แนวหน้า5Gไกด์ : เส้นทางสู่ 5G แห่งอนาคต ภาพรวมสถานการณ์ 5G ของโลก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/421380

แนวหน้า5Gไกด์ : เส้นทางสู่ 5G แห่งอนาคต ภาพรวมสถานการณ์ 5G ของโลก

วันเสาร์ ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2562, 06.00 น.

หากย้อนกลับมามองประเทศไทยในฐานะประเทศผู้ใช้เทคโนโลยี อาจต้องรอจนถึงประมาณปี 2565 – 2566 จึงน่าจะมีการใช้งาน 5G ได้ในเชิงพาณิชย์โดยทั่วไป

เทคโนโลยี 5G ที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่งผลให้ความต้องการคลื่นความถี่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการใช้งานข้อมูล (Traffic) มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยในปัจจุบันย่านความถี่ที่รองรับเทคโนโลยี 5G มีทั้งย่านความถี่ต่ำกว่า 1 GHz (Low Band) เป็นย่านความถี่เพื่อรองรับความครอบคลุมของสัญญาณเป็นบริเวณกว้าง ย่านความถี่ระหว่าง 1 GHzถึง 6 GHz (Mid Band) เป็นย่านความถี่เพื่อรองรับความจุของโครงข่าย (Capacity) และย่านความถี่สูงกว่า24 GHz เป็นย่านความถี่ mmWave โดยเน้นการใช้งานในพื้นที่ที่มีปริมาณการใช้งานสูงหรือมีความต้องการอัตราข้อมูลที่สูง

นอกจากนี้เทคโนโลยี 5G ได้ถูกคาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจมากมาย เช่น การนำมาประยุกต์ใช้กับ Internet of Things (IoT) ในรูปแบบของสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) เพื่อลดปัญหาข้อขัดแย้ง และความผิดพลาดของมนุษย์ โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในประเทศไทยปี 2563 และจะใช้งานอย่างแพร่หลายภายใน 15 ปี

ผลดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศไทยปี 2578 มีผลประโยชน์โดยรวม 2.3 ล้านล้านบาท ถึง 5 ล้านล้านบาท ผ่านการสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมการผลิต ภาคโทรคมนาคม ระบบสาธารณูปโภค และการขนส่งเป็นหลัก

เทคโนโลยี 5G ถือเป็นเทคโนโลยีที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ โดย ITU ในฐานะหน่วยงานที่เป็นผู้กำหนดมาตรฐานอย่างเป็นทางการของเทคโนโลยี 5G คาดว่ามาตรฐานของเทคโนโลยี 5G น่าจะสามารถกำหนดได้อย่างเป็นทางการในปี 2563 หรืออีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า

ในปัจจุบันหลายประเทศได้กำลังศึกษาวิจัยการใช้คลื่นความถี่และเทคโนโลยี 5G โดยมีผู้ให้บริการบางรายในประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น AT&T, Sprint และVerizon ได้ทดลองการใช้เทคโนโลยี 5G ในย่านความถี่ mmWave ก่อนที่การจัดสรรคลื่น 24 GHz และ 28 GHz จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2561

เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่นที่ได้มีการศึกษาและทดลองใช้ เพื่อนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ในงานโอลิมปิกที่จะมีขึ้น ณ กรุงโตเกียว ในปี 2563 และจีนที่ได้มีการทดลองใช้เทคโนโลยี 5G ย่านความถี่ C-Band ในเมืองต่างๆตั้งแต่ในปี 2559 ก่อนที่จะมีการจัดสรรคลื่นความถี่

ในขณะที่บางประเทศเริ่มมีการจัดสรรคลื่นความถี่ที่จะนำไปใช้กับเทคโนโลยีนี้ เพื่อที่จะสามารถนำเทคโนโลยี 5G มาใช้จริงในปี 2563 ดังเช่น สหราชอาณาจักร ได้จัดประมูลคลื่นความถี่ย่าน 3.4 GHz เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2561 จำนวน 150 MHz โดยแบ่งเป็น 30 ช่วงคลื่นความถี่ ช่วงละ 5 MHz ระยะเวลาการอนุญาตขั้นต่ำ 20 ปีซึ่งมีราคาคลื่นรวม 1.4 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ6 หมื่นล้านบาท โดยผู้ชนะการประมูล ได้แก่ Vodafone, O2, EE และ Three

ประเทศเกาหลี หลังจากการทดลองใช้งานเทคโนโลยี5G ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ณ เมืองพยองชางก็ได้จัดการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 3.5 GHz (3.42 – 3.7 GHz)จำนวน 280 MHz และความถี่ย่าน 28 GHz (26.5 -28.9 GHz) จำนวน 2400 MHz เมื่อเดือนมิถุนายน 2561 โดยมีราคาคลื่นรวมทั้งหมด 3.6 ล้านล้านวอน หรือประมาณ1 แสนล้านบาท ซึ่งคลื่นความถี่ทั้งหมดได้ถูกจัดสรรให้กับผู้ชนะการประมูล 3 ราย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการกิจการโทรคมนาคมรายหลักภายในประเทศ ได้แก่ SKT, KT และ LGU+

เป็นที่น่าสนใจว่าผู้พัฒนาเทคโนโลยี 5G ในประเทศต่างๆ ยังคงต้องประสบปัญหาในการทดลองทดสอบ และยังไม่สามารถเปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5G ในเชิงพาณิชย์ได้ ประกอบกับในปัจจุบันคลื่นความถี่ที่นำไปใช้กับเทคโนโลยี 3G และ 4G มีอยู่อย่างจำกัด จึงจำเป็นต้องได้รับการจัดสรรคลื่นความถี่ในย่านความถี่สูงเพิ่มเติม

ทั้งนี้ หากย้อนกลับมามองประเทศไทยในฐานะประเทศผู้ใช้เทคโนโลยี อาจต้องรอจนถึงประมาณปี 2565 -2566 จึงน่าจะมีการใช้งาน 5G ได้ในเชิงพาณิชย์โดยทั่วไป พร้อมกับการจัดสรรคลื่นความถี่ย่านความถี่สูงเพื่อให้การให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5G เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

แนวหน้า5Gไกด์ : เส้นทางสู่ 5G แห่งอนาคต ยุคอุตสาหกรรม 4.0 หลังการมี 5G

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/418501

แนวหน้า5Gไกด์ : เส้นทางสู่ 5G แห่งอนาคต ยุคอุตสาหกรรม 4.0 หลังการมี 5G

วันเสาร์ ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2562, 06.00 น.

จากผลการวิจัยจากสถาบันวิจัยหลายแห่งทั่วโลกส่วนใหญ่ต่างเห็นพ้องตรงกันว่า 5G จะสามารถผลักดันให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาบริการต่างๆ จนทำให้มีรูปแบบธุรกิจที่แปลกใหม่มากมายเข้ามาท้าทายธุรกิจรูปแบบดั้งเดิม ด้วยทีมงานคนรุ่นใหม่ ที่เปี่ยมล้นด้วยความคิดสร้างสรรค์ สามารถใช้เทคโนโลยีอย่างคล่องแคล่ว และมีต้นทุนต่ำกว่าองค์กรดั้งเดิมที่มีระบบมีขนาดใหญ่และขั้นตอนการทำงานหลายขั้นตอน

ตัวอย่างเช่น ธุรกิจบรอดแคสต์ที่ให้บริการวีดิโอแบบเรียลไทม์ ด้วยการรับจ้างจัดบริการถ่ายทอดสดโดยมีทีมงานขนาดเล็กและคล่องตัว ธุรกิจสื่อด้านการรายงานข่าวเฉพาะด้าน ไม่ว่าจะเป็นการอัพเดทข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจ ข่าวกีฬา และข่าวอื่นๆ ซึ่งมีเนื้อหาข่าวที่รวดเร็ว สดใหม่ เที่ยงตรง แม่นยำกว่าสื่อดั้งเดิม โดยมีวิธีการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลเรียลไทม์ธุรกิจด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและหาข้อมูลเฉพาะด้าน ซึ่งให้บริการข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำสำหรับผู้บริหารรวมถึงบุคคลทั่วไป ธุรกิจด้านการให้บริการทำการตลาดทางดิจิทัล ที่สามารถวัดประสิทธิภาพในการให้บริการอย่างเรียลไทม์ ธุรกิจที่ปรึกษาเฉพาะทางที่มีขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)และ Big Data ในการวิเคราะห์ผล ไปจนถึงธุรกิจที่หลากหลายรูปแบบในอุตสาหกรรม Telehealth ด้วยการใช้เทคโนโลยี 5G บวกเข้ากับระบบเซ็นเซอร์ IoT ที่สามารถติดตามและให้บริการด้านสุขภาพ เป็นต้น

ณ เวลานี้คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด โดยถือได้ว่าเป็นยุคใหม่ของการเชื่อมต่อที่เรียกว่าอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งจะทำให้โรงงานในปัจจุบันดูแปลกตาและน่าตื่นเต้นเหมือนในภาพยนตร์ก็ว่าได้

กล่องบรรจุภัณฑ์บนสายพานลำเลียงที่สื่อสารสั่งเครื่องจักรหรือหุ่นยนต์ ว่าจะบรรจุผลิตภัณฑ์ลงในกล่องอย่างไรเครื่องพิมพ์ 3 มิติจะประกอบชิ้นส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคขนาดเล็กที่มีรูปแบบเฉพาะและจากนั้นจะปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อทำอย่างอื่นต่อไป คนงานที่สวมแว่นตา AR จะทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ได้อย่างราบรื่น ข้อมูลแบบเรียลไทม์ของทุกกระบวนการจะถูกส่งไปยังผู้จัดการที่อยู่นอกโรงงาน ซึ่งสามารถบริหารจัดการจากระยะไกลได้

การสื่อสารระหว่างเครื่องจักรกับเครื่องจักร (M2M) และเครื่องจักรกับมนุษย์ (M2H) จะเชื่อมโยงทั้งเครื่องจักร กระบวนการผลิต และจอควบคุมของโรงงานแห่งอนาคต โดยเทคโนโลยี 5G จะเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และคุณภาพได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ในยุค 5G หุ่นยนต์และมนุษย์จะทำงานร่วมกันในโรงงาน ซึ่งในโรงงานจะทำหน้าที่เหมือนวงออร์เคสตรา มากกว่าจะเป็นเพียงกลุ่มของสายการผลิตที่มีเครื่องจักร มนุษย์ และหุ่นยนต์ที่ต่างก็มีบทบาทแตกต่างกัน แต่กลับมาทำงานร่วมกันพื้นโรงงานจะเป็นแบบไดนามิกและปรับแต่งใหม่ได้ เพื่อให้เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่จะผลิตขึ้น หุ่นยนต์ที่มีเซ็นเซอร์นำทางจะสามารถเคลื่อนที่จากตำแหน่งหนึ่งไปยังอีกตำแหน่งหนึ่ง ได้โดยไม่มีการชนกัน

ถึงแม้ว่าโรงงานแห่งอนาคตในยุค 5G ยังไม่ได้เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ณ วันนี้ก็ตาม แต่หุ่นยนต์ที่มีการใช้งานอยู่แล้วจะสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ประมวลผลที่มีราคาไม่แพง เซ็นเซอร์ที่สามารถจับภาพและเก็บข้อมูลจำนวนมาก รวมถึงขั้นตอนวิธีการประมวลผลข้อมูลที่ซับซ้อน และเทคโนโลยีเหล่านี้
กำลังมารวมกันเพื่อสร้างเครื่องจักรที่เรียนรู้ได้ (Machine Learning) ภายใน 2 ปีนี้

ตามรายงานของ PricewaterhouseCoopers (PwC) สำนักงานบัญชีและบริการธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ระบุว่าในอนาคตหุ่นยนต์จะได้รับการฝึกและเรียนรู้ โดยใช้ทรัพยากรสำหรับการเรียนรู้แบบ Deep Learning ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขั้นสูงบนระบบคลาวด์ โดยในอนาคตโรงงานจะมีหุ่นยนต์ทำงานร่วมกับมนุษย์ด้วยการสังเกตและเลียนแบบพฤติกรรมของมนุษย์

ดังนั้นในยุค 5G ระบบสื่อสารเคลื่อนที่จะมีบทบาทที่เปลี่ยนไป ซึ่งจะเข้าไปมีบทบาทในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างมาก โดยจะทำให้เกิดการปฏิวัติการผลิตสินค้าให้เป็นแบบ M2M และ M2H อย่างแน่นอน และมันจะเป็นตัวเร่งทำให้เกิดแพลตฟอร์ม IoT และ Robotics ที่เติบโตขึ้นทั่วโลกอย่างรวดเร็ว

ดังนั้น เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยีใหม่อย่าง 5G และผู้ประกอบการสามารถก้าวตามทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง หรือมีการเตรียมความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีแล้ว จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถตระหนักถึงโลกใบใหม่ของผู้บริโภคได้ ด้วยการเชื่อมต่อโดยสมบูรณ์ของโลกทางกายภาพและโลกไซเบอร์ จะช่วยให้เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ อย่างไม่มีวันสิ้นสุด

นั่นทำให้นับจากนี้โอกาสจึงตกอยู่กับคนรุ่นใหม่ ที่เกิดมาพร้อมกับการใช้อินเทอร์เน็ต (Digital Native) แต่โอกาสใหม่ดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องเกิดจากการร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ที่ร่วมกันพัฒนาทั้งในส่วนการสร้างสิ่งแวดล้อม นโยบายการพัฒนาด้านดิจิทัล การปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัยที่เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล รวมไปถึงการจัดสรรทรัพยากรโทรคมนาคมที่มีประสิทธิภาพ และที่สำคัญคือการสร้างความสามารถของมนุษย์ (Human Capability) ของไทย เพื่อสร้างระบบนิเวศของเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และสอดคล้องกับวัฒนธรรมของไทย