#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/550512

สถานีเกษตร-สิ่งแวดล้อม : ผลงานแก้ปัญหาน้ำEEC
วันศุกร์ ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564, 06.00 น.
ในฤดูแล้งปีที่แล้ว เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) 3 จังหวัดคือ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีความเสี่ยงสูงที่จะประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ เพราะปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ในขณะนั้นมีไม่เพียงพอกับความต้องการ
แต่ก็สามารถบริหารจัดการน้ำผ่านพ้นวิกฤติขาดน้ำมาได้วิกฤติภัยแล้งที่รุนแรงทำให้รัฐบาลจัดตั้ง กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กอนช.) ขึ้นมาโดยมี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการ เพื่อทำหน้าที่บูรณาการ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควบคุมวิกฤติน้ำที่อยู่ในวงจำกัด รวมทั้งรวบรวม ติดตาม ประเมินสถานการณ์ อำนวยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ สร้างการรับรู้ และลดผลกระทบที่เกิดขึ้น ตลอดจนให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที
พื้นที่ EEC ขณะนั้นเข้าข่ายเป็นพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติขาดแคลนน้ำ!!
EEC มีความต้องการใช้น้ำประมาณ 540 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) แต่ปริมาณต้นทุนขณะนี้มีเพียง 390 ล้านลบ.ม.เท่านั้น
ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยการ กอนช. เล่าให้ฟังว่า ขณะนั้นกอนช.ได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดร่วมกันวางแผนจัดหาน้ำให้เพียงพอกับความต้องการใช้ในพื้นที่ EEC ไม่ว่าจะการใช้สูบผันน้ำคลองวังโตนด มาเติมอ่างฯประแสร์ และผันน้ำจากจากอ่างฯประแสร์มาช่วยพื้นที่ EEC รวมทั้งการแบ่งปันน้ำจากอ่างฯประแกตการเจรจาซื้อน้ำจากบ่อดินของเอกชน มาเสริมเข้าระบบน้ำการประปาส่วนภูมิภาค และของบริษัท East Water พร้อมทั้งจะดำเนินการขุดลอกคลองหลวง จากท้ายอ่างฯคลองหลวงถึงคลองพานทองเพื่อระบายน้ำมาที่สถานีสูบพานทอง และสูบผันมาเติมในอ่างฯบางพระ นอกจากนี้ยังวางแผนที่จะทำการสูบผันน้ำแม่น้ำบางปะกง มาเติมอ่างฯ บางพระ พร้อมๆ กับทำการรณรงค์ให้ผู้ใช้น้ำ ลดการใช้น้ำ 10% เจรจาให้โรงไฟฟ้าเอกชนหยุดเดินระบบอยู่ในโหมด Stand Bye เพื่อลดการใช้น้ำเพื่อหล่อเย็น เป็นต้น
ในที่สุด EEC ซึ่งเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมหลักของประเทศ ก็ผ่านพ้นวิกฤติขาดแคลนน้ำได้
อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน รัฐบาลยังได้เคลื่อนโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ในพื้นที่ EEC ปี 2563-2580 อีกจำนวน 38โครงการ วงเงิน 52,191 ล้านบาท ได้ปริมาณน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้น 872 ล้าน ลบ.ม. โดยในจำนวนนี้ สทนช.ได้กำกับขับเคลื่อนโครงการ ไปแล้ว 16 โครงการ จะดำเนินการแล้วเสร็จ ในปี 2565 จะได้น้ำเพิ่มขึ้น 253.60 ล้าน ลบ.ม.
เรื่องดีๆ ผลงานชิ้นโบแดงของ กอนช. อย่างนี้ก็ต้องชมกันบ้างครับ จะได้เป็นกำลังใจในการทำงานและยังสามารถนำแนวทางดังกล่าวไปต่อยอด ขยายผล แก้ปัญหาน้ำในพื้นที่อื่นๆ ในปีนี้และปีต่อๆไปได้อีกด้วย








