เกษตรบูรณาการ : วงเล็ก แต่เรื่องใหญ่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/260033

วันจันทร์ ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

251598

ตามติดการทำงานกระทรวงเกษตรฯ ที่มีท่านรัฐมนตรี พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ เป็นหัวเรือสำคัญ ในการเดินหน้าแก้ปัญหาภาคการเกษตรสัปดาห์นี้ ต้องบอกว่า เข้มข้นมากขึ้นกับปัญหาที่กำลังเดินหน้าแก้ไข  ซึ่งหากเปิดใจจริงๆ แบบไม่เข้าข้างใครและยอมรับความเป็นจริง ต้องบอกว่า ที่ผ่านมา เท่าที่ทราบ ท่านรัฐมนตรี ค่อนข้างเอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหาตามที่ได้รับบัญชาจากนายกรัฐมนตรี “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” แต่อนิจจางานกับไม่คืบหน้าเท่าที่มันควรจะเป็น โดยเฉพาะการแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.กที่มี เลขาฯส.ป.กชื่อ “สมปอง อินทร์ทอง” วันนี้ต้องบอกว่า งานที่ทำกันอยู่มันแค่ลูบหน้าปะจมูก รอวันเกษียณอีกไม่กี่เดือนเท่านั้น

เอากันให้ชัดเจนกันไปว่าทำไมถึงบอกอย่างนั้น เรื่องมันมีอยู่ว่า จากที่นโยบายของ คสชและรัฐบาล ที่มีคำสั่งให้ใช้
.44 แก้ปัญหาการครอบครองพื้นที่ ส.ป.กโดยกลุ่มนายทุนใหญ่ทั่วประเทศ งานนี้ท่านรัฐมนตรี มีการสั่งการให้เร่งสะสางงานให้จบ ให้เร็วพร้อมมีคำสั่งให้ทุกหน่วยงานเข้าไปทำงานแบบบูรณาการ จัดการพื้นที่จัดสรรให้กับเกษตรกรที่ไร้ที่ทำกินให้ได้ ซึ่งหลายที่ก็มีการยึดพื้นที่ และอยู่ระหว่างการจัดสรรให้กับเกษตรกรที่มีการขึ้นทะเบียนเอาไว้ตามหลักการ ซึ่งหากทำจริงตามหลักตามกฎหมายมันคงไม่มีปัญหา และเกษตรกรที่เขาไร้ที่ทำกินจริงๆ คงต้องยกมือท่วมหัว กราบขอบพระคุณ ที่รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ “ฉัตรชัย” ที่ช่วยจัดการให้

แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ความจริงที่มีมันมีเรื่องว่า ที่ที่มีการยึดมาบางแปลงมันมีปัญหา  โดยเฉพาะในพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีการบุกรุกมานานนม นั้นคือ ที่ดินสวนส้ม 3 แปลงกว่า 6,000 ไร่ ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำ ที่รัฐพยายามจะแก้ปัญหามาโดยตลอดแต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จนมาจบในรัฐบาลทหารนี้เอง ในการยึดที่ได้ แต่ก็ไม่จบในเรื่องของการจัดการ โดยทั้งหมด หลังจากที่ยึดได้จากเอกชนที่ครอบครองพื้นที่มานาน แบบผิดกฎหมาย  มีข้อมูลว่า 1 ใน 3 ราย เจ้าของสวนส้มรายใหญ่ มีการเดินเกมส์พาลูกจ้างสวนส้ม  ร้องไปยังทุกหน่วยงาน อ้างตนเองว่า ไม่ได้ครอบครองพื้นที่ที่ผ่านมา บริษัทเพียงแต่ไปบริหารจัดการให้กับกลุ่มเกษตรกร จำนวน 93 ราย ที่รวมกลุ่มขอให้ช่วยบริหาร จึงขอให้ ส.ป.กช่วยจัดการ จัดสรรที่ให้กับเกษตรกร 93 ราย จนมีผู้ใหญ่คนหนึ่ง  ถึงกับพาพวกพ้อง ลงพื้นที่เชียงใหม่ พยายามเข้าไปล้วงลูกสั่งการให้ ทางส.ป.กและหน่วยงานอื่นๆ ในพื้นที่ ช่วยจัดสรรที่ให้กับ 93 รายตามที่ร้องขอ

ทั้งที่ ทั้ง 93 ราย ไม่มีคุณสมบัติ ที่เป็นเกษตรกร เพราะเจ้าหน้าที่ ส.ป.กในระดับพื้นที่ เข้าไปตรวจสอบข้อมูลพบว่า ทั้ง 93 รายของสวนส้ม เนื่องจากมีบัตรประกันสังคมโดยเจ้าของสวนส้มชัดเจน งานนี้ สร้างความอึดอัดให้กับเจ้าหน้าที่ที่ถูกบีบให้ต้องช่วยจัดสรรที่ให้คนผิด งานนี้ท่าน ส.ป.ก.จังหวัด “ไพน้อย แซ่เตียว” ถึงกับออกโรงต้านกลางที่ประชุมหลายที่ว่าหากยังบีบให้ทำ อาจต้องทำอะไรสักอย่างเพราะทั้งหมดที่ทางรัฐบาลกำลังให้แก้ปัญหา แต่ดันมีคนใช้อำนาจมาบีบให้ช่วยคนผิด  และหากไม่เอาจริงและยังทำแบบลูบหน้าปะจมูก มันจะเท่ากับฟอกขาวให้คนทำผิด ซึ่งเรื่องเล็กๆ อาจขยายเป็นเรื่องใหญ่บานปลายจนเอาไม่อยู่ และจากนี้ไป อย่าหวังจะแก้ปัญหาที่ดินทำกินได้

งานนี้ต้องถาม ท่านรัฐมนตรี ที่ชื่อ  “ฉัตรชัย” และท่านนายกรัฐมนตรี “ประยุทธ์” ว่าจะเอาอย่างไรกับปัญหาที่ดินของ ส.ป.กเพราะหากยังทำอย่างนี้ แม้นโยบายดีอย่างไร แต่สุดท้ายก็บีบให้คนทำงานช่วยคนผิด ระวังเรื่องในวงเล็กๆ อาจเป็นเรื่องบานปลาย เพราะหากยังมีการบีบให้ลูกจ้างของสวนส้มได้สิทธิ อ้างโน้นอ้างนี้ ระวังพืชอื่น อาจใช้มาตรฐานเดียวกันร้องขอท่านๆ เช่นกัน อาจนำไปสู่ปัญหาบานปลายที่ไม่รู้จบ ยังไงให้ชัดเจนนะขอรับท่าน เพราะตอนนี้เรื่องเน่าๆ ของ ส.ป.ก.หลายพื้นที่ที่บิ๊กๆ เขาทำเอาไว้ ตอกำลังโผล่ให้เห็นเจ้าหน้าที่เขาจะเดินได้ถูกทาง

ราชดำเนิน

เกษตรบูรณาการ : เขาบอกว่า จริงจังช่วยจริง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/258998

วันจันทร์ ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

251598

สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ท่านรัฐมนตรี “ฉัตรชัย สาริกัลยะ” ก็นำทีมจ้อเรื่องผลงานกระทรวงเกษตรฯที่ประชุมติดตามการทำงาน ซึ่งเดิมๆ แต่งานนี้ เพิ่มเติมความมั่นใจว่า งานของกระทรวงเกษตรฯที่ทำงานมา มันช่างดีเสียนี้กระไร เพราะนายกรัฐมนตรี ชมเปาะว่าเข้าท่า หลังลงพื้นที่ตรวจงานจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมกับท่านนายกรัฐมนตรี “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”

งานนี้ท่านรัฐมนตรี “จ้อ” แบบน่าชื่นตาบานว่า กระทรวงเกษตรฯค่อนข้างเดินหน้าพัฒนาด้านการเกษตรถูกที่ถูกทางโดยเฉพาะแนวนโยบาย การเดินหน้าแก้ปัญหาพืชผลทางการเกษตรทั้งระบบ โดยร่วมคิดร่วมทำงานกันที่เขาว่ากันว่า เป็นการส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรฯ แนวใหม่ (เฉพาะประเทศไทย) นั้นคือ การส่งเสริมการผลิตสินค้าแบบแปลงใหญ่ทั้งหมดจะเป็นการรวมกลุ่มร่วมคิดร่วมทำของคนในพื้นที่ ผลิตสินค้าที่เหมือนกัน และมีขบวนการบริหารจัดการร่วมกัน โดยอาจผ่านกระบวนการสหกรณ์ที่มีการบริหารจัดการตั้งแต่ต้นน้ำ ยันปลายน้ำตั้งแต่การผลิต ไปจนถึงการจำหน่าย  ทั้งหมด แนวคิดเป็นสิ่งที่ดี ส่วนจะสำเร็จแค่ไหน ต้องดูกันยาวๆ เพราะทุกอย่าง เท่าที่ฟังและแลดู เหมือนว่า จะมีการรวมกลุ่มโดยผ่านกระบวนการสหกรณ์ นั้นคือ สิ่งที่วางไว้ หากเป็นได้ตามนั้น ถึงคราวเกษตรกรไทยจะเลิศแล้วครับ ทั้งรายได้และความเป็นอยู่

แต่ดูไปดูมา ดูเหมือนว่าจะขับเคลื่อนอย่างไร มันก็ยิ่งดูว่ามีทั้งแรงผลักดันและแรงฉุด ซึ่งเรื่องการผลักดัน ก็เห็นๆ เพราะถึงวันนี้ ท่านรัฐมนตรี “ฉัตรชัย” ลงพื้นที่ตรวจงานทุกสัปดาห์เพราะอยากให้ได้ดั่งใจว่าเกษตรไทยต้องพัฒนาไปสู่ความอินเตอร์ให้ได้ เพราะเท่าที่ดู แม้กระทรวงเกษตรฯ ตั้งแต่อาคาร ท่านก็สั่งรื้อของเก่าทิ้ง อาคารที่เคยเก่า สวยงามตามแบบฉบับพอเพียงก็ถูกรื้อเสียใหม่ แทบไม่เหลือซากซึ่งถ้าใครว่างก็ลองแอบถ่ายรูปเก็บเอาไว้ก็แล้วกัน เพราะอีกไม่นานคงเป็นภาพหายากทีเดียวซึ่งดูไปยิ่งขัดกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงที่ท่านสั่งใครบางคนพอเพียงให้ได้ 70,000 ครัวเรือน หรือนี่คือความพอเพียงตามแนว 4.0 ที่เขาอ้างกัน บอก …มา เผื่อสังคมเกษตรกรไทย ทำใจรับสักวัน เกษตรกรคงต้องใส่สูทหากจะมากระทรวงเกษตรฯ

ราชดำเนิน

เกษตรบูรณาการ : ถึงเวลาเอาจริง หรือพูดเล่น

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/258076

251598

วันจันทร์ ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560, 06.00 น.

ตามติดการทำงานของกระทรวงเกษตรฯภายใต้การกำกับดูแล ของท่านรัฐมนตรี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ มากว่าเกือบสองปี ต้องบอกว่าหลังปีใหม่ที่ผ่านมา เห็นการขับเคลื่อนในขบวนการปฏิรูปภาคการเกษตรมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข็นเรื่องการส่งเสริมการทำเกษตรแปลงใหญ่ การขับเคลื่อนการแก้ปัญหาที่ดินทำกิน การส่งเสริมการผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐาน รวมไปถึงการเข็นเรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่ ที่ในหลวงท่านทรงสอนสั่ง เป็นแนวทางไว้ให้ประชาชนของท่านได้ใช้นำทางสร้างรายได้และความเป็นอยู่ตามวิถีพอเพียง เท่าที่ควรจะเป็น

มาถึงวันนี้ ต้องบอกว่า หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นท่านรัฐมนตรีสวมบทพระยาน้อย ลุยทุ่ง ลงตรวจพื้นที่ แบบเข้าถึงประชาชน โดยพร่ำบ่นว่าอยากให้คนไทยเกษตรกรของไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาก็มีนโยบายชัดเจนว่าเป็นอย่างไร เน้นหนักตรงไหน และว่างๆ ท่านรัฐมนตรี “ฉัตรชัย” ก็พยายามที่จะทำ สื่อแบบง่ายๆ ในเรื่องการอธิบายนโยบายเกษตรตามแนวทางปฏิรูปใหม่ ต้องลุยถามไถ่เกษตรกรแบบเข้าถึง โดยหยิบยกกลยุทธ์ทางทหารมาปรับใช้ตามแนวนโยบาย “กระดาษ A4” แบบเข้าใจง่ายๆ

ส่วนในเรื่องการจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. ที่ว่ากันว่า เป็นการปาหี่ ฟอกขาวให้กับผู้ถือครองรายใหญ่ โดยเฉพาะในพื้นที่สวนส้มที่ยึดมาได้ เพราะจนป่านนี้ ยังมีคำถามตามมามากมายว่า สุดท้ายเกษตรกร ที่ถูกจัดให้เข้าไปอยู่คือใครกันแน่ เพราะแว่วว่าเขาเหล่านั้นคือลูกจ้างของสวนส้มนั้นเอง เท็จจริงอย่างไรลองเรียก ส.ป.ก. จังหวัดเชียงใหม่ และผู้ว่าราชการมาให้ข้อมูลกันเองนะขอรับ เพราะเห็นมีคนบอกว่า ทั้งสองท่าน พูดเรื่องนี้แล้วอึดอัดอยากจะลาออกจากราชการเพราะกลัวติดคุกตอนแก่ นั่นไม่รวมเรื่องกังหันลมพ่นพิษ ที่เอกชนเจ๊งกันระนาวจากการยกเลิก ส่วนที่มาที่ไปใครผิดใครถูก ลองให้ท่านรัฐมนตรี ไปหาอ่านหนังสือด่วนที่สุด  ที่ กษ1204/ว1030 เรื่องการยื่นคำขออนุญาตการจัดที่ดินเพื่อกิจการกังหันลมเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ที่เรียนผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ที่ออกเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2552 อย่างไรลองไปอ่านกันดู ว่าใคร คือใคร บอกเอกชนว่าให้พวกเขาทำได้ จะได้กระจ่างไม่ใช่ โยนว่าเอกชนผิดแต่เพียงฝ่ายเดียว คนของรัฐ ไม่มีใครผิด

ซึ่งทั้งหมด ท่านรัฐมนตรี ถึงกับออกปากว่า เหนื่อย เพราะมีแต่ปัญหา แต่ที่บอกและสั่งงานไป ดูเหมือนจะไม่เข้าใจ และแว่วว่าไวๆนี้ท่านรัฐมนตรีมีแนวทางจะปิดห้องเจรจากับอธิบดีทุกกรมเป็นการส่วนตัว ว่าทำไมถึงไม่เข้าใจ รวมถึงอาจจะหาเวที คอนเฟอเรนซ์ให้กับข้าราชการทั่วประเทศ เข้าใจตรงกันก่อนที่จะตัดสินใจอีกครั้งว่า มีนาคมนี้ จะประเมินว่า ใครจะได้ไปต่อ หรือถูกโหวตออกจากบ้าน

ราชดำเนิน

เกษตรบูรณาการ : เดินสายตรวจงาน ก่อนประเมินผล อยู่หรือไป

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/257138

251598

วันจันทร์ ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560, 06.00 น.

เข้าสู่กลางเดือนที่ 2 ของปี 2560 ปีไก่จิก ปีนี้ต้องบอกว่าเท่าที่ติดตามงานของกระทรวงเกษตรฯกันมาจนขณะนี้ เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงและปรับเปลี่ยนการทำงานของท่านรัฐมนตรีที่ชื่อ “พลเอกฉัตรชัยสาริกัลยะ” อย่างเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นโดยตลอดเกือบเดือนเศษของปีไก่ ได้เห็นรัฐมนตรี ลุยลงพื้นที่จี้จิกเรื่องของการทำงานให้เป็นไปตามแผน ทั้งเรื่องปัญหาที่ดินทำกิน การวางระบบการส่งเสริมการเกษตรฯที่ดินแปลงใหญ่ รวมไปถึงการวางระบบการส่งเสริมและวางแผนการผลิตสินค้าเกษตรให้เป็นไปตามาตรฐานสินค้า

โดยสัปดาห์ก่อน ได้ลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก และได้ทำความเข้าใจ กับเจ้าหน้าที่ในระดับพื้นที่ของกระทรวงเกษตรฯ ให้เข้าใจ ถึงงานที่ ท่านรัฐมนตรีสั่งการ เพราะที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า ไม่เข้าใจตรงกัน ซึ่งที่สำคัญจากนี้ไป ต้องรู้จักลงทำงานในพื้นที่ ไม่ใช่ทำงานส่งเสริมการเกษตรในห้องแอร์ ถามอะไรก็ไม่เคยเข้าใจ มอบนโยบายอะไร ก็ไม่เคยรู้แจ้งงานนี้จึงต้องลงพื้นที่ กำชับข้าราชการ ให้คิดใหม่ ทำใหม่ มีความทันสมัย อย่านั่งอยู่กับที่ลุกไปหาเกษตรกรโดยเฉพาะมาตรการแก้ไขภัยแล้งเตรียมแผนไว้แก้แล้ง 6 มาตราการ 29 แผนงานปีที่แล้วก็มีแผนแต่ผลสรุปยังไม่ประสบความสำเร็จ ต้องมาคิดว่าทำอย่างไรให้เกิดความสำเร็จ ปีนี้เริ่มต้นฤดูแล้งก็เห็นแล้วว่ามีการเพาะปลูกข้าวเกินพื้นที่ นโยบายลดพื้นปลูกข้าวยังไม่ได้ผลจะโทษเกษตรกรไม่ได้เพราะเขามีที่ดินก็ทำ เป็นใครก็ทำหน้าที่กระทรวงเกษตรฯต้องลงไปบอก ให้เกิดความเชื่อมั่นถ้าไม่ปลูกข้าวนาปรัง ทำอย่างอื่นได้เงินเหมือนกัน

งานนี้ ท่านรัฐมนตรีถึงกับต้องทำแผนภูมิแบบง่ายๆ เป็นสื่อการมอบนโยบายตามแผนงาน โดยใช้ชื่อ “นโยบายกระดาษA4” ปฏิรูปภาคเกษตรสมัยใหม่ครบวงจรไปสู่แผนเกษตร 4.0 หวังให้ มีรายได้ 3 แสนบาทต่อรายต่อปีให้ได้ และบอกชัดว่าใช้วิธีคิดแบบทหารย้อนหลังทำลายเป้าหมายคือความยากจนให้ได้ ซึ่งเป้าหมายสูงสุดตามแผนรัฐบาล ท่านนายกฯ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” คาดหวังที่สุด ที่จะปลดหนี้เกษตรกร มีรายได้เพิ่ม มีคุณภาพชีวิตที่มั่นคงให้ได้

รัฐมนตรี “ฉัตรชัย” บอกว่าทุกอย่างเกิดจากไอเดียของท่านล้วนๆ ที่นั่งคิดและนั่งเขียนแผนทั้งหมดลงในกระดาษ A4 เพื่อให้ทุกหน่วยงานเข้าใจได้ทันที เน้นให้ความสำคัญคือเกษตรกร ดังนั้นทุกคนต้องทำตามแผนภาพเชื่อมโยงงาน นโยบายของรมว.เกษตรฯในกระดาษ A4 ที่ยกขึ้นมาเป็นเรื่องเร่งด่วน ปฏิบัติให้เกิดผลจริง ทุกอย่างใช้วิธีแบบทหาร คิดย้อนหลังทำลายเป้าหมายได้ คือทำไมเกษตรกรถึงจน จึงออกมาเป็นนโยบาย A4 ที่มีเป้าหมายยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้มีรายได้มั่นคงในพื้นที่เกษตรกรรม 149 ล้านไร่ เกิดผลสำเร็จให้ได้ เอากันชัดๆ อย่างนี้ ระวังหากไม่เป็นไปตามเป้าหมายละก็ มีหวังโดนยกแผนเพราะแว่วว่า งานนี้รัฐมนตรี “ฉัตรชัยเองจริง” ประเมินจริง ที่สำคัญ มีข่าวลือลั่นว่า หากยังเหมือนเดิมมีนาคมนี้ อาจมีการเปลี่ยนแปลงหลายตำแหน่ง อยู่หรือไป ต้องวัดกันที่ผลงานกันหละขอรับท่าน

สุดท้ายปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นเดือนแห่งความรัก และต้องขอแสดงความยินดีกับหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของท่าน ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ “ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์” คือ นายพัฒนา ปัญญาชาติรักษ์ ที่ประกาศตัวเลิกโสดอย่างเป็นทางการ แต่งงานกับเจ้าสาวนางสาวปณีตา ติรรัชกุล แบบเรียบง่าย และจะมีการจัดงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส ที่หอประชุมยกส่าย โรงเรียนมัธยมวิทยา อ.เมือง จ.ลำปาง ในเวลา 18.00 น. วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ ว่ากันว่า เจ้าสาวกับเจ้าบ่าว เขาคบหาดูใจมาตั้งแต่สมัยอนุบาล

ราชดำเนิน

เกษตรบูรณาการ : ปากว่าตาขยิบตูดขมิบตามกันไป

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/256275

วันจันทร์ ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560, 06.00 น.

|251598|

เกษตรบูรณาการสัปดาห์นี้ ต้องบอกว่าเข้มข้นและประกาศศักดาที่ชัดเจนกับการแสดงความกล้าของท่านอธิบดีกรมวิชาการเกษตร “สุวิทย์ ชัยเกียรติยศ” ที่หารกล้า “ปลดฟ้าผ่า” ลงนามคำสั่งย้าย “นายธรรมนูญ แก้วคงคา” ผอ.กลุ่มวัตถุอันตราย สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร ที่ดูแลเรื่องการเร่งการอนุญาตขึ้นทะเบียนสารเคมีวัตถุอันตรายทางการเกษตรที่ล่าช้า ไปนั่งตบยุง และมอบหมายให้ นายศรัญ วัฒนธาดา ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมพืชและวัสดุทางการเกษตร ขึ้นแทน แว่วว่างานนี้เป็นการล้างบางพวกขัดคอ หมูจะหามดันเอาคานเข้ามาสอด ไม่ทำตามเป้า เพราะแว่วว่า หลังจากที่ “สุวิทย์” มานั่งตำแหน่งอธิบดี ก็มีความพยายามจะเร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนให้จบ ตามคำขอของกลุ่มใครบางคนที่ยังค้างคา

ที่แน่ๆ งานนี้ต้องถือว่า เป็นการเดินเกมส์ประกาศศักดาชัดเจนว่า จะล้างบางคนสายเก่าที่คัดค้านการอนุญาต และก็ไม่ทราบว่าเหตุผลกลใดต้องเร่งขึ้นทะเบียนตามคำขออนุญาต เพราะแว่วกันว่ามีคำสั่งใครบางคน สั่งให้เร่งประชุมเพื่อเร่งอนุญาต ซึ่งนั่นหมายถึงว่าคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ต้องเร่งประชุม เพื่อให้เอกชนขึ้นทะเบียนให้จบ ทั้งหมดที่ค้างอยู่ 4,000 ชนิด ภายในปี 2560

แม้ว่าใครบางคน จะบอกว่าสื่อต้องทำความเข้าใจเรื่องการตลาด และอย่ามองอย่าง NGO ต้องรู้คำว่าส่วนแบ่งการตลาดและต้องเปิดให้มีการแข่งขัน นั่นก็ต้องบอกว่าเข้าใจ แต่อย่าลืมสิขอรับว่า ทุกประเทศ ที่เราส่งออกสินค้า เขาชัดเจนว่า มีหลักเกณฑ์ที่เขาห้ามนำเข้าสินค้าที่มีสารตกค้าง จากพืชผลทางการเกษตร ที่สำคัญคือเขาเข้มข้นในเรื่องการตรวจสอบ สินค้านำเข้าสักวันจะรู้สึก ซึ่งหากจะยังอ้างหลักการตลาด และไม่สนเรื่องสุขภาพของคนไทย ที่ต้องบริโภคสารพิษที่ตกค้างในพืชผัก ที่ใครบางคนกำลังเข็นให้เอกชนได้ใบอนุญาตขายสารเคมีให้จบ

และที่สำคัญ งานนี้หากยังเดินหน้า คงต้องเปลี่ยนจากปีมาตรฐานสินค้า มาเป็นปีแห่งการเร่งรัดนำเข้าสารพิษ เพื่อให้เกิดการแข่งขันให้เกษตรกรไทยได้นำสารพิษสารเคมี มาใช้ในการผลิตสินค้าเกษตร เพราะไอ้ที่ท่านทำ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันช่างขัดกับนโยบายรัฐที่จะลดการใช้สารเคมีหนุนนำแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงปลูกพืชตามวิถีชาวบ้านดั้งเดิมลดการใช้สารเคมีให้น้อยที่สุด แต่ที่ทำต้องบอกว่า ปากว่าตาขยิบตูดขมิบตามกันไปจริงๆ

สุดท้ายต้องป้องปาก ตะโกนบอกให้โลกรู้จริงๆว่า ผิดหวังกับใครบางคน ที่มีข่าวว่าจะเข้ามาช่วยคนกระทรวงเกษตรฯดูเรื่องตลาด เพิ่งรู้จริงๆว่า เป็นตลาดสารเคมีวัตถุอันตรายทางการเกษตร ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นวาระเร่งด่วนที่กรมวิชาการเกษตรถือเป็นงานสำคัญทั้งที่มีเรื่องอื่นเยอะแยะให้ทำ และที่สำคัญ วันนี้สารเคมีที่อนุญาตไป มีการควบคุมตรวจสอบดีพอหรือยัง ว่าทำตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขหรือไม่ และที่ลักลอบขาย แบบผิดกฎหมาย ท่านไปถามพวกท่านเองควบคุมดีพอหรือยัง

ราชดำเนิน

เกษตรบูรณาการ : หลอกอีกทีมีโดนแช่ง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/255349

251598

วันจันทร์ ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560, 06.00 น.

เกษตรบูรณาการฉบับนี้ ติดตามการทำงานในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ โดยปลายเดือนที่ผ่านมา ท่านรัฐมนตรี “พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ” ได้ลงพื้นที่ จังหวัดขอนแก่น เพื่อติดตามผลงานการส่งเสริมการเกษตร ตามแนวนโยบายของรัฐว่า ได้ดั่งเป้าหมายที่วางไว้แค่ไหน พร้อมประชุม ร่วมกับ “ทีมซิงเกิลคอมมาน” ของกระทรวงเกษตรฯ ในพื้นที่ภาคอีสานด้วย

โดยงานนี้ท่านรัฐมนตรี “ฉัตรชัย”ไปพื้นที่แปลงใหญ่  ที่มีการปลูกพืชผัก ว่ากันว่า แปลงใหญ่ที่ไปดู เป็นการรวมกลุ่มปลูกผักเพื่อส่งขายให้กับกลุ่ม ห้างโมเดิร์นเทรดในพื้นที่ที่สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านที่ร่วมมือกันทำ นอกจากนั้น ยังไปดูพื้นที่ปลูกมะม่วงเพื่อการส่งออก  ซึ่งงานนี้ท่านรัฐมนตรี “ฉัตรชัย” ชมเปาะว่าแปลงใหญ่ที่ไปดู ถือว่าสำเร็จ ตามเป้าหมายที่กระทรวงเกษตรฯส่งเสริมกันมา แถมท่านยังบอกว่า ครั้งหน้าจะแอบมาดูกันอีกว่า มีอะไรดีขึ้นอีกไหม และมาครั้งหน้าก็หวังเอาว่าจะได้เห็นความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของเกษตรกร และคงเห็นเกษตรกร ใส่ทองเส้นโตแน่ๆ อ้าวยังไงก็ต้องบอกว่าขอให้รวยๆ กันครบถ้วนหน้าดังที่หวังกัน ตามที่ท่านรัฐมนตรี “ฉัตรชัย” หวังไว้นะขอรับ

การลงพื้นที่ตรวจงานแบบแอบไป ไม่มีใครรู้ ผ่านไป มาดูเรื่องการประชุม ซิงเกิลคอมมาน ว่ากันว่า ท่านรัฐมนตรี “ฉัตรชัย” บอกว่า ข้อความตอนหนึ่งในที่ประชุมว่า อยากเห็นความชัดเจนในเรื่องการส่งเสริมการรวมกลุ่มการผลิตสินค้าเกษตรแบบแปลงใหญ่ เหมือนที่ลงไปดู  ซึ่งปี 2559 ที่ผ่านมา ว่ากันว่า มีเป้าหมายส่งเสริมไป 6,000 แปลง แต่จบครบถ้วนที่ 4,000 แปลง ก็ถือว่าสำเร็จ และปีนี้ อยากให้ได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2,000 แปลง จะดีเยี่ยม เพราะว่า มีการรายงานจากหน่วยงานที่เขาดูแลรับผิดชอบรายงานท่านรัฐมนตรี “ฉัตรชัย” มาว่าทุกครัวเรือน ที่เข้าโครงการแปลงใหญ่ มีรายได้เพิ่มขึ้น จากเดิมครัวเรือนละกว่า 40,000 บาท  ซึ่งท่านรัฐมนตรี “ฉัตรชัย” บอกว่า เรื่องตัวเลขที่มา 40,000 บาทต่อครัวเรือน เป็นการรายงานจากหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องแปลงใหญ่ “ส่วนเขาจะโกหกหรือไม่ บอกเลยว่าหากโกหก บาปกรรมก็จะตกอยู่กับเขา ถ้าเขากล้าหลอกแม้กระทั่งผู้บังคับบัญชา ทุกอย่างก็จะตกกับเขาทั้งหมด” ยังไงระวังกันให้ดีนะขอรับ จะรายงานข้อมูลกับรัฐมนตรีต้องตรวจสอบให้ดีระวัง หลอกอีกทีมีโดนแช่งเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน

มาปิดด้วยเรื่องสุดท้าย และต้องบอกว่าขนลุกกันทั้งกระทรวงฯ ไม่ใช่ว่า จะทำให้ใครปวดท้องหรือท้องเสียหรอกครับแต่มันมีอยู่ว่า มีข้อมูลแว่วมาว่า มีการประเมินการทำงานเบื้องต้นของผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ ตั้งแต่ระดับ 10 จนถึง ระดับ 11 ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่ประเมินผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายรัฐบาลเรื่องการพัฒนาการเกษตรว่าประสบความสำเร็จแค่ไหน และเเข้าใจเข้าถึงประชาชนแค่ไหน วันนี้ต้องบอกว่า ผู้บริหารหลายคนผ่านแบบเส้นยาแดงผ่าแปด และก็มีบางคนต่ำกว่าเกณฑ์ ส่วนใครเป็นใครงานนี้ต้องรอชี้ชะตาอีกครั้ง ในช่วงเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ เพราะงานนี้ ท่านรัฐมนตรี พูดชัดเจนว่า “หากทำงานกันอย่างนี้ ท่านรองฯ และผู้ตรวจราชการทั้งหลายเตรียมพร้อม”

เกษตรบูรณาการ : มโนสำนึกกับ‘ข้ออ้าง’ตามหลักวิชาการ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/254429

251598

วันจันทร์ ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

เกษตรบูรณาการวันนี้ ขอยกพื้นที่ให้กับเรื่องที่มีการถกเถียงกันในแวดวงการเกษตรว่า ควรหรือไม่….และหนีไม่พ้นเรื่องของการอนุญาตการพิจารณาคำขออนุญาตจากผู้ประกอบการรายใหม่ ในการจำหน่ายสารเคมีวัถตุอันตรายทางการเกษตรว่า มีความเหมาะสมหรือไม่ เพราะแว่วว่ามีขบวนการที่มีความพยายาม ที่จะผลักดันให้มีการเร่งรับขึ้นทะเบียนตามคำขอของผู้ประกอบการที่มีคำขอไว้ก่อนหน้านี้ที่ตกค้างเอาไว้จำนวนมากและการลากพิจารณาเรื่องกันมายาวนาน

ซึ่งพอท่านอธิบดีคนใหม่ของกรมวิชาการที่ชื่อ “สุวิทย์ชัยเกียรติยศ” มานั่งเก้าอี้อธิบดีกรมวิชาการเกษตร จึงมีการหยิบเรื่องที่ยังค้างคาพิจารณาให้จบเท่านั้นเอง ถ้ามองกันแบบผ่านๆ มันก็ไม่น่าแปลกใจและน่าจะเป็นเรื่องงานที่ต้องทำตามปกติ เพราะมีข้อมูลว่า มีสารเคมีที่ต้องขึ้นทะเบียนที่สามารถขอขึ้นทะเบียนกว่า 4,000 ชนิด และขึ้นทะเบียนไปแล้วบางส่วน แต่หากมองกันให้ลึกก็มีเรื่องที่น่าคิด เพราะแว่วว่า มีขบวนการที่ผลักดันให้มีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างเอาจริงเอาจัง เหมือนว่าประเทศไทยมีความต้องการใช้สารเคมี ในการปลูกพืชผลผลิตทางการเกษตรที่มากมายมหาศาล เพราะเรื่องการอนุญาตให้กับผู้ประกอบการที่ยื่นคำขอเอาไว้นั้น มีการประชุมพิจารณาเดือนละกว่า 2 ครั้ง เหมือนเป็นวาระเร่งด่วนต้องเร่งพิจารณาคำขออนุญาตให้ผู้ประกอบการรายใหม่

หากจะเอากันให้ชัด มองกันให้ลึกต้องถามว่า วันนี้การควบคุมสารเคมีดีพอหรือยัง เพราะวันนี้ยังตรวจพบสารตกค้างในสินค้าที่จำหน่ายในท้องตลาดจำนวนมาก ความจริงมันไม่ใช่ตามที่ท่านๆ พูดว่า สารเคมีที่เกษตรกรฉีดแล้ว มีระยะเวลาปลอดภัยถึงนำออกมาจำหน่าย แต่ในความเป็นจริง เกษตรกรเป็นผู้ผลิต พ่อค้าคนกลางเป็นคนซื้อ และไม่เคยสนที่ว่าจะรอให้อยู่ในระยะปลอดภัย จึงนำมาขาย

สุดท้ายต้องถามคนที่รับผิดชอบดังๆว่า รู้กันอย่างนี้ยังอยากจะเร่งอนุญาตอีกไหม และที่อนุญาตไปแล้วก็น่าจะถึงเวลาจัดระเบียบใหม่ ทั้งหมดไม่ใช่ปล่อย …แต่หากยังอนุญาตอีกก็ไม่เป็นไร หากเห็นว่า สารเคมีที่ยังจำหน่ายในเมืองไทยมันน้อยไป เพราะวันนี้ประเทศไทยติดอันดับต้นๆ ที่เป็นมะเร็ง อันเกิดจากสารพิษตกค้างในอาหารที่มีการบริโภคกัน แล้วมันคุ้มไหมกับที่ท่านบอกว่า ต้องแบ่งเค้กกันให้คนบางกลุ่ม แต่ประเทศนี้ต้องมาเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคมะเร็งให้กับคนในประเทศ ที่ต้องใช้งบประมาณเป็นแสนล้านบาทต่อปี การกระทำช่างสวนกับนโยบายของรัฐบาลที่จะให้ปี 2560 เป็นปีแห่งมาตรฐานสินค้าลดการใช้สารเคมี แต่กรมวิชาการเกษตร เร่งอนุญาตให้กับผู้ประกอบการ ต้องถามว่าวันนี้ระหว่างมโนสำนึกกับหลักวิชาการที่ไม่เคยเป็นจริงอันไหนสมควรยึดมากกว่ากัน

ราชดำเนิน

เกษตรบูรณาการ : ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ เหลาลงไป แค่ …

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/253538

วันจันทร์ ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.
แป๊บๆ ที่ฉลองปีใหม่มา ก็เกือบปาเข้าไป 1 เดือนแรกของปี 2560 เพราะทันทีที่เริ่มงานหลังฉลองปีใหม่ “พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ” รมว.เกษตรฯ ก็งานเข้า เพราะปีนี้งานที่กระทรวงเกษตรฯต้องทำ มาจ่อรอคอย แบบไม่ให้หยุดหายใจหายคอกันทีเดียว โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมหนัก ซึ่งท่านรัฐมนตรี ได้มีการกำชับให้เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรฯ ระดมลงพื้นที่ช่วยเหลือเกษตรกรเป็นการเร่งด่วน

งานนี้ต้องขอชมจากใจจริงว่า รัฐมนตรี “ฉัตรชัย” และคนกระทรวงเกษตรฯ (คนกระทรวงเกษตรฯ จริงๆ) ทำงานแบบเข้าใจเข้าถึงประชาชน โดยท่านรัฐมนตรีสั่งการและลงพื้นที่ภาคใต้  พร้อมด้วยอธิบดีกรมต่างๆ  เพื่อรับฟังปัญหา และวางมาตรการช่วยเหลือประชาชน ด้วยตนเองและกำชับให้ข้าราชการทุกกรมในพื้นที่ และส่วนกลางที่เกี่ยวข้อง ระดมร่วมไม้ร่วมมือกันช่วยเหลือเกษตรกร และประชาชนผู้ประสบอุทกภัยอย่างเต็มที่ แบบร่วมมือร่วมใจ ซึ่งก็มีทั้งกรมชลประทาน กรมปศุสัตว์ กรมพัฒนาที่ดิน รวมไปถึงการยางแห่งประเทศไทย ที่เข้าไปช่วยเหลือชาวสวนยาง ที่เป็นพืชหลักของชาวใต้อย่างเต็มที่ตามกำลังที่พอมี รวมทั้งวางมาตรการให้การช่วยเหลือทันทีภายหลังน้ำลด  ซึ่งปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงได้เห็น ท่านรัฐมนตรี “ฉัตรชัย” ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ล่องเรือช่วยเกษตรกรน้ำท่วม โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มน้ำตาปี จ.สุราษฎร์ธานี ที่ถือว่าปีนี้ท่วมหนัก และยืนยันช่วยเหลือเต็มที่ พร้อมรับปากจะหาทุกวิถีทางเยียวยาเพิ่มเติมอีกให้กลับสู่อาชีพโดยเร็วที่สุด งานนี้ขอปรบมือเป็นกำลังใจ ให้ทุกคนและขอให้พี่น้องชาวใต้ ผ่านพ้นไปด้วยดีครับ

สุดท้ายปลายสัปดาห์นี้ต้องบอกว่าในฐานะผู้ติดตามงานกระทรวงเกษตรฯเป็นห่วงจริงๆ กับการขับเคลื่อนงานภาคเกษตรฯ ที่ท่านรัฐมนตรี “ฉัตรชัย” ยังอาจต้องทำงานหนักต่อไป หากมองให้ลึกให้ชัดให้แจ่ม ปัญหาภาคการเกษตรยังเป็นปัญหาหนักของประเทศ หากจริงใจในการทำงานช่วยชาติช่วยแผ่นดินจริง อยากให้ลองปรับทัศนคติการทำงาน และเข้าใจคนเกษตรและเกษตรกรมากกว่าที่เป็นอยู่ และต้องเข้าใจว่ากระทรวงเกษตรฯ เป็นกระทรวงที่ต้องช่วยเหลือเกษตรกรแนะแนวทางให้ถูกทิศถูกทาง เพื่อให้เกษตรกรมีอยู่มีกินได้อย่างยั่งยืน อย่าให้ใครเขาพูดได้ว่า ปี 2560 ที่ท่านรัฐมนตรี  “ฉัตรชัย” อุตส่าห์เอาตัวช่วยมาจากกระทรวงพาณิชย์ ตั้งหลายคนหวังจะช่วยแก้ปัญหาภาคเกษตรเข้มแข็ง “ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ เหลาลงไปเป็นได้แค่ตัวปัญหา ไม่ใช่ตัวช่วย”

ราชดำเนิน

เกษตรบูรณาการ : งานเข้าตั้งแต่ต้นปี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/252563

วันจันทร์ ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

251598

หลังการฉลองเทศกาลปีใหม่ในปีไก่ มาไม่กี่วัน ต้องบอกว่า ในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ ต้องเรียกว่างานเข้า อันเนื่องมาจากปัญหาฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งปีนี้ชาวใต้ต้องทุกข์ระทมไม่น้อยอันเนื่องจากน้ำท่วมมากกว่าทุกปี ซึ่งสร้างความเสียหายแทบทุกจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ งานนี้ท่านรัฐมนตรีเกษตรฯ  “พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ”ได้สั่งการเร่งด่วนให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ทุกกรม โดยเฉพาะกรมชลประทาน ไปจนถึงกรมปศุสัตว์ ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนเป็นการเร่งด่วน

นอกจากนั้นยังได้สั่งการให้ทุกกรม ตั้งแต่ กรมประมง ปศุสัตว์ การยางแห่งประเทศไทย ที่ดูแลชาวสวนยางในพื้นที่ภาคใต้ เข้าสำรวจความเสียหาย และหาทางช่วยเหลือเกษตรกรให้เร็วที่สุด โดยจะต้องไม่รอให้น้ำลดแล้วถึงมาทำงาน ซึ่งบอกตรงๆ ว่ายุคนี้ต้องเร็วไม่ใช่ล่าช้าอืดอาดซึ่งจะไม่ทันการ เพราะท่านรัฐมนตรีบอกตรงว่า หลังปีใหม่ทุกคนต้องทำงานที่ไวขึ้น มิฉะนั้น อาจโดนมาตรการขั้นเด็ดขาด งานนี้ต้องบอกว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา ให้ความร่วมมือร่วมใจของข้าราชการหลายกรมที่เจ้ากรมลงพื้นที่ร่วมกันช่วยเหลือเกษตรกร และประชาชนในพื้นที่ภาคใต้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะกรมปศุสัตว์ ต้องบอกว่าทำงานหนักเป็นพิเศษ เพราะต้องขนเสบียง อาหารสัตว์ไปให้การช่วยเหลือปศุสัตว์ที่ขาดแคลนอาหารจากภาวะน้ำท่วม ขณะที่กรมอื่นๆ ทั้งกรมชลประทาน กรมพัฒนาที่ดิน และอีกหลายกรมต่างระดมช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยการบัญชาการเองโดยรัฐมนตรี “ฉัตรชัย” งานนี้ต้องขอปรบมือให้ และขอบคุณแทนพี่น้องชาวใต้จริงๆ ขอรับท่าน ซึ่งทั้งหมดแม้งานเข้าแต่ต้นปี แต่ต้องบอกว่า ยกแรก เรื่องความร่วมไม้ร่วมมือถือว่า สอบผ่าน

มาอีกเรื่องที่เป็นเรื่องดีๆ ที่เด็กตั้งหน้าตั้งตารอคอย หลังเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 ของปี 2560 งานของเด็กว่าด้วยเรื่องกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ก็เช่นเคยเหมือนทุกปี ที่กระทรวงเกษตรฯ ต้องมีของแจกเด็กๆ เพื่อให้ความสุขกับเด็กๆ ซึ่งปีนี้กระทรวงเกษตรฯก็ร่วมกันจัดกิจกรรมวันเด็กที่สนามเสือป่า งานนี้ก็มีการแจกของเล่นกันแบบไม่อั้น ตั้งแต่สมุดดินสอ ไปจนถึงจักรยานสำหรับเด็กก็สนุกกันไป และได้ของกลับบ้านกันทุกคน โดยปีนี้นายกฯลุงตู่ของเด็กๆ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ได้ให้ คำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2560 ว่า “เด็กไทย ใส่ใจศึกษา พาชาติมั่นคง” จะมั่นคงขนาดไหน ก็คงแล้วแต่หนูๆ น้องๆ ว่าจะเลือกเดินทางไหน ซึ่งที่สุด ต้องบอกว่า เด็กเหมือนผ้าขาวจะให้เป็นสีอะไร ก็คงจะแล้วแต่เบ้าหลอม กันหละขอรับท่าน

มาถึงเรื่องดีๆ อีกเรื่อง และต้องขอขอบพระคุณ ผู้มีอุปการคุณ ทุกท่านรวมคุณลุงปลัด “ธีรภัทร ประยูรสิทธิ” แทนลูกหลาน กระจอกข่าวชาวกระทรวงเกษตรฯ ที่เดินทางมามอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ ที่จะเป็นอนาคตของชาติ ที่จะก้าวไปสู่ผู้ใหญ่ในวันหน้าให้มีการศึกษาที่ดีขึ้น โดยปีนี้ทางสมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมวันเด็กขึ้นที่อาคาร 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน และได้มีการมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ พร้อมกับแจกของเล่นให้กับลูกหลาน และได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งต้องขอปรบมือให้อีกเช่นกัน … ขอบคุณครับ

ราชดำเนิน

เกษตรบูรณาการ : ปีไก่ คิดใหม่ ทำใหม่ ไม่งั้น…..ไก่จิก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/251598

วันจันทร์ ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

251598

เกษตรบูรณาการฉบับนี้ เป็นฉบับแรกของปี 2560 ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงดลบันดาลให้ท่านประสบแต่ความสุขเกษมสำราญ และสัมฤทธิผลในสิ่งอันพึงปรารถนาทุกประการ และก็ได้แต่หวังว่าจากนี้ไปในการพัฒนาการเกษตรของไทย ภายใต้การนำของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ “พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ” และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ คนใหม่ “ชุติมา บุณยประภัศร” คงมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา

ข้ามผ่านมาอีกปี ในการติดตามการทำงานในหน่วยงานกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งก็มีการตามล้วงลึก สะกิดเกา ให้หลายคนไม่พอใจไปบ้าง อย่างไงต้องของกราบประทานอภัยไว้ ณ ที่ตรงนี้ทุกอย่างต้องบอกว่า เป็นการทำหน้าที่ของสื่อ ที่จำเป็นที่จะต้องหาข้อมูลมา บอกเล่า ติติงการทำงานของคนในระดับผู้บริหารอันจะนำไปสู่การพัฒนา ด้านการเกษตรตามภารกิจ ทุกอย่างยืนยันทำตามหน้าที่และข้อมูลที่มีการกลั่นกรอง แลจะคงยืนยันในการตรวจสอบ หาข้อมูลมาบอกเล่าต่อไป

เริ่มต้นปีใหม่จากนี้ไป คงเห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรที่น่าจะมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการพัฒนาสินค้าเกษตร ที่ทางท่านรัฐมนตรีอยากเห็นการพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตร โดยจะยกให้เป็นปีมาตรฐานสินค้าเกษตร โดยเน้นหนักในเรื่องของการพัฒนา การผลิตสินค้าเพื่อเพิ่มมูลค่า ให้กับสินค้าเกษตรไทย โดยว่ากันว่าท่านรัฐมนตรีช่วย “ชุติมา” มาดึงมาเสริมทัพท่านมาจากกระทรวงพาณิชย์ ที่บอกว่าเก่งนักเก่งหนาเรื่องของการหาตลาดสินค้าเกษตร โดยเฉพาะเรื่องข้าว ซึ่งกรมข้าว สำนักงานมาตรฐานสินค้า และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร กำกับดูแล คงจะต้องทำงานหนักเป็นพิเศษ ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่า จะดีเด่นแค่ไหนหรือแค่ราคาคุย แต่ที่แน่ๆ ขอบอกว่า หลังจากนี้ไป ทุกกรม ต้องทำงานเข้มข้นมากขึ้น

ว่ากันว่า การประชุมผู้บริหารทิ้งท้าย ปีวอก ก่อนที่จะเข้ามาสู่ ปีไก่ 2560 ท่านรัฐมนตรี “ฉัตรชัย” ประกาศก้อง เอาจริง เรื่องงาน และจะทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริต  ในวันครบรอบวันเกิด 62 ปี 28 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งจากนี้ไป คงต้องตามติดว่าจะมีอะไรดีขึ้น ซึ่งบอกตรงว่า เรื่องของการทำงาน สั่งให้ตายหากไม่ได้รับความร่วมมือจากข้าราชการ มันก็คงขับเคลื่อนได้ยากยิ่ง
แต่งานนี้ ท่านรัฐมนตรี ก็มีไม้เด็ด หากยังเหมือนเดิม แบบ “โทรศัพท์ไปก็หาย ไลน์ก็เงียบ” งานไม่มีอะไรคืบคงเป็นไปดั่งที่ท่านเคยว่าไว้ว่า “ให้ท่านผู้ตรวจ และรองปลัดเตรียมตัวไว้เลย”…. และคาดว่าท่านรัฐมนตรี คงไม่มีการปรานี ที่จะแจกสายคล้องโทรให้ท่านๆ ผู้บริหาร เพื่อติดตัวยามที่รัฐมนตรีโทรมาจะได้รับทัน ก่อนแน่ๆเพราะจากนี้ไป เชื่อว่า งานไม่ตามเป้าหมายท่านคงฟันไม่เลี้ยง

จากนี้ไป คงเห็นการเปลี่ยนแปลงการทำงานของข้าราชการกระทรวงเกษตรฯที่น่าจะร่วมมือร่วมใจขับเคลื่อนงานภาคเกษตร เพื่อให้เกษตรกรไทย กินดีอยู่ดีมากขึ้น ตามแนวทางที่รัฐบาลวางไว้ส่วนจะเป็นอย่างไร ก็คงต้องติดตามกันต่อไป และต้องขอขอบคุณแทนเกษตรกรไทยไว้ล่วงหน้า ต่อการนำพา ของท่านผู้นำอย่าง ท่านรมว. “ฉัตรชัย” รมช. “ชุติมา” และท่านปลัด “ธีรภัทร ประยูรสิทธิ” จากใจจริง

ราชดำเนิน