ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.naewna.com/local/306087

แตกใบอ่อน : สุนัขกับราชสีห์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว วันอังคาร 21 พฤศจิกายน ได้ยินโฆษกรัฐบาล “สรรเสริญ แก้วกำเนิด” แถลงมติ ครม. ที่ให้ความเห็นชอบการประกาศให้เรื่อง “สิทธิมนุษยชน” เป็นวาระแห่งชาติ เพราะหวังจะลบภาพที่คนชอบมองว่ารัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง หรือจะให้พูดกันให้ชัดๆ ก็คือ “รัฐบาลรัฐประหาร” นี่แหละ ที่มักเป็นไม้เบื่อไม้เมาและชอบมีปัญหาในประเด็นสิทธิมนุษยชน
บอกตรงๆนะครับ ได้ยินโฆษกรัฐบาลแถลงวันนั้นก็คิดอยู่ว่า ทำไมจะต้องพยายามกันขนาดนั้นเลยหรือ เพราะถ้าคิดจะเอาใจใส่จริง ไม่ต้องประกาศ “สร้างภาพ” ให้เสียเวลาหรอกครับ มันต้องทำเลย
ที่สำคัญ ไม่ว่ารัฐบาลจะประกาศนโยบายออกมาสวยหรูยังไง แต่ท้ายที่สุดแล้ว ถ้านายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี หรือบริวารแวดล้อม ยังทำตัวเส็งเคร็ง คอยใช้อำนาจปิดปาก ลิดรอนสิทธิ และเบียดเบียนเหยียบหัวชาวบ้าน มันก็ไม่มีประโยชน์หรอกครับ
ทุกอย่างมันอยู่ที่การกระทำของรัฐบาลเองว่าคุณเลือกจะเป็น หรือจะทำอะไร ไม่ได้เกิดจาก “ภาพ” ที่สร้างขึ้นมาแม้แต่น้อย
กำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่เพลินๆ มาสัปดาห์นี้ ก็เอาแล้วเต็มๆ กับเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจยกกำลังเข้าสลายกลุ่มชาวบ้านเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ระหว่างเดินเท้าจะเข้าไปขอยื่นหนังสือถึงนายกฯเพื่อชี้แจงเหตุผลคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเทพา จนชาวบ้านเขาต้องออกมาร้อง “ถุย” ใส่วาระแห่งชาติเรื่อง “สิทธิมนุษยชน” ของรัฐบาลกันเป็นแถว
แต่แทนที่รัฐบาลจะรู้สึกสำเหนียก รีบแก้ไขสถานการณ์สร้างความเข้าใจกับชาวบ้าน กลับกลายเป็นช่วยกันเรียงหน้าออกมาให้สัมภาษณ์กล่าวหาชาวบ้าน เสมือนหนึ่ง “ท่องจำ” กันมาว่า ชาวบ้านทำร้ายตำรวจก่อน เออ.. เอาเข้าไปสิ
นี่ยังไม่นับกับที่โฆษก “สรรเสริญ แก้วกำเนิด” ที่ช่วยโชว์วุฒิภาวะจากการให้สัมภาษณ์ถึงกรณีแกนนำชาวบ้านคนหนึ่งที่ตอนแรกมีข่าวว่าหายตัวไป ซึ่งแกพูดไว้อย่างอย่างไรก็ลองไปหาอ่านและตัดสินกันเอาเองนะครับว่าจะน่าชื่นชมหรือสมเป็น “ชายชาติทหาร” มาน้อยขนาดไหน
และนี่ก็ยังไม่นับรวมถึง “พฤติกรรม” ของทหาร คือ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า ที่ทำหนังสือป่าวประกาศขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน จ.สงขลา ให้มาทำข่าว “กลุ่มสนับสนุน”โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเทพา ซึ่งส่อแสดงถึงการ “วางตัว” ของเจ้าหน้าที่รัฐว่า มีความ “เป็นกลาง” จนน่านับถือมากน้อยขนาดไหน
ภาพที่ออกมาเลยกลายเป็นว่า กลุ่มสนับสนุนโรงไฟฟ้าเทพาได้รับการ “อุ้มชู” จากเจ้าหน้าที่รัฐ จากรัฐบาล ขณะที่กลุ่มคัดค้านได้รับ “กุญแจมือ” ได้รับโซ่ตรวน ได้รับการดูถูกเหยียดหยามจากรัฐ
แบบนี้มันใช่ที่เขาเรียกว่า 2 มาตรฐานหรือเปล่า
และแบบนี้มันสมควรหรือไม่ที่จะมีใครมาถ่มถุยใส่ “วาระแห่งชาติ” เรื่องสิทธิมนุษยชนของรัฐบาล
ต้องไม่ลืมนะครับว่า การเดินทางลงมาประชุม “ครม.สัญจร” ครั้งนี้ รัฐบาลก็พูดเองไม่ใช่หรือว่า มาเพื่อรับฟังปัญหาของชาวบ้าน รับฟังปัญหาของประชาชน
หรือในมุมมองของรัฐกำลังคิดว่าปัญหาของคนเทพา คนสงขลา คนปัตตานี ที่คัดค้านโรงไฟฟ้า ไม่ใช่ปัญหาของรัฐบาล เลยไม่อยากจะรับฟัง และถึงกับต้องใช้กำลังตำรวจเข้าไปสลายการชุมนุม ทั้งที่ความจริงมันมีวิธีที่ดีกว่านี้มากมายที่สามารถทำและจัดการปัญหาได้ แต่กลับไม่ทำ
พฤติกรรมของรัฐบาลเวลานี้ จึงไม่ต่างจากเป็นการเหยียบย่ำทำลายคำว่า “สิทธิมนุษยชน” ลงไปด้วยเท้าเอง ที่แย่ไปกว่านั้น อาจจะพาลไปกระทบกับการสร้างรอยร้าวในสังคมไทยให้บาดลึกลงไปอีกและแทบไม่ต้องพูดถึงอีกเลยกับคำว่า “ปรองดอง”
บรรทัดนี้จึงขอไว้อาลัยให้กับ “วาระแห่งชาติ” ด้านสิทธิมนุษยชนของรัฐบาล ที่ตายตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด
พูดไปก็ให้อดคิดถึงคำคมในวงเหล้าที่หลายคนเคยเปรียบเปรยเอาไว้กันเล่นๆ
คนมันจะเป็นหงส์ ยังไงมันก็เป็นหงส์ ส่วนใครจะเป็นหมา จะเป็นอีกา เมื่อเกิดมาเป็นแบบนั้นมันก็ต้องเป็นแบบนั้น จะมาคุยโวโอ้อวดสร้างภาพให้ตัวเองเป็นราชสีห์หรือเป็นอะไรให้ดูดี ก็คงยากครับ
เพราะพฤติกรรมมันฟ้องอยู่
มะลิลา