แจงสี่เบี้ย : ‘สหกรณ์เพชรบุรี’หนุนการพัฒนาแบบมีส่วนร่วม สร้างความเข้มแข็งเกษตรกรนาเกลือ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/296659

227832

แจงสี่เบี้ย : ‘สหกรณ์เพชรบุรี’หนุนการพัฒนาแบบมีส่วนร่วม สร้างความเข้มแข็งเกษตรกรนาเกลือ

วันอังคาร ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

นายประกอบ เผ่าพงศ์ สหกรณ์จังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันการผลิตเกลือทะเลต้องประสบปัญหาหลากหลายทั้งสภาพอากาศแปรปรวน ขาดแคลนแรงงาน ค่าแรงที่สูงแต่ราคาผลผลิตลดลงเหลือเพียงเกวียนละ 1,100 บาท ในขณะที่ราคาของตลาดอยู่ที่ 1,500-1,700 บาท ซึ่งสหกรณ์จังหวัดเล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาผลผลิตเกลือให้มีคุณภาพและราคาที่ดีขึ้น ด้วยการใช้แนวทางการพัฒนาเกลือทะเลแบบมีส่วนร่วม ได้แก่ การส่งเสริมการผลิตเกลือทะเลคุณภาพ ร่วมกับสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ เน้นให้เกษตรกรผู้ทำนาเกลือมีการรวมกลุ่มกันและใช้ระบบสหกรณ์เข้ามาบริหารจัดการช่วยเหลืออย่างจริงจัง

โดยการดำเนินงานจะเน้นในกลุ่มเกษตรกรผู้ทำนาเกลือใน 5 แหล่งผลิตเกลือของ 3 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และเพชรบุรี ในเบื้องต้นมีการจัดตั้งชุมนุมเกลือทะเล จำกัด เพื่อขายสินค้าอย่างเป็นระบบ พร้อมดึงสถาบันการศึกษาและองค์กรต่างๆ มาร่วม ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ที่เข้ามาร่วมวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต เพิ่มมูลค่า, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้ามาช่วยเหลือบรรเทาสาธารณภัย, สำนักงานเกษตรจังหวัดเข้ามาช่วยจัดทำระบบพัฒนาสมาชิก, สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์เข้ามาให้คำแนะนำเกี่ยวกับการทำบัญชี, พาณิชย์จังหวัดเข้ามาช่วยเชื่อมโยงและส่งเสริมด้านการตลาด ส่วนกรมส่งเสริมสหกรณ์ เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องการจัดตั้งระบบสหกรณ์

จากผลการดำเนินงานเป็นระยะเวลาหนึ่ง สมาชิกสหกรณ์เริ่มมีกำลังใจในการประกอบอาชีพต่อไป รวมถึงให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการพัฒนาอุตสาหกรรมนาเกลือ จนทำให้ขณะนี้ชุมนุมสหกรณ์เป็นแหล่งรวบรวมเกลือทะเลที่ใหญ่และมีอำนาจการต่อรองกับพ่อค้ามากขึ้น รวมทั้งเป็นแหล่งรวมเงินทุนหมุนเวียนขนาดใหญ่ ทำให้หลังหักต้นทุนการจัดการแล้ว ยังมีเงินบางส่วนที่สามารถนำรายได้ส่วนต่างมาเฉลี่ยคืนให้กับสมาชิกได้นอกเหนือไปจากเงินปันผลรายปี ทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการขายเกลือถึง 3 ต่อ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน

แจงสี่เบี้ย : ‘สหกรณ์เดินรถกระทุ่มแบน’ กับผลสำเร็จบริหารจัดการที่‘เข้าถึง เข้าใจ และเข้มแข็ง’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/295338

227832

แจงสี่เบี้ย : ‘สหกรณ์เดินรถกระทุ่มแบน’ กับผลสำเร็จบริหารจัดการที่‘เข้าถึง เข้าใจ และเข้มแข็ง’

วันอังคาร ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

สหกรณ์กระทุ่มแบน จำกัด จังหวัดสมุทรสาคร เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างสหกรณ์ที่ประสบผลสำเร็จในการดำเนินงานในรูปแบบสหกรณ์ที่ครอบคลุมทุกด้าน ส่งผลให้สมาชิกพึ่งพาตนเองได้และเกิดความเข้มขึ้นในองค์กร

สหกรณ์กระทุ่มแบน จำกัด จัดตั้งเมื่อ 24 มิถุนายน 2523 ปัจจุบันมีสมาชิก 163 คน สำหรับความสามารถในการบริหารการจัดการ ปัจจุบันสามารถบริหารจัดการจนทำให้การดำเนินงานของสหกรณ์ฯ ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องทุกปี และในรอบปีบัญชีล่าสุดได้รับการจัดชั้นคุณภาพการควบคุมภายในของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์อยู่ในระดับดีมาก

โครงการที่มีส่วนช่วยให้ผลการดำเนินงานของสหกรณ์มีความเข้มแข็งและประสบความสำเร็จ ประกอบด้วย โครงการรอบรู้เรื่องสหกรณ์ โดยสหกรณ์เดินรถกระทุ่มแบน จำกัด ให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาองค์ความรู้แก่บุคลากรทั้งสมาชิก คณะกรรมการดำเนินการ ฝ่ายจัดการ ผู้ตรวจสอบกิจการสหกรณ์มาโดยตลอด มีการอบรมสมาชิกปีละ 2 ครั้งเป็นอย่างน้อย เฉพาะสมาชิกเข้าใหม่ และสมาชิกจะต้องผ่านการอบรมหลักสูตรต่างๆ ของสหกรณ์ ได้แก่ 1) ความรู้เรื่องอุดมการณ์ หลักการ และวิธีการสหกรณ์ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การจัดทำบัญชีครัวเรือน และความรู้เกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคล 2) ร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบก อบรมเกี่ยวกับการรณรงค์การขับขี่ปลอดภัยลดอุบัติเหตุ ให้ความร่วมมือกับทางราชการตามนโยบายของรัฐบาล การวางแผนการให้บริการที่รวดเร็ว ทันเวลา และมีจำนวนรถที่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ใช้บริการโดยหาพันธมิตรและเครือข่าย

นอกจากการให้ความสำคัญ กับการสร้างการรับรู้ถึงวิธีการดำเนินงานในระบบสหกรณ์ให้เข้มแข็ง ในด้านของโครงการเงินสัจจะออมทรัพย์ สหกรณ์ได้มีการวางแผนการใช้จ่ายเงินหลังการออมได้เพียงพอและเหมาะสมให้แก่สมาชิก พร้อมกับเป็นแหล่งเงินทุนช่วยเหลือสมาชิกของสหกรณ์ที่ได้รับความเดือดร้อน และมีการทำกิจกรรมด้านสาธารณประโยชน์และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กิจกรรมสาธารณประโยชน์เพื่อบุคคลภายในสหกรณ์ (สวัสดิการ) ให้กับสมาชิก/ครอบครัว และพนักงาน สหกรณ์มีการให้สวัสดิการที่หลากหลายเพื่อช่วยเหลือสมาชิก สร้างขวัญกำลังใจให้กับพนักงาน รวมไปถึงกิจกรรมด้านสาธารณประโยชน์เพื่อสังคมและชุมชน (ให้แก่บุคคล/ชุมชนภายนอก) สหกรณ์ฯ ได้จัดสรรทุนสาธารณประโยชน์ เพื่อส่งเสริมกิจกรรมด้านศาสนา ด้านกีฬา และกิจกรรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

แจงสี่เบี้ย : กลุ่มเกษตรกรบ้านโนนเขวา ดึงระบบสหกรณ์บริหารจัดการสร้างความมั่นคงอาชีพ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/294739

227832

แจงสี่เบี้ย : กลุ่มเกษตรกรบ้านโนนเขวา ดึงระบบสหกรณ์บริหารจัดการสร้างความมั่นคงอาชีพ

วันศุกร์ ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560, 06.00 น.

ปัญหาจากการปลูกพืชเชิงเดี่ยว ส่งผลให้เกษตรกรบ้านโนนเขวา ตำบลดอนหัน อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ต้องประสบกับปัญหาผลผลิตล้นตลาด ราคาตกต่ำ จึงได้รวมตัวกันขึ้นเพื่อสร้างความเข้มแข็ง โดยนำระบบสหกรณ์มาใช้ในการบริหารจัดการกลุ่ม พร้อมกับส่งเสริมการปลูกพืชที่มีความหลากหลาย มีการวางแผนการตลาด รวมถึงหาช่องทางการตลาดใหม่ๆ ส่งผลให้ปัจจุบันกลุ่มเกษตรกรบ้านโนนเขวาเกิดความเข้มแข็งในอาชีพ และมีความเป็นอยู่ที่มั่นคงมากยิ่งขึ้น

ปัจจุบันแปลงผักเขียวขจีหลายร้อยแปลงที่บ้านโนนเขวา เป็นส่วนหนึ่งในพื้นที่ของโครงการพัฒนาแหล่งน้ำสองฝั่งลำน้ำชีอันเนื่องมาจากพระราชดำริ แต่ต้องการให้เกษตรกรผู้ปลูกผักมีอาชีพมั่นคงยั่งยืน ผู้ใหญ่บ้านโนนเขวา จึงตัดสินใจร่วมกับลูกบ้าน จัดตั้งกลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านโนนเขวาขึ้น เพื่อแก้ปัญหาการตลาด การปลูกผักแบบไร้ทิศทาง ผลผลิตมากเกินความต้องการ ทำให้ขายไม่ได้ราคา

กลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านโนนเขวา เริ่มรวมตัวและนำระบบสหกรณ์มาใช้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2559 ซึ่งสามารถช่วยให้สมาชิกมีรายได้ที่มั่นคงขึ้น มีต้นทุนการผลิตที่จากเดิมสูงถึง 14,000 บาท/ไร่ ก็ลดลงมาอยู่ที่ 9,500 บาท/ไร่ ผลผลิตที่เคยได้เพียง 1,400 กิโลกรัม/ไร่ เพิ่มขึ้นเป็น 1,600 กิโลกรัม/ไร่ เป็นผลจากการลดการใช้สารเคมี แล้วหันมาใช้ปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกด้วยวิธีรวมกลุ่มกันทำ ทำให้ต้นทุนการผลิตลด จากการปลูกพืชที่หลากหลาย ทั้งผักบุ้ง ผักกาดหอม กะเพรา พริก คะน้า ถั่วฝักยาว หอม หมุนเวียนกันในกลุ่ม อีกทั้งตลาดในปัจจุบันให้ความสนใจกับผักปลอดภัยมากขึ้น ทำให้รายได้ของสมาชิกในกลุ่มดีขึ้นกว่าเดิมมาก

ทั้งนี้การจัดตั้งกลุ่มสหกรณ์เพื่อบริหารจัดการกลุ่มนั้น จะมีคณะกรรมการดำเนินงานรับผิดชอบ มีการวางแผนการผลิตในการปลูกพืชอย่างชัดเจนว่าควรจะปลูกพืชชนิดใด จำนวนเท่าไหร่ ให้ตรงตามความต้องการของตลาด แล้วจึงจัดสรรให้สมาชิกนำไปปลูก เมื่อได้ผลผลิตแล้วจึงรวมกลุ่มเพื่อขาย โดยมีการติดต่อกับทาง บริษัท เทสโก้โลตัส จำกัด เพื่อตกลงราคาซื้อขายกัน เป็นการยืนราคาป้องกันราคาผลผลิตตกต่ำ ทำให้สมาชิกมีรายได้ทุกสัปดาห์ และนอกจากธุรกิจการรวบรวมผลผลิตผักของสมาชิกเพื่อส่ง บริษัท เทสโก้โลตัส จำกัด เป็นตลาดหลักแล้ว ยังมีการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ผักต้นทุนต่ำให้กับสมาชิกอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วระบบการบริหารจัดการแบบกลุ่มโดยวิธีสหกรณ์ของกลุ่มเกษตรกรบ้านโนนเขวา ถือว่าประสบผลสำเร็จในระดับที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถทำให้สมาชิกในกลุ่ม มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ชุมชนเข้มแข็งขึ้น และมีการพัฒนากลุ่มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในอนาคตกลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านโนนเขวามีแนวโน้มที่จะสร้างโรงคัดและบรรจุ เพื่อเสริมความเข้มแข็งให้กับกลุ่มและสมาชิกต่อไปด้วย

แจงสี่เบี้ย : สหกรณ์กองทุนสวนยาง‘ชากังราว’ โชว์วิสัยทัศน์‘อยู่รอดอย่างยั่งยืน ด้วยระบบสหกรณ์’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/293438

แจงสี่เบี้ย : สหกรณ์กองทุนสวนยาง‘ชากังราว’ โชว์วิสัยทัศน์‘อยู่รอดอย่างยั่งยืน ด้วยระบบสหกรณ์’

แจงสี่เบี้ย : สหกรณ์กองทุนสวนยาง‘ชากังราว’ โชว์วิสัยทัศน์‘อยู่รอดอย่างยั่งยืน ด้วยระบบสหกรณ์’

วันศุกร์ ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2560, 06.00 น.

สหกรณ์กองทุนสวนยางในเขตปฏิรูปที่ดินชากังราว จำกัด จังหวัดกำแพงเพชร 1 ใน 7 สหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติ ปี 2560 เน้นการพึ่งพาตนเอง เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตยางพาราของสมาชิกสหกรณ์ เพื่อความยั่งยืนในอาชีพภายใต้ระบบสหกรณ์ โดยจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2553 ปัจจุบันมีสมาชิก 356 ราย มีการดำเนินธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งธุรกิจสินเชื่อสนับสนุนเงินทุนดอกเบี้ยต่ำให้แก่สมาชิก ธุรกิจรวบรวมผลผลิต ทั้งน้ำยางสด ยางก้อนถ้วย ยางแผ่น และธุรกิจรับฝากเงิน เพื่อส่งเสริมให้สมาชิกสหกรณ์ ได้มีเงินออมไว้ใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากสมาชิกอย่างดีตลอดมา

แม้ปัจจุบันราคายางพาราจะตกและแนวโน้มไม่ค่อยดีนัก แต่ด้วยระบบสหกรณ์ซึ่งเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับสมาชิกได้ จึงทำให้สหกรณ์กองทุนสวนยางในเขตปฏิรูปที่ดินชากังราว จำกัด สามารถอยู่รอดได้ พร้อมกับสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตยางพาราของสมาชิกมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การดำเนินงานที่มีจุดแข็ง คือ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของสมาชิก ทำให้ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และการยางแห่งประเทศไทย เข้ามาดูแลเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาการแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันการทำตลาดของสมาชิกสหกรณ์กองทุนสวนยางในเขตปฏิรูปที่ดินชากังราว จำกัด ใช้วิธีรวมซื้อรวมกันขาย โดยทุกวันพุธสหกรณ์จะเปิดตลาดนัดเพื่อให้พ่อค้ายางพาราเข้ามาประมูลราคายางพารา ซึ่งทำให้สมาชิกขายยางพาราได้ในราคาที่สูงและเป็นธรรม พร้อมกันนั้นสมาชิกก็ยังได้รับเงินปันผล และเงินเฉลี่ยคืนทุกปีอีกด้วย ส่งผลสมาชิกทุกคนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถประกอบอาชีพโดยการพึ่งพาตนเองได้อย่างน่าชื่นชม โดยภาพรวมคุณภาพชีวิตที่ดีของสมาชิกสหกรณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้ในปี 2560 นี้ สหกรณ์กองทุนสวนยางในเขตปฏิรูปที่ดินชากังราว จำกัด จังหวัดกำแพงเพชร ได้รับรางวัลสหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติ ปี 2560

และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตของพี่น้องสมาชิกอย่างต่อเนื่อง สหกรณ์ไม่ได้หยุดนิ่งที่จะพัฒนาผลผลิตยางพาราของสมาชิก จึงได้มีการกำหนดเป้าหมายต่อไปคือ การแปรรูปเพิ่มมูลค่ายางพารา พร้อมทั้งพัฒนาคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ดีขึ้น รวมถึงมองหาโอกาสขยายช่องทางการตลาดให้กับสมาชิกสหกรณ์ด้วยอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ ก็เพื่อให้การดำเนินงานภายใต้ระบบสหกรณ์ในอนาคตเติบโตและมีความก้าวหน้ามั่นคงในอาชีพมากยิ่งขึ้นต่อไป

แจงสี่เบี้ย : กลุ่มเกษตรกรทำสวนป่าคลอก ใช้วิธีสหกรณ์สร้างความเข้มแข็งให้อาชีพอย่างยั่งยืน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/292158

227832

แจงสี่เบี้ย : กลุ่มเกษตรกรทำสวนป่าคลอก ใช้วิธีสหกรณ์สร้างความเข้มแข็งให้อาชีพอย่างยั่งยืน

วันศุกร์ ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2560, 06.00 น.

จากภาวะราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ การรวมกลุ่มกันจึงเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาในด้านการบริหารจัดการได้ โดยเฉพาะการนำหลักการและวิธีการสหกรณ์มาบริหารจัดการ

กลุ่มเกษตรกรทำสวนป่าคลอก รวมตัวกันก่อตั้งขึ้นเพื่อแก้ปัญหาให้กับชาวสวนยางพารา ในพื้นที่ ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เริ่มจากการรวมกลุ่มกันและบริหารจัดการกลุ่มโดยนำวิธีการสหกรณ์เข้ามาใช้ในการรวมซื้อ รวมขาย เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรอง ซึ่งการขายยางในรูปกลุ่มทำให้ได้ราคาตามที่กลุ่มกำหนด ทำให้สมาชิกไม่ถูกเอาเปรียบในด้านราคา ทั้งนี้การรวมกลุ่มกันแล้วบริหารจัดการกลุ่มในระบบสหกรณ์ นับเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยไม่หวังผลกำไร เพื่อประโยชน์ของสมาชิกเป็นสำคัญ ให้สมาชิกมีความมั่นคงและอยู่ได้อย่างมีความสุข ยึดหลักความซื่อสัตย์ เสียสละ มีคุณธรรม โปร่งใส กลุ่มเกษตรกรทำสวนป่าคลอกสนับสนุนให้สมาชิกทำการเกษตรแบบผสมผสาน ปลูกพืชผักสวนครัว ที่ให้ผลผลิตระยะสั้นเพื่อดำรงชีพระหว่างการรอผลผลิตจากพืชหลักอย่างยางพารา และแม้ว่าในช่วงราคายางพาราตกต่ำ สมาชิกก็ยังคงมีรายจากการขายผักสมุนไพรเข้ามาทดแทนทำให้ไม่กระทบเรื่องค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้ กลุ่มเกษตรกรทำสวนป่าคลอกยังมีการจัดตั้งกลุ่มย่อยตามความต้องการของสมาชิก เป็นกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร โดยกลุ่มเกษตรกรทำสวนป่าคลอกได้สนับสนุนงบประมาณและวัสดุอุปกรณ์ องค์ความรู้ เพื่อให้สมาชิกมีรายได้เสริม ส่งเสริมให้ปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษไว้บริโภคและจำหน่าย อีกทั้งยังให้สมาชิกที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง ได้ใช้ที่ดินโดยรอบที่ทำการกลุ่มในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้อีกด้วย

ดังตัวอย่างสมาชิกคนหนึ่งของกลุ่มเกษตรกรทำสวนป่าคลอก นายชะลอ การะเกด จากเดิมประกอบอาชีพประมงชายฝั่ง ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง ต้องการมีอาชีพเสริม จึงได้ขอใช้พื้นที่กลุ่มเกษตรกรเพื่อ ปลูกผัก ทำให้สามารถเลี้ยงครอบครัวได้ มีรายได้มากขึ้น จากคนทีไม่มีพื้นที่ใช้ประกอบการปลูกผักทำการเกษตร สามารถใช้ความพยายามศึกษาเรียนรู้และลงมือทำจนฐานะครอบครัวมั่นคงขึ้น สามารถสร้างบ้าน มีพื้นที่เป็นของตัวเอง ยกระดับของครอบครัวได้ หลักสำคัญที่เกษตรกรในกลุ่มดังกล่าวยึดถือและปฏิบัติเช่นเดียวกันทุกคนก็คือ การนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างจริงจัง พร้อมกับถ่ายทอดสู่รุ่นลูก รุ่นหลานเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันของคนในชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป

นอกเหนือจากการสร้างภูมิคุ้มกันในเรื่องการใช้ชีวิตแล้ว ยังสร้างภูมิคุ้มกันในเรื่องของรายได้ ด้วยการเน้นทำเกษตรผสมผสาน เพื่อลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว ทำให้ปัจจุบันกลุ่มดังกล่าวนี้ มีการคัดเกรดยางให้เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง มีตลาดรับซื้อยางพาราที่แน่นอน จึงนับว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ช่วยเหลือสมาชิกให้มีความมั่นคงและกลุ่มก็เข้มแข็งตามไปด้วย

แจงสี่เบี้ย : ดินอุดมสมบูรณ์..ช่วยเพิ่มผลผลิตพืช

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/291412

227832

แจงสี่เบี้ย : ดินอุดมสมบูรณ์..ช่วยเพิ่มผลผลิตพืช

วันอังคาร ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2560, 06.00 น.

กรมพัฒนาที่ดิน มีสถานีพัฒนาที่ดินกระจายอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ และมีหมอดินอาสาประจำหมู่บ้านต่างๆ กว่า 80,000 คน ทำหน้าที่เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีการจัดการทรัพยากรดินและน้ำ การอนุรักษ์ดินและน้ำ เพื่อให้เกษตรกรนำความรู้ต่างๆ ไปใช้อย่างถูกต้องเหมาะสมตามหลักวิชาการ ทั้งนี้การนำที่ดินไปใช้ประโยชน์เพื่อทำการเกษตรอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน โดยขาดการจัดการดูแลรักษาที่ถูกวิธี จะทำให้สภาพดินเกิดความเสื่อมโทรม ขาดอินทรียวัตถุ เนื้อดินแน่นทึบ ดินมีสภาพเป็นกรดจัดและความอุดมสมบูรณ์ต่ำ

ดังนั้นการปรับปรุงบำรุงดินจึงเป็นเรื่องที่เกษตรกรต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้ดินมีสภาพที่เหมาะสมต่อการปลูกพืช มีปริมาณน้ำและแร่ธาตุอาหารเพียงพอ เนื้อดินมีอินทรียวัตถุอยู่มากและไม่มีสารที่เป็นพิษต่อพืช มีค่า pH ประมาณ 5.5 ถึง 7.0 จึงจะช่วยเพื่อเพิ่มผลผลิตพืชให้สูงขึ้น เกษตรกรต้องทำการปรับปรุงดินทั้งด้านกายภาพ เคมี และชีวภาพ ต้องมีการใส่เพิ่มอินทรียวัตถุต่างๆ เช่น ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยหมัก หรือการปลูกพืชปุ๋ยสด เพื่อความอุดมสมบูรณ์ในดินให้สูงขึ้น ซึ่งแนวทางหรือการปรับปรุงบำรุงดินมีวิธีการต่างๆ ที่หลากหลาย เกษตรกรสามารถปฏิบัติได้เอง เช่น การใช้วัสดุปูนในการปรับค่าความเป็นกรด-ด่าง เช่น นาข้าวใช้ปูนมาร์ล ไม้ผลใช้ปูนโดโลไมท์ หรือปูนขาว วิธีการไถกลบตอซังฟางข้าวร่วมกับการใช้น้ำหมักชีวภาพ พด.2 อัตราการใช้ 5 ลิตร/ไร่ ฉีดพ่นหมักทิ้งไว้ช่วยให้ฟางย่อยสลายตัวได้เร็วขึ้น ทำให้เพิ่มอินทรียวัตถุในดิน หากใช้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก อัตรา 2-4 ตัน/ไร่ คลุกเคล้าอยู่ในดิน เกษตรกรสามารถใช้วิธีการเพิ่มฮอร์โมนในต้นพืชที่ปลูก โดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำฉีดพ่นให้ต้นพืช หรือรดลงดิน ช่วยให้รากพืชแข็งแรงพืชเจริญเติบโตได้ดีให้ผลผลิตที่สูงขึ้น รวมทั้งการดูแลรักษาควบคุมความชื้นในดิน ให้ใช้วัสดุต่างๆ คลุมดิน เช่น ฟางข้าว ใบหญ้าแฝก แกลบสด พลาสติก หรือปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันการชะล้างหน้าดิน ช่วยลดการสูญเสียธาตุอาหารพืช และช่วยรักษาความชื้นในดิน

โดยเกษตรกร ควรมีการจัดการดินภายหลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตโดยต้องไม่ทำการเผาตอซังพืชทุกชนิด ให้ทำการปลูกพืชตระกูลถั่วต่างๆ เช่น ปอเทือง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ฯลฯ หลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วให้ใช้กลบหรือสับกลบตอซังลงในดิน เป็นการเพิ่มอินทรียวัตถุในดิน ช่วยปรับปรุงบำรุงดินให้สมบูรณ์เหมาะสำหรับการเพาะปลูกพืชในฤดูกาลถัดไป นอกจากนี้ ต้องตรวจวิเคราะห์ตรวจสอบดินทุกๆ 1-2 ปี เพื่อให้ทราบการเปลี่ยนแปลงสมบัติของดิน และหาแนวทางปรับปรุงบำรุงดินที่เหมาะสมต่อไป โดยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 1-12 สถานีพัฒนาที่ดินทุกจังหวัด หรือหมอดินอาสาประจำหมู่บ้าน

แจงสี่เบี้ย : พด.เร่งโครงการปลูกพืชปุ๋ยสดฤดูนาปรังปี2561

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/291179

227832

แจงสี่เบี้ย : พด.เร่งโครงการปลูกพืชปุ๋ยสดฤดูนาปรังปี2561

วันจันทร์ ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2560, 06.00 น.

ปัจจุบันวิธีการลดต้นทุนการผลิตและสามารถปรับปรุงบำรุงดิน เพิ่มอินทรียวัตถุให้ดินได้ง่ายที่สุด คือ การปลูกพืชปุ๋ยสด ได้แก่ พืชตระกูลถั่ว อย่างถั่วพุ่ม ถั่วพร้า ถั่วมะแฮะ ปอเทือง โสนอัฟริกัน ซึ่งเป็นพืชปรับปรุงบำรุงดิน เมื่อเกษตรกรปลูกก็จะกลายเป็นโรงปุ๋ยในแปลงนาทันที “โครงการปลูกพืชปุ๋ยสด ฤดูนาปรัง ปี 2561” เป็นหนึ่งในโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชให้เหมาะสมภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปี 2560/61 (ด้านการผลิต)

โดยกรมพัฒนาที่ดิน จะส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชปุ๋ยสดและไถกลบ เพื่อปรับปรุงบำรุงดินก่อนทำนารอบใหม่ เป้าหมาย 22 จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง แบ่งเป็น ภาคเหนือ 7 จังหวัด คือ อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก สุโขทัย พิษณุโลก และพิจิตร ภาคกลาง 15 จังหวัด คือ กทม. สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง ลพบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ชัยนาท สระบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา และสมุทรสาคร ระยะเวลาดำเนินงานตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2560 ถึง มิถุนายน 2561 ปัจจุบันมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการกว่า 23,800 ราย

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ดำเนินโครงการ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม เพื่อลดอุปทานข้าวเปลือกด้วยการปลูกพืชปุ๋ยสดในนาข้าว เพิ่มประสิทธิภาพการปรับปรุงบำรุงดิน และตัดวงจรศัตรูพืชจากการพักดิน (ลดรอบการทำนา) โดยส่งเสริมเกษตรกรปลูกพืชปุ๋ยสดเพื่อไถกลบครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่ โดยห้ามไม่ให้นำพื้นที่ไปทำนาปรังฤดูผลิต 2561 ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ถึง 30 เมษายน 2561

ขณะที่ กรมพัฒนาที่ดิน จะจัดหาเมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสดเป็นเมล็ดพันธุ์ให้เกษตรกรที่ร่วมโครงการไร่ละ 5 กก. รวมทั้งถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับการไถเตรียมดิน ดูแลรักษา และไถกลบพืชปุ๋ยสดระยะเวลา 45-60 วัน เพื่อปรับโครงสร้างดินช่วยให้มีอินทรียวัตถุเพิ่มขึ้น โดยรัฐจะสนับสนุนค่าไถเตรียมดินให้ไร่ละ 500 บาท และค่าไถกลบไร่ละ 500 บาท ซึ่งมีการจ่ายเงินผ่าน ธ.ก.ส. หากเกษตรกรเจ้าของแปลงมีรถไถเป็นของตนเอง สามารถดำเนินการเองได้หรือรวมกลุ่มกันจัดหารถไถมาเตรียมดิน กรณีไม่สามารถดำเนินการได้กรมพัฒนาที่ดินจะจัดจ้างรถไถมาดำเนินการให้

อย่างไรก็ตาม การปลูกปอเทืองเป็นทางเลือกที่เกษตรกรมีแต่ได้ประโยชน์ เนื่องจากการปลูกปอเทือง 1 ไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์ปอเทือง 5 กก. แล้วไถกลบตอนปอเทืองอายุ 50 วัน จะได้ผลผลิตมวลชีวภาพคือน้ำหนักสดที่ลงสู่ดิน จะได้ปุ๋ยไนโตรเจนเทียบเท่ากับปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 จำนวน 15 กก.ต่อไร่ แต่ถ้าไถกลบช่วงอายุ 90 วัน คือเป็นช่วงที่ปอเทืองออกดอกแล้วจึงไถกลบ จะทำให้ได้ธาตุอาหารสมบูรณ์ทั้ง N-P-K ในอัตราเทียบเท่าถึง 20 กก.ต่อไร่ ก็จะทำให้เกษตรกรลดต้นทุนค่าปุ๋ยเคมีลง รวมถึงเป็นการเพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุในดินจากการไถกลบปุ๋ยพืชสดได้ต่อไป

แจงสี่เบี้ย : พด.แจงความก้าวหน้านโยบาย‘กระดาษ A4’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/290453

227832

แจงสี่เบี้ย : พด.แจงความก้าวหน้านโยบาย‘กระดาษ A4’

วันศุกร์ ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2560, 06.00 น.

จากการที่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้วางแนวทางการปฏิบัติเพื่อนำไปสู่เป้าหมายการปฏิรูปภาคการเกษตรไทยร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ครบวงจร มีการนำนวัตกรรมแบบอัจฉริยะมาใช้ตั้งแต่การผลิต การแปรรูป และการตลาด โดยแนวคิดการยกกระดาษ A4 ให้ทุกหน่วยงานทำงานแบบบูรณาการทำงานขับเคลื่อนตามนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ กรมพัฒนาที่ดิน ได้เร่งขับเคลื่อนงาน ตามนโยบายใน 6 เรื่อง จาก 13 แผนงานประจำปี 2560 ดังนี้ 1.ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต (ศพก.) อำเภอละ 1 ศูนย์ รวม 882 ศูนย์ทั่วประเทศ โดยจัดทำจุดเรียนรู้การพัฒนาที่ดิน เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้การพัฒนาที่ดินเพื่อช่วยลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต 2.โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ มีการสนับสนุนกิจกรรมปรับปรุงบำรุงดินเพื่อผลิตพืช อาทิ แปลงนาข้าว พืชไร่ ผลไม้ พืชผัก 3.โครงการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning by Agri-map)

4.มาตรฐานสินค้าเกษตร เป็นการเก็บตัวอย่างดินในพื้นที่เกษตรกร เพื่อวิเคราะห์ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรดิน ให้คำแนะนำการใช้ปุ๋ยเพื่อปรับปรุงบำรุงดิน เกษตรอินทรีย์ ได้แก่ (1) โครงการพัฒนากลุ่มเกษตรกรสู่การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ (2) โครงการฝึกอบรมด้านพัฒนาเกษตรอินทรีย์ 3 หลักสูตร 5.การขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ หรือ 5 ประสาน 6.โครงการธนาคารสินค้าเกษตร ผลิตปุ๋ยหมักพระราชทานและน้ำหมัก

7.การผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร (ปอเทือง) ดำเนินการ 3 ขั้นตอน ดังนี้ ไถเตรียมดิน ไถกลบเมล็ดพันธุ์พืชปุ๋ยสด และไถกลบ 8.โครงการจัดที่ดินทำกินและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ที่ดินในเขตปฏิรูป (ส.ป.ก.) 9.การพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำ (1) โครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ / แหล่งน้ำขนาดเล็ก / ระบบท่อส่งน้ำ (2) โครงการพัฒนาแหล่งน้ำชุมชน (3) โครงการพัฒนาแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทาน 10.Smart Farmer มีการแบ่งการจัดฝึกอบรมหมอดินอาสาประจำหมู่บ้าน หมอดินอาสาประจำตำบล หมอดินอาสาประจำอำเภอ และหมอดินอาสาประจำจังหวัด 11.Smart Office แบ่งเป็น (1)โครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรเป็น Smart Office (ภายในกรมฯ) (2) โครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรเป็น Smart Office (ภายนอกกรมฯ) 12.มาตรฐานสินค้าเกษตร เกษตรกรมีการยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตร ปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน มีการผลิตและใช้ปัจจัยการผลิตที่ได้มาตรฐานอย่างยั่งยืน

แจงสี่เบี้ย : พด.เร่งฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/289689

227832

แจงสี่เบี้ย : พด.เร่งฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย

วันจันทร์ ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2560, 06.00 น.

กรมพัฒนาที่ดินได้วางแนวทางแผนการพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่การเกษตรที่ประสบอุทกภัย โดยให้สถานีพัฒนาที่ดินในจังหวัดที่ประสบภัย ร่วมกับหมอดินอาสาประจำหมู่บ้าน ประเมินสภาพพื้นที่และเร่งให้ความช่วยเหลือโดยด่วน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาที่ดินได้ลงพื้นที่ให้คำแนะนำ การบำบัดน้ำเน่าเสียและขจัดกลิ่นเหม็น โดยใช้สารเร่งซุปเปอร์ พด. 6 ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีชีวภาพของกรมพัฒนาที่ดิน หากเป็นพื้นที่น้ำท่วมขังนิ่งและเกิดลูกน้ำยุงรำคาญ แนะนำให้ใช้สารเร่งซุปเปอร์ พด. 6
(ชนิดผง) โรยลงไปจะช่วยกำจัดและลดปัญหาลูกน้ำยุงรำคาญได้ผลเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังได้ให้คำแนะนำวิธีการฟื้นฟูพื้นที่การเกษตรหลังน้ำลด ดังนี้

1.พื้นที่ปลูกข้าว มีวิธีจัดการดินหลังน้ำลด คือ 1) ระบายน้ำออกจากนา 2) ไถกลบตอซังข้าว หมักให้ย่อยสลาย โดยใช้น้ำหมักชีวภาพรดฟางข้าวช่วงไถกลบ 3) หลังจากตอซังย่อยสลายแล้ว ปรับปรุงดินโดยใช้พืชปุ๋ยสด กรณีน้ำท่วมขังในนาเป็นระยะเวลานาน แนะนำให้ใช้สารบำบัดน้ำเน่าเสียและช่วยขจัดกลิ่นเหม็น (สารเร่งซุปเปอร์ พด.6) เพื่อบำบัดน้ำเสียและขจัดกลิ่นเหม็น โดยใช้อัตรา 1 ลิตรต่อปริมาณน้ำในนา 1 ลูกบาศก์เมตรทุก 10 วัน หรือถ้ามีกลิ่นเหม็นมากให้ใส่ทุก 3 วัน จนหมดกลิ่น

2.พื้นที่สวนผลไม้ มีวิธีจัดการดินหลังน้ำลด ดังนี้ 1)ไม่เข้าไปเหยียบย่ำใต้ต้นไม้ผลเพราะจะทำให้รากขาดและรากเน่าได้ง่าย 2) ถ้าต้นไม้ล้มควรหาไม้ยาวค้ำยันไว้ก่อน 3)ระบายน้ำออกจากโคนต้นให้หมดเป็นการด่วน ทำร่องน้ำระหว่างแถวไม้ผลให้ลึกอย่างน้อยประมาณ 50 ซม. ถ้าเป็นดินเลนให้ใช้ไหผูกเชือกแล้วลากให้เป็นร่องลึกระหว่างแถวสามารถใช้เป็นทางระบายน้ำได้ เอาไม้แหวกดินให้เป็นร่องเล็กๆ ที่บริเวณโคนต้นไม้ให้น้ำไหลลงสู่ทางระบายน้ำ 4) ใช้พลั่วดึงเศษพืชและสัตว์ต่างๆ 5) ใช้ไม้ไผ่หรือท่อพลาสติกเจาะรูปักไว้โคนต้น เพื่อระบายความร้อนและก๊าซพิษออกจาก
โคนต้น 6) เมื่อดินเริ่มแห้งให้ทำการตัดแต่งกิ่งเอาใบแก่และกิ่งที่อยู่ภายในทรงพุ่มที่ไม่ได้รับแสงออก 6)ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักร่วมกับปุ๋ยเคมี สูตร 15-15-15 โดยใส่ในร่องที่ขุดดินขึ้นรอบๆ ทรงพุ่ม ซึ่งความกว้างของร่องประมาณ 15 เซนติเมตร หรือใส่ที่โคนต้นไม้ในกรณีที่ต้นไม้ยังมีขนาดเล็ก

เกษตรกรที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติม สอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 1-12 สถานีพัฒนาที่ดินทุกจังหวัด หมอดินอาสาประจำหมู่บ้านในชุมชน หรือ โทร. 0-2579-8515

แจงสี่เบี้ย : เกษตรฯจับมือก.วิทย์ เดินหน้าบริหารจัดการเชิงรุก‘Agri-Map’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/local/287304

227832

แจงสี่เบี้ย : เกษตรฯจับมือก.วิทย์ เดินหน้าบริหารจัดการเชิงรุก‘Agri-Map’

วันอังคาร ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2560, 06.00 น.

จากความสำคัญของภาคการเกษตรที่มีต่อภาคเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ แต่ที่ผ่านมาเกษตรกรรายย่อยมักต้องประสบกับปัญหารายได้ต่ำ อันเกิดจากความผันผวนทางการตลาด และการขาดการวางแผนจัดการผลิตที่ดี ขณะที่ภาครัฐก็ขาดข้อมูลภาคสนามที่ถูกต้องสมบูรณ์ ทำให้การวางแผนในระดับมหภาคไม่สอดคล้องความเป็นจริง จึงมีความจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม ด้วยการใช้ประโยชน์ที่ดินของประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด กระทรวงเกษตรฯโดย กรมพัฒนาที่ดิน จึงดำเนินการจัดทำระบบบูรณาการข้อมูลเชิงพื้นที่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์ที่ดิน ภายใต้ชื่อโครงการ Agri-Map

ทั้งนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีโดยศูนย์เทคโนโลยีอีเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (สวทช.) หรือ เนคเทค มีเทคโนโลยีที่พร้อมจะไปสนับสนุนโครงการดังกล่าวอยู่แล้ว โดยมีการดำเนินงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีในด้านการบูรณาการข้อมูล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านการเกษตรที่ชื่อว่า What2Grow ซึ่งเป็นระบบบูรณาการข้อมูลเกี่ยวกับการกำหนดพื้นที่เพาะปลูกที่เหมาะสมจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งจากภาครัฐและเอกชน อาทิ ข้อมูลแผนที่ ข้อมูลการผลิต ผลผลิต สภาพพื้นดิน ข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดินในการเพาะปลูก ข้อมูลเชิงเศรษฐศาสตร์ด้านราคา แหล่งรับซื้อ และสร้างเครื่องมือสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์และเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่

โดยการลงนามความร่วมมือทางวิชาการระหว่างกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เกิดขึ้นเพื่อเดินหน้าโครงการแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก Agri-Map ในระบบออนไลน์และโมบายเพื่อให้กระทรวงเกษตรฯ ใช้ข้อมูลในการวางแผนและจัดทำนโยบายด้านการเกษตร ร่วมพัฒนาบุคลากรด้านการพัฒนาและการใช้แผนที่การเกษตรเพื่อการบริหารจัดการที่เหมาะสมต่อไป