สื่อจีนลือภาพหลุด คาดเป็น ‘iPhone7’ จะใช้กล้องหลังแบบเลนส์คู่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/592079

 

สื่อจีนเผยภาพที่คาดว่าจะเป็นไอโฟน 7 พลัส (iPhone 7Plus) โดยเผยถึงรูปร่างล่าสุดที่ถูกออกแบบมากับกล้องหลังแบบ 2 เลนส์ หรือ Dual Lens Camera โดยกล้องหลังจะยื่นนูนออกมาแล้วจะเรียบไปกับตัวเครื่อง…

เว็บไซต์ macrumors รายงานการรายงานของ bastillepost.com ในฮ่องกง เผยภาพที่คาดว่าจะเป็นไอโฟน 7 พลัส (iPhone 7Plus) โดยเผยถึงรูปร่างล่าสุดที่ถูกออกแบบมา ถึงความเปลี่ยนแปลงตามข่าวลือก่อนหน้านี้ว่า จะมีการนำเอากล้่องหลังแบบ 2 เลนส์ หรือ Dual Lens Camera มาใช้งาน โดยกล้องหลังจะยื่นนูนออกมาแล้วจะเรียบไปกับตัวเครื่อง ตรงกับข่าวลือก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าไอโฟนรุ่นใหม่มากับกล้องดูอัลเลนส์

เท่าที่เห็นจากภาพก่อนหน้านี้ กล้องแบบเลนส์คู่ มาพร้อมไมโครโฟน และแฟลชแบบ LED ขณะที่เสาอากาศถูกเปลี่ยนตำแหน่งย้ายไปอยู่ด้านบนและด้านล่างของเครื่อง นอกจากนี้ยังมีจุด 3 จุดด้านหลังเครื่อง บริเวณส่วนล่าง ที่น่าจะใช้กับสมาร์ทคอนเนคเตอร์แบบใหม่ แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าจะใช้เชื่อมต่ออุปกรณ์ในรูปแบบไหน แต่น่าจะใช้ในการเชื่อมต่อข้อมูล และชาร์จไฟ รวมทั้งการต่อกับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ อย่างไรก็ตามมีการเผยถึงรายละเอียดของปุ่มปรับเสียง และสวิตช์ปิดเสียง ด้านข้างซ้าย ปุ่มเปิด-ปิดเครื่องด้านขวา บนตัวเครื่องแบบยูนิบอดี้ วัสดุอะลูมินั่ม เหมือนตระกูลไอโฟน 6

นอกจากนี้ตามข่าวลือที่ออกมาก่อนหน้า ไอโฟน 7 จะเป็นรุ่นแรกที่เอาช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.ออกจากเครื่อง โดยเลือกใช้ช่อเชื่อมต่อไลท์นิ่งแบบออล-อิน-วัน รวมทั้งมากับลำโพงสเตอริโอ 2 ข้าง ที่น่าจะให้กำลังเสียงที่กระหึ่มมากกว่าเดิม.

ที่มา : macrumors.com

โมโตจะกลับมา! เลอโนโวพลิกกลยุทธ์ขาย หวังสิ้นปีขายไม่ต่ำกว่าล้านเครื่อง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/591733

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 16 มี.ค. 2559 13:50

 

เลอโนโวเผยแผนธุรกิจสมาร์ทโฟน ตั้งเป้าปีนี้ขายล้านเครื่อง เผยเตรียมดึงแบรนด์โมโตกลับมาทำตลาดอีกครั้ง เปิดตัวภายในเดือนนี้…

นายทวนทอง ศรีวิเชียร ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน บริษัท เลอโนโว ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถจำหน่ายสมาร์ทโฟนได้ 5 แสนเครื่อง คิดเป็นอัตราการเติบโตราว 50% จากปีก่อนหน้า ทำให้บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 2-3% ซึ่งสัดส่วนการจำหน่ายนั้นแบ่งเป็นกรุงเทพฯ 60% ต่างจังหวัด 40% และคาดว่าในปีนี้จะมีสัดส่วนเปลี่ยนเป็น 50% ต่อ 50% จากการขยายช่องทางจัดจำหน่าย การขยายตลาดไปยังต่างจังหวัด รวมถึงความร่วมมือกับลาซาด้าในการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งบริษัทมีการพิจารณาขยายช่องทางจำหน่ายออนไลน์ร่วมกับผู้ให้บริการรายอื่นด้วย

“เราเริ่มขยายช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์เมื่อกลางปีที่แล้ว ด้วยสมาร์ทโฟนรุ่น A7000 ซึ่งเป็นดีลพิเศษจำหน่ายบนลาซาด้าเท่านั้น และได้ผลตอบรับค่อนข้างดีโดยสามารถจำหน่ายได้ราว 40,000 เครื่อง นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่าย (โอเปอเรเตอร์) อย่างทรูมูฟ เอช ซึ่งสามารถเพิ่มยอดจำหน่ายให้บริการได้เป็นอย่างมาก”

สำหรับในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มอัตราการจำหน่ายสมาร์ทโฟนขึ้นอีกเท่าตัว จากเดิม 5 แสนเครื่อง เป็น 1 ล้านเครื่อง โดยจะมีการทยอยตัวรุ่นใหม่ทุกไตรมาส ไตรมาสละ 1-2 รุ่น ซึ่งบริษัทจะเน้นการทำตลาดในกลุ่มราคาระดับล่าง-กลาง ด้วยราคา 2,000-8,000 บาท พร้อมทำตลาดสมาร์ทโฟน 4จี ราคาต่ำกว่า 3,000 บาทออกมาอย่างต่อเนื่อง จากที่ปัจจุบันมีรุ่น True Lenovo 2010 ในราคา 2,990 บาทแล้ว ขณะเดียวกันก็จะมีการจัดโปรโมชั่นและสนับสนุนช่องทางจัดจำหน่ายหลากหลาย รวมถึงมีความร่วมมือกับโอเปอเรเตอร์อย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนเลอโนโวให้เป็นไปตามเป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผู้บริโภคชาวไทยยังคงมีกำลังซื้อสำหรับสมาร์ทโฟนอย่างต่อเนื่อง จากการจับจ่ายเพื่อเปลี่ยนเครื่องใหม่ รองรับเทคโนโลยีใหม่ รวมถึงรองรับการใช้งาน 4จี ที่มีการเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ซึ่งเชื่อว่าในปีนี้ ภาวะการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนของประเทศไทยยังคงเน้นด้านราคาเป็นหลัก ทั้งยังมีการทยอยเปิดตัวแบรนด์ใหม่ๆ จากจีนเพื่อช่วงชิงลูกค้า โดยในปีที่ผ่านมา ยอดจำหน่ายมือถือในประเทศไทยอยู่ที่ 18 ล้านเครื่อง คาดว่าในปีนี้จะเพิ่มเป็น 20 ล้านเครื่อง หากเลอโนโวมียอดจำหน่ายตามเป้าหมายที่วางไว้ก็จะทำให้มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 5%

นอกจากนี้ ตัวแทนจากเลอโนโว ยังได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจสมาร์ทโฟนของแบรนด์โมโตโรล่า โดยระบุว่า ภายในเดือนมีนาคมนี้ เลอโนโวจะนำเสนอสมาร์ทโฟนแบรนด์โมโตออกสู่ตลาดอีกครั้ง ขอยืนยันว่าเลอโนโวและโมโตจะไม่หายไปจากตลาดสมาร์ทโฟนอย่างแน่นอน แต่จะกลับมาทำตลาดร่วมกัน แต่จะแบ่งสายผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจน โดยเลอโนโวจะมุ่งเน้นที่สมาร์ทโฟนราคาระดับล่าง-กลาง ขณะที่โมโตจะเน้นสินค้าราคากลางขึ้นไป หรือตั้งแต่ 8,000 บาทขึ้นไป เนื่องจากทั้ง 2 แบรนด์มีจุดยืนที่แตกต่างกันในสายผลิตภัณฑ์ ซึ่งเชื่อว่าการจำหน่ายเลอโนโวและโมโตจะช่วยให้บริษัทสามารถเติบโตและมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ในอันดับ 3-4 ของผู้นำตลาดได้ในทุกประเภทที่ทำตลาด

ส่วนงบการทำตลาดนั้น จะมีการปรับเพิ่มขึ้นประมาณเท่าตัว จากเดิมที่ใช้งบประมาณราว 70-80 ล้านบาท เพื่อทำตลาดให้กับแบรนด์เลอโนโว ซึ่งในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณเท่าตัวเนื่องจากมีการทำตลาดร่วมกันทั้งแบรนด์เลอโนโวและโมโต.

เฉพาะลูกค้าเอไอเอส ซัมซุงจับมือเสิร์ฟข้อเสนอพิเศษ เรียกเรตติ้งกาแลคซี่ เอส 7

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/591253

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 15 มี.ค. 2559 16:30

 

ซัมซุง จับมือ เอไอเอส จัดข้อเสนอพิเศษให้ลูกค้า เป็นเจ้าของกาแลคซี่ เอส 7 หรือกาแลคซี่ เอส7 เอดจ์ได้ เพียงแค่จ่าย 5,000 บาท ผ่อน 1 ปี รอเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ได้ต่อ…

นายวิชัย พรพระตั้ง รองประธานองค์กรธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า การใช้สมาร์ทโฟนเพื่อถ่ายภาพ คิดเป็นสัดส่วนกว่า 90% ของภาพถ่ายทั้งหมด ซึ่งในประเทศไทยนั้น พบว่ามีปริมาณการโพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊กถึง 16.5 ล้านภาพต่อวัน อินสตาแกรม 477,000 ภาพต่อวัน ทั้งยังเน้นการถ่ายภาพในอาคารมากกว่าภายนอก ทำให้มีข้อจำกัดเรื่องการถ่ายภาพในพื้นที่แสงน้อย ทำให้ผู้บริโภคใช้ความสามารถของกล้องถ่ายภาพสมาร์ทโฟนเป็นหนึ่งในปัจจัยเลือกซื้อสมาร์ทโฟน ซึ่งซัมซุงพยายามนำเสนอเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน โดยกล้องถ่ายภาพของกาแลคซี่ เอส 7 และกาแลคซี่ เอส 7 เอดจ์ สามารถจับโฟกัสได้อย่างรวดเร็ว กันน้ำ กันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68 อยู่ใต้น้ำลึก 1.5 เมตร นาน 30 นาที

“เชื่อว่ากำลังซื้อของตลาดรวมมือถือในปีนี้จะเป็นสมาร์ทโฟน ด้วยสัดส่วนกว่า 90% จากเดิมราว 80% ซึ่งยังคงมีการซื้อฟีเจอร์โฟนอยู่อีกเล็กน้อย เนื่องจากมาเปิดตัวเครือข่าย 4จี อย่างเต็มรูปแบบ ทำให้ผู้บริโภคสามารถใช้บริการได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดคอนเทนต์ที่น่าสนใจตามมาอีกมาก เรียกว่าดีไวซ์พร้อม เน็ตเวิร์กพร้อม ทำให้คนกล้าเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานมาใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถืออย่างมาก”

อย่างไรก็ตาม กว่าครึ่งของสัดส่วนสมาร์ทโฟนในตลาดรวมนั้น อยู่ในราคาระดับล่าง-กลาง หรือประมาณ 5,000-10,000 บาท ขณะที่สัดส่วนสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์นั้น คิดเป็นสัดส่วนราว 20% ของตลาดรวม ซึ่งในปีที่ผ่านมาตลาดรวมมือถือมียอดจำหน่ายราว 14 ล้านเครื่อง โดยแบ่งเป็นสมาร์ทโฟนประมาณ 10 ล้านเครื่อง ส่วนการเติบโตในปีนี้ เชื่อว่าจะมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีกเพียงเล็กน้อย จากปัจจัยบวกทั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ และการมาของ 4จี เต็มรูปแบบ นอกจากนี้ เชื่อว่าผู้บริโภคกำลังรอเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเข้ามาตอบสนองการใช้งานที่มากขึ้น เช่น กล้อง 360 และแว่นวีอาร์ ซึ่งซัมซุงพยายามนำเสนอสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ หลังจากเปิดตัวสมาร์ทโฟนซัมซุง กาแลคซี่ เอส 7 และกาแลคซี่ เอส 7 เอดจ์ ออกสู่สายตาผู้บริโภค รวมถึงได้เปิดให้จองซื้อผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย (โอเปอเรเตอร์) เมื่อเร็วๆ นี้ ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวแคมเปญร่วมกับเอไอเอส โดยเปิดให้ลูกค้าเอไอเอส 5,000 คน รับสิทธิพิเศษในการซื้อกาแลคซี่ เอส 7 และกาแลคซี่ เอส 7 เอดจ์ ก่อนเปิดขายจริงในวันที่ 18 มีนาคมนี้

นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า ดีลพิเศษดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งข้อเสนอที่ดีที่สุดแห่งปีจากเอไอเอส สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อกาแลคซี่ เอส 7 และกาแลคซี่ เอส 7 เอดจ์ สามารถจ่าย 5,000 บาท และชำระค่าเครื่อง 2,100 บาทต่อเดือน นาน 10 เดือน พร้อมรับค่าโทร 400 นาที อินเทอร์เน็ต 30GB นาน 12 เดือน โดยหลังจากเดือนที่ 12 สามารถนำเครื่องมาอัพเกรดเป็นซัมซุงแฟล็กชิปรุ่นต่อไป พร้อมชำระค่าเครื่อง 2,000 บาทต่อเดือน นาน 10 เดือน พร้อมรับค่าโทร 400 นาที และอินเทอร์เน็ต 30GB นาน 10 เดือน ส่วนลูกค้าที่สนใจซื้อกาแลคซี่ เอส 7 เอดจ์ ก็จะได้ข้อเสนอเดียวกัน แต่ต้องชำระค่าเครื่องในราคา 2,400 บาท นาน 10 เดือน ถือเป็นความคุ้มค่าสำหรับลูกค้าเอไอเอสที่ต้องการซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว.

เมื่อการแข่งเทคโนโลยี-คุ้มค่าดุเดือด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/590741

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 15 มี.ค. 2559 15:05

 

เอปสันประเทศไทย โชว์ผลประกอบการปี 2558 ตลาดอิงค์เจ็ตพรินเตอร์เติบโตสูงสุดกว่า 20% อวดธุรกิจขยับเป็น 8% พร้อมตั้งเป้าเติบโตอีก 10% ภายในสิ้นปีนี้…

นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากการดำเนินธุรกิจในปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถเติบโตอยู่ที่ 8% จากเดิม 6% ซึ่งรวมการดำเนินธุรกิจทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้แก่ ประเทศเวียดนาม พม่า กัมพูชา ลาว และปากีสถาน จากความสำเร็จในการขยายตลาดในกลุ่มราคาระดับกลางถึงระดับสูง ผ่านกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ หน่วยงานราชการและสถาบันการศึกษา เป็นต้น ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตเป็น 10%

สำหรับการเติบโตของกลุ่มสินค้านั้น ตลาดอิงค์เจ็ตพรินเตอร์สามารถสร้างอัตราการเติบโตได้สูงสุด ด้วยสัดส่วนกว่า 20% จากสินค้ากลุ่มแอล ซีรีส์ หรือเครื่องแท็งค์แท้ ซึ่งบริษัทเริ่มทำตลาดเมื่อ 5 ปีก่อนหน้า และยังคงขยายตลาดในกลุ่มดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สินค้ากลุ่มอื่นๆ อาทิ ทีเอ็ม พรินเตอร์ (เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ) สามารถเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจได้ราว 16%, โปรเจกเตอร์ เติบโต 3%, พรินเตอร์หน้ากว้างเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม เติบโตได้ 1% เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ประกอบกับหน่วยงานภาครัฐชะลอการใช้งบประมาณ ทำให้เกิดภาวะการชะลอซื้อ แต่เชื่อว่ากำลังซื้อทั้งในกลุ่มหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจะกลับมาในปีนี้

“ปัจจัยที่กลุ่มอิงค์เจ็ตพรินเตอร์ของเอปสันสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง มาจากความสามารถในการตอบโจทย์ความคุ้มค่าแก่ผู้บริโภค บริษัทพยายามนำเสนอการใช้งานพรินเตอร์ที่มีค่าใช้จ่ายต่อแผ่นในราคาถูก รวมถึงการปรับภาพลักษณ์ของเอปสันสู่ภาพลักษณ์แบรนด์คุณภาพที่มีเครื่องพิมพ์ราคาในระดับกลาง ทำให้สินค้ากลุ่มดังกล่าวได้รับความนิยมจากลูกค้าเอสเอ็มอีและโซโฮ จนสามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดเชิงมูลค่าได้เป็นอันดับ 1 ทั้งในกลุ่มซิงเกิลฟังก์ชั่นและมัลติฟังก์ชั่น ด้วยสัดส่วน 41% จากเดิม 35% แม้ว่าจำนวนการจำหน่ายจะลดลงจากเดิม มากกว่า 1 ล้านเครื่อง เหลือเพียง 9 แสนเครื่องก็ตาม แต่สัดส่วนมูลค่าอิงค์เจ็ตพรินเตอร์ก็ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทจะใช้กลยุทธ์หลัก 3 ประการ คือ การสร้างมูลค่าแก่ลูกค้า การสร้างมูลค่าทางธุรกิจใหม่ และการสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์ ผ่านการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่น่าสนใจ และราคาคุ้มค่าการใช้งาน อาทิ พรินเตอร์กลุ่มแอล ซีรีส์, โปรเจกเตอร์รุ่นใหม่ที่ให้ความสว่าง 6,000-25,000 ลูเมนส์, เครื่องพิมพ์ใบเสร็จแบบพกพา รุ่น TM-m30 และแว่นตาอัจฉริยะ Moverio BT-2000 ที่สามารถนำเสนอข้อมูล 3 มิติ เป็นต้น นอกจากนี้ก็จะมีความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ การขยายตลาดไปยังต่างจังหวัด การจัดกิจกรรมต่างๆ และการเพิ่มศักยภาพให้บริการหลังการขาย เพื่อสร้างการเติบโตให้กลุ่มธุรกิจต่างๆ ตามที่บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ อาทิ กลุ่มอิงค์เจ็ตพรินเตอร์ เติบโตไม่ต่ำกว่า 15%, พรินเตอร์หน้ากว้างเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม 15% และโปรเจกเตอร์ 8%

“บริษัทจะขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายให้ครอบคลุมตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีอยู่ 166 ราย เป็นอย่างน้อย 180 รายในปีนี้ รวมถึงการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดเฉพาะด้าน เช่น หน่วยงานราชการ อุตสาหกรรมสิ่งทอ และตลาดเฉพาะทางวิชาชีพ เช่น โรงพยาบาล คลินิก รวมถึงตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคอินโดจีน ที่เอปสันประเทศไทยดูแลอยู่ โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มคอนซูเมอร์และกลุ่มองค์กร อยู่ที่ 40% และ 60% ตามลำดับ ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนในกลุ่มลูกค้าขององค์กรเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 55% และเชื่อว่าในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 65% ได้”

นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมายังเป็นโอกาสครบรอบ 25 ปี ที่บริษัทดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยบริษัทได้ใช้งบประมาณราว 30 ล้านบาท เพื่อทำการตลาดภายใต้แนวคิด EPSON TRUST IN YOU ซึ่งในปีนี้บริษัทจะใช้งบประมาณใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เพื่อสานต่อการทำตลาดในแนวคิดดังกล่าว และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้ารวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจของเอปสัน เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว.

ทันก่อนสงกรานต์ ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 7 – เอส 7 เอดจ์ พร้อมขาย 18 มี.ค.59

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/590871

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 15 มี.ค. 2559 06:30

 

ซัมซุงเปิดตัว กาแลคซี่ เอส 7 และ กาแลคซี่ เอส 7 เอดจ์ ชูกล้องโฟกัสไวถ่ายได้ทุกสภาพแสง มาตรฐาน IP68 กันน้ำ 1.5 เมตร กันฝุ่น และช่องใส่ซิมไฮบริดที่ใส่ได้ทั้งซิมการ์ด และ microSD Card พร้อมขาย 18 มี.ค.นี้…

ซัมซุงจัดงานเปิดตัวสมาร์ทโฟน รุ่นล่าสุดในตระกูลกาแลคซี่ “ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 7 และ กาแลคซี่ เอส 7 เอดจ์ (Samsung Galaxy S7 & Galaxy S7 edge) เน้นตอบไลฟ์สไตล์ผู้ใช้งาน เพราะโดดเด่นด้วยการออกแบบเฉียบ กล้องสุดล้ำ สวย สว่าง แม้แสงน้อย IP68 กันน้ำกันฝุ่น พร้อมช่องใส่ซิมไฮบริด เลือกใส่ซิมที่ 2 หรือเพิ่มหน่วยความจำ หลังเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่งาน Samsung Unpacked 2016 ได้เพียง 3 สัปดาห์ ก็มีกระแสตอบรับที่ดี อย่างท่วมท้นทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย ซึ่งซัมซุงไม่รอช้ารีบนำสมาร์ทโฟน 2 รุ่นล่าสุด มาให้คนไทยได้เชยชมและจับจองเป็นเจ้าของเป็นประเทศต้นๆ ในโลก โดยจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศในวันที่ 18 มีนาคม 2559 เป็นต้นไป

เปิดตัว Samsung Galaxy S7 ที่สามารถกันน้ำได้ในระดับ IP68

กาแลคซี่ เอส 7 มีกล้องทรงพลังที่ถ่ายภาพได้ในที่แสงน้อย

จากประสงการณ์การใช้งานของลูกค้าทำให้ซัมซุงพบว่า ผู้บริโภคที่ชอบถ่ายภาพและท่องเที่ยว พบข้อจำกัดหลายๆ อย่างในการถ่ายภาพในแบบที่ตนเองต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ถ่ายภาพกลางคืนที่แสงน้อยแล้วออกมาไม่สวย ความละเอียดกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล ไปเที่ยวสวนน้ำแล้วต้องเก็บโทรศัพท์ไว้อย่างมิดชิดเพราะกลัวเปียก หรือมีปัญหาเรื่องหน่วยความจำเต็ม เป็นต้น โดย กาแลคซี่ เอส 7 และ กาแลคซี่ เอส 7 เอดจ์ จะทำลายข้อจำกัดที่มีให้หมดไป จึงมากับมาตรฐาน IP68 การันตีความสามารถกันน้ำ สามารถอยู่ใต้น้ำได้ลึกสุด 1.50 เมตร นานถึง 30 นาที และกันฝุ่นเข้าเครื่องได้ เพื่อตอบสนองการใช้งานแบบไร้ขีดจำกัด ทุกที่ทุกสภาวะ

กาแลคซี่ เอส 7 สามารถอยู่ใต้น้ำได้ลึกสุด 1.50 เมตร นานถึง 30 นาที

สมาร์ทโฟนที่ลงไปอยู่เป็นเพื่อนกับปลาได้

ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 7 มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.1 นิ้ว และกาแลคซี่ เอส 7 เอดจ์ มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว แบบ Quad HD Super Amoled 2560×1440 (577ppi) ขอบจอโค้งสองด้าน ทำจากกระจก 3D และโลหะ ดีไซน์สุดประณีต ทนทาน ไม่ใช่แค่สวย แต่ให้ความรู้สึกดีมากเวลาถือในมืออีกด้วย มีกล้องถ่ายภาพคุณภาพสูง ให้ภาพสว่างขึ้น คมชัดขึ้นแม้ในยามแสงน้อย ด้วยเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้างขึ้น F1.7 พร้อมระบบดูอัล พิกเซล (Dual Pixel) หรือพิกเซลคู่ ครั้งแรกในสมาร์ทโฟน พิกเซลที่ใหญ่ขึ้น จึงโฟกัสภาพอัตโนมัติได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องมานั่งเศร้าว่ากว่าจะโฟกัสได้ก็พลาดช็อตสำคัญไปแล้ว แรงด้วยชิปประมวลผลออคต้าคอร์ (2.3GHz ควอดคอร์+1.6GHz ควอดคอร์) โดยส่วนควอดคอร์ เป็น (2.15GHz ดูอัลคอร์ +1.6 GHz ดูอัลคอร์​) รองรับเทคโนโลยี่ 64 บิต แรม 4GB พื้นที่เก็บข้อมูล 32/64GB

กาแลคซี่ เอส 7 หน้าจอขนาด 5.1 นิ้ว แบบ Quad HD Super Amoled 2560×1440 (577ppi)

กาแลคซี่ เอส 7กับอุปกรณ์เสริม คีย์บอร์ด คัฟเวอร์ สำหนับลผู้ใช้ที่เน้นการพิมพ์ข้อความ

แบตเตอรี่ ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 7 ขนาด 3,000 mAh และ กาแลคซี่ เอส 7 เอดจ์ อยู่ที่ 3,600 mAh รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย LTE 4G ไวไฟ 802.11 a/b/g/n/ac บลูทูธ NFC และช่องเชื่อมต่อ ไม่โครยูเอสบี 2.0 รองรับเทคโนโลยี Fast Chargeing และการชาร์จไฟแบบไร้สาย มากับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 6.0 มาสเมโลว์

สมาร์ทโฟนที่ลงไปอยู่เป็นเพื่อนกับปลาได้

กาแลคซี่ เอส 7 และ เอส 7 เอดจ์ยังมีช่องใส่ซิมไฮบริด ที่เป็นช่องอเนกประสงค์ ผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะใส่ จะซิมการ์ดเพื่อใช้งานดาต้า หรือจะเลือกใส่เป็นซิมการ์ดที่สองเวลาเดินทางต่างประเทศ หมดปัญหาซิมหายเวลาเปลี่ยนซิม รวมทั้งยังเอา microSD Card มาเสียบแทนก็เพิ่มได้อย่างจุใจถึง 200GB หลังจากที่รุ่นก่อนหน้านี้ตัดหน่วยความจำภายนอกทิ้งไป นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นใหม่ Always-On Display: แค่เหลือบมองก็เห็นข้อมูล ช่วยได้ไม่ต้องแตะเครื่อง แค่เหลือบมองก็เห็นข้อมูลที่ตั้งไว้ กาแลคซี่ เอส 7 และ กาแลคซี่ เอส 7 เอจด์ มี 4 สี คือ สีดำโอนิกซ์ (Black Onyx) สีทองแพลตตินั่ม (Gold Platinum) สีเงินไทเทเนี่ยม (Silver Titanium) และสีขาวมุก (Whiter Pearl)

กาแลคซี่ เอส 7 พร้อมวางจำหน่าย 18 มี.ค.59

การเปิดตัวกาแลคซี่ เอส 7 ในเมืองไทยครั้งนี้ ซัมซุงเน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่เจนวาย โดยเนรมิตพื้นที่จัดงานตามแนวคิด Rethink what a phone can do โดยจัดงานอย่างพิถีพิถันเพื่อโชว์จุดเด่นของกาแลคซี่ เอส 7 อาทิ ประสิทธิภาพของกล้องถ่ายภาพ ทั้งความสามารถในการถ่ายในที่แสงน้อยได้คมชัด ด้วยการจำลองสถานที่เป็นห้องมืดเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานทุกคนได้ทดสอบประสิทธิภาพว่ากล้องของกาแลคซี่ เอส 7สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้สว่างกว่าที่ตาเห็น การจับโฟกัสภาพได้แม่นยำรวดเร็ว โดยนำทีมฟรีรันเนอร์ บีบอย และนักกีฬาเอ็กซ์ตรีมมาให้ได้ทดสอบว่ากล้องของกาแลคซี่ เอส 7 สามารถจับโฟกัสได้เร็วอย่างเหลือเชื่อ ไม่พลาดทุกช็อตเด็ด รวมทั้งการทดสอบความสามารถกันน้ำกันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP 68 ที่ทางซัมซุงทุ่มทุนจำลองตู้ปลาลึก 1.50 เมตร เพื่อโชว์ว่ากาแลคซี่ เอส 7 สามารถอยู่ใต้น้ำได้ลึกสุด 1.50 เมตร นานถึง 30 นาที หมดกังวลแม้ต้องลุยน้ำ เปียกแค่ไหนก็ไม่หวั่น.

จองเที่ยวด่วน! ส่อง 10 ข้อ รู้จักบุ๊คกิ้งดอทคอม ตัวเลือกที่พักนักเดินทาง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/589024

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 14 มี.ค. 2559 06:05

 

อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่หลงรักการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ แน่นอนยุคสมัยนี้ต้องออนไลน์เท่านั้น ไม่ว่าจะการวางแผนจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก ซื้อแพ็คเกจโรงแรม โน้นนี่นั่น ทุกอย่างอยู่กับตลาดออนไลน์ และอีกหนึ่งเว็บไซต์ที่รุกตลาดนี้เช่นเดียวกัน “Booking.com” (บุ๊คกิ้งดอทคอม) เราจะพาไปทำความรู้จักช่องทางจองที่พักออนไลน์ ที่เขาการันตีว่า รวมที่พักทั่วไทยไว้เยอะสุดกว่า 12,000 แห่ง

นางสาวปาริฉัตร แฮห์เนน ผู้จัดการภาคพื้นประเทศไทย อินโดจีน และพม่า Booking.com กล่าวในงานแถลงข่าวพร้อมเปิดเผยว่า คนไทยจองที่พักในประเทศผ่าน Booking.com มากขึ้น โดยเฉพาะการจองที่พักสำหรับท่องเที่ยวพักผ่อนภายในประเทศ เช่นเดียวกับที่จำนวนที่พัก สำนักงาน และพนักงานของ Booking.com ในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ เนื่องจากความนิยมของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย รวมถึงความนิยมใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในการค้นหาที่พัก ทำให้ผู้คนมีประสบการณ์ในการเดินทางและท่องเที่ยวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทยหรือที่ใดในโลก หากมีสถานที่ที่มีความพิเศษเฉพาะตัว มีความสนุกสนาน สวยงาม บรรยากาศผ่อนคลาย หรือมีคุณสมบัติอื่นๆ ทางเราจะพยายามสรรหามาสิ่งดีๆ มาให้กับลูกค้าได้เลือกอย่างหลากหลาย

เว็บไซต์ Booking.com

นางสาวปาริฉัตร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้เรายังมุ่งเน้นที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการที่พักซึ่งเป็นคู่ค้า สามารถเติบโตได้อย่างดีทั้งในเชิงธุรกิจและการสร้างแบรนด์ ปัจจุบันเรามีบุคลากรที่ทำงานครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ และยังมีแผนที่จะเปิดสำนักงานแห่งที่ 4 ในจังหวัดเชียงใหม่ช่วงปลายปีนี้ เพื่อเพิ่มจำนวนและทางเลือกในเขตภาคเหนือของไทยให้แก่ผู้จองที่พัก ขณะเดียวกัน บริษัทเน้นการทำตลาดออนไลน์ระดับโลกได้ภายใต้ต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม พร้อมด้วยแผนกลูกค้าสัมพันธ์เพื่อให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ใน 42 ภาษา

อย่างไรก็ตาม ไทยรัฐออนไลน์ จะพาคุณไปทำความรู้จักกับเว็บ Booking.com ในฐานะสื่อกลางระหว่างผู้เดินทางและที่พัก ผ่านบทสรุป 10 ข้อ ที่รับรองว่าจะทำให้คุณรู้จักกับ Booking.com ได้ดียิ่งขึ้น!

1. Booking.com ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2539 ณ เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ด้วยแนวคิดในการเป็นนวัตกรรมที่ช่วยตอบสนองความต้องการระหว่างคู่ค้าและลูกค้าด้านการจองโรงแรมและที่พักผ่านช่องทางออนไลน์ ช่วยเหลือนักเดินทางให้ได้รับบริการที่ดีที่สุดจากการเข้าพัก

2. ปัจจุบัน Booking.com มีสำนักงาน 174 แห่งใน 70 ประเทศทั่วโลก เพื่อสนับสนุนการให้บริการอย่างครอบคลุม

ท่องเที่ยวชมบรรยากาศดีๆ พร้อมหาที่พักสะดวกคุ้มค่า

3. Booking.com เป็นบริษัทในเครือไพรซ์ไลน์ กรุ๊ป (Priceline Group) โดยแผนการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และเตรียมเปิดสำนักงานแห่งที่ 4 ในจังหวัดเชียงใหม่ ภายในช่วงปลายปีนี้ ส่วนสำนักงานอีก 3 แห่งในไทย ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุย และภูเก็ต โดยมีพนักงานประจำราว 70 คน

4. หากรวมจำนวนห้องพักทั้งหมดภายใต้การให้บริการของ Booking.com จะคิดเป็นจำนวนกว่า 860,000 แห่ง รวมทั้งสิ้น 21 ล้านห้องพัก ใน 224 ประเทศและเขตการปกครองทั่วโลก

5. ตั้งแต่เปิดให้บริการ มีผู้เข้าพักมากกว่า 1,000 ล้านราย ที่เข้าพักผ่านห้องพักภายใต้การให้บริการของ Booking.com นับตั้งแต่เปิดให้บริการ ด้วยประเภทที่พักกว่า 30 ประเภท อาทิ โรงแรม รีสอร์ต บ้านตากอากาศ อพาร์ตเมนต์ วิลล่า เรือ บ้านต้นไม้ ไปจนถึงบ้านพักบนภูเขา และอื่นๆ

6. บริการ Booking.com มาพร้อมการรับประกันราคาถูก และไม่มีค่าธรรมเนียมการจอง รวมถึงการจองแบบรวดเร็วหรือปรับเปลี่ยนการจองได้ก่อนเข้าพัก 24 ชั่วโมง

เที่ยวเมืองไทยเต็มไปด้วยเรื่องราวดีๆ

7. สำหรับช่องทางการชำระเงิน ลูกค้าที่ใช้บริการสามารถเลือกชำระเงินได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องใช้ข้อมูลบัตรเครดิต เช่น เลือกชำระเมื่อเข้าพัก

8. ขณะนี้ เว็บ Booking.com มีที่พักกว่า 12,000 แห่งในประเทศไทย ถือเป็นประเทศที่มีตัวเลือกที่พักเยอะที่สุดในภูมิภาคอาเซียน

9. ช่องทางการใช้บริการนั้น สามารถเข้าถึงได้ทั้งเว็บไซต์ผ่านคอมพิวเตอร์ มือถือ และแท็บเล็ต ทุกระบบปฏิบัติการ อาทิ ไอโอเอส แอนดรอยด์ คินเดิลไฟร์ และวินโดวส์ 8

10. จำนวนการจองห้องพัก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1 ล้านห้องต่อคืน ซึ่งสัดส่วนกว่า 1 ใน 3 ของการจองนั้นมาจากอุปกรณ์โมบาย และมีผู้เข้าพักได้เแสดงความคิดเห็นหรือรีวิวผ่าน Booking.com แล้วกว่า 79 ล้านรีวิว

เอาล่ะ! ใครจะเดินทางไปท่องเที่ยวที่ไหน หากยังหาที่พักไม่ได้ เว็บไซต์ Booking.com จะเป็นหนึ่งทางเลือก เพื่อให้คุณๆ ได้จองที่พักในรูปแบบออนไลน์อีกทางหนึ่ง.

อินิทรี ดิจิตอล จับมือ บลิซซาร์ด เปิดบริการเกมฟอร์มยักษ์ ‘Hearthstone’ ในไทย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/589600

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 12 มี.ค. 2559 08:30

 

อินิทรี ดิจิตอล และ บลิซซาร์ด จับมือเปิดให้บริการการ์ดเกมออนไลน์ฟอร์มยักษ์ Hearthstone ในไทย พร้อมทั้งมีการแปลเกม และ Battle.net เพื่อสมัครไอดี เป็นภาษาไทย 
พร้อมหนุนจัดแข่งอี-สปอร์ต Siam Cup ดันเกมเมอร์ไทยสู่เวทีระดับโลก…

บริษัท อินิทรี ดิจิตอล จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการเกมออนไลน์ ประกาศร่วมกับ บลิซซาร์ด เอนเตอร์เทนเมนต์ สตูดิโอยักษ์ใหญ่ ผู้ผลิต และผู้ให้บริการเกมออนไลน์ชื่อดังระดับโลก ประกาศการอัพเดตเกมฮาร์ทสโตน (Hearthstone) เวอร์ชั่นภาษาไทย โดย บลิซซาร์ด ได้สร้างความตื่นเต้นด้วยการนำเกมฮิตแนวการ์ดกลยุทธ์ดิจิตอล เตรียมมาเปิดให้บริการในประเทศไทยภายในเดือนนี้ ถือเป็นความพิเศษครั้งแรกของ บลิซซาร์ด ที่ได้มีการแปลตัวเกมเป็นภาษาไทยอย่างสมบูรณ์ นับเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย และการเปิดตัวในครั้งนี้ บลิซซาร์ดได้ดำเนินการแปลทุกขั้นตอนการสมัครไอดีใน Battle.net ให้เป็นภาษาไทย เพื่อรองรับผู้เล่นไทยสู่สังคมของเกม Hearthstone

หน้าตาของเกมมีการแปลงเป็นภาษาไทยหมด

นายไมค์ มอร์ไฮเม่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บลิซซาร์ด เอนเตอร์เทนเมนต์ กล่าวว่า บลิซซาร์ดมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับผู้เล่นใหม่จากทั่วโลก เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเกม Hearthstone โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราได้ทำการแปลภาษาในเกมให้เป็นภาษาท้องถิ่น เราตื่นเต้นที่จะได้สานต่อภารกิจนี้โดยนำ Hearthstone สู่ประเทศไทย และพร้อมให้ผู้เล่นชาวไทยได้เข้ามาเล่นเกมด้วยการแปลภาษาไทยอย่างสมบูรณ์

นายไมค์ มอร์ไฮเม่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บลิซซาร์ด เอนเตอร์เทนเมนต์ ยืยนยันให้บริการในเดือน มี.ค.59 แน่นอน

ด้าน นางสาวภัทธีรา อภิธนาคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินิทรี ดิจิตอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีในอุตสาหกรรมเกมมือถือ และเกม PC ในประเทศไทย ทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายในการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้เล่นชาวไทย เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง บลิซซาร์ด ได้เล็งเห็น และให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมเกมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และไว้วางใจให้ อินิทรี ดิจิตอล นำเกม Hearthstone มาเปิดให้บริการในประเทศไทย

น้องเบียร์ เดอะวอยซ์ พรีเซ็นเตอร์เกม

Hearthstone เป็นเกมการ์ดออนไลน์แนวกลยุทธ์ที่เล่นได้ฟรี และทุกคนสามารถร่วมสนุกไปกับเนื้อหาของเกมที่อ้างอิงจากตัวละคร และรูปแบบของมหากาพย์ Warcraft ผลงานระดับตำนานของบลิซซาร์ด โดยผู้เล่นสามารถเลือกตัวละครจาก 9 ฮีโร่ และใช้การ์ดต่างๆ จากสำรับ (Deck) ของคุณเพื่อใช้เวทมนตร์ อาวุธ หรือความสามารถต่างๆ และเรียกตัวละครที่แข็งแกร่งมาบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามได้ ด้วยอาร์ตสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์แฝงไปด้วยอารมณ์ขัน และสุดยอดความสนุกของเกม Hearthstone จึงมอบประสบการณ์สุดวิเศษให้กับผู้เล่นทุกคน โดยเฉพาะผู้เล่นหน้าใหม่ที่จะสามารถเข้าถึงเกม และเล่นเกมได้ง่ายขึ้น

น้องเบียร์ เดอะวอยซ์​ขอเป็นการ์ดในเกมดูบ้าง น่ารักแบบนี้พลังโจมตีเท่าไหร่

Hearthstone จะสามารถเล่นเกมในประเทศไทยได้ผ่านโทรศัพท์มือถือ iOS และ Android อุปกรณ์แท็บเล็ต Windows, iOS และ Android และแพลตฟอร์มพีซี ทั้งฝั่งวินโดวส์ และแมค ของแอปเปิล โดยเนื้อหาของเกมทั้งหมดได้แปลเป็นภาษาไทย รวมถึงการ์ดในชุดคลาสสิก การ์ดชุดธีมต่างๆ ระบบผจญภัยตามเนื้อเรื่อง และสกินฮีโร่ต่างๆ-ในเวอร์ชั่นภาษาไทยผู้เล่นจะสามารถเติมเงินเพื่อซื้อของในเกม รวมถึงเพิ่มโอกาสให้ผู้เล่นได้ใช้ความสามารถในการปรับแต่ง และสร้างสำรับ (Deck) ของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น

ผู้บริหารอินิทรี ดิจิตอล เผยถึงการจัดแข่งขันอี-สปอร์ต E-sports ภายใต้ชื่อการแข่งขัน Siam Cup

อินิทรี ดิจิตอล มุ่งมั่นที่จะวางแผนจัดงานและกิจกรรมที่หลากหลายภายในประเทศไทย เพื่อขยายกลุ่มผู้เล่นเกม Hearthstone รวมถึงการจัดแข่งขันอี-สปอร์ต E-sports ภายใต้ชื่อการแข่งขัน Siam Cup เพื่อให้ผู้เล่นชาวไทยมีโอกาสก้าวสู่เวทีโลกในการแข่งขันระดับสากล รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดตามได้ที่ Hearthstone TH official fanpage ผู้ที่สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์หลัก www.playhearthstone.com
Hearthstone .

แคนนอน เปิดตัว EOS-1DX Mark II กล้องดิจิตอล DSLR ล่าสุดเพื่อมืออาชีพ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/589187

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 12 มี.ค. 2559 07:30

 

แคนนอน เปิดตัวกล้องดิจิตอล DSLR ระดับมืออาชีพรุ่นล่าสุด Canon EOS-1DX Mark II ที่มีระบบโฟกัสใหม่ 61 จุดถ่ายได้เร็วสุด 16 เฟรม/วินาที ความละเอียด 20.2 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายวิดีโอแบบ 4K และค่า ISO สูงสุดถึง 409,600…

แคนนอน เปิดตัวกล้องดิจิตอลดีเอสแอลอาร์ ระดับโปรเฟสชั่นแนล รุ่นใหม่ Canon EOS-1DX Mark II ที่มาพร้อมกับระบบออโต้โฟกัสปรับปรุงใหม่แบบ 61 จุด และ ออโต้โฟกัสแบบ cross type 41 จุด อันจะทำให้ช่างภาพมืออาชีพจะได้ประโยชน์จากพื้นที่ออโต้โฟกัสที่กว้างขึ้น (ขยายพื้นที่ในแนวตั้งเพิ่มขึ้นประมาณ 24%) เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น EOS-1DX ก่อนหน้านี้
ในส่วนของระบบออโต้โฟกัส ตรงกลางภาพยังได้รับการปรับปรุง ให้สามารถหาจุดโฟกัสได้ในระดับ EV-3 จึงสามารถทำงานได้ดีในสภาพแสงน้อยและคอนทราสต์ต่ำอีกด้วย

กล้อง DSLR รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับ AI servo AF III+ ที่เป็นอัลกอริธึมวิเคราะห์สถานการณ์การถ่ายภาพที่ช่วยให้ออโต้โฟกัสได้แม่นยำ ยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับภาพการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและคาดไม่ถึง ด้วยระบบออโต้โฟกัส 61 จุด และขนาดรูรับแสงที่ f/8 หรือมากกว่า จึงสามารถออโต้โฟกัสได้แม้ใช้ Teleconverter กับเลนส์ซูเปอร์เทเลโฟโต้ อันเป็นอุปกรณ์ที่มักใช้กันในการถ่ายภาพสัตว์ป่าหรือภาพกีฬา

Canon EOS-1DX Mark II มาพร้อมระบบออโต้โฟกัสแบบ Dual Pixel CMOS AF ออโต้โฟกัสแม่นยำ รวดเร็ว

ยิ่งไปกว่านั้น กระจกสะท้อนภาพของ Canon EOS-1DX Mark II ยัง ได้รับการติดตั้งพร้อมกลไกควบคุมแบบใหม่ที่ช่วยหยุดการสั่นไหวได้อย่าง รวดเร็ว ทำให้กล้องจับภาพได้ถึง 14 เฟรมต่อวินาทีเมื่อใช้ระบบออโต้โฟกัสและเปิดใช้งาน Auto-exposure tracking หรือที่ 16 เฟรมต่อวินาทีในโหมด Live View โดยที่หน้าจอไม่ดับ ทั้งยังบันทึกภาพได้อย่างรวดเร็วด้วยช่องใส่การ์ดหน่วยความจำ CFast 2.0 จึงสามารถรองรับการถ่ายภาพฟอร์แมต RAW ติดต่อกันได้ถึง 170 ภาพ และฟอร์แมต JPEG ได้ไม่จำกัดในโหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง

Canon EOS-1DX Mark II เป็นรุ่นแรกในซีรีส์ EOS-1D ที่มาพร้อมระบบออโต้โฟกัสแบบ Dual Pixel CMOS AF (DAF) ผู้ที่ใช้ phase detection ในโหมด Live View จึง ทำให้การทำงานของระบบออโต้โฟกัสเร็วสุดขั้ว และติดตามจับภาพวัตถุที่กำลัง เคลื่อนไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องของรูรับแสง กล้อง DSLR รุ่นนี้ยังสามารถใช้ออโต้โฟกัสได้ในที่แสงน้อยถึง EV-3 ภายในระยะเซนเซอร์เมื่อถ่ายวิดีโอแบบ 4K และเช่นเดียวกับรุ่น EOS 7D Mark II กล้อง EOS-1D X Mark II มีระบบปรับความเร็วออโต้โฟกัสและความไวแสง Movie Servo AF เพื่อความคล่องตัวในการถ่ายวิดีโอ รวมถึงฟังก์ชั่นปรับโฟกัส DAF ด้วยการสัมผัสหน้าจอLCDในโหมด Live View

กล้องรุ่นนี้ยังมีฟังก์ชั่น 4K Frame Grab ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกภาพนิ่งในฟอร์แมต JPEG ความละเอียดถึง 8.8 ล้านพิกเซลจากวิดีโอ 4K ที่ ถ่ายไว้ในกล้องได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ (คุณภาพของภาพนิ่งอาจไม่เท่ากับภาพถ่ายปกติ) ความสามารถในการถ่ายวิดีโอที่ความเร็ว 60p ยังช่วย ให้นักถ่ายภาพสั ตว์ป่าและกีฬาสามารถเลือกภาพนิ่งที่ต้องการจากวินาทีใดของวิดีโอก็ได้ จึงเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้เป็นอย่างมาก

ใช้ชิป Dual DIGIC 6+ เซ็นเซอร์รับภาพความละเอียดสูงสุดถึง 20.2 ล้านพิกเซล และค่า ISO สูงสุดถึง 409,600

ชิปประมวลผลภาพ Dual DIGIC 6+ ความละเอียดสูงสุดถึง 20.2 ล้านพิกเซล และค่า ISO สูงสุดถึง 409,600 ซึ่งเหนือกว่ากล้องรุ่นก่อนหน้าคือ EOS-1D X ถึง 1 stop ผู้ใช้จึงสามารถถ่ายภาพได้ดียิ่งขึ้นในสภาพแสงน้อย อีกทั้งมีเซนเซอร์วัดแสง RBG+IR metering sensor ความละเอียด 360,000 พิกเซล และระบบ EOS iTR AF ช่วย เพิ่มความแม่นยำในการติดตามภาพที่จะถ่าย สำหรับการถ่ายภาพในอาคารโดยใช้แสงจากหลอดไฟ ผู้ใช้ยังสามารถเปิดโหมดตรวจจับการกะพริบของแสง(Anti-flicker)เพื่อให้ได้สภาพแสงที่นิ่งมากขึ้น ช่วยลดความเพี้ยนของแสงและสีได้ดีขึ้น รวมทั้ง Digital Lens Optimizer ที่ให้มาในตัวกล้องใช้ในการเพิ่มคุณภาพของภาพในฟอร์แมต RAW ได้ทันทีภายในกล้อง โดยไม่ต้องนำไปผ่านกระบวนการ post-production เหมือนเมื่อก่อน ฟังก์ชั่น

ตกแต่ง ภาพนี้ทำได้ทั้งการแก้ไขความคลาดเคลื่อนสี ระดับแสงบริเวณขอบภาพ และยังสามารถแก้ไขความเบลอของภาพจากการใช้รูรับแสงเล็กได้เป็นครั้งแรกของ กล้องตระกูล EOS ฟังก์ชั่นเหล่านี้ทำให้ผู้ใช้ได้ภาพฟอร์แมต JPEG ที่ มีคุณภาพดีขึ้นจากกล้องได้โดยตรงแบบไม่ต้องแต่งภาพด้วยคอมพิวเตอร์ ช่วยในการทำงานด้านภาพในสถานการณ์ที่ต้องแข่งกับเวลา นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่น Fine Detail ที่ช่วยให้ภาพในฟอร์แมต JPEG มีความคมชัดสูงขึ้นด้วย

บอดี้ของกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอยกันน้ำและฝุ่น ส่วนชัตเตอร์มีอายุการใช้งานถึง 4 แสนครั้ง

ด้าน การออกแบบ กริปและปุ่มปรับของ Canon EOS-1DX Mark II ได้รับการปรับปรุงให้ใช้ง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้นสำหรับมือ ทุกขนาด ทั้งยังวางตำแหน่งปุ่มควบคุมต่างๆ ให้คล้ายกันทั้งแนวตั้งและแนวนอน ไม่ว่าจะจับกล้องแนวนอนเพื่อถ่ายภาพทิวทัศน์ หรือจับแนวตั้งเพื่อถ่ายภาพคนก็ไม่รู้สึกแตกต่างกัน ในด้านของกลไกชัตเตอร์ถูกสร้างขึ้นให้มีความแข็งแกร่งทนทาน จึงมีอายุการใช้งานชัตเตอร์ถึง 400,000 ครั้ง บอดี้ของกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอยกันน้ำและฝุ่น ช่างภาพจึงวางใจได้เมื่อนำไปใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้งานกลางแจ้ง ส่วนแบตเตอรีที่ใช้เป็นรุ่น LP-E19 ที่จุพลังงานได้มากขึ้น 10% เมื่อเทียบกับ แบตเตอรี LP-E4N ในกล้อง EOS-1DX จึงใช้งานกล้องได้นานกว่าเดิม.

แอปเปิล เชิญสื่อเปิดตัวของใหม่ 21 มี.ค.คาดมี ‘ไอโฟนSE-ไอแพด จอ 9.4นิ้ว’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/589572

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 12 มี.ค. 2559 02:30

 

แอปเปิล เชิญสื่อมวลชนร่วมงานแถลงข่าวในวันจันทร์ที่ 21 มี.ค.ที่ ออดิทอเรียม อิฟินิท ลูป แคมปัสของแอปเปิล ในคูเปอร์ติโน ซานฟรานซิสโก คาดจะมีของใหม่เปิดตัว อย่าง iPhone SE และ New 9.7 Inch iPad ที่อาจเป็นไอแพด โปรตัวเล็ก…

แอปเปิล (Apple) ส่งจดหมายเชิญสื่อมวลชนร่วมงานแถลงข่าวในวันจันทร์ที่ 21 มี.ค.ที่ ห้องออดิทอเรียม อิฟินิท ลูป แคมปัสของแอปเปิล ในคูเปอร์ติโน ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยงานจะเริ่มในเวลา 10.00 น. ตามเวลาฝั่งแปซิฟิก โดยบนจดหมายเชิญมีคำว่า ‘Let us loop you in.’

บนจดหมายเชิญมีคำว่า ‘Let us loop you in.’

เป็นที่คาดหมายว่า ผลิตภัณฑ์ที่ทางแอปเปิลจะเปิดตัวในครั้งนี้ จะมีไอแพดรุ่นใหม่ (New 9.7 Inch iPad) และ ไอโฟน เอสอี (iPhone SE) และ แอปเปิล วอชต์ รุ่นใหม่ รวมทั้งเป็นไปได้ที่จะมีการรีเฟรชสเปกของเครื่องแมคใหม่ แต่ทั้งหมดนี้ก็คือ สิ่งที่เป็นข่าวลือมาก่อนหน้านี้ทั้งหมด ยังไม่ได้มีการยืนยันจากแอปเปิลแต่อย่างใด

สำหรับ iPhone SE จะเป็นไอโฟนขนาดหน้าจอ 4 นิ้วเท่ากับไอโฟน 5S แต่จะมีฮาร์ดแวร์แบบใหม่ ที่อยู่ในระดับเดียวกับอุปกรณ์ของแอปเปิลในขณะนี้ อาทิ โปรเซสเซอร์ A9 กล้องถ่ายภาพที่ปรับปรุงใหม่ และรองรับเทคโนโลยีสื่อสารไร้สาย NFC สำหรับแอปเปิลเพย์ (Apple Pay)

งานแถลงข่าวครั้งใหญ่ของแอปเปิลจะมีในวันที่ 21 มี.ค.นี้

ขณะที่ New 9.7 Inch iPad จะเป็นไอแพดตัวล่าสุด ที่อาจจะเป็น ไอแพด แอร์ 3 แต่กระแสข่าวลือคาดว่า อาจจะใช้ชื่อเดียวกับไอแพด โปร เพราะมีการทำงานเหมือนกัน เช่น ลำโพง 4 ตัว สมาร์ทคอนเนคเตอร์ สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม จอภาพที่รองรับการทำงานร่วมกับแอปเปิล เพนซิล และอาจจะเป็นไอแพดตัวแรกที่ใส่แฟลช LED มาด้วย.

ที่มา : macrumors

อยากสวยเชิญทางนี้! เซโฟร่า ผุดช็อปออนไลน์ เอาใจคนชอบเครื่องสำอางพรีเมียม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/587897

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 11 มี.ค. 2559 14:05

 

เซโฟร่า (Sephora) เปิดตัวเว็บไซต์ http://www.sephora.co.th ขยายช่องทางออนไลน์เอาใจลูกค้า หวังตอบโจทย์การช็อปเครื่องสำอางแบรนด์พรีเมียม…

นางสาวสุปราณี จันทไพบูลย์ขจร ผู้จัดการ เซโฟร่า ประเทศไทย เปิดเผยว่า เซโฟร่าได้รวมกิจการกับลักซ์โซลา (Luxola) เว็บไซต์จำหน่ายเครื่องสำอางชื่อดังในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมทั้งดำเนินธุรกิจในชื่อเซโฟร่าดิจิตอล กรุ๊ป (Sephora Digital Group) เพื่อเปิดตัวออนไลน์ช็อปในหลายประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ฮ่องกง นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และไทย โดยมีการเปิดตัวเว็บไซต์เซโฟร่าในประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2559

“แม้ว่าพฤติกรรมการซื้อเครื่องสำอางพรีเมียมแบรนด์ของคนไทย กว่า 90% จะนิยมเลือกซื้อผ่านช็อปในศูนย์การค้า แต่เชื่อว่าการเปิดตัวเว็บไซต์เซโฟร่าจะทำให้ลูกค้ามีอิสระในการเลือกซื้อมากยิ่งขึ้น พร้อมรับสิทธิประโยชน์จากการสะสมแต้มเพื่อแลกสิทธิประโยชน์ในการซื้อสินค้าทุกแบรนด์ พร้อมจุดเด่นในการให้บริการ อาทิ ความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้า การกำหนดสถานที่รับสินค้า จัดส่งอย่างรวดเร็วภายในวันรุ่งขึ้น เป็นต้น”

ปัจจุบัน เซโฟร่ามีแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำที่จำหน่ายเป็นพิเศษภายในร้านประมาณ 30% จากทั้งหมด 130 แบรนด์ และมีกว่า 80 แบรนด์ 40,000 รายการสินค้าพร้อมจำหน่ายบนเว็บไซต์ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีจำหน่ายเฉพาะบนเว็บเซโฟร่าอีกกว่า 30 แบรนด์ นอกจากการจำหน่ายผ่านช็อปเซโฟร่า 5 แห่ง คือ สยามเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิร์ล เซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ เอ็มควอเทียร์ และเมกาบางนา บริษัทยังอยู่ระหว่างการพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อเป็นช่องทางในการตอบสนองความต้องการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคต่อไปด้วย

สุปราณี จันทไพบูลย์ขจร (ซ้าย) และ ลอเรนโซ พีรัคคีโอเน่ (ขวา)

นายลอเรนโซ พีรัคคีโอเน่ ผู้จัดการ เซโฟร่าดิจิตอล ประเทศไทย กล่าวว่า จุดเด่นของเว็บเซโฟร่า คือ ความสะดวกสบายในการช็อปปิ้ง การเลือกสถานที่รับสินค้าได้ตามต้องการ เช่น จัดส่งที่บ้าน สำนักงาน หรือรับสินค้าตามเส้นทางรถไฟฟ้า รวมถึงบริการจัดส่งฟรีทั่วประเทศ พร้อมข้อมูลเชิงลึกจากฝ่ายบริการลูกค้า และรูปแบบการชำระเงินที่หลากหลาย เช่น ชำระผ่านบัตรเครดิต ชำระเงิดสดปลายทาง หรือชำระผ่านเซเว่นอีเลฟเว่น นอกจากนี้ ยังมีการเปิดโอกาสให้ผู้ซื้อสามารถแนะนำสินค้าให้กับลูกค้าคนอื่นๆ รวมถึงการจัดกิจกรรมให้ลูกค้าได้ใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญด้านความงามเป็นประจำ ขณะเดียวกัน ฟังก์ชั่นการใช้งานของเว็บไซต์ยังมีลูกเล่นที่น่าสนใจ เช่น รับของขวัญเมื่อสั่งซื้อครบยอดที่กำหนด หรือเลือกของแถมที่สนใจ จากสินค้าหลากหลายแบรนด์ชั้นนำ อาทิ NYX, Lancome, Becca, Urban Decay, Benefit และ Sephora เป็นต้น

“จากสถิติของลักซ์โซลา พบว่าลูกค้าที่นิยมซื้อสินค้าออนไลน์จะมีการซื้อซ้ำ เฉลี่ยทุก 2 เดือน โดยเว็บไซต์ลักซ์โซลายังมีจุดเด่นอีกประการคือ ลูกค้ากว่า 50% เป็นลูกค้าในต่างจังหวัด เชื่อว่าเมื่อรวมกิจการเข้ากับเซโฟร่าก็จะยิ่งทำให้มีความแข็งแกร่ง ทั้งแบรนด์สินค้าและจำนวนลูกค้า ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้ารวมกันกว่า 1 แสนราย”

อย่างไรก็ตาม นอกจากการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ บริษัทยังใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก ทั้งเฟซบุ๊ก กูเกิล อินสตาแกรม เพื่อทำการตลาดและสร้างการเป็นที่รู้จักให้กับเซโฟร่า โดยเชื่อว่าจะทำให้ยอดขายเติบโตได้เป็น 2 เท่าตัวจากปีก่อนหน้า จากตลาดเครื่องสำอางพรีเมียมที่มีมูลค่าพันล้านบาท ขณะที่สัดส่วนเครื่องสำอางพรีเมียมบนออนไลน์ยังอยู่ที่ 3-4% แต่เชื่อว่ายังมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนและอินเทอร์เน็ต ประกอบกับประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพในตลาดเครื่องสำอางอีกด้วย.

เซโฟร่า