ไม่ไกลจากที่ลือ! ล้วง 10 เรื่องไฮเทคจนห้ามพลาดของ กาแล็คซี่ เอส7

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/580847

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 22 ก.พ. 2559 16:30

 

หลังจากซัมซุงประกาศเปิดตัว 2 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ กาแล็คซี่ เอส7 และกาแล็คซี่ เอส7 เอดจ์ ก็กลายเป็นที่จับตาของแฟนซัมซุงอยู่ไม่น้อย จากฟังก์ชั่นใหม่ๆ…

เปิดตัวตามความคาดหมาย สำหรับ กาแล็คซี่ เอส7 (Galaxy S7) และกาแล็คซี่ เอส7 เอดจ์ (Galaxy S7 edge) สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจากค่ายซัมซุง ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีกระแสข่าวลือโหมสะพัด เกี่ยวกับดีไซน์และฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลายสื่อระบุว่าเป็นรูปแบบใหม่ของทั้ง 2 รุ่น

และสำหรับใครที่พลาดการติดตามช่วงเวลาเปิดตัวมือถือตระกูลกาแล็คซี่จากซัมซุง เราได้รวบรวมมาให้คุณติดตาม กับ 10 เรื่องไฮเทคของกาแล็คซี่ เอส7 และกาแล็คซี่ เอส7 เอดจ์ ว่าแต่จะมีอะไรให้ติดตามบ้าง ลองดูไปพร้อมกัน…!!!

กาแล็คซี่ เอส7 เอดจ์ (ซ้าย) กาแล็คซี่ เอส7 (ขวา)

1. กาแล็คซี่ เอส7 มาพร้อมหน้าจอแบบ Quad HD ขนาด 5.1 นิ้ว ความละเอียด 577 ppi ขณะที่กาแล็คซี่ เอส7 เอดจ์ หน้าจอแบบ Quad HD ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด 534 ppi

2. ข่าวลือเป็นจริง!!! เพราะสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นนี้สามารถรองรับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP 68 ทำให้คุณไม่ต้องกังวลกับการวางโทรศัพท์ของคุณบนพื้นผิวที่เปียก หรือแม้แต่ตอนที่เผลอทำมือถือตกน้ำก็ยังสามารถหยิบขึ้นมาใช้งานได้ หรือจะใช้ขณะที่ฝนตกก็ยังไหว เพราะสามารถกันน้ำลึก 1.5 เมตร ได้นานสูงสุด 30 นาที

3. มีการปรับลดความละเอียดของกล้องถ่ายภาพจริงตามข่าวลือก่อนนี้ โดยซัมซุงได้ใช้เทคโนโลยีแบบ Dual Pixel พร้อมใส่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ให้กับกล้องด้านหลังของมือถือทั้ง 2 รุ่น ซึ่งจุดเด่นจะอยู่ที่ความสามารถในการถ่ายภาพแบบแสงน้อยได้ดีขึ้น และจับภาพได้รวดเร็วขึ้นจากเทคโนโลยี Photodiodes ส่วนกล้องหน้ามาพร้อมความละเอียด 5 ล้านพิกเซล

จากซ้ายไปขวา… เกียร์ 360 , เกียร์ วีอาร์ , เอส7 และ เอส7 เอดจ์

4. เทคโนโลยีด้านภาพถ่ายก็ถูกพัฒนาขึ้น โดยซัมซุงได้เพิ่มฟังก์ชั่นที่เรียกว่า Motion Photo เข้าไปในสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น ทำให้สามารถจัดเก็บภาพเคลื่อนไหวก่อนกดชัตเตอร์ถ่ายภาพได้ 3 วินาที และยังสามารถเลือกภาพจากช่วงเวลาดังกล่าวมาเป็นภาพนิ่งได้อีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีโหมดอื่นๆ อาทิ Hyperlapse ถ่ายภาพแบบเร่งเวลา , Wide Selfie เอาใจคนชอบเซลฟี่ด้วยองศาที่กว้างขึ้น เป็นต้น

5. ตัวเครื่องหนาขึ้นเล็กน้อย เพื่อรองรับแบตเตอรี่ที่ถูกเพิ่มความจุให้มากขึ้น โดยกาแล็คซี่ เอส7 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh และกาแล็คซี่ เอส7 เอดจ์ มาพร้อมแบตเตอรี่ 3,600 mAh

6. เรื่องความเร็วในการชาร์จแบตก็น่าสนใจ! เพราะกาแล็คซี่ เอส7 สามารถชาร์จแบตจาก 0-100% ได้ภายใน 90 นาที (1.30 ชั่วโมง) ขณะที่ กาแล็คซี่ เอส7 เอดจ์ สามารถทำได้ในเวลา 100 นาที (1.40 ชั่วโมง) ทั้งยังพร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จไร้สายได้เร็วขึ้นอีกด้วย

ดีไซน์ล้ำๆ

7. ซัมซุงใช้การผลิตแบบใหม่ เพื่อทำให้สมาร์ทโฟนนั้นสามารถตอบโจทย์ความหรูหรา สวยงาม เรียบเนียน แต่แข็งแกร่ง ทำให้ทั้ง 2 รุ่นถูกผลิตออกมาให้โค้งได้รูปจากกระบวนการผลิตแบบเฉพาะที่เรียกว่า 3D เทอร์โมฟอร์มมิ่ง เพื่อทำให้กระจก 3D โค้งได้รูปและบรรจบเข้ากับโลหะอัลลอยผสม ออกมาเป็นตัวเครื่องที่โค้งสวยงามไร้รอยต่อและแข็งแรง

8. ด้านหลังของตัวเครื่องเรียกว่าจอโค้งแบบ Dual Curve เพื่อทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกกระชับและมั่นใจในการถือ ด้วยแนวเส้นที่ดูเป็นธรรมชาติ รูปลักษณ์บางเฉียบ

9. รองรับได้ถึง 2 ซิมการ์ด แต่หากคุณต้องการใช้งานเพียงซิมเดียวก็สามารถทำได้ และใส่ Micro SD การ์ดเข้าไปแทนที่อีกซิมหนึ่ง เพียงเท่านี้ก็เพิ่มความจุในการจัดเก็บข้อมูลได้ตามใจ เนื่องจากซัมซุงได้ออกแบบถาดใส่ซิมให้พร้อมรองรับการใช้งานในลักษณะดังกล่าวอยู่แล้ว

ออกแบบมาให้ถือและใช้งานได้ถนัดมือ

10. แน่นอนว่าหน่วยประมวลผลก็ต้องสามารถตอบสนองการใช้งานได้รวดเร็วขึ้น โดยทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับ CPU ที่ให้ความรวดเร็วขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 30% , GPU เร็วขึ้น 64% , RAM 4GB มากกว่ารุ่นก่อนที่มีอยู่ 3GB เพื่อรองรับการใช้งานทุกประเภทบนสมาร์ทโฟนนี้

ใครสนใจก็รอซื้อกันได้ เพราะเห็นว่าซัมซุงจะเริ่มจำหน่ายทั้งกาแล็คซี่ เอส7 และกาแล็คซี่ เอส7 เอดจ์ อย่างเป็นทางการตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมนี้แล้ว…!

หน้าตาการใช้งาน ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่

ข้อมูล : เว็บไซต์ซัมซุง

ลุยตลาด SME เอ็นฟอร์ซจัดสินค้าใหม่เสริมทัพ หวังเพิ่มรายได้

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/579871

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 21 ก.พ. 2559 15:40

 

เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว เผยนโยบายดำเนินธุรกิจปี 59 ชูพาร์ตเนอร์เป็นจุดเด่น เล็งหาผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าเสริมทัพ หวังขยายฐานกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี พร้อมตั้งเป้ารายได้โต 10-15%…

นายนักรบ เนียมนามธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2558 บริษัทมีอัตราการเติบโต 20% จากปี 2557 ถือว่าเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ จาก 2 ปัจจัย คือ 1. การใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ส่งผลให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและเกิดการลงทุนของภาคเอกชนตามมา เช่น โครงการดิจิตอลอีโคโนมี และ 2. การพัฒนาบุคลากรของบริษัทให้มีความเชี่ยวชาญและมีศักยภาพตรงกับงานที่ได้รับมอบหมายอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ในปี 2559 บริษัทมีนโยบายและกลยุทธ์การทำตลาดโดยให้ความสำคัญกับพาร์ตเนอร์อย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีศักยภาพในการทำตลาดเข้ามาเสริมและต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่ เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ทั้งภาครัฐและเอกชน กลุ่มลูกค้าธนาคาร กลุ่มลูกค้าผู้ให้บริการเครือข่าย และกลุ่มลูกค้าด้านสุขภาพ และปีนี้บริษัทยังมีแผนที่จะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณภาพและราคาเหมาะสมเข้ามาทำตลาดกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้นด้วย พร้อมทั้งตั้งเป้าเติบโตของรายได้ประมาณ 10-15%

สำหรับแนวโน้มเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยด้านไอทีในปีนี้ เชื่อว่าโซลูชั่นด้านความปลอดภัยบนคลาวด์ในการใช้งานผ่านอุปกรณ์สมาร์ท แมชชีน (Smart Machine) และโมบาย ดีไวซ์ (Mobile Device) ตลอดจนการป้องกันข้อมูลสูญหาย จะมีความสำคัญขึ้น เนื่องจากข้อมูลส่วนใหญ่จะถูกสืบค้นและใช้งานบนระบบคลาวด์ ขณะเดียวกันภัยคุกคามต่างๆ ล้วนมุ่งสู่ระบบคลาวด์และสร้างเครือข่ายแฮกกิ้ง อินดัสตรี (Hacking Industry) โดยมีเป้าหมายทำให้ระบบคลาวด์ให้เกิดปัญหาในทุกองค์กร ส่งผลให้เทคโนโลยีการป้องกันภัยคุกคามต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

นายนักรบ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันบริษัทมีผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามาเสริม อาทิ หัวเว่ย (Huawei) เอฟฟิเชียน ไอพี (Efficient IP) และเอ็กซ์ตราฮอพ (ExtraHop) โดยหัวเว่ยได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเอนเตอร์ไพร์ซ โซลูชั่น เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าองค์กร ซึ่งมุ่งเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยต่างๆ ส่วนเอฟฟิเชียน ไอพี ผู้นำโซลูชั่นด้านบริหารจัดการบริการเครือข่าย จะช่วยให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ ทั้งยังเป็นโซลูชั่นด้านการรักษาความปลอดภัยเชิงรุกสำหรับ DNS (DNS Security) ช่วยป้องกันการโจมตีและปกป้องโครงสร้างพื้นฐานของระบบ DNS ขณะที่ เอ็กซ์ตราฮอพเป็นระบบที่ใช้ในการช่วยวิเคราะห์ข้อมูลบนเครือข่ายแบบมีสาย (Wired data analytics) โดยสามารถมองเห็นทราฟฟิคได้แบบเรียลไทม์ในลักษณะ end-to-end visibility ข้ามผ่าน Tiers ชั้นต่างๆ ในสภาวะแวดล้อมทางด้านไอทีโดยไม่ต้องใช้เครื่องมืออื่นๆ เพิ่ม.

ชัวร์หรือมั่ว! นับถอยหลังกาแล็คซี่ เอส7 กับ 7 ข่าวลือหึ่งห้ามพลาด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/579789

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 21 ก.พ. 2559 06:05

 

เมื่อซัมซุงประกาศว่าเตรียมเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ในวันที่ 21 ก.พ.นี้ ทำให้ทุกคนหมายมั่นว่าจะได้เห็นการมาของ Galaxy S7 และ Galaxy S7 Edge อย่างแน่นอน…

มีข่าวลือออกมาสักระยะ เกี่ยวกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ตระกูลกาแล็คซี่ของซัมซุง… แต่ล่าสุดก็มีข่าวดีให้สาวกแอนดรอยด์ที่กำลังรอคอยสมาร์ทโฟนซัมซุง เพราะวันที่ 21 ก.พ.นี้ ซัมซุงประกาศว่าจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ตระกูลกาแล็คซี่ ภายในงาน Mobile World Congress (MWC 2016) ณ กรุงบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ซึ่งตรงกับวันที่ 22 ก.พ. เวลาประมาณ 01.00 น. ในประเทศไทย

แน่นอนว่าสิ่งที่ทุกคนคาดหวังก็คงหนีไม่พ้น “กาแล็คซี่ เอส7” และ “กาแล็คซี่ เอส7 เอดจ์” ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีกระแสข่าวลือข่าวหลุดออกมาอย่างต่อเนื่อง คงต้องรอลุ้นว่าข่าวลือเรื่องสเปกหรือคุณสมบัติต่างๆ ที่หลุดมาก่อนหน้านี้จะตรงกับสิ่งที่เราจะได้เห็นในงานวันดังกล่าวหรือไม่

สำหรับใครที่ไม่ได้ติดตามกระแสข่าวเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนกาแล็คซี่ เอส7 และกาแล็คซี่ เอส7 เอดจ์ ที่ถูกเผยแพร่ในช่วงก่อนหน้านี้ เราได้รวบรวมมาไว้ที่นี่แล้ว ทั้งสเปก ภาพหลุด และราคา เพื่อให้คุณไม่พลาดก่อนจะเกาะติดงานเปิดตัวไปพร้อมกัน…!!!

เผยโฉมภาพหลุด!
ตามที่ผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์ @evleaks จอมเผยแพร่ภาพหลุดอุปกรณ์ไฮเทครุ่นใหม่ๆ ได้เปิดเผยและระบุว่านั่นคือภาพหลุดของกาแล็คซี่ เอส7 และกาแล็คซี่ เอส7 เอดจ์ ซึ่งเมื่อดูแค่ภาพดังกล่าวเราจะพบว่าดีไซน์ภายนอกไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมมากนัก

ภาพจากทวิตเตอร์ @evleaks ที่อ้างว่าเป็นภาพหลุดของกาแล็คซี่ เอส7 และกาแล็คซี่ เอส7 เอดจ์

หรือกาแล็คซี่ เอส7 จะมีสีเงิน…

หน้าจอ 2 ไซส์ มาตามนัด
ในส่วนขนาดหน้าจอนั้นยังคาดว่า กาแล็คซี่ เอส มาตามรูปแบบเดิม คือ กาแล็คซี่ เอส7 จะมีขนาดเล็กกว่ากาแล็คซี่ เอส7 เอดจ์ เล็กน้อย โดยขนาดที่คาดว่าซัมซุงจะใช้กับสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น คือ หน้าจอ 5.1 นิ้ว และ 5.5 นิ้ว ด้วยความละเอียดการแสดงผลแบบ 2560×1440 พิกเซล หรือ Quad-HD

กันน้ำได้แล้ว
ถือเป็นคุณสมบัติที่หลายคนรอคอยสำหรับการกั้นน้ำ ซึ่งจากกระแสข่าวลือครั้งนี้ระบุว่ากาแล็คซี่ เอส7 และกาแล็คซี่ เอส7 เอดจ์ จะมีคุณสมบัติดังกล่าวแล้ว ด้วยมาตรฐานที่เรียกว่า IP67 สามารถกันน้ำได้ลึก 1 เมตร นาน 30 นาที แต่ไม่สามารถใช้งานระหว่างที่อยู่ใต้น้ำได้

“ลด” ความละเอียดกล้อง
ตามปกติสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่มักจะได้รับการอัพเกรดความละเอียดให้เพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของคนชอบถ่ายภาพด้วยมือถือ แต่กลับมีข่าวลือว่าสมาร์ทโฟน 2 รุ่นนี้ จะมีการปรับลดความละเอียดลงจาก 16 ล้านพิกเซล เหลือ 12 ล้านพิกเซล แต่จะปรับค่ารูรับแสงจาก f/1.9 เป็น f/1.7 เพื่อเน้นประสิทธิภาพสำหรับการถ่ายภาพในพื้นที่แสงน้อยได้ดีขึ้น

ชิพประมวลผล 2 แบบ
ชิพประมวลผลจะถูกแบ่งออกเป็น Exynos (เอ็กซีนอส) และ Qualcomm Snapdragon 820 (ควอลคอมม์ สแนปดราก้อน 820) ซึ่งกระแสข่าวลือระบุว่าเครื่องที่จำหน่ายในไทยจะเป็นชิพแบบ Exynos

สไตล์นี้…กาแล็คซี่ เอส7 เอดจ์ โดนใจแฟนๆ ซัมซุง รึเปล่า?

เครื่องนี้ (ลือว่า) คือ กาแล็คซี่ เอส7

ชาร์จแบตเร็ว พร้อมขนาดใหญ่ขึ้น
แบตเตอรี่ก็เป็นอีกสิ่งสำคัญ เนื่องจากการใช้งานออนไลน์ตลอดทั้งวันของคนในยุคนี้ส่งผลให้เปลืองแบตเตอรี่พอสมควรทีเดียว ทำให้มีข่าวลือว่าซัมซุงอาจจะเพิ่มความจุแบตเตอรี่ให้เป็น 3000 mAh จากเดิม 2550 mAh ในรุ่นกาแล็คซี่ เอส7 ส่วนกาแล็คซี่ เอส7 เอดจ์ อาจจะเพิ่มเป็น 3600 mAh

ส่วนสเปกอื่นๆ นั้น…
มีกระแสข่าวคาดว่ากาแล็คซี่ เอส7 และกาแล็คซี่ เอส7 เอดจ์ จะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ทับด้วย TouchWiz UI , แรม 4GB , หน่วยความจำภายใน 32GB และ 64GB , รองรับ Samsung Pay และฟีเจอร์ Force Touch เป็นต้น

จะเป็นจริงตามที่ลือหรือไม่ อีกไม่กี่วันก็ได้รู้กันแล้ว…!!!

ที่มา : cnet , igalaxys7 , aripfan

‘ไอพี สตรีมมิ่ง’ เทรนด์ใหม่โลกออนไลน์ ดูได้ทุกที่ทุกเวลา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/579829

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 20 ก.พ. 2559 12:05

 

“IP Streaming” เพื่อการรับชมทีวีทุกที่ทุกเวลา กำลังกลายเป็นเทรนด์ใหม่สำหรับนักบริโภคข่าวสาร ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุค 4จี…

ในยุคที่ผู้คนต้องการบริโภคข่าวสารและความบันเทิงอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง อินเทอร์เน็ตจึงกลายเป็นช่องทางสำคัญในกระจายข่าวสารไปสู่คนจำนวนมาก หลายครั้งที่เราต้องพลาดเหตุการณ์สำคัญๆ ที่เกิดขึ้น เนื่องจากต้องออกไปทำธุระนอกบ้าน หรือรถติดอยู่บนท้องถนนเป็นเวลานาน ด้วยเหตุนี้ผู้พัฒนาเทคโนโลยีจึงนำเอาเทคโนโลยี ไอพี สตรีมมิ่ง (IP Streaming) เข้ามาใช้รองรับความต้องการของผู้บริโภคเพื่อการรับชมทีวีได้สะดวกทุกที่ทุกเวลาตามไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป ซึ่งบริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมชั้นนำของเมืองไทยได้เล็งเห็นถึงการเติบโตของเทคโนโลยีนี้ว่าเป็นไปในทางบวก เหตุเพราะผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์มากมายจากบริการไอพี สตรีมมิ่งในอนาคต อันจะส่งผลให้เกิดการลงทุนพัฒนายิ่งขึ้นไป จึงได้จับมือกับบริษัท พีเอสไอ บรอดคาสติ้ง จำกัด หรือ พีเอสไอ ร่วมเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการระบบไอพี สตรีมมิ่งคุณภาพในปัจจุบัน

หากจะอธิบายให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น…ไอพี สตรีมมิ่ง (IP Streaming) หรือ Internet Protocol Streaming เป็นเทคโนโลยีการส่งข้อมูลภาพและเสียงผ่านเว็บเบราว์เซอร์ในระบบอินเทอร์เน็ต ต่างจากระบบอนาล็อกเดิม ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมจากที่หนึ่งกระจายสู่ผู้รับจำนวนหลายล้านคนเพียงครั้งเดียว และต้องมีจานดาวเทียมหรือกล่องรับที่ต้องเชื่อมต่อไว้กับโทรทัศน์เพียงอย่างเดียว ทำให้เกิดข้อจำกัดต่างๆ ในการรับชมรายการที่ชื่นชอบ ซึ่งต่างจากการรับชมทีวีผ่านเทคโนโลยี ไอพี สตรีมมิ่ง อย่างมาก โดยข้อดีของเทคโนโลยีไอพี สตรีมมิ่ง คือ

1. เปิดรับความบันเทิงได้สะดวกสบายกว่าที่เคย
เพียงผู้ใช้งานดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นไว้บนอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั้งแบบผ่านโครงข่ายบรอดแบนด์จากที่บ้าน หรือเชื่อมต่อภายนอกผ่านระบบ WiFi หรือจากระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 4จี เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ ก็สามารถรับชมรายการที่ต้องการได้ทันที ทุกที่ทุกเวลาทั่วโลก ทั้งยังสามารถรับชมรายการได้พร้อมกันบนแฟลตฟอร์มที่หลากหลาย (Any Where Any Time) ไม่ต้องกังวลว่าคุณจะพลาดข่าวสารสำคัญเช่นที่ผ่านมา

2. ไม่เปลืองพื้นที่จัดเก็บข้อมูล
เพราะระบบไอพี สตรีมมิ่งเป็นการรับชมรายการแบบเรียลไทม์เสมือนกำลังนั่งดูรายการทางทีวีปกติ เพียงแต่เป็นการบีบอัดสัญญาณภาพและเสียงแล้วจึงค่อยส่งผ่านไปยังอุปกรณ์ที่คุณเลือกรับชมอีกครั้ง อีกทั้งยังไม่ต้องรอดาวน์โหลด ทำให้ไม่เปลืองพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์อีกด้วย

3. เชื่อมต่อข้อมูลและแพร่ภาพบนเครือข่ายบรอดแบนด์คุณภาพ
ทำให้เกิดความเสถียรในระดับสูง หลักการทำงานของไอพี สตรีมมิ่งคือการรับข้อมูลจากผู้ให้บริการหรือช่องทางที่ทำการถ่ายทอดรายการต่างๆ นำมาจัดสรรและจำแนกหมวดหมู่ไว้ยังเซิร์ฟเวอร์ แล้วจึงค่อย สตรีมมิ่งสัญญาณออกไปที่ CDN (Content Distribution Network) แล้วจึงส่งสัญญาณภาพที่ได้รับการแปลงเรียบร้อยไปสู่ผู้ชม โดยขั้นตอนการสตรีมมิ่งภาพและเสียงจะทำผ่านระบบอินเทอร์เน็ตไปสู่ผู้ชม ซึ่งหลายท่านอาจสงสัยว่าจะเกิดการสะดุดระหว่างรับชม เหมือนการรับชมทีวีออนไลน์หรือไม่ ในฐานะที่ ซิมโฟนี่ฯ เป็นเจ้าของโครงข่ายบรอดแบนด์และบริการแพลตฟอร์มสำหรับการทำไอพี สตรีมมิ่งอย่างครบวงจร ทำให้การรับส่งสัญญาณภาพและเสียงเป็นไปอย่างต่อเนื่องไม่ติดขัด อีกทั้งยังมีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล ประเมินผลและหาวิธีลดความเสี่ยงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจากปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เนตทั้งระบบตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกันการบริการด้วยมาตรฐานในระดับสูงที่กลุ่มลูกค้าเราพึงพอใจ รวมถึงเรื่องราคาที่สมเหตุสมผลกับประสิทธิภาพของบริการที่ลูกค้าได้รับอีกด้วย

4. คมชัดทั้งภาพและเสียงตามอุปกรณ์ที่ผู้ใช้งานเลือกใช้
นอกจากความสะดวกสบายที่ได้กล่าวไปแล้ว ระบบไอพี สตรีมมิ่งได้รับการพัฒนาให้มีระบบตรวจจับความเร็วของอินเทอร์เน็ตที่ใช้รับชม ซึ่งถ้าความเร็วไม่มาก ระบบจะปรับความละเอียดของภาพให้ลดลงเพื่อจะได้รับชมอย่างต่อเนื่อง และหากอินเทอร์เน็ตที่ใช้มีความเร็วสูง ระบบจะปรับความละเอียดของภาพให้เป็นไฮเดฟิเนชั่น (HD) ทำให้ผู้ชมสามารถรับชมได้อย่างเพลิดเพลินยิ่งขึ้น

5. รับชมรายการได้เต็มอรรถรสด้วยช่องรายการหลากหลาย
เพราะการส่งข้อมูลภาพและเสียงเป็นการส่งผ่านเว็บเบราว์เซอร์ในระบบอินเทอร์เน็ตด้วยการแชร์แบนด์วิดธ์ (Bandwidth) ขนาดใหญ่ ทำให้ผู้ให้บริการสามารถสร้างสรรค์รายการให้มีความหลากหลายได้มากขึ้น ทั้งจำนวนรายการและรูปแบบที่ทันสมัย พร้อมด้วยเนื้อหาสาระที่ตรงกับความสนใจและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคดิจิตอลมากยิ่งขึ้น โดยในปัจจุบัน พีเอสไอที่ใช้เทคโนโลยีไอพี สตรีมมิ่ง ก็ได้เปิดให้บริการช่องรายการกว่า 143 ช่อง ให้ผู้บริโภคข้อมูลข่าวสารได้เลือกชมกันอย่างจุใจเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ไอพี สตรีมมิ่ง ถือเป็นมิติใหม่ที่ทำให้ผู้คนที่เปรียบเสมือนนักบริโภคข่าวสารสามารถติดตามเนื้อหาสาระ ความบันเทิงต่างๆ ได้มากขึ้น โดยไม่จำกัดในเรื่องของเวลาและสถานที่ ทั้งยังมีบทบาทในการกระตุ้นตลาดบรอดคาสต์ให้เกิดการแข่งขันด้านข้อมูล เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างเต็มที่ รวมถึงช่วยขับเคลื่อนทางธุรกิจในทุกภาคส่วน เช่น ธุรกิจผู้ให้บริการคอนเทนต์ ธุรกิจด้านโครงข่ายโทรคมนาคม เป็นต้น ซึ่งส่งผลดีต่อผู้บริโภคที่จะได้มีตัวเลือกที่ดีที่สุดในการรับข้อมูลข่าวสารที่หลากหลายเพิ่มขึ้นในอนาคต.

‘HUBBA Stadium’ อีเวนต์ปลุกพลังสร้างสรรค์เทคโนโลยี แก่สตาร์ทอัพไทย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/579489

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 19 ก.พ. 2559 08:30

 

มาแล้ว HUBBA Stadium งานอีเวนต์ปลุกพลังสร้างสรรค์ Startup จาก HUBBA Thailand เพื่อค้นหาทีมที่ดีที่สุด ยอดนักออกแบบ UI/UX และยอดฝีมือด้านแผนธุรกิจ โดยจะมีขึ้นในวันที่ 4 – 6 มี.ค.59 ในธีม IOT ‘Internet of Things’…

HUBBA Thailand โคเวิร์กกิ้งสเปซชื่อดัง เตรียมจัดงาน HUBBA Stadium ที่สุดแห่งงานสร้างสรรค์สำหรับ Startup ไทย! เพื่อค้นหาทีมที่ดีที่สุดผู้มาพร้อมไอเดียสุดเจ๋ง สุดยอดนักออกแบบ UI/UX และยอดฝีมือด้านการวางแผนธุรกิจ เพื่อมาร่วมกันทำงานให้เต็มที่ แบบสนุกสุดเหวี่ยง และยังได้พบกับเพื่อนใหม่ๆ ที่จะเปลี่ยนโลกไปพร้อมกันตลอดระยะเวลา 3 วัน

ผู้เข้าร่วมงานทุกคนจะได้ฟอร์มทีม เพื่อสร้าง Startup ร่วมกัน จากคนแปลกหน้าก็จะกลายมาเป็นร่วมทีมที่ช่วยกันสร้างสรรค์แนวคิดแปลกใหม่ และเรียนรู้เส้นทางการทำ Startup ด้วยการใช้ชีวิตและหายใจเข้าออกแบบ Startup ตลอด 3 วันเต็ม! สัมผัสภาวะขึ้น-ลงเมื่อสร้างธุรกิจ ออกแบบ UI (User Interface) และวิธีการพูดคุยกับลูกค้า ผู้เข้าร่วม HUBBA Stadium ทุกคนจะก้าวออกไปพร้อมกับผลิตภัณฑ์ต้นแบบ ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานพื้นฐานหลัก สำหรับทดลองตลาดในระยะเริ่มต้น (MVP : Minimum Viable Product) อีกทั้งยังได้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ และเครือข่าย Startup และ Investor ชั้นนำของไทย เพื่อนร่วมทีมและ Co-Founder พร้อมทั้งความรู้ที่ผู้ประกอบการพลาดไม่ได้

ไฮไลต์ที่จะได้พบในงาน HUBBA Stadium : Startup Battle, Internet Of Things Edition

สำหรับปีนี้ทาง HUBBA เลือกธีมงาน คือ The Internet of Things เนื่องจากทางผู้จัดงานมองเห็นว่า The Internet of Things หรือ IOT กำลังเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ทั้งด้าน การทำงาน การเล่น การใช้ชีวิต โดยเฉพาะในยุคที่เรียกได้ว่าเทคโลยีมีบทบาทในชีวิตประจำวันเรามากขึ้นกว่าแต่ก่อน ตั้งแต่การมีอากาศยานไร้นักบิน หรือ โดรน (drones) ขนาดเท่าเหรียญหรือเท่าตัวคน ติดเข้ากับกล้องเพื่อใช้ในการถ่ายภาพมุมสูง หรือช่วยจับภาพในมุมต่างๆ และ Wearable Health Device หรือ อุปกรณ์ที่เก็บข้อมูลไลฟสไตล์เรา โดยเราแค่นำมาสวมใส่ ทำงานและควบคุมทุกอย่างได้ง่ายดาย ด้วยแอพพลิเคชั่น หรือระบบคอมพิวเตอร์

มาร่วมเปลี่ยนโลกไปพร้อมกัน ตลอดเวลา 3 วัน 2 คืน

Telematics คือ บริการการสื่อสารแบบสองทาง ด้วยเทคโนโลยีนี้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสื่อสารระหว่างรถยนต์ และศูนย์บริการสารสนเทศจราจรที่ให้ความปลอดภัย และความมั่นคงแก่ผู้ขับขี่ยานพาหนะ อีกทั้งยังช่วยแจ้งเตือนเกี่ยวกับอุบัติเหตุ มีประโยชน์อย่างมากในกรณีที่ผู้ขับขี่เกิดหมดสติไป และยังรวมไปถึงการบริการติดตามรถ บอกเส้นทางและกรณีออกนอกเส้นทาง การล็อกและการปลดล็อกประตูรถโดยรีโมตที่เก็บข้อมูลและบันทึกพฤติกรรมการขับขี่รถยนต์ วินิจฉัยและตรวจสภาพรถโดยรีโมตอื่นๆ และอีกหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตประจำวัน

ทาง HUBBA จึงอยากเปิดโอกาสให้นักคิด นักพัฒนา นักสร้างสรรค์ นักธุรกิจ โปรแกรมเมอร์ ดีไซเนอร์ เข้ามาระดมไอเดีย ฟอร์มทีม สร้างต้นแบบ หรือแอพพลิเคชั่นในรูปแบบของการเชื่อมต่อหรือ IOT ทั้งนี้ งาน HUBBA Stadium : Startup Battle, Internet Of Things Edition จะจัดขึ้นในวันที่ 4-6 มีนาคมนี้ ที่ HUBBA Thailand coworking space ย่านเอกมัยซอย 4 ตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป.

วอร์เกมมิ่ง แนะนำไฮไลต์ปี 59 ล่าสุด เกมเวิลด์ออฟแท็งค์ บน PS4

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/579477

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 19 ก.พ. 2559 07:30

 

วอร์เกมมิ่ง เผยไฮไลต์สำคัญในปี 59 กับเกม World of Tanks บนแพลตฟอร์ม Play Station 4 พร้อมแพตช์อัพเดตใหม่ของ World of Warships เวอร์ชั่น 0.5.3 กับการเล่นแบบทีม 7 vs 7 และการเพิ่มสายเรือ โซเวียต เยอรมัน และอังกฤษ…

บริษัท วอร์เกมมิ่ง (ประเทศไทย) จัดงาน ‘Tank (You) PRESS 2016’ เพื่อขอบคุณสื่อมวลชนพร้อมทั้ง ประกาศเปิดตัวเกม เวิลด์ออฟแท็งค์ (World of Tanks) ในแพลตฟอร์มล่าสุดบนเครื่องคอนโซลเพลย์สเตชั่น 4 (Play Station 4) ประเดิมเริ่มต้นศักราชใหม่ รวมทั้ง เผยถึงแผนการอัพเดตของเกมยอดฮิตอย่าง เวิลด์ออฟวอร์ชิพส์ (World of Warships) พร้อมเผยความสำเร็จและก้าวสำคัญต่อไปในปี 2016

นายภาสกร เจริญกิจกำจร กรรมการบริหารบริษัท ออนไลน์ เกมมิ่ง พอร์ทัล ตัวแทนดำเนินการตลาดและบริการลูกค้าของบริษัท Wargaming Asia Pte Ltd. ในประเทศไทย กล่าวถึงความสำเร็จในการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2015 ที่ผ่านมา พร้อมเป้าหมายของปี 2016 ว่า นอกจากจะมีไฮไลต์สำคัญ คือ การเปิดตัวเกม World of Tanks บนแพลตฟอร์ม Play Station 4 ซึ่งโอเพ่น เบต้า ไปแล้วเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2559 ที่ผ่านมา

นายภาสกร เจริญกิจกำจร กรรมการบริหารบริษัท ออนไลน์ เกมมิ่ง พอร์ทัล

ยังมีการอัพเดตของ World of Warships แพตช์ เวอร์ชั่น 0.5.3 ที่ แบ่งเป็น 3 อย่าง หลักๆ นั่นคือ การเล่นแบบทีม 7 vs 7 โดย ผู้เล่นสามารถรวมทีมกับคนอื่น โดยใช้ข้อมูลพื้นฐานจาก ความสนใจ ทักษะ และอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องมีเลเวลสูง สามารถร่วมทีมกับเพื่อนได้ และ ปลดล็อกโหมดได้เมื่อมีเลเวล 12 ต่อมา คือการเพิ่ม ภูมิอากาศ ฝน หิมะ และระบบแคลน นอกจากนี้ การเพิ่มฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้เล่นมองเห็นเกราะของเรือรบต่างๆ สะดวกกับการเล็งเป้าหมาย เพิ่มเรือรบสายโซเวียต เยอรมัน อังกฤษ และปรับเครื่องบิน จากเรือบรรทุกเครื่องบิน ให้มีประสิทธิภาพในการทำลายล้างสูงขึ้น

ปี 2016 จะเป็นปีที่สาวกของเกมแนวสงครามในเครือวอร์เกมมิ่งไม่ผิดหวังแน่นอน

รวมทั้งเป้าหมายของปี 2016 เน้นจัดกิจกรรมและอีเวนต์ต่างๆ อย่างต่อเนื่องทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ตลอดทั้งปี ตลอดจนการให้ความสำคัญกับคอมมูนิตี้ของผู้เล่น เพื่อสนับสนุนกลุ่มผู้เล่นที่เปรียบเสมือนเป็นครอบครัวของวอร์เกมมิ่ง มั่นใจได้ว่าในปี 2016 นี้จะเป็นอีกหนึ่งปีที่สาวกของเกมแนวสงครามในเครือวอร์เกมมิ่งไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน.

รุกตลาดซิเคียวริตี้ ‘บิทดีเฟนเดอร์’ ตั้ง ‘SIS’ ตัวแทนจำหน่ายในไทย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/579267

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 ก.พ. 2559 16:30

 

เอสไอเอส ผนึกกำลัง บิทดีเฟนเดอร์ รุกตลาดซิเคียวริตี้ในไทย พร้อมเสิร์ฟโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยปี 2016 หวังตอบโจทย์การปกป้องข้อมูล…

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ เอสไอเอส (SIS) ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไอที ประกาศความร่วมมือกับ บิทดีเฟนเดอร์ (Bitdefender) ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นระบบรักษาความปลอดภัยจากประเทศโรมาเนีย รุกตลาดซอฟต์แวร์ระบบรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร เจาะกลุ่มลูกค้าทุกระดับ ตั้งแต่กลุ่มผู้ใช้ทั่วไป ธุรกิจขนาดย่อม และองค์กรขนาดใหญ่ ทั้งนี้ บิทดีเฟนเดอร์ ได้แต่งตั้ง เอสไอเอส ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายรายเดียวในประเทศไทย พร้อมเปิดตัวโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยเวอร์ชั่นล่าสุด Bitdefender 2016 และ Bitdefender Gravity Zone

นายสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ เอสไอเอส (SIS) เปิดเผยว่า บริษัทมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการแต่งตั้งจากบิทดีเฟนเดอร์ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงรายเดียวในประเทศไทย เพื่อดูแลการจัดจำหน่ายสินค้าในตลาดไอทีไทย ซึ่งปัจจุบันบิทดีเฟนเดอร์ทำตลาดแล้วกว่า 200 ประเทศทั่วโลก

“ด้วยประสบการณ์ของบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการระบบรักษาความปลอดภัย ตั้งแต่ระดับการป้องกันภัยจากไวรัสบนคอมพิวเตอร์ส่วนตัวจนถึงระดับดาต้าและบนเครือข่ายคลาวด์ เรามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถนำโซลูชั่นของบิทดีเฟนเดอร์เจาะกลุ่มผู้ใช้ทุกระดับ ทั้งผู้ใช้ตามบ้านทั่วไป กลุ่มธุรกิจขนาดย่อม และองค์กรขนาดใหญ่ รวมถึงผู้ให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต”

นอกจากนี้ กลุ่มลูกค้าที่บริษัทให้ความสนใจยังรวมถึงภาคการศึกษา โรงพยาบาล ธนาคาร และผู้ให้บริการเกมออนไลน์ โดยกลุ่มลูกค้าองค์กรส่วนใหญ่จะติดตั้งระบบเพื่อใช้ป้องกันภายในองค์กรเอง และปกป้องข้อมูลให้กับผู้ใช้บริการขององค์กรนั้นๆ ส่วนตลาดลูกค้าคอนซูเมอร์ บริษัทวางแผนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านหน้าร้านไอทีชั้นนำ เช่น Banana IT , IT City , JIB , Advice IT และร้านจำหน่ายหนังสือ เช่น SE-ED และ B2S เป็นต้น ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัย เพื่อสร้างความตระหนักต่อภัยคุกคามให้กับลูกค้าองค์กรมากขึ้น

นายมิฮาว โดมินิค กรรมการผู้จัดการบิทดีเฟนเดอร์ กลุ่มอินโดไชน่า กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้งานบิทดีเฟนเดอร์มากกว่า 500 ล้านคน ด้วยระบบรองรับการใช้งาน 20 ภาษา รวมถึงภาษาเวียดนามซึ่งเป็นภาษาที่พัฒนาขึ้นล่าสุด

“ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพมากสำหรับบิทดีเฟนเดอร์ เราจึงต้องการพันธมิตรทางธุรกิจที่มีประสบการณ์ ไม่เพียงเข้าใจตลาดและความต้องการของผู้ใช้ หากยังต้องมีความเชี่ยวชาญในการให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง และเอสไอเอสคือพันธมิตรที่เรามองหาและพร้อมที่จะนำพาธุรกิจเติบโตไปพร้อมกัน”

สำหรับการทำตลาดในประเทศไทย บริษัทแบ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มคอนซูเมอร์ กลุ่มธุรกิจขนาดย่อม และองค์กรขนาดใหญ่ โดยปัจจุบันสินค้าของบิทดีเฟนเดอร์มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในกลุ่มคอนซูมเมอร์และกลุ่มธุรกิจขนาดย่อม จากนี้บริษัทมีแผนขยายตลาดสู่กลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของ Bitdefender Gravity Zone เจาะกลุ่มลูกค้าดังกล่าว พร้อมกับการให้บริการระดับมืออาชีพจากเอสไอเอส นอกจากนี้มีรายงานการวิจัยพบว่าประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 ของประเทศแถบเอเชีย (และเป็นอันดับ 11 ในระดับโลก) ที่เป็นเป้าหมายหลักที่มีอัตราเสี่ยงต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์และมัลแวร์สูง เราจึงตั้งใจนำเสนอโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมระดับโลก เพื่อช่วยปกป้องภัยคุกคามต่างๆ ให้ตลาดและกลุ่มผู้ใช้ในประเทศไทย

ทั้งนี้ Bitdefender 2016 ออกแบบมาให้ง่ายต่อการติดตั้ง จึงเหมาะสำหรับกลุ่มผู้ใช้ตามบ้านทั่วไป โดยเวอร์ชั่นนี้จะมาพร้อมกับระบบป้องกัน Ransomeware มัลแวร์ที่จะเข้าจู่โจมระบบคอมพิวเตอร์ โดยจะทำการล็อกระบบ และแสดงข้อความลวง เพื่อให้ผู้ใช้ต้องจ่ายเงินเพื่อคืนระบบเข้าสู่ภาวะปกติ

นอกจากนี้ Bitdefender 2016 มีระบบ One Click Optimizer ช่วยจัดการเนื้อที่ในหน่วยความจำ เพื่อให้เครื่องทำงานได้เร็วขึ้นเพียงคลิกเดียว ขณะเดียวกัน Bitdefender Gravity Zone2016 ก็เป็นโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยสำหรับลูกค้าองค์กร ที่มาพร้อมการอัพเดตการโจมตีผ่านมัลแวร์รูปแบบใหม่ แบบเรียลไทม์เหมาะสำหรับระบบไอทีแบบผสมผสานที่มีโครงสร้างซับซ้อน สามารถปกป้องข้อมูลหลายระดับชั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่กินพื้นที่ของเครื่องหรือหน่วยความจำ ตรวจจับการทำงาน สแกนไวรัสและมัลแวร์ได้อัตโนมัติ เมื่อเครื่องเปิดทิ้งไว้โดยไม่ถูกใช้งาน.

พลิกโฉม ‘คอมมาร์ต’ ประเดิมต้นปีจัด ‘คอนเน็ค’ คาดโน้ตบุ๊กยังฮิตสุด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/578803

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 17 ก.พ. 2559 17:35

 

เออาร์ไอพี ประกาศปรับโฉมงานคอมมาร์ต รูปแบบแตกต่างทั้ง 3 ครั้งตลอดปี หวังเอาใจผู้บริโภคยุคใหม่ที่ชื่นชอบเทคโนโลยี ตั้งเป้างานต้นปีสร้างเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 2,940 ล้านบาท…

นายพรชัย จันทรศุภแสง ผู้อำนวยการธุรกิจสื่อไอทีและดิจิตอล บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงานคอมมาร์ต เปิดเผยว่า เพื่อรองรับเทรนด์ดิจิตอล ไลฟ์ ในปีนี้ บริษัทได้ปรับรูปแบบการจัดงานคอมมาร์ตให้รองรับพฤติกรรมแบบคอนเน็คเต็ด ไลฟ์ ของผู้บริโภคในปัจจุบัน จึงได้เปลี่ยนรูปแบบการจัดงานทั้ง 3 ครั้ง เพื่อสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของการจัดงานแต่ละครั้งให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยแบ่งออกเป็นคอมมาร์ต คอนเน็ค (Coomart Connect) สำหรับการจัดงานในช่วงต้นปี เพื่อตอบสนองการใช้ 4จี และชีวิตยุคดิจิตอล, คอมมาร์ต จอย (Commart Joy) ในการจัดงานช่วงกลางปี เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ชื่นชอบความบันเทิงและเกม และคอมมาร์ต เวิร์ก (Commart Work) ในการจัดงานช่วงปลายปี เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มองค์กรที่ต้องการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีใหม่ในช่วงสิ้นปี ซึ่งจากนี้บริษัทจะมีการประเมินรูปแบบการจัดงานคอมมาร์ตทุกปี เพื่อให้ได้รูปแบบการจัดงานที่ตรงใจผู้บริโภคอย่างแท้จริง

“จากการจัดงานในช่วงที่ผ่านมาพบว่าผู้บริโภคต้องการเห็นสีสันและความแตกต่างในการจัดงานแต่ละครั้ง จึงเป็นที่มาของการจัดงานในรูปแบบดังกล่าว ภายใต้พื้นที่การจัดงานเท่าเดิมคือใช้พื้นที่ทั้งหมดของศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ยกเว้นบริเวณโซนซีชั้นล่าง โดยเชื่อว่าการจัดงานคอมมาร์ตในปีนี้จะสามารถกระตุ้นตลาดไอทีให้กลับมาคึกคักได้ จากสินค้าที่แต่ละแบรนด์นำมาสร้างสีสันภายในงาน และกิจกรรมทางการตลาดเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค และเชื่อว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงต้นปีได้กลับมาแล้ว จากการพิจารณางานที่จัดขึ้นในช่วงก่อนหน้า รวมถึงนโยบายภาครัฐที่สนับสนุนให้ผู้ประกอบการใช้งานออนไลน์ รวมถึงการมาของ 4จี”

สำหรับสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าภายในงานครั้งนี้ แบ่งเป็นโน้ตบุ๊ก พีซี เดสก์ท็อป ประมาณ 60%, สมาร์ทโฟน 20% และแก็ดเจ็ตต่างๆ ราว 30% เพื่อรองรับเทรนด์ดิจิตอลและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ส่วนสินค้าที่คาดว่าจะได้รับความนิยมจากผู้บริโภคนั้น เชื่อว่าโน้ตบุ๊กจะเป็นสินค้าขายดีที่สุด โดยเฉพาะระดับราคา 30,000 บาท ตามด้วยแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์กลุ่มคอนเน็คเต็ด ที่สามารถตอบสนองเทรนด์สุขภาพได้ ซึ่งถือว่าใกล้เคียงจากการจัดงานครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากโน้ตบุ๊กยังคงเป็นสินค้ายอดนิยม รองลงมา คือ แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน และสินค้าประเภทหน้าจอและแก็ดเจ็ต อย่างไรก็ตาม การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นอีกครั้งที่ผู้ผลิตสินค้าไอทีชั้นนำมาร่วมงานคอมมาร์ตอย่างคับคั่ง อาทิ เอชพี เดลล์ เลอโนโว เอซุส เอเซอร์ เป็นต้น

“มีการคาดการณ์ว่าตลาดไอทีปีนี้จะเติบโตขึ้นราว 3% จากปีที่ผ่านมา จากพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่กลับมามั่นใจมากขึ้น รวมถึงปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายภาครัฐและการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่”

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการจัดงานคอมมาร์ต คอนเน็ค จะสามารถสร้างยอดเงินสะพัดภายในงานได้ไม่ต่ำกว่า 2,940 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นราว 5% จากการจัดงานครั้งที่ผ่านมาซึ่งมียอดเงินสะพัดราว 2,800 ล้านบาท ส่วนยอดผู้เข้าชมงานนั้นเชื่อว่าจะอยู่ในสัดส่วนเดิมหรือประมาณ 8 แสนคน

สำหรับการจัดงานคอมมาร์ต คอนเน็ค 2016 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 มีนาคม 2559 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์.

คำนวณผิดพลาด! เอไอเอสรับระบบมีปัญหาตัดเน็ตเกิน เร่งแก้พร้อมชดเชยลูกค้า

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/578651

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 17 ก.พ. 2559 12:35

 

เอไอเอส ยอมรับเกิดปัญหาในการคำนวณค่าบริการจริง เผย ต้นเหตุมาจากการอัพเกรดซอฟต์แวร์ใหม่ เร่งดำเนินการแก้ไข พร้อมปรับปรุงยอดค่าใช้บริการให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด…

จากกรณีที่โลกออนไลน์ได้มีการแชร์เรื่องราวเกี่ยวกับการใช้งานแพ็กเกจ 4จี เครือข่ายเอไอเอส ซึ่งผู้เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวระบุว่า ตนเองเป็นลูกค้าเอไอเอส ซึ่งได้เปลี่ยนมาใช้งานแพ็กเกจ 4จี ที่เอไอเอสได้เปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้ แต่หลังจากใช้งานก็ได้มีการตรวจสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตที่คงเหลือในแพ็กเกจ และกลับพบว่าถูกระบบตัดอินเทอร์เน็ตไปมากเกินกว่าที่มีการใช้งานจริง โดยระบบได้ตัดอินเทอร์เน็ตขั้นต่ำ 1MB ทุกครั้งที่มีการใช้งาน จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องดังกล่าวอย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีผู้ใช้บริการจำนวนมากที่ไม่เคยตรวจสอบยอดอินเทอร์เน็ตคงเหลือ

ล่าสุด เอไอเอส ได้ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่ามาจากปัญหาระบบการคิดคำนวณผิดพลาด และจะปรับปรุงยอดการใช้บริการให้แก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด

โดย นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส เปิดเผยว่า สำหรับเรื่องการคิดค่าบริการที่ไม่ตรงกับการใช้งาน เอไอเอสได้รับทราบปัญหาและรีบตรวจสอบหาสาเหตุ ซึ่งพบว่าเกิดจากระบบการคิดคำนวณที่ไม่สมบูรณ์ หลังจากการอัพเกรดซอฟต์แวร์ระบบใหม่ โดยมีผลกระทบกับลูกค้าบางส่วน และบางโปรโมชั่นเท่านั้นที่มีคำนวณการใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็น MB (เมกะไบต์)

ทั้งนี้ เอไอเอส จะดำเนินการแก้ไขให้แล้วเสร็จโดยด่วน และทำการปรับปรุงยอดค่าใช้บริการให้กับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด และใคร่ขอขอบพระคุณลูกค้าทุกท่านที่แจ้งเรื่องเข้ามา และไว้วางใจให้เราดูแล เราสัญญาว่าจะส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้ลูกค้าตลอดไป.

พันเดียวก็ซื้อสมาร์ทโฟนได้! เช็ก 4 โซนทีเด็ด แหล่งของดี ‘โมบาย เอ็กซ์โป’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/577023

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 13 ก.พ. 2559 05:30

 

เปิดพิกัดเด็ดในงานไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2016 เน้นความคุ้มค่ากับโปรโมชั่น ของแถม และราคาพิเศษ กับเวลาจัดงานอีกเพียง 2 วันเท่านั้น…

เป็นอันรู้กันดีว่าในมหกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นแต่ละครั้ง จะเต็มไปด้วยสินค้าลดราคา โปรโมชั่น พร้อมของแจกของแถมหลากหลาย ที่บรรดาผู้ขายพากันนำมาดึงดูดความสนใจและเรียกลูกค้า… เช่นเดียวกับ “ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2016” ที่แบรนด์มือถือและผู้ให้บริการเครือข่าย (โอเปอเรเตอร์) ต่างพากันจัดโปรโมชั่น เพื่อแข่งขันกันเรียกความสนใจจากผู้เข้าร่วมงาน

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความคุ้มค่าและเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจ “ไทยรัฐออนไลน์” จึงได้รวบรวมพื้นที่ขายบริเวณต่างๆ ภายในงานไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2016 มาให้ รับรองว่ามีแต่ความคุ้มค่าและของดีรอคุณอยู่…!

พื้นที่ภายในงานดังกล่าว ถูกแบ่งออกเป็น 4 โซนหลัก ได้แก่ เพลนารี ฮอลล์, โซนซี ชั้น 2, โซน บอลรูม และ มีตติ้งรูม ซึ่งแต่ละโซนจะมีอะไรน่าสนใจ เราได้รวบรวมและสรุปมาให้แล้ว ดังนี้…

คนสนใจมือถือ มาเดินกันเพียบ

เริ่มต้นกันที่ “เพลนารี ฮอลล์”
1. พื้นที่ดังกล่าวถือเป็นบริเวณที่ผู้เที่ยวชมงานต้องไม่พลาด เพราะรวมแบรนด์มือถือชั้นนำเอาไว้เพียบ! อาทิ ซัมซุง, หัวเว่ย, เอเซอร์, เอซุส, เลอโนโว และบรรดาค่ายมือถือ โดยการจัดงานครั้งนี้ยังเป็นครั้งแรกของแบรนด์วีโว่ และวีโก ที่ได้ย้ายเข้ามาเปิดบูธภายในบริเวณดังกล่าวอีกด้วย

2. บูธที่มอบส่วนลดสูงสุด น่าจะอยู่ที่บูธทรูมูฟ เอช… ซึ่งให้ส่วนลด 1,000 บาท สำหรับผู้ที่ซื้อซัมซุง กาแล็กซี่ โน้ต 5

3. เอไอเอส ก็ไม่น้อยหน้า เพราะประกาศลดราคาซัมซุง กาแล็กซี่ เอ5 เหลือ 8,900 บาท พร้อมวางขายกาแล็กซี่ วิว เป็นครั้งแรกในไทย และลดราคาพิเศษอีกราวๆ 3,000-4,000 บาท

4. สำหรับสาวกไอโฟนก็ไม่ต้องน้อยใจ เพราะดีแทคจัดเต็มลดราคาเพียบ ตั้งแต่ไอโฟน 5เอส ไอโฟน6 และไอโฟน 6เอส พร้อมโปรโมชั่นซื้อไอโฟน 6พลัส 128GB แถมฟรีไอโฟน 5เอส 16GB

5. ไม่พูดถึงซัมซุงคงไม่ได้ เพราะได้นำกาแล็กซี่ เอ5 สีชมพู มาจำหน่ายเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อต้อนรับเทศกาลวาเลนไทน์ พร้อมลดพิเศษ 1,000 บาท สำหรับผู้ที่ซื้อภายในโดยใช้สิทธิ์กาแล็กซี่ กิฟต์ และยังมีซัมซุงเกียร์ เอส2 สีโรสโกลด์ และ สีแพลตตินั่ม ให้จองซื้อภายในงาน พร้อมลดราคา 1,000 บาท

ไม่ได้ซื้อก็สามารถทดลองใช้งานได้

6. งานเปิดตัวรุ่นใหม่ก็มี! ที่บูธเลอโนโว, เอซุส และ หัวเว่ย ชอบแบรนด์ไหน สนใจรุ่นใด ก็ลองไปเลือกชมกันได้ โดยเฉพาะบูธหัวเว่ยที่ใจปล้ำนำสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดจีอาร์ 5 มาลดราคาพิเศษในงานอีก 5,000 บาท

7. ใครชอบสีสันและเทคโนโลยีใหม่ๆ ซัมซุงและเลอโนโว ก็มีมุมให้ทดลองเล่นแว่นตาเสมือนจริง (แว่น วีอาร์) โดยเฉพาะซัมซุงที่จัดพื้นที่อลังการเอาไว้ให้ทดลองใช้งาน บริเวณทางเดินด้านนอก

8. โซนี่ นำสมาร์ทโฟนแซท 5 รุ่นไฮไลต์ของปีที่ผ่านมา ลดราคาสูงสุดถึง 6,000 บาทเลยทีเดียว

ต่อกันที่ “โซนซี ชั้น 2”
1. รู้กันดีว่าโซนนี้จะเป็นแหล่งรวมอุปกรณ์เสริมต่างๆ อาทิ เคสมือถือ-แท็บเลต, สายชาร์จ, พาวเวอร์แบงก์, กล้องติดรถยนต์, ฟิลม์กันรอย, หูฟัง, ไมโครเอสดี และ ฮาร์ดดิสก์ ซึ่งทีเด็ดอยู่ที่ราคา!!!

2. รับรองว่าไม่ต้องถือเงินมาเยอะก็สามารถซื้อสินค้าจากโซนนี้กลับไปได้อย่างแน่นอน เพราะมีจำหน่ายกันตั้งแต่เคสมือถือราคาเริ่มต้น 20 บาท และ หูฟังแบบเฮดโฟน 100 บาท

ของราคาถูกก็มีให้เลือกซื้อตามใจชอบ

3. ใครชอบแบรนด์น้องใหม่ สป็อกซ์ (Spox) สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์เลือดไทยที่เตรียมบุกตลาดเออีซี ก็มีจำหน่ายกันที่นี่ในราคา 3,490 บาท

4. เอเซอร์ก็มีบูธจำหน่ายสินค้าอยู่ในโซนนี้เช่นกัน แต่พิเศษกว่าบูธภายใน เพลนารี ฮอลล์ เพราะบูธนี้จัดไว้เป็นพิเศษสำหรับจำหน่ายสินค้าประเภทเคลียร์แลนซ์ หรือ ลดล้างสต๊อก นั่นเอง ซึ่งมีสมาร์ทโฟนเอเซอร์ราคาเริ่มต้นที่ 990 บาท และโน้ตบุ๊กราคาเริ่มต้นที่ 5,900 บาท มาจำหน่ายเพียบ

5. แฟนพันธุ์แท้ซินเน็ค และไอที​ ซิตี้ ไม่ต้องห่วง เพราะทั้ง 2 ค่าย ก็นำสมาร์ทโฟนหลากหลายแบรนด์มาจำหน่ายอยู่ในโซนนี้

เดินต่ออีกนิดกับ “โซนบอลรูม”
1. ภายในโซนบอลรูมจะแบ่งออกเป็น 2 โซนย่อย คือ บูธ My World ที่มาจัดโปรโมชั่นเบอร์ดีเลขสวย พร้อมรับส่วนลดมากมาย เช่น โทรฟรี 2 ปี เล่นเน็ตฟรี 2 ปี และโซนแก็ดเจ็ต ที่มีสินค้าไฮเทคมาจัดแสดงและจำหน่ายหลากหลาย

2. แก็ดเจ็ต เต็มไปด้วยร้านค้าของพาร์ตเนอร์รายต่างๆ อาทิ ร้านดอทไลฟ์ ที่นำสินค้าไฮเทค เช่น โดรน แบรนด์ DJI มาโชว์และขาย, รถเด็กไฮเทค รถเด็กเล่นที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์บังคับด้วยมือถือ, กระเป๋าอัจฉริยะ เหมือนกระเป๋าเดินทางแต่สามารถใช้แอพค้นหากระเป๋า สั่งล็อกผ่านมือถือ ใช้เป็นที่ชาร์จแบตได้, กระติกสารพัดประโยชน์ ที่สามารถระดมทุนได้สูงสุดในโลกกว่า 470 ล้านบาท สามารถปั่นน้ำผักผลไม้ ชาร์จแบต เป็นลำโพงเคลื่อนที่ เป็นเขียงเฉพาะกิจ เป็นต้น

พรีเดเตอร์ โมบิล ของเอเซอร์ สำหรับเกมเมอร์

3. นอกจาก 2 โซนดังกล่าว ภายในห้องบอลรูมยังมีโซนเกมมือถือ จัดกิจกรรมทั้งขายทั้งแจกไอเทมพิเศษภายในงาน จาก 7 เกมดัง เพื่อเอาใจคอเกม อาทิ 7knight และ  Dragonica เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมแข่งขัน และเสวนาเกี่ยวกับเกม รวมถึงมอเตอร์ไซค์เล่นเกม เอเซอร์ พรีเดเตอร์ โมบิล เป็นคันแรกในไทยและโลก ให้ได้สัมผัสกันเป็นครั้งแรกอีกด้วย

ปิดท้ายกับ “มีตติ้งรูม”
1. หลายแบรนด์ต่างยึดพื้นที่โซนนี้เพื่อจัดเป็นพื้นที่รับรองลูกค้า อาทิ แซดทีอี ซึ่งมีการจัดจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษพร้อมของแถม และพื้นที่รับรองและบริการลูกค้าเบื้องต้น เช่น ติดฟิล์ม ลงแอพพลิเคชั่น

2. กาแล็กซี่ เลานจ์ สำหรับลูกค้าซัมซุงที่ใช้สิทธิพิเศษจากกาแล็กซี่ กิฟต์ โดยต้องมากดรับสิทธิ์ภายในงาน เพื่อเข้าสู่พื้นที่รับรองลูกค้า มีอาหารและเครื่องดื่มไว้บริการ

3. นอกจากนี้ วีโว่ และดีแทค ก็จัดพื้นที่รับรองลูกค้าไว้ที่โซนนี้เช่นเดียวกัน

นอกจาก 4 โซนทีเด็ดที่บอกไปแล้ว ภายในงานไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2016 ยังมีโซนที่เรียกว่า เอเทรียม ซึ่งมีอีก 2 ร้าน คือ ทีจี และเจมาร์ท โดยทีจีได้นำไมโครซอฟต์ ลูเมีย มาลดราคาเริ่มต้นเพียง 1,000 บาท ส่วนเจมาร์ทเน้นของแถม ประกันนาน 18 เดือน ผ่อนแบบไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

ใครอยากได้ของราคาถูก ทั้งแถม ให้รีบมาเที่ยวชมงานช่วงวันเสาร์และอาทิตย์นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใน 10.00-20.00 น. เท่านั้น ช้าหมดอดแน่ๆ…!!!