ฮอตแรงแซงคะแนนเสียงป้า ชุ่มหัวใจ! รู้จัก หลานฮิลลารี หล่อเว่อร์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 พ.ย. 2559 16:26

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/779461

หลังจากนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ พ่ายแพ้การเลือกตั้งไป ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เธอเองก็ออกมายอมรับความพ่ายแพ้นี้ ถึงแม้จะเกิดการประท้วงต้านทรัมป์ จนทำให้เกิดเหตุความวุ่นวายในหลายรัฐของสหรัฐฯ…แต่ ช้าก่อน! พักเรื่องราวความเครียดทางการเมืองไปสักแป๊บนึง วันนี้ ไทยรัฐออนไล์ ขออาสาพาไปทำความรู้จัก หนุ่มหล่อสุดฮอตที่ทำเอาสาวแท้ สาวเทียมกรี๊ดกันจนลืมผลการเลือกตั้งไปเลยหนุ่มคนนี้คือหลานชายของ ‘ฮิลลารี คลินตัน’ เขาคือ ‘ไทเลอร์ คลินตัน’ บอกเลยว่าหนุ่มไทเลอร์หล่อฮอตมีดีกรีเป็นถึงนายแบบ เขาเกิดวันที่ 12 พฤษภาคม ปี 1994 ปัจจุบันอายุ 22 ปี เขาเป็นลูกชายของนักแสดงและนักดนตรีอย่าง ‘โรเจอร์ คลินตัน จูเนียร์’ (ซึ่งเป็นน้องชายต่างพ่อของบิล คลินตัน) กับ ‘มอลลี ดี แอน มาร์ติน’

ป้าฮิลลารี กับ หลานไทเลอร์ในวัยเด็ก

บิล คลินตัน และไทเลอร์ คลินตัน

หนุ่มคนนี้เพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโลโยลา แมรีเมาท์ (Loyola Marymount University) แว่วๆ มาจากสื่อต่างประเทศว่าหนุ่มคนนี้ทั้งหล่อ นิสัยดี ฉลาดไม่แพ้ใครและหัวใจของเขาก็ไม่ว่างแล้วเช่นกัน แต่ไม่ต้องเสียใจไปนะจ๊ะ สาวไทยอย่างเราๆ มโนเก่ง ดูรูปวนไป มโนวนไป พร้อมตั้งแฮชแท็กให้ด้วย #ลูกหลานนักการเมืองหล่อบอกต่อด้วย

อย่ามัวพูดพร่ำทำเพลงเยอะ รู้ว่าสาวๆ หลายคนกำลังรออยู่ เรานำรูปบางส่วนจากช่างภาพ Adina Doria มาให้ได้ชมกัน

ภาพ : Adina Doria

ภาพ : Adina Doria

ภาพ : Adina Doria

ภาพ : Adina Doria

ภาพ : Adina Doria

ภาพ : Adina Doria

ภาพ : Adina Doria

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บ้าระห่ำ คาสโนวา 15+1 รู้จัก ‘ทรัมป์’ ประธานาธิบดีคนที่ 45 เอาจริงดิ!

สวย เซ็กซี่ ขยี้ใจ ปธน. 10 ข้อรู้จัก ‘เมลาเนีย ทรัมป์’ สุภาพสตรีหมายเลข 1

สวยอย่างสุภาพเรียบร้อย! 4 ทรงไม่ยากทำผมตามแพรี่พาย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 2 พ.ย. 2559 06:05

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/770741

เป็นการแสดงความไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ประชาชนชาวไทยได้เข้าไปถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา..ประชาชนชาวไทยหลายคนแต่งกายเรียบร้อยถูกระเบียบเข้าเฝ้าฯ ถวายสักการะพระบรมศพ สาวๆ หลายคนต้องการทำทรงผมเรียบร้อยถูกระเบียบ วันนี้ ไทยรัฐออนไลน์ นำขั้นตอนการทำจากช่างผมและเมคอัพอาร์ติสต์ชื่อดัง แพรี่พาย อมตา จิตตะเสนีย์แพรี่พาย ระบุข้อความพร้อมอัลบั้มภาพ ทรงผมสุภาพเรียบร้อย ว่า การแนะนำทรงผมสุภาพเรียบร้อยในครั้งนี้ได้รับความช่วยเหลือจากช่างผมคนดัง น้องดุล @Alexandul ผู้ที่สร้างสรรค์ผมสวยๆ ให้เซเลบริตี้และดารามากมาย ปกติน้องดุลจะมี signature เป็นทรงลอนมหาสมุทร ผมสวยดูหนานุ่มโยกลอนออกมาดูหรูหราราคาแพง ของหลายๆ คนก็มาจากการหวีลอนของน้องเขา รอบนี้ได้น้องมาช่วยกันเกล้า เก็บ และแชร์เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ กับทรงผมสุภาพเรียบร้อยที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ไม่รู้จบ เพื่อให้สาวๆ ได้มีทางเลือกในการแต่งกายสุภาพมากขึ้น แพรหวังว่าจะช่วยสร้างประโยชน์ให้ได้บ้างในทางใดทางหนึ่งนะคะ Alexandul

ทรงที่ 1

แสกกลางธรรมชาติ ตามแบบฉบับสาวไทยแท้ๆ สมัยก่อนเลย โชว์ผมเงางามสุขภาพดี ในกรณีที่ไม่อยากมัดให้เกิดรอย และชอบที่จะปล่อยผมเป็นชีวิตจิตใจ แต่จะปล่อยเฉยๆ เวลาโดนลมก็จะรู้สึกรำคาญ รู้สึกต้องเอามือมาทัดหูตลอด แล้วนอกเหนือจากนั้นไม่อยากเปิดหน้าผากเพราะกังวลเหม่ง เทคนิคง่ายๆ ในการทำทรงนี้ให้สวยและแก้ไขปัญหาดังกล่าวอยู่ในนี้แล้ว !

1.แสกกลาง

2.แบ่งผมหน้าหลัง ให้เริ่มแบ่งจากบริเวณหูลงมาตรงๆ จะได้ตำแหน่งที่สวยพอดี ผมก้อนหลังเก็บขึ้นไว้ข้างบนก่อนนะ

3.ยีช่อหน้าเล็กน้อยให้กลุ่มผมยึดเกาะกันไม่ลื่นหลุดจากช่อ ไม่ต้องยีใหญ่มาก (ถ้าใช้แป้งสำหรับใส่ผมหรือสเปรย์ช่วยก็จะไม่ต้องยีเยอะ)

4.หวีช่อที่เพิ่งยีให้ด้านนอกไม่ยุ่งเหยิง แล้วค่อยๆ รวบไปด้านหลัง ต่ำลงตรงท้ายทอย ใช้หนังยางรัดผมจากทั้งสองข้างเอาไว้ แล้วปล่อยผมก้อนใหญ่ข้างบนลงมาคลุมเอาไว้

เสร็จแล้ว เท่านี้เองก็ได้ผมแสกกลางดูเรียบร้อยและไม่ตกลงมาปรกหน้าเปียกเหงื่อ จะสวิงมุมไหนก็ไม่ยุ่งเหยิงอีกต่อไป

ทรงที่ 2

1.แสกผม (ใครชอบแสกกลางก็ทำได้นะคะ) แบ่งผมช่อหน้าและหลังจากหูเหมือนเดิมค่ะ

2.ผมช่อหน้ายกขึ้นแล้วยีเบาๆ เฉพาะโคนให้ไม่ฟีบแบน

3.หวีผมด้านหน้าให้เรียบขึ้นหน่อย แล้วค่อยๆ บิดออกทั้งแต่หน้าผากมาจนถึงหลังหู ติดกิ๊บยึดเอาไว้ จากนั้นค่อยๆ ดึงให้พองตั้งขึ้นตามระดับความพอใจ แนะนำให้พ่นสเปรย์เพื่อให้อยู่ทรงนานขึ้นนะคะ

4.ผมที่ทิ้งตัวอยู่บนบ่าอย่าปล่อยให้ตรงทื่อ ม้วนปลายเข้าหากรอบหน้าเล็กน้อย แล้วใช้หวีสางเบาๆ จะได้ไลน์ผมที่ช่วยเสริมกรอบหน้าให้ดูหวานขึ้น

ทรงนี้สำหรับคนที่ชอบวอลลุ่มเล็กน้อย ไม่ชอบเห็นโคนลีบแบนค่ะ ถ้าฝึกทำบ่อยๆ ช่วงขั้นตอนการบิดสามารถสร้างเส้นความลึกตื้น ฟุ้งมากน้อยได้อีก ซึ่งจะยิ่งทำให้ได้วอลลุ่มที่ perfect ยิ่งขึ้นค่ะ เรียบร้อยอ่อนหวานสุดๆ

ทรงที่ 3

ดูเรียบร้อยแต่มีกลิ่นอายความเท่ ทรงนี้จะช่วยเสริมให้ศีรษะดูโปร่งยาวขึ้นและไม่มีเส้นผมรกใบหน้า

1.ไดร์ยกโคนผมด้านหน้า เน้นตรงกลางให้แสกผมหายไปนะคะ ทรงนี้ต้องการความโปร่ง เป่าให้โคนตั้งๆ หน่อยจะได้ไม่ต้องยีเยอะ

2.ใช้มือสางผมต่างหวี โกยผมไปด้านบนประมาณกลางกระหม่อม ยึดไว้ รีบติดกิ๊บ

3.ทำขั้นตอนที่ 2 อีกครั้งกับผมที่เหลือทั้ง 2 ข้าง สางไปทีละช่อเล็กๆ

**ในการโกยผมให้พยายามพาขึ้นไปสูงนิดนึง จะได้สร้างเส้นนำสายตาสูงขึ้น เสริมสง่าราศีให้กะโหลกของเรา

4.ทำสลับกันซ้ายขวา ลงมาจนสุดท้ายทอย แค่ทับกันง่ายๆ ผมก็จะดูเหมือนถูกสานเก็บอย่างดี

5.เมื่อสุดท้ายทอยแล้ว ดึงปอยผมออกมา 1 เส้น พันรอบผมที่เหลือแทนหนังยาง

6.tips ในการเก็บปลายของเส้นผมที่ใช้มัด ให้พันรอบกิ๊บดำตัวเล็กจนสุดปลาย แล้วเหน็บกิ๊บซ่อนไว้อีกทีค่ะ นอกจากจะช่วยซ่อนปลายผม ยังทำให้ผมลื่นหลุดยากกว่าการติดกิ๊บปกติด้วย

** ตอนโกยผมไปติ๊ดกิ๊บ พยายามทำให้เป็นร่องนิ้วมือ จะช่วยให้ดูมีวอลลุ่มสวยกว่าแบบเรียบๆ ทรงนี้ทำเสร็จฉีดสเปรย์นิดหน่อยก็อยู่ได้ทั้งวันเลย

ทรงที่ 4

เป็นทรงที่เรียบร้อยและเป็นที่นิยมสำหรับการสวมใส่ชุดไทยจิตรลดา เพราะเรียบร้อย ไม่มีดีเทลเยอะ อีกทั้งการเก็บผมไปทั้งหมดทำให้โชว์ลำคอระหง ไม่ร้อน ดูอ่อนหวานและดูเด็กค่ะ ประโยชน์สารพัดและวิธีทำก็ไม่ยากเลย

1.แบ่งผมแสกกลาง

2.จับช่อจากด้านหน้าสุด แล้วบิดออก เก็บไปด้านหลังใบหู เก็บบิดง่ายๆ เลยค่ะ แล้วติดกิ๊บให้ดีๆ ก็พอ ทำเหมือนกันทั้ง 2 ข้าง

3.มัดรวมช่อผมทั้งหมดเข้ากัน

4.แบ่งผมหางม้าแล้วถักเปียแยกกัน จะได้ 2 เปีย ฉีกเส้นเปียแต่ละอันให้ฟุ้งพองออกนิดหน่อย อย่าให้แน่นมาก ถ้าชอบมวยใหญ่ก็ต้องให้พองมากๆ

5.ไขว้เส้นเปียทั้งสองลงไปเป็นเกลียว

6.ขมวดเปียเป็นมวยขึ้นไปตรงท้ายทอย ติดกิ๊บ ซ่อนปลาย

** สำหรับช่วงเวลาอื่นๆ สามารถประยุกต์ให้ดูสดใสขึ้นโดยการแซมดอกไม้หรือเครื่องประดับเล็กๆ ก็ดูเป็นทรงน่ารักๆ ได้เลย

การเดินทางสู่ห้วงเวลา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 29 ต.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/767122

ไปสำรวจห้วงอวกาศกันไหม? Hermès ขอนำแฟนๆเดินทางสู่ห้วงเวลาสุดแฟนตาซี ด้วยการนำคอลเลกชั่นในตำนาน “Bijouterie” กลับมาสร้างสรรค์ใหม่เป็นคอลเลกชั่นเครื่องประดับชั้นสูง “Haute Bijouterie” โดยฝีมือของ “ปิแอร์ ฮาร์ดี้” ด้วยแรงบันดาลใจจากธีมแห่งกาลเวลา ซึ่งเป็นแนวคิดที่แอร์เมสหลงรักมาตลอด และพยายามส่งต่อความคิดนี้จากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบัน

เรื่องราวครั้งใหม่ ประกอบด้วย 3 ธีม 3 คอนเซปต์ คือ “Ombres et Lumière” แสงและเงา คอลเลกชั่นนี้ “ปิแอร์ ฮาร์ดี้” ให้ความสำคัญกับไข่มุก โดยจินตนาการถึงโครงสร้างของโรสโกลด์ และเพชรงามบริสุทธิ์ ที่ร้อยเรียงเพื่อรองรับไข่มุกเม็ดงาม ในเฉดสีขาวและเทากว่า 212 เม็ด หรือจะเป็น คอลเลกชั่น “Attelage Céleste” รถม้าแห่งสรวงสวรรค์ ได้แรงบันดาลใจจากรูปทรงกราฟฟิกของนาฬิกาแดด ที่ใช้สำหรับวัดเวลาที่เคลื่อน ผ่าน โดยกำหนด ห้วงเวลาแห่งจินตนาการ เป็น อนุกรมของเลข 11, 13 และ 25 เขามุ่งหวังที่จะรังสรรค์เวลาแห่งสุริยะให้ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง จึงเลือกใช้เสน่ห์อบอุ่นของเฉดสีเหลืองทอง สีโอปอล์ ชมพู พลอยโทแพซอิมพีเรียล และอัมบาแซฟไฟร์ สำหรับคอลเลกชั่น “The Feux du Ciel” ไฟแห่งสรวงสวรรค์ ได้อินสไปเรชั่นจากหลากสีสันแห่งรุ่งอรุณ อวดโฉมในคอนเซปต์ “เสน่ห์ความจริงแห่งกาลเวลา” จับต้องไม่ได้และเป็นนิรันดร์.

สไตล์ ไอคอน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 22 ต.ค. 2559 05:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/760421

ถือเป็นการจับมือที่สร้างความฮือฮาให้วงการแฟชั่นและกีฬาลูกหนังมาก เมื่อ 2 บอสใหญ่ของ 2 วงการ โคจรมาพบกันอย่างอะเมซซิ่ง โดย “ดีเซล” แบรนด์ไลฟ์สไตล์แฟชั่นระดับโลก ผนึกกำลังเป็นสไตล์พาร์ตเนอร์อย่างเป็นทางการกับ “เอซี มิลาน” สโมสรฟุตบอลระดับตำนานของอิตาลี เป็นเวลา 3 ปีเต็ม เพื่อรับหน้าที่ออกแบบเครื่องแต่งกายชุด “นอกสนาม” ให้นักฟุตบอลทีมเอซี มิลานทั้งหมด เพื่อให้เหล่าฮีโร่ลูกหนังได้หล่อระทึกอย่างมีสไตล์

ในฐานะผู้ก่อตั้งดีเซล “เรนโซ รอสโซ” บอกเล่าว่า ความร่วมมือระหว่างดีเซลและ “เอซี มิลาน” ครั้งนี้ คือความฝันยิ่งใหญ่ที่กลายเป็นความจริง สำหรับผมและครอบครัว รวมถึงแบรนด์ดีเซลด้วย เราทั้งสองมีสปิริตเดียวกันคือเป็นแบรนด์ระดับไอคอนของอิตาลี และมีความฝันเดียวกัน ที่จะนำความภาคภูมิใจ ความหลงใหล และความกล้าหาญมาสู่แฟนๆของเรา…เลือดสูบฉีดเลยทีเดียว.

11 ข้อผิดพลาดของสาวๆ กับการใช้มาสคาร่า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย Vogue Thailand 20 ต.ค. 2559 16:01

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/747716

มาสคาร่าเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่สาวๆ ขาดไม่ได้แน่นอน แต่รู้ไหมว่าหลายคนยังใช้มาสคาร่ากันผิดๆ อยู่เลย หากใช้ผิดวิธีแทนที่จะได้ขนตางอนเด้ง อาจจะกลายเป็นขนตาขาดๆ  ก็เป็นได้! มาดู 11 ข้อผิดพลาดของการใช้มาสคาร่ากันดีกว่า ลองแอบเช็กตัวคุณเองด้วยว่าคุณปัดมาสคาร่าผิดๆ อยู่รึเปล่านะ?1. ปัดมาสคาร่าตามแนวนอนเท่านั้น

การปัดแต่แนวนอนอาจจะทำให้เนื้อของมาสคาร่าไปเคลือบขนตาของคุณได้ไม่ทั่วถึง  นอกจากการใช้แปรงปัดขนตาในแนวนอนแล้ว คุณยังสามารถปัดด้วยแปรงตั้งตามแนวโค้งของดวงตาเพื่อให้เข้าถึงฐานของขนตาจริงๆ

2. ใช้มาสคาร่ายี่ห้อเดียวเพื่อดัดขนตา ทำให้ยาวหรือหนาขึ้น

การปัดมาสคาร่าหลายๆ ชั้นช่วยให้คุณมีขนตาในฝันได้ แต่มาสคาร่ายี่ห้อเดียวอาจไม่เพียงพอ คุณอาจจะทามาสคาร่าที่เพิ่มความหนาก่อน จากนั้นตามด้วยมาสคาร่าเพิ่มความยาวแล้วค่อยปัดมาสคาร่าชนิดกันน้ำ แค่นี้รับรองว่าสวยเด้ง!



3. ปัดเฉพาะด้านล่างของขนตาบน

ก่อนจะปัดจากใต้ขนตาขึ้นไป อย่าลืมปัดขนตาด้านบนก่อนด้วย เพื่อไม่ให้ขนตาทิ่มลง  ทีนี้ขนตาของคุณก็หนาสุดๆ แล้ว



4. ดัดขนตาหลังจากปัดมาสคาร่า

ข้อนี้มั่นใจว่าหลายๆ คนกำลังทำอยู่แน่นอน ขอให้หยุดด่วน! ไม่อย่างนั้นคุณอาจเสียขนตาไปฟรีๆ ได้ เพราะมาสคาร่าทำให้ขนตาเปราะและขาดง่ายขึ้น และยังทำให้ขนตาที่ดัดไม่งอนสวยอย่างธรรมชาติ



5. ไม่ทาคอนซีลเลอร์บนเปลือกตา

ต่อให้คุณระวังแค่ไหน คุณอาจจะจบลงที่ตาแพนด้าก็เป็นได้ ทางที่ดีใช้ eye primer หรือคอนซีลเลอร์ทาเปลือกตากันเยิ้มดีกว่า ส่วนสาวๆ ที่ขนตายาวอาจประสบปัญหามาสคาร่าเลอะเปลือกตา แนะนำให้มองลงเพื่อให้มาสคาร่าแห้งสนิทก่อน หากเลอะแล้ว ให้เอาสำลีก้านจุ่มเมคอัพรีมูฟเวอร์ถูส่วนที่เลอะซะ



6. จุ่มแปรงซ้ำๆ ให้มาสคาร่าติดเยอะขึ้น

การจิ้มจุ่มซ้ำๆ นำเอาอากาศและแบคทีเรียเข้าไปในขวด ทำให้มาสคาร่าในขวดแห้งและเป็นเกล็ดเร็วขึ้น คุณควรใช้แปรงหมุนๆ เอา อีกอย่างคือถ้ามาสคาร่าหมดอายุแล้วก็ทิ้งๆ ไปอย่าเสียดาย



7. ไม่เช็ดมาสคาร่าส่วนเกินตรงปลายแปรง

หากมาสคาร่าปลายแปรงชอบเลอะขอบตาคุณ ถึงเวลาเอาทิชชูเช็ดก้อนส่วนเกิน ไม่ก็ขูดกับก้นขวดมาสคาร่าออกก่อนปัด ทั้งนี้ทั้งนั้น มาสคาร่าที่ดีจะไม่สร้างปัญหานี้ตั้งแต่แรก ฉะนั้นเลือกให้ดีนะสาวๆ



8. ทำตามวิธีลัดเพื่อขนตาสวยทุกวิถีทาง

บนอินเทอร์เน็ตมีคนโพสต์ทริคปัดมาสคาร่ามากมาย คุณจะต้องชั่งใจดูว่าอันไหนปลอดภัย อันไหนไม่ควรเสี่ยง อย่าลืมว่าคุณมีดวงตาคู่เดียว ถนอมไว้ให้ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ใส่คอนแทคเลนส์

9. พยายามปัดรากขนตาด้วยแปรงมาสคาร่าอันใหญ่ 

ระวังให้ดีเพราะแปรงอันใหญ่อาจจะทำให้ขอบตาของคุณอักเสบได้ ลองใช้แปรงขนาดเล็กหรือใครมีแปรงแต่งตาหัวตัดและแบน ก็สามารถประยุกต์ใช้ในการทามาสคาร่าที่ฐานขนตาได้อย่างดี



10. ทาขนตาขณะมองลงอย่างเดียว

การกลอกตาหลายๆ ทิศช่วยให้คุณปัดได้สะดวกขึ้น ปัดมาสคาร่าสวยๆ ไม่พอ ได้ออกกำลังลูกตาไปด้วย! ถ้าอยากปัดขนตาล่างก็มองบน ปัดขนตาบนก็มองล่าง ปัดข้างๆ ตาก็กลอกซ้ายกลอกขวาแค่นี้เอง



11. ทามาสคาร่าซ้ำระหว่างวัน

การปัดซ้ำๆ จะทำให้ขนตาคุณเป็นก้อนได้ คุณควรใช้มาสคาร่าชนิดกันน้ำให้อยู่ทนทั้งวัน ถ้าอยากปัดซ้ำจริงๆ ให้เลือกแบบแปรงหัวเล็กปัดส่วนที่หลุดออกก็พอ

ที่มา – Vogue Thailand
www.vogue.co.th
www.facebook.com/VogueThailandOfficial


เรื่องเล่าที่มา แฟชั่นเสื้อผ้าฤดูหนาว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย GQ Thailand 17 ต.ค. 2559 16:02

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/747642

ถ้าปี 2016 คือปีแห่งความวุ่นวาย ทั้งความไม่แน่นอนของสภาพเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นผลโหวต Brexit ของสหราชอาณาจักรเพื่อออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรือสถานการณ์การก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในยุโรป ทั้งกลางกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และในสนามบินบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม นี่ยังไม่รวมความวุ่นวายจากการก่อการร้ายต่างๆ นานา ที่เวลานี้คืบคลานไปทั่วทุกภูมิภาคของโลก ไม่เว้นแม้แต่ในทวีปเอเชียที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซียเมื่อต้นปีที่ผ่านมา หรือล่าสุดกับระเบิดพลีชีพในสนามบินอิสตันบูล และก่อนหน้านี้ในกรุงอังการาของประเทศตุรกี นี่คือช่วงเวลาแห่งความยากลำบากของเศรษฐกิจโลกและสังคมโลกที่ครอบคลุมไปด้วยความปั่นป่วนอย่างแท้จริง ซึ่งความปั่นป่วนและความหวาดกลัวนี้ยังส่งอิทธิพลและสะท้อนให้เห็นผ่านเรื่องราวของเสื้อผ้าสุภาพบุรุษในฤดูกาลนี้อีกด้วยหากเราตีความเครื่องแต่งกายเป็นเพียงวัตถุสิ่งของเพื่อการสวมใส่ เชิ้ต แจ็กเกต และกางเกง ย่อมไม่มีความหมายอื่นใดซับซ้อนนอกจากเป็นเครื่องนุ่งห่มเพื่อสร้างความอบอุ่นและใช้ปกปิดร่างกายอันเปลือยเปล่า แต่หากตีความเสื้อผ้าด้วยมุมมองแบบงานศิลปะและปรัชญา เสื้อผ้าเหล่านี้จะเปรียบได้กับวัตถุชิ้นสำคัญที่นักออกแบบสร้างมาเพื่อปลอมประโลมใจพวกเราให้ผ่านพ้นคืนวันอันหม่นเศร้าของประวัติศาสตร์ ณ ห้วงเวลานี้ ด้วยเหตุนี้นักออกแบบจำนวนมากจึงต่างสร้างสรรค์ฮีโร่ในอุดมคติของพวกเขา ฮีโร่ที่จะมาทำหน้าที่พาพวกเราให้หลุดพ้นจากความสิ้นหวังโดยฮีโร่คนสำคัญคนแรกที่โลกแฟชั่นหยิบยื่นให้ คือภาพลักษณ์ของนักเดินเรือในประวัติศาสตร์ ซึ่งปรากฏชัดเจนในงานออกแบบของมิวเซีย พราด้า ที่ห้องเสื้อ Prada “นี่คือการเดินทางข้ามประวัติศาสตร์ มันคือจุดเชื่อมต่อของสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบันกับสิ่งที่ปรากฏในอดีต” มิสพราด้ากล่าวหลังโชว์พราด้าจบลงท่ามกลางเวทีซึ่งตกแต่งล้อมรอบไปด้วยอาคารไม้สไตล์จัตุรัสกลางเมืองของยุคล่าอาณานิคมในยุโรป เธอกำลังเล่าถึงภาพฝันที่มีฮีโร่เป็นนักเดินเรือในความคิดของเธอ เหล่ากะลาสีและนักสำรวจคือจุดเชื่อมต่อความรู้สึกแห่งความขมขื่นในช่วงการล่าอาณานิคม การค้าทาส และการกดขี่ข่มเหงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของยุโรป

ความกลัว ความรู้สึกไม่แน่นอน และความโกรธแค้นทั้งหมดนี้สำหรับพราด้าเปรียบได้กับความรู้สึกกลัวในสิ่งที่พวกเราต้องเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ ในปัจจุบัน มันคืองานออกแบบเสื้อที่ยกโลกทั้งสองฝั่งจากอดีตและปัจจุบันให้มาบรรจบกัน เพื่อย้ำเตือนไม่ให้เราหลงลืมบทเรียนที่ประวัติศาสตร์หยิบยื่นให้ “ถ้าคุณมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์แล้วเปรียบเทียบกับโลกในทุกวันนี้ คุณย่อมเห็นเรื่องราวที่แตกต่างแต่กลับคล้ายคลึงกัน” มิสพราด้ากล่าวย้ำ

แต่ความน่าสนใจของพราด้าไม่ได้มีเพียงการเรียงร้อยเรื่องราวของอดีตเข้ากับปัจจุบัน  เสื้อผ้าเหล่านั้นยังถูกทำให้ดูเก่า ทั้งการฟอกด่างหรือการเคลือบให้ดูเก่าคร่ำคร่าราวผ่านกาลเวลาหลายสิบปี สิ่งเหล่านี้คือการตีความเสื้อผ้าในรูปแบบใหม่ว่าเสื้อผ้านั้นเปรียบได้กับสมุดบันทึกแห่งความทรงจำ เพราะมนุษย์เรามักมีความทรงจำกับเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ เช่น เสื้อผ้าชุดแรกที่เราใส่ออกเดต แจ็กเกตตัวแรกที่เราใส่สมัครงาน หรือชุดแต่งงานที่พวกเราใส่ในคืนวันสำคัญ เสื้อผ้าเหล่านี้ล้วนมีเรื่องราวของความทรงจำฝังอยู่ มันคือกระบวนการตีโจทย์ว่าเสื้อผ้าเป็นมากกว่าเครื่องนุ่งห่มเพื่อสร้างความอบอุ่นและปกปิดร่างกาย มันคือการเปรียบว่าเสื้อผ้าเป็นเหมือนสมุดบันทึกประวัติของตัวเรา

ความทรงจำและการเดินทางมาพบกันของประวัติศาสตร์หลายช่วงเวลาที่ถูกถ่ายทอดเป็นภาพของบุคคลยังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านเสื้อผ้าเปื่อยยุ่ยผุพังจากธอม บราวน์ (Thom Browne) โดยโชว์ถูกจัดแสดงให้เหมือนการเดินทางย้อนเวลาสู่ความทรงจำในประวัติศาสตร์ นายแบบที่เดินเรียงรายมีใบหน้าขาวซีดดั่งภูติผีที่สิงสถิตอยู่ในชุดเสื้อผ้าเก่าเก็บจากหีบสมบัติ นี่คือภาพฮีโร่ที่ถูกหลงลืมในอดีตแล้วตามมาหลอกหลอนพวกเราในวันนี้ บ้างก็เป็นนักธุรกิจ บ้างเป็นนักเดินทาง บ้างเป็นผู้พิพากษา บ้างก็เป็นนักแสดง แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนล้วนมีเหมือนๆ กันคือ เรื่องราวของประวัติศาสตร์ที่ถูกฝังผ่านอาภรณ์ซีดเซียวผุพังที่พวกเขาสวมใส่ แจ็กเกตผ้าวูลและโอเวอร์โค้ตผ้าทวีดถูกฉีกแล้วทอใหม่ บ้างถูกปั่นด้วยเครื่องจักรจนเปื่อยยุ่ยเหมือนข้าวของโบราณที่เราพบเห็นในพิพิธภัณฑ์

ความทรงจำและภาพฮีโร่ของอดีตจากส่วนต่างๆ ของช่วงเวลายังแสดงให้เห็นชัดเจนผ่านงานออกแบบของราฟ ซิมอนส์ (Raf Simons) เสื้อผ้าขนาดใหญ่ยักษ์ผิดรูปทรงพร้อมรายละเอียดเปื่อยยุ่ยและรอยขาด จึงเหมือนหลักฐานการปะติดปะต่อเรื่องราวของฮีโร่หลากหลายคนในประวัติศาสตร์ ทั้งผู้กำกับดัง เดวิด ลีนช์ (David Lynch) ศิลปินภาพถ่าย ซินดี้ เชอร์แมน (Cindy Sherman) หรือแม้แต่ปิศาจร้ายเฟรดดี้ ครูเกอร์ (Freddy Krueger) และนักออกแบบเสื้อคนดัง มาร์แตง มาร์เจียลา (Martin Margiela) ซิมอนส์เรียกคอลเลคชั่นล่าสุดของเขาว่า ‘Nightmares and Dreams’ โดยเขากล่าวถึงโลกของความฝันที่มีส่วนน่าสนใจสุด ซึ่งผูกติดกับความบิดเบี้ยวและความกลัว “ผมชอบที่จะสร้างสรรค์สิ่งสวยงาม” เขากล่าว “แต่มันจะน่าสนใจมากขึ้นเมื่อสิ่งเหล่านั้นเริ่มผิดรูป หม่นหมอง และแปรเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นสิ่งผิดปกติ” เสื้อผ้าในคอลเลคชั่นล่าสุดโดยซิมอนส์จึงกลายเป็นประสบการณ์หลอนของภาพฝันร้ายที่แตกออกเป็นส่วนๆ ก่อนที่เสื้อผ้าเหล่านั้นจะถูกนำมาปะติดปะต่อกันอีกครั้ง ซึ่งแนวคิดดังกล่าวได้รับการนำมาใช้คู่ขนานไปพร้อมๆ กับธอม บราวน์ และพราด้า เสื้อผ้าของพวกเขาทั้งหมดจึงเปรียบได้กับสมุดไดอารี่ที่บันทึกเรื่องราวของโลกแห่งความจริงกับโลกแห่งความฝันของผู้สวมใส่

แต่นักออกแบบที่แปรเปลี่ยนความฝันให้กลายเป็นเสื้อผ้าของวัยทีนได้สำเร็จคงไม่ใช่ใครอื่น นอกจากนักออกแบบดาวรุ่งคนล่าสุดนามอเลสซานโดร มิเคเล (Alessandro Michele) จากกุชชี่ (Gucci) นี่ถือเป็นคอลเลคชั่นเสื้อผ้าผู้ชายคอลเลคชั่นที่ 3 ความน่าสนใจของคอลเลคชั่นนี้คือความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงภาพฝันของเด็กเนิร์ดแนวแฟนตาซีที่มิเคเลถนัด จนกลายเป็นเสื้อผ้าเท่ๆ ที่สามารถใส่ได้จริงบนท้องถนน ตัวการ์ตูนสนูปี้กลายเป็นพระเอกของโชว์ที่ช่วยแต่งแต้มความทะเล้นให้เสื้อผ้าลายละเอียดจัดๆ “คุณรู้ไหมสนูปี้ก็เหมือนนักปรัชญา” มิเคเลเล่าถึงที่มาของตัวละครเอก ก่อนเสริมว่า “มันถึงเวลาแล้วที่คุณจะสวมเสื้อผ้าเหล่านี้เพื่อเปลี่ยนให้เป็นตัวของคุณเอง” นี่จึงเป็นคอลเลคชั่นเสื้อผ้าที่เปิดกว้างให้คุณระเบิดแยกชิ้นส่วน แล้วนำมันกลับมาประกอบเป็นรูปร่างเสียใหม่ เพื่อค้นหาตัวตนและสไตล์ที่แท้จริงของตัวคุณเอง

ในขณะที่ประวัติศาสตร์สร้างโลกแห่งความฝันให้แบรนด์ใหญ่ๆ หลายแบรนด์ เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ยังก่อให้เกิดงานออกแบบเสื้อผ้าที่ยึดโยงอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง ทั้งนี้สามารถเห็นได้ชัดผ่านเสื้อผ้าจากเบอร์เบอรี่ (Burberry) และหลุยส์ วิตตอง (Louis Vuitton) สำหรับเบอร์เบอรี่นั้นคือการหยิบยืมเสื้อผ้าวินเทจจากประวัติศาสตร์ของห้องเสื้อซึ่งเป็นเทรนช์โค้ตโบราณจากเหล่านักสะสมทั่วโลกเพื่อมาจัดแสดงบนรันเวย์ ก่อนใช้เทรนช์โค้ตโบราณเหล่านั้นเป็นต้นแบบเพื่อผลิตเทรนช์โค้ตฤดูกาลล่าสุดสำหรับการจัดจำหน่าย

เทรนช์โค้ตจากหลายช่วงเวลาในประวัติศาสตร์จึงเปรียบได้กับฮีโร่คนสำคัญจากอดีตที่เดินทางข้ามผ่านกาลเวลากลับมาผงาดร่างอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งในปี ค.ศ. 2016 “บางอย่างเก่า บางอย่างใหม่ บางอย่างก็หยิบยืมมา…” คือถ้อยคำบรรยายที่เขียนไว้ในกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่ทุกคนได้รับ “มันคือการประกาศจุดยืนกับความรู้สึกภาคภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น” คริสโตเฟอร์ เบลีย์ (Christopher Bailey) ประธานฝ่ายสร้างสรรค์และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแบรนด์กล่าวหลังโชว์จบ

เสื้อผ้าในคอลเลคชั่นนี้จึงรับอิทธิพลของแบบเสื้อและเทรนช์โค้ตในอดีต ซึ่งล้วนสง่างามในการออกแบบและเป็นเลิศในเรื่องประโยชน์ใช้สอย หนึ่งในเทรนช์โค้ตที่น่าประทับใจคือเทรนช์โค้ตเก่าแก่ที่ออกแบบในช่วงทศวรรษ 1930s ซึ่งภายในตัวโอเวอร์โค้ตมีการใช้ผ้าห่มวูลลายตารางเบอร์เบอรี่สุดคลาสสิกทำหน้าที่เป็นซับใน มันคือส่วนผสมอันสมบูรณ์แบบของแจ็กเกตกันฝนและโอเวอร์โค้ตเก็บความอบอุ่นที่แบรนด์ดังเคยหลงลืมและทำสูญหายไป แต่บัดนี้ความสมบูรณ์แบบเหล่านั้นได้เดินทางกลับมาในที่สุด

ด้าน หลุยส์ วิตตอง ก็ไม่น้อยหน้า ในฤดูกาลล่าสุด คิม โจนส์ (Kim Jones) ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของหลุยส์ วิตตอง นำเสนอภาพของฮีโร่ในอุดมคติที่เป็นสุภาพบุรุษหลุยส์ วิตตอง พวกเขาคือนักเดินทางสุดชิคจากโลกเก่า ทั้งนี้โจนส์หยิบยืมแรงบันดาลใจจากสิ่งของที่วิตตองเคยสร้างในอดีต ทั้งหีบเสื้อผ้า กล่องเก็บเครื่องดื่มสำหรับการเดินทาง ตลอดจนเฟอร์นิเจอร์และเครื่องเรือนไม้ รวมทั้งหนังที่สามารถพับเก็บได้ เสื้อผ้าในคอลเลคชั่นนี้จึงเกิดขึ้นเคียงคู่งานนิทรรศการย้อนรอยประวัติศาสตร์ของหลุยส์ วิตตอง ในกรุงปารีสที่ชื่อ ‘Volez, Voguez, Voyagez’

“มันคือปารีสในอดีตและปัจจุบันที่มาบรรจบกัน” โจนส์กำลังชี้ให้เราเห็นโลกในอดีตของวัฒนธรรมนักเดินทางชาวปารีเซียงชั้นสูงที่เชื่อมโยงผูกพันกับแบรนด์หลุยส์ วิตตอง อีกทั้งความเชื่อมโยงนี้ยังส่งผลมาถึงเสื้อผ้าแนวร่วมสมัยแบบนักเดินทางสุดเท่ที่สวมแจ็กเกตแขนกุด กางเกงทรงสอบ พร้อมกระเป๋าทรังก์ลายโมโนแกรมสีดำ ทั้งนี้ชื่อเรียกสั้นๆ ที่โจนส์ตั้งให้โชว์ในฤดูกาลล่าสุดคือ ‘Future Heritage’ หรือแปลได้ว่า ‘มรดกทางวัฒนธรรมของโลกอนาคต’

ฮีโร่คนถัดมาที่โลกแฟชั่นนำเสนอคือเหล่านักปฏิวัติ พังก์ดูจะเป็นฮีโร่เด่นของกลุ่มที่ดาหน้าประกาศอิสรภาพในหลายรันเวย์ แต่หนึ่งในผู้ชายสไตล์พังก์ที่โดดเด่นสุดกลับปรากฏที่ห้องเสื้อเก่าแก่นามลองแวง (Lanvin) หลังจากการประกาศลาออกอย่างกะทันหันของนักออกแบบเสื้อผ้าผู้หญิงคนดัง อัลแบร์ เอลบาซ (Alber Elbaz) เรื่องราวดราม่ามากมายก็พรั่งพรูออกมาทำลายชื่อเสียงลองแวงที่สั่งสมมานานนมหลายปี

การจัดแสดงแบบเสื้อคอลเลคชั่นผู้ชายคอลเลคชั่นแรกที่จะเป็นงานออกแบบและควบคุมชนิดร้อยเปอร์เซ็นต์โดยนักออกแบบสายเลือดดัตช์นามลูคัส ออสเซนดริจเวอร์ (Lucas Ossendrijver) จึงกลายเป็นหนึ่งไฮไลต์สำคัญของสัปดาห์แฟชั่นในกรุงปารีส ความน่าสนใจของภาพสุภาพบุรุษคนใหม่ของลองแวงโดยออสเซนดริจเวอร์ คือการสร้างภาพใหม่เอี่ยมอ่องแบบสุภาพบุรุษสุดดิบได้สำเร็จ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ผู้ชายลองแวงกลายเป็นผู้ชายเท่ๆ ที่น่าปรารถนาในที่สุด ต่างจากผู้ชายหวานๆ ในสมัยที่ยังมีเอลบาซ ซึ่งทั้งอ่อนโยน ทั้งนุ่มละมุน และผูกพันวนเวียนอยู่กับผ้าไหมและริบบิ้นตกแต่งเสื้อผ้า

อีกหนึ่งนักออกแบบที่นำเสนอภาพลักษณ์ของความเป็นขบถแบบเดียวกันกับลองแวง คืองานออกแบบของคริส แวน อาช (Kris Van Assche) จาก ดิออร์ ออม (Dior Homme) ภายใต้เสื้อผ้าสมบูรณ์แบบที่พวกเราเห็นแวบแรก แท้จริงกลับเต็มไปด้วยความผิดเพี้ยนและความเป็นขบถซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่ดิออร์เป็น กางเกงขากว้างปรากฏรอยเย็บทั่วตัวเหมือนตัวละครเอกแซลลี่จากภาพยนตร์แอนิเมชั่น The Nightmare Before Christmas หรือลุคสูทกางเกงหนังที่ให้ภาพตัวละคร Edward Scissorhands นี่คือภาพเสื้อผ้าแนวกูตูร์ตามแบบฉบับดิออร์ แต่ถูกปรับแต่งให้ดูขบถท่ามกลางฉากและแสงสีบนเวทีที่ตกแต่งแบบลานสเก็ต

แต่ฮีโร่ที่โดดเด่นสุดของฤดูกาลนี้ คือเหล่านักสู้ นักรบ และทหารกล้าที่ปรากฏโฉมมากมายหลากหลายแห่ง ทั้งนักรบจากห้วงอวกาศของเวอร์ซาเช่ (Versace) คาวบอยปืนโตจากโดลเช่ แอนด์ กาบบาน่า (Dolce & Gabbana) นายพลแห่งโลกมินิมัลจากจิล แซนเดอร์ (Jil Sander) หรือราชนาวีพังก์จากอเล็กซานเดอร์ แมคควีน (Alexander McQueen) โดยนักรบที่น่าประทับใจที่สุดนั้นปรากฏตัวอยู่ที่โชว์ดรีส แวน โนเทน (Dries Van Noten) ในกรุงปารีส

นี่คือแฟชั่นโชว์ที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าเป็นโชว์ที่ดีที่สุดของกรุงปารีสในปีนี้ พาเหรดนายแบบในภาพของทหารกล้าท่ามกลางความยิ่งใหญ่ของฉากแสนตระการตาในโรงละครโอเปร่ากลางกรุงปารีสจึงอัดแน่นไปด้วยเครื่องแต่งกายแบบนายพลที่มีพระเอกหลักเป็นโอเวอร์โค้ตตัวยาวปักประดับด้วยเลื่อมและดิ้นทอง ความน่าสนใจของเสื้อผ้ายังหมายรวมถึงลายพิมพ์ที่เป็นรูปแบบของงานศิลปะแนวไซเคเดลิก ซึ่งได้กราฟิกดีไซเนอร์ชื่อดังชาวอเมริกันจากทศวรรษ 1960s นามว่าเวส วิลสัน (Wes Wilson) มาออกแบบ แต่สิ่งมหัศจรรย์ที่ดรีส แวน โนเทน สร้างความประทับใจให้ผู้ชมในฤดูกาลนี้คือ การย้ำเตือนให้เรารู้ว่า ‘ชีวิตก็เหมือนละคร และทุกตัวละครล้วนมีบทบาทที่ต้องแสดง’

สิ่งนี้แสดงออกอย่างชัดเจนผ่านแผนผังการจัดแสดงโชว์บนเวที โดยผู้ชม สื่อมวลชน และนักวิจารณ์ จะนั่งรวมอยู่บนเวทีโรงละครโอเปร่าซึ่งสามารถเปรียบได้กับ ‘ตัวประกอบหลัก’ ของเรื่องบนรันเวย์ พวกเขามีหน้าที่สื่อสาร ตีความ และเติมเต็มเรื่องราวในการแสดงนั้นๆ ให้สมบูรณ์แบบ ในขณะที่เหล่าช่างภาพซึ่งถูกแยกให้นั่งอยู่ด้านนอกของเวทีโรงละคร จึงเปรียบได้กับ ‘ผู้ดู’ ที่มีหน้าที่เฝ้ามองและบันทึกความทรงจำแห่งการแสดงนั้นๆ ผ่านเทคนิคการถ่ายภาพนิ่งและภาพวีดิโอเคลื่อนไหว

โชว์ของดรีส แวน โนเทน จึงเหมือนบทสรุปที่บอกให้เรารู้ว่า ภายใต้ช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก พวกเราทุกคนไม่ว่าจะเป็นส่วนเล็กหรือส่วนใหญ่ในสังคม ต่างล้วนมีส่วนสำคัญที่จะช่วยเปลี่ยนโลกที่เศร้าหมองหรือเลวร้ายให้กลับมายิ่งใหญ่และสดใสได้ด้วยสองมือของเราเอง

ที่มา – GQ Thailand
www.gqthailand.com

สุดยอดนางแบบ Kate Moss เปิด Modeling Agency

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย Vogue Thailand 13 ต.ค. 2559 16:02

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/742306

ในที่สุด Kate Moss ก็เปิด Modeling Agency เป็นของตัวเองเสียที หลังคว่ำหวอดในวงการนางแบบและวงการแฟชั่นมานานกว่า 3 ทศวรรษ โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เธอก็เริ่มส่งสัญญาณว่าจะออกมาทำเอเจนซี่เองด้วยการออกจาก Storm Management เอเจนซี่แรกและเอเจนซี่เดียวที่เธออยู่มาตั้งแต่อายุ 14Kate Moss เผยกับ Business Of Fashion ว่า Modeling Agency ของเธอจะออกแนวผู้จัดการมากกว่า โดยเธอไม่ต้องการคนหน้าตาดี แต่ต้องการคนที่อยากร้องเพลง เต้น หรือแสดง ‘ฉันอยากสร้างดาวดวงใหม่’ พูดง่ายๆ ก็คือเอเจนซี่ของเธอนั้นจะเน้นไปที่คนที่มีความสามารถเป็นหลัก
Kate Moss ถูกค้นพบครั้งแรกที่สนามบิน JFK นิวยอร์กโดย Sarah Doukas ผู้ก่อตั้งเอเจนซี่ Storm Management ซึ่งหลังจากนั้นมาเธอก็ปรากฏบนปกโว้กในจำนวนที่มากกว่านางแบบในยุคเดียวกันหลายเท่า เธอมองว่าการออกมาทำเอเจนซี่เองครั้งนี้เหมือนเป็นการย้ายออกจากบ้านตอนวัยรุ่น ถึงเวลาแล้วที่เธอจะสยายปีกบินและใช้ชีวิตด้วยตนเอง

มาตามดูกันต่อไปว่า ดาวดวงแรกที่ Kate Moss จะปั้นนั้นคือใคร จะออกมาในลุคเดียวกับเธอหรือไม่

ที่มา – Vogue Thailand
www.vogue.co.th
www.facebook.com/VogueThailandOfficial

ตัวเลือกใหม่เพื่อผิวเนียนกระจ่างใส

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 13 ต.ค. 2559 05:30

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/751377

ฉลองเข้าสู่ปีที่ 4 ของผลิตภัณฑ์แบรนด์ ele (อีแอลอี) ซึ่งได้เสียงตอบรับจากหนุ่มสาวที่รักการดูแลผิวพรรณเป็นอย่างดี ผู้บริหารสาวเก่ง สุธาสินี ผกากรอง จึงถือเป็นฤกษ์ดีเปิดตัวแพ็กเกจใหม่ 2 ผลิตภัณฑ์ “ele Mineral White Mask Plus” และ “ele CC Cream Ready Go SPF50 PA+++” โดยปรับแพ็กเกจใหม่ ทั้งตัวขวดบรรจุที่ถูกออกแบบมาเพื่อรักษาเนื้อครีมและคำนึงถึงการใช้งานจริงเป็นหลัก และรูปลักษณ์กล่องภายนอกที่ปรับให้ดูเติบโตมีระดับมากขึ้น เพื่อต้อนรับตลาดใหม่ๆในประเทศและในระดับสากล
ทีมผู้บริหาร อีแอลอี จากประเทศเกาหลี มาร่วมยินดีกับ สุธาสินี ผกากรอง.สำหรับ ele Mineral White Mask Plus เป็นมาส์กหน้าก่อนนอน ซึ่งจะช่วยดูแลผิวในขณะหลับ ให้ผิวดูกระจ่างใสและเรียบเนียน คงความชุ่มชื้น และ ele CC Cream Ready go SPF 50 PA+++ รอง พื้นเนื้อ cc ผสมสารป้องกันแสงแดด มีเนื้อครีมที่บางเบา ช่วยปกปิดริ้วรอย ผิวดูเรียบเนียน เป็นรองพื้นที่มีเนื้อครีม และฟังก์ชันที่เหมาะกับสภาพอากาศและผิวของคนเอเชีย จึงทำให้สาวๆ ออกนอกบ้านได้อย่างมั่นใจในทุกๆวัน นอกจาก ปรับรูปโฉมใหม่แล้ว ยังเพิ่มสติกเกอร์ QR Code โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงจากประเทศเกาหลี เพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบได้ว่า ผลิตภัณฑ์ชิ้นนั้นๆของ ele เป็นของจริงหรือไม่ เพียงสแกนบาร์โค้ดผ่านแอพพลิเคชั่น Hidden Tag ก็สามารถตรวจสอบได้แล้ว เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับลูกค้า…สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของแบรนด์อีแอลอี ได้ที่ facebook.com/ele4u และ Instagram: @ele_ceo

ยุวเรต ศรุตานนท์-พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ 

ที่แรก! เปลือยลึก นุ๊กซี่ พริตตี้ฮอตหวานใจ ปู แบล็กเฮด (ชมคลิป)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 12 ต.ค. 2559 06:05

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/750531

เป็นความรักที่มีคนติดตามมากที่สุดคู่หนึ่ง หลังมีข่าวว่านักร้องรุ่นเก๋าที่ยังมีงานทัวร์คอนเสิร์ตอย่างสม่ำเสมอ อย่างปู แบล็กเฮด “อานนท์ สายแสงจันทร์” กุ๊กกิ๊กนุ๊กซี่-อัญพัชญ์ วัฒนาตันติรัตน์ พริตตี้สุดฮอตที่มีคนตามไอจีมากที่สุดในบรรดาพริตตี้ คือมีผู้ติดตามทะลุหลักล้าน มากกว่าดารานักแสดงหลายคน

ความสนใจพุ่งตรงไปที่สาวเซ็กซี่มากมาย แต่เธอยังไม่เคยให้สัมภาษณ์ที่ไหน เป็นความพิเศษที่ไทยรัฐออนไลน์มีโอกาสได้เปิดคอนโดฯ ล้วงลึกหัวใจ และไปทำความรู้จักตัวตนของ ‘นุ๊กซี่’ พริตตี้สาวสุดฮอตทุกๆ เรื่อง ที่ไม่เคยรู้

โดยเฉพาะเรื่องหัวใจที่ฟังแล้วซู่ซ่าๆ จั๊กจี้หัวใจแกมอิจฉา ในความรักที่อายุห่างกันถึง 18 ปี และความหวานน้ำตาลเรียกพี่

‘วันนี้คบกัน 6 เดือนแล้วเรียกแฟนได้เต็มปากไหม ได้นะ’

‘หนูอายุห่างกับพี่ปู 18 ปี พี่ปู 46 ปี ถามว่านี่คือแฟนที่แก่ที่สุดในชีวิตไหม (หัวเราะ) ก็มาก แต่พี่ปูยังถือว่าเป็นขวัญใจของทุกคนมากๆ ไม่ว่าจะยังไงพี่ปูก็ทำให้ทุกคนกรี๊ดได้ เราชอบในความเป็นตัวเขา ชอบหลายๆ อย่าง’

‘แรกๆ ที่เราคุยกันบอกตรงๆ เราแทบไม่รู้สึกว่าจะมีอะไรจริงจังหรือเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน เพราะภาพนักร้องเขาดูเจ้าชู้ แต่พอสัมผัสจริงๆ เขาเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนและรักครอบครัวมาก ความรักครอบครัวทำให้รู้สึกว่าเป็นพื้นฐานของความจริงใจ เขาใส่ใจคนรอบข้าง ใส่ใจกระทั่งครอบครัว และการทำงานอย่างวงแบล็กเฮดหรือคนที่เกี่ยวข้องกับวง’

‘เราเจอกันครั้งแรก ในรายการไทยรัฐทีวี รายการลับลวงหลอก แค่ร่วมงานกันไม่ได้ปิ๊งอะไรกัน ถามว่ามีถูกเนื้อต้องตัวไหมตามคอนเซปต์เกมรายการ ไม่มีค่ะ วันนั้นโจทย์ที่ได้เป็นเกมกินกล้วยแล้วเขาต้องกินกล้วยจากปากเรา ซึ่งทุกคนได้กินกันแทบทั้งหมด ดังนั้น ไม่ใช่นุ๊กซี่ที่ได้กินกล้วยพี่ปูคนเดียว (หัวเราะเสียงดัง) เรากินกันเกือบหมดทุกคน’ ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์เปิดใจลึกและสนุกสุดๆ ที่แรก

พร้อมกับแฟชั่นเซตเซ็กซี่สุดสะเด่าเต็มพิกัด มาอุ่นเครื่องกันก่อนที่บทสัมภาษณ์ฉบับเต็มๆ จะออกมาเร็วๆ นี้ ที่นี่ที่แรกเช่นเคย 

อัญพัชญ์ วัฒนาตันติรัตน์

นุ๊กซี่

อ่านเพิ่ม : โป๊ะแตก! “ปู แบล็คเฮด” ฉายเดี่ยวเที่ยวทะเล แต่โลเคชั่นเดียวกับ “นุ๊กซี่”

ไม่เว่อร์ ! ง่ายเพียง 5 สเต็ปลดอาการบวมคล้ำ กระชับผิวสวยเปล่งปลั่ง !

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 11 ต.ค. 2559 06:05

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/742211

นอนดึกตื่นเช้าใช่ว่าจะดี นอกจากคุณจะรู้สึกนอนไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนเพลีย สมองไม่แล่น มันยังส่งผลให้สภาพผิวหน้าของคุณแย่ลงไปด้วย ยิ่งคุณนอนดึกทุกวันติดต่อกันเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีเอฟเฟกต์กับผิวหน้ามากเท่านั้น บางคนอาจหน้าบวมใหญ่ ใต้ตาบวมคล้ำ ผิวขาดความชุ่มชื้น แถมยังหย่อนคล้อยไม่หายขาดสักที ว่าแล้ว ลองเช็กสภาพผิวหน้าของคุณตอนนี้สิว่า…พังหรือแย่ ?! ถ้าไม่ไหวจะเคลียร์ขาดการดูแลอย่างเห็นได้ชัด ไทยรัฐออนไลน์ ขอแนะนำให้ลอง 5 ขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้ รับรองว่าผิวหน้าของคุณจะกระชับกลับมาเป๊ะเว่อร์มากกว่าเดิม !
เช็กสภาพผิวหน้าตัวเองสักนิด !1. ทำให้หน้าสะอาดหมดจด


อย่าคิดว่าการนวดหน้าจะสามารถนวดตอนไหนก็ได้ เพราะหากคุณนวดทั้งๆ ที่ใบหน้ามัน-สกปรก เต็มไปด้วยฝุ่นละออง และสารเคมีตลอดวัน นั่นอาจเป็นการเพิ่มระดับแบคทีเรียให้กับใบหน้ามากกว่า โดยเฉพาะรูขุมขนกว้างที่เป็นแหล่งอุดตันสะสมชั้นยอด ฉะนั้นก่อนการนวดหน้าทุกครั้ง สิ่งที่สำคัญที่สุดขั้นตอนแรก คือการเตรียมผิวหน้าให้สะอาด ไร้สารเคมี และความมันใดๆ อยู่บนใบหน้าทั้งสิ้น โดยคุณอาจจะล้างหน้า ชำระสิ่งสกปรกไปพร้อมๆ การอาบน้ำ ทำให้ใบหน้าสะอาด และรู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด (หลังจากเจอสิ่งหนักๆ มาทั้งวัน)

อย่างไรก็ตาม คุณต้องมั่นใจด้วยนะว่าคุณล้างมือสะอาดมากพอ ก่อนเอามือไปล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าปกติ หรือล้างด้วยคลีนเซอร์ที่คุณใช้เป็นประจำ !

ล้างหน้าให้สะอาด (ก่อนการนวด) ทุกครั้ง2. ใช้มือค่อยๆ ตบเฉียงขึ้นด้วยแรงผ่อนหนักเบา

หลังจากล้างหน้าแล้วให้คุณพักหน้าไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วค่อยนวดหน้า ซึ่งมันมีอยู่ 2 ทริคด้วยกัน ที่จะช่วยดึงผิวหน้าที่เหนื่อยล้าให้กลับคืนมาสดใส เปล่งปลั่งขึ้นอีกครั้ง …

ทริคแรก : ใช้นิ้วมือของคุณค่อยๆ ตบเฉียงขึ้น โดยเริ่มต้นจากปลายคาง มันจะช่วยป้องกันการหย่อนคล้อย และรอยย่นบนใบหน้า จากนั้นพอมาถึงบริเวณรอบดวงตา ให้คุณกดเบาๆ โดยรอบ และกดเน้นน้ำหนักบนส่วนที่เซ็นซิทีฟน้อยที่สุด อย่างหน้าผาก, แก้ม และคางแทน

ทริคที่สอง : นอกจากนิ้วมือแล้ว การใช้ ‘มอยซ์เจอไรเซอร์’ หรือ ‘น้ำมัน’ ขณะนวด ที่มีส่วนประกอบอย่าง กรดอะมิโน หรือมีส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ 100 %(ปราศจากสารสังเคราะห์) ยังทำให้ใบหน้าของคุณดูชุ่มชื้น เปล่งประกายสุขภาพผิวดีมากขึ้นด้วย เพราะมันจะซึมซับลงสู่ผิวหน้าทุกอณูอย่างล้ำลึก ที่สำคัญมันจะทำให้การนวดผ่อนคลายดีกว่าปกติอย่างไม่น่าเชื่อ

นวดหน้าด้วยมอยซ์เจอไรเซอร์3. ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับบริเวณใต้ตา 


ไม่ว่าคุณจะใช้แค่ปลายนิ้วมือ หรือใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ก็ตามแต่ คุณควรเน้นพื้นที่ที่มีความละเอียดอ่อนให้มากๆ ส่วนที่บอบบางที่สุด อย่างเช่น รอบๆ ดวงตาคู่สวย คุณควรใช้ปลายนิ้วแตะนวดสัมผัสเบาๆ อย่างนุ่มนวลเสมอก่อนนอน โดยให้คุณนวดหมุนวนเป็นวงกลมรอบๆ ดวงตา มันจะช่วยคืนความสดใสให้ดวงตาคุณจนคุณสังเกตได้ ขจัดความหมองคล้ำใต้ตา และรอยบวมใต้ตาให้หายเป็นปลิดทิ้ง…แต่ระวังอย่าพยายามออกแรงมากเกินไป เพราะจะทำให้ดวงตาช้ำได้ง่ายนะเออ

4. ให้เวลากับการทำทรีทเมนท์หน้าสักนิด

เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการลดอาการบวมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการบวมหน้า หรือใต้ตาบวม-หมองคล้ำ และกระชับสัดส่วนใบหน้าได้รูป คุณควรต้องมีเวลาให้การนวดหน้าประมาณ 5 นาที ใน 2 ครั้งต่อวัน หรือถ้าคุณชอบมากกว่าที่จะนวดเป็นเวลานานๆ จะได้รู้สึกผ่อนคลายเต็มที่(นวดไม่บ่อย) อย่างน้อยคุณต้องให้เวลานวดทรีทเมนท์กับมัน 30 นาที ประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ แล้วคุณจะเห็นผลลัพธ์ที่คุณรอคอยอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม !

ทรีทเมนท์ผิวบ้างอย่างน้อย 5-10 นาทีต่อครั้ง5. ใช้เครื่องมือปลุก/กระตุ้นผิวหน้า
บางครั้งแค่การใช้นิ้วมือนวดเบาๆ อย่างไม่เพียงพอ เราแนะนำให้คุณมีเครื่องมือเสริม อย่าง ‘ลูกกลิ้งนวดหน้า’ เป็นตัวช่วยให้รูปหน้าของคุณเชฟ-ยกกระชับขึ้นอีกทางหนึ่ง ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการนวดหน้าให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยวิธีใช้ง่ายๆ เพียงแค่นำมันกลิ้งลงไปบนใบหน้าของคุณ ไล่จากส่วนล่างปลายคางไปยังส่วนบน และหมุนวนช้าๆ บริเวณรอบดวงตา หรือถ้าคุณจะนำไปแช่เย็นก่อนนำมากลิ้งนวดก็ไม่ว่ากัน เพราะความเย็นนี้จะช่วยลดการอักเสบต่างๆ ที่ปรากฏเด่นชัดอยู่บนใบหน้า และยังมอบความสดใส ชุ่มชื้นเปล่งปลั่งเสมือนมีน้ำมาหล่อเลี้ยงในทุกๆ ส่วนของผิวหน้าด้วย