ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 29 มิ.ย. ปิดที่ 1,442.66 จุด เพิ่มขึ้น 5.24 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 62,740.24 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด BANPU ปิด 14.70 บาท บวก 0.10 บาท, IVL ปิด 28.75 บาท ลบ 1.50 บาท, KBANK ปิด 174.50 บาท บวก 5 บาท, SCB ปิด 139.50 บาท บวก 3.50 บาท และ CK ปิด 29.25 บาท บวก 1.25 บาท

“ณัฐชาต เมฆมาสิน” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ เผยมุมมองตลาดหุ้นไตรมาส 3 คาดดัชนีมีโอกาสขึ้นไป

ทดสอบเป้าหมายที่ 1,500 จุด โดยบรรยากาศการลงทุนจะผ่อนคลายลงหลังประเด็นอังกฤษถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) มีความชัดเจนมากขึ้น

และยังมีปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงเมื่อเทียบกับดอกเบี้ยเงินฝากหรือผลตอบแทนพันธบัตร ทำให้โยกเงินมาลงทุนในหุ้นโดยยอมแบกรับความเสี่ยงมากขึ้น ขณะที่สภาพคล่องในระบบการเงินโลกยังอยู่ในระดับสูง

ส่วนความเสี่ยงที่ต้องติดตามคือการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญของไทยในเดือน ส.ค. และภาวะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มสูงขึ้นอย่างฉับพลัน (Bond Shock) ที่อาจเกิดขึ้นหากแรงกดดันเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นตามราคาพลังงาน รวมถึงการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

หุ้นน่าลงทุน คือหุ้นพลังงานรายตัวที่ P/BV ต่ำ ได้แก่ BANPU, BCP รวมทั้งหุ้นแบงก์ที่ P/BV ต่ำและยังมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ได้แก่ BBL, TCAP, SCB, LHBANK รวมถึงหุ้นโรงไฟฟ้าที่มีฐานรายได้มั่นคง และกลุ่มอสังหาฯที่มีเงินปันผลแน่นอน ได้แก่ GPSC, CKP, SIRI, AP หุ้นที่ได้ประโยชน์จากงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน BEM, SEAFCO

หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของรายได้เกษตรกร ได้แก่ GLOBAL, SINGER, JMART, TK และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากปรากฏการณ์ความผันผวนบรรยากาศลานีญา ได้แก่ EASTW และ TVO

ปิดท้ายมีข่าว “ประพันธ์ เจริญประวัติ” ผู้จัดการตลาด mai เผยว่า ได้ริเริ่มโครงการ Company Snapshot ขึ้น เพื่อเป็นช่องทางรวบรวมข้อมูลสำคัญของบริษัทจดทะเบียนในรูปแบบที่สั้น กระชับและเข้าใจง่าย เพื่อให้ผู้ลงทุนนำไปประกอบการตัดสินใจลงทุน

โดยได้จัดทำแบบฟอร์มข้อมูลสำคัญที่ผู้ลงทุนควรทราบและขอความร่วมมือจาก บจ. ใน mai ให้จัดทำข้อมูลพร้อมเผยแพร่ในเว็บไซต์ของบริษัทตนเอง เช่น รายงานประจำปี ข่าวที่เผยแพร่ต่อผู้ลงทุน แผนการดำเนินธุรกิจ ประเด็นที่น่าสนใจของบริษัท ปัจจัยเสี่ยงของธุรกิจ เป็นต้น ซึ่งเป็นไปตามแผนพัฒนาคุณภาพ บจ. ผ่านงานนักลงทุนสัมพันธ์.

อินเด็กซ์ 51