ยูไอเอชคลอด ‘Metro B’ เน็ตเร็วสูงเพื่อองค์กร

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/588903

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 มี.ค. 2559 17:30

 

UIH ชูแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตเพื่ออาคารสำนักงาน ในชื่อ Metro B เล็งขยายพื้นที่ให้บริการตามนิคมอุตสาหกรรม หวังรองรับเออีซี…

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด (ยูไอเอช) ประกาศเปิดตัวแพ็กเกจบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ในชื่อ “Metro B” พร้อมโซลูชั่นครบวงจรในราคาพิเศษ โดยแพ็กเกจดังกล่าวเป็นบริการอินเทอร์เน็ตองค์กร พร้อมบริการ Wi-Fi 3 จุด ซึ่งผู้ที่สมัครใช้บริการตั้งแต่วันนี้ถึง 30 มิ.ย. 2559 จะได้รับเงื่อนไขพิเศษอีกด้วย

ทั้งนี้ บริการ Metro B ครอบคลุมอาคารธุรกิจชั้นนำ 99 แห่งทั่วกรุงเทพฯ รองรับการใช้งานขององค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ สามารถรับส่งข้อมูลปริมาณมากพร้อมกันด้วยเครือข่ายที่มีความเสถียร ปลอดภัย รองรับการขยายช่องสัญญาณสูงสุดได้ถึง 10 กิกะบิตต่อวินาที สนับสนุนการใช้งานแอพพลิเคชั่นหลากหลายสำหรับการใช้งานระดับองค์กร เช่น SAP, ERP, VoIP และ Data Back up ซึ่งยูไอเอช จะจัดกิจกรรมการตลาด จัดโรดโชว์แนะนำบริการ Metro B ไปยังอาคารธุรกิจสำคัญในกรุงเทพฯ เช่น อาคาร Interchange อาคารมณียา อาคารอรกานต์ อาคาร GPF Tower อาคารเมืองไทยภัทร เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ยูไอเอชได้ขยายพื้นที่ให้บริการบรอดแบนด์ บนเครือข่ายมาตรฐานระดับสากล MEF CE 2.0 เพียงรายเดียวในประเทศไทย รองรับการสื่อสารโทรคมนาคมให้องค์กรในนิคมอุตสาหกรรม เชื่อมต่อเครือข่ายทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้งการขยายพื้นที่ให้บริการครอบคลุมนิคมอุตสาหกรรมหลัก 48 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่เขตอุตสาหกรรมของไทย 13 จังหวัด ให้สื่อสารรับส่งข้อมูลได้อย่างสะดวก รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำแนะนำ และคำปรึกษาในการใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง.

ซอฟต์แวร์เลือดไทย ‘ซีลเทค’ ปั้นโมบายเลิร์นนิ่งเสริมการเรียนรู้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/588503

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 มี.ค. 2559 12:05

 

“ซีลเทค” ชูซอฟต์แวร์โซลูชั่นฝีมือคนไทย ส่งแพลตฟอร์ม Mobile Learning หวังเสริมการเรียนรู้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมเปิดตัว 3 ผลิตภัณฑ์ มายลี่ ซีล นิวส์ และซีล บุ๊ค เจาะกลุ่มองค์กรและเตรียมขยายฐานสู่คอนซูเมอร์…

นายวีรชน วังกาวี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีล เทค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า เราเป็นผู้พัฒนาเอ็นเตอร์ไพร์ซโซลูชั่นทั้งในระดับ Front-end และ Back-end บริการที่ปรึกษา รวมถึงพัฒนาซอฟต์แวร์โซลูชั่นอี-เลิร์นนิ่ง (e-Learning) ประกอบด้วย e-Classroom และ e-Book แพลตฟอร์ม สามารถใช้ในการเรียนการสอนของสถานศึกษาหรือพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในระดับองค์กรได้ไม่จำกัด โดยมีฐานลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มองค์กรมีทั้งหน่วยงานรัฐ อาทิ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กรมปศุสัตว์ กรมการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) รัฐวิสาหกิจและเอกชนทุกกลุ่มธุรกิจ เป็นต้น

ล่าสุด บริษัทได้พัฒนานวัตกรรมแพลตฟอร์ม M-learning (Mobile Learning) เพื่อขยายฐานลูกค้าเข้าสู่กลุ่มคอนซูเมอร์ ที่ผ่านมา บริษัทได้มีโอกาสพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบที่ถูกใช้ในอุตสาหกรรมการศึกษาเป็นจำนวนมาก ทำให้มีความเข้าใจการศึกษา และเป็นที่มาของการนำเสนอโซลูชั่นรูปแบบใหม่ที่สามารถขยายโอกาสในการเข้าถึงสื่อการเรียนรู้ ลดภาระของโรงเรียน พ่อแม่ ผู้ปกครอง โดยใช้ไอทีเป็นตัวช่วย

“เนื่องจากระบบการกระจายหนังสือยังไม่เอื้อต่อการเข้าถึง โดยเฉพาะเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล ขณะเดียวกันหนังสือดีๆ บางเล่มกลับมีการตีพิมพ์ในปริมาณน้อย จากปัจจัยดังกล่าวเชื่อว่าหากนำไอทีเข้ามาเชื่อมต่อก็จะสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด เราจึงสร้างดิจิตอลไลบรารี่ให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งโมเดลธุรกิจนี้ทุกฝ่ายจะได้รับประโยชน์ร่วมกัน ทั้งผู้ผลิตคอนเทนต์และสำนักพิมพ์ซึ่งจะมีช่องทางกระจายสินค้าโดยไม่ต้องพัฒนาระบบเอง รวมถึงกลุ่มโรงเรียนที่จะมีดิจิตอลไลบรารี่โดยไม่ต้องจัดหาหนังสือไม่ต้องติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ ไม่ต้องเสียค่าดูแลรักษาและมีสื่อใหม่เพิ่มตลอด เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ใช้งานและนักเรียน ก็สามารถเสริมการเรียนรู้ให้ตนเองได้ตามความต้องการสอดรับกับรูปแบบการเรียนรู้ส่วนบุคคล”

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เปิดตัว 3 แอพพลิเคชั่น คือ มายลี่ (MyLy), ซีล นิวส์ (Zeal News), ซีล บุ๊ค (Zeal Books) โดยแอพมายลี่เป็นคลังอี-บุ๊กเสริมการเรียนรู้ ภายใต้สายธุรกิจ M-Learning (Mobile Learning) ที่บริษัทตั้งเป้าช่วยขยายฐานลูกค้าในกลุ่มคอนซูเมอร์ โดยขณะนี้ได้เปิดตัวเวอร์ชั่นเบต้าสำหรับทดลองใช้งานฟรีตั้งแต่ช่วงต้นไตรมาสที่ 4 ของปี 2558 ส่วนการพัฒนาเฟสที่ 2 คาดว่าจะพร้อมใช้งานในไตรมาสที่ 2 ของปี 2559 โดยจะมีฟีเจอร์เพิ่มเติมจากคลัง อี-บุ๊ก เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมาย ป.1-ม.6 และยังสร้างเกมเพื่อมาเสริมทักษะให้ได้ทั้งความรู้และความสนุก ปัจจุบันสามารถใช้งานทั้ง อี-บุ๊ก วิดีโอ แบบฝึกหัดที่มีมากกว่า 5,000 เรื่อง และจะมีการเพิ่มคอนเทนต์ใหม่ทุกสัปดาห์ ซึ่งขณะนี้กลุ่มโรงเรียนที่สนใจซื้อแล้ว 600 สมาชิก คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมียอดการใช้งานประมาณ 10,000 สมาชิก

ส่วนแอพพลิเคชั่นซีล นิวส์ (Zeal News) เพื่อรองรับการเข้าถึงข่าวสารและความรู้ในระดับองค์กร เน้นกลุ่มเป้าหมาย อบต. อบจ. เพื่อตอบรับพฤติกรรมการเข้าถึงข้อมูลผ่านมือถือของประชาชนในท้องถิ่น โดยซีล นิวส์ เป็นบริการในลักษณะ SAS (Software as a Service) ครบวงจรการแจ้งข่าวสารผ่านมือถือ ด้วยรูปแบบคลังเนื้อหาอิเล็กทรอนิกส์ที่หน่วยงานท้องถิ่นสามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นห้องสมุดดิจิตอลของชุมชน

สำหรับแอพพลิเคชั่นซีล บุ๊ก (Zeal Books) เป็นระบบคลังหนังสือออนไลน์สำหรับองค์กรที่ต้องการมีระบบบริหารจัดการหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือองค์ความรู้ที่มีอยู่แล้วให้อยู่ในรูปคลังความรู้และสามารถใช้งานบนอุปกรณ์แท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟน รองรับการใช้งานที่หลากหลายของเนื้อหา อาทิ อีบุ๊ก วิดีโอ การแจ้งข่าวทั้งในรูปแบบข้อความและภาพ เป็นต้น.

บิ๊กไซส์มาแรง! ลือแอปเปิล iPhone 7S Pro จอใหญ่ถึง 5.8นิ้ว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/588091

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 มี.ค. 2559 06:05

 

(ภาพประกอบไอโฟน : REUTERS)

DigiTimes รายงานข่าวลือ แอปเปิลอาจจะเสนอตัวเลือกสำหรับสมาร์ทโฟนที่มีจอขนาดใหญ่ ที่จะเปิดตัวในปี 2017 นี้ ในชื่อ ไอโฟน 7เอส โปร (iPhone 7S Pro) ที่มีจอภาพแบบ OLED ขนาด 5.8 นิ้ว…

เว็บไซต์ ดิจิตอลเทรนด์ส รายงานข่าวลือโดยอ้างของมูลของ DigiTimes ว่า แอปเปิลอาจจะเสนอตัวเลือกสำหรับสมาร์ทโฟนที่มีจอขนาดใหญ่ ที่จะเปิดตัวในปี 2017 นี้ โดยคาดว่าจะมาในชื่อ ไอโฟน 7เอส โปร (iPhone 7S Pro) โดยนับว่ามีขนาดใหญ่มากกว่ารุ่นปัจจุบันที่วางขายคือ ไอโฟน 6เอส ที่มีขนาดจอ 5.5 นิ้ว โดยผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะออกมาในปี 2017 จะประกอบด้วย ไอโฟน 7S ขนาดจอ 4.7 นิ้ว และ ไอโฟน 7เอส พลัส ขนาดจอ 5.5 นิ้ว และไอโฟน 7เอส โปร ที่มีหน้าจอ 5.8 นิ้วตามที่ลือมา

รายงานยังระบุว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่นี้คาดว่าจะออกมา หลังปี 2018 หรือปีเดียวกับไอโฟน 8 ออกมาก็ได้ โดยมีรายงานว่าซัมซุงพร้อมในการผลิตแผงบอร์ดจอแสดงผล เช่นเดียวกับแอลจี และ ผู้ผลิตในญี่ปุ่น ก็กำลังเตรียมเข้าสู่สายการผลิตทันทีเมื่อเริ่มกระบวนการ

สำหรับจอภาพขนาด 5.8 นิ้วคาดว่าจะใช้จอแบบ OLED โดยคาดว่าแอปเปิลจะมีการเปลี่ยนจากเดิมที่ใช้จอ LED โดยจอแบบ OLED จะมีความสว่างกว่า สีสันสดใสกว่า และใช้พลังงานน้อยกว่าจอแบบเดิม.

ที่มา : digitaltrends

แนะนำ สมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ก กล้องดิจิตอล รุ่นโดนๆ รับปิดเทอมใหญ่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/588054

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 9 มี.ค. 2559 07:30

 

แนะนำผลิตภัณฑ์สินค้าไอที และ แก็ดเจ็ตโดนๆ ที่น่าสนใจในช่วงปิดเทอมใหญ่ปี 59 ทั้งผู้ใช้งานตามบ้าน นักเรียน นักศึกษา ธุรกิจขนาดเล็ก ไปจนถึงนักธุรกิจ มืออาชีพ…

เพราะว่าจอใหญ่นั้นได้เปรียบ Lenovo PHAB แฟบเล็ตของค่ายเลอโนโว สำหรับคนต้องการความบันเทิงเต็มอิ่ม มาพร้อมความสามารถครบครัน เพื่อตอบโจทย์ทุกการใช้งานด้วยหน้าจอ HD ขนาด 6.98 นิ้ว ที่จะมอบประสบการณ์ความบันเทิง ทั้งดูหนังและฟังเพลงที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ, วิดีโอ, ภาพยนตร์ หรือเกม แถมยังมีระบบลำโพงแบบพลังเสียงจาก Dolby ATMOS จะทำให้ฟังเสียงได้รอบทิศทาง นอกจากนี้ ยังมีไมโครโฟนแบบ 3 Mic Array ที่จะช่วยตัดเสียงรบกวนและรองรับพลังเสียงกว้างถึง 360 องศาอีกด้วย ส่วนเรื่องความแรง ก็มากับระบบประมวลผล Qualcomm Snapdragon 410 Quad-core 1.2GHz ปฏิบัติการบนระบบ Android 5.1 Lollipop และหน่วยความจำ 2GB LP-DDR3 รองรับหน่วยความจำเสริมแบบ Micro SD card สูงสุดถึง 64GB

Lenovo PHAB

แฟบเล็ตจอ HD ขนาด 6.98 นิ้วจากค่ายเลอโนโว

ด้วยการออกแบบที่เข้าใจผู้ใช้งาน ทำให้มีฟีเจอร์สำหรับการใช้งานมือเดียว รองรับการใช้งานสำหรับผู้ใช้ที่ถนัดทั้งมือซ้ายและมือขวา ผู้ใช้สามารถกดย้ำสองครั้งเพื่อเปิดหน้าจอ กดค้างบนหน้าจอส่วนใดก็ได้เพื่อถ่ายภาพ เขย่าเพื่อล็อก สร้างแป้นพิมพ์สำหรับการพิมพ์มือเดียว และยังสามารถรับสายผ่านการสั่งด้วยเสียงด้วย มีสีสันให้เลือกถึง 3 สี ได้แก่ สีฟ้า, สีดำ และ สีขาว ทั้งหมดนี้จ่าย 8,000 บาทมีทอน

ค่ายสมาร์ทโฟนน้องใหม่ โอบิ (Obi) จากซิลิคอน วัลเล่ย์ กับผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุด MV1 ออกมาจับตลาดกลุ่มคนหนุ่มสาววัยทำงานในประเทศไทย ซึ่งยังคงใช้เทคโนโลยีอันทรงพลังที่จับคู่กับดีไซน์สุดเฉียบ ตามปรัชญาที่ฝังรากลึกของโอบิ ในการออกแบบรูปทรงอันทันสมัย ด้วยหน้าจออันเป็นเอกลักษณ์ที่ได้รับการพัฒนาของ MV1 และตัวเครื่องที่พอดีกับฝ่ามือ พร้อมรองรับ 4G LTE ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ระบบสองซิมการ์ด โดย MV1 มอบภาพกราฟิกในระดับพรีเมียม การดาวน์โหลดที่รวดเร็ว และการใช้งานที่ลื่นไหลด้วยหน่วยการประมวลผลโปรเซสเซอร์ Qualcomm quad-core 1.3 GHz. มาพร้อมกับ ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ Lollipop 5.1 และ Cyanogen OS 12.1.1 ที่เป็นระบบปฏิบัติการล่าสุดจาก Cyanogen พร้อมกับ RAM ขนาด 1GB และพื้นที่เก็บข้อมูลภายในเครื่อง 16 GB นอกจากนี้โอบิยังมีรุ่น RAM 2GB ด้วยเช่นกัน สมาร์ทโฟน MV1 มีทั้งหมดสามสี ได้แก่ สีแดง ขาว และดำ คุ้มค่าเกินราคาไม่เกิน 5,000 บาท

สมาร์ทโฟนน้องใหม่ โอบิ (Obi) รุ่น MV1

Dell Inspiron 15 7000 Series เวอร์ชั่นปี 2016 โน้ตบุ๊กเพื่อการเกมมิ่งและงานกราฟฟิก แม่จะออกมาพักใหญ่ แต่สื่อนอกหลายสำนักยังยอมรับในความคุ้มค่าแลกกับเงินที่จ่าย มาพร้อมหน่วยประมวลผลอินเทล โปรเซสเซอร์ 6th generation แบบแบบควอดคอร์ พร้อม ฮาร์ดไดรฟ์ให้เลือกแบบ Solid State Disk (SSD) ขนาด 128 GB และแบบ Hybrid ขนาด 1TB แสดงภาพสวยคมชัดเพื่อคอกราฟิกด้วยหน้าจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียดสูงสุดแบบ UHD 4K ทั้งยังสามารถเลือกโหมดหน้าจอ Touch Screen อัดแน่นความสามารถด้วยการ์ดจอแยก The NVIDIA GeForce GTX 960M และสุดยอดนวัตกรรมทรงพลังเสียงด้วย Wave Maxx Audio Pro ที่มาพร้อมกับ Subwoofer  Hard disk ความจุมหาศาลขนาด 1TB และแรงสุดๆ กับ RAM สูงสุดถึง 16 GB ใช้ได้นานไม่กลัวร้อนเพราะมากับระบบระบายความร้อนระดับมืออาชีพ ทั้งหมดนี้ในราคาไม่เกิน 800 เหรียญสหรัฐฯ

Dell Inspiron 15 7000 Series เวอร์ชั่นปี 2016

Dell Vostro 5459 คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเพื่อนักธุรกิจยุคใหม่บางเบาพกพาได้สะดวก ดีไซน์ให้สวยหรูบางเฉียบเพียง 18.45 มิลลิเมตร และน้ำหนักเพียง 1.67 กิโลกรัมเท่านั้น สวยงามด้วย Brushed aluminum สองเฉดสีสองสไตล์ให้เลือกคือ Era Grey กับ Jingle Gold อัจฉริยะด้วยหน่วยประมวลผลล่าสุด 6th generation Intel Core processors สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วด้วย Hard drive แบบ hybrid และมีหลากหลายความจุให้เลือกตามต้องการ อัดแน่นความสามารถด้วยการ์ดจอแยก NVIDIA(R) GeForce 930M 4GB GDDR3 พร้อมภาพสวยคมชัดด้วยหน้าจอ 14 นิ้ว ความละเอียดคมชัดระดับ Full HD สีสันสดสวยด้วย IPS technology ทั้งยังสามารถเลือกให้หน้าจอ Touch Screen ได้อีกด้วย Dell Vostro 5459 ช่วยให้ทุกการเชื่อมต่อเป็นเรื่องง่าย เพราะให้พอร์ตเชื่อมต่อมาอย่างจุใจทั้ง USB 3.0 สามพอร์ต, HDMI 1.4, Ethernet, SD card reader หรือการเชื่อมต่อแบบไร้สายกับความเร็ว Wireless แบบ 802.11 ac technology และนวัตกรรมสุดยอดความปลอดภัยของข้อมูลด้วย Fingerprint reader และ Windows 10 Hello biometric recognition ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการล่าสุด Windows 10

คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก Dell Vostro 5459

แก็ดเจ็ตด้านความปลอดภัยที่ใช้เทคโนโลยีคลาวด์ กล้องวงจรปิด HD Day/Night Cloud Camera, 300Mbps Wi-Fi รุ่น NC250 ตัวใหม่ล่าสุดจากทีพี-ลิงค์ ที่มีความละเอียดสูง สามารถดูภาพได้อย่างชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน ทั้งยังสามารถขยายสัญญาณ Wi-Fi ได้ถึง 300Mbps ถือเป็นหนึ่งในสินค้าโซลูชั่น cloud camera ที่มีความละเอียดสูงตัวใหม่ล่าสุด ใช้งานง่าย ด้วยความคมชัดระดับ HD มีฟังก์ชั่นตรวจจับภาพเคลื่อนไหว (Motion detector) และตรวจจับเสียง (Audio detector) ตอบโจทย์การรักษาความปลอดภัยภายในบ้านอย่างลงตัว เพียงแค่โหลดแอพพลิเคชั่น tpCamera ผ่านทาง AppStore ในระบบ iOS หรือ Googleplay ในระบบ Android

สำหรับกล้องจับภาพของรุ่น NC250 มีความละเอียดสูงถึง 720p ด้วยเซนเซอร์ progressive scan CMOS ขนาด 0.25 นิ้ว ที่ ทำให้สามารถจับภาพได้สีสดและชัดเจนยิ่งขึ้น ด้วยวิดีโอความละเอียดสูง ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดได้อย่างชัดเจนทั้งในเวลากลางวันและกลางคืนแบบ อัตโนมัติจะทำให้คุณสบายใจถึงแม้ว่าจะอยู่ในบริเวณที่มีแสงน้อย โดยกล้องจะเปลี่ยนจากโหมดสีสดในเวลากลางวัน ไปเป็นโหมดขาว-ดำในเวลากลางคืนโดยอัตโนมัติ ซึ่งฟังก์ชั่นการมองเห็นในที่มืดทำให้กล้อง NC250 สามารถให้ภาพที่ชัดเจนทุกรายละเอียดในระยะไกลถึง 18 ฟุตในสถานที่ที่มืดสนิท

กล้องวงจรปิด HD Day/Night Cloud Camera, 300Mbps Wi-Fi รุ่น NC250 ของ TP-LINK

ยิ่งไปกว่านั้น ผลิตภัณฑ์ Cloud Camera รุ่น NC250 ยังให้เสียงที่ดีมีคุณภาพด้วยไมโครโฟน ช่วยให้ผู้ใช้ได้ยินเสียงต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบๆ บริเวณที่ติดตั้งกล้อง ไม่ว่าในขณะนั้น ผู้ใช้งานจะอยู่ที่ไหนก็ตาม โดยทั้งตัวกล้องและไมโครโฟนจะมีฟังก์ชั่น alert ที่คอยเตือนเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น นอกจากการให้ระบบรักษาความปลอดภัยอันดีเยี่ยมแล้ว กล้อง NC250 ยังสามารถขยายสัญญาณ Wi-Fi ได้ถึง 300Mbps ซึ่งจะทำให้สัญญาณ Wi-Fi จากเราเตอร์ต้นทางนั้นครอบคลุมไปยังพื้นที่ที่กว้างขึ้นและเพิ่มความเร็วได้มากที่สุดถึง 300Mbps เลยทีเดียว

มาถึงกล้องดิจิตอลเอาใจคนรักการถ่ายภาพ ค่ายนิคอน ก็นำกล้องดิจิตอลตระกูลใหม่ “D” ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกลุ่มช่างภาพนิคอนมืออาชีพ ในชื่อซีรีส์ DL นั้นได้มาจากลักษณะอันเป็นตำนานของกล้อง DSLR ของนิคอน ส่วนตัว “L” นั้นสื่อถึงความโดดเด่นในเรื่องของเลนส์ เพราะมีการนำเอาเทคโนโลยีเลนส์ NIKKOR ระ ดับพรีเมี่ยมมาใช้กับกล้องเหล่านี้ และถือเป็นหัวใจสำคัญที่สร้างความแตกต่างให้กับกล้องในซีรีส์นี้ซึ่งมีอยู่ ด้วยกันสามรุ่นใหม่ ได้แก่ DL18-50mm f/1.8-2.8, DL24-85mm f/1.8-2.8 และ DL24-500mm f/2.8-5.6 โดยแต่ละรุ่นนั้นจะใช้กลุ่มเลนส์ NIKKOR ที่แตกต่างกันไป เพื่อรูปแบบการถ่ายภาพที่แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์สำหรับแต่ละรุ่น

กล้องนิคอน รุ่น DL18-50mm f/1.8-2.8

กล้องนิคอน รุ่น DL24-85mm f/1.8-2.8

กล้อง DL18-50mm f/1.8-2.8 มาพร้อมเลนส์ซูมแบบ ultra-wide-angle ขนาด 18-50มม. ที่สามารถปรับขนาดรูรับแสงกว้างสุดได้สว่างสุดและเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของ NIKKOR ในขณะที่กล้อง DL24-85mm f/1.8-2.8 นั้นจะมาพร้อมเลนส์ซูมปกติขนาด 24-85มม. ที่รวดเร็ว ให้การเลือนฉากหลังที่สวยงามและมีประสิทธิภาพการซูมระดับซุปเปอร์มาโคร ตบท้ายด้วยกล้อง DL24-500mm f/2.8-5.6 ที่ใช้เลนส์ ultra-zoom ที่ให้ระดับความละเอียดภาพที่เหนือชั้นกว่าในทุกช่วงทางยาวโฟกัส สูงสุดไปจนถึงระดับ super-telephoto ขนาด 500 มม.

กล้อง นิคอนรุ่น DL24-500mm f/2.8-5.6

เวสเทิร์น ดิจิตอล (WD) เปิดตัวกลุ่มฮาร์ดไดรฟ์ที่มีความจุสูงสุดถึง 8TB เน้นเจาะตลาดระบบ NAS และการใช้งานภายนอกบนเดสก์ท็อป สนองตอบความต้องการของตลาดที่นิยมจัดเก็บข้อมูลแบบรวมศูนย์มากขึ้น ระบบงานที่อุดมไปด้วยคอนเทนต์ปริมาณมหาศาลของกลุ่มบริษัทต่างๆ รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยผ่านกล้องวิดีโอวงจรปิด ของธุรกิจขนาดเล็กและกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป อันเป็นปัจจัยสำคัญกระตุ้นความต้องการด้านความจุ เพื่อจัดเก็บข้อมูลที่มีมากขึ้นๆ เป็นเงาตามตัว

ฮาร์ดไดรฟ์ เวสเทิร์น ดิจิตอล ที่มีความจุสูงสุดถึง 8TB (WD Purple)

ฮาร์ดไดรฟ์ เวสเทิร์น ดิจิตอล ที่มีความจุสูงสุดถึง 8TB (WD RED)

โดยฮาร์ดไดรฟ์รุ่นใหม่ของ WD จะออกมาตลอดช่วงครึ่งปีแรกของปี 2016 นี้ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลในตระกูล My Cloud (My Cloud, My Cloud Mirror, My Cloud EX2 Ultra) ฮาร์ดไดรฟ์แบบติดตั้งภายนอกในตระกูล My Book (My Book, My Book สำหรับ Mac, My Book Duo และ My Book Pro) ฮาร์ดไดรฟ์ WD Red, WD Red Pro และ WD Purple ทั้งหมดนี้จะได้รับการออกแบบด้วยการกำหนดค่าคอนฟิกที่ความจุสูงระดับใหม่ โดยที่ระบบจัดเก็บข้อมูลแต่ละระบบจะมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ใช้ก๊าซฮีเลียม HelioSeal บรรจุในฮาร์ดไดรฟ์ใหม่ขนาดความจุ 8TB เพื่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลในระดับสูงสุดของการใช้งาน ตามการออกแบบของฮาร์ดไดรฟ์แต่ละรุ่น.

เทียบให้ชัด! อวดคุณสมบัติเด็ด ‘กาแล็คซี่ เอส7’ มั่นใจ ‘ไอโฟน 6เอส’ สู้ไม่ได้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/586250

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 8 มี.ค. 2559 13:05

 

เอาใจสาวกซัมซุง กับการเปรียบเทียบ 7 คุณสมบัติระหว่าง กาแล็คซี่ เอส7 กับ ไอโฟน 6เอส ในแบบที่ซัมซุงมั่นใจว่าทำได้ดีจนไอโฟนเทียบไม่ติด…

กลายเป็นธรรมเนียมก็ว่าได้…สำหรับการเปรียบเทียบคุณสมบัติที่น่าสนใจของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ประเภทที่เรียกว่าเทียบกันแบบรุ่นต่อรุ่น! โดยเฉพาะ 2 แบรนด์คู่แข่งคู่อาฆาตอย่าง ไอโฟน และ ซัมซุง แน่นอนว่าทางฟากของซัมซุงที่เพิ่งเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ได้ไม่นาน การเปรียบเทียบคุณสมบัติอันโดดเด่นของแต่ละรุ่นจึงต้องเกิดขึ้น!

สำหรับการเปรียบเทียบในครั้งนี้ คล้ายเป็นการถล่มไอโฟน 6เอส แบบแสบๆ คันๆ เพราะเป็นการนำเสนอ 7 คุณสมบัติพิเศษของกาแล็คซี่ เอส7 ที่ไอโฟนทำไม่ได้! ส่วน 7 เรื่องที่ว่าจะมีอะไรบ้าง เราชวนให้คุณดูไปพร้อมกัน…!

1. กันน้ำ
เพราะกาแล็คซี่ เอส7 นั้นเปิดตัวมาพร้อมกับคุณสมบัติอยู่ใต้น้ำได้นาน 30 นาที โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ป้องกัน ในขณะที่ไอโฟนไม่ว่ารุ่นใดก็ไม่สามารถใช้งานในน้ำ หรือกันน้ำได้เลย

กาแล็คซี่ เอส7 กันน้ำได้แล้ว!!!

2. หน้าจอพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
สำหรับการเปรียบเทียบในครั้งนี้ยกตัวอย่างการใช้งานที่ไม่ต้องกดปุ่มใดๆ ที่หน้าจอ เพื่อดูเวลา ดูปฏิทิน หรือดูการแจ้งเตือนต่างๆ เพราะหน้าจอของกาแล็คซี่ เอส7 จะยังคงพร้อมใช้งานให้คุณเสมอ โดยซัมซุงยืนยันว่าคุณสมบัติดังกล่าวนั้นสิ้นเปลืองพลังงานน้อยที่สุด แทบจะไม่ส่งผลอะไรต่อแบตเตอรี่ ในขณะที่ผู้ใช้ไอโฟนจะต้องปลดล็อกและแตะเพื่อเข้าถึงการแจ้งเตือน

3. ชาร์จแบบไร้สาย
ซัมซุงพยายามทำให้ทุกที่เหมาะสำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ จากคุณสมบัติชาร์จไร้สายภายใต้ระยะเวลาอันรวดเร็ว และแน่นอนว่าไอโฟนยังไม่ตอบโจทย์ดังกล่าว เนื่องจากยังใช้การชาร์จในรูปแบบเดิมๆ

4. ซัมซุง เพย์
เรื่องนี้ซัมซุงบอกว่าไม่เหมือนกับ แอปเปิล เพย์ เพราะทำงานด้วยเทคโนโลยีการชำระเงินอันทันสมัยด้วย โดยไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์พิเศษ ขณะที่แอปเปิล เพย์ ใช้เทคโนโลยี NFC ซึ่งเป็นเพียงระบบการชำระเงินที่พัฒนาขึ้นจากช่องทางเดิมและยังใช้งานอยู่ในวงแคบเท่านั้น

เรื่องการชาร์จแบตและสายชาร์จของไอโฟน เป็นประเด็นที่คู่แข่งนำมาโจมตีอยู่เสมอ

5. กล้องที่โฟกัสได้รวดเร็ว
ระบบโฟกัสของกล้องในกาแล็คซี่ เอส7 นั้น มีการโฟกัสที่รวดเร็วในแทบจะทันทีที่เปิดกล้องถ่ายภาพ ในขณะที่ไอโฟน 6เอส ใช้เวลามากกว่าเล็กน้อย

6. ถ่ายภาพในที่แสงน้อย
กาแล็คซี่ เอส7 ทำได้ค่อนข้างดีสำหรับการถ่ายภาพในช่วงกลางคืนหรือในที่แสงน้อย เนื่องจากเลนส์ที่สามารถเปิดรับแสงได้ที่ F-Stop 1.7 ถือเป็นจุดเด่นประการหนึ่งเมื่อเทียบกับกล้องถ่ายภาพสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ขณะที่ไอโฟนนั้นมีค่าที่ดีที่สุดอยู่ที่ 2.2 ในรุ่นไอโฟน 6เอส พลัส (กรณีนี้ยิ่งตัวเลขต่ำเท่าไหร่ยิ่งดี)

7. เพิ่มหน่วยความจำได้
เป็นที่รู้กันว่า ซัมซุงได้คืนคุณสมบัติในการเพิ่มพื้นที่ความจำให้กับ กาแล็คซี่ เอส7 ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มพื้นที่โดยใช้ MicroSD Card เพื่อทำให้เครื่องมีหน่วยความจำเพิ่มได้ถึง 200GB ในขณะที่ไอโฟนนั้นมีหน่วยความจำให้เลือกที่ 16GB, 64GB, 128GB และไม่สามารถเพิ่มได้อีก

เรื่องของการเพิ่มหน่วยความจำ ก็เป็นอีกประเด็นที่แฟนไอโฟนเรียกร้องให้แอปเปิลพัฒนา

ชมวิดีโอเปรียบเทียบ “7 คุณสมบัติพิเศษของกาแล็คซี่ เอส7 ที่ไอโฟนทำไม่ได้!” ที่นี่.

แล้วคุณล่ะ คิดว่ารุ่นไหนคุณสมบัติน่าสนใจกว่ากัน…!!!
ที่มา : Tech Insider

เฟ้นหัวกะทิ ดีแทคสานต่อ ‘แอคเซอเลอเรทปี 4’ หนุนสตาร์ตอัพไทยโชว์ฝีมือเวทีโลก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/586132

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 5 มี.ค. 2559 13:05

 

เปิดตัวโครงการ Dtac Accelerate ปีที่ 4 หวังปั้นสตาร์ตอัพไทยโชว์ผลงานบนเวทีระดับโลก พร้อมติดอาวุธการทำธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยี เผยมูลค่าลงทุนกลุ่มสตาร์ตอัพไทยโตต่อเนื่อง…

นายแอนดริว กวาลเซท รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม Strategy และ Innovation บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค เปิดเผยว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจสตาร์ตอัพ (ผู้ประกอบการรายใหม่) ​เติบโตอย่างรวดเร็วและมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมา พบว่ามีการลงทุนในกลุ่มสตาร์ตอัพไทยถึง 35-40 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,260-1,440 ล้านบาท) ซึ่งในปีนี้อาจมีมูลค่าการลงทุนถึง 50 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,800 ล้านบาท)

บริษัทเล็งเห็นการเติบโตในธุรกิจสตาร์ตอัพ จึงให้ความสำคัญและมุ่งสร้างสตาร์ตอัพ อีโคซิสเต็มส์ (Startup Ecosystem) โดยก่อตั้งโครงการดีแทค แอคเซอเลอเรทเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา และตั้งเป้าหมายในปี 2559 เพื่อยกระดับดีแทค แอคเซอเลอเรท สู่เวทีสตาร์ตอัพโลก

“ดีแทค แอคเซอเลอเรท เติบโตอย่างต่อเนื่องและถือเป็นโครงการบ่มเพาะสตาร์ตอัพอันดับ 1 ของไทย จากผลงานการสร้างธุรกิจให้กับ 11 ทีมที่เข้าร่วมโครงการตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จนประสบความสำเร็จและสามารถขยายสู่ตลาดต่างประเทศได้”

นายสมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมธุรกิจและดีแทค แอคเซอเลอเรท กล่าวว่า แนวโน้มแอพพลิเคชั่นยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปี ในทุกกลุ่ม อาทิ FinTech การเงิน, HealthTech เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุและผู้ใส่ใจสุขภาพ, EdTech ช่วยพัฒนาการศึกษา, VR Technology เทคโนโลยีเสมือนจริง, IoT (Internet of Thing) การเชื่อมโยงอุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน และ AgriTech ด้านการเกษตร ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวถือเป็นโอกาสของสตาร์ตอัพไทย

“เราอยากให้มีแอพพลิเคชั่นฝีมือคนไทยที่สามารถให้บริการได้ในระดับโลก โดยเฉพาะปัจจุบันที่กลุ่ม EdTech และ HealthTech ยังไม่ค่อยมีผลงานจากกลุ่มสตาร์ตอัพไทย ทำให้ดีแทค แอคเซอเลอเรท ปีที่ 4 ต้องการผลักดันให้เกิดผลงานระดับโลก ซึ่งบริษัทได้ใช้งบประมาณสนับสนุนโครงการดังกล่าว 60-70 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณสำหรับทำตลาดราว 30-40 ล้านบาท”

สำหรับผลงานของสตาร์ตอัพภายใต้โครงการดีแทค แอคเซอเลอเรท ที่ผ่านมานั้น พบว่าเติบโตขึ้น 3-15 เท่า ด้วยมูลค่าราว 1,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนกว่า 70% ที่ได้รับเงินลงทุน ขณะที่สตาร์ตอัพในตลาดได้รับเงินลงทุนเฉลี่ย 20% ทั้งยังได้รับการลงทุนจากนักลงทุนรายใหญ่ อาทิ 500 TukTuks เป็นต้น รวมถึงกลุ่มสตาร์ตอัพไทยที่ได้รับรางวัลต่างๆ จากเวทีทั้งในและต่างประเทศ เช่น เคลมดิ (ClaimDi) ซอฟต์แวร์ที่ปฏิวัติวงการประกันภัยระดับโลก, ทีม GizTix ทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ Winner award และ Z my Home, Take Me Tour ที่ได้รับการยกย่องจาก e27 ให้ติด 1 ใน 5 แอพ TravelTech ในเอเชีย, SKOOTAR สตาร์ตอัพหน้าใหม่ของปี 2558 จากการจัดอันดับในประเทศไทย เป็นต้น

ส่วนโอกาสและรางวัลสำหรับสตาร์ตอัพที่ได้รับรางวัล ได้แก่ หลักสูตรการสอนในบูธแคมป์ระดับโลก จากกูรูแถวหน้าของซิลิคอน วัลเล่ย์ ที่บินมาสอน และแนะนำเป็นโค้ชอย่างใกล้ชิดแบบตัวต่อตัว, การลงทุนกว่า 10 ล้านบาท และช่วยสนับสนุนการทำธุรกิจเชิงพาณิชย์รวมมูลค่าราว 50 ล้านบาท, เมนเทอร์สตาร์ตอัพที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นที่ยอมรับในวงการสตาร์ตอัพไทย เช่น อริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลน์ ประเทศไทย ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ซีอีโอและผู้ก่อตั้งอุ๊คบี ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ซีอีโอตลาดดอทคอม กิตตินันท์ อนุพันธ์ ซีอีโอและผู้ก่อตั้งเคลมดิ ไผท ผดุงถิ่น ซีอีโอ Builk และทิวา ยอร์ค ซีอีโอ KaiDee, ความร่วมมือกับพันธมิตรอย่างดิจิ มาเลเซีย และเทเลนอร์ พม่า ซึ่งจะเข้าอบรมบูธแคมป์ในประเทศไทยตลอด 4 เดือน, ความร่วมมือกับ Disrupt University เอ็กซ์คลูซีฟพาร์ทเนอร์ของ 500 สตาร์ตอัพจากซิลิคอน วัลเล่ย์ ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ของสตาร์ตอัพแคมป์ระดับโลก, เป็นพันธมิตรกับแบล็คบ็อกซ์ (BlackBox) บูธแคมป์ที่ได้รับความนิยมจากสตาร์ตอัพทั่วโลก, ความร่วมมือกับเทเลนอร์ ดิจิทัล วินเนอร์ ซึ่งจะได้นำเสนอแผนธุรกิจกับนักลงทุนระดับโลก เช่น อินเทล เว็นเจอร์ แคปปิตอล ในนอร์เวย์

อย่างไรก็ตาม ดีแทค แอคเซอเลอเรท ปีที่ 4 เปิดรับสมัครผลงานตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.-17 เม.ย.2559 โดยผู้สนใจสามารถส่งผลงานโดยนำเสนอแนวคิด แผนการดำเนินงาน วิธีการใช้งาน การสร้างรายได้ กลุ่มเป้าหมาย ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ โดยดูรายละเอียดและกรอกใบสมัครได้ที่เว็บไซต์ของโครงการ.

ความอยากรู้คือช่องโหว่! เตือนแอพปลอมระบาด หวังลวงข้อมูล-ทรัพย์ผ่านมือถือ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/585657

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 4 มี.ค. 2559 11:05

 

เทรนด์ไมโคร เตือนผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนระวังแอพพลิเคชั่นปลอม หลังอาชญากรออนไลน์พุ่งเป้าโจมตีผ่านมือถือมากขึ้น ทำไวรัสบนมือถือพุ่งแซงหน้าคอมพิวเตอร์…

นางปิยธิดา ตันตระกูล ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เทรนด์ ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าแนวโน้มภัยคุกคามออนไลน์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะยุคที่สมาร์ทโฟนได้รับความนิยม เนื่องจากมีการใช้งานแอพพลิเคชั่นและอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ ซึ่งทำให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยจากการใช้งานของผู้บริโภค

“ปัจจุบันช่องทางโจมตีของอาชญากรออนไลน์ อาศัยความอยากรู้อยากเห็นของผู้ใช้งานเป็นหลัก ทั้งการล่อลวงไปสู่เว็บไซต์ไม่พึงประสงค์ โจมตีผ่านแอพพลิเคชั่นปลอม เป็นต้น ซึ่งทำให้ง่ายต่อการทำให้ติดไวรัสและมัลแวร์ต่างๆ โดยสถิติของเทรนด์ไมโครพบว่า ยังเป็นการโจมตีจากไวรัสประเภทเดิมๆ เพียงแต่เปลี่ยนเทคนิคการโจมตี”

สำหรับความรู้ความเข้าใจต่อเรื่องความปลอดภัยทางข้อมูลนั้น ปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐของไทยยังมองว่า ระบบไอทีเป็นเพียงเครื่องมือประเภทหนึ่งในการทำงาน แต่ยังไม่ให้ความสำคัญต่อระบบการรักษาความปลอดภัยด้านข้อมูล ซึ่งมีมูลค่าต่อการดำเนินงานและธุรกิจอย่างมาก ส่วนเป้าหมายการโจมตีของอาชญากรออนไลน์นั้น พบว่าหน่วยงานภาครัฐ ธนาคาร และผู้ใช้งานทั่วไปที่ใช้โมบายดีไวซ์เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต หรือใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์ ยังคงตกเป็นเป้าหมายหลักในการพุ่งเป้าโจมตี โดยพบว่าปัจจุบันมีไวรัสบนสมาร์ทดีไวซ์มากกว่าบนพีซีแล้ว

อย่างไรก็ตาม โอกาสที่ทำให้ผู้บริโภคตกเป็นเหยื่อของอาชญากรทางออนไลน์นั้น เกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ตบนอุปกรณ์ที่ไม่ปลอดภัย หรือใช้อุปกรณ์ที่ไม่ใช่เครื่องของตนเอง ทำให้อาจลืมออกจากระบบจนผู้อื่นสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวได้ หรือติดไวรัสจากการใช้งานอุปกรณ์ที่ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล เป็นต้น ส่วนมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น พบว่ามีทั้งรูปแบบที่สร้างความเสียหายทันที อาทิ การเรียกค่าไถ่เพื่อแลกเปลี่ยนกับข้อมูลสำคัญ หรือเกิดความเสียหายจากผลกระทบที่ตามมา เช่น ถูกโจรกรรมข้อมูลสำคัญทางธุรกิจและเกิดการรั่วไหล

“แม้การโจมตีผ่านสมาร์ทดีไวซ์จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่อัตราการโจมตีผู้ใช้งานในไทยยังคงอยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับในเวียดนาม เนื่องจากปัจจุบันมีแอพพลิเคชั่นปลอมถูกสร้างขึ้นเพื่อลวงข้อมูล และแพร่ไวรัสสู่ผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก คำแนะนำสำหรับผู้ใช้งานสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ คือ ไม่ควรใช้บริการลงแอพพลิเคชั่นแบบเถื่อนจากร้านค้าทั่วไป หากเป็นแอพเสียเงินก็ควรติดตั้งด้วยวิธีที่ถูกต้อง คือเสียเงินเพื่อดาวน์โหลด ไม่ควรทำการปลอดล็อกเครื่องหรือที่เรียกว่า การเจลเบรก หรือตรวจสอบรายละเอียดของนักพัฒนา หรือบริษัทผู้พัฒนาก่อนดาวน์โหลดแอพทุกครั้ง เมื่อไม่ได้ใช้งานแอพพลิเคชั่นใดก็ควรลบออกจากเครื่อง และใช้งานแอพพลิเคชั่นความปลอดภัยบนมือถือ หรือเมื่อต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวบนเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นใด ก็ต้องตรวจสอบให้ดี และใช้งานบนเครื่องที่เชื่อถือความปลอดภัยได้ทุกครั้ง”

ส่วนแนวโน้มการโจมตีของอาชญากรออนไลน์ในปี 2559 นั้น เชื่อว่าอาชญากรยังคงมองหาวิธีใหม่ๆ เพื่อโจมตีตามกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะการโจมตีผ่านระบบออนไลน์ ส่งผลให้มัลแวร์ประเภทโมบายอาจเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านประเภท ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานในประเทศจีนเป็นหลักผ่านช่องโหว่ในการทำธุรกรรมบนมือถือ เนื่องจากสมาร์ทโฟนถูกใช้เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันมากขึ้น ขณะที่ภาคธุรกิจเริ่มให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยข้อมูลบนองค์กรมากขึ้น แต่มีองค์กรไม่ถึง 50% ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล.

เน็ตมือถือหนุนช็อปออนไลน์! วีเลิฟช็อปปิ้งทุ่ม 900 ล้านบาท ตอบโจทย์นักซื้อ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/584606

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 1 มี.ค. 2559 16:38

 

กลุ่มแอสเซนด์ประกาศลงทุน 5,300 ล้านบาทในปีนี้ พร้อมพัฒนาระบบใช้งานเน้นสร้างความเชื่อมั่นในการซื้อขายออนไลน์พ่วงความสะดวก หวังรักษาแชมป์ 2 เว็บ Weloveshopping และ iTruemart ออเดอร์สูงสุดในตลาด…

นายสืบสกล สกลสัตยาทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอสเซนด์ คอมเมิร์ซ จำกัด ผู้ให้บริการเว็บไซต์วีเลิฟช็อปปิ้ง และเว็บไซต์ไอทรูมาร์ท เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้ทำการรีแบรนด์และพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมถึงรองรับความต้องการของผู้ประกอบการที่ต้องการปรับตัวเข้าหาลูกค้า ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือกว่า 56% ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เกิดการใช้งานอี-คอมเมิร์ซช่องทางหนึ่ง แม้ว่าสัดส่วนการค้าปลีกออนไลน์ในไทยมีสัดส่วนเพียง 1% ของตลาดรวมค้าปลีกทั้งหมด ซึ่งมีมูลค่าราว 2 ล้านล้านบาท ขณะที่จีนมีสัดส่วน 9-11% สหรัฐอเมริกา 8% และสหภาพยุโรป 6-8%

สืบสกล สกลสัตยาทร

“ปัจจุบันเราถือเป็นผู้นำด้านตลาดกลางสำหรับซื้อขายสินค้าออนไลน์ ด้วยจำนวนการสั่งซื้อสูงสุดในตลาด โดยสิ่งที่บริษัทจะให้ความสำคัญในปีนี้ คือ การสร้างแพลตฟอร์มในการเป็นศูนย์กลางให้บริการอี-คอมเมิร์ซอย่างครบวงจร เพื่อสามารถตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้า รวมถึงการให้บริการของผู้ขาย รวมถึงสร้างความมั่นใจในการใช้บริการและการกลับมาซื้อซ้ำ เนื่องจากการค้าออนไลน์มีหลากหลายรูปแบบ แต่บริษัทเชื่อว่าแพลตฟอร์มที่ดีและความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคจะทำให้บริการอี-คอมเมิร์ซเติบโต ซึ่งคาดว่าภายใน 5 ปีจากนี้ สัดส่วนการค้าปลีกออนไลน์ในไทยอาจมีสัดส่วนถึง 8% ได้ จากการเกิดขึ้นของผู้เล่นรายใหม่ที่จะเข้ามาผลักดันตลาด รวมถึงการเติบโตในตลาดต่างจังหวัด ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนถึง 50% ของเว็บไซต์วีเลิฟช็อปปิ้ง”

โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายการให้บริการเว็บไซต์วีเลิฟช็อปปิ้ง และเว็บไซต์ไอทรูมาร์ทไปยังตลาดต่างประเทศ คือ ฟิลิปปินส์ และในปีนี้บริษัทมีแผนขยายไปยังประเทศอื่นๆ อาทิ เวียดนาม อินโดนีเซีย พม่า กัมพูชา มาเลเซีย และสิงคโปร์

อย่างไรก็ตาม ในปี 2558 กลุ่มบริษัทแอสเซนด์มีรายได้รวม 2,000 ล้านบาท ส่วนเว็บไซต์วีเลิฟช็อปปิ้งสามารถสร้างรายได้ 1,500 ล้านบาท และมียอดการสั่งซื้อรวม 1.5 ล้านออเดอร์ในปีที่ผ่านมา ส่วนในปีนี้บริษัทเตรียมงบประมาณรวม 5,300 ล้านบาท เพื่อลงทุนในกลุ่มแอสเซนด์ พร้อมตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 4,000 ล้านบาทในปีนี้ จาก 2,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน บริษัทคาดว่าเว็บไซต์วีเลิฟช็อปปิ้งจะสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 3,200 ล้านบาท จากเดิม 1,500 ล้านบาท เนื่องจากผู้บริโภคสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้นผ่านมือถือ และการขยายพื้นที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตของผู้ให้บริการ เป็นปัจจัยสนับสนุนการใช้บริการอี-คอมเมิร์ซ

นายธีรพงษ์ วิชญเรืองรมย์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท แอสเซนด์ คอมเมิร์ซ จำกัด กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดการสั่งซื้อเฉลี่ย 7,000 ออเดอร์ต่อวัน คิดเป็นสัดส่วนการเติบโตประมาณ 200% โดยเฉพาะในเดือนธันวาคมที่มียอดการสั่งซื้อสูงสุดถึง 16,749 ออเดอร์

ธีรพงษ์ วิชญเรืองรมย์

“ปัจจุบันเรามีรายการสินค้ากว่า 5.5 ล้านรายการ จากจำนวน 3.5 แสนร้านค้าทั่วประเทศ ภายใต้สินค้า 32 หมวดหมู่ ซึ่งสินค้าที่ลูกค้านิยมซื้อสูงเป็นอันดับ 1 คือ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และแก็ดเจต รวมถึงสินค้าด้านความงาม สุขภาพ และแฟชั่น ก็เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมเช่นกัน โดยลูกค้ากว่า 70% เป็นผู้หญิง และเป็นการสั่งซื้อจากอุปกรณ์โมบายล์ถึง 60%”

สำหรับจุดเด่นที่ทำให้เว็บไซต์วีเลิฟช็อปปิ้งได้รับความนิยมนั้น เชื่อว่ามาจากการเปิดโอกาสให้ผู้ขายสามารถเข้ามาใช้พื้นที่ขายได้ฟรี เพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในไทย ขณะเดียวกันบริษัทก็ทำหน้าที่ตัวกลางระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อเพื่อสร้างความมั่นใจในการซื้อขายผ่านบริการวีทรัสต์ การันตี (Wetrust Guarantee) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งานและกลับมาซื้อซ้ำ โดยบริษัทได้เตรียมงบประมาณราว 900 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบการให้บริการได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มจำนวนร้านค้าบนเว็บไซต์วีเลิฟช็อปปิ้งอีก 20% ภายในปีนี้ และคาดว่าจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์จะเพิ่มขึ้นกว่า 50% จากปัจจุบันที่มีจำนวน 30 ล้านคนต่อปี ส่วนภาพรวมตลาดอี-คอมเมิร์ซของไทยในปีนี้ คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ราว 100% จากความนิยมในการจอง-ซื้อตั๋วเดินทางและท่องเที่ยว รวมถึงการซื้อขายสินค้าออนไลน์.

ฉลองวันดี 4 ปีมีหน! แอปเปิล ปล่อยโหลดฟรี 5 แอพก่อนพ้นคืนนี้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/584092

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 29 ก.พ. 2559 16:35

 

แอพ สโตร์ ให้ดาวน์โหลดฟรีๆ 5 แอพพลิเคชั่นดัง ทั้งเพลง เกม และแอพตัดแต่งวิดีโอ เอาใจวันพิเศษ 29 ก.พ.ในปีอธิกสุรทิน…

ปีนี้ถูกเรียกว่า “ปีอธิกสุรทิน” เพราะมีจำนวนถึง 366 วัน เนื่องจากเดือนกุมภาพันธ์นี้มีวันมากเป็นพิเศษ 29 วัน เรียกว่า 4 ปี ถึงจะมีโอกาสแบบนี้สักครั้ง ทำให้หลายๆ ภาคธุรกิจพากันจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองวันพิเศษดังกล่าว เช่นเดียวกับ “แอปเปิล”

ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้ แอปเปิล ได้ประกาศให้ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นเสียเงินได้ฟรี จำนวน 5 แอพด้วยกัน ผ่านทางแอพ สโตร์ โดยบางแอพมีมูลค่าถึง 4.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือประมาณ 178 บาท) ได้แก่ Windy, Tayasui Sketches+, Bridge Constructor, Super Sharp, Spark Camera โดยมีเงื่อนไขคือสามารถดาวน์โหลดได้ถึงเวลา 23.00 น. ของวันนี้เท่านั้น!!!

Windy
เป็นแอพพลิเคชั่นที่จะทำให้คุณผ่อนคลายด้วยเสียงธรรมชาติต่างๆ ใช้ได้ดีทั้งตอนขับกล่อมให้คุณเข้านอน หรือตอนที่คุณต้องการพักและผ่อนคลายอารมณ์ เพียงเปิดแอพเพื่อฟังเสียงจากธรรมชาติที่เตรียมไว้ให้คุณเลือกได้หลากหลายบรรยากาศ หากไม่ดาวน์โหลดฟรีตอนนี้ต้องเสียเงิน 2.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 106 บาท) นะจ๊ะ

แอพพลิเคชั่นที่ต้องมีติดสมาร์ทโฟนทุกเครื่อง…

Tayasui Sketches+
แอพพลิเคชั่นที่คนชอบวาดภาพต้องมี ด้วยคุณสมบัติสตอบสนองการวาดภาพ สเกตช์ภาพ รับรองว่าสามารถเติมเต็มไอเดียของคุณได้เป็นอย่างดี ดาวน์โหลดฟรีภายใน 23.00 น. วันนี้ ไม่อย่างนั้นเสียเงิน 4.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 178 บาท)

Bridge Constructor
ใครชอบเล่นเกมที่ต้องออกกำลังให้สมอง ขอเชิญทางนี้ เพราะเกมต่อสะพานเกมนี้เคยติดอยู่ในอันดับ 1 เป็นเกมยอดนิยมใน 63 ประเทศมาแล้ว ดาวน์โหลดไปลับฝีมือและสมองกันได้เลยฟรีๆ ถ้าโหลดวันอื่นเสียเงิน 1.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 71 บาท)

Super Sharp
เคยได้รับตำแหน่งแอพพลิเคชั่นที่ดีที่สุดของปี 2015 มาแล้วสำหรับแอพนี้ ที่ให้คุณทดสอบไอเดียและนิ้วมือ เพื่อเติมส่วนที่ขาดไปตามภาพนั่นเอง เล่นไปเรื่อยๆ ก็น่าจะเพลินไม่น้อย เพราะวันนี้ดาวน์โหลดได้ฟรี ไม่เช่นนั้นต้องเสียเงิน 1.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 71 บาท)

Spark Camera
น่าจะถูกใจคนชอบถ่ายและตัดแต่งวิดีโอสำหรับแอพพลิเคชั่น Spark Camera เพราะแอพนี้สามารถตกแต่งได้หลากหลาย ทั้งสี เพลง และจัดภาพ ด้วยเครื่องมือแบบง่ายๆ สามารถแชร์ไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์กได้ทันทีอีกด้วย 2.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 106 บาท)

ย้ำอีกครั้ง ดาวน์โหลดได้ถึง 23.00 น. เท่านั้น…!

วิถีใหม่การเดินทาง ‘อูเบอร์โมโต’ ประหยัดเวลาด้วยมอเตอร์ไซค์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/581895

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 25 ก.พ. 2559 14:05

 

อูเบอร์เปิดตัวรูปแบบการเดินทางแนวใหม่ อูเบอร์โมโต (UberMOTO) หวังตอบโจทย์คนเมืองที่ต้องการความรวดเร็ว…

ปัจจุบัน…มีรถป้ายแดงบนถนนในกรุงเทพฯ ถึง 1,500 คันต่อวัน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากในช่วงไม่กี่ปีก่อนกว่า 2 เท่าตัว ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้สถิติความเร็วของการเดินทางบนท้องถนนในกรุงเทพฯ อยู่ที่ 16 กม./ชม. และเหลือเพียง 11 กม./ชม. ในช่วงเวลาเร่งด่วน ส่งผลให้คนกรุงเทพฯ ใช้เวลาเดินทางเฉลี่ยถึง 2 ชม.ต่อวัน

ล่าสุด อูเบอร์ (Uber) ได้เปิดตัวบริการใหม่ อูเบอร์โมโต (UberMOTO) บริการเรียกรถมอเตอร์ไซค์ในกรุงเทพฯ เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานซึ่งต้องการประหยัดเวลาและเงินในการเดินทางระยะใกล้ โดยผู้ใช้งานสามารถเรียกใช้งานได้จากการกดปุ่ม UberMOTO สำหรับพื้นที่ให้บริการอูเบอร์โมโตนั้น เบื้องต้นอูเบอร์จะทดลองให้บริการในพื้นที่สาทร สีลม และสยาม

นายดักลาส มา ผู้จัดการด้านขยายตลาดภูมิภาคเอเชีย อูเบอร์ เปิดเผยว่า มอเตอร์ไซค์เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการเดินทางในประเทศไทย อูเบอร์มีจุดมุ่งหมายในการมอบการเดินทางที่ปลอดภัย เข้าถึงได้ และสะดวกสบายเพียงแตะปุ่ม เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอบริการอูเบอร์โมโตซึ่งเป็นการเดินทางสำหรับคนไทยโดยเฉพาะ เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกที่ง่าย สะดวกสบาย และราคาไม่แพงสำหรับการเดินทางสั้นๆ ในตัวเมืองและสร้างโอกาสทางธุรกิจอีกนับหมื่นสำหรับคนท้องที่ในเวลาเดียวกัน

นอกจากนี้ อูเบอร์ได้ร่วมมือกับกองบังคับการตำรวจจราจรและชมรมคนห่วงหัวเพื่อรณรงค์ สร้างความตระหนักด้านความปลอดภัยบนท้องถนน โดยเฉพาะการสวมหมวกกันน็อกที่ช่วยรักษาชีวิตไว้ได้ โดยอูเบอร์จะบริจาคหมวกกันน็อกให้กับคนรุ่นใหม่ผ่านกิจกรรมอบรมและให้ความรู้ในโรงเรียนและชุมชน ผ่านการร่วมมือกับกองบังคับการตำรวจจราจรและชมรมคนห่วงหัวในสัปดาห์ต่อไป

พ.ต.อ.สุกิจ อรุณฤกษ์ถวิล ผู้กำกับ สน.บางขุนนนท์ กองบังคับการตำรวจจราจร กล่าวว่า ชีวิตของเด็กไทยนับล้านตกอยู่ในความเสี่ยงสืบเนื่องจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ร่วมมือกับอูเบอร์ และชมรมคนห่วงหัวในการรณรงค์ให้เกิดความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของความปลอดภัยในการเดินทางบนท้องถนน เพื่อทำให้ถนนของเราปลอดภัยขึ้นสำหรับคนไทยทุกคน

นายสุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการชมรมคนห่วงหัว กล่าวว่า ผู้ใหญ่มากกว่าครึ่งไม่สวมหมวกกันน็อก ขณะขับขี่หรือโดยสารมอเตอร์ไซค์ ส่วนเด็กที่สวมหมวกกันน็อกก็มีจำนวนน้อยอย่างมาก เพราะหลายคนเชื่อว่าการเดินทางใกล้ๆ มักไม่เป็นอันตราย แต่การไม่สวมหมวกกันน็อกทำให้ทุกเมตรของการเดินทางมีความเสี่ยงสูงมาก ดังนั้น การสวมใส่หมวกกันน็อกจึงสามารถช่วยรักษาชีวิตได้

ขั้นตอนการใช้งาน อูเบอร์โมโต…
1. เลือก UberMOTO ในแอพพลิเคชั่นอูเบอร์ระบุสถานที่ที่คุณต้องการให้มอเตอร์ไซค์ไปรับ และเรียกรถผ่านแอพพลิเคชั่น
2. UberMOTO จะจับคู่คุณกับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่ใกล้ที่สุด
3. คุณจะเห็นรายละเอียดของผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ อาทิ ชื่อ รูปถ่าย และรายละเอียดเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ เช่น เดียวกับ การใช้บริการ UberX และ UberBLACK ภายใต้ขั้นตอนการคัดกรองทื่ครอบคลุมถึงการตรวจสอบประวัติโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ
4. ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ของ UberMOTO จะเตรียมหมวกกันน็อกพร้อมตาข่ายคลุมผมอันใหม่ เพื่อความปลอดภัยและความสะอาดในการเดินทาง การสวมหมวกกันน็อกเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคุณ และผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ และการไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับนี้ถือว่าผิดกฎจราจร
5. เมื่อการเดินทางสิ้นสุดลง คุณสามารถชำระค่าโดยสารตามรูปแบบที่คุณเลือกไว้ อาทิ บัตรเครดิต หรือเงินสด ซึ่งคุณจะได้รับใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ในแอพหรือผ่านทางอีเมล์