สกู๊ป : ความแห้งแล้ง..โรคยาง มหันตภัยหมื่นล้านทำลายสวนยางพารา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/263003

วันศุกร์ ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

จากฤดูฝนผลัดเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูแล้ง ความร้อน ความแห้งแล้งเริ่มเยือน ยิ่งในปีนี้ คาดการณ์กันว่าฝนจะมาช้า ฤดูแล้งจะยาวกว่าปกติ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อ “ยางพารา” พืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทยได้

ดร.กฤษดา สังข์สิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาการผลิต การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า ช่วงฤดูแล้งอากาศค่อนข้างแห้ง บางพื้นที่จะเกิดพายุฤดูแล้ง ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อสวนยางพารา ทั้งต้นยางที่เพิ่งปลูก และต้นยางที่เปิดกรีดแล้ว ดังนั้นเกษตรกรชาวสวนยางควรจะระมัดระวังและหาทางป้องกันไว้ โดยจะต้องทำการตัดแต่งกิ่งที่มากเกินออกไปให้เหลือเพียง 2-3 กิ่ง นอกจากนี้ต้องจัดทำแนวกันไฟ โดยไถหรือขุดถากวัชพืชและเศษซากพืชออกเป็นแนวกว้าง ไม่ต่ำกว่า 3 เมตรรอบสวนยาง

การรักษาความชื้นบริเวณผิวดินลดอาการขาดน้ำของต้นยาง และช่วยลดความร้อนบริเวณรอบๆโคนต้นยางก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำในช่วงหน้าแล้ง ดังนั้นต้องหาวัสดุ เช่น เศษวัชพืช ฟางข้าว หญ้าคา เป็นต้น มาคลุมบริเวณโคนต้น ต้องหมั่นสำรวจความชุ่มชื้นของวัสดุที่คลุมโคนต้นยางอย่างสม่ำเสมอ เพราะถ้าหากปล่อยให้แห้งจนเกินไป อาจกลายเป็นเชื้อเพลิงได้

อารมณ์ โรจน์สุจิตร

นางอารมณ์ โรจน์สุจิตร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยางสุราษฎร์ธานี กยท. เปิดเผยว่าโรคระบาดในช่วงแล้งที่พบเป็นประจำคือ“โรคใบร่วงราแป้ง” โดยการป้องกันทำได้ด้วยการใส่ปุ๋ยตามคำแนะนำในช่วงปลายฤดูฝน และให้ใส่ปุ๋ยบำรุงต้นที่มีธาตุไนโตรเจนสูงกว่าปกติ เพื่อเร่งให้ใบยางที่ผลิใหม่สมบูรณ์และแก่เร็วขึ้น หลีกเลี่ยงการปลูกพันธุ์ที่ผลัดใบช้า สำหรับต้นยางอายุไม่เกิน 2 ปี ที่ปลูกเพื่อการใช้ประโยชน์กิ่งตา ยางชำถุง หากมีโรคระบาดรุนแรงควรพ่นสารเคมีบริเวณใบที่กำลังผลิยอดอ่อน เช่น เบโนมิล 50% ดับเบิลยู พีใช้ในอัตรา 20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นทุกๆ 7 วัน จนพ้นช่วงใบอ่อน

“โรครากขาว” พบในสวนยางที่ปลูกแทนพื้นที่ป่าโดยไม่มีการกำจัดตอไม้รากไม้ป่าเดิม การป้องกันและกำจัดต้องใช้หลายวิธีรวมกัน ควรจะเตรียมการตั้งแต่ในช่วงฤดูแล้ง เพราะเป็นช่วงที่สามารถทำได้ง่ายและสภาพอากาศเอื้ออำนวย โดยมีหลักการคือ ต้องกำจัดและลดปริมาณเชื้อให้เหลือน้อยที่สุด หรือต้องทำให้ไม่มีเลย เกษตรกรที่จะปลูกยางใหม่ทดแทนยางเก่า การโค่นต้นยางเก่าจะต้องขุดตอยางพาราออกด้วย และกำจัดเศษรากไม้กิ่งไม้พร้อมเตรียมดินปลูกด้วยการไถพลิกหน้าดินตากให้แห้งอย่างน้อย 2-3 รอบ เพื่อกำจัดเชื้อราที่อาจมีหลงเหลือในดิน

อย่างไรก็ตาม เมื่อปลูกยางแล้ว ต้นยางเป็นโรคดังกล่าว จะต้องกำจัดต้นที่เป็นโรครุนแรงออกโดยขุดรากออกไปทำลายนอกแปลง กรณีต้นยางเล็กอายุน้อยกว่า 3 ปี ให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของเชื้อด้วย เช่น รากไม้ ตอไม้ ก็ให้กำจัดออก และใช้สารเคมีป้องกันรักษาโรคในต้นที่ยังไม่รุนแรงมาก โดยให้ขุดร่องกว้างประมาณ 15-20 ซม. รอบโคนต้นยางพารายางที่เป็นโรค และต้นข้างเคียงในแถวเดียวกันและแถวใกล้เคียง เนื่องจากเชื้อโรคอาจลุกลามไปถึง ใช้สารเคมีกลุ่มไตรอะโซลส์ เช่น ไซโปรโคนาโซล ไตรอะไดเมฟอน หรือไดฟิโนโคนาโซล หรือเฟนิโคนาโซล หรือโปรพิโคนาโซล อัตรา 5 ซีซีต่อน้ำ 1-2 ลิตร หรือเฮกซาโคนาโซล อัตรา 5 ซีซีต่อน้ำ 1 ลิตร ราดลงในร่องรอบโคนต้นยาง ปริมาตร 2-4 ลิตรขึ้นกับขนาดของต้นยาง และราดสารเคมีซ้ำทุก 4-6 เดือน อย่างน้อย 3 ครั้งในช่วง 2 ปี

โรคยางอีกโรคที่มักจะระบาดในพื้นที่ปลูกยางเดิมทางภาคใต้ หลังจากน้ำท่วมขัง คือ โรคใบร่วงที่เกิดจากเชื้อราไฟทอปร่า ซึ่งเมื่อต้นปี 2560 ที่ผ่านมามีสวนยางพาราหลายพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม จึงมีโอกาสที่โรคนี้จะระบาด เชื้อราชนิดนี้จะเข้าทำลายทั้งใบ ก้านใบและฝักยาง และเป็นแหล่งเชื้อที่สามารถแพร่ระบาดเข้าทำลายหน้ากรีด เกิดอาการโรคเส้นดำที่หน้ากรีดได้

แนวทางการป้องกันและรักษา เกษตรกรไม่ควรปลูกพืชอาศัยของเชื้อราแซมยางหรือบริเวณสวนยาง ควรกำจัดวัชพืชและตัดแต่งกิ่งในสวนยาง เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และลดความชื้นในสวนยาง ควรปรับพื้นที่อย่าให้ชื้นแฉะหรือเป็นแอ่งน้ำ

อย่างไรก็ตาม หากเชื้อราระบาดกับต้นยางที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปี สามารถป้องกันและกำจัด โดยพ่นด้วยสารเคมี เมทาแลกซิลหรือ ฟอสเอทธิล อะลูมินั่ม อย่างใดอย่างหนึ่งอัตราสารเคมี 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร บริเวณพุ่มใบเมื่อเริ่มพบการระบาดทุก 7 วัน และบำรุงต้นยางให้สมบูรณ์ด้วยการใส่ปุ๋ยสูตร 20-8-20 อัตรา 100-200 กรัมต่อต้นรอบบริเวณโคนต้นยาง ส่วนต้นยางใหญ่ที่เป็นโรคอย่างรุนแรงจนใบร่วงหมดต้น แนะนำให้หยุดกรีดยางและใส่ปุ๋ยสูตร 30-5-18 อัตราครึ่งกิโลกรัมต่อต้น และทาสารเคมีเมทาแลกซิล ป้องกันโรคหน้ากรีดในอัตราสารเคมี 7-10 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตร

หากเกษตรกรชาวสวนยางดูแลสวนยาง ป้องกันและกำจัดโรคยางต่างๆ อย่างถูกต้อง นอกจากจะช่วยลดความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว ยังจะทำให้ยางเจริญเติบโตให้ผลผลิตที่คุ้มค่า และสร้างความมั่นคงให้กับเอาชีพชาวสวนยางได้อีกด้วย ดังนั้นหากเกษตรกรสงสัยว่ายางพาราเป็นโรคหรือไม่ ป้องกันและจำกัดอย่างถูกต้องได้อย่างไร สามารถสอบถามข้อมูลและรายละเอียดได้จาก กยท.ที่อยู่ใกล้ทุกแห่งทั่วประเทศ….

สกู๊ป : สารวัตรเกษตรอีสานล่าง เร่งเครื่องตรวจสอบปัจจัยการผลิตทางการเกษตร

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/223949

วันอังคาร ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ได้ให้นโยบายในการลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร โดยเฉพาะเรื่องปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่ดีมีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ป้องกันการเอาเปรียบเกษตรกร ซึ่งได้มอบหมายให้กรมวิชาการเกษตรและหน่วยที่เกี่ยวข้องดำเนินการการควบคุมคุณภาพปัจจัยการผลิตด้านปุ๋ย วัตถุอันตรายและพันธุ์พืชให้มีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเตรียมการเข้าฤดูเพาะปลูกใหม่ของเกษตรกร

โดยได้มีการลงนามร่วมกันระหว่างภาคราชการ คือ กรมวิชาการเกษตรกรมการข้าว กรมส่งเสริมสหกรณ์ และ ธ.ก.ส. กับภาคเอกชน คือ สมาคมผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับปัจจัยการผลิตชนิดต่างๆ 7 สมาคม ภายใต้โครงการ “สานพลังประชารัฐเพื่อปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพ” เพื่อประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันในการช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถเข้าถึงแหล่งปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานและราคาที่เป็นธรรม

กรมวิชาการเกษตร ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่ควบคุมกำกับดูแลด้านปัจจัยการผลิตทางการเกษตรของประเทศ ได้มอบนโยบายให้สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1-8 และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการตรวจสอบควบคุมคุณภาพปัจจัยการผลิตทางการเกษตรในพื้นที่รับผิดชอบอย่างเข้มงวด เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพี่น้องเกษตรกร นำไปสู่การลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สร้างรายได้และเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน

ดร.อุดม คำชา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 4 อุบลราชธานี กล่าวว่า สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 4 เป็นหน่วยงานที่ควบคุมกำกับดูแลด้านปัจจัยการผลิตทางการเกษตรในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างรับผิดชอบ 9 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร และอำนาจเจริญ ปัจจุบันมีร้านค้าผู้ประกอบการรวมทั้งสิ้น 7,854 ร้านค้า ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนองนโยบายรัฐบาล สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 4 โดยกลุ่มควบคุมตามพระราชบัญญัติ ได้ดำเนินกิจกรรมในการควบคุมกำกับดูแลตามพระราชบัญญัติที่อยู่ในความรับผิดชอบ 3 กิจกรรม

ประกอบด้วย 1.จัดประชุมชี้แจงการควบคุมกำกับดูแลตามพระราชบัญญัติให้กับผู้แทนสหกรณ์การเกษตร สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. หรือ ส.ก.ต. และผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีความระมัดระวังในการเลือกซื้อปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่จะมาจำหน่ายให้เกษตรกร รวมถึงมีการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังปัจจัยที่ไม่มีคุณภาพมาจำหน่ายในพื้นที่ ทั้งหมด 8 ครั้ง มีผู้เข้าประชุม จำนวน 412 ราย 2.จัดชุดเฉพาะกิจในการระดมตรวจสถานประกอบการร้านจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตร

ทั้งนี้ พบมีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติ ได้มีการยึดอายัด เพื่อตรวจสอบและดำเนินคดี จำนวน 445 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท และ 3.ดำเนินงาน “ร้านจำหน่ายปัจจัยการผลิตคุณภาพประชารัฐ” และร่วมจัดนิทรรศการทางวิชาการ “ตลาดนัดปัจจัยการผลิตคุณภาพประชารัฐ”ภายใต้โครงการสานพลังประชารัฐเพื่อปัจจัยการผลิตทางการเกษตร เพื่อสนองนโยบายรัฐบาล โดยได้มีการมอบตราสัญลักษณ์ในพื้นที่รับผิดชอบไปแล้ว 782 ร้าน และได้ทยอยมอบอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น หากเกษตรกรมีความประสงค์จะเลือกซื้อปัจจัยการผลิตทางการเกษตรไม่ว่าจะเป็น ปุ๋ย สารเคมีทางการเกษตร หรือเมล็ดพันธุ์พืชควบคุม ควรเลือกซื้อจากร้านที่เข้าร่วมโครงการร้านจำหน่ายปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ หรือร้าน Q-Shop โดยสังเกตจากร้านที่มีตราสัญลักษณ์ “ร้านจำหน่ายปัจจัยการผลิตคุณภาพประชารัฐ” เท่านั้น จึงจะมั่นใจได้ว่าได้รับปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพได้มาตรฐานและในราคาที่เป็นธรรม ที่สำคัญหากพบเห็นการกระทำผิดทั้งการลักลอบขายปุ๋ยปลอม ไม่ได้คุณภาพ หรือรถเร่ขายปุ๋ย สามารถแจ้งได้ที่หน่วยงานกรมวิชาการเกษตรในพื้นที่ได้ทันที

สกู๊ป : พด.ร่วมสนองนโยบาย‘One Map’ ปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินฯมาตราส่วน1:4000

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/204544

วันจันทร์ ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559, 06.00 น.
จากปัญหาข้อพิพาทระหว่างภาครัฐกับภาคประชาชนเกี่ยวข้องกับการบุกรุกที่ดินของรัฐ ปัญหาการทับซ้อนกันของแนวเขตที่ดิน ปัญหาความเหลื่อมล้ำในการใช้ประโยชน์ที่ดิน เกิดจากแนวเขตที่ดินของรัฐไม่ชัดเจน แผนที่ของหน่วยงาน

อยู่บนมาตราส่วนต่างกัน ดังนั้น เพื่อให้ปัญหาความขัดแย้งเรื่องการบุกรุกและครอบครองที่ดินของรัฐสามารถคลี่คลายลง
การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐบนพื้นฐานการประสานการทำงานแบบบูรณาการของทุกหน่วยงานบนแผนที่ มาตราส่วน 1:4000 จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องรีบดำเนินการเพื่อช่วยลดปัญหาเกี่ยวกับขอบเขตที่ดินของรัฐ ลดความเหลื่อมล้ำ และคืนความชอบธรรมให้กับประชาชน

โดยในเรื่องนี้ นายสุรเดช เตียวตระกูล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า ล่าสุดรัฐบาลมีนโยบายให้มีการปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000 (One Map) และได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000 (One Map) โดยมี พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการฯ ดังกล่าว มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายอำนวยการและกำกับดูแลการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000 แบบดิจิทัลและรูปแบบอื่นๆ ที่เหมาะสม เพื่อให้ทุกส่วนราชการใช้และยึดถือในแนวทางเดียวกัน และมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ รวม 5 คณะ ประกอบด้วย 1.คณะอนุกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000 (One Map) ระดับภาค 1-4 : ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1-4 เป็นประธาน 2.คณะอนุกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000 (One Map) จังหวัดทุกจังหวัด (ยกเว้นกรุงเทพมหานคร) : ผู้ว่าราชการจังหวัด/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด เป็นประธาน 3.คณะอนุกรรมการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000 (One Map) กรุงเทพมหานคร : ปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธาน 4.คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000 (One Map) : พลเอกนิวัตร มีนะโยธิน เป็นประธาน และ 5.คณะอนุกรรมการเทคนิคการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000 (One Map) : รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายจตุพร บุรุษพัฒน์) เป็นประธาน

อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวอีกว่า สำหรับบทบาทหน้าที่ของกรมพัฒนาที่ดินนั้น เกี่ยวข้องกับการกันแนวเขตป่าไม้ถาวร ป่าชุมชน ตามมติคณะรัฐมนตรี โดยการนำข้อมูลพื้นที่สภาพป่าที่ปรากฏ ในอดีตและยังไม่มีแนวเขตที่ชัดเจนมากำหนดในระวางภาพถ่าย (ORTHO PHOTO) มาตราส่วน 1:4000 มาพิจารณาควบคู่กับแผนที่ภูมิประเทศมาตราส่วน 1:50000 ชุด L7018 สำหรับเป็นข้อมูลใช้ในการกำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐบนพื้นฐานของรูปถ่ายทางอากาศมาตราส่วน 1:4000 โดยใช้ 13 หลักเกณฑ์ในการปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐ

ทั้งนี้ คาดว่าหากการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินดังกล่าวแล้วเสร็จ จะได้เส้นเขตที่ดินของรัฐ (One Map) แสดงอาณาเขตที่ดินของรัฐครอบคลุมที่ดินของทุกหน่วยงานบนระวางภาพถ่ายมาตราส่วน 1:4000 อีกทั้งแนวเขตทั้งหมดจะต่อกันสนิท ไม่ทับซ้อนหรือมีช่องว่าง สามารถลดปัญหาความขัดแย้ง เรื่องที่ดินที่เกิดจากแนวเขตไม่ชัดเจนลงได้