นักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ฯแนะ ‘เนื้อแดง’ ทานได้ไม่ต้องงด

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/712916

นักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ฯแนะ ‘เนื้อแดง’ ทานได้ไม่ต้องงด

นักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ฯแนะ ‘เนื้อแดง’ ทานได้ไม่ต้องงด

วันพฤหัสบดี ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 07.00 น.

นักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเนื้อสัตว์ ยืนยัน “เนื้อแดง” รับประทานได้อย่างปลอดภัยในปริมาณที่เหมาะสม ระบุ ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอบ่งชี้ว่าเป็นสาเหตุก่อให้เกิดมะเร็งลำไส้ในมนุษย์

ผศ.ดร.รุจริน ลิ้มศุภวานิช หน่วยปฏิบัติการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเนื้อสัตว์ ภาควิชาเทคโนโลยีการผลิตสัตว์และประมง คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กล่าวว่า “เนื้อแดง” คือ เนื้อสัตว์ที่มีสีแดงตามธรรมชาติ เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อแกะ โดยเนื้อแดงมีปริมาณรงควัตถุที่เรียกว่า ไมโอโกลบิน (myoglobin) อยู่ในกล้ามเนื้อ คล้ายกับ ฮีโมโกลบินที่อยู่ในเลือด เมื่อจับออกซิเจนจะให้สีที่ออกสีแดง หากมีไมโอโกลบินมาก จะมีสีแดงเข้มมากขึ้น เช่น ในเนื้อวัวมีปริมาณไมโกลบินมากกว่าในเนื้อหมู ทำให้เนื้อวัวมีสีแดงที่เข้มกว่า

จากข้อมูลขององค์กร IARC (International Agency for Research on Cancer) หน่วยงานภายใต้องค์การอนามัยโลก(World Health Organization) หรือ WHO ที่ได้รวบรวมข้อมูลวิจัยทางระบาดวิทยา และจัดกลุ่มสิ่งที่ “มีความสัมพันธ์” ต่อการเกิดโรคมะเร็ง ซึ่ง“เนื้อแดง” ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่ “มีโอกาสหรือ อาจจะ” ก่อให้เกิดมะเร็ง ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนเกิดความกังวลในการรับประทานเนื้อแดง

“ข้อมูลของ IARC ยังไม่เพียงพอที่จะบ่งบอกว่าเกิดกับมนุษย์ การศึกษาที่มีไม่ได้พบในผู้ป่วยมะเร็งโดยตรง พบความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ในสัตว์ทดลองเท่านั้น และงานวิจัยที่มีอยู่ส่วนใหญ่เป็นงานวิจัยในแถบสหรัฐอเมริกา ยุโรป หรือประเทศจีน แต่น้อยมากที่จะมีงานวิจัยจากเมืองไทย ทั้งนี้องค์การอนามัยโลก ไม่ได้ระบุว่าจำเป็นต้องงดรับประทานเนื้อแดงโดยสิ้นเชิง แต่ผู้บริโภคสามารถรับประทานได้ในปริมาณที่เหมาะสม”ผศ.ดร.รุจริน กล่าว

ในต่างประเทศมีงานวิจัยระบุว่าไม่ควรบริโภคเนื้อแดงเกิน 500 กรัมต่อสัปดาห์ จากข้อมูลสถิติ คนไทยรับประทานเนื้อสัตว์ ประเภท เนื้อหมู เนื้อไก่ เป็นส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 16-17 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ซึ่งปริมาณดังกล่าวไม่ได้เกินไปกว่าที่งานวิจัยระบุ ขณะที่ในต่างประเทศการบริโภคเนื้อสัตว์อยู่ที่ 50 กิโลกรัมต่อคนต่อปี หรือในบางประเทศอาจถึง 100 กิโลกรัมต่อคนต่อปี ซึ่งอัตราการบริโภคเนื้อสัตว์ในต่างประเทศมีการบริโภคในปริมาณที่มากกว่าประเทศไทยอยู่มาก ด้วยลักษณะการบริโภคเนื้อสัตว์ของคนไทยไม่ได้รับประทานเนื้อสัตว์แบบสเต๊กที่เป็นเนื้อชิ้นใหญ่แบบในต่างประเทศ แต่เป็นการประกอบอาหารด้วยการนำเนื้อสัตว์มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ปรุงด้วยวิธี ต้ม นึ่ง ย่าง ผัด แกง หรือ ทอด แม้ระยะหลังคนไทยมีความนิยมในการรับประทาน ปิ้ง ย่าง ชาบู และ สเต๊ก แต่ยังไม่เท่ากับในต่างประเทศ

ผศ.ดร.รุจริน กล่าวแนะนำว่า สำหรับวิธีการเลือกซื้อเนื้อสัตว์ให้ปลอดภัย ให้เลือกซื้อจากแหล่งที่น่าเชื่อถือจากโรงแปรรูปหรือแหล่งผลิตที่มีมาตรฐาน มีตราสัญลักษณ์ “ปศุสัตว์ OK” ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค และลดความเสี่ยงด้านความไม่ปลอดภัย หากเลือกซื้อเนื้อสัตว์ที่ผลิตออกมาเป็นผลิตภัณฑ์แล้วให้สังเกตที่เครื่องหมาย อย. ในขณะเลือกซื้อเนื้อสัตว์ควรเตรียมกระติกที่บรรจุน้ำแข็ง หรือบรรจุภัณฑ์เก็บความเย็นสำหรับเก็บเนื้อสัตว์ขณะเดินทาง เพื่อลดความเสี่ยงของเชื้อจุลินทรีย์ที่จะทำให้เนื้อสัตว์เน่าเสียหรือก่อโรคได้ และให้รีบนำเนื้อสดเข้าตู้เย็นให้เร็วที่สุด หากยังไม่ได้ประกอบอาหารในทันที ควรบรรจุในภาชนะที่ปิดมิดชิดและนำเข้าช่องแช่แข็ง หากจะนำมาใช้ ให้ละลายน้ำแข็งในตู้เย็น แม้อาจใช้เวลาเป็นวันแต่เป็นวิธีที่ดีกว่าการนำออกมาละลายน้ำแข็งในอุณหภูมิห้อง ดังนั้นจึงอาจต้องวางแผนล่วงหน้า และไม่ควรทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลานาน ควรเก็บเนื้อสัตว์ให้อยู่ในตู้เย็นเสมอ หากใช้ไม่หมดให้ใส่กลับในภาชนะปิดให้เรียบร้อยและนำเข้าช่องแข็งตามเดิม เพื่อยืดอายุการเก็บรักษาให้นานขึ้น

ขณะเดียวกัน การรับประทานเนื้อสัตว์ต้องปรุงให้สุก ไม่รับประทานแบบสุกๆ ดิบๆ เพราะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค สำหรับการบริโภคควรรับประทานอาหารให้หลากหลาย ครบ 5 หมู่ ไม่รับประทานอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งซ้ำๆ ในปริมาณที่มากจนเกินไป ทานร่วมกับผักและผลไม้ที่ให้กากใยสูง เพื่อให้เกิดความสมดุล และดีต่อสุขภาพ อีกทั้งการปรุงอาหารให้หลีกเลี่ยงการปิ้ง ย่าง ไม่รับประทานบ่อยจนเกินไป และปรุงอาหารด้วยเครื่องเทศ หรือสมุนไพรของไทย ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระ ยิ่งจะทำให้ดีต่อสุขภาพดียิ่งขึ้น ร่วมด้วย การตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ

มูลนิธิเพื่อผู้ป่วยโรคหายาก เตรียมจัดกิจกรรมปีที่ 13 เพื่อให้สังคมตระหนักรู้ และความสำคัญในการดูแล

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/712914

มูลนิธิเพื่อผู้ป่วยโรคหายาก เตรียมจัดกิจกรรมปีที่ 13  เพื่อให้สังคมตระหนักรู้ และความสำคัญในการดูแล

มูลนิธิเพื่อผู้ป่วยโรคหายาก เตรียมจัดกิจกรรมปีที่ 13 เพื่อให้สังคมตระหนักรู้ และความสำคัญในการดูแล

วันพฤหัสบดี ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 06.00 น.

เพื่อเป็นสร้างความตระหนักรู้ให้กับสังคมถึงโรคหายากและความสำคัญในการดูแล ทางมูลนิธิเพื่อผู้ป่วยโรคหายาก กลุ่มผู้ป่วยโรคหายากต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญโรคหายากศูนย์โรคหายาก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข และบัญชียาหลักแห่งชาติจับมือร่วมกันจัดกิจกรรมงานวันโรคหายากประเทศไทย ปีที่ 13 ในวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 08.00-12.30 น. ณ โรงแรมปทุมวัน ปริ้นเซส กรุงเทพฯ

โดยมี ศ.พญ.ดวงฤดี วัฒนศิริชัยกุล ประธานเครือข่ายเวชพันธุศาสตร์ สมาคมพันธุศาสตร์แห่งประเทศไทย กล่าวเปิดงาน และปรียา สิงห์นฤหล้า ประธานมูลนิธิเพื่อผู้ป่วยโรคหายาก ประเทศไทย กล่าวนำเสนอการดำเนินงานและผลงานในปีที่ผ่านมาของมูลนิธิฯและกล่าวเชิญชวนกลุ่มผู้ป่วยเข้าเป็นเครือข่ายของมูลนิธิ เพื่อร่วมกันผลักดันให้การดูแลผู้ป่วยโรคหายากให้ครอบคลุมมากขึ้น จากนั้นจะเป็นการนำเสนอเรื่องราวความสำเร็จของมารดาผู้ป่วยโรคพราเดอร์ วิลลี่ ผู้ที่ดูแลลูก ดูแลชมรมพราเดอร์ วิลลี่ ยังเป็นกำลังสำคัญในการทำงานช่วยมูลนิธิเพื่อผู้ป่วยโรคหายากให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม

ปรียา สิงห์นฤหล้า 

โรคหายากส่วนใหญ่มีความรุนแรงหายารักษายาก ยารักษาโรคในกลุ่มนี้เรียกว่า ยากำพร้า (Orphan drugs) มีโรคหายาก ถึง 6,000-8,000 โรค จากข้อมูลของยุโรป พบว่า 5% ของประชากรป่วยด้วยโรคหายากโรคใดโรคหนึ่ง ส่วนใหญ่ (80%) มีสาเหตุมาจากทางพันธุกรรม การวินิจฉัยโรค นอกจากประโยชน์เพื่อการรักษาผู้ป่วยแล้ว ยังช่วยในการป้องกันโรคในกลุ่มเสี่ยง/ครอบครัวเสี่ยง ร้อยละ 50 ของผู้ป่วยโรคหายากเป็นผู้ป่วยเด็ก แต่อาจเริ่มมีอาการในวัยผู้ใหญ่ได้ ซึ่งอาการมีหลากหลายแล้วแต่ชนิดของโรค

โรคหายาก เช่น โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงดูเชน (Duchenne muscular dystrophy, DMD) พบในเด็กผู้ชายอายุประมาณ 3-5 ขวบ มาด้วยอาการเดินลำบาก ล้มบ่อย ขึ้นบันไดลำบาก อาการเป็นมากขึ้นจนไม่สามารถเดินได้เอง ที่อายุประมาณ 11 ขวบ พบภาวะแทรกซ้อนในเรื่องการหายใจ หัวใจ กระดูกสันหลังคด การรักษาให้ยาสเตียรอยด์และกายภาพบำบัด โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงจากไขสันหลังเสื่อม (Spinal Muscular Atrophy, SMA) มี 3 ชนิด ชนิดที่ 1 อ่อนแรง หายใจลำบาก อาการเกิดขึ้นก่อนอายุ 6 เดือนชนิดที่ 2 พัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวช้าเดินไม่ได้ ชนิดที่ 3 อาการขาอ่อนแรง เดินลำบาก การรักษาด้วยยีนบำบัดมีราคาแพงมากและการกายภาพบำบัด

โรคมาแฟน (Marfan) รูปร่างสูงผอม นิ้วยาว ข้อกระดูกบิดงอง่าย กระดูกหน้าอกบุ๋ม/โป่ง สันหลังคด สายตาสั้นมาก เลนส์ตา เคลื่อนหลุดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงคือเส้นเลือดใหญ่ในช่องอก ช่องท้องโป่งพอง ซึ่งอาจแตกทำให้เสียชีวิตฉับพลัน โรคสมองน้อยเสื่อมจากพันธุกรรม (Spinocerebellar ataxia, SCA) หรือโรคเดินเซ อาการเริ่มในวัยผู้ใหญ่ ก้าวเดินไม่มั่นคง ต้องกางขาเพื่อช่วยการทรงตัว เสียงพูดเปลี่ยนไป การใช้กล้ามเนื้อนิ้วและมือไม่สัมพันธ์กัน อาการเป็นรุนแรงขึ้นอย่างช้าๆ โรคไอแอลดี (Interstitial Lung Disease, ILD) มีการอักเสบ และมีพังผืดที่เนื้อเยื่อปอด ถ้าเป็นมากจะหายใจเหนื่อย ร่างกายพร่องออกซิเจนและเสียชีวิตได้ รักษาด้วยยาต้านพังผืด และยาต้านการอักเสบ ซึ่งชะลอการเสื่อมของโรคได้ การวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย โรคซีสติกไฟโบรซิส หรือโรคซีเอฟ (Cystic fibrosis, CF) มี สารคัดหลั่งในปอดและตับอ่อนเหนียวข้นเป็นเมือก ไอเรื้อรังมีเสมหะ ติดเชื้อในปอดซ้ำๆ อุจจาระเป็นมัน ตัวเล็กเติบโตช้า

ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานนี้ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เพจ Facebook หรือ ติดต่อสอบถามได้ที่โทร.080-2940794

กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จฯ ทรงเปิดงานออกร้านคณะภริยาทูต ครั้งที่ 56

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/712960

กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จฯ ทรงเปิดงานออกร้านคณะภริยาทูต ครั้งที่ 56

กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จฯ ทรงเปิดงานออกร้านคณะภริยาทูต ครั้งที่ 56

วันพฤหัสบดี ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 06.00 น.

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทยเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงานออกร้านคณะภริยาทูตครั้งที่ 56 ในวันเสาร์ที่ 25กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 08.30 น.ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5สยามพารากอน

นายขรรค์ ประจวบเหมาะ ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้สภากาชาดไทย กล่าวว่า สภากาชาดไทยและคณะภริยาทูตประจำประเทศไทยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกา ผู้อำนวยการสภากาชาดไทย เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงานออกร้านคณะภริยาทูต ครั้งที่ 56 ในวันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 08.30 น. งานมหกรรมสินค้านานาชาติเพื่อการกุศลแห่งปีจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง อันเป็นเอกลักษณ์จากนานาประเทศ สินค้าคุณภาพจากทั่วทุกมุมโลก และสินค้าหลากหลายในราคาสุดพิเศษทั้งอาหาร, สินค้าอุปโภค-บริโภค, เสื้อผ้า,เครื่องประดับ, ของตกแต่งบ้าน และอีกมากมาย เป็นการผนึกกำลังจากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ภายใต้แนวคิด “Shop & Share” โดยรายได้จากการจัดงานจะนำไปสนับสนุนการดำเนินงานของสภากาชาดไทย

ภายในงานยังมีโซน Sticker Line Gallery ซึ่ง สภากาชาดไทยได้รับพระราชทานพระราชานุญาตภาพวาดฝีพระหัตถ์จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย นำมาจัดทำในรูปแบบของ สติ๊กเกอร์ไลน์ ชุด “แชทได้บุญ แชร์ได้กุศล” โดยจะเปิดให้ประชาชนที่มาเที่ยวชมงานร่วมดาวน์โหลดในราคาชุดละ 35 บาท (50 Coins) เพื่อนำเงินรายได้สมทบทุน “โครงการเงินทุนฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติสภากาชาดไทย” อีกด้วย

ด้าน มาดามดาติน แคทรีน่า คริสทีน เชอรัน ภริยาเอกอัครราชทูตมาเลเซีย ประจำประเทศไทยและประธานการจัดงานออกร้านคณะภริยาทูต ประจำปี 2566 กล่าวว่า ในปีนี้มีประเทศต่างๆ ร่วมออกร้านทั้งสิ้นกว่า 50 ประเทศ กว่า 176 บูธ โดยสถานทูตประเทศต่างๆ จะคัดสรรผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์พื้นเมือง และสินค้ายอดนิยมของแต่ละประเทศมาออกร้านจำหน่ายสินค้า โดยจะมีทั้งอาหาร, สินค้าอุปโภค-บริโภค, เสื้อผ้า, เครื่องประดับ,ของตกแต่งบ้าน และอีกมากมาย อาทิ วัตถุดิบปรุงอาหารจากอิตาลี,ชีสหลากประเภท จากประเทศต่างๆ,ปลาแซลมอนสดจากนอร์เวย์,เมล็ดกาแฟ ชา จากบราซิล แคนาดา เยอรมนี เคนยา และชิลี,ซูเปอร์ฟู้ดจากเปรู, ขนมขบเคี้ยวอาหารว่างและเครื่องดื่มหลากหลายประเภท จากสิงคโปร์ เกาหลี ญี่ปุ่นรวมถึงช็อกโกแลตจากเบลเยียมสวิตเซอร์แลนด์

อีกทั้ง ยังมีสินค้าอุปโภคแบรนด์ยอดนิยมสำหรับคุณแม่บ้านจากสหรัฐอเมริกา, ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากกุหลาบบัลแกเรีย, เจลอาบน้ำ โลชั่นยอดนิยมจากสเปน, อาร์แกนออยล์บริสุทธิ์ จากโมร็อกโก, ผ้าแคชเมียร์ เสื้อ ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ เครื่องหนังจากมองโกเลีย, เครื่องแก้วจากสาธารณเช็ก, สินค้าพื้นเมืองจากปากีสถาน เนปาล ศรีลังกา เม็กซิโก มาเลเซีย อินโดนีเซีย และจีน รวมถึงสินค้าจากร้านโครงการในพระราชดำริฯ, สินค้า OTOP จากประเทศไทย

นอกจากนี้ ยังมีการจำหน่ายสลากงานออกร้านคณะภริยาทูตฉบับละ 50 บาท ให้ได้ลุ้นรางวัลมากมาย ซึ่งจะจับรางวัลวันที่ 21 มีนาคม 2566 ตรวจผลสลากได้ที่ facebook fanpage : งานออกร้านคณะภริยาทูต และ Redcrossfundraising” ทั้งนี้ งานออกร้านคณะภริยาทูต จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-28 กุมภาพันธ์ 2566 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน ระหว่างเวลา 10.00-20.00 น. และยังสามารถช้อปออนไลน์ได้ที่ www.DPCRedcrossBazaar.com

สดช. จับมือ มธบ. จัดทำ (ร่าง)แนวทางหนุนคนพิการเข้าถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/712884

สดช. จับมือ มธบ. จัดทำ (ร่าง)แนวทางหนุนคนพิการเข้าถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล

สดช. จับมือ มธบ. จัดทำ (ร่าง)แนวทางหนุนคนพิการเข้าถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล

วันพฤหัสบดี ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 06.00 น.

สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) จัดประชุมระดมความคิดเห็นการจัดทำ(ร่าง)แนวทาง กลไก และรูปแบบการให้บริการ เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับคนพิการ” โดยมี นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมด้วยน.ส.รัตนา จรูญศักดิ์สิทธิ์ ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนดิจิทัลเพื่อสังคม กล่าวรายงาน ดร.ชัยพร เขมะภาตะพันธ์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ (CITE) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) หรือ DPU หน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการ ร่วมในพิธีเปิด ที่โรงแรมทีเค.พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ

นายภุชพงค์ โนดไธสง กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้กำหนดยุทธศาสตร์อย่างชัดเจนให้คนไทยได้เข้าถึงดิจิทัลอย่างเท่าเทียมและลดความเหลื่อมล้ำ โดยเดิมทีกระทรวงดีอีเอส ได้มีกฎกระทรวงในการดูแลคนพิการให้เข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ ดิจิทัลในรูปแบบให้และให้ยืม ซึ่ง สดช. มองว่าการซื้ออุปกรณ์มาคงคลังไว้ และรอให้ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ประสานให้คนพิการมายื่นขอสื่ออุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งวิธีการดังกล่าวทำให้อุปกรณ์ที่ซื้อมาเก่าและไม่ทันสมัย

“การทำงานรูปแบบเดิม รอให้คนพิการมายืมยังไม่ครอบคลุมและไม่ทันท่วงที สดช. จึงได้จัดทำร่างดังกล่าว เพื่อนำไปสู่การส่งเสริมและสนับสนุนให้คนพิการเข้าถึงดิจิทัลได้จริงและปรับกฎกระทรวง แต่การปรับกฎกระทรวงย่อมมีขั้นตอน มีกระบวนการ มีการรับฟังความคิดเห็นซึ่งคาดว่าจะใช้เวลากว่า 1 ปี จึงจะเห็นร่างชัดเจน ดังนั้น นอกจากสนับสนุนเรื่องอุปกรณ์ การปรับกฎกระทรวงแล้ว สดช. มีแนวทางพัฒนาร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในการประเมินเว็บไซต์ให้เป็นไปตามมาตรฐาน WCAG (Web Content Accessibility Guideline) ทุกคนสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้ และร่วมมือกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จัดทำแอปพลิเคชั่น โดยนำบัตรดิจิทัลสำหรับคนพิการมาเชื่อมให้คนพิการเข้าถึงดิจิทัลโดยใช้จุดบริการเพียงจุดเดียวโดยมุ่งหวังการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ อำนวยความสะดวกแก่คนพิการ” นายภุชพงค์ กล่าว

น.ส.รัตนา จรูญศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า กลุ่มคนพิการ เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ยังไม่สามารถเข้าถึงการใช้งานเว็บไซต์หรือเครื่องมือเทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ ได้ซึ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางด้านความรู้จากการใช้ดิจิทัล สดช. จึงได้ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ในการจัดทำร่างดังกล่าวขึ้น เพื่อศึกษารวบรวมและวิเคราะห์การเข้าถึงการใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสาร การสื่อสารเทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการสื่อสาร บริการสื่อสาธารณะ รวมถึงเป็นแนวทางในการจัดทำ (ร่าง) แนวทางส่งเสริมสนับสนุนการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับคนพิการ พร้อมปรับปรุงกฎกระทรวงฯ พ.ศ.2554 กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศฯ ให้สอดคล้องเหมาะสมกับบริบทและสภาพแวดล้อมของสังคมไทยในปัจจุบัน ทั้งนี้ สดช. เป็นหน่วยงานที่มีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยประกาศเชิญชวนมหาวิทยาลัยที่มีความพร้อม ซึ่ง DPU มีศักยภาพและความพร้อมในการจัดทำร่างดังกล่าว

ดร.ชัยพร เขมะภาตะพันธ์ ในฐานะหัวหน้าที่ปรึกษาของโครงการ กล่าวว่า DPU ได้เข้ามาช่วย สดช. จัดทำร่างแนวทาง ซึ่งจากการศึกษา รวบรวม วิจัยและวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆพบว่าประเทศที่มีการส่งเสริมคนพิการที่ดีส่วนใหญ่ล้วนมีแนวทางส่งเสริมและสนับสนุนคนพิการในรูปแบบของการให้ทั้งการให้เงินอุดหนุนและให้อุปกรณ์ โดยสรุปได้ 4 แนวทาง ดังนี้ 1.การให้อุปกรณ์ (Providing) 2.การสนับสนุนเงินช่วยเหลือ (Grants) 3.การสนับสนุนคูปอง (Coupon) และ 4.การให้เงินกู้ยืม (Loan) ซึ่งแต่ละวิธีนั้นมีจุดเด่น และจุดแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ CITE มีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ รวมทั้งความร่วมมือจากคณะรัฐประศาสนศาสตร์ และคณะนิติศาสตร์ ทำให้ DPU มีความพร้อมทั้งกระบวนการ และกลไกการนำองค์ความรู้มาช่วยพัฒนากลไกและเทคโนโลยีดิจิทัลในการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะคนพิการให้เท่าเทียมกับคนปกติและคนพิการในต่างประเทศ

ศ.วิริยะ นามศิริพงศ์พันธุ์ ประธานกิตติมศักดิ์มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ กล่าวว่า ปัญหาในการเข้าถึงเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือของคนพิการนั้น จะเป็นเรื่องแพลตฟอร์ม เนื้อหา และบุคลากร เนื่องจากยังไม่ได้เป็นการจัดทำเว็บไซต์หรือสื่อที่นึกถึงทุกคน หรือ For all ขณะเดียวกันระบบการศึกษาที่สอนคนพิการ โดยเฉพาะพิการทางการได้ยินยังมีปัญหาอย่างมาก ยิ่งโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเสียง ดังนั้น การจัดทำร่างดังกล่าว ถือเป็นส่วนสำคัญทำให้มีการปรับปรุงกฎหมายที่มีมาตรฐานออกมาบังคับว่าแพลตฟอร์มและเนื้อหาต้องเป็นอย่างไร และต้องมีบุคลากรที่เพียงพอในการจัดทำเว็บไซต์ สื่อดิจิทัลที่รองรับทุกคน

SHR ในเครือ สิงห์ เอสเตท คว้ารางวัลสิ่งแวดล้อมระดับสากล Green GlobeTM

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/712908

SHR ในเครือ สิงห์ เอสเตท คว้ารางวัลสิ่งแวดล้อมระดับสากล Green GlobeTM

SHR ในเครือ สิงห์ เอสเตท คว้ารางวัลสิ่งแวดล้อมระดับสากล Green GlobeTM

วันพฤหัสบดี ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 06.00 น.

SHR ในเครือ สิงห์ เอสเตท ย้ำจุดยืนวิสัยทัศน์ Sustainable Diversity สร้างความหลากหลายที่สมดุลสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เผยโครงการในเครือ “ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์”แหล่งท่องเที่ยวครบวงจรระดับโลก ได้รับการประกาศรับรองมาตรฐานสิ่งแวดล้อมระดับสากลจาก Green GlobeTM

ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ เกาะสวรรค์แห่งการพักผ่อนใน Kaafu Atoll ตั้งอยู่ใกล้สนามบินนานาชาติ Velana เพียง 15 นาที โดยเรือสปีดโบ๊ท เป็นแหล่งท่องเที่ยวครบวงจรระดับโลก ประกอบด้วยรีสอร์ทชั้นนำ 3 แห่ง ได้แก่ ฮาร์ดร็อกโฮเทล มัลดีฟส์ (Hard Rock Hotel Maldives) ทราย ลากูน มัลดีฟส์ (SAii Lagoon Maldives) และ โซ/มัลดีฟส์ (SO/Maldives) ซึ่งจะเปิดกิจการปลายปี 2023 นี้ รวมถึง เดอะมาริน่า แอท ครอสโร้ดส์ (The Marina @ CROSSROADS) ท่าจอดเรือยอชต์สุดหรู และศูนย์กลางที่รวมกิจกรรมไลฟ์สไตล์ ร้านอาหารชื่อดังระดับเวิลด์คลาส ประกาศความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก Green GlobeTM ตอกย้ำความมุ่งมั่นมาอย่างต่อเนื่อง

ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ พัฒนาโดย บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) (S Hotels and Resorts Public Company Limited: SHR) ผู้นำด้านการบริหารงานโรงแรมและรีสอร์ทในไทยในเครือของ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) โดย ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ ได้นำแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดด้านสิ่งแวดล้อมมาใช้ตามมาตรฐาน Green GlobeTM ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลกว่าเป็นเกณฑ์มาตรฐานสูงสุดในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ โดยความสำเร็จนี้มีความสำคัญต่อ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ อย่างมาก แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการผสานความยั่งยืน ความรับผิดชอบต่อสังคม และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไว้ในทุกมิติของการดำเนินธุรกิจอย่างแท้จริง

นายเดิร์ก เดอ คุยเปอร์ (Dirk De Cuyper) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท กล่าวว่านโยบายสิ่งแวดล้อมของ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ ครอบคลุม 4 เสาหลัก ได้แก่ การจัดการที่ยั่งยืน (Sustainable Management) การพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ (Social & Economic Development) แนวปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Practices) และมรดกทางวัฒนธรรม (Cultural Heritage) แต่ละกลยุทธ์เหล่านี้ได้ถูกนำไปปฏิบัติใช้อย่างพิถีพิถัน เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรของมัลดีฟส์และรักษาวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นให้คงไว้อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ ศูนย์การเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมมัลดีฟส์ (Maldives Discovery Centre) และ ศูนย์การเรียนรู้ทางทะเล (Marine Discovery Centre) ศูนย์ทั้ง 2 แห่งนี้นำโดยผู้เชี่ยวชาญ ที่ต่างช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ ให้รุดหน้าอย่างเต็มกำลัง

ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ และวิถีการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ความหลากหลายทางชีวภาพและชุมชนท้องถิ่นของมัลดีฟส์ ได้ที่เว็บไซต์ crossroadsmaldives.com

TAVI เปลี่ยนลิ้นหัวใจให้เป็นเรื่องเล็ก ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ลดความเสี่ยงในผู้สูงอายุ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/712915

TAVI เปลี่ยนลิ้นหัวใจให้เป็นเรื่องเล็ก  ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ลดความเสี่ยงในผู้สูงอายุ

TAVI เปลี่ยนลิ้นหัวใจให้เป็นเรื่องเล็ก ไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ลดความเสี่ยงในผู้สูงอายุ

วันพฤหัสบดี ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 06.00 น.

เทคโนโลยีการแพทย์ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ช่วยทำให้การเปลี่ยนลิ้นหัวใจที่เคยยุ่งยากในอดีต กลายเป็นเรื่องที่ทำได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยวิธีการเปลี่ยนลิ้นหัวใจผ่านสายสวน ทำให้คนไข้มีแผลเล็ก ฟื้นตัวได้เร็ว และยังใช้กับกลุ่มเสี่ยงที่ไม่สามารถผ่าตัดเปิดทรวงอกได้

ลิ้นหัวใจ อวัยวะที่มีขนาดเพียงแค่เหรียญ 5 บาท แต่มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะทำหน้าที่เหมือนประตูเปิดปิด ป้องกันไม่ให้เลือดที่สูบฉีดจากหัวใจไหลย้อนกลับมา แต่เมื่อใช้งานนานๆ อาจเสื่อมสภาพลง และมีหินปูนมาเกาะ จนทำงานผิดปกติ ซึ่งนำมาสู่อาการแน่นหน้าอก เป็นลมหมดสติ หรือมีน้ำท่วมปอด มีงานวิจัยที่ระบุว่าผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจ มีโอกาสเสียชีวิตถึงร้อยละ 50 ภายใน 2 ปี หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง

เดิมที การเปลี่ยนลิ้นหัวใจทำได้โดยการผ่าตัดเปิดทรวงอก ซึ่งจะต้องหยุดการทำงานของหัวใจ และใช้เครื่องหัวใจและปอดเทียมขณะผ่าตัด แต่วิธีนี้มีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น ใช้เวลาพักฟื้นค่อนข้างนาน และไม่สามารถใช้กับผู้ป่วยที่มีอายุมาก หรือผู้มีโรคประจำตัวที่ไม่เหมาะกับการผ่าตัดด้วยวิธีปกติจนกระทั่งมีการพัฒนาเทคโนโลยีการเปลี่ยนลิ้นหัวใจผ่านสายสวน ที่เรียกว่า TAVI โรงพยาบาลศิริราช จึงนำมาใช้เป็นทางเลือกในการรักษาผู้ป่วย โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเสี่ยงดังกล่าว

ผศ.นพ.ณัฐวุฒิ วงษ์ประภารัตน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายว่าการผ่าตัดด้วยวิธีนี้จะสอดสายสวนที่มีขนาดเพียง 8-10 มิลลิเมตร เข้าไปทางขาหนีบของผู้ป่วย ส่งไปตามหลอดเลือดแดงจนถึงหัวใจ เมื่อไปถึงตำแหน่งที่ถูกต้องจะปล่อยลิ้นหัวใจเทียมที่ม้วนอยู่ให้กางออกไปทับลิ้นเดิมที่ผิดปกติ

ข้อดีของการใช้วิธีนี้คือแผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก ประมาณ 1 เซนติเมตร ทำให้เสียเลือดน้อยมาก เนื้อเยื่อรอบๆ แทบไม่ถูกรบกวน จึงสามารถใช้กับกลุ่มเสี่ยงและผู้สูงอายุได้ โดยศิริราชเคยผ่าตัดผู้ป่วยที่มีอายุมากถึง 103 ปี รวมถึงคนไข้ที่หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันและต้องปั๊มหัวใจด้วยวิธีนี้มาแล้ว ที่สำคัญคือเมื่อผ่าตัดเสร็จ ผู้ป่วยมักนอนโรงพยาบาลเพียง 1 คืน ก็กลับบ้านได้ ซึ่งจะต่างกับการผ่าตัดเปิดทรวงอก ที่ต้องใช้ท่อช่วยหายใจ พักฟื้นในห้องไอซียู จึงใช้เวลานานหลายสัปดาห์กว่าจะออกจากโรงพยาบาล การลดเวลาการครองเตียงลง ยังทำให้โรงพยาบาลสามารถรับคนไข้อาการหนักคนอื่นๆ มาดูแลได้เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ และต้องนำเข้าลิ้นหัวใจจากต่างประเทศ ทำให้มีค่ารักษาสูงกว่าการผ่าตัดปกติกว่า 10 เท่า แต่อีกด้านหนึ่งก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการนอนโรงพยาบาลลง และหากมีผู้ป่วยผ่าตัดด้วยวิธีนี้
จำนวนมากขึ้น อาจทำให้ราคาลดต่ำลงในอนาคต

ตั้งแต่ พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา โรงพยาบาลศิริราชมีผู้ป่วยที่รักษาด้วยวิธีนี้แล้วกว่า 300 คน ปัจจุบันเฉลี่ยปีละ 50 คน โดยก่อนผ่าตัดจะมีทีมแพทย์โรคหัวใจ ประเมินความเสี่ยงในการรักษาอย่างละเอียดเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย และยังมีการพัฒนามาตรฐานการรักษามาอย่างต่อเนื่อง เช่น การร่วมมือกับ มหาวิทยาลัย Univerisity of California – Los angeles หรือ UCLA ในการประเมินผู้ป่วย คาดการณ์ภาวะแทรกซ้อน รวมทั้งการรักษาคนไข้ที่มีความเสี่ยงสูงทั้งหมดนี้ก็ด้วยความตั้งใจที่อยากจะรักษาชีวิตของผู้ป่วยให้อยู่กับครอบครัวและคนรัก ให้นานที่สุด

คุณแหน : 23 กุมภาพันธ์ 2566

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/712957

วันพฤหัสบดี ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 06.00 น.

ll สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพ ดร.เฉลิมชัย วสีนนท์ อดีตตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด และอดีตอธิบดีกรมสรรพสามิต 26 ก.พ.17.30 น. ดร.มาลดี วสีนนท์ พร้อมบุตรธิดา ดร.กฤษณ์ วสีนนท์, สุมดี วสีนนท์ ฝากเรียนเชิญมาด้วยความเคารพ…

ll สมกับที่รอคอยมากว่า 3 ปี เมื่อศิษย์เก่าเซนต์คาเบรียลกว่า 3 พันคน รวมทั้งบิ๊กๆ เบอร์ 1 ในทุกวงการ ไปรวมตัวกันในงานครบรอบ72 ปีสมาคมศิษย์เก่า ที่โรงเรียนเมื่อวันเสาร์ผ่านมา และจัดงานได้อลังการ ประทับใจ สนุกสนานมาก ตั้งแต่เริ่มต้น จนจบงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ครูๆ นักเรียน แม่ๆ ยายๆ ทั้งหลาย ไปยืนติดขอบเวทีเพื่อใกล้ชิด “บิวกิ้น” นักร้องดังแห่งยุค ..ปรบมือ ดังๆๆๆ ให้ ดร.ประวิช รัตนเพียร นายกสมาคมฯ ดร.สุมิตร เพชราภิรัชต์ ประธานจัดงานฯ พนัส อัสสรัตนกุล เลขาธิการ และกรรมการทุกคน ที่งานประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย ได้รับคำชมเชยมากมาย…

ll ผู้สนใจเช่าพระสมเด็จองค์ปฐม สร้างด้วยนิลรัตนะทั้งองค์ หน้าตัก 5 นิ้ว 9 นิ้วและพระพิมพ์ บูชา 1 หมื่นบาท / 2 หมื่นบาท และ 1 พันบาท ตามลำดับ พร้อมด้วยกล่องใส่สวยหรู ติดต่อได้ที่วัดเทพประทาน จันทบุรี หรือ โทรศัพท์ 099-3215016…

ll นอกจากเป็นนักธุรกิจชั้นนำ และคร่ำหวอดดูแลการศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมทั้งที่ขอนแก่น สุนทร อรุณานนท์ชัย เขียนหนังสือ ชื่อ “คิดอนาคต Do Everything for Tomorrow” อ่านแล้ววางไม่ลง…

ll เมื่อเห็นข่าวเด็กๆ เดือดร้อนเรื่องทุนการศึกษา วาสนา ขวัญเมือง จะรีบเข้าไปดูแลช่วยเหลือตามกำลังทันที ประสาคนใจบุญ…

ll มารีญา พูลเลิศลาภ ทูตองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย จับมือ ศิลปินรุ่นใหม่ นักรบ มูลมานัส เปิดตัว
ผลงานศิลปะคอลลาจ “The last suffer” ที่สร้างสรรค์ร่วมกันมาแสดง ในงาน“เอ้ก-อี-เอ้ก อ๊ากกก” เทศกาลศิลปะเพื่อไก่และคน โดยมีศิลปินนำผลงานมาร่วมคับคั่ง อาทิ ครูตั้ว-ประดิษฐ์ ประสาททอง นำลิเกคณะใหญ่ในท้องเรื่อง  เจ้าชายลอกับไก่วิปลาส ครูเซียง ศิลปินจากภาคอีสานคณะหมอลำ แสดงผลงานหุ่นไก่ยักษ์สูง 3 เมตร “ชีวิต A4” ฯลฯ ณ ลานกิจกรรมด้านหน้า หอศิลป์กรุงเทพฯ 25 ก.พ. 16.00-21.00 น. …

ll ว่างเว้นไปนาน สมาคมนักเรียนเก่าสวิสส์ ในพระอุปถัมถ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ขอเชิญสมาชิกร่วมประชุม 1 มี.ค. เวลา 14.00 น. ที่ เดอะ กลาสเฮ้าส์ ปาร์คนายเลิศ สัณหพิศ โพธิรัตนังกูร บอกว่า อย่าลืมมารำลึกความหลัง สมัยเล่นสกีกันนะคะ..ll

น้อง

PRYYA กับ The Heroine Collection สัญลักษณ์ที่เปล่งประกายความเป็นฮีโร่ในตัวคุณ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/712909

PRYYA กับ The Heroine Collection สัญลักษณ์ที่เปล่งประกายความเป็นฮีโร่ในตัวคุณ

PRYYA กับ The Heroine Collection สัญลักษณ์ที่เปล่งประกายความเป็นฮีโร่ในตัวคุณ

วันพฤหัสบดี ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 06.00 น.

PRYYA (พรียา) แบรนด์เครื่องประดับไฮจิวเวลรี่ที่ผสานความเลอค่าพร้อมสไตล์อันโดดเด่น ชวนผู้หญิงทุกคนบอกรักตัวเอง กับคอลเลคชั่นล่าสุด “The Heroine (เดอะ ฮีโรอิน)” ที่ยังคอนเซ็ปต์เรื่อง “ความรัก” แต่ความรักครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจใน “ความรักตัวเอง และภูมิใจของผู้หญิง” ถ่ายทอดความงดงามผ่านเส้นสายเหลี่ยมมุมที่เรียบเท่ เปรียบดังฮีโร่สาวสตรอง สะท้อนความเข้มแข็ง เก่งกาจ และเป็นผู้นำ เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในคุณค่าของตัวเอง และพร้อมจะส่งต่อพลังแห่งคุณค่านั้นให้กับผู้หญิงคนอื่น

ความโดดเด่นของ “The Heroine Collection” อยู่ที่การออกแบบตัวเรือนด้วยการนำลายเส้นและเหลี่ยมมุม ที่แข็งแกร่งดุจงานสถาปัตยกรรม มาบิดในหลากองศา เพื่อสร้างลูกเล่นและมุมมองที่แตกต่างให้แต่ละชิ้นงาน และเมื่อผสานกับความงามอันเลอค่าของเพชรทรงแฟนซีหายาก อย่างเพชร Hexagon ทรงหกเหลี่ยม หรือเพชรสีแฟนซี Orangy Yellow สีส้มเหลืองสว่าง ที่เฉิดฉายราวกับแสงของดวงอาทิตย์ ทำให้คอลเลคชั่นนี้สะท้อนอารมณ์ความเป็นตัวตนของผู้หญิงแกร่งที่มั่นใจเด็ดเดี่ยวแต่ก็ไม่ทิ้งความอ่อนหวาน หากแต่น่าค้นหาและพร้อมเจิดจรัสในมีหลากมิติได้อย่างลงตัว

แต่ละชิ้นงานของคอลเลคชั่น The Heroine ยังมาพร้อมเอกลักษณ์ของ PRYYA ที่มิกซ์แอนด์แมทช์ (Mix & Match) ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น สร้อยคอโชคเกอร์ที่มาพร้อมกับจี้เอมเมอรัลด์สีเขียวสด และบลูแซฟไฟร์ ที่สามารถถอดแยกชิ้นในการสวมใส่ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ประจำวัน ต่างหูที่จัดว่าเป็นไฮไลท์ โดยตัวเรือนแต่ละแบบล้วนผ่านการคำนวณองศาเพื่อรับใบหน้าของผู้สวมใส่ มีทั้งต่างหูระย้าที่ให้ลุคเท่มีสไตล์แต่ยังคงความหรูหรามีระดับ ต่างหูเพชรแฟนซีเชปที่แนบไปกับความโค้งของใบหู มาพร้อมกับแบ๊กกิ้งเพชรที่สามารถใส่กับเครื่องประดับ Stud Earring ชิ้นเดิมก็สร้างลุคใหม่ๆ ได้แบบไม่จำเจ

นอกจากนี้ เพชรทรงแฟนซีแล้ว ยังมีพลอยหลากสีที่ช่วยเพิ่มมิติและสะท้อนถึงตัวตนของผู้สวมใส่ ทั้ง Pink Sapphire (แซฟไฟร์ชมพู) ที่อ่อนหวานชวนหลงใหล หรือ Purple Sapphire (แซฟไฟร์ม่วง) ที่มีเสน่ห์ลึกลับน่าค้นหา ผสานกับตัวเรือนทรงเก๋ในเหลี่ยมมุมน่าดึงดูด และเส้นสายอันทรงพลังตามแบบฉบับของ “The Heroine” ฉีกรูปแบบเครื่องประดับพลอยเดิมๆ ให้เท่อย่างมั่นใจและอ่อนหวานได้ในเวลาเดียวกัน 

ร่วมค้นหาและสร้างสไตล์ความเป็นฮีโร่ในแบบของคุณกับคอลเลคชั่น The Heroine กับ PRYYA ได้แล้ววันนี้ ที่ PRYYA ชั้น 3 ศูนย์การค้าเกษร วิลเลจ และเข้าชมได้ทาง www.pryya.com, Facebook : pryya.finejewellery, Instagram : pryya_finejewellery หรือ Line OA : @pryya

กลับมาอีกครั้ง‘Thailand Cat Show 2023’ งานแมวสุดยิ่งใหญ่แห่งปีที่ทาสแมวทุกคนรอคอย

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/712883

กลับมาอีกครั้ง‘Thailand Cat Show 2023’  งานแมวสุดยิ่งใหญ่แห่งปีที่ทาสแมวทุกคนรอคอย

กลับมาอีกครั้ง‘Thailand Cat Show 2023’ งานแมวสุดยิ่งใหญ่แห่งปีที่ทาสแมวทุกคนรอคอย

วันพฤหัสบดี ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 06.00 น.

เซ็นทรัลพัฒนาร่วมกับ ชมรมผู้นิยมแมวแห่งประเทศไทย เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้เลี้ยงแมวให้ได้รับการพัฒนา จัดงานแมวสุดยิ่งใหญ่แห่งปี “Thailand Cat Show 2023” ต่อเนื่องปีที่ 2 รวมไฮไลท์ที่คนรักแมวต้องไม่พลาด ประกวดแมว “ดำดีสีไม่ตก ปี 5”ประกวดแมว “แมววัวตัวงาม ปี 1” และกิจกรรมพิเศษอีกมากมาย ตั้งแต่วันที่ 3-5 มีนาคม 2566 ที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว

งานนี้เป็นการรวมพลคนรักแมวที่มีกิจกรรมเพื่อเอาใจทาสแมวมากมาย อาทิ CFA Thailand Cat Show 2023 การประกวดแมวสายพันธุ์มาตรฐาน ที่มีใบรับรองจากสมาคม CFA, Fun Show การประกวดแมวสายพันธุ์แท้ ที่มีใบรับรองจากทุกสมาคม,ประกวดแมว “ดำดีสีไม่ตก ปี 5” การประกวดแมวดำ, ประกวดแมว “แมววัวตัวงามปี 1” การประกวดแมวลายวัว (สีขาวดำ), ทำหมันแมวสัญจร หาบ้านให้แมวจร และสอยดาว จากมูลนิธิรักษ์แมวปันน้ำใจให้แมวจร,ตรวจสุขภาพฟรีจากโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ,CAT Photo Bus และ “ก็แมวดิคราฟ 01” โซนงานคราฟและสินค้าทำมือสไตล์แมวๆ, Work Shop ทำของเล่นแมว กับโครงการยืมมือ, ดนตรีสดจาก “JOYO” เจ้าของเพจ แมวเศษเล็บ, Breeder Zone รวมฟาร์มแมวที่ได้มาตรฐานมาออกบูธพูดคุยกับผู้ที่สนใจซื้อแมว

นอกจากนี้ ยังพบกับสินค้าเพื่อน้องแมวในราคาพิเศษจากแบรนด์ดังมากมาย อาทิ Royal Canin, Me-o, Ciao, Propland, Monchou, Kafbo รวมทั้งร่วมสอยดาวการกุศลกับมูลนิธิรักษ์แมวปันน้ำใจให้แมวจร และกิจกรรมสุดพิเศษอัดแน่นตลอดทั้งงานเพื่อคนรักแมวโดยเฉพาะ ทั้งนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมของงาน สอบถามได้ที่ Call Center : 02-7936000 หรือกดติดตาม Facebook : Central Ladprao

เวทีประกวดระดับนานาชาติ ‘Miss & Mister SUPRANATIONAL THAILAND 2023’ ดัน Soft Power ด้านความเชื่อศรัทธากระตุ้นภาคธุรกิจ

#SootinClaimon.Com : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

https://www.naewna.com/lady/712954

เวทีประกวดระดับนานาชาติ ‘Miss & Mister SUPRANATIONAL THAILAND 2023’ ดัน Soft Power ด้านความเชื่อศรัทธากระตุ้นภาคธุรกิจ

เวทีประกวดระดับนานาชาติ ‘Miss & Mister SUPRANATIONAL THAILAND 2023’ ดัน Soft Power ด้านความเชื่อศรัทธากระตุ้นภาคธุรกิจ

วันพุธ ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 19.04 น.

22 กุมภาพันธ์ 2566 กองประกวด ซูปร้าเนชันแนล ไทยแลนด์ โดย บริษัท พอสสิเบิลดรีม 789 จำกัด นำโดย 3 เนชันแนล ไดเร็คเตอร์ ผู้ถือลิขสิทธิ์ ได้แก่ พอล วสวัตติ์ วัฒนาศิริสมบัติ ร่วมด้วย นพ.ปรัชญ์ พึ่งเจษฎา และ พญ.กอบกาญจน์ ชุณหสวัสดิกุล แถลงข่าวการประกวด “มิส แอนด์ มิสเตอร์ ซูปร้าเนชันแนล ไทยแลนด์ ประจำปี 2023” (Miss & Mister Supranational Thailand 2023) ภายใต้คอนเซ็ปต์ “TIME TO BE BOLD” ณ บางกอกทัวร์ริสท์ เลาจ์ ชั้น 1 โชว์ ดีซี กรุงเทพ

คุณพอล วสวัตติ์  ผู้บริหารแบรนด์เครื่องประดับและอัญมณี PREZIOSO JEWELRY ATELIER กล่าวว่า การประกวด มิส แอนด์ มิสเตอร์ ซูปร้าเนชันแนล ไทยแลนด์ จะให้ทำเท่าเดิมก็คงไม่ได้ปีนี้ได้ท่มงบประมาณจากเดิม 30 ล้านเป็น 45  ล้าน เพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าและประสบความสำเร็จ ซึ่งเราต้องกล้าที่จะลองทำอะไรใหม่ๆ และปีนี้เราได้การสนับสนุนจาก สำนักบารมีคเณศ โดยอาจารย์น้ำ บารมีคเณศ  ซึ่งก็ถือว่า เป็นกลุ่มสายมู ด้านความเชื่อ ความศรัทธา ที่พึ่งทางจิตใจ ซึ่งมีมวลชนเป็นลูกศิษย์จำนวนมากในทุกวงการ โดยเฉพาะวงการนางงาม ที่ต้องเข้าไปขอพรกับครูบาอาจารย์ เพื่อพลังความมั่นใจในการเข้าประกวด “นางงามทุกเวที ดาราในวงการ เหล่าคนดังนักธุรกิจ หลากหลายวงการเป็นลูกศิษย์ของสำนักนี้ครับ” 

คุณพอล ยังเปิดเผยด้วยว่า ในปีนี้ทางกองประกวด ได้ออกแบบมงกุฎชิ้นพิเศษ ประดับด้วยไพลิน และเพชร และความพิเศษคือ มีสัญลักษณ์พระพิฆเนศประดับเพชร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสำนักบารมีคเณศ อยู่ด้านหลังมงกุฎ เพื่อความเป็นศิริมงคลสูงสุด สำหรับผู้ที่ได้ครอบครองมงกุฎเลอค่าในปีนี้ถ้าพวกเราทุกคนยังคงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าไปด้วยกันแบบนี้ต่อไป รับรองว่าในฐานะอีกหนึ่งเวทีแกรนด์แสลม เราก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ไม่ทำให้คนไทยทุกคนผิดหวังอย่างแน่นอน ซึ่งผู้ที่ได้ตำแหน่ง “มิส และมิสเตอร์ ซูปร้าเนชันแนล ไทยแลนด์ ประจำปี 2023” จะได้รับรางวัลรวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท เป็นเงินรางวัล 500,000 บาท และของรางวัลจากผู้สนับสนุนการประกวดตลอดระยะเวลา 1 ปี พร้อมโอกาสสำคัญในการก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง

คุณพอล กล่าวด้วยว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจการจัดประกวดนางงาม การที่คนไทย เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์เวทีระดับโลก ถือว่าเป็นการส่งต่อความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจ และเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยได้อีกทางหนึ่ง นอกจากความสุขที่ทำให้ผู้คนได้ดูสิ่งสวยงาม และการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศแล้วอีกสิ่งที่ทำให้การประกวดนางงามอยู่คู่กับคนไทยมาเป็นเวลาหลายสิบปีได้ ก็เพราะเป็นอีกหนึ่งช่องทางการตลาดที่ทางผู้สนับสนุนไว้ใจเข้ามาเป็นพาทเนอร์กับทางกองประกวด และถือว่าปีนี้กระแสนางงามมาแรงมาก ทำให้มีสินค้าและบริการหลากหลายประเภทเข้ามาเป็นพาทเนอร์ ซึ่งทางกองประกวด Miss & Mister SUPRANATIONAL THAILAND 2023  จะให้ความสำคัญในด้านช่วยให้ลูกค้าเติบโตไปด้วยกันไม่ใช่เพียงแค่มาเป็นสปอนเซอร์แล้วจบ แต่เราจะช่วยคิด เป็นที่ปรึกษาให้ลูกค้า  มีการ Collaboration ระหว่างแบรนด์ที่สามารถเติบโตไปด้วยกัน หรือเกิดแคมเปญใหม่ๆไปด้วยกันได้อีกด้วย

โดยเฉพาะเวทีระดับโลก Miss & Mister SUPRANATIONAL  ซึ่งเป็นเวทีการประกวดระดับนานาชาติ ที่มีความยิ่งใหญ่ และเป็นเวทีเดียวที่มีการประกวดพร้อมกันทั้งหญิงและชาย  โดยเฉพาะการประกวดของผู้ชาย ถือเป็นเวทีอันดับ 1 ของโลก ทำให้เป็นเวทีของเราได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เราทำให้เวทีของผู้ชายมีกระแส แฟนคลับที่เป็นผู้หญิงก็มามาติดตามผู้ชายมากขึ้น  จึงทำให้เวทีของเรามีกลุ่มเป้าหมายมารวมตัวกันชมการประกวด จนเกิดเป็นกระแสโซเชียลระดับประเทศมาแล้ว ซึ่งเราให้ความสำคัญในเรื่องการจัดประกวด ที่ต้องยิ่งใหญ่ อลังการ และถ่ายทอดความเป็นเวทีระดับโลกได้อย่างชัดเจน  ที่ความสวย/ความหล่อเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการผ่านเข้ารอบ แต่ยังต้องมีความเก่ง ความฉลาด และไหวพริบปฏิภาณอย่างรอบด้าน และนำมาต่อยอด ผลักดันให้เป็น อินฟลูเอนเซอร์ได้อีกด้วย

นพ.ปรัชญ์ พึ่งเจษฎา ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ ศูนย์การแพทย์ด้านความงาม ดิ อิมเมจ กล่าวกล่าวว่า ในฐานะผู้ถือลิขสิทธิ์เข้าสู่ปีที่ 3 ถือว่าได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดี อัตราการเติบโต 200% ดูจากการติดตามในโซเชียลมีเดียมากขึ้นเป็นสองเท่า เนื่องจาก เราสามารถขยายกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน   หากมองย้อนกลับไปในหลายๆปีก่อน แฟนนางงาม หรือผู้ที่ติดตามเวทีนางงาม จะมีเพียงไม่กี่กลุ่ม แต่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นหญิง หรือชาย หรือแม้กระทั่งเด็ก ก็หันมาติดตามเวทีนางงาม และคุณสมบัติอันแข็งแกร่งของว่าที่ มิส แอนด์ มิสเตอร์ ซูปร้าเนชันแนล ไทยแลนด์ ประจำปี 2023 จากคอนเซ็ปต์หลักปีนี้คือ  “TIME TO BE BOLD” เป็นการบอกว่า ปีนี้ถึงเวลาแล้ว ของผู้ที่กล้าจะแตกต่าง และโดดเด่นในแบบของตัวเอง โดยใช้ทั้ง 3 หัวใจสำคัญ ที่จะเป็นจุดแข็งของคือ MULTI-ABILITY / AMBITIOUS / INFLUENTIAL

โดยเปิดรับสมัครระหว่างวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 – 9 มีนาคม 2566 ผ่านช่องทางออนไลน์ 2 ทาง ได้แก่สมัครผ่าน Google Forms ใน FACEBOOK PAGE : Supranational หรือหน้าเวปไซต์ http://www.suprathailand.com โดยกองประกวดฯ จะเฟ้นหาสุดยอดตัวแทนทั้งหญิงและชาย ที่มีความมุ่งมั่น มีใจรักในการส่งต่อเรื่องราวดีๆ และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่สังคม พร้อมพัฒนาศักยภาพให้ถึงขีดสุด เพื่อเป็นตัวแทนของประเทศ

นอกจากนี้ยังเปิดกว้างสำหรับหนุ่มสาวที่มีความสามารถ การรับสมัครปี พ.ศ. 2566 นี้ ขยายเพดานอายุ โดยผู้เข้าประกวด มิส ซูปร้าเนชันแนล ไทยแลนด์ 2023 จะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 32 ปี ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2566 (เกิดระหว่าง พ.ศ. 2534 ถึง 2548) ผู้เข้าประกวด มิสเตอร์ ซูปร้าเนชันแนล ไทยแลนด์ 2023 มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 34 ปี ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2566 (เกิดระหว่าง พ.ศ. 2532 ถึง 2546)

ทั้งนี้ผู้เข้าประกวดฯ ที่ผ่านเข้ารอบจะได้พบกับ 6 CHALLENGE สุดท้าท้าย ที่จะมาพลิกหน้าประวัติศาสตร์การประกวดในปีนี้ ได้แก่ ACTING CHALLENGE  /SUPRA การละคร / THAI SOFT POWER CHALLENGE PRESENTED BY บารมีคเณศ / SWIMSUIT CHALLENGE PRESENTED BY C2 WATER AND MIRACLE PI WATER / MODEL CHALLENGE PRESENTED BY MUSE BY METINEE / SPEECH CHALLENGE / INFLUENCER CHALLENGE PRESENTED BY การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

ด้านพญ.กอบกาญจน์ ชุณหสวัสดิกุล ผู้อำนวยการศูนย์ JIN WELLNESS CENTER กล่าวเสริมว่า จากผลงานที่ผ่านมาปีที่แล้วก็เป็นที่น่าภาคภูมิใจของพวกเราชาวไทยทุกคน ที่ทั้ง”แพรวและโยโย่”ต่างทำผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นอีกมากมาย ในปีนี้กองประกวดยิ่งต้องทำงานหนักมากขึ้น เพื่อเฟ้นหาบุคคลที่มีความพร้อมในทุกมิติ ตอบโจทย์กับองค์กร SUPRANATIONAL  นั่นคือการคว้ามงกุฏทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายทั้งคู่จากเวทีประเทศโปแลนด์

พร้อมกันนี้ในปีนี้ 2566 นี้ มีผู้สนับสนุนหลัก จากสำนักบารมีคเณศ โดยอาจารย์น้ำ บารมีคเณศ ซึ่งก็ถือว่า เป็นกลุ่มสายมู ด้านความเชื่อ ความศรัทธา ที่พึ่งทางจิตใจ ซึ่งมีมวลชนเป็นลูกศิษย์จำนวนมากในทุกวงการ โดยเฉพาะวงการนางงาม ที่ต้องเข้าไปขอพรกับครูบาอาจารย์ เพื่อพลังความมั่นใจในการเข้าประกวด  ดังนั้นความพิเศษของ“มิส ซูปร้า เนชันแนล ไทยแลนด์ ประจำปี 2023” จะได้รับมงกุฎประจำตำแหน่ง Supremacy Topaz The Magical Celebration จากสำนักบารมีคเณศ มูลค่า 3,900,000 บาท มงกุฎหนึ่งเดียวของซูปร้าที่สร้างปรากฏการณ์ผสาน Soft Power ด้านความเชื่อ ให้เป็นมงกุฎที่ขลังที่สุดในโลกด้วยการอัญเชิญสัญลักษณ์พระพิฆเนศประทับ ณ ตัวเรือนมงกุฎ และ “มิสเตอร์ ซูปร้าเนชันแนล ไทยแลนด์ ประจำปี 2023” จะได้รับ Supremacy Trophy เกียรติยศ ไปครอบครอง อีกทั้งยังมีอีกหนึ่งผู้สนับสนุน คือคุณธัญรัศม์ จิรฐิติเกียรติ ประธานบริหาร น้ำดื่ม ซีทรู โดย บริษัท ซี ดริ้ง จำกัด และ- คุณเกียรติศักดิ์ เอี่ยมพุทธรักษ์ ประธานบริหาร บริษัท เอ.เอส.เอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่จะมีแคมเปญใหญ่ร่วมกันในเร็วๆนี้

ส่วนรองอันดับ 1 และ รองอันดับ 2 มิส แอนด์ มิสเตอร์ ซูปร้าเนชันแนล ไทยแลนด์ ประจำปี 2023 ได้รับเงินรางวัล มงกุฎและ Trophy ประจำตำแหน่ง พร้อมของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท

การประกวดรอบตัดสิน FINAL COMPETITION NIGHT หน้าประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ของ Miss & Mister Supranational Thailand จะมีขึ้นในวันอังคารที่ 4 เมษายน 2566 ณ ULTRA ARENA HALL at SHOW DC

ติดตามความเข้มข้น สนุกสนาน และความงดงามอลังการ รวมถึงศักยภาพของผู้เข้าประกวดแต่ละคน พร้อมสัมผัสถึงตัวตน ความสามารถ จากกิจกรรมของกองประกวดฯ ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง เพื่อเฟ้นหาตัวแทนของประเทศไปคว้าชัยชนะที่ประเทศโปแลนด์ ได้ที่ Facebook Page: Supranational Thailand, Instagram: @supranationalthailand, TikTok: @supra.th

-(016)