อเมริกาหักหลังอิหร่าน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/565384

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 21 ม.ค. 2559 05:01

 

เมื่อวาน ผมรับใช้เรื่องทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ รับรองว่าอิหร่านได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขในข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ลงนามเมื่อ 14 กรกฎาคม 2558 การรับรองของทบวงฯ ทำให้กลุ่มประเทศมหาอำนาจที่ร่วมลงนาม ได้แก่ สหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี รัสเซีย จีน รวมถึงสหภาพยุโรปต้องยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเป็นการตอบแทน โดยมีผลทันทีตั้งแต่ 16 มกราคม 2559

6 มกราคม อิหร่านปล่อยนักโทษอเมริกัน 4 คนเช่นกัน

เครื่องบินสวิตเซอร์แลนด์นำนักโทษชาวอเมริกันทะยานออกจากสนามบินสู่ท้องฟ้า ทันทีที่นักโทษอเมริกันเป็นอิสระ กระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาก็ประกาศคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ โดยโยนข้อหาว่า อิหร่านทดสอบขีปนาวุธเมื่อปลายปีที่แล้ว ผู้อ่านท่านครับ คนอิหร่านดีใจที่อเมริกายกเลิกมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจให้ตัวเอง แต่ดีใจได้เพียงวันเดียว ก็โดนอเมริกาหักหลังกลับมาสั่งคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้ง

การเมืองโลกเล่นกันแบบไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษแล้วครับ อเมริกาเป็นผู้ทำให้สถานการณ์โลกย่ำแย่ลงไป

การกระทำของอเมริกาครั้งนี้ จะทำให้ประเทศต่างๆ เลิกใช้วิธีการเจรจา ไอ้เรื่องที่เจรจากันยาวนาน ขนผู้แทนจากประเทศมหาอำนาจที่เชื่อถือได้มาชุมนุมสุมหัวหาข้อแก้ไขกันนั้น เดิมใช้แก้ไขปัญหาได้ แต่หลังจากที่อเมริกาทำกับอิหร่านครั้งนี้ ก็จะไม่มีใครเชื่อวิธีการเจรจานี้อีกแล้วครับ

ผมขอทำนายทายทัก ว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ชาติรัฐต่างๆจะหันมาพัฒนาศักยภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์ของตนเองให้มีขีดความสามารถมากขึ้นเรื่อยๆ การแก้ไขปัญหาด้วยการลงนามในข้อตกลงนั้น จะไม่มีใครเชื่อถืออีกแล้ว

อิหร่านมีประสบการณ์สัมผัสกับการกลับไปกลับมาของอเมริกาอยู่หลายครั้ง อย่างเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2522 ทหารและฝูงชนชาวอิหร่านโกรธที่อเมริกาส่งอาวุธให้พระเจ้าชาห์ใช้ขึ้นอำนาจเมื่อ พ.ศ. 2496 แทนรัฐบาลนายมอสซาเดกห์ซึ่งได้รับเลือกตามระบอบประชาธิปไตย และโกรธหน่วยสืบราชการลับซีไอเอของอเมริกาที่ไปฝึกตำรวจลับซาวัคที่โหดร้ายป่าเถื่อนให้พระเจ้าชาห์ ความโกรธทำให้ทหารและประชาชนยึดสถานทูตอเมริกันในกรุงเตหะรานและจับชาวอเมริกันในสถานทูต 52 คนไว้เป็นตัวประกัน เพื่อบีบให้อเมริกาส่งตัวพระเจ้าชาห์ซึ่งกำลังรักษาตัวในสหรัฐฯ พร้อมด้วยทรัพย์สมบัติที่ทรงแอบขนออกไปนอกประเทศกลับอิหร่าน แถมให้สหรัฐฯขออภัยในการกระทำต่ออิหร่านในอดีต

อเมริกาไม่ส่งพระเจ้าชาห์ให้ ไม่ขออภัยต่อการเข้าไปแทรกแซงในอิหร่าน แต่อเมริกาตัดความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับอิหร่าน และยึดทรัพย์สินในสหรัฐฯของอิหร่านทั้งหมด อิหร่านอุทธรณ์เรื่องนี้ต่อประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ แต่พวกตะวันตกทุกประเทศก็เบ้หน้าใส่อิหร่าน ไม่มีใครช่วย

เมษายน 2523 อเมริกาสั่งตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน และสั่งหน่วยคอมมานโดใช้เครื่องบิน 6 ลำเข้าไปทำปฏิบัติการแผนฟ้าผ่าชิงตัวประกันโดยบินจากฐานในอียิปต์ไปลงในทะเลทรายด้านตะวันออกของอิหร่าน

เครื่องบินปีกหมุนของหน่วยคอมมานโดเครื่องหนึ่งพัดไปโดนเครื่องบินลำเลียง C-130 ขณะจอดอยู่กลางทะเลทรายและกำลังเติมน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับเครื่องบินปีกหมุนอีกลำหนึ่ง ทำให้เครื่องบินลุกไหม้ และคอมมานโดอเมริกันตายทันที 8 คน ที่เหลือก็ต้องรีบหนีออกจากที่เกิดเหตุ โดยทิ้งซากเครื่องบินและศพเพื่อนเอาไว้

อเมริกาในตอนนั้นเป็นอินทรีติดบ่วงบินไม่ได้ รอเพียงความเมตตาจากอิหร่าน อเมริกาวิ่งหาคนกลางไปเจรจากับอิหร่านทุกวันเวลานาที สุดท้ายก็ไปได้สำนักการทูตของแอลจีเรียเป็นคนกลางช่วยเจรจาในการปลดปล่อยตัวประกันที่ถูกกักขังอยู่นานถึง 444 วัน

อิหร่านไม่ขออะไรมาก ขอเพียง 1.อเมริกาเลิกยึดทรัพย์สินของอิหร่านและ 2. อเมริกาต้องสัญญาว่าจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในของอิหร่านอีกต่อไป

อเมริกาสัญญา

อิหร่านปล่อยตัวประกัน 52 คน

ได้ตัวประกันแล้ว อเมริกาก็เบี้ยวอิหร่าน จากนั้นก็เล่นงานอิหร่านมาเรื่อย แกล้งโน่น กีดกันนี่ กระทั่ง 16 มกราคม 2559 อเมริกาก็ประกาศยกเลิกคว่ำบาตรอิหร่าน อิหร่านก็ปล่อยตัวนักโทษอเมริกัน

ได้รับตัวนักโทษแล้ว อเมริกาก็กลับคำ

คว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

ใครทำกันแน่?

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/564267

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 19 ม.ค. 2559 05:01

 

ขณะที่รัสเซียและจีนจับมือกันต้านการเป็นมหาอำนาจแต่เพียงฝ่ายเดียวของสหรัฐอเมริกาและพยายามตั้งกลุ่มขึ้นมาต้านองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือที่เราเรียกชื่อย่อว่านาโต

รัสเซีย+จีน และอเมริกา+นาโต ต่างฝ่ายต่างก็พยายามหาพวกเข้ากลุ่มของตนเอง

ขณะที่จีนทะเลาะกับเวียดนาม มาเลเซีย และอีกหลายประเทศในประชาคมอาเซียนกรณีความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ สหรัฐฯ ก็สำเร็จในการช้อนประเทศพวกนี้เข้าไปอยู่ในค่ายของตนเอง ที่ชัดเจนที่สุดก็คือ การดึงมาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และบรูไน เข้าไปเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ เอเชีย-แปซิฟิก หรือทีพีพี ทำให้กลุ่มประเทศพวกนี้ต้องออกห่างจากจีนไปโดยปริยาย

ส่วนฟิลิปปินส์ อเมริกาไม่ต้องดึงครับ เพราะฟิลิปปินส์เป็นคอหอยลูกกระเดือกกับอเมริกามาช้านาน แถมยังทะเลาะกับจีนขั้นรุนแรงเป็นรายเดือน อเมริกาไม่ต้องออกแรง แค่ยืนอยู่เฉยๆ ฟิลิปปินส์ก็ถลาเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของอเมริกาอยู่แล้ว

ส่วนกัมพูชานั้น วันนี้กลายเป็นลูกน้องของจีนไปโดยสมบูรณ์ เป็นกระบอกเสียงคอยด่าประเทศเพื่อนบ้านที่ต่อต้านจีนในประชาคมอาเซียน กัมพูชาด่าแม้กระทั่งเวียดนาม ซึ่งเป็นลูกพี่เก่าของตนเองในสมัยที่เข้ามาช่วยปราบเขมรแดง วันนี้ จีนจึงดูแลกัมพูชาเหมือนบิดาดูแลบุตร ถนนหนทางกี่สาย เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำหรือเขื่อนอเนก-ประสงค์กี่แห่ง จีนสร้างให้กัมพูชาทั้งหมด

เหลือประเทศหลักที่ยังลอยอยู่ในฟากฟ้านภากาศ ยังไม่ได้หล่นไปเข้าตักใครอยู่อีก 2-3 ประเทศ นั่นคือ อินโดนีเซีย ไทย และเมียนมา

เมียนมาวางตัวเป็นกลางได้ดี คบทั้งอเมริกาและโลกตะวันตก จีนและอินเดีย กับรัสเซียก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง

สำหรับไทย แม้ว่าในระยะหลังจะคบลึกซึ้งกับรัสเซียและจีน แต่ก็เคยมีความสัมพันธ์อันเก่าแก่ยาวนานมั่นคงกับอเมริกาและโลกตะวันตก

ประเทศที่สำคัญจริงๆ มีทำเลที่ตั้งระหว่าง 2 มหาสมุทร คือ มหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิก มีประชากรมากถึง 250 ล้านคน เป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก ตั้งอยู่บนพื้นที่เกือบ 2 ล้านตารางกิโลเมตร นั่นคือ อินโดนีเซีย

อเมริกาและตะวันตกเฝ้าดูอินโดนีเซียอยู่นานด้วยความสงสัยว่า อ้า คุณจะเอายังไง จะเอียงไปทางจีนและรัสเซีย หรือจะมาทางตะวันตก?

กระทั่ง 14 มกราคม 2559 ก็มีการโจมตีจาก (พวกที่เรียกตนเองว่า) กองกำลังรัฐอิสลามไปที่กรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย เหตุการณ์นี้นี่แหละครับ ผมว่าอยู่ดีๆ อินโดนีเซียก็อาจจะหล่นตุ๊บจากฟากฟ้านภากาศ ลงมาอยู่ในอ้อมแขนของสหรัฐอเมริกา

ตอนนี้ เราก็ต้องมานั่งดูการกระดิกพลิกตัวของอินโดนีเซียกันแล้วละครับ มีบางคนทำนายทายทักว่านายโจโก วีโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซียอาจจะประกาศเข้าร่วมพันธมิตรทางทหารกับสหรัฐฯ และนาโต โดยอ้างว่ามีความจำเป็นจะต้องทำสงครามต่อต้านกองกำลังรัฐอิสลาม เพราะว่าภัยคุกคามจากไอเอสเข้ามาถึงอินโดนีเซียแล้ว

ถ้าสถานการณ์เป็นอย่างนั้น ก็หมายความว่า อเมริกาได้อินโดนีเซียเป็นพวกแน่นอน เมื่อเป็นพวกกันแล้ว มีอะไรก็ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

อเมริกาและนาโตกำลังหาพวกทางการทหารเพื่อไปต้านกลุ่มรัสเซีย จีน และอิหร่าน ที่ตอนนี้กำลังเติบโตอย่างไวมาท้าทายอำนาจของอเมริกาและตะวันตก

ระเบิดเกิดขึ้นในกรุงจาการ์ตาครั้งนี้ ละม้ายคล้ายคลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในกรุงปารีสของฝรั่งเศสเมื่อ 13 พฤศจิกายน ปีที่แล้ว ซึ่งก่อนหน้านั้น ดูเหมือนว่าฝรั่งเศสไม่ค่อยอยากจะล่มหัวจมท้ายกับสหรัฐอเมริกาและนาโต แต่พอเกิดระเบิดที่กรุงปารีสก็ทำให้ฝรั่งเศสถูกบีบให้เข้าไปล่มหัวจมท้ายกับสหรัฐฯ และพวกในสงครามซีเรียและอิรัก

มีคนบ้าคิด ที่คิดเลยเถิดไปเล่นๆ ว่า บางทีไอเอสอาจจะไม่ใช่เป็นผู้ลงมือระเบิดในกรุงปารีส และกรุงจาการ์ตาก็ได้ ไอ้คนบ้ามันบ้าถึงขนาดกล้าคิดว่า อาจจะเป็นหน่วยงานลับสุดยอดเยี่ยมกระเทียมดองของอเมริกาเข้าไปทำเสียเองก็ได้ แล้วก็อ้างเป็นไอเอสออกมาแสดงความรับผิดชอบ ก็เพื่อจะบีบให้ฝรั่งเศสและอินโดนีเซียมาเป็นพวกของตน

ในโลกนี้ อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นละครับ แม้แต่พวกผู้ก่อการร้ายไอเอสนี่ แรกเริ่มเดิมทีก็ถูกสร้างขึ้นโดยสหรัฐฯ และพันธมิตรอาหรับ และทุกวันนี้ ก็ยังมีไอ้คนบ้ามันคิดว่า ไอซิสบางส่วน ก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของสหรัฐอเมริกา เพื่อวัตถุประสงค์การทำให้โลกมีขั้วอำนาจเดียวดั่งที่อดีตประธานาธิบดี จอร์จ เอช ดับเบิ้ลยู บุช ได้ประกาศ New World Order หรือระเบียบโลกใหม่

ประกาศไว้ เมื่อตอนที่สงครามเย็นล่มสลาย.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

ไอเอสมาตามนัด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/563905

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 18 ม.ค. 2559 05:01

 

กรม ส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย เชิญ ร.ต.อ. ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “การสร้างศักยภาพการบริหารในบริบทอาเซียนของผู้บริหารงานท้องถิ่น” จันทร์ 18 มกราคม 2559 เวลา 09.00-12.00 น. สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น ปทุมธานี

เปิดฟ้าส่องโลกรับใช้ไปเมื่อ 2 ปีก่อน ว่ากองกำลังรัฐอิสลามมาภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แน่ ตั้งแต่อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย และเมียนมา หลังจากที่เขียนไปไม่กี่วัน ก็มีข่าวที่น่าจะถูกปล่อยมาโดยหน่วยงานราชการบางหน่วย ว่ากองกำลังรัฐอิสลาม หรือไอเอส ไม่มีแรงจูงใจที่จะมาเคลื่อนไหวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ดอก

ผมก็เข้าใจนะครับ ว่าการที่ท่านให้ข่าวว่าไอเอสจะไม่มา อาจจะมาจากความต้องการให้สถานการณ์ในประเทศนิ่ง ไม่ให้ประชาชนตกอกตกใจ หรืออาจจะมาจากความไม่รู้อย่างแท้จริงของท่าน หรืออาจจะมาจากการประเมินที่ผิดพลาด ก็เป็นได้

ในขณะที่ราชการไทยปฏิเสธ รัฐบาลออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และสิงคโปร์ กลับยืนยันการกระดิกพลิกตัวของไอเอสในภูมิภาคนี้

กระทั่งวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา มีการโจมตีด้วยมือระเบิดลักษณะเดียวกับที่กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ที่กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ลักษณะการทำงานเป็นฝีไม้ลายมือของนักรบไอเอสที่เดินทางกลับมาจากอิรักและซีเรีย ซึ่งแต่เดิม พวกกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ ในภูมิภาคของเราเคยประกาศการสวามิภักดิ์ต่อองค์กรนำอัลกออิดะห์ ตอนนี้ทุกกลุ่มได้ประกาศสวามิภักดิ์ต่อกองกำลังรัฐอิสลามไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

การทำงานของไอเอสและกลุ่มที่มาสวามิภักดิ์ไม่ได้ทำงานเป็นจุดๆ แต่จะทำกระจายทั่วไป ต่อแต่นี้เป็นต้นไป ภัยคุกคามกองกำลังรัฐอิสลามที่ชอบเถียงกันนักว่ามีจริงหรือไม่? ได้สถาปนาอยู่ในภูมิภาคของเราอย่างเป็นทางการ ที่เราทราบว่าเป็นไอเอส ก็เพราะเมื่อโจมตีด้วยมือระเบิดฆ่าตัวตายและการกราดยิงนองเลือดแล้ว พวกไอเอสก็ออกถ้อยแถลงเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ ยืนยันว่า นี่คือฝีไม้ลายมือของพวกตน

ไอเอสส่งข้อความไปเยาะเย้ยถากถางหน่วยงานความมั่นคงมานานหลายครั้งแล้วครับ ล่าสุด ก็บอกให้หน่วยงานความมั่นคงระวังนะ อีกไม่นานก็จะมีคอนเสิร์ตเกิดขึ้นในอินโดนีเซีย และจะเป็นข่าวดังไปทั่วโลก คอนเสิร์ตที่ไอเอสหมายถึง ไม่ใช่แค่การโจมตีกรุงจาการ์ตาเพียงเท่านั้นดอกครับ แต่จะมีการโจมตีกระจายในพื้นที่สำคัญทั่วประเทศ

ตุรกีเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ทำตัวอี๋อ๋อคลอเคลียกับตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทำตัวเป็นคอหอยลูกกระเดือกกับสหรัฐอเมริกา ตุรกีจึงโดนระเบิดบ่อย อย่างเมื่อวันอังคารของสัปดาห์ที่แล้ว มีระเบิดฆ่าตัวตายเกิดขึ้นย่านศูนย์การค้าประวัติศาสตร์ของอิสตันบูล ทำให้นักท่องเที่ยวเสียชีวิต 10 ราย เป็นชาวเยอรมัน 9 ราย และเปรู 1 ราย ตุรกีเป็นประเทศเป้าหมายไอเอสและก็จะทุกข์จากเรื่องนี้ไปอีกนานแสนนาน เดี๋ยวตูมที่นั่น เดี๋ยวตูมที่นี่ อย่างเมื่อปีก่อน ก็โดนไอเอสเล่นไป 2 ครั้ง ที่เมืองซูรุคและกรุงอังการามีคนตายเป็นร้อยศพ

ในวันเวลาใกล้ๆ กับเหตุเกิดระเบิดในตุรกีและอินโดนีเซีย ไอเอสก็ยอมรับว่าตนก่อเหตุระเบิดสถานกงสุลปากีสถานในอัฟกานิสถาน

ถ้าผู้อ่านท่านตามข่าวทั่วโลก จะพบว่ากองกำลังรัฐอิสลามทดลองยกระดับการโจมตีไปทั่วโลกแล้วครับ ทว่ายังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเท่านั้นเอง ในไนจีเรีย ก็มีในกรุงซาราเยโวของบอสเนีย-เฮอร์เซโกวินา ก็มี

การจะป้องกันอันตรายจากการถูกโจมตีจากกองกำลังรัฐอิสลาม ซึ่งขยับใกล้ตัวเรามามากขึ้นเรื่อยๆนั้น อย่างแรกเลย ต้องบอกความจริงกับประชาชน ว่าขณะนี้มีการโจมตีในสงครามการก่อการร้าย นอกจากนั้นก็ต้องเป็นเรื่องทัศนคติและความรู้ความเข้าใจของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ตราบใดที่เจ้าหน้าที่ยังมีความเชื่อว่า ยังไงเสียก็ตาม กองกำลังรัฐอิสลามไม่มีทางเข้ามาในประเทศของเราแน่นอน ถ้าเชื่ออย่างนี้ ก็อันตรายมากครับ

การทำงานประสานกันอย่างใกล้ชิดที่สุดระหว่างออสเตรเลีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน และเมียนมา เป็นเรื่องจำเป็นมาก

อีกประเทศหนึ่งที่เราอาจจะลืมไปก็คือ กัมพูชา

อย่าลืมนะครับ ว่าในอดีตพวกการก่อการร้ายระดับโลกจำนวนหนึ่งหลบไปเลียแผลซ่อนตัวอยู่ในแผ่นดินของกัมพูชา แต่รัฐบาลฮุน เซนฉลาดมากครับ ใช้วิธีเจรจาลับ แถมเสนอผลประโยชน์ พร้อมทั้งช่วยเหลือให้เดินทางออกนอกประเทศ

ทำแบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น

ไม่ผลีผลามจับกุม

เพราะอาจจะทำให้กัมพูชาเป็นศัตรูสำคัญกับพวกก่อการร้ายได้.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

เวียดนามก้าวกระโดด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/562532

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 15 ม.ค. 2559 05:01

 

สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จังหวัดนครราชสีมา เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ พูด “เปิดโลกครู กศน.” 13.00-16.00 น. ที่โรงแรมดุสิต ปริ้นเซส อ.เมือง จ.นครราชสีมา เสาร์พรุ่งนี้

5 ตุลาคม 2558 เวียดนามลงนามความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (ทีพีพี) ซึ่งมีสมาชิก 12 ประเทศ ที่มีจีดีพีรวม 28.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือร้อยละ 38 ของจีดีพีโลก มีประชากรรวม 800 ล้าน หรือร้อยละ 11 ของประชากรโลก มีผลิตผลทางเศรษฐกิจสูงถึง 30 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1,095 ล้านล้านบาท

2 ธันวาคม 2558 เวียดนามประสบความสำเร็จในการลงนามเอฟทีเอ หรือเขตการค้าเสรีกับสหภาพยุโรปซึ่งมีสมาชิกมากถึง 28 ประเทศ

เศรษฐกิจของเวียดนามโตอย่างก้าวกระโดดด้วยข้อตกลงพหุภาคีใหม่ๆอย่างทีพีพี เอฟทีเอกับสหภาพยุโรป ฯลฯ ทำให้การส่งออกของเวียดนามใน พ.ศ.2558 พุ่งสูงถึงร้อยละ 8.1 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนท้ายๆของปี

หลังจากมีข่าวที่เวียดนามลงนามในทีพีพีแพร่ขยายไปในโลกการส่งออกของเวียดนามก็บูมตูมตาม ตู้สินค้าออกจากและเข้ามาในประเทศเพิ่มจำนวนขึ้นถึงร้อยละ 36 ปัจจุบันทุกวันนี้ สินค้าถูกส่งออกจากท่าเรือเวียดนามมุ่งสู่สหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียวมีมากถึงวันละ 1,700 ตู้ ซึ่งไม่มีใครทำได้ นอกจากเวียดนามเพียงประเทศเดียว

พ.ศ.2556 เวียดนามมีอัตราการเติบโตของจีดีพีอยู่ที่ร้อยละ 5.42 พ.ศ.2557 ก็ยังอยู่ที่ต่ำกว่าร้อยละ 6 ทว่า สำหรับ พ.ศ.2558 ที่เพิ่งผ่านไป เดิมรัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าไว้แค่ร้อยละ 6.2 แต่ผู้อ่านท่านเชื่อไหมครับ การเดินเกมการเมืองระหว่างประเทศอย่างฉลาดและความเก่งของคณะผู้บริหารเวียดนาม ทำให้อัตราการเติบโตของจีดีพีของเวียดนามใน พ.ศ.2558 เกินเป้า ไปเติบโต ในอัตราที่สูงถึงร้อยละ 6.68

ทั้งที่เป็นรัฐคอมมิวนิสต์ แต่ต่างชาติก็ไว้เนื้อเชื่อใจในนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลเวียดนาม ใครจะเชื่อครับว่าเงินลงทุนจากต่าง ประเทศไหลยังกับสายน้ำเข้าไปสู่เวียดนามใน พ.ศ.2558 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 17.4 เมื่อเทียบกับ พ.ศ.2557

พ.ศ.2558 คนเวียดนามอยู่ดีมีสุขกันทุกทั่วหัวระแหง เพราะเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้าเวียดนามสูงถึง 14,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ใครได้เห็นตัวเลขที่รัฐบาลเวียดนามออกมาแถลงแล้วก็ต้องร้องว่า โอ้โฮ เป็นไปได้ยังไง คุณเก่งเหลือเกิน

เงินไหลเข้าประเทศจนใช้กันไม่ไหว แต่แทนที่เงินจะเฟ้อ สถานการณ์กลับตรงกันข้าม อัตราเงินเฟ้อประจำปีของเวียดนามใน พ.ศ.2558 ต่ำมาก เหลือเพียงร้อยละ 0.63 ซึ่งเป็นอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำที่สุดในรอบ 14 ปี

เมื่ออยู่ไต่ไปจนถึงจุดแฮปปี้มีเงิน คนเวียดนามก็เริ่มซื้อรถยนต์ ทำให้ยอดจำหน่ายรถยนต์เติบโตเร็วที่สุดในประชาคมอาเซียน ด้วยตัวเลขที่พุ่งสูงขึ้นถึงร้อยละ 60 ในปีที่แล้ว ผมไม่อยากจะเขียนถึงรถยนต์ตลาดที่ซื้อใช้กันเป็นจำนวนหลายแสนคันในปีที่แล้วดอกครับ ขอโชว์ตัวเลขเฉพาะรถหรูอย่าง Mercedes-Benz, Lexus และ BMW ทั้งสามค่ายรายงานว่า รถหรูพวกนี้มียอดจำหน่ายรวมใน พ.ศ.2558 มากกว่า 6,000 คัน

บริษัทจัดหางานหลายแห่งเริ่มรับคนจากอาเซียนชาติอื่นเข้าไปทำงานในเวียดนามกันเป็นกิจจะลักษณะแล้ว พวกที่เข้าไปมากๆ ก็เช่นกัมพูชา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ฯลฯ ส่วนนักบัญชี นักบริหารจัดการ แพทย์ และวิศวกร ตลาดงานในสิงคโปร์เริ่มอิ่มตัว ผู้ที่มีอาชีพพวกนี้จากสิงคโปร์เริ่มทยอยเข้าไปทำงานในเวียดนามใน พ.ศ.2559 ด้วยเช่นกัน

รัฐบาลเวียดนามกำลังเป็นห่วงเรื่องคนทำงานทะลักเข้าประเทศ ตอนนี้ออกมาแสดงแถลงแสดงความกังวลว่าตนไม่มีประสบการณ์ในการรับมือกับคนงานต่างชาติที่แห่กันเข้าไปทำงานในเวียดนามเป็นจำนวนมาก แถมยังบอกว่า ตนกังวลใจกับแรงงานที่ไม่มีทักษะและยังไม่รู้ภาษาต่างประเทศที่ยังว่างงานอยู่มากถึง 1.13 ล้าน ที่ต้องดูแลให้มีงานทำ

เขียนถึงเวียดนามแล้วก็ทำให้นึกถึงเมืองไทยเมื่อ 15 ปีที่แล้วครับ ที่เศรษฐกิจของเราเริ่มโตเร็วและแรง จนเราเป็นประเทศที่ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

โรงละครดีที่สุดของอาเซียนเปิดพรุ่งนี้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/562014

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 14 ม.ค. 2559 05:01

 

การบรรยายในประชาคมอาเซียนกำลังมาแรง ทุกประเทศจัดบรรยายอรรถาธิบายให้ความรู้กับผู้คนของตนเองกันคึกคัก พ่อผมก็เคยได้รับชวนให้ไปบรรยายทั้งในกลุ่มประเทศอาเซียนและในไทย พบว่าสถานที่บรรยายส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยพร้อม โรงแรมบางแห่งที่พัทยาที่รับผู้ฟังได้ครั้งละเกิน 1,000 คน แต่มีปัญหาเรื่องไมค์เรื่องลำโพง เจ้าของไม่ลงทุนเลยครับ คนฟังฟังไม่รู้เรื่อง คนพูดพูดเสร็จแล้วก็ต้องไปโรงพยาบาลรักษาเสียง

หลายครั้ง ผมได้รับการติดต่อว่า บริษัทของข้าพเจ้าจะพาลูกค้าเวียดนาม 300 คน มาประชุมในประเทศไทย 3 วัน ท่านแนะนำที่ใดให้ได้บ้าง? ผมได้รับข้อความอย่างนี้บ่อย แต่ก็ไม่เคยแนะนำไปดอกครับ เพราะกลัวเมื่อเข้ามาสัมมนาแล้วผิดหวัง

แต่ละวันจะมีคนเชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ ไปพูดตามที่ต่างๆ 5-20 ราย แต่ศักยภาพที่พอเดินทางไปพูดได้ ก็จะมีแค่ 1-2 แห่งต่อวัน แห่งละ 3 ชั่วโมง ผู้อ่านท่านที่เคยเจอพ่อผมตามสนามบิน จะเห็นว่าทั้งพ่อและทั้งผู้ติดตามลากกระเป๋าขนาดใหญ่พะรุงพะรัง กระเป๋าขนาดใหญ่ทั้ง 2 ใบนั้น เป็นลำโพงมอนิเตอร์ที่ต้องนำติดตัวไปด้วย เพราะตามห้องประชุมของโรงแรมในต่างจังหวัดของไทยมีลำโพงมอนิเตอร์น้อยมาก ไปพูด 100 แห่ง จะพบว่าตามสถานที่บรรยายมีลำโพงมอนิเตอร์ไม่เกิน 5 แห่ง

พ่อผมเคยเล่าความทุกข์เรื่องนี้ให้คุณกัมพล ตันสัจจา (คุณโต้ง) ผู้อำนวยการสวนนงนุชพัทยาฟังหลายครั้ง และถึงขนาดเคยขอร้องให้คุณโต้งไปดูที่ดินของผม 330 ไร่ ที่อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ซึ่งด้านหน้าติดถนนสุขุมวิท ด้านหลังติดคลองน้ำเค็มที่ไหลสู่อ่าวไทย ไปดูเพื่อจะสร้างเป็นศูนย์สัมมนาอาเซียน ไปดูแล้ว คุณโต้งก็บอกว่าไกลไป กลางวันสัมมนา พอถึงตอนเย็น ไม่รู้ว่าคนสัมมนาจะดูอะไรหรือเที่ยวที่ไหน?

ขณะนี้ คุณโต้งกำลังสร้างศูนย์สัมมนาที่สวนนงนุชพัทยาที่สามารถบรรจุคนฟังได้ครั้งละมากถึง 5,000 คน อีก 2 ปี ศูนย์สัมมนานี้ก็จะเสร็จสมบูรณ์ ผมมั่นใจว่า ศูนย์สัมมนาที่คุณโต้งกำลังสร้างอยู่นี้จะทรงประสิทธิภาพที่สุดในประชาคมอาเซียน

ส่วนวันพรุ่งนี้ ศุกร์ 15 มกราคม 2559 ที่สวนนงนุชพัทยาจะทำพิธีเปิด “โรงละครนงนุชเธียเตอร์” ที่คุณโต้งทุ่มทุนสร้างไปมากกว่า 600 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 11,572 ตารางเมตร ใช้เวลาสร้างนานกว่า 2 ปี โรงละครนงนุชเธียเตอร์จะรองรับการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย การจัดแสดงคอนเสิร์ต ภาพยนตร์ และกิจกรรมต่างๆ ที่รองรับผู้เข้าชมและเข้าฟังได้มากถึงครั้งละ 2,030 คน ภายในมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบทั้งอุปกรณ์วีลแชร์ ห้อง VVIP รับรองแขก VIP โดยติดแอร์ทั้งหมด แต่ละวันจะเปิดแสดงประมาณ 5 รอบ

เดือนหน้า ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ ก็จะเปิด Dinner Talk Show ASEAN และการแสดงศิลปวัฒนธรรมของ 10 ประเทศ ที่โรงละครนงนุชเธียเตอร์ขนาด 2,030 ที่นั่งนี่แหละครับ และอีก 2 ปีข้างหน้า เมื่อศูนย์สัมมนาขนาด 5,000 ที่นั่งเสร็จ ผมเชื่อว่า สวนนงนุชพัทยาจะเป็นศูนย์กลางการอบรมสัมมนาของอาเซียน 10 ประเทศ

กำหนดการวันศุกร์พรุ่งนี้ 17.30 น. ลงทะเบียนผู้เข้าร่วมงาน + เชิญทาน Heavy cocktail ที่ลานด้านหน้าโรงละคร 18.30 น. เริ่มเข้าไปนั่งในโรงละคร 18.50 น. นายกัมพล ตันสัจจา กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ 19.00 น. ผวจ.ชลบุรี ประธานเปิดงานกล่าวแสดงความยินดี 19.09 น. ประธานและแขก 9 ท่าน ร่วมตัดริบบิ้นเปิดโรงละคร 19.15 น. มอบเงินการจำหน่ายตั๋วชมภาพยนตร์ให้มูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ 19.20 น. ชมการแสดงชุดเปิดโรง 19.30 น. เปิดฉายภาพยนตร์เรื่อง The Revenant 21.30 น. เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ

การเปิดรอบปฐมทัศน์ของนงนุชเธียเตอร์ คุณโต้งนำภาพยนตร์เรื่อง The Revenant มาฉาย ซึ่งฉายเป็นแห่งแรกในไทย บัตรราคา 150 บาท รายได้ทั้งหมดสมทบทุนมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ โดยไม่หักค่าใช้จ่ายอย่างใดทั้งสิ้น

คนที่ดีใจที่สุดคนหนึ่งในเรื่องโรงละครและศูนย์สัมมนาก็คือ พ่อของผมเองครับ เพราะใฝ่ฝันมานานเรื่องศูนย์สัมมนาที่มีความสมบูรณ์ คนพูดไม่ต้องตะโกน บรรยายเสร็จแล้วก็ไม่ต้องไปโรงพยาบาล ดีใจจริงๆครับ ดีใจมากๆครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand

เปรูสร้างกำแพงกั้นคนรวย คนจน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/561494

โดย คุณนิติ นวรัตน์ 13 ม.ค. 2559 05:01

 

มกราคม 2559 เพียงเดือนเดียว ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ รับงานบรรยายที่สงขลา ยะลา และปัตตานี ถึง 5 แห่ง

พฤหัสบดีพรุ่งนี้ 09.00-12.00 น. บรรยายรับใช้ ข้าราชการที่เพิ่งได้รับการบรรจุแต่งตั้งโยกย้ายมาทำงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 220 คน ที่โรงแรมไดอิชิ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

13.30-16.00 น. พูดให้ครู นักเรียน และผู้ปกครองฟัง ที่โรงเรียนดรุณศาสน์วิทยา อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ท่านผู้ใดสนใจจะเข้าฟัง เชิญครับ

ส่วนผมยังเขียนรับใช้ผู้อ่านท่านที่เคารพถึงเรื่องละตินอเมริกา ว่าในประเทศอย่างนิคารากัว กัวเตมาลา และฮอนดูรัส ผู้คนกลายเป็นเกษตรกรทำงานปลูกกล้วยหอมในแผ่นดินขนาดใหญ่ของบริษัทยูไนเต็ดฟรุตส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน

ปลูกกล้วยหอมให้บริษัทอเมริกันจนประเทศพวกนี้ได้รับสมญา–นามว่า เดอะ บานานา รีพับลิคส์ หรือสาธารณรัฐกล้วย และเมื่อวาน ผมก็รับใช้ถึงสถานการณ์ในประเทศไทยที่ตอนนี้คนจีนเข้ามาตั้งบริษัทกว้านซื้อที่ดินปลูกพืชผักและผลไม้เพื่อส่งกลับไปขายในประเทศจีน

เดิม ที่ดินเป็นของคนไทย คนไทยปลูกพืชผักผลไม้ และขายผลผลิตให้กับบริษัทจีน เพื่อบริษัทจีนเอาไปขายต่อในประเทศจีน

ปัจจุบัน ที่ดินเริ่มเป็นของคนจีน คนจีนจ้างคนไทยเป็นกรรมกรทำงานในสวนของคนจีนที่ตั้งอยู่ในแผ่นดินไทย ผลิตพืชผักผลไม้ให้บริษัทจีนเอากลับไปขายให้คนจีนกินในประเทศจีน

ที่ผมกลัวที่สุดก็คือ ต่อไปในอนาคต คนไทยจะเหมือนกับคนในละตินอเมริกาที่มีที่ดินขนาดเล็กมาก ไม่พอต่อการเลี้ยงครอบครัว บางคนที่ขายที่ดินไปหมดแล้ว ก็ต้องหันมาขายแรงงานให้อุตสาหกรรมเกษตรของต่างชาติ

พอถึงจุดที่ต้องขายแรงงานนะครับ ระบบครอบครัวและสังคมดั้งเดิมก็จะถูกทำลายลง คุณภาพชีวิตก็จะลดถดหายไปเรื่อยๆ จนหันกลับ ไปสู่สังคมแบบที่มีความสุขเหมือนบรรพบุรุษในอดีตไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

ผมอยากให้ราชการไทยลองส่งคนไปดูความล่มสลายของสังคมตามหมู่บ้านต่างๆที่อยู่ในชนบทของกัวเตมาลา เม็กซิโกตอนใต้ เขตเทือกเขาแอนดิส ป่าลุ่มน้ำแอมะซอน ฯลฯ เพื่อเอามาใช้ป้องกันความล่มสลายของสังคมไทย ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างแรงและเร็วอยู่ในปัจจุบันทุกวันนี้

เอลซัลวาดอร์ซึ่งเป็นสาธารณรัฐในละตินอเมริกาที่มีพรมแดนติดกับกัวเตมาลาและฮอนดูรัส ที่ดินเกือบทั้งประเทศเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดินเพียง 15 ตระกูล

เขียนให้เข้าใจง่ายก็คือ 15 ตระกูลเท่านั้นที่เป็นเจ้าของประเทศ ที่เหลือเป็นคนยากคนจนที่ต้องเร่ร่อนของานทำในที่ดินของคน 15 ตระกูลที่ว่า ทำให้เกิดความคับแค้นแน่นใจอย่างสูง จนเกิดกบฏชาวนา ผลจากการสู้รบระหว่างคนรวยกับคนจน ทำให้คนจนร้อยละ 2 ของประเทศต้องตาย ในความขัดแย้งนี้ อเมริกาเข้าข้างคนรวยเพราะบริษัทของคนรวยเจ้าของที่ดินเหล่านี้ ใช้แรงงานคนจนผลิตสินค้าเกษตรและส่งเข้าไปขายให้คนอเมริกากิน

การจัดสรรทรัพยากรที่ดินทำกินในละตินอเมริกาทำกันอย่างแย่ที่สุด สุดท้ายก็เกิดขบวนการมากมายหลายกลุ่มที่ทั้งปฏิบัติการเพื่อขอให้มีการปฏิรูป ทั้งปฏิบัติการรุนแรงต่อคนรวยเจ้าของที่ดิน เช่น กลุ่มซาปาติสต้า ในรัฐเชียปัสของเม็กซิโกตอนใต้ หรือขบวนการตูปัก อะมารู ในประเทศเปรู

ผมเข้าไปดูเว็บไซต์ Oddity Central เมื่อ 23 ธันวาคม 2558 ก็เห็นว่า ที่ชานกรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู มีการสร้างกำแพงยาวกว่า 10 กิโลเมตร กั้นไม่ให้คนจนเข้าไปปนเปกับคนรวย ฝั่งคนรวยเรียกว่า ลาส คาซัวรินาส์ ส่วนฝั่งคนจนเรียกว่า วิสต้า เฮอร์โมซา
ฝั่งคนรวยนั้น ราคาบ้านหลังละหลายสิบล้านบาท แต่ฝั่งคนจนนั้น ไม่มีแม้แต่ไฟฟ้า และต้องอาศัยแสงสว่างจากแสงเทียน

รัฐบาลบางประเทศในปัจจุบันทุกวันนี้ ไปเชิญคนรวยมาเป็นประธานโครงการพัฒนาต่างๆของประเทศ คนรวยจำนวนไม่น้อยที่เห็นแก่ธุรกิจของตนเอง สร้างโครงการอะไรมาแต่ละอย่าง ถ้ามองเผินๆ ก็เหมือนกับว่าเป็นโครงการช่วยคนจน

แต่ถ้ามองอย่างพินิจพิจารณาละเอียดรอบคอบ เฮ้ย สุดท้ายงบประมาณเป็นหมื่นล้านบาทที่รัฐบาลโยนลงไป มันกลับไปอยู่ในบริษัทของคนรวยนี่นา

มาช่วยกันภาวนาว่าอย่าให้คนรุ่นต่อไปของไทยต้องสร้างกำแพง ยาวเป็นสิบกิโลเมตรกั้นคนรวยกับคนจนในกรุงเทพมหานคร เหมือนกับที่กรุงลิมาของเปรูเลยครับ.

คุณนิติ นวรัตน์
songlok@outlook.co.th
www.nitipoom.media
www.facebook.com/nitipoom.thailand