#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://www.naewna.com/local/716823
เปิดวิสัยทัศน์‘ประมุข เจิดพงศาธร’ มองเศรษฐกิจ‘สหรัฐอเมริกา’ และโอกาสของ‘ข้าวหอมมะลิไทย’
วันจันทร์ ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2566, 06.00 น.
ไทยได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่โดดเด่นด้าน “อาหาร” ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “ข้าว” จากยอดการส่งออกเป็นอันดับต้นๆ ของโลกในทุกปี และโดยเฉพาะ “ข้าวหอมมะลิ” ที่มีชื่อเสียงในระดับสากล ล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ ทีมงาน “นสพ.แนวหน้า”มีโอกาสได้พูดคุยกับ นายประมุข เจิดพงศาธร ประธานบริษัท PJUS GROUP, USA นักธุรกิจชาวไทยผู้จัดหาสินค้าไทยส่งให้กับห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตในสหรัฐอเมริกาเนื่องในโอกาสที่ คุณประมุข เดินทางกลับมาเมืองไทยเพื่อหารือกับ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ในการนำข้าวหอมมะลิที่มีตราเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย “(Thai Hom Mali Rice)” โดยกรมการค้าต่างประเทศบุกตลาดสหรัฐฯ
– ก่อนอื่นอยากให้ท่านแนะนำว่า บริษัทของท่านทำอะไรบ้าง? : ตอนนี้ทำข้าวทุกชนิด ข้าวแบรนด์ Premium Queen Elephant ข้าว Long Grain Rice ก็คือข้าวขาว ข้าวขาวกล้อง ข้าวนึ่ง แล้วก็มาข้าวหอมประเภทธรรมดา ก็คือใช้ข้าวหอมปทุม แล้วก็ข้าวหอมมะลิพรีเมียม ข้าวนี่ผมใช้ 2-3 โรงงาน เพราะทางเป้าหมายเราคิดจะทำ 1,000 ตู้ หรือประมาณ 2 หมื่นตัน แล้วต่อไปจะเพิ่มขึ้นเป็น 4-5 หมื่นตัน
แล้วตัวอื่นที่ผมทำก็คือสินค้าเกี่ยวกับมะพร้าว ก็มีน้ำมะพร้าว มีกะทิ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีความหลากหลายพอสมควร เนื้อมะพร้าวก็ยังนำมาทำมะพร้าวอบแห้ง อีกหลายๆ ชนิดต่อๆ มาหลังจากน้ำมะพร้าวเรายังมีทำเครื่องดื่มชนิดอื่น พวกน้ำว่านหางจระเข้ น้ำมะขาม น้ำแตงโม แล้วกำลังจะเพิ่มไปเป็นชาเขียว แล้วอาหารกระป๋องก็ตั้งแต่สับปะรด ฟรุ๊ตสลัด ฟรุ๊ตค็อกเทล มีพวกมะม่วง ก็เป็นส่วนของกระป๋องทั้งสิ้น แล้วก็มาสัก 3 ปีนี้ก็เป็นของขบเคี้ยว
– อะไรทำให้ท่านมาสนใจและอยากส่งเสริมข้าวหอมมะลิอย่างจริงจัง? : ก็คือข้าวทุ่งกุลาร้องไห้ ในส่วนนี้ทำไมเขาถึงเน้นคำว่าทุ่งกุลาร้องไห้? ผมก็บังเอิญไปค้นพบ เราก็ชอบศึกษา ชอบถาม ว่าแล้วทุ่งกุลาร้องไห้มันดีอย่างไร? ก็บังเอิญวันหนึ่งผมอยู่กรุงเทพฯ นี่ละ ผมก็ถามแท็กซี่ว่ารายได้เป็นอย่างไรบ้าง? ตั้งแต่เข้ามาจนถึงปัจจุบัน เจอลุงคนนี้แกบอกว่าขับแล้วได้ 2,100 บาท ผมถามว่าต้องเสียค่าเช่าไหม? เขาบอกไม่! เพราะเป็นรถของเขาเอง ขับวันละกี่ชั่วโมง? เขาบอก 14 ชั่วโมง ไม่หยุดสักวัน
เราก็นึกในใจ เราก็ทำงานเยอะแล้วนะ ก็เท่ากับเป็นการเสริมสร้างกำลังใจเสียด้วยซ้ำไป แต่ทีนี้คือข้าวออร์แกนิก เท่าที่ทราบคือข้าวหอมมะลิปลูกกันอยู่แถว จ.ร้อยเอ็ด คนขับแท็กซี่ก็บอกว่าแกขับรถปีหนึ่งต้องกลับบ้านไปเพื่อที่จะไปดำนา หมายความว่าแกมีนาของตัวเอง ผมถามเรื่องดำนาเขาก็บอกว่าอันนี้เก็บไว้กินเอง แต่ในขณะเดียวกัน ที่ของแก 7-8 ไร่ แล้วก็ส่วนอื่นซึ่งไม่ใช่ของแก แกบอกว่าเขาใช้นาหว่าน ใช้เครื่องจักรหมดแล้ว ไม่ต้องมานั่งดำนาทีละต้นเหมือนในอดีต
เราก็เลยมาถึงบางอ้อ เขาใช้นาหว่านนี่เขาผสมสารเคมีก็คือปุ๋ย หว่านออกไป นั่นคือสิ่งที่จะเรียกว่าเป็นออร์แกนิกไม่ได้ ในส่วนของแกเนื่องจากไม่ได้ใช้ยากำจัดศัตรูพืชหรือฆ่าแมลง มันก็สามารถ Declare (ประกาศ) ว่าเป็นออร์แกนิกได้ถ้าหากเรียกหน่วยงานมาตรวจสอบ เขาก็บอกว่าตรงทุ่งกุลาร้องไห้เนื่องจากมันเป็นดินปนทราย ซึ่งมันปลูกได้แต่ข้าว ปลูกพืชอื่นมันก็ไม่ได้เท่าไร ตรงนี้จะดีที่สุด
“เอาข้าวพันธุ์ทุ่งกุลาร้องไห้ไปปลูกที่ภาคกลาง มันก็จะออกผลมาเป็นแบบอื่น มันจะไม่ได้มีกลิ่นหอม ตรงนี้เป็นจุดที่เรียกว่าข้าวที่ดีที่สุดของประเทศไทย ที่ประเทศไทยถึงขั้นออกโลโก้ว่าหอมมะลิ ถึงเป็นที่ไปที่มาว่าข้าวทุ่งกุลาร้องไห้คือปลูกได้เฉพาะตรงนี้ แล้วที่นี่ก็ไม่เหมือนภาคกลางที่มีเขื่อนมีน้ำ ที่นี่ปีหนึ่งฝนก็จะตกครั้งหนึ่ง ฉะนั้นก็จะเป็นข้าวนาปี อันนี้ก็เป็นความรู้”
– ท่านทำธุรกิจในสหรัฐฯ มานาน อยากทราบว่าชาวอเมริกันรู้จักข้าวหอมมะลิมาก-น้อยเพียงใด? และเท่าที่ทราบขณะนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ไม่ค่อยดีนักอันเป็นผลกระทบต่อเนื่องลากยาวมาตั้งแต่สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 จนถึงสงครามรัสเซีย-ยูเครน ผู้คนก็ต้องระมัดระวังการใช้จ่าย แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าข้าวหอมมะลิถือเป็นข้าวเกรดสูง ข้าวระดับพรีเมียม อะไรทำให้ท่านมองเห็นโอกาสในการผลักดันข้าวหอมมะลิไทยในเวลานี้? : เราย้อนประวัติข้าวหอมมะลิกันนิด อเมริกาก็เห็นว่าทำไมไทยเอาแต่ข้าวหอมมะลิมาเยอะ? ปีหนึ่งๆ ก็ 4-5 แสนตัน
เราต้องยอมรับว่าคนที่บริโภคข้าวหอมมะลิมาดั้งเดิมคือชาวเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวเวียดนาม ชาวเวียดนามโพ้นทะเลตั้งแต่สงครามเวียดนามแล้วก็มีกลุ่มอพยพเข้าไป แล้วทางไทยเราก็ส่งข้าวนี้เข้าไป เขาก็เป็นกลุ่มบริโภคที่แพงเท่าไรเขาก็กิน แล้วก็มีชาวจีน คือสิ่งที่ดีขึ้นมาจากประสบการณ์ผมเองใน 3 ปีมานี้ คือบังเอิญแบรนด์ยักษ์ใหญ่ในอเมริกาก็ใช้ข้าวอเมริกา อเมริกาสร้างข้าวหอมมะลิขึ้นมา แรกเริ่มเดิมทีใช้คำว่าแจสแมน แต่ทำอย่างไรก็สู้ข้าวของเราไม่ได้ ถึงได้มีการตรวจกันถึง DNA
จากแจสแมนเขาก็เริ่มปลูกข้าวธรรมดาแล้วก็เรียกว่าจัสมิน เขาก็กินของเขาอย่างนั้น คำว่าจัสมินก็คือชื่อกลางที่ทั่วๆ ไป ซึ่งตอนหลังเวียดนามเขาก็มาทำข้าวแต่เขาก็ปลูกไม่ได้เพราะภูมิประเทศของเขาเจอมรสุมหนักมาก แล้วข้าวพันธุ์ของเขาปลูกออกมาก็สู้พันธุ์ของไทยไม่ได้ อันนี้จากตัวเอง ตลาดฮิสแปนิก กินข้าวจะเอาไปคลุกกับมะเขือเทศบ้างอะไรบ้าง ข้าวอะไรก็เหมือนกันหมดก็ทำแบบนั้น แต่ตอนหลังเขาเริ่มรู้จักความแตกต่างของข้าวหอมมะลิจริงๆ แล้ว อันนี้จากคู่ค้าผมเอง มันเริ่มกระจายออกไป
ส่วนหนึ่งก็ยังไม่รู้ แต่ส่วนที่รู้เขาเน้นแล้วว่าต้องเป็นข้าวทุ่งกุลาร้องไห้ ฮิสแปนิกก็จะเป็นกลุ่มโซนลาติน อย่างสเปน เปอร์โตริโก บราซิล อาร์เจนตินา เม็กซิโก เป็นต้น ก็จะมี 2 พวกอย่างแถวไมอามี (รัฐฟลอริดา สหรัฐฯ) ก็จะเป็นโซนลาตินอเมริกาพวกนี้จะกินข้าวหอมมะลิที่เหมือนข้าวขาวไม่คลุกอะไร ส่วนฮิสแปนิกฝั่งเม็กซิโกจะกินข้าวที่พูดง่ายๆ ขอให้ราคาถูกก่อน แต่คนที่มีอันจะกินก็อยากจะกินที่มีตราหอมมะลิแล้ว อันนี้จากการที่สัมผัสโดยตรง
“อาจจะเป็นอานิสงส์ที่เราสร้างมานาน สร้างความเชื่อถือคือการค้าหากมีความเชื่อถือในเรื่องของแบรนด์ นอกนั้นยังไม่พอ ต้องมีความรู้ มีประสบการณ์ ตั้งแต่ปีที่แล้วผมบอกว่าถ้าหากไม่มั่นใจจะทำ ผมไม่ทำ เพราะนโยบายของห้างพวกนี้คือ Zero Mistake หรือความผิด 0 เปอร์เซ็นต์ เพราะถ้าทำผิดนิดสิ่งที่ผมทำมามันพังหมด ผมก็ไม่ทำ แล้วข้าวสิ่งที่เราทำไว้แล้วพอดีเขายังอยากให้เราทำ ผมก็เลยเรียกว่ามันสวนกระแส แต่พอผมได้ทำข้าว เนื่องจากตัวผมเขาให้ความมั่นใจ เขาก็เลยให้ทำอย่างอื่นด้วย”
– อีกประเด็นที่น่าสนใจ โดยปกติเรามักจะเข้าใจกันว่าการขนส่งในประเทศราคาต้องถูกกว่าการขนส่งข้ามประเทศ แต่ท่านบอกว่าวันนี้ไทยมีโอกาสส่งข้าวหอมมะลิไปขายในสหรัฐฯ เพราะค่าขนส่งทางเรือจากไทยไปสหรัฐฯ ยังถูกกว่าค่าขนส่งทางบกในสหรัฐฯ ระหว่างมลรัฐต่างๆ เสียอีก ตรงนี้สาเหตุมาจากอะไร? : อเมริกาถ้าผมจะบินจากซานฟรานซิสโก (รัฐแคลิฟอร์เนีย) ไปฝั่งตะวันออก ไกลว่าญี่ปุ่นอีก 8 ชั่วโมง แล้วอเมริกามีถึง 50 รัฐ ฉะนั้นรัฐหนึ่งก็เท่ากับ 1 ประเทศ
ดังนั้นข้าวที่ปลูกในรัฐเท็กซัส ใช้รถบรรทุกวิ่งมายังแอลแอ (ลอสแองเจลิส) รัฐแคลิฟอร์เนีย เสียค่ารถ 3,000 เหรียญ แต่ในขณะเดียวกันจากกรุงเทพฯ ไปแอลเอ 1,200 เหรียญ คือจากเท็กซัสจะวิ่งมาแอลเอมันวิ่งมาด้วยเรือไม่ได้ มันมีแต่บนรถเท่านั้น อันนี้จะเห็นภาพชัดเจนว่าทำไมในประเทศถึงแพง คือมันจะสู้กันได้ตรงนี้ ทุกอย่างมันมีเหตุผลในตัวของมันเอง
– ทราบว่าที่ท่านเดินทางมาประเทศไทยครั้งนี้ มีแผนจะนำคู่ค้าจากสหรัฐฯ เข้าหารือกับทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในการโปรโมทสินค้าข้าวหอมมะลิของไทย ที่มีตราเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย (Thai Hom Mali Rice)จากกรมการค้าต่างประเทศที่ถุงบรรจุ ผ่านเครือข่ายห้างสรรพสินค้าพันธมิตรของบริษัท ตรงนี้พอจะเล่าความคืบหน้าหลังการหารือได้หรือไม่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง? : โอเคเลย! เพราะว่าในส่วนของผมเวลามาประเทศไทยผมก็ลงทุนด้วยตัวเอง พาคู่ค้ามา ในฐานะที่ผมเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของกระทรวงฯ มาทุกยุคสมัยมาร่วม 20 ปีแล้ว คู่ค้ามาอย่างน้อยที่สุดเขาสามารถเล่าให้อธิบดีทราบได้ว่ามีอะไรบ้าง
ผมเห็นว่าคนนี้เก่งมาก ผมก็นำเขาเข้าพบอธิบดีที่กระทรวงฯ จากนั้นผมก็พาเขาไปที่โรงงานที่มีหุ้นส่วนกันที่ อ.ปราณบุรี(จ.ประจวบคีรีขันธ์) เขาทำครบวงจรเลย หลังจากนั้นก็มีการที่จะขยายในส่วนของข้าว ซึ่งผมเอาห้าง 5-6 แห่ง หลายหัวเมืองเข้ามาเพื่อที่จะโปรโมททางธุรกิจ หรือการโปรโมทสินค้าข้าวไทย ซึ่งขณะนี้ก็จะมีที่ ซาคราเมนโต (รัฐแคลิฟอร์เนีย) ซึ่งจะทำกันเป็นเดือนหลายครั้งเลย
มีทั้งลงโฆษณาหนังสิอพิมพ์ มีการโชว์สินค้าที่ห้าง โชว์สินค้าข้าวหอมมะลิ บางห้างก็อาจจะมีการมาหุงข้าวหอมมะลิแล้วก็ให้คนชิม ที่รัฐเท็กซัส อันนี้หลายรอบ ทำทั้งปีเลย แล้วก็มีห้างที่ลาสเวกัส (รัฐเนวาดา) นี่ก็เอาสินค้าโชว์มาแล้ว แล้วก็มีที่แอลเออีก 2 ห้าง มีที่ซีแอตเทิล (รัฐวอชิงตัน) กลับไป (สหรัฐฯ) นี่ก็ต้องบินเป็นลูกข่าง นี่คือในส่วนที่โปรโมท ภาระผมค่อนข้างที่จะเยอะ แต่ตราบใดที่เป็นสิ่งที่เราทำแล้วสนุกกับมันก็โอเค
– ไหนๆ มีโอกาสได้พูดคุยกับคนไทยที่ทำธุรกิจอยู่ในสหรัฐฯ ทั้งที ก็อยากให้ท่านเล่าหน่อยว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในสหรัฐฯ ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? : โดยภาพรวมก็ยังย่ำแย่อยู่ ทุกคนก็ระมัดระวังในการใช้จ่าย เนื่องจากว่าที่นั่นก็จะมีงบประมาณในการใช้ชีวิตประจำวัน มันมีเงินจำกัดตรงนั้นอยู่ค่าเช่า ค่าเล่าเรียนลูก ค่าใช้จ่ายประจำวัน ถ้าไม่จำเป็นเขาหยุดใช้เงิน เพราะน้ำมันก็แพง แล้วภาวะเงินเฟ้อ (Inflation) มันสูงขึ้นหมด ต้นทุนสูงขึ้นหมด แล้วก็เป็นผลจากค่าระวางเรือปีที่แล้ว ช่วง 6-8 เดือน ตั้งแต่ 1,000 เหรียญ ขึ้นไปเป็น 1.5-2 หมื่นเหรียญ ก็ทำให้หลายๆ อย่างราคาขึ้นสูงมาก พอกระทบอยู่
สงครามรัสเซีย-ยูเครนยิ่งไปกันใหญ่ ช่วงนี้มีงานแสดงสินค้า ที่อนาไฮม์ (รัฐแคลิฟอร์เนีย) งาน Expo West ก่อนจะมาให้ข่าวนี่ผมก็ลองสอบถามดู แย่มากๆ ล่าช้าในการใช้จ่ายใช้สอย ยกเว้นในส่วนของสินค้าที่เป็นอาหาร แล้วก็ต้องเป็นอาหารพวกที่ยังจำเป็นจริงๆ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ค่อยจะซื้อกัน อย่างพวกอาหารห้างพรีเมียม เป็นออร์แกนิกหรืออะไรเหล่านี้ เราก็สังเกตดู คนจะน้อยเลย คนย้ายไปซื้อห้าง Discount Store (ห้างค้าปลีก) ที่ราคาถูกโชคดีที่ผมมองเรื่องนี้ตั้งแต่ปีกว่ามาแล้ว ตอนนั้นก็พยายามจะจับตลาดนี้ให้ได้ แล้วผมก็จับได้มันก็เลยต่อยอดไปเรื่อยๆ
ทีนี้มาพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจ ตอนนี้ใหญ่หรือเล็กก็แย่หมด ชีวิตประจำวันทุกคนก็ยังแย่อยู่แล้ว จะเดินทางจะบินอะไรก็ลำบากกันหมด เรื่องการค้าจะดีมันเป็นไปไม่ได้ ก็อยู่ที่ว่าทางใครทางมัน พวกที่ทำในสายอาหารแล้วก็ทำอยู่ถูกช่องทาง มีคู่ค้าที่ดี ข้อย้ำเลย! คู่ค้าที่ดี คู่ค้าที่มั่นคง พวกนี้ก็จะได้เปรียบ อย่างตัวผมเอง ผมคิดว่าอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบเพราะผมทำข้าว แล้วข้าวนี่ก็กำลังอยู่ในนโยบายของรัฐบาลที่ตอนนี้กำลังส่งเสริมข้าวหอมมะลิจากทุ่งกุลาร้องไห้ ผมก็ทำโครงการนั้นอยู่
สภาวะการเงินมันก็แปลกๆ ที่อเมริกาเวลานี้ มีคนถอนเงินจากหลายๆ ธนาคาร เราก็มองดูว่าจะมีบริษัทล้มหายตายจากไปฉะนั้นต้องจับตามองอย่างดีเลย เพราะการค้าชั่วโมงนี้ไม่สามารถที่จะกำหนดความแน่นอนได้ มันมีปัจจัยเสี่ยงเยอะเหลือเกิน อย่างเช่น ค่าเงิน 3 เดือนวิ่งขึ้น-วิ่งลง 20 เปอร์เซ็นต์ อย่างผมตอนจะมาเมืองไทย เงินบาทอยู่ที่ 38 บาท มาถึงยังไม่กี่วันก็เหลือ32.50 บาท ผมก็คิดว่าจะเอากลับไปอเมริกา ยังไม่ทันไรมันก็วิ่งขึ้นมาที่ 35 บาทกว่าๆ ตอนนี้อยู่แถวๆ 35 บาท วิ่งอยู่ตรงนี้ คือผมไม่ใช่นักเก็งกำไรค่าเงิน แล้วก็ไม่ได้ยุ่งกับหุ้น เราค้าขายจริงสร้างแบรนด์ ได้กำไรจาก Value Added หรือมูลค่าเพิ่มจากแบรนด์ที่เราสร้าง ตรงนี้ผมก็คิดว่า 35 บาท ก็พอใจแล้ว
– ในส่วนของธุรกิจของท่านเป็นอย่างไรบ้าง? : ความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมา เราจะพอรู้ได้ว่าอะไรควรและไม่ควรทำสิ่งเหล่านี้ผมคิดว่าผมทำได้ดีมาก อันนี้ผมพูดถึงตัวผม สินค้ามันค่อนข้างจะ Diversified ก็คือหลากหลาย เรารู้ว่าสิ่งนี้เราทำไปแล้วมันจะมีปัญหาเราก็หยุดดีกว่า อันนี้หมายถึงตัวสินค้า แล้วในขณะเดียวกันคู่ค้าที่อยู่ประเทศไทย ถ้าหากว่ามีคู่ค้าที่ ไม่มั่นคงเป็นหุ้นส่วนกันมันก็จะค้าลำบากมาก
เนื่องจากมีปัจจัยที่จะทำให้เข้าใจผิดแล้วก็ทะเลาะกันได้ทุกวันเลย เอาง่ายๆ วันนี้ค่าเงิน 34 บาท พรุ่งนี้ 35 บาท ตกลงกันแล้ว ซื้อขายกันแล้ว โห! วันเดียวบาทนึง ขอเปลี่ยนราคา ถ้าไม่ใช่นั่นก็เรียบร้อย พอเถียงกันปุ๊บทางนั้นจัดการตกลงกับตลาดแล้ว จะต้องส่งมอบแล้ว ไปถึงของไม่มีก็เสร็จ เพราะเซ็นสัญญากับคู่ค้าเรียบร้อย มันก็เรียบร้อยหมด ทั้งๆ ที่มันจะเป็นผลสะท้อนกลับมาเป็นทอดๆ
– มองเศรษฐกิจอย่างไรในระยะยาว? : ผมอยากจะเทียบกับปี 2540 (วิกฤตต้มยำกุ้ง) สถาบันการเงินพังไม่กี่บริษัท แต่ปัจจุบันมันพังถ้วนหน้าเลย อันนี้ในฐานะที่ผมอยู่ในไทยมา 1-2 เดือน ขอพูดกันแบบตรงๆ ไม่เอาใจข้างใดข้างหนึ่ง ปัจจุบันมันเป็นประเภทซึมลึกและทรมาน เราอาจจะเห็นความหวือหวาในช่วงไม่กี่วันนี้เนื่องจากจีนเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวแห่กันเข้ามา ผมอยู่โรงแรม 1,200 ห้องเต็มหมด เป็นนิมิตหมายอันดีกับกิจการบางอย่างที่เหมาะสม แต่ต้องอย่าลืมว่าเขาทรมานกันมานานเหลือเกิน
แต่การใช้จ่ายเงินต้องมองอย่างนี้ คนมีเงินเขาออกมาใช้แค่วูบเดียว ไม่ใช่ว่าใช้กันทุกวัน ก็เหมือนปีใหม่ที่เราออกมาเที่ยวกันเพราะฉะนั้นเราก็ต้องมองเหมือนกัน ทีนี้ธุรกิจคุณอยู่ในแนวไหน อย่างที่อเมริกา ถ้าดูท่าไม่รอดบริษัทเขาล้มก่อนแล้ว คือแจ้งตัวเองไม่ให้ใครทวงหนี้ ซึ่งมันก็ไม่ดี ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้มันก็ไม่ดี แล้วอีกอย่างหนึ่ง ขณะนี้สงคราม ไม่ทราบมีคนเคยคิดหรือเปล่า แต่ผมคิดว่าหลายคนก็คิดว่ามันจะจบอย่างไร?
– จากสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังพอมีช่องว่างสำหรับนักธุรกิจไทยบ้างหรือไม่? : มีแน่นอน เวลานี้ผมอยากจะร่วมมือกับบริษัทหรือองค์กรที่ใหญ่ๆ ในประเทศไทยเพื่อที่จะต่อยอดเข้าไป เพราะนโยบายของผมที่ผ่านมาคือ Combining Strength รวบรวมความแข็งแกร่ง ผมมองดูว่า Combining Superpower คือเพาเวอร์ใหญ่ๆ ในประเทศไทยไม่ใช่แค่ใหญ่เฉพาะที่นี่ ก็ควรที่จะฉายแสงออกไปที่โน่นด้วย
ยกตัวอย่างอสังหาริมทรัพย์ พวกที่ดินหรือบ้าน เนื่องจากดอกเบี้ยแพงราคามันเลยลง แต่ในขณะเดียวกัน คลังสินค้าพวกเป็นแสนๆ ตารางฟุต ควรจะไปซื้อคลังสินค้าไว้เลย อย่างไรมันก็เป็นหลักทรัพย์ แต่ในขณะเดียวกันคลังสินค้าความต้องการมันสูงคราวนี้มันเฉพาะคนมีประสบการณ์ มีความรู้ในการบริหาร มีทีมงาน ของบางอย่างคุณมีมาแต่คุณไม่มีความรู้ในเรื่องบริหารจัดการ หรือไม่มีทีมงานที่ดีก็ไม่มีประโยชน์
“มูลค่าธุรกิจเราตั้งเป้าไป 50 ล้านเหรียญต่อปี แล้วเราต้องการกระโดดไป 100 ล้านเหรียญ แต่ก็ทำด้วยความระมัดระวัง” นายประมุข กล่าวในตอนท้าย
Like this: Like Loading...