รัฐทมิฬนาฑูกับกัมพูชา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/578538

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 18 ก.พ. 2559 05:01

 

ศอ.บต. เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “อาเซียนกับการเตรียมความพร้อมของข้าราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้” รับใช้ข้าราชการบรรจุแต่งตั้งใหม่รุ่นที่ 4 จำนวน 220 คน ที่โรงแรมบีพี แกรนด์ทาวเวอร์ จ.สงขลา พฤหัสบดีวันนี้ 09.00-12.00 น.

อีก 2 วัน ทีมงานเปิดเลนส์ส่องโลกจะไปเยือนกรุงหริหราลัยเป็นครั้งที่ 3 ระหว่าง 20-22 กุมภาพันธ์ หลายท่านถามว่า การสร้างปราสาทหินในกัมพูชา เช่น ปราสาทต่างๆ ในกรุงหริหราลัย ในนครวัดนครธม หรือที่เขาพระวิหาร ได้รับอิทธิพลมาจากที่ไหน ขออนุญาตตอบเลยครับ ว่าได้รับอิทธิพลของทมิฬ ซึ่งปัจจุบันก็คือรัฐทมิฬนาฑูของอินเดีย

ต้นแบบอารยธรรมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงตัวอักษรในประเทศทางแถบนี้ทั้งหมด ไม่ว่าชวา บาหลี มอญ เมียนมา กัมพูชา ไทย ลาว มาจากอักษรปัลลวะในอินเดียใต้ทั้งสิ้น อักษรคฤนถ์แบบที่พวกปัลลวะใช้เป็นต้นแบบของอักษรยุคแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ผู้ก่อสร้างกรุงหริหราลัยคือพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 กษัตริย์ขอมซึ่งเฉลิมพระนามด้วยสร้อยต่อท้ายว่าวรมัน ก็เฉลิมพระนามเช่นเดียวกับพระนามของกษัตริย์ปัลลวะ หลักฐานอีกอย่างก็เจอกันที่ จ.นครปฐม มีการค้นพบจารึก คาถาเยธัมมา เขียนด้วยอักษรปัลลวะ ภาษาบาลีว่า เตสังเหตุง ตถาคโต เตสัญจะ โย นิโรโธ…

ราชวงศ์ปัลลวะปกครองครึ่งบนของรัฐทมิฬนาฑูของอินเดียระหว่างพุทธศตวรรษที่ 12-13 ร่วมเวลากับยุคทวารวดีของไทย ส่วนครึ่งล่างของรัฐทมิฬนาฑูนั้น ราชวงศ์ปาณฑยะปกครองระหว่างพุทธศตวรรษที่ 12-20 อาณาจักรขอมโบราณที่อังกอร์หรือที่เมืองพระนครที่เราข้ามชายแดนไทยไปดูปราสาทต่างๆกันที่กัมพูชานี่ น่าจะตรงกับสมัยราชวงศ์โจฬะที่ปกครองทมิฬนาฑูระหว่างพุทธศตวรรษที่ 15-17 และแผ่แสนยานุภาพทางการทหาร โดยใช้กองทัพเรือ โจละแล่นข้ามอ่าวเบงกอลมายึดครองดินแดนที่ในปัจจุบันเป็นดินแดนของอินโดนีเซีย (บางส่วน) มาเลเซียและภาคใต้ของไทย

สมัยกรุงศรีอยุธยาก็น่าจะตรงกับยุคของราชวงศ์วิชัยนครปกครองซึ่งอยู่ในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 19-21 มีศูนย์กลางอยู่ที่วิชัยนคร ซึ่งปัจจุบันทุกวันนี้คือเมืองฮัมปิในรัฐกรณาฏกะของอินเดีย

ใครอยากศึกษาเรื่องราวซึ่งเคยเกิดบนแผ่นดินไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน และอินโดนีเซีย ผมขอแนะนำให้ไปเยือนจังหวัดเสียมราฐของกัมพูชา และเอาความรู้ที่ได้ไปเชื่อมกับเรื่องในอดีตของรัฐทมิฬนาฑูของอินเดีย ที่มีพื้นที่ 130,058 ตร.กม. อยู่ติดกับอ่าวเบงกอล มหาสมุทรอินเดีย รัฐเกรละ รัฐกรณาฏกะ และรัฐอานธรประเทศ ทมิฬนาฑูเพียงรัฐเดียวมีประชากรเท่ากับไทยคือ 70 ล้านคน

คณะของพ่อของผมเคยนั่งรถจากกันนิยากุมารีเมืองใต้สุดของอินเดียขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ ไปที่เมืองมธุไร ต่อไปจนถึงเมืองติรุชชิรัปปัลลิ ข้ามไปยังเมืองตัญชาวูร์ขึ้นไปจนถึงเมืองจิตัมพรัม และขับรถเลียบริมชายทะเลเข้าไปที่เมืองพูดุชเชอรี เมืองมามัลละปุรัมวกเข้าไปเมืองกาญจีปุรัมขึ้นไปจนสุดที่เมืองหลวงของรัฐ คือเจนไน

การตระเวนไปในรัฐทมิฬนาฑูทำให้เห็นวิวัฒนาการด้านรูปแบบของเทวาลัยในระยะหลายพันปี เมื่อไปเห็นที่กัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่กรุงหริหราลัย ก็ร้องอ๋อทันทีเลยครับ เช่น การไปเห็นการแกะภาพเปรียะคเณษะ (พระพิฆเนศ) เปรียะเนียเรย (พระนารายณ์) เปรียะศิเวียะ (พระศิวะ) บนโขดหินหรือในหน้าผาแถวเปิงกุมนูในหมู่บ้านจบเลอ อ.สวายเลอ จ.เสียมราฐ หรือที่เปิงเอยเซยบนเทือกเขามเหนทรบรรพต จ.เสียมราฐ ก็คล้ายกับการขุดสกัดศาสนสถานจากโขดหินหรือหน้าผาในสมัยปัลลวะของอินเดีย หรือการขุดเจาะภูเขาหินเป็นห้องเล็กๆ ที่คนกัมพูชาเรียกรูอาศรอมที่เปิงเอยเซย ก็เหมือนกับการขุดเจาะภูเขาหินเป็นห้องเล็กๆที่ดินแดนทมิฬสมัยรัชกาลพระเจ้านรสิงหวรมันที่ 1 ของอินเดีย

ในกรุงหริหราลัยมีสระดำเรยซึ่งเป็นสถานที่ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ของขอมปรอกะเอกเรียจ (ประกาศเอกราช) ไม่ขึ้นกับชวา มีการแกะสลักหินให้เป็นรูปช้างและรูปสิงห์ ผมดูภาพที่พ่อของผมถ่ายมา ก็คล้ายกันมากกับช้างและสิงห์ที่ปัญจปาณฑพรถะ เมืองมามัลละปุรัม ที่รัฐทมิฬนาฑู

การศึกษาเรื่องอย่างนี้ ทำให้เราสามารถเชื่อมโยงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ากับอินเดียได้อย่างแนบเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การท่องเที่ยว และการทำมาค้าขายมากครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

ว่าด้วยเรื่องเมืองหลวงใหม่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/578079

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 17 ก.พ. 2559 05:01

 

โรงเรียนภูเก็ตไทยหัวอาเซียนวิทยา จัดงาน THAIHUA OPEN HOUSE และเชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “เตรียมการศึกษาให้ลูกอย่างไร เพื่อมุ่งสู่สากล” เวลา 14.30-16.30 น. พุธวันนี้ ที่ห้องเรียนรู้ครูสุ่นปิ่นของโรงเรียนฯ จ.ภูเก็ต

มีผู้อ่านท่านถามมาว่า เมืองหลวงของมาเลเซีย คือเมืองใดกันแน่? ระหว่างกัวลาลัมเปอร์กับปุตราจายา ผมดูจากข้อมูลรัฐบาลมาเลเซีย บอกว่ายังเป็นกรุงกัวลาลัมเปอร์ ส่วนปุตราจายาเป็นเมืองใหม่ที่ใช้เป็นศูนย์กลางรัฐบาล อยู่ทางตอนใต้ของกัวลาลัมเปอร์ 25 กิโลเมตร ห่างจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศ 20 กิโลเมตร

ผมไปเยือนปุตราจายาหลายครั้ง ยอมรับว่านี่เป็นวิสัยทัศน์ชั้นยอดของรัฐบาลของ ดร.มหฎีร มุฮำหมัด อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เนรมิตเมืองใหม่ เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางบริหารและปกครองแยกไปจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ทำให้กรุงกัวลาลัมเปอร์เป็นมหานครที่หลวมและแก้ไขปัญหาการจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้อ่านท่านที่เคารพจำนวนไม่น้อยก็คงจะเคยไปเยือนปุตรา-จายานะครับ ที่นั่นมีที่ทำการหลักของรัฐบาล มีอาคารกระทรวง ทบวง กรม เป็นเรื่องเป็นราว มีสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา ศูนย์การค้า สนามกีฬา ที่อยู่อาศัยของราชการและพนักงาน ฯลฯ ไอเดียการสร้างเมืองใหม่ก็เน้นให้เป็นเมืองในสวน จึงมีที่โล่งแจ้งและสวนสาธารณะอยู่เยอะ

ปุตราจายามีถนนหลักที่มีความยาว 4.2 กิโลเมตร ใช้เดินสวนสนามในงานรัฐพิธีและเฉลิมฉลอง อาคารต่างๆของเมืองสร้างอยู่บนเนิน ทำเนียบรัฐบาลเรียกว่า เปอร์ดานาปุตรา ส่วนยอดมีลักษณะ เหมือนรูปโดมของมัสยิด ปุตราจายาเป็นเมืองที่ไม่มีโรงงานแม้แต่โรงเดียว มีการวางผังเมืองที่ทันสมัยที่สามารถรองรับการขยายตัวอย่างใหญ่ได้ในอนาคต และถูกออกแบบให้เป็นเขตการปกครองพิเศษ

รัฐบาลอินโดนีเซียก็กำลังคิดเรื่องย้ายเมืองหลวง เพื่อแก้ปัญหาการจราจรที่แออัดยัดเยียด ตอนนี้มี 2 แนวทาง คือย้ายออกจากกรุงจาการ์ตาไปอยู่เมืองใหม่แบบเดียวกับที่ออสเตรเลียย้ายจากนครเมลเบิร์นไปอยู่กรุงแคนเบอร์รา หรือย้ายไปทั้งหมดแบบเดียวกับนครอิสตันบูล (นครคอนสแตนติโนเปิล) ที่เป็นเมืองหลวงตุรกีมานานถึง 1,610 ปี โดยย้ายไปกรุงอังการา ซึ่งเป็นเมืองหลวงใหม่ที่มีสองส่วน ส่วนแรก สร้างใหม่ทั้งหมดเลย ทั้งที่ทำการของรัฐบาล อาคารรัฐสภา มหาวิทยาลัย สถานทูต ฯลฯ ส่วนนี้เรียกว่า เยนีเชฮีร์ ส่วนอีกส่วนหนึ่งเรียกว่าอูลุส เป็นเมืองเก่าที่สร้างตั้งแต่ก่อนยุคจักรวรรดิออตโตมัน

ประเทศที่ย้ายเมืองหลวง เพื่อเปลี่ยนฮวงจุ้ยประเทศก็คือเมียนมาครับ โดยย้ายจากนครย่างกุ้งไปยังกรุงเนปิดอว์ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2548 หรือเมื่อ 11 ปีที่แล้ว พ่อผมน่าจะเป็นคณะแรกจากประเทศไทยที่เดินทางด้วยรถยนต์จากนครย่างกุ้งไปเยือนกรุงเนปิดอว์ มีคนบอกว่ารัฐบาลเมียนมาในสมัยนั้นย้ายเอาเคล็ด เพราะย่างกุ้งเป็นเมืองที่ตั้งโดยอังกฤษ ตั้งแต่เมืองหลวงอยู่ที่ย่างกุ้ง เมียนมาก็ถูกฝรั่งมังค่าเตะไปเตะมา

หลังจากย้ายมาอยู่ที่กรุงเนปิดอว์ ความสัมพันธ์ระหว่างเมียนมากับประเทศตะวันตกและประเทศต่างๆในโลกนี้ก็ดีขึ้นอย่างที่ไม่มีใครเคยคาดกันมาก่อน

เนปิดอว์ตั้งอยู่ในเขตเปียงมนาที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขา มีพื้นที่ 4,600 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าสิงคโปร์ถึง 10 เท่า ถ้าเรียกราชธานี ใหม่ของเมียนมาแบบเต็มก็จะต้องเรียกว่า เปียงมนา-เนปิดอว์

ที่จริงประเทศไทยก็เคยมีแผนที่จะย้ายเมืองหลวงไปที่จังหวัดเพชรบูรณ์ซึ่งมีภูมิประเทศแบบเดียวกับเปียงมนาของเมียนมา มีชัยภูมิเหมาะสมที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงและป่าทึบ อยู่ตรงกลางระหว่างภาคเหนือ ภาคอีสาน และกรุงเทพฯ

จอมพล ป.พิบูลสงคราม เกณฑ์คนมาสร้างเมืองหลวงใหม่นับแสนคน ย้ายผู้คนมาตั้งถิ่นฐานที่เพชรบูรณ์ ย้ายส่วนราชการไปตั้งที่เพชรบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ เช่น กระทรวงการคลัง ตั้งที่ ต.บุ่งน้ำเต้า อ.หล่มสัก ได้ขนย้ายพระคลังสมบัติ ทรัพย์สินของชาติไปไว้ที่นี่ มีการสร้างกระทรวงยุติธรรมที่ ต.น้ำชุน อ.หล่มสัก กระทรวงเกษตรที่ ต.ปากช่อง อ.หล่มสัก กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุขก็สร้างกันทั้งนั้น โรงเรียนนายร้อย จปร. ก็ย้ายไปตั้งที่บ้านป่าแดง เรียกว่าโรงเรียนนายร้อยป่าแดง ฯลฯ

จอมพล ป.พิบูลย์สงคราม เสนอ พ.ร.บ.กำหนดระเบียบราชการบริหารนครบาลเพชรบูรณ์ พ.ศ.2487 ต่อสภาผู้แทนราษฎร แต่สภาฯ ไม่อนุมัติด้วยคะแนน 48 ต่อ 36 ด้วยเหตุผลที่ว่าเพชรบูรณ์เป็นแดนกันดาร ภูมิประเทศเป็นป่าเป็นเขา ฯลฯ

ทำให้การย้ายเมืองหลวงของไทยทำไม่สำเร็จ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

ฝาก กทม.ช่วยผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/577578

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 16 ก.พ. 2559 05:01

 

ตอนนี้ กรุงเทพมหานครและเมืองใหญ่อื่นๆ มีผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะอยู่เป็นจำนวนมากทุกเมือง ผมเคยสนทนากับท่านเหล่านั้น บางท่านไม่มีบ้านอาศัยและต้องกลายเป็นผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ กลายเป็นคนเร่ร่อน เพราะถูกไล่ที่ดิน แพ้คดีความ บางท่านติดสุราจนครอบครัวไม่สามารถดูแลได้ บางท่านพ้นโทษออกมาจากเรือนจำแล้วไม่มีที่ไป บางท่านป่วย ไม่มีญาติพี่น้องพาไปรักษา บางท่านมีอาการผิดปกติทางสมอง ฯลฯ

จำนวนไม่น้อยที่ขายที่ดินในต่างจังหวัด และมาหางานใน เมืองทำ วันหนึ่งก็ตกงาน หรือทำงานที่มีรายได้ไม่พอค่าเช่าห้องพัก ก็ต้องกลายมาใช้ชีวิตเร่ร่อน นอนในที่สาธารณะ

เจ้าหน้าที่บ้านเมืองของหลายประเทศปราบปรามผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะที่เข้าไปกีดขวางอยู่ในที่สาธารณะโดยไม่ได้ รับอนุญาตด้วยวิธีรุนแรง แม้แต่ในบ้านเมืองของเรา ท่านไปแอบดูเถิดครับ ผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะบางคนถูกปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างไร้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ บางครั้ง เราเห็นโดยบังเอิญ เราก็ยังทนไม่ได้ ต้องลงรถไปปะทะวาจาอย่างรุนแรงกับเจ้าหน้าที่

เหตุผลที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมักจะอ้างเพื่อไม่ช่วยเหลือผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะก็คือ ไม่มีงบประมาณ เรื่องอย่างนี้หลายประเทศแก้ไขด้วยการมี “กฎหมายคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง” บางเมืองนายกเทศมนตรีก็ใจกล้าประกาศให้ “การดูแลกลุ่มผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะเป็นภาวะฉุกเฉิน”

สิ่งหนึ่งซึ่งผมอยากให้กรุงเทพมหานครทำก็คือ การประกาศให้การดูแลกลุ่มผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะเป็นภาวะฉุกเฉิน ประกาศไปเลยครับ ไม่ต้องอายดอกครับ ผู้นำมหานครบางคนอายไม่กล้าประกาศ เพราะกลัวว่าคนอื่นจะมองว่ามหานครของตนเองมีภาพ–ลักษณ์ไม่ดี มีคนเร่ร่อนเยอะ มีคนจนเมืองที่ไม่มีที่อยู่เป็นจำนวน มาก ผมว่าไม่น่าอายเลยครับ แถมยังจะเป็นภาพลักษณ์ที่ดีเสียอีก ที่ท่านยอมรับ ว่ามหานครของท่านมีปัญหา และคิดวิธีการที่จะเข้าไปช่วยเหลือ

การประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อแก้ไขปัญหาผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ ทำให้ผู้นำรัฐบาลระดับประเทศ ผู้นำรัฐบาลท้องถิ่นรู้ถึงปัญหา ผู้คนทั่วไปก็จะได้ให้ความสนใจเพิ่มขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือ ทุกคนจะได้เข้าไปช่วยกันแก้ไข

21 กันยายน 2558 มหานครลอสแอนเจลิสของสหรัฐฯ ประกาศภาวะฉุกเฉินในการแก้ไขปัญหาผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ ทำให้นายกเทศมนตรีกล้าอนุมัติงบประมาณ 13 ล้านดอลลาร์เพื่อทำเป็นที่อาศัยชั่วคราวให้คนเหล่านี้ และขยายเวลาให้เข้าพักเพิ่มได้อีก 2 เดือนในช่วงฤดูหนาว การประกาศฯ ทำให้โบสถ์ องค์กรสาธารณะกุศล และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ร่วมด้วยช่วยกันให้ความช่วยเหลือ ต่อมา มหานครลอสแอนเจลิสใช้งบประมาณอีก 100 ล้านดอลลาร์ สร้างที่พักถาวรเพื่อช่วย บรรเทาเบาบางปัญหาของผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะเหล่านี้

7 ตุลาคม 2558 เมืองพอร์ตแลนด์ของสหรัฐฯ ประกาศภาวะฉุกเฉินฯแบบเดียวกับมหานครลอสแอนเจลิสทำ ทำให้สภาของเมืองพอร์ตแลนด์ กล้าอนุมัติงบประมาณเพื่อทำโครงการนำร่องจัดที่พักอาศัยชั่วคราวให้กับผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ

พี่ชายของผม นายเนติภูมิ นวรัตน์ ไปเรียนปริญญาตรีที่ฮาวายของสหรัฐฯ ในห้วงเวลาเกือบ 6 ปีนั้น พวกเราน้องๆ ทุกคน ก็ได้เวียนกันไปใช้ชีวิตอยู่ในที่พักของพี่ชายที่ฮาวาย สิบกว่าปีที่แล้ว ฮาวายยังไม่มีปัญหากลุ่มผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ แต่หลังจากเกิดปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจการให้กู้อสังหาริมทรัพย์เกิดในสหรัฐฯ เมื่อกันยายน 2551 ฮาวายเริ่มมีปัญหานี้

พ.ศ. 2558 ผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะในฮาวายมีมากถึง 7,620 คน จำนวน 50% ของผู้คนกลุ่มนี้ ไม่มีที่ซุกหัวนอน ไม่มีแม้แต่ที่พักอาศัยชั่วคราว

ตุลาคม 2558 ฮาวายจึงประกาศ “ภาวะฉุกเฉินเพื่อแก้ไขปัญหาผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ” ประกาศปุ๊บ ก็มีการอนุมัติเงิน 1.3 ล้านดอลลาร์ปั๊ป เพื่อเอาไปช่วยให้คนพวกนี้สามารถอยู่ในบ้านญาติไปพลางๆ โดยไม่ต้องไปรบกวนการเงินของญาติ เพื่อสามารถ ให้เงินคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้านพอเพียง

อยากให้ กทม.ช่วยผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะเหล่านี้จริงจังครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

วิทยุทั่วประเทศ วันละ 1 ชั่วโมง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/577271

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 15 ก.พ. 2559 05:01

 

คลื่นข่าว FM 100.5 News Network บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)+บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) จัด สัมมนาเปิดโลกอาเซียน 08.30-16.30 น. ที่ตึก ENCO อาคาร A สำนักงานใหญ่ ปตท. โดยมีนักวิชาการอิสระหลายท่านเวียนกันไปให้ความรู้ รวมทั้ง ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ก็ไปรับใช้เรื่องเวียดนามและเมียนมาด้วยครับ

ตั้งแต่จันทร์วันนี้เป็นต้นไป ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ จะพูดวิทยุวันละ 1 ชั่วโมง เป็นความรู้เรื่องระหว่างประเทศ ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และการศึกษา โดยไม่พูดเกี่ยวดองหนองยุ่งถึงการเมืองไทย ท่านที่เป็นนักจัดรายการวิทยุสามารถดาวน์โหลดนำไปออกรายการของท่านได้ทั่วประเทศ สัปดาห์ละ 7 วัน

เหตุที่ต้องทำอย่างนี้ เพราะในปัจจุบัน มีการติดต่อมายังสำนักงานให้ไปบรรยายในหลายพื้นที่ของประเทศ ซึ่งการจัดบรรยายสมัยนี้ เริ่มจัดกันตามอำเภอแล้วครับ บางแห่งต้องใช้เวลาเดินทางนานมาก นั่งเครื่องบินไปแล้ว บางแห่งยังต้องนั่งรถยนต์ต่อไปอีก 3-5 ชั่วโมง ทำให้ไม่สามารถไปบรรยายรับใช้ในบางแห่งได้ แฟนของ ร.ต.อ.ดร. นิติภูมิ บางท่านถึงขนาดโกรธ ตัดพ้อต่อว่า และบางท่านขนาดขู่ว่าจะไม่อ่านเปิดฟ้าส่องโลกต่อไปแล้วก็มีวิธีการแก้ไข คือการพูดวิทยุครับ ท่านผู้จัดรายการ ไม่ว่าจะสถานีวิทยุแบบไหน รวมถึงท้องถิ่น ท่านโหลดเอาไปแพร่เสียงได้ตามเวลาที่สะดวก ท่านหาโฆษณาได้เท่าใดก็เป็นของท่านเอง เพียงแต่ส่งอีเมลมาขออนุญาตบอกกล่าวเล่าสิบกันเพียงนิดหน่อยก็พอที่songlokpasalok@gmail.com
จันทร์ 15 กุมภาพันธ์ วันนี้จะเริ่มทดลองออกอากาศครั้งแรกที่สถานีวิทยุ Njoy Radio (เอ็นจอย เรดิโอ) FM 96.0 MHz ใครอยู่อำเภอเมืองนครสวรรค์และอำเภอใกล้เคียงก็รับฟังได้ครับ วันละ 3 รอบ เวลา 06.00–07.00 น., 16.00–17.00 น. และ 21.00– 22.00 น. ส่วนสถานีอื่น ผมจะค่อยๆทยอยประกาศให้ท่านทราบ ไปเรื่อยๆครับ
โลกเราวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงไวมาก ความรู้ด้านต่างๆ ก็เปลี่ยน ไปตามเทคโนโลยี ใครช้า ใครไม่ติดตามข่าวสาร เพียงแค่สัปดาห์สองสัปดาห์เท่านั้น ราก็กินสมอง เพียงเดือนเดียว หยากไย่ใยแมงมุม ระโนงโยงเยงเต็มหน้าแล้วครับ
สมัยก่อน นักเรียนในกรุงเทพฯ หรือตามเมืองใหญ่ได้เปรียบนักเรียนในชนบท การสอบประชันขันแข่งเข้าในสถาบันการศึกษาสำคัญ ระดับชาติ สอบเข้าได้มากกว่า ทว่า ตั้งแต่มีเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตแพร่ขยายกระจายไป ทำให้การศึกษาในโรงเรียนในต่างจังหวัดมีคุณภาพ ทัดเทียมกับโรงเรียนในกรุงเทพฯ หรือในหัวเมืองใหญ่ ครูบาอาจารย์เก่งๆ ก็มีสอนฟรี ไม่ได้คิดสตางค์ มีบานเบอะเยอะแยะในอินเตอร์เน็ต

เรื่องความรู้อย่างอื่นของประชาชนก็เหมือนกัน

วันนี้มีวิจัยออกมาแล้ว ว่าแนวโน้มโลกในอนาคต มนุษย์จะ ดูโทรทัศน์น้อยลง คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและไอแพดคนก็จะใช้กันน้อยลง การสื่อสารของมนุษย์จะอยู่ในสมาร์ทโฟนบนฝ่ามือ และ วิทยุจะเป็นการสื่อสารที่กลับมาได้รับความนิยมมากกว่าโทรทัศน์

มนุษย์ประดิษฐ์และสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ได้ด้วยการใช้จินตนาการ สิ่งที่สร้างจินตนาการให้กับมนุษย์ได้สูงสุดก็คือการอ่าน รองลงมาก็คือ การฟัง (โดยไม่เห็นภาพ) หนังสือกับวิทยุจึงเป็นตัวสร้างจินตนาการอันดับหนึ่งและอันดับสอง ส่วนการดูโทรทัศน์ เพราะเห็นภาพชัดเจน อยู่แล้ว สมองจึงไม่ต้องสร้างจินตนาการเพิ่มเติมอะไรอีกมาก

การจัดบรรยายและสัมมนาตามสถานที่ทั่วประเทศนั้น ก็ดีครับ แต่ใช้เวลาเตรียมการมาก และใช้งบประมาณสูง เสียเงินครั้งละเป็นแสนบาทก็มี ค่ายานพาหนะ ค่ารับรองวิทยากร ค่าอาหารการกิน ฯลฯ แถมยังจัดได้ไม่ต่อเนื่อง วิทยากรก็เดินทางไปได้ไม่ครบ ผมว่าวิทยุนี่แหละครับ คือทางออกของสังคมไทยในห้วงที่กำลังโหยหาทางออกด้วยความรู้

เวลา 60 นาที พ่อผมจะพูดเพียง 54 นาที เหลืออีก 6 นาที วิทยุท้องถิ่นสามารถจะหาโฆษณามาดูแลการดำเนินงานของตัวเองได้ สปอตวิทยุราคาถูกครับ วันละสามร้อยห้าร้อย เดือนละสามพันห้าพัน ผมเชื่อว่าธุรกิจท้องถิ่นมีกำลังสนับสนุนท่านและก็ขอเขียนย้ำซ้ำอีกรอบหนึ่งนะครับ ว่าเป็นการพูดรับใช้สังคม และปราศจากการเมืองในประเทศ

ความมุ่งหวังตั้งใจของพวกเราก็คือ การปฏิวัติความรู้ ความเข้าใจ ในเรื่องโลกของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ทำอย่างไรถึงเราจะช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพื่อให้พี่น้องประชาชนคนในต่างจังหวัดของเรามีความรู้ที่จะนำไปสร้างมาตรฐานสากลในทุกๆเรื่อง และช่วยกันทำให้ประเทศของเราไปยืนอยู่บนแถวหน้าท่ามกลางนานาอารยประเทศ.
คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

อียิปต์ ญี่ปุ่น ภาพลักษณ์ท่องเที่ยว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/575915

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 12 ก.พ. 2559 05:01

 

Stamford University เชิญ ร.ต.อ. ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “Cross Cultural Management” ที่ Asoke Campus เสาร์พรุ่งนี้ 09.00-12.00 น. รับใช้นักศึกษาปริญญาโท หลักสูตร Business Administration และ Public Administration

อียิปต์มีพื้นที่ใหญ่โตมากกว่าไทย 2 เท่า มีประชากรมากถึง 86 ล้าน แม้ว่าจะมีน้ำมันและก๊าซธรรมชาติบ้าง แต่อียิปต์ก็มีสถานะเป็นประเทศกำลังพัฒนา เขียนให้เข้าใจง่ายก็คือ อียิปต์ยังจน รายได้ ต่อหัวของประชากรก็ใกล้กับไทย คือ 6,600 เหรียญสหรัฐฯ (ไทย 5,647 เหรียญฯ) การเติบโตทางเศรษฐกิจก็ใกล้กัน อียิปต์ร้อยละ 2 ไทยร้อยละ 2.9

เดิมอียิปต์มีรายได้มากจากการท่องเที่ยว เพราะมีทรัพยากรการท่องเที่ยวทางโบราณคดีสูง แต่ตอนหลังมีประท้วงและการก่อการร้าย ทำให้นักท่องเที่ยวโลกแขยงแขงขนที่จะไปเยือน อียิปต์จึงกลายเป็นประเทศที่ติดล็อกทั้งการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ

ประธานาธิบดีอียิปต์คนปัจจุบันคือนายอับเดล ฟัตตอห์ อัล-ซิซิ และนายกรัฐมนตรีคือนายอิบราฮิม มาห์ลับ สองคนนี่ชอบพูดจาปราศรัยเอาใจคนจน โม้ว่าจะช่วยคนจนอย่างโน้น คุยว่าจะพัฒนาที่พักสำหรับคนจนอย่างนี้ แต่ทางปฏิบัติกลับงดเงินอุดหนุนเพื่อประหยัดงบประมาณ เช่น เลิกสนับสนุนค่าน้ำมันและค่าไฟฟ้าแก่ครอบครัวชาวอียิปต์ที่มีรายได้น้อย ผู้บริหารประเทศของอียิปต์ชอบสร้างวาทกรรมเกี่ยวกับมาตรการรัดเข็มขัด แต่ก็เป็นแต่เพียงคำพูดครับ ในทางปฏิบัตินั้นกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

เสาร์ 6 กุมภาพันธ์ 2559 ประธานาธิบดีไปเปิดโครงการที่พักอาศัยสำหรับคนจนย่านชานกรุงไคโร+ปราศรัยเรื่องความจำเป็นที่จะตัดลดการอุดหนุนของรัฐบาลเพื่อความประหยัด แต่ขบวนรถของประธานาธิบดีอียิปต์ที่จะไปกล่าวปราศรัยและตรวจเยี่ยมโครงการคนยากคนจนนั้น กลับวิ่งไปบนถนนที่มีพรมแดงมาลาดปูทั้ง 4 กิโลเมตร ดูจากคลิปก็รู้เลยครับว่า เฉพาะค่าพรมแดงนี่ ก็ต้องหมดเงินไปหลายแสนบาท

มีการวิจารณ์กันเยอะครับ เรื่องผู้นำอียิปต์ปากว่าตาขยิบ เพราะปากของประธานาธิบดีชอบพร่ำเพ้อละเมอวลี “เราต้องประหยัด” “ท่านโปรดประหยัด” ฯลฯ แต่ความเป็นจริง ข้าราชการอียิปต์ใช้เงินไปกับพิธีการที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เยอะมาก

อียิปต์เป็นอีกประเทศหนึ่งซึ่งเอามาเป็นกรณีตัวอย่างของประเทศที่มีทรัพยากรการท่องเที่ยวมากมายหลากหลาย แต่ผู้คนในประเทศไม่ช่วยกันประคองภาพลักษณ์ การท่องเที่ยวจึงแย่ลง ครอบครัวผมเคยต้อนรับเจ้าของบริษัททัวร์ใหญ่ของอียิปต์ ที่ท่านสารภาพว่า ภายในเวลาไม่กี่ปีที่สถานการณ์การเมืองในประเทศสับสนอลหม่าน นักท่องเที่ยวที่ใช้บริการของบริษัทของท่านลดลงไปเกิน 60% จนวันนี้บริษัทของท่านต้องปิด

ญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างที่รัฐบาลเกาะแนวโน้มโลกด้านการท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งรัฐบาลท้องถิ่นและรัฐบาลแห่งชาติ เป็นเวลาเกิน 10 ปีแล้วครับ ที่เทศบาลหลายแห่งของญี่ปุ่นเชิญคุณพ่อและน้องๆ ของผมไปเยือน หลังจากให้ตระเวนดูจนครบจบแล้ว ก็จะมีการประชุมวงเล็ก ถามความเห็นว่า การท่องเที่ยวในเทศบาลของเราต้องพัฒนาปรับปรุงอะไรบ้าง ขนมและอาหารของเราเป็นอย่างไรบ้าง ฯลฯ

เมื่อการท่องเที่ยวโลกบูมตูมตามนำความมั่งคั่งมาสู่ประเทศต่างๆ รัฐบาลญี่ปุ่นก็พยายามลดเงื่อนไขการเข้าไปท่องเที่ยวในประเทศของตนลง ที่เห็นเด่นชัดที่สุดก็คือ การยกเว้นวีซ่าให้กับผู้คนจากหลายประเทศ วีซ่าเพียงเรื่องเดียวทำให้นักท่องเที่ยวเข้าญี่ปุ่นเพิ่มจากตัวเลขเดิมไม่กี่ล้านกลายเป็นสูงถึง 20 ล้าน

ตอนนี้ ที่ญี่ปุ่นมีการประกาศมาอีกแล้วว่า สายการบินออล นิปปอน แอร์เวย์ และเจแปนแอร์ไลน์ 2 สายการบินใหญ่จะยกเลิกเก็บค่าเชื้อเพลิงตั้งแต่เดือนเมษายน 2559 นี้เป็นต้นไป เหตุผลที่ประกาศมาก็คือ “เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง”

เรื่องนี้ทำให้ราคาตั๋วสายการบินของญี่ปุ่นถูกลง และจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในญี่ปุ่นมากขึ้น ผู้คนที่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับการท่องเที่ยวญี่ปุ่นต่างแฮปปี้มีความสุขกับนโยบายการเลิกเก็บค่าเชื้อเพลิง

ผู้อ่านท่านลองเทียบสถานการณ์การท่องเที่ยวของอียิปต์กับญี่ปุ่น

แม้ว่าอียิปต์จะมีทรัพยากรการท่องเที่ยวดี แต่ผู้นำและผู้คนที่นั่นขยันทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ การท่องเที่ยวจึงแย่ลง

ผิดกับญี่ปุ่นที่พยายามเอื้อต่อการให้เข้าไปท่องเที่ยวในประเทศของตนได้ง่ายขึ้น การท่องเที่ยวญี่ปุ่นจึงดีวันดีคืน.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

ทั่วโลกล้วนอุดหนุนเกษตรกร

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/575332

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 11 ก.พ. 2559 05:01

 

นายศิริชัย ออสุวรรณ ประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูดถึงการพัฒนาสหกรณ์ในสถานการณ์โลกปัจจุบัน รับใช้ประธาน กรรมการ ผู้ตรวจสอบ ฝ่ายจัดการ ฯลฯ ของสหกรณ์การเกษตร 8 จังหวัด ภาคกลาง 250 คน ที่โรงแรมสองพันบุรี จ.สุพรรณบุรี พฤหัสบดีวันนี้ 15.00-17.00 น.

ตอนไปพูดให้ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรฯ ที่เชียงใหม่ เมื่อเดือนมกราคม มีท่านผู้ฟังถามกันมาเยอะว่า ประเทศอื่นมีการอุดหนุนสินค้าเกษตรกันบ้างหรือเปล่า? ขอเรียนว่า “มีครับ” และมีเยอะซะด้วย แม้ว่าจะมี GATT และ WTO มีกฎหมายเศรษฐกิจระหว่างประเทศอะไรมากมาย แต่ประเทศใหญ่ๆละเมิดข้อตกลง โดยที่ไม่มีองค์กรโลกระดับไหนจะจัดการลงโทษได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยครับ

อย่างสภาข้าวสาลีแคนาดาที่เรียกว่า Canadian Wheat Board ก็เคยมีมาตรการอุดหนุนข้าวสาลีและเมล็ดธัญพืชเพื่อตัดราคาคู่แข่ง พอโดนตำหนิ แคนาดาก็แก้ตัวน้ำขุ่นๆว่า ข้าพเจ้าต้องทำ เพื่อตอบโต้การกระทำของประเทศต่างๆที่ใช้มาตรการในลักษณะนี้

รัฐบาลอเมริกันและแคนาดาช่วยเกษตรกรในประเทศของตนเยอะนะครับ แถมยังโม้ว่า มาตรการที่ตนนำมาช่วยเกษตรกรนี่ ไม่เป็นการบิดเบือนราคาทั้งในประเทศและตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็น การประกันราคาพืชผล การให้เกษตรกรกู้ยืมเงินอัตราดอกเบี้ยต่ำ การค้ำประกันเงินกู้ให้เกษตรกรกู้เงินไปซื้อที่ดินและเครื่องมือเกษตรกรรม แม้แต่การใช้มาตรการ tax write–offs ซึ่งหมายถึง การตัดบัญชีด้านภาษี ก็ไม่ทำให้มีการบิดเบือนราคา

เมื่อมาเปรียบเทียบกับมาตรการการจำนำและประกันราคาข้าว ของไทย ขอเรียนว่าวิธีการของเรานั้นจิ๊บจ๊อยมาก

มาตรการของอเมริกา มีทั้งการพยุงราคาสินค้าเกษตร การจำกัดการผลิตไม่ให้มีผลผลิตมาก รัฐบาลอเมริกันสั่งให้เกษตรกรลดการผลิต โดยเอาเงินไปยัดใส่มือเกษตรกรที่เลิกทำการเกษตรอย่างถาวร ถ้าใคร ศึกษาเรื่องรัฐบาลอเมริกันช่วยเกษตรกรก็จะพบว่า รัฐบาลอเมริกันจ่าย ส่วนต่างระหว่างราคาตลาด กับราคาเป้าหมาย ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรจะคุ้มทุนให้แก่เกษตรกรมาอย่างต่อเนื่อง

ญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งประเทศตัวดีที่อุดหนุนเกษตรกรของตนมากเช่นกัน รัฐบาลญี่ปุ่นใช้ price stabilization หรือมาตรการรักษาเสถียรภาพด้านราคา ใช้การควบคุมผลผลิตด้วยการผูกขาดโดยรัฐหรือองค์กรกึ่งรัฐ สมัยก่อนยิ่งแย่กว่าสมัยนี้เยอะ ท่านเชื่อไหมครับว่า เมื่อไม่นานมานี้ ราคาข้าวสาลีในญี่ปุ่นสูงกว่าราคาในตลาดโลกถึง 8 เท่า สินค้าเกษตรของญี่ปุ่นราคาสูงหมด ข้าว เนื้อวัว อะไรพวกนี้ ญี่ปุ่นช่วยเกษตรกรตัวเองอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู

สงครามอุดหนุนช่วยเหลือเกษตรกรและอุดหนุนการส่งออกนั้น เล่นกันแรงมากระหว่างประชาคมยุโรป สหรัฐอเมริกา และแคนาดา สหภาพยุโรปเคยมีนโยบาย price and sales guarantees ซึ่งเป็นการประกันราคา และการประกันการขาย ประเทศใหญ่ๆในสหภาพยุโรปเคยทำหมดแล้วครับ ไม่ว่าจะอุดหนุนเกษตรกร จนเกษตรกรมีรายได้มั่นคง ราคาตลาดจะเป็นยังไง เกษตรกรไม่ต้องตกใจ รัฐบาลกำหนดราคาขั้นต่ำสำหรับการซื้อขายภายในประชาคมยุโรปไว้ให้เรียบร้อย

ยุโรปต่างกับอเมริกาตรงที่ยุโรปไม่จำกัดการผลิตภายในประเทศ เกษตรกรที่แม้ไม่เก่ง ก็ยังผลิตสินค้าเกษตรได้อย่างมีกำไร ถ้าสินค้าเกษตรมีมากจนล้นตลาด ยุโรปก็ช่วยด้วยการรับซื้อผลผลิตในราคาสูง เรื่องผู้ส่งออกก็เหมือนกัน ครั้งหนึ่ง ยุโรปคืนเงินให้แก่ผู้ส่งออกสินค้า เกษตรเพื่อสนับสนุนให้มีการส่งออกผลผลิตการเกษตรไปในตลาดโลก โดยมีการจ่ายชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาในยุโรปกับราคาในตลาดโลกให้แก่ผู้ส่งออก

รัฐบาลของแต่ละประเทศให้ความช่วยเหลือเกษตรกรเต็มที่ เพราะเกษตรกรเป็นผู้สร้างความมั่นคงด้านอาหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในความมั่นคงของประเทศ แม้ว่าพรรคการเมืองจะโจมตีพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม แต่ก็จะไม่โจมตีนโยบายที่ช่วยเกษตรกร

ในสหรัฐอเมริกา มีการต่อสู้กันรุนแรง ระหว่างริพับลิกัน ซึ่งเป็น พรรคที่หนุนคนรวย ดูแลพวกเล่นหุ้น พ่อค้าเงินตรา และอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ กับพรรคเด็มโมแครต ที่หนุนคนยากคนจน แต่พรรคริพับลิกันก็ไม่เคยตีการอุดหนุนเกษตรกรของเด็มโมแครต

ส่วนหนึ่งขององค์กรที่เชิญพ่อของผมไปสาธยายให้ความรู้ ในปัจจุบัน เป็นองค์กรที่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับเกษตรกร ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ถูกกดขี่ขูดรีดจากคนอาชีพอื่น โดยเฉพาะจากพวกนายทุนชาติและนายทุนขุนนางมาอย่างยาวนาน ได้ฟังปัญหาของท่านเหล่านี้ ทำให้ผมมั่นใจว่า อีกไม่นาน กาที่มีน้ำกำลังเดือดโดยไม่มีรูระบาย กำลังจะระเบิด.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

รัฐธรรมนูญที่ดีต้องแก้ไขได้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/574845

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 10 ก.พ. 2559 05:01

 

ครอบครัวผมไปสุราษฎร์ธานีบ่อย เพราะมีวิจัยหลายฉบับศึกษาพบแล้วว่าสุราษฎร์ธานีคือ ศูนย์กลางแท้จริงของภาคใต้ นายพิริยะ ธานีรณานนท์ หรือคุณอาโก้ของผม สร้างโฮมออฟฟิศ 2 ชั้น สไตล์โมเดิร์นศรีวิชัยในพื้นที่ 7 ไร่ ติดกับทางเข้าสนามบินสุราษฎร์ธานี ชื่อโครงการบ้านสวย Airport Business Centre เว็บไซต์ www. baansuay.com

09.09 น. พฤหัสบดีวันพรุ่งนี้ 11 กุมภาพันธ์ มีพิธีเปิด บจก. ติวเตอร์หมู สาขาสุราษฎร์ธานี ในโครงการบ้านสวยฯ ของคุณอาโก้ เพื่อเตรียมความพร้อมทางวิชาการสอบเข้ารับราชการหลักสูตรนายสิบ ตำรวจ นายร้อยตำรวจ ก.พ. ภาค ก. ปลัดอำเภอ ครูผู้ช่วย ฯลฯ ขอเรียนเชิญท่านที่เคารพร่วมพิธีเปิดในครั้งนี้ครับ

เมื่อวานผมรับใช้ถึงนางดอลลี เมดิสัน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของอดีตประธานาธิบดีเจมส์ เมดิสัน (1808-1816) ตอนที่มีสงคราม ใครๆก็ทิ้งทำเนียบขาวหนีเอาชีวิตรอด แต่นางดอลลีไม่หนี ท่านเก็บรวบรวมเอกสารสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำประกาศอิสรภาพและรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ เมื่อเก็บได้จนครบทุกแผ่นแล้ว ท่านจึงค่อยออกจากทำเนียบขาว หลังจากนั้น อังกฤษก็เข้ามาเผาจนวายวอดไปทั้งหลัง ตำนานเกี่ยวกับการปกป้องรัฐธรรมนูญสหรัฐฯฝังอยู่ใต้จิตวิญญาณของชาวอเมริกันทุกผู้ทุกนาม ประวัติศาสตร์การร่างรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ก็เป็นที่รับรู้กันโดยคนอเมริกันและคนทั้งโลก

รัฐธรรมนูญสหรัฐฯได้รับการรับรองและนำมาใช้ตั้งแต่ ค.ศ. 1784 จนถึงปัจจุบัน ใช้มานานเกินสองร้อยกว่าปีแล้วครับ แม้ว่าไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารโละทิ้งรัฐธรรมนูญ แต่เนื้อหารัฐธรรมนูญสหรัฐฯในปัจจุบันก็ต่างจากเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อนเยอะแตกต่างเพราะมีการแก้รัฐธรรมนูญที่ทำได้ถึง 4 แนวทาง คือการแก้ไขรัฐ-ธรรมนูญอย่างเป็นทางการ การตีความโดยศาลสูง การออกกฎหมาย และธรรมเนียมปฏิบัติ

สองร้อยกว่าปีนี่ มีบทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียง 27 มาตรา บทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมมาตราสุดท้ายคือมาตราที่ 27 ใช้ระยะเวลาในการให้สัตยาบันนานถึง 200 ปี สมัยนั้นไม่มีการกำหนด ระยะเวลาในการให้สัตยาบัน บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตราที่ 27 เริ่มมีรัฐให้การรับรองข้อเสนอแก้ไขเมื่อ ค.ศ. 1789 และ รัฐสุดท้ายคือรัฐมิชิแกนให้การรับรองเมื่อ 7 พฤษภาคม 1992 ทำให้ บทบัญญัติฯกลายเป็นส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญเมื่อ 18 พฤษภาคม 1992 ผู้อ่านท่านลองนึกถึงระยะเวลาสิครับ การแก้ไขรัฐธรรมนูญของชาติ ทำกันนานถึง 200 ปี รอกันนานถึง 200 ปี รัฐธรรมนูญจึงศักดิ์สิทธิ์

แต่เดิมผู้ร่างรัฐธรรมนูญหลายคนคิดว่า รัฐธรรมนูญสหรัฐฯไม่น่า จะมีอายุเกิน 1 ชั่วอายุคน แต่ในความเป็นจริงยาวเกิน 200 ปี จนกลายเป็นรัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษรที่เก่าแก่ที่สุดของโลก มีนักวิชาการหลายคนวิเคราะห์ว่า ที่อยู่ได้อย่างยาวนาน เป็นเพราะตัวบทของ รัฐธรรมนูญสหรัฐฯ มีลักษณะที่เป็นประชาธิปไตยสูงมาก

ก่อนหน้านั้น ผู้อพยพ ทาส ผู้หญิง และคนยากจน ถูกกีดกันไม่ให้มีส่วนร่วมในทางการเมือง แต่รัฐธรรมนูญสหรัฐฯทำให้คนพวกนี้มีสิทธิมีเสียง ทุกคนจึงหวงแหนและรักษารัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญเป็นหลักประกันที่ทำให้อเมริกันชนทุกคนมีความเสมอเท่าเทียมกัน รัฐธรรมนูญสหรัฐฯดูแลความเท่าเทียมกัน ของคนอเมริกันได้ในทุกสภาวะ ไม่ว่าจะในภาวะสงคราม ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ หรือภาวะปกติ

รัฐธรรมนูญที่ดีไม่จำเป็นต้องมีความยาวมากนะครับ อย่างรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ รวมทั้งบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมมีความยาวไม่มาก มีเพียง 7,000 คำ มีรากฐานอยู่บนหลักการสำคัญ 4 อย่าง คือหลักการแบ่งแยกอำนาจและการตรวจสอบและถ่วงดุล ระบบสหพันธรัฐ รัฐบาลมีอำนาจจำกัด และการตรวจสอบโดยฝ่ายตุลาการ

วันก่อน ผมเจออดีตนักการเมืองท่านหนึ่ง ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบและอนาคตทางการเมือง ท่านบอกว่า ครั้งต่อไป ท่านจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง หากรัฐธรรมนูญยังไม่เป็นประชาธิปไตย เมื่อถามว่า ท่านจะเลิกทำงานการเมืองไปเลยหรือ ท่านบอกว่า ไม่เลิกครับ ผมรอรัฐธรรมนูญฉบับอื่นหลังจากนี้

ฟังแล้วตกใจครับ หลักสูงสุดที่ใช้ปกครองประเทศถูกสร้างมาใช้กันได้ง่ายๆ ถูกนำมาใช้เพียงไม่กี่ปี ก็ถูกล้มและถูกสร้างขึ้นใหม่ อย่างนี้ รัฐธรรมนูญก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์ หลักการสูงสุดของประเทศเปลี่ยนบ่อยจนผู้คนตามไม่ทันนี่ เป็นเรื่องอันตรายมากนะครับ

รัฐธรรมนูญต้องมีความยืดหยุ่น และสามารถถูกแก้ไขได้ตามสภาพแวดล้อมของประเทศและของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป

รัฐธรรมนูญของชาติบ้านเมืองไหนที่เขียนล็อกเอาไว้เพื่อไม่ให้มีการแก้ไข นั่นก็คือ กับดักที่จะทำให้ประเทศเกิดการล้มคว่ำคะมำหงาย

มีการประท้วงและลุกฮือของประชาชน.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

สตรีหมายเลขหนึ่งอาจเป็นประธานาธิบดี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/574320

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 9 ก.พ. 2559 05:01

 

รศ.ดร.สุชาติ แสงทอง ผอ. สำนักศิลปะและวัฒนธรรม จัด The International Conference on Arts and Cultures in a Creative Economy ครั้งที่ 6 ระหว่าง 9-10 กุมภาพันธ์ 2559 เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “การจัดการทางวัฒนธรรมสู่สายตาโลกและประชาคมอาเซียน” อังคารวันนี้ 15.00-17.00 น. ที่หอประชุม มรภ.นครสวรรค์ เปิดฟ้าส่องโลกเขียนเรื่องการเลือกตั้งอเมริกาโดยละเอียดมาเข้าปีที่ 20 แล้วครับ ระบบการเลือกตั้งอเมริกาก็เหมือนเดิม แต่การเลือกตั้งครั้งนี้อาจจะมีเรื่องแปลกแตกต่างออกไปจากเดิมคือ อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกาอาจจะกลายมาเป็นประธานาธิบดีเสียเอง

อ่านรัฐธรรมนูญอเมริกาทวนไปทวนมาหลายรอบ หาตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งไม่เจอครับ แต่ตำแหน่งนี้ขอเรียนว่า สำคัญ และเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของประธานาธิบดีมาตลอด ในช่วง 8 ปี ที่วิลเลียม เจ คลินตัน เป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (1992-2000) ฮิลลารี รอดแฮม คลินตัน เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งที่มีบทบาทมาก การจัดทำนโยบายทุกอย่างของประธานาธิบดี นางฮิลลารี มีส่วนร่วมทั้งหมด

อย่างหนึ่งซึ่งอาจจะดึงคะแนนของนางฮิลลารีในการสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งนี้ ผมว่าเป็นเรื่องการปฏิรูประบบสุขภาพของสหรัฐฯในสมัยคลินตัน ซึ่งคนที่เป็นผู้นำสำคัญที่ออกมาแอ็คอาร์ตให้เราเห็นอยู่ตลอดเวลาก็คือ นางฮิลลารีนี่แหละ และในตอนนั้นการ ปฏิรูประบบสุขภาพของสหรัฐฯล้มคว่ำคะมำหงาย ยังเป็นสิ่งหลอกหลอนใจคนอเมริกันจนกระทั่งทุกวันนี้

สิ่งหนึ่งซึ่งพอพยุงชื่อของนางฮิลลารีไว้ได้บ้างก็คือ การส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในต่างประเทศซึ่งในยุคคลินตันผู้สามีทำได้ดีพอสมควร และก็เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปนะครับว่า แม่งานคนสำคัญ ในเรื่องการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในต่างประเทศก็คือ นางฮิลลารี

สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งบางคนไม่ยอมให้สื่อมวลชนและสาธารณชนก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ที่เด่นก็คือนางลอรา บุช แต่ก็ไม่ใช่เก็บตัวเงียบอย่างภริยาผู้นำในบางประเทศนะครับ เมื่อมีวาระสำคัญของประเทศที่สตรีหมายเลขหนึ่งจะต้องประกาศชัดเจนว่าตนเองอยู่ฝ่ายไหน นางลอราก็ไม่รีรอที่จะแสดงตน ผู้อ่านท่านยังจำเหตุการณ์ในยุคของอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ได้ไหมครับ ตอนนั้น มีประเด็นการทำแท้ง นางลอราออกมาประกาศเลยว่า ตัวเองอยู่ฝ่าย Pro-Choice ซึ่งหมายถึง อยู่ฝ่ายที่สนับสนุนการทำแท้งเสรี

หลายครั้งที่มีการแต่งตั้งบุคคลขึ้นไปเป็นรัฐมนตรี นางลอรานี่ล่ะครับ คัดค้านพร้อมทั้งเอาหลักฐานมาแถลงแสดงเหตุผล ว่าคนนั้น คนนี้ไม่เหมาะเพราะอะไร นอกจากนี้ นางลอรายังเป็นผู้หาเงินสนับสนุนช่วยเหลือคนติดเชื้อ HIV ในทวีปแอฟริกาซึ่งตอนนั้นเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก

ท่านอาจเคยได้ยินคำว่า Lady President คำนี้ไม่ได้หมายถึง ประธานาธิบดีหญิงนะครับ แต่เป็นสตรีหมายเลขหนึ่งที่ แอบทำหน้าที่ประธานาธิบดีซึ่งมีอยู่หลายคน สมัยอดีตประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน (1912–1919) มีสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งชื่อนางอีดิท วิลสัน ตอนที่สามีของนางอีดิทเส้นโลหิตในสมองแตก ผู้คนรอบตัว ขอให้ประธานาธิบดีสละตำแหน่งให้รอง แต่นางอีดิทประกาศไม่ยอม ให้สามีสละตำแหน่ง เมื่อมีใครจะเข้าไปเยี่ยมประธานาธิบดี เธอ ก็กีดกันเพราะอาจกลัวสามีจะพูดเรื่องการสละตำแหน่ง

227 ปีที่สหรัฐอเมริกามีประธานาธิบดีคนแรก นายจอร์จ วอชิงตัน จนถึงนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีแต่ละคนมีตำนานที่ผู้คนในแต่ละยุคแต่ละสมัยเล่าขานกันไม่รู้จบ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแต่ละคนก็มีตำนานที่น่าสนใจไม่แพ้ประธานาธิบดีสามีของตัวเองดอกครับ อย่างนางดอลลี เมดิสันเป็นสตรีหมายเลขหนึ่ง (1808-1816) ที่เผชิญ สงคราม ตอนนั้นใครๆ ก็ทิ้งทำเนียบขาว แต่นางดอลลีไม่ทิ้ง เธอรวบรวม เอกสารสำคัญต่างๆของประเทศได้จนครบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำประกาศ อิสรภาพและรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา เมื่อได้ครบทุกชิ้นแล้ว จึงยอมถอย ซึ่งต่อมาอังกฤษก็เผาทำเนียบขาวจนไม่เหลือ

สมัยก่อนคนจะเป็นประธานาธิบดีต้องเป็นผู้ชาย ผิวขาว และไม่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก (ยกเว้นจอห์น เอฟ เคเนดี)

ทว่า เกือบ 8 ปีที่แล้ว สหรัฐฯมีประธานาธิบดีผิวสีเป็นครั้งแรก

และคราวนี้ ก็อาจจะมีสุภาพสตรีเป็นประธานาธิบดี ซึ่งไม่ใช่สุภาพสตรีธรรมดาซะด้วยซีครับ แต่เป็นสุภาพสตรีที่เคยเป็นถึงสตรีหมายเลขหนึ่งมาก่อน.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

ไทยขายข้าวให้อิหร่าน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/573959

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 8 ก.พ. 2559 05:01

 

จันทร์วันนี้ 09.00-12.00 น. ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “การเสริมสร้างศักยภาพการบริหารในบริบทของอาเซียน” รับใช้นักบริหารของกรมการปกครองท้องถิ่น ที่สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น ปทุมธานี

สิบกว่าปีที่แล้ว ตอนอิหร่านงดซื้อข้าวไทย และหันไปซื้อข้าวเวียดนาม + ข้าวจากประเทศอื่นมาบริโภคแทน ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ ประกอบทีมกับกระทรวงการต่างประเทศของไทยบินไปเจรจาและสืบสวนหาข่าวที่อิหร่าน หนึ่งในทีมเจรจาที่ไปกับพ่อผมในคราวนั้น อีกไม่กี่ปีต่อมาท่านก็ได้ไปเป็นอัครราชทูตไทยประจำอิหร่าน

พ่อผมไปอิหร่านหลายครั้ง เคยเป็นเลขานุการกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย-อิหร่าน เป็นที่ปรึกษาสภาธุรกิจไทย-อิหร่าน ฯลฯ ตอนที่สหรัฐอเมริกาและโลกตะวันตกรังแกอิหร่านหนักหน่วงอย่างไม่มีเหตุผล บ้านผมที่ลาดกระบังก็มีโอกาสต้อนรับเอกอัครราชทูตอิหร่านประจำประเทศไทย สนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กันเข้มข้นในเรื่องนี้

ปลายปีที่แล้ว เปิดฟ้าส่องโลกตะโกนก้องร้องบอกรัฐบาลไทย ว่า ต้องไปอิหร่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องส่ง ดร.อรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม ไปอิหร่าน เพราะในสมัยอิหร่านโดนอเมริกา รังแกตกต่ำย่ำแย่ ดร.อรรชกาในฐานะเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) + พ่อผมในฐานะประธานที่ปรึกษาบริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนของบีโอไอ ตระเวนไปพูดตามหอการค้าในต่างจังหวัดของอิหร่านกันมาแล้ว

ขอแสดงความยินดีกับรัฐบาลไทยที่ส่งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และคณะอีกประมาณ 100 คน ไปอิหร่านในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2559 โดยมี ดร.อรรชกาไปด้วย คณะที่ไปเยือนอิหร่านครั้งนี้ ถือว่าทำงานได้สำเร็จ อิหร่านสนใจจะเข้ามาลงทุนใน 10 คลัสเตอร์ เป้าหมายอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพ และมีการจับคู่ธุรกิจการค้ากันแล้วระหว่างเอสเอ็มอีไทยกับอิหร่าน มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเหมืองแร่และทองคำ การผลิตเครื่องประดับและด้านมาตรฐานอุตสาหกรรม รวมทั้งการร่วมทุนในการผลิตสินค้าฮาลาล

แค่ไปประชุมไม่กี่วัน ทั้งที่เป็นการประชุมครั้งแรก อิหร่านก็พิจารณานำเข้าไก่และผลไม้สดจากไทย ต่อไปในอนาคตอันใกล้ กล้วยของไทยก็คงจะขายดีที่อิหร่าน

หนึ่งในข้าวที่อร่อยของแท้ ผมยกมือให้ข้าวอิหร่าน พวกผมไปทานที่อิหร่านกันมาแล้วหลายครั้ง แต่อิหร่านปลูกข้าวได้ไม่พอกิน ต้องซื้อข้าวที่อื่นไปให้ประชาชนบริโภคเป็นจำนวนมากทุกปี

อ่านข่าวการเยือนอิหร่านของรองนายกฯสมคิดในครั้งนี้ ไทยประสบผลสำเร็จด้านการขายข้าวอย่างสูงนะครับ อังคารวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีเอ็มโอยูซื้อข้าวจากไทยระหว่างเอกชนไทยและเอกชนอิหร่าน 4 ฉบับ เป็นมูลค่า 4,300 ล้านบาท โดยมีรองนายกฯสมคิดเป็นพยานการลงนาม

บริษัทไทยที่ขายข้าวได้ก็มีบริษัทพงษ์ลาภ บริษัทแคปปิตัล ซีเรียลส บริษัทเอเชียโกลเด้นไรซ์ ฯลฯ นอกจากนั้น ยังมีการตกลงซื้อยางพาราธรรมชาติ และการสั่งซื้อสินค้าไทยในรายการอื่นๆอีกหลายประเภท

19 ปี เป็นเวลานานพอสมควรสำหรับคอลัมน์เปิดฟ้าส่องโลก ที่พิสูจน์ได้ว่า การคบค้าสมาคมกับประเทศที่ถูกรังแก ประเทศที่กำลังตกต่ำย่ำแย่นั้น ไม่สูญเปล่า แต่ต้องเอาใจไปคบ คบแบบทุ่มเท และมอบความยุติธรรมให้อย่างไม่กลัวอิทธิพลมหาอำนาจชาติไหน

อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ผู้ใหญ่ของบ้านเมือง ระดับนายกฯ หรือรัฐมนตรี ถ้าขยันเดินทางไปเคาะตลาดการค้าการลงทุน นักธุรกิจไทยและคนไทยจะได้ประโยชน์มาก พ่อค้าไทยไปเองอาจจะต้องใช้พลังสูง บางประเทศต้องจ่ายใต้โต๊ะ ถูกหลอกเสียสตางค์ฟรีก็เยอะ แต่ถ้าผู้ใหญ่ของบ้านเมืองยอมเสียเวลาเดินทางเจรจาให้ การค้าการลงทุนก็เกิดขึ้นได้โดยง่าย

อิหร่านเป็นสาธารณรัฐอิสลามที่มีศักยภาพสูงมาก ถ้าใครเคยตระเวนไปตามเมืองต่างๆ เหนือ ใต้ ออก ตก จนครบ ก็จะรู้ว่าอิหร่านร่ำรวยทรัพยากรธรรมชาติ แร่ธาตุอะไรต่างๆมีเยอะ และทรัพยากรมนุษย์ของอิหร่านส่วนใหญ่ก็มีความรู้ดี

พ่อได้รับการ์ดเชิญจาก ฯพณฯ นายโมเซน มุฮัมมะดีย์ เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำไทยคนใหม่ ให้ไปร่วมงานวันชาติอิหร่าน ซึ่งเป็นวันปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ในวันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 18.30-20.30 น. ที่ห้องนภาลัยบอลรูม โรงแรมดุสิตธานี

เรียนท่านทูตครับ ว่าพ่อและผมไปร่วมงานแน่นอน

และขอถือโอกาสนี้ แสดงความยินดีกับวันครบรอบ 37 ปี แห่งการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านด้วยครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

ฝรั่งเศสคืนเศียรพระหริหระแล้ว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/572568

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 5 ก.พ. 2559 05:01

 

นายพรชัย พิศาลสิษฐ์กุล ประธานคณะกรรมการประสานและส่งเสริมการศึกษาเอกชน จ.ชลบุรี + สมาคมการศึกษาเอกชนนอกระบบ จ.ชลบุรี เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “ผู้นำและการเปลี่ยนแปลงในสังคมอาเซียน” ที่ห้องประชุมใหญ่ สำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษาชลบุรีเขต 3 ศุกร์วันนี้ 08.00-16.00 น.

พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวไทย ตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร

องค์หริหระเทพ หรือพระหริหระ เป็นองค์เทพศักดิ์สิทธิ์ของกัมพูชามาตั้งแต่สมัยก่อนสร้างกรุงหริหราลัยเมื่อ 1,214 ปีก่อน ภายหลัง มีการอัญเชิญพระหริหระไปประดิษฐานที่ปราสาทพนมดา จังหวัดตาแก้ว

พ.ศ.2425 หรือ 134 ปีที่แล้ว นักวิจัยชาวฝรั่งเศสขโมยส่วนพระเศียรของรูปแกะสลักของพระหริหระจากปราสาทพนมดา นำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์กีเมต์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส แต่ส่วนลำตัวยังคงอยู่ในพระราชอาณาจักรกัมพูชา

ตั้งแต่พระเศียรและลำตัวของพระหริหระ (สร้างประมาณ พ.ศ. 1100 อายุมากกว่า 1,459 ปี) ถูกแยกออกจากกัน แผ่นดินเขมรก็ประสบหายนะร้ายแรงมาเป็นระยะ บางช่วง เช่นระหว่าง พ.ศ.2518–2522 มีการฆ่าล้างคนเผ่าพันธุ์เขมรด้วยกันเองไปมากถึง 2 ล้านคน ภายในเวลาเพียง 4 ปี

ผู้อ่านท่านที่ตามเปิดฟ้าส่องโลกมาตั้งแต่ พ.ศ.2540 ก็คงทราบนะครับ ว่าครอบครัวของผมไปกัมพูชาบ่อย โดยเฉพาะพ่อของผมนั้น ไปกราบพระหริหระและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในกัมพูชาอยู่เป็นประจำ

เมื่อมีการเจอกรุงหริหราลัยที่สาบสูบไปกว่า 1,200 ปี พ่อผมก็ไปเยือนมาแล้วสองครั้ง พ่อน่าจะเป็นคนเดียวที่อัญเชิญดินใจกลางที่สุดในประสาททุกหลังที่อยู่ในกรุงหริหราลัยมาไทย เพื่อเตรียมสร้างพระหริหระที่ศักดิ์สิทธิ์ โดยติดต่อนักออกแบบองค์เทพและองค์พระที่เก่งที่สุดในประเทศ ม.ล.จักรพล รัชนี เป็นผู้ออกแบบ

มกราคม 2559 มีสิ่งสำคัญเกิดขึ้นครับ พิพิธภัณฑ์กีเมต์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส ได้ส่งส่วนเศียรของรูปแกะสลักที่ถูกนักวิจัยชาวฝรั่งเศสขโมยไปเมื่อ 134 ปีที่แล้ว คืนให้แก่รัฐบาลกัมพูชา

วันที่นำพระเศียรและส่วนองค์ขององค์หริหระเทพมาอยู่รวมกันเช่นเดิมนั้น คณะผู้แทนทูตต่างประเทศ ผู้แทนองค์กรจากต่างประเทศ เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์กีเมต์ เจ้าหน้าที่รัฐบาล ได้มาเป็นสักขีพยานกันเป็นจำนวนมาก

วินาทีที่พระหริหระเทพเก่าแก่ที่สุดของกัมพูชาองค์นี้ต่อกันได้สมบูรณ์ ผู้ที่อยู่ในพิธีหลายท่านเล่าให้ผมฟังตรงกันว่า เหมือนมีสิ่งบอกเหตุว่า หายนะและเหตุร้ายได้ผ่านพ้นกัมพูชาไปแล้ว นับแต่นี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง พระราชอาณาจักรจะมีการปกครองที่มั่นคงเป็นที่ยอมรับของสังคมโลก มีสิทธิและเสรีภาพของประชาชน พระราชอาณาจักรนี้จะเป็นแผ่นดินทองที่ดำรงไว้ซึ่งหลักนิติธรรมสูงส่ง

ขณะนี้ มีตัวเลขประกาศออกมาแล้วครับ ว่า พ.ศ.2558 การเติบโตทางเศรษฐกิจของกัมพูชาสูงถึงร้อยละ 7 รายได้จากการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปและรองเท้าเพียงรายการเดียวสูงถึง 7,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 14.5 จาก พ.ศ.2557 ซึ่งมีรายได้จากสินค้าในหมวดนี้ 6,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คนกัมพูชา 754,000 คน ทำงานในโรงงานผลิตสินค้าพวกนี้ 1,007 แห่ง

องค์กรเศรษฐกิจโลกมีประกาศแล้วนะครับว่า สิ้น พ.ศ.2558 กัมพูชาพ้นจากสถานะการเป็นประเทศรายได้ต่ำ ไปสู่สถานะใหม่ คือการเป็นประเทศรายได้ปานกลางขั้นต่ำ และมีการทำนายทายทักกันไว้ว่า กัมพูชาจะเข้าสู่สถานะการเป็นประเทศรายได้ปานกลางขั้นสูงใน พ.ศ.2573 หรืออีก 14 ปีข้างหน้า

ปัจจุบันนี้ เศรษฐกิจของกัมพูชาเริ่มแข็งแรงขึ้นจากงานหลายด้าน ทั้งด้านการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป การท่องเที่ยว การก่อสร้างและการเกษตร

ความยากจนหดตัวลงจากร้อยละ 53.2 ใน พ.ศ.2547

เหลือเพียงร้อยละ 13.5 ใน พ.ศ.2558

20-22 กุมภาพันธ์ 2559 ทีมงานเปิดเลนส์ส่องโลกจะไปสำรวจกรุงหริหราลัยเป็นครั้งที่ 3 ส่วน ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ จะเลยไปกราบพระหริหระองค์ที่อายุ 1,459 ปีที่เพิ่งต่อกันสมบูรณ์ (หลังจากส่วนเศียรต้องไปอยู่ที่ฝรั่งเศส 134 ปี)

ใครจะไปด้วยกันเชิญถามคุณชวิกา 09-2430-6363 ครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand