9 อาชีพน่าอิจฉา เงินเดือนทะลุล้าน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/582746

โดย มิสแซฟไฟร์ 27 ก.พ. 2559 05:01

 

อยากมีอนาคตการงานสดใส แค่รักในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่รักและทุ่มเทให้งานจริงจัง อาจยังไม่เพียงพอ ยุคสมัยนี้ต้องรู้จักเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง เจอสิ่งที่ใช่ก็ล็อกเป้าหมาย แล้วพุ่งไปให้สุดตัว อย่างนี้ถึงคุ้มค่าที่จะทุ่มเททำงานหนัก ไม่ใช่จมปลักปั้นวัวปั้นควายไปวันๆ

“ยูเอส นิวส์ แอนด์ เวิลด์ รีพอร์ต” จัดอันดับอาชีพอนาคตไกลที่สุดในอเมริกา ประจำปี 2016 โดยเปรียบเทียบจากเงินเดือนที่สูงลิ่ว โอกาสความเจริญก้าวหน้าของงาน และความต้องการของตลาดแรงงานภายใน 10 ปีข้างหน้า ระหว่างปี 2014-2024 ตามข้อมูลสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกา

อาชีพที่ไปได้สวยมีอนาคตฉลุยสุดๆ ต้องยกให้นักสถิติ, นักวิเคราะห์วิจัย และนักบัญชี โดยสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐอเมริกาคาดการณ์ว่า อัตราเติบโตของการจ้างงานมากกว่า 30% ในปีนี้ จะมาจากตำแหน่งงานในแวดวงนักสถิติและนักวิเคราะห์วิจัยระดับปฏิบัติการ ส่วนอีก 10% มาจากการจ้างงานตำแหน่งนักบัญชี

โดยอาชีพครองแชมป์เงินเดือนสูงอันดับหนึ่ง แถมมีโอกาสโตไวคือ “ผู้จัดการด้านการเงิน” ได้เงินเดือนสูงถึงปีละ 130,230 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทย 4.68 ล้านบาท แม่เจ้า!! หน้าที่หลักคือบริหารเงินทองของบริษัทให้งอกเงยที่สุด และเกิดมูลค่าเพิ่มแก่กิจการ ต้องสามารถวางแผนการเงิน และบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนอาชีพน่าอิจฉาอันดับสอง ได้แก่ “ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการธุรกิจ” กินเงินเดือนสูงถึงปีละ 117,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือตกราว 4.21 ล้านบาท เดือนหนึ่งมีเงินเข้าบัญชี 351,600 บาท ขอบเขตงานกว้างมาก ต้องดูแลบริหารจัดการทุกอย่างในบริษัทให้ดำเนินไปอย่างราบรื่น รวมถึงริเริ่มโปรเจกต์ใหม่ๆ ส่วนอาชีพมาแรงอันดับสามก็ต้อง “ที่ปรึกษาด้านการเงิน” กินเงินเดือนปีละ 108,090 ดอลลาร์สหรัฐฯ รับเป็นเงินไทย 3.89 ล้านบาท งานหลักให้คำปรึกษาด้านการเงินกับลูกค้า สามารถเติบโตได้ในแวดวงการเงินการธนาคาร, ตลาดหลักทรัพย์ และธุรกิจประกัน

ถ้าไม่ถนัดบริหารคนเพราะขี้เกียจปวดหัว แนะนำให้หันไปเอาดีกับอาชีพ “นักสถิติ” ทำรายได้ปีละ 84,010 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น เงินไทย 3.02 ล้านบาท งานของนักสถิติคือ การลงพื้นที่สำรวจและเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์เชิงสถิติ สามารถนำข้อมูลไปใช้เชิงวิชาการ และก่อให้เกิดประโยชน์มหาศาลแก่แวดวงธุรกิจ

“นักคณิตศาสตร์” เป็นอีกหนึ่งอาชีพระดับหัวกะทิที่ตลาดต้องการสุด สร้างรายได้เข้ากระเป๋าปีละ 104,350 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 3.75 ล้านบาท นักคณิตศาสตร์เก่งๆ สามารถคิดค้นวิจัยหาทฤษฎีใหม่ๆ เพื่อนำไปใช้พัฒนาองค์กรและธุรกิจให้เจริญรุดหน้า โดยเฉพาะอาชีพ “นักคณิตศาสตร์ประกันภัย” กำลังมาแรงมาก เพราะใช้ความสามารถทางคณิตศาสตร์ประเมินวิเคราะห์ เพื่อคาดการณ์ผลกระทบความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่างๆที่เกิดขึ้นในธุรกิจประกันภัยได้อย่างแม่นยำ ใครเก่งเลขพุ่งไปแนวนี้รับรองไม่ผิดหวัง หรือจะมุ่งไปเป็น “นักบัญชี” ก็การันตีรายได้ปีละ 73,670 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทย 2.65 ล้านบาท

แวดวงการแพทย์กำลังต้องการ “ผู้จัดการบริการด้านสุขภาพและการแพทย์” อาชีพนี้สร้างรายได้ต้องร้องว้าวถึงปีละ 103,680 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 3.74 ล้านบาท มีหน้าที่วางแผนและประสานงาน
อยู่เบื้องหลังการทำงานของแพทย์, พยาบาล และเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลทั้งหมด เพื่อให้การบริการเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด

อีกอาชีพน่าสนใจยังรวมถึง “พนักงานสินเชื่อ” ทำรายได้ปีละ 73,670 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยก็มากโข 2.65 ล้านบาท ตำแหน่งนี้คาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 8% ภายใน 10 ปีข้างหน้า เป็นอาชีพที่ต้องมีความรับผิดชอบสูง เพราะถ้าตรวจสอบเอกสารการขอสินเชื่อไม่รอบคอบก็อาจหนี้สูญ สร้างความเสียหายมหาศาล

“เจ้าหน้าที่ระดมทุน” เป็นอาชีพมาแรงที่ต้องอาศัยทักษะร้อยแปด เพราะการจะพูดโน้มน้าวขอเงินสนับสนุนจากคนอื่นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าทำได้ก็เอาไปเลยปีละ 56,840 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทย 2.04 ล้านบาท อาชีพนี้สามารถทำงานได้หลากหลาย ทั้งระดมทุนหาเงินให้องค์กรกุศล และระดมทุนสนับสนุนพรรคการเมือง.

มิสแซฟไฟร์

เป็นเศรษฐีเงินล้านก่อนอายุ 30 ง่ายนิดเดียว!!

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/579532

โดย มิสแซฟไฟร์ 20 ก.พ. 2559 05:01

 

ไม่ใช่ฝันเฟื่องแน่ๆที่จะตั้งเป้าเป็นเศรษฐีเงินล้านตอนอายุ 30 ที่สำคัญไม่ต้องอัจฉริยะขนาดคิดค้นเฟซบุ๊กก็รวยได้!! อยากเป็นวัยรุ่นเงินล้าน ต้องปฏิวัติตัวเองตั้งแต่อายุ 20 ด้วย 9 กฎเหล็กจากประสบการณ์จริงล้วนๆ

“แกรนต์ คาร์ดัน” นักขายระดับเซียนและนักพูดสร้างแรงจูงใจชื่อดัง วัย 57 ปี ของอเมริกา คั้นประสบการณ์ส่วนตัว ถ่ายทอดเป็นบทเรียนสำคัญในการสร้างเนื้อสร้างตัวตั้งแต่อายุน้อยๆ ก่อนอื่นต้องเชื่อว่าการจะมีเงินล้านก่อนอายุ 30 เป็นเรื่องไม่ไกลเกินเอื้อม เขาเรียนจบมหา’ลัยตอนอายุ 21 ในสภาพถังแตกเป็นหนี้บานเบอะ แต่พอขึ้นเลขสามกลับกลายเป็นเศรษฐีเงินล้านได้อย่างเหลือเชื่อ เพราะเลือกเส้นทางถูกไปเป็นเซลส์ขายรถยนต์ จึงค้นพบพรสวรรค์นักขายที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในตัว

การวิ่งไล่ตามเงินคือจุดเริ่มต้นของการเป็นเศรษฐีเงินล้าน “แกรนต์” ย้ำต้องตั้งเป้าว่าจะหารายได้เพิ่มจากช่องทางไหนบ้าง แล้วพุ่งไปสู่จุดหมายเพื่อคว้าเงินในฝันมาใส่กระเป๋า ตอนเรียนจบใหม่ๆเขามีเงินเดือนแค่ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่หลังจากนั้น 9 ปี ก็สามารถหารายได้เพิ่มเป็นเดือนละ 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพราะมุ่งมั่นจริงจังว่าชาตินี้ต้องรวยให้ได้ เทคนิคนี้จะบังคับให้เราไขว่คว้าโอกาสใหม่ๆทุกทาง และรับจ๊อบทุกอย่างสร้างรายได้เข้ากระเป๋าเพิ่ม ลองย้อนกลับไปดูตัวเอง ถ้าใครทำงาน 10 ปี เงินเดือนขึ้นไม่กี่พันบาท รายได้เสริมก็ไม่มี มีแต่งานพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ แสดงว่าคุณกำลังถูกนายจ้างเอาเปรียบและกดขี่แรงงาน อย่ามัวแต่เสียเวลาอยู่เลย ยื่นซองขาวลาออกซะ แล้วหางานใหม่ทำที่มีอนาคตดีกว่า เผลอๆเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวอาจรายได้ดีกว่าเป็นลูกจ้าง

บทเรียนที่สองคือ รู้จักใช้เงินให้ทำงาน เก็บเงินเพื่อไปลงทุนให้งอกเงยเพิ่ม อย่าเก็บเงินใส่กุญแจล็อกไว้ในบัญชี ปัจจุบันมีรูปแบบการลงทุนให้เลือกเยอะแยะ ตั้งแต่ความเสี่ยงสูงไปถึงความเสี่ยงต่ำ ไม่ว่าจะเป็น การลงทุนในตลาดหุ้น, หุ้นกู้, พันธบัตรรัฐบาล, กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF, กองทุนรวมหุ้นระยะยาว LTF และกองทุนรวมตราสารหนี้ ตามธนาคารต่างๆมีผลิตภัณฑ์การเงินใหม่ๆที่สร้างผลตอบแทนมากกว่าการฝากประจำหลายเท่าตัว เงินต่อเงินเท่านั้นที่จะทำให้ยาจกกลายเป็นเศรษฐีได้อย่างที่ฝัน

“แกรนต์” ยังย้ำอีกว่า อย่าหน้าใหญ่ใจโตทำตัวอวดรวย แม้จะร่ำรวยเป็นเศรษฐีและมีชื่อเสียงระดับประเทศ แต่เขาไม่เคยซื้อนาฬิกาหรูหรา หรือขับรถสปอร์ตแพงๆ ทุกวันนี้ยังคงขับโตโยต้าแคมรี่คันเก่า ที่ซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงตอนสร้างตัวใหม่ๆ อีกหนึ่งกฎเหล็กสำคัญคือ จงหลีกเลี่ยงการเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ คนรวยมักกู้เงินมาลงทุนเพื่อเพิ่มพูนความมั่งคั่ง ส่วนคนจนมักกู้เงินมาซื้อข้าวของปรนเปรอความสุขให้ตัวเอง

จงคิดซะว่าการมีเงินล้านก็เหมือนมีเมียสวยระดับนางงามจักรวาล ถ้าเราดูแลเมียไม่ดี เมียสวยๆก็อาจตีหน้ายักษ์ใส่ผัว หรือดีไม่ดีอาจเก็บข้าวของหนีไปอยู่กับคนอื่น มันก็เหมือนเงินทอง ที่ต้องใส่ใจดูแลด้วยความทะนุถนอม มิฉะนั้นเงินก็จะติดปีกบินหนีไปอยู่ที่อื่น สำหรับ “แกรนต์” แล้ว เขาเชื่อมั่นว่า เงินทองไม่เคยหลับใหล และเงินมักจะรักคนที่ขยันทำมาหากินด้วยความสุจริต เขาจึงตื่นเช้ากว่าคนอื่นและทำงานจนดึกดื่นมืดค่ำเสมอ ก็เหมือนที่ “บิล เกตส์” เคยพูดไว้ “ถ้าคุณเกิดมาจน นั่นไม่ใช่ความผิดของคุณ แต่ถ้าคุณตายอย่างคนจน นั่นล่ะคือความผิดคุณเต็มประตู”

สุดท้ายที่อยากฝากไว้คือ ต้องกล้าฝันให้ใหญ่ แล้วพุ่งสุดตัวเพื่อไปสู่ฝันนั้น “แกรนต์” บอกว่า ความผิดพลาดใหญ่หลวงในชีวิตคือ การฝันเล็กเกินไป เขาฝันแค่อยากมีเงินล้าน แทนที่จะตั้งเป้าต้องมีเงิน 10 ล้าน!! กระนั้น เขาก็มาไกลเกินฝันมากแล้ว เพราะทุกวันนี้เป็นเศรษฐีร้อยล้าน ที่เดินสายพูดปลุกความฮึกเหิมให้คนกำลังสร้างเนื้อสร้างตัวทั้งหลาย.

มิสแซฟไฟร์

ผอมแห้งตกงานแน่!! อวบอั๋นสิมาแรง เขย่าโลกแฟชั่น

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/576434

โดย มิสแซฟไฟร์ 13 ก.พ. 2559 05:01

 

สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้วงการแฟชั่นโลกได้ฮือฮาอีกแล้ว เมื่อแบรนด์ชุดชั้นในวัยรุ่น Aerie ในเครืออเมริกัน อีเกิ้ล แหกกฎหันมาใช้สาวร่างอวบหุ่นธรรมดาๆ เป็นนางแบบถ่ายโฆษณาชุดชั้นในใหม่ พร้อมประกาศจุดยืนไม่รีทัชและแต่งภาพโฆษณาเด็ดขาด เพราะอยากเน้นความสวย แบบธรรมชาติที่จับต้องได้ ไม่เฟค ไม่มโน ไม่ต้องทรมานสังขารตัวเอง ผลลัพธ์คือยอดขายถล่มทลายเกินคาด แซงหน้าคู่แข่งสำคัญอย่าง “วิคตอเรีย ซีเคร็ตส์” ไปอย่างหลุดลุ่ย งานนี้เหล่านางฟ้าหุ่นอ้อนแอ้นเงิบไปเลย

ในบรรดานางแบบหุ่นอวบอั๋นของ Aerie ที่โด่งดังเปรี้ยงปร้างไปทั่วโลก ไม่มีใครมาแรงเกิน “อิสกร้า ลอว์เรนซ์” สาวน้อยหุ่นล่ำบึ้กไซส์ 14 จากวอร์เชสเตอร์เชียร์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งก้าวขึ้นเป็นโรลโมเดลของวัยรุ่นยุคใหม่ไปแล้ว แถมได้รับยกย่องจาก FHM ให้เป็นสาวเซ็กซี่ที่สุดในวินาทีนี้ เห็นส่วนสัดเต็มถังของน้องหนูแล้วมันสบายใจดีจัง ไม่ต้องกินทิชชู่ให้ผอมเหมือนนางแบบไซส์ 0 ทั้งหลาย ที่รักษาหุ่นจนแห้งเป็นไม้เสียบผี เพื่อเอาใจบรรดาดีไซเนอร์ใจดำ

ย้อนกลับไปตอนเข้าวงการเป็นนางแบบเด็กตามแรงผลักดันของแม่ แม้จะมีใบหน้าหวานไม่แพ้ “บริตนีย์ สเปียร์” และ “ดรูว์ แบร์รี่มอร์” แต่ “อิสกร้า” ก็ถูกปฏิเสธจากเอเจนซี่โฆษณาอย่างน่าช้ำใจ เพียงเพราะหุ่นเหมือนคนธรรมดาเกินไป…มีสะโพกใหญ่ไป!! เอเจนซี่ใจร้ายย้ำว่าตลาดต้องการสะโพก 34 นิ้ว สำหรับนางแบบวัยทีน เลยแนะนำให้ไปหาเอเจนซี่นางแบบไซส์ใหญ่ ปรากฏโดนปฏิเสธซ้ำอีก เพราะสัดส่วนเล็กเกินไป ตกลงจะเอายังไงกับชีวิต

ให้ตายเหอะ เด็กวัยรุ่น 15 หยกๆ 16 หย่อนๆ สะโพก 36 นิ้ว ก็กำลังสวยสมส่วนดีออก แต่คนวงการแฟชั่นกลับฟันธงว่าใหญ่เกินไป ไม่ทราบเอาอะไรมาวัด!! “อิสกร้า” หาทางออกให้ชีวิต ด้วยการผันตัวไปเป็นนางแบบไซส์มาตรฐานตามจริง แต่ก็ไม่วายโดนรีทัชซะแขนขาเรียว เพื่อเอาใจเจ้าของสินค้าโฆษณา

ไม่ต้องผอมก็สวยเซ็กซี่แบบธรรมชาติได้!! คือสิ่งที่ “อิสกร้า” และค่าย Aerie กำลังรณรงค์ให้สาวๆทั่วโลกได้ตระหนักถึงการรู้จักคุณค่าความงามในตัวเอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบไม่ซะหมด เลิกบ้าบอฝันเฟื่องไปตามโฆษณาลวงๆ ผลจากความพยายามดังกล่าวทำให้ Aerie คว้ารางวัลจากองค์กรต่อสู้โรคผิดปกติด้านการกิน แถมยังสร้างเทรนด์ใหม่มาแรงให้โลกแฟชั่น เล่นเอานางแบบหุ่นปลิวลมตกงานเป็นแถว

ด้วยความที่เคยเป็นนักว่ายน้ำมาก่อน ทำให้ “อิสกร้า” รู้จักวิธีดูแลรูปร่างให้สมส่วนมีสุขภาพดี โดยคำนึงถึงความแข็งแรงของร่างกายเป็นหลัก นักกีฬาอย่างเธอไม่เคยอดอาหารสักมื้อ แต่จะเลือกรับประทานอาหารดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย “อิสกร้า” ยืนกรานว่า ฉันเกลียดอุตสาหกรรมลดความอ้วนที่สุด มันเป็นธุรกิจลวงโลกที่ทำลายชีวิตเรา เพราะต้องติดอยู่ในกับดักเดิมๆ ผอมแล้วก็กลับไปอ้วนซ้ำแล้วซ้ำอีก

นอกจากจะดูแลเรื่องอาหารการกินตามหลักโภชนาการที่ดีแล้ว “อิสกร้า” ยังออกกำลังกายอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ครั้งละชั่วโมงครึ่ง ถึงสองชั่วโมง เพื่อสร้างความฟิตแอนด์เฟิร์มให้ร่างกาย แต่ไม่ใช่เพื่อลดน้ำหนัก เธอคิดสูตรอาหารเพื่อสุขภาพได้หลายเมนู และศึกษาหลักโภชนาการอาหารจริงจัง “อิสกร้า” มักโพสต์รูปชุดบิกินี่ลงอินสตาแกรม เพื่อปลุกเร้าพลังบวกและแจกความสดใสให้แฟนๆ เธอย้ำว่าอยากอวดรูปร่างที่อวบอัดสมบูรณ์ ก็เพื่อกระตุ้นให้สาวๆรู้สึกมั่นใจในความอวบของตัวเอง วัยรุ่นยุคใหม่ต้องการโรลโมเดลที่เป็นคนปกติธรรมดาเหมือนพวกเขา ฉันเคยทรมานมาก่อนกับการต่อสู้เรื่องนี้ และพยายามยืนหยัดในความเป็นตัวของตัวเอง กระทั่งมาถึงจุดที่ประสบความสำเร็จ และได้รับการยอมรับจากสังคม ในฐานะนางแบบ เราต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ใช่สักแต่ว่าโพสท่าถ่ายรูปเซ็กซี่หาเงินไปวันๆ นับจากนี้ไป ฉันอยากเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าอุตสาหกรรมแฟชั่น

ถึงจะแขนใหญ่ขาใหญ่ก้นกะละมังก็สวยได้อย่างมีความสุขแล้วจะแข่งกันลดความอ้วนไปทำไม อวบนิดๆล่ำหน่อยๆน่ากอดจะตาย.

มิสแซฟไฟร์

เชื่อป้า!! เสพติดศัลยกรรม ฟินกว่าออกัสซั่มเยอะ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/573102

โดย มิสแซฟไฟร์ 6 ก.พ. 2559 05:01

 

พูดถึงชื่อเศรษฐินีม่ายไฮโซสวิส “โจเซลีน ไวล์เดนสไตน์” โด่งดังไปทั่วโลกหลังชนะคดีฟ้องหย่าสามีทายาทตระกูลเศรษฐี ได้เงินมาซับน้ำตา 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นการฟ้องหย่าอึกทึกครึกโครมที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคทศวรรษ 1990 กระนั้นชีวิตหลังเป็นม่ายของนางยิ่งกระฉ่อนลือลั่น เพราะกลายเป็นตำนานคนดังที่เสพติดศัลยกรรมจนบ้าคลั่ง แม้ปัจจุบันจะอายุ 75 แล้ว แต่ป้าโจก็ไม่หยุดทุบหน้าเพื่อให้เหมือนแมวป่ากลับชาติมาเกิดมากที่สุด

ชีวิตวัยเด็กของ “โจเซลีน” ไม่ค่อยได้รับการเปิดเผยมากนัก รู้แต่ว่า เธอเกิดในครอบครัวชนชั้นกลาง ที่เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มารดาเป็นพนักงานห้างสรรพสินค้าต๊อกต๋อย กระนั้น จุดเปลี่ยนสำคัญของ “โจเซลีน” มาถึงตอนอายุ 17 เมื่อเธอได้พบรักและออกเดทกับผู้อำนวยการสร้างหนังชื่อดังชาวสวิส หลังคบกัน 2 ปี สาวน้อยจากทะเลสาบเจนีวาก็เก็บข้าวของหนีตามคนรักเข้ากรุง ไปใช้ชีวิตอยู่ในปารีส ประเทศฝรั่งเศส นับแต่นั้นชีวิตของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย !! “จากเมืองเงียบ สงบอย่างโลซานน์ ฉันได้เปิดโลกใบใหม่ไป เจอกับอะไรที่น่าตื่นตา ตื่นใจสุดๆ”

“โจเซลีน” กลายเป็นสาวสังคมเต็มตัวที่ใครๆก็อยากเชิญไปเดินพรมแดง แม้รักครั้งเก่าจะปิดฉากไปแล้ว แต่ชีวิตในแวดวงไฮโซของเธอยังโลดแล่นไม่หยุด หลังเลิกรากับแฟนหนุ่มอีกคน ซึ่งอยู่กินกันมา 5 ปี เป็นผู้กำกับหนังชื่อดังของยุโรป เธอก็ได้พบรักใหม่ที่รอคอยมานาน เมื่อพ่อค้าอาวุธซาอุดีอาระเบียแนะนำให้รู้จักทายาทมหาเศรษฐีชาวแอฟริกัน “อเล็กซ์ ไวล์เดนสไตน์” ซึ่งเป็นตระกูลนักสะสมงานศิลปะตัวยงของโลก และผู้เชี่ยวชาญด้านการแข่งม้า ทั้งคู่หนีไปอยู่กินกันที่ลาสเวกัส เพราะพ่อฝ่ายชายไม่ยอมรับสาวบ้านนาเป็นลูกสะใภ้ แม้ภายหลังจะจัดงานแต่งงานอย่างถูกต้องที่เมืองโลซานน์ พ่อสามีก็ประท้วงไม่มาดูดำดูดี ทั้งคู่เลยประชดเดินหน้ามีลูกด้วยกัน 2 คน

หลังแต่งงานเป็นเมียมหาเศรษฐีได้ปีเดียว “โจเซลีน” ก็ผลาญเงินสามีไปกับการทำศัลยกรรมเสริมความงามชนิดฉุดไม่อยู่ เธออ้างว่าทำไปเพราะอยากเอาใจสามี โดยอเล็กซ์เป็นคนพาไปกรีดตาด้วยกัน พร้อมกระซิบเมียเลิฟว่าชอบเสือและแมวป่ามาก เธอเลยขอให้หมอลงมีดซ้ำแปลงโฉมใบหน้าให้คล้ายแมวป่าลิงซ์ที่สุด โดยเฉพาะตาของแมวป่า เป็นอะไรที่เซ็กซี่และมีพลังมาก ครั้งนั้นหมดเงินหมดทองไปกับการสนองตัณหาหลายล้านทีเดียว

อย่างไรก็ดี “อเล็กซ์” ออกมาแฉกับแวนิตี้ แฟร์ว่า โจเซลีนบ้าไปแล้ว ผมพยายามเตือนเธอให้หยุดทำศัลยกรรม เธอคิดว่าสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงใบหน้าได้เหมือนการเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน หน้าคนไม่ใช่ปูนโบกตึก ผมเตือนเธอแล้ว แต่ไม่เคยฟังกันเลย

หลังอยู่กินกันได้ 19 ปี “โจเซลีน” ก็ต้องหัวใจสลาย เมื่อเปิดประตูผลัวะไปเจอสามีกำลังเล่นจ้ำจี้กับนางแบบวัยเอ๊าะชาวรัสเซีย ทั้งคู่มีปากเสียงกันยกใหญ่ จนอเล็กซ์บันดาลโทสะคว้าปืนมายิงเมียรัก (โชคดีที่พลาดเป้า) เลยต้องไปนอนในคุกสงบสติอารมณ์ แก้วที่ร้าวแล้วยังไงก็ยากประสาน อเล็กซ์ทนอยู่กับเมียหน้าพลาสติกต่อไปไม่ไหว ต่างคนต่างลุกขึ้นฟ้องหย่า จนกลายเป็นคดีครึกโครมที่สุดในประวัติศาสตร์ไฮโซ ต้องใช้เวลาลากยาวถึง 2 ปีเต็ม กว่าจะสิ้นสุดคดี โดยศาลตัดสินให้ “โจเซลีน” ชนะได้เงินชดเชยไป 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมค่าเลี้ยงดูปีละ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเนื่องกัน 13 ปี โดยมีข้อแม้ว่าห้ามนำเงินก้อนนี้ไปทำศัลยกรรมเด็ดขาด!! มีรายงานระบุว่าการฟ้องหย่าครั้งนี้ทำให้อเล็กซ์มองหน้าลูกๆไม่ติด หลังจากเขาใจร้ายกับเมียเก่า สั่งตัดโทรศัพท์ ตัดบัตรเครดิต และค่าใช้จ่ายรายเดือนทั้งหมดโดยไม่ไยดี

นับตั้งแต่การหย่าขาดสิ้นสุด เมื่อปี 1999 พ้นสถานะคุณนายตระกูลไวล์เดนสไตน์ “โจเซลีน” ก็เงียบหายไปจากแวดวงสังคมไฮโซ นานๆจะควงแฟนหนุ่มดีไซเนอร์ฝรั่งเศสออกงานที โดยทุกครั้งที่ปรากฏโฉมเป็นต้องฮือฮา เพราะใบหน้าของป้าจะเปลี่ยนไปจนตกตะลึง…อย่างน้อยทำแล้วมีความสุขอายุยืนถึงปูนนี้ ก็ปล่อยป้าไปเหอะ.

มิสแซฟไฟร์

บุกดงบ้านเศรษฐี!! ถิ่นคนรวยหุ้นรวยอิทธิพลสุดในโลก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/569837

โดย มิสแซฟไฟร์ 30 ม.ค. 2559 05:01

 

ก็เพราะนิวยอร์กเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและความมั่งคั่งของโลก มหานครแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยย่านที่อยู่อาศัยในตำนานที่ขึ้นชื่อมีราคาแพงทุบสถิติโลก คนที่จะได้เป็นเจ้าของก็ล้วนแต่ระดับมหาเศรษฐีและบุคคลดังๆ ที่มีชื่อเสียงทั้งนั้น โลโซอย่างพวกเราหมดสิทธิ์จะเอื้อม

ดาวเด่นที่กำลังมาแรงสุดๆ จนได้รับการกล่าวขานให้เป็น “ที่อยู่อาศัยทรงอิทธิพลที่สุดในโลก” ต้องยกให้โครงการคอนโดมิเนียมหรูซุปเปอร์ไฮเอนด์ “15 Central Park West” ตั้งอยู่มุมถนนเวสต์ 61st คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนแต่เป็นคนดังและผู้ทรงอิทธิพลระดับเอ-ลิสต์ แต่คึกคักเป็นพิเศษคือพวกซีอีโอวงการธนาคาร การเงิน วาณิชธนกิจ และเฮดจ์ ฟันด์ ซึ่งเป็นพวกตาเหยี่ยวเห็นโอกาสทำกำไรก่อนใครๆ

โครงการนี้สร้างเสร็จเมื่อปี 2008 ในช่วงที่เกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ หรือวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ โดยค่ายพัฒนาอสังหาฯอาร์เธอร์ แอนด์ วิลเลี่ยม ไล เซคเคนดอร์ฟ ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปีเต็ม ด้วยงบลงทุน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่เพิ่งลงเสาเข็มก็มียอดจองถล่มทลายแล้ว กระทั่งทุกวันนี้ยังคงทำลายสถิติคอนโดมิเนียมที่มียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สถาปนิกผู้ออกแบบ “โรเบิร์ต เอ.เอ็ม. สเติร์น” ได้แรงบันดาลใจจากอพาร์ตเมนต์คลาสสิกของนิวยอร์กในยุคทศวรรษ 1920 ภายในโครงการแบ่งออกเป็น 2 ตึก มีห้องทั้งหมด 201 ยูนิต ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับเจ็ตเซ็ต มีทั้งห้องสมุด, บริการเชฟส่วนตัว, ห้องอาหารส่วนตัว, สระว่ายน้ำขนาด 3 เลน, เฮลธ์คลับขนาดใหญ่ที่มีห้องนวดส่วนตัว และห้องฝึกโยคะ ที่สำคัญระบบการรักษาความปลอดภัยของที่นี่เข้มงวดมาก เพราะคนรวยกลัวการก่อวินาศกรรมที่สุด

คนดังที่อาศัยอยู่ในคอนโดหรูนี้ล้วนแต่เป็นเบอร์หนึ่งทรงอิทธิพลของวงการธุรกิจทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ ฟันด์ระดับ ท็อป “แดเนียล โลบ” ทำลายสถิติควักเงิน 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซื้อห้องเพนต์เฮาส์หรูที่สุด ขนาด 10,700 ตารางฟุต มี 8 ห้องนอน ตั้งแต่โครงการเพิ่งลงเสาเข็ม ขณะที่ “ลอยด์ แบลงค์ไฟน์” ซีอีโอของโกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจใหญ่ที่สุดในวอลล์สตรีท เจียดเงินสด 25.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซื้อห้องดูเพล็กซ์หัวมุมตึก เมื่อปี 2006 โดยห้องติดกันเป็นของร็อกเกอร์ระดับตำนาน “สติง” ซึ่งจ่ายไป 26.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สมัยยังรั้งตำแหน่งซีอีโอของซิตี้กรุ๊ป “แซนดี้ เวลล์” ก็ซื้อ เพนต์เฮาส์เหมาทั้งชั้นในทำเลเจ๋งที่สุด ด้วยสนนราคา 43.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเซอร์ไพรส์เมียเป็นของขวัญวาเลนไทน์ นอกจากจะตาถึงแล้ว ยังโชคดีสุดๆด้วย เพราะหลังจากอยู่ได้ไม่นาน ก็สามารถขายต่อให้ลูกสาวของอภิมหาเศรษฐีรัสเซีย “ดิมิทรี ไรโบบอฟเลฟ” ด้วยราคาแพงลิ่วถึง 88 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แม่เจ้า!! กำไรมหาศาลกว่าสองเท่าตัว รวยอื้อซ่าส์ไปเลย

ในดงบ้านมหาเศรษฐียังมีคนดังจากแวดวงอื่นจับจองเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นพระเอกผิวสีฝีมือจัดจ้านของฮอลลีวูด “แดนเซล วอชิงตัน” ซื้อห้องขนาด 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ในราคา 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนนักแข่งรถในตำนานของสนาม NASCAR “เจฟฟ์ กอร์ดอน” เรียกเสียงฮือฮาด้วยการทำกำไรสองเท่าตัวจากการขายคอนโด โดยเขาซื้อมา 9.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ขายได้ราคาสูงถึง 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

คนดังแวดวงไฮเทคก็อาศัยอยู่ที่นี่กันเพียบ ตั้งแต่ธุรกิจไอทีบูมหนักๆ ไล่ตั้งแต่ ผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ยาฮู “เจอร์รี่ หยาง” เป็นเจ้าของห้องดูเพล็กซ์ ราคา 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนอดีตผู้บริหารกูเกิ้ล “โอมิด คอร์เดสตานี” ซึ่งเพิ่งย้ายไปอยู่กับค่ายทวิตเตอร์ ก็อยู่ชั้นเดียวกับซีอีโอโกลด์แมน แซคส์ โดยซื้อห้องราคา 29.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2008

ใครว่าเศรษฐกิจอเมริกาซบเซา ออกจะอู้ฟู่ขนาดเนี้ย อย่ามาทำตัวเป็นเศรษฐีขี้เหนียวเลย.

มิสแซฟไฟร์

เตือนภัย!! วิกฤติการเงินรอบใหม่ถล่มโลก ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่น่วมหนักสุด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/566408

โดย มิสแซฟไฟร์ 23 ม.ค. 2559 05:01

 

ยังสะสางกันไม่จบ ทั้งอเมริกาและยุโรป ที่เผชิญหน้ากับวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ จนส่งผลสะเทือนสร้างความเดือดร้อนลุกลามไปทั้งโลก ล่าสุดเหล่านักการเงินระดับแถวหน้าของโลกเกือบ 1,000 ชีวิต ก็มารวมตัวกันระดมสมองเพื่อคาดการณ์ถึงวิกฤตการณ์ทางการเงินรอบต่อไปที่กำลังจะถาโถมเข้าถล่มโลกของเราอีกระลอก เหนื่อยหนักแน่เพราะมันไม่ยอมสงบลงง่ายๆ

ฟังแล้วสยองเกล้าสุดๆ เพราะเหยื่อของพายุดำทะมึนครั้งนี้คือ ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และชาติกำลังพัฒนา ซึ่งก็รวมถึงไทยแลนด์ของเราด้วย เจ้าภาพงานเสวนาครั้งนี้เป็นนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังระดับโลกนาม “อัลเบิร์ต เอ็ดเวิร์ดส์” เสริมทัพด้วยวิทยากรรับเชิญ “รัสเซลล์ นาเปียร์” และ “แอนดรูว์ แลปธอร์น” พร้อมใจกันฟันธงเปรี้ยงว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกไม่แข็งแกร่งพอจะรับมือกับหนี้สินท่วมโลกที่กำลังเป็นวิกฤติใหญ่ หมายความว่าคนที่เป็นเจ้าหนี้มีสิทธิ์ขาดทุนย่อยยับ เพราะตามทวงเงินจากลูกหนี้ไม่ได้ แถมลูกหนี้ยุคนี้ยังถือคติไม่มี-ไม่หนี-ไม่จ่าย เจอแบบนี้เข้าไปในที่สุดก็จะพังครืนไปทั้งระบบ เว้นซะแต่ว่าเจ้าหนี้ใจดียอมกดปุ่มรีสตาร์ตล้างหนี้ให้!!

เป้าใหญ่ที่โดนโจมตีหนักสุดคงหนีไม่พ้นประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ หลายประเทศต้องพึ่งพิงการส่งออกสินค้าไปขายในจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่สุดอันดับสองของโลกรองจากอเมริกา กลยุทธ์นี้เคยใช้ได้ผลตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินเมื่อปี 2008 ทำให้ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ลืมหูลืมตากันมาได้พักใหญ่ แต่ขณะเดียวกัน มันก็ส่งผลให้ประเทศกำลังพัฒนาเหล่านี้ก่อหนี้ท่วมหัวแบกกันจนหลังแอ่น เพราะหลงละเลิงกับความอู้ฟู่ จนไร้วินัยทางการเงิน

ตรงนี้ขอขีดเส้นใต้ย้ำเพราะมันคือปัญหาแท้จริง การที่โครงสร้างของเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลงไปครั้งมโหฬาร เปลี่ยนจากการซื้อสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค หันมาซื้อสินค้าภาคบริการมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กดดันให้ยักษ์ใหญ่แดนมังกรต้องปรับตัวตามอย่างรวดเร็ว โดยเฟดตัวเองจากที่เคยมุ่งเน้นการขยายตัวของการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมและภาคการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค สู่การเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าภาคบริการมากขึ้น โดยปัจจุบัน ประเทศจีนครองแชมป์ผู้ส่งออกสินค้าเป็นอันดับหนึ่งของโลก และผู้ส่งออกสินค้าภาคบริการเป็นอันดับ 4 ของโลก เมื่อดีมานด์ความ ต้องการบริโภคสินค้าอุปโภคบริโภคลดลงทั่วโลก จึงไม่แปลกที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และพืชผลการเกษตรทั้งหลายจะร่วงลงอย่างไม่เป็นท่า เหมือนที่บ้านเรากำลังเผชิญกับภาวะราคาตกต่ำ

ก็เพราะฝนตกทางโน้นหนาวถึงคนทางนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกาและยุโรป โดยเฉพาะบริษัทที่ค้าขายเกี่ยวกับสินค้าอุปโภค–บริโภค ย่อมจะได้รับผลกระทบเต็มๆจากวิกฤติการเงินข้างหน้า นึกง่ายๆว่าถ้าเศรษฐกิจไม่ดี คนทำมาค้าขายไม่ได้ ไม่มีเงินเข้ากระเป๋า แล้วจะไปเอาเงินที่ไหนมาจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้า คราวนี้ก็พังกันไปเป็นวัฏจักรทั้งระบบเศรษฐกิจ ยิ่งมาโดนซ้ำเติมด้วยราคาน้ำมันร่วงทะรูดทะราด รายได้น้อย ค่าครองชีพก็สูง บอกได้คำเดียวว่ากรรมของคนยุคนี้จริงๆ.

มิสแซฟไฟร์

เคล็ดลับเสริมดวงเฮงๆ ไหว้เจ้าก่อนตรุษจีน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/563097

โดย มิสแซฟไฟร์ 16 ม.ค. 2559 05:01

 

ผ่านไปอีกปีแล้วเหรอเนี่ย เวลาช่างติดปีกบินไวจริงเชียว แล้วจะให้ลุงๆป้าๆไม่แก่ได้ยังไงล่ะเนอะ หลายคนยังเถียงกันไม่เลิกเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องปีชง ใครไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ ขนาดจิ้งจกทักยังต้องฟัง นับประสาอะไรกับคำทำนายทายทักจากตำราโหราศาสตร์จีนหลายพันปี คิดซะว่าอะไรที่ทำแล้วเป็นสิริมงคลก็ทำไปเถิด อย่างน้อยก็ทำเพื่อความสบายใจ ถ้าเราไม่งมงายจนขาดสติซะอย่าง อะไรๆก็ดีทั้งนั้น

ตรุษจีนปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ ตามคัมภีร์ปีวอก 2559 ถือเป็นปีวอกไฟ เพราะก้านฟ้าจัดอยู่ธาตุไฟ กิ่งดินจัดอยู่ธาตุทอง ลำดับธาตุจัดอยู่ธาตุไฟ ใครอยากเอาฤกษ์เอาชัยรับความเฮงควรไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิ้งเอี้ย หรือเทพเจ้าแห่งโชคลาภ เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ เวลาตีหนึ่งถึงตีสาม โดยตั้งโต๊ะบูชาจัดผลส้มหันไปทางทิศตะวันออก

ในบรรดา 12 นักษัตร ปีนักษัตรติดอันดับปีชง มีอยู่ด้วยกัน 4 ปี ชงหนักสุด 100% คือ ปีขาล รองลงมาได้รับผลกระทบ 50% ได้แก่ปีวอก และเจอหางเลขจากปีชง แบ่งให้ปีมะเส็งกับปีกุนคนละ 25%

ปีวอกไฟนี้ “คนปีขาล” เหนื่อยหนักกว่าเพื่อน เพราะปะทะชนเข้าเต็มเปา ตามตำราโหราศาสตร์จีน ปีปะทะชนกับเทพเจ้าไท้ส่วยเอี้ย ถ้าไม่เสียทรัพย์ก็รับบาดเจ็บหนัก ยังดีชาวขาลมีดาวมงคลส่องชีวิตสองดวงคือ ดาวฟ้าคลี่คลาย มีผู้หลักผู้ใหญ่ช่วยขจัดปัดเป่า และดาวม้าปีกบ่งบอกถึงการเดินทางไกล ส่วนดาวร้ายก็ล้อม

รอบเพียบ มีทั้งดาวแห่งการทำลาย, ดาวสูญเสียใหญ่, ดาวอุบัติเหตุเภทภัย และเลือดตกยางออกจากของมีคม ยังมีเกณฑ์เกิดปัญหารักสามเส้า และมีปัญหาสุขภาพ เจอศึกหนักขนาดนี้ต้องไปฝากชะตากับวัดเล่งเน่ยยี่ บนถนนเยาวราช ตั้งจิตอธิษฐานขอให้เทพเจ้าไท้ส่วยเอี้ยคุ้มครองตลอดปี จากนั้นเดินมาที่ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งสักการะทีกง เวลาเดินทางจะได้ปลอดภัย

ส่วน “คนปีวอก” ตรงกับปีนักษัตรตัวเอง จึงถือว่าล่วงเกินเทพเจ้าไท้ส่วยเอี้ย ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมาก เป็นปีที่ต้องระวังสุขภาพที่สุด อาจเลือดตกยางออกเพราะของมีคม หรือพลัดตกหกล้มบาดเจ็บรุนแรง ยังต้องควบคุมอารมณ์ที่แปรปรวนหนัก และมีเกณฑ์ถูกคนคิดร้ายแทงข้างหลัง ก่อนตรุษจีนควรไปฝากชะตากับวัดเล่งเน่ยยี่ และไหว้บุ้นเชียงตี่กุน ซึ่งจัดตั้งอยู่ภายในวัด พร้อมบริจาคโลงศพที่มูลนิธิ ป่อเต็กตึ๊ง

“ปีมะเส็ง” กับ “ปีกุน” ได้รับผลกระทบเล็กน้อย โดยดาวร้ายที่เล็งชีวิตคนปีมะเส็งคือดาวคลุมเสื้อปอ บ่งบอกว่าอาจต้องไว้ทุกข์ นอกจากนี้ยังต้องระวังเรื่องสุขภาพ การปล้นชิง และโอษฐภัย การทะเลาะเบาะแว้งเพราะปากไม่ดี ส่วนชาวกุนเป็นปีมั่งมีเงินทอง ได้ทั้งลาภตรงและลาภลอยต่อเนื่อง ดาวการเงินสดใส แต่โรคเก่าจะกำเริบ ควรไปฝากชะตาที่วัดเล่งเน่ยยี่ เมื่อถึงช่วงตรุษจีน ทางวัดจะสวดมนต์ให้ติดต่อกันหลายวันหลายคืน

ปีที่เฮงสุดเพราะสมพงศ์กับปีวอกต้องยกให้ “ปีชวด” และ “ปีมะโรง” คนปีชวดมีเกณฑ์เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งมีอำนาจเพิ่มขึ้น แต่ต้องระวังคนคิดร้ายแอบแทงข้างหลัง และอาจเกิดคดีความเรื่องเงินๆทองๆ เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากดาวภูตทั้งห้า ควรหลีกเลี่ยงการไปงานศพ หรือไปยังที่เปลี่ยวร้าง ก่อนตรุษจีนควรไปไหว้เจ้าพ่อกวนอู ซอยอิสรานุภาพ ถนนเยาวราช เพื่อเสริมดวงชะตายิ่งเฮง ส่วนคนปีมะโรงมีโอกาสแสดงฝีมือให้เข้าตาแน่นอน ด้านการเงินก็สดใส แต่ต้องระวังอาจถูกสัตว์เลี้ยงกัดทำร้าย และอุบัติเหตุจากการขับรถ ควรไปไหว้เจ้าพ่อเสือขอให้คุ้มครอง

สำหรับอีก 6 ปีนักษัตรมีชะตาปานกลางไม่ได้ไม่เสีย โดย “ชาวฉลู” มีดาวจันทร์จริยาและดาวฟ้ามงคล บ่งบอกว่าผู้ใหญ่จะช่วยผลักดันให้ก้าวหน้า สุขภาพแข็งแรงดี และมีเกณฑ์แต่งงานฟ้าแลบ ส่วน “ชาวเถาะ” เป็นปีแห่งโอกาสจะได้เลื่อนตำแหน่ง แต่ก็มีดาวล้มเหลวฉับพลัน อะไรที่วาดหวังไว้จะผิดหวังพลาดเป้า ผู้ชายปีเถาะยังต้องระวังบ้านแตกเพราะเมียจับได้ว่ามีกิ๊ก ขณะที่ “ปีมะเมีย” ขาดแรงอุปถัมภ์จากผู้ใหญ่ ทำให้ต้องผิดหวัง และเกิดความแปรปรวนทางอารมณ์ ความสัมพันธ์กับ

ผู้คนรอบข้างไม่สู้ดี ไร้ลาภลอย โชคดีที่สุขภาพดีไม่เจ็บป่วย แต่อาจเกิดอุบัติเหตุเภทภัย ถ้างดขับรถได้จะดีที่สุด ด้าน “ชาวมะแม” ปีนี้เสน่ห์แรงอย่าบอกใคร อาจมีงานมงคลให้คึกคัก แต่ต้องใส่ใจสุขภาพเป็นพิเศษ เพราะมีดาวเจ็บป่วยเล็งชีวิต “คนปีระกา” มีเกณฑ์ได้เลื่อนตำแหน่งพุ่งพรวด การงานเจริญรุดหน้า มีโชคลาภเงินทอง แต่ระวังจะอื้อฉาวเพราะรักสามเส้า “ปีจอ” ไม่มีดาวมงคลส่องชีวิตเลย แต่เต็มไปด้วยดาวร้ายเพียบ ทั้งดาวทุกข์โศก และดาวฟ้าวิปโยค ไม่ว่าคิดอ่านอะไรควรเพิ่มสติความอดทนกว่าเดิม เป็นปีที่มีความกดดันจากหน้าที่การงาน จิตใจห่อเหี่ยว ระวังปัญหาสุขภาพด้านทางเดินหายใจ.

มิสแซฟไฟร์