน พูดคุยถึงการวางแผนส่งต่อทรัพย์สินให้ลูกหลาน โดยที่ตอนเงินยังไม่ถูกส่งต่อก็ต้องเติบโตเป็นที่น่าพอใจ รวมไปถึงการช่วยร่างพินัยกรรม ซึ่งเรามองว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่ต้องทำไว้ให้ชัดเจน เผื่อวันหนึ่งที่ต้องใช้ ทุกอย่างจะได้เป็นไปตามที่ตั้งใจและได้วางแผนไว้เป็นอย่างดี สำหรับลูกทั้ง 2 คน เราดูแลตั้งแต่ทั้งคู่ยังโสด จนแต่งงาน จนตอนนี้คนหนึ่งมีลูกแล้ว แผนการเงินองค์รวมที่ทำไว้ให้ ช่วยให้เห็นว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไร และแต่ละด้านขาดเหลืออะไรบ้าง และเครื่องมือต่างๆ ที่เราช่วยเลือกให้ก็มีหลากหลาย และยืดหยุ่นได้

พอเปลี่ยนสถานะจากโสดมามีครอบครัว ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบ้าน เกี่ยวกับครอบครัวเพิ่มขึ้น วิถีชีวิตหลายอย่างเปลี่ยนไป แผนการเงินก็ต้องปรับตามไปด้วย ลูกอีกคนของคุณหมอเมื่อแต่งงานแล้วก็รีบนัดพูดคุยเพิ่มเติมว่าจะวางแผนการเงินอย่างไร โดยนำภรรยามาคุยพร้อม ๆ กันเลย แบบนี้คือตัวอย่างที่ดีมากๆ เมื่อทั้งคู่วางแผนการเงินร่วมกัน เห็นภาพเดียวกัน เข้าใจกัน ก็ช่วยกันเก็บเงินลงทุนตามเป้าหมาย แล้วก็ลดปัญหาการทะเลาะกันเรื่องเงินในครอบครัว สองคนนี้เราช่วยดูแลและให้คำแนะนำการลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่วางแผนไว้อย่างต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว เรื่องนี้ทำให้เรารู้ว่า ครอบครัวจะประสบความสำเร็จด้านการเงินได้ เมื่อคนในครอบครัวมองเรื่องเงินเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ วางแผน และสื่อสารกันให้ดีในครอบครัว

จุดแข็งของ Money Adwise (Wealth Management) ความมั่งคั่งที่มั่นคง

สำหรับความฝันนั้นใหญ่! เราต้องการให้คนไทยเข้าถึงการวางแผนการเงินแบบองค์รวมมากขึ้น ให้ได้รับบริการ และคำแนะนำทางการเงินที่เป็นกลาง ครอบคลุม จากคนที่มีความรู้และประสบการณ์ โดยลักษณะโดดเด่นของการแนะนำด้านการเงินของ Money Adwise (Wealth Management) ถ้าถามว่าคืออะไร ข้อแรกเราทำงานเป็นระบบ และมีขั้นตอนที่ชัดเจน โดยเราเชื่อว่าขั้นตอนแบบนี้จะทำให้เราเข้าใจลูกค้าอย่างดีที่สุด ลูกค้าจะได้ประโยชน์ และเครื่องมือการเงินที่เหมาะสมกับแต่ละคนที่สุด เราให้คำแนะนำลูกค้าเสมือนว่าแผนของลูกค้าคือแผนของเราค่ะ เราจะคิดว่าถ้าเราอยู่ในสถานการณ์ของลูกค้าในปัจจุบันนี้ ด้วยสิ่งที่เรารู้เราเข้าใจ เรามีทางเลือกอะไรบ้าง แล้วแต่ละทางเลือกมีข้อเด่น และข้อจำกัดอย่างไร อะไรเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เราให้คำแนะนำได้ทุกด้านที่เกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคล มีคำถาม ข้อสงสัย ไม่แน่ใจ เรื่องเงิน ถามเราได้เลยทีเดียว ไม่ว่ากำลังจะเปลี่ยนงาน เริ่มวางแผนลงทุน สงสัยเรื่องภาษี จะซื้อบ้านผ่อนเท่าไหร่ เลือกประกันอย่างไร ต้องย้ายไปทำงานต่างประเทศ จะกลับมาอยู่ไทย วางแผนเรื่องเรียนลูก ฯลฯ เราดูแลลูกค้าต่อเนื่องระยะยาว ด้วยแผนที่ครอบคลุมและการเรียนรู้กันทั้งสองฝั่ง จะทำให้เราดูแลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทุกเคส เราดูแลเป็นทีม ไม่ต้องกังวลว่าให้คำแนะนำแล้วจะไม่มีคนดูแล เราให้คำแนะนำด้านการลงทุนและการออมที่คนวัยใกล้เกษียณควรตระหนักรู้ เพื่อความปลอดภัยในอนาคตที่ตัวเองก็อายุมากขึ้นเรื่อย ๆ

โบว์เชื่อว่าทุกคนควรมีแผนการเงิน โดยเฉพาะแผนเกษียณ ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ ไม่ต้องกังวลว่าเริ่มช้าไป และไม่มีคำว่าเร็วเกินไป มีแผนอย่างไรก็ดีกว่า ถ้าให้แนะนำง่ายๆ ลองคำนวณเบื้องต้นว่าต้องใช้งบหลังเกษียณเท่าไหร่ แล้วจากวันนี้จนถึงเกษียณน่าจะมีเงินสำหรับเกษียณจากแหล่งไหนบ้าง เป็นเงินเท่าไหร่ เพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่พอ จะต้องเก็บเพิ่มเท่าไหร่ ใช้เครื่องมืออะไรบ้าง และอย่าลืมคำนึงถึงค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเป็นค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออายุเยอะขึ้น แล้วไม่ได้เป็นแค่ค่ารักษาในโรงพยาบาลอย่างเดียว ยังต้องเตรียมงบสำหรับ ค่ายา ค่าวิตามินอาหารเสริม ค่าคนดูแล ค่าอุปกรณ์เครื่องใช้ ค่าปรับต่อเติมที่อยู่อาศัย ควรวางแผนการออมและลงทุนไว้ล่วงหน้าให้เพียงพอ ประกันสุขภาพสามารถช่วยป้องกัน และแบ่งเบาผลกระทบจากค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่อาจจะต้องใช้หลังเกษียณ

ปัญหาเกี่ยวกับประกันสุขภาพที่พบบ่อย เช่น ซื้อประกันผิดประเภท เลือกแบบประกันที่ความคุ้มครองไม่ครอบคลุม ซื้อประกันช้าเกินไปทำให้ซื้อไม่ได้เนื่องจากประเด็นทางสุขภาพ ไม่ได้วางแผนสำหรับงบที่จะมาจ่ายเบี้ยประกันช่วงหลังเกษียณที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุที่สูงขึ้น ทั้งนี้การกระจายความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญ และควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนในสินค้าหรือโครงการใด ๆ ก็ตาม

ข้อแนะนำเทรนด์การเลือกการลงทุนสำหรับคนรุ่นใหม่

Cryptocurrency ถือเป็น Asset class ใหม่ ที่มีข้อมูลให้ศึกษาย้อนหลังไม่ได้ยาวนักเทียบกับ Asset class อื่นๆ ถึงแม้จะน่าสนใจ และเป็นโอกาสในการลงทุน แต่ก็ควรศึกษาหาข้อมูลเยอะๆ อย่าเชื่อเพียงแค่คนรู้จักลงทุนแล้วก็ลงทุนตามๆกัน การเข้าไปอ่าน Whitepaper และทำความเข้าใจ tokenomics ของเหรียญนั้น ๆ ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

แต่โบว์คิดว่าการทำ Asset allocation เป็นส่วนสำคัญในการวางแผนการลงทุน ควรจัดสรรสินทรัพย์การลงทุนให้เหมาะสมกับเป้าหมาย ระยะเวลา และระดับความเสี่ยงที่รับได้และเหมาะสมกับเป้าหมายนั้น ๆ ถึงแม้คนรุ่นใหม่อายุยังน้อย แต่สำหรับเงินที่ต้องใช้ในระยะเวลาสั้น ๆ และรับความเสี่ยงสูงไม่ได้ ก็ไม่ควรลงทุนในคริปโต เนื่องจากมีความผันผวนสูง แต่สำหรับแผนการลงทุนระยะยาวที่รับความเสี่ยงสูงได้ ไม่ได้หมายความว่าต้องลงทุนในคริปโต 100% สินทรัพย์ และเครื่องมือทางการเงินแต่ละประเภทมีจุดเด่นจุดด้อยไม่เหมือนกัน ควรเลือกให้เหมาะสม และกระจายความเสี่ยงให้ดี

จากที่เห็นในข่าวช่วงที่ราคาคริปโตตกลงมามาก บางคนไม่มีเงินผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ต้องไปกู้ยืมหรือเป็นภาระคนอื่น จึงต้องเน้นย้ำว่าแผนการเงินไม่ได้มีแค่เรื่องการลงทุนอย่างเดียว การบริหารรายรับรายจ่าย เตรียมสภาพคล่องฉุกเฉิน บริหารหนี้สิน จัดการเรื่องป้องกันความเสี่ยงด้านชีวิต และสุขภาพ เรื่องเกษียณ และเรื่องภาษี ก็สำคัญเกี่ยวข้องกัน

ท้ายสุด หญิงที่อยู่กับความเสี่ยง อาจเรียกว่าธุรกิจอยู่กับความพลิกผันตลอดเวลา มีทั้งสิ่งที่คาดการณ์ได้และไม่ได้ หลักการทำงาน การเป็นที่ปรึกษาด้านบริหารการเงินที่เรายึดมั่นมาโดยตลอด คือการสร้างคุณค่าให้ลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ทุกครั้งที่คุยกันลูกค้าต้องได้คุณค่ากลับไป เราจะคอยคิดอยู่ตลอดว่าจะทำอะไร เพื่อให้ลูกค้าได้ประโยชน์มากขึ้น ทั้งการบริการที่ดีขึ้น ทีมงานที่พัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา พร้อมสนับสนุนด้านการเงินให้ลูกค้าอย่างครอบคลุมและรอบด้านในทุกช่วงวัยของชีวิตจริงๆ

ฉะนั้น เรียกว่ามีคนอย่างเธอเอาไว้… ก็ไม่ “เสี่ยง” แล้ว

Kate Spade New York เฉลิมฉลองเปิดร้านใน Shopee Premium ปล่อย Spring Collection ดึงดูดใจสาวนักช้อป

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

https://www.posttoday.com/life/work-life-balance/678409

วันที่ 17 มี.ค. 2565 เวลา 13:42 น.Kate Spade New York เฉลิมฉลองเปิดร้านใน Shopee Premium ปล่อย Spring Collection ดึงดูดใจสาวนักช้อป

Kate Spade New York เฉลิมฉลองเปิดร้าน Official Store บน ช้อปปี้ ชวนมาจัดปาร์ตี้ในสวนกับ Spring Collection ใหม่ พร้อมให้ได้ยลโฉมสุดเอ็กซ์คลูซีฟก่อนใครในไทยบน Shopee Premium

ฤดูใบไม้ผลิก็เปรียบเสมือนช่วงเวลาแห่งการเบ่งบานและความสดใส เคท สเปด นิวยอร์ก (Kate Spade New York) ควงแขน ช้อปปี้ ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน ร่วมเฉลิมฉลองร้านออนไลน์ออฟฟิเชียลสโตร์ใหม่ พร้อมต้อนรับฤดูแห่งความสดใสด้วยการร่วมเปิดตัวคอลเลคชั่นกระเป๋าใหม่ล่าสุดประจำฤดูใบไม้ผลิ (Spring Collection) ให้สาว ๆ นักช้อปได้ร่วมยลโฉม และเป็นเจ้าของในโปรโมชั่นสุดเอ็กซ์คลูซีฟได้ก่อนใครบน Shopee Premium

Spring Collection เมื่อยามที่ฤดูใบไม้ผลิมาเยือน ถึงคราวกล่าวคำทักทายกับดวงตะวัน กับคอนเซ็ปท์ Party in the Park ที่เปรียบสมือนการเนรมิตงานปาร์ตี้ในสวนมาไว้ในมือคุณ เชิญชวนสาว ๆ มาร่วมเบิกบานและสรรค์สร้างให้ทุกวันเป็นวันที่แสนพิเศษท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ในสวน ที่จะเปิดโอกาสให้ทุกคนได้สัมผัสถึงเสน่ห์แห่งความคลาสสิก กับกระเป๋ารูปทรงอันหลากหลายที่เหมาะกับทุกช่วงเวลาแห่งความเบิกบานนี้

เตรียมความพร้อมและมาร่วมเอนจอยไปกับเรา เพราะไม่ว่าจะยามอรุณรุ่งหรือราตรีทุก ๆ วันล้วนเปี่ยมไปด้วยโอกาสพิเศษอยู่เสมอ ตั้งแต่ความโอฬารเรื่อยไปจนถึงสิ่งเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ เคท สเปด นิวยอร์ก พร้อมเฉลิมฉลองให้กับทุก ๆ สิ่ง ผ่าน Spring Collection นี้

เริ่มต้นกับการเปิดตัวกระเป๋ารุ่น Avenue (อเวนิว) กระเป๋าทรง Satchel สุดเรียบหรูผลิตจากวัสดุหนังวัวคุณภาพสูง พร้อมด้วยช่องใส่ของถึงสามช่อง มาพร้อมกับความเอนกประสงค์ที่จะสามารถสะพายแบบกระเป๋าครอสบอดี้ในวันที่แสนชิล หรือจะเลือกถือก็ดูเหมาะกับช่วงเวลาแห่งความเบิกบานของฤดูใบไม้ผลิอย่างลงตัว มาให้ร่วมสัมผัสสองขนาดคือ ขนาดมินิ และขนาดกลาง

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับกระเป๋ารุ่น Knott (น็อท) สุดชิค วาดลวดลายสลับของสองวัสดุหลักอย่าง Canvas (แคนวาส) และหนังวัวคุณภาพสูง พร้อมตัดกับภาพความฉูดฉาดของฤดูใบไม้ผลิด้วยสีโทนเย็นที่ดูเข้ากันอย่างลงตัว

ปิดท้ายด้วยกระเป๋า Novelty (โนเวลที) ซึ่งถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ เคท สเปด นิวยอร์ก ที่คราวนี้มาในดีไซน์สุดเก๋ เข้ากับคอนเซ็ปท์ Party in the Park ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความสดใสของฤดูใบไม้ผลิได้อย่างลงตัว แต่งแต้มไปด้วยรายละเอียดของความสนุกสนานและการเลือกใช้สีสันอันชาญฉลาด มาพร้อมกับสีสันที่สว่างสดใส ฉูดฉาด รวมไปถึงรูปทรงที่เป็นเอกลัษณ์ เข้ากับภาพของดอกไม้นานาชนิด อันเป็นตัวแทนแห่งจิตวิญญาณของฤดูใบไม้ผลิได้อย่างประณีตลงตัว นอกจากกลิ่นอายแห่งสปริงแล้ว ยังเห็นได้ถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของกระเป๋า สะท้อนให้เห็นถึงแพชชั่นในผลงานหัตถศิลป์ชิ้นนี้ ที่ต้องการจุดประกายทุก ๆ ความสุขสันต์ในกระเป๋ารุ่น Petal (เพทอล) กระเป๋ารูปทรงดอกไม้ที่ทั้งสนุกสนานและเข้ากับหลากหลายลุค

ร่วมสนุกสนานไปการมิกซ์แอนด์แมทช์ และพร้อมเบิกบานไปในทุก ๆ วันกับ Spring Collection จาก เคท สเปด นิวยอร์ก ที่จะเริ่มให้จับจองเป็นเจ้าของได้ก่อนใครตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป มาพร้อมกับข้อเสนอสุดพิเศษ ลดสูงสุด 800 บาท และพิเศษเฉพาะลูกค้าใหม่ที่กดติดตามร้าน Kate Spade New York Official Store รับทันทีโค้ดส่วนลดสูงสุด 200 บาท[1] เฉพาะเหล่านักช้อปบน Shopee Premium เท่านั้น

กดติดตาม เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารและโปรโมชั่นสุดเลอค่าจาก Kate Spade New York Official Store ได้ที่  https://shopee.co.th/katespadenewyork.official