คุณแหน : 30 ธันวาคม 2559

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์แนวหน้า

http://www.naewna.com/lady/250649

วันศุกร์ ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

ll สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงบาตรพระภิกษุเนื่องในโอกาสส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เช้าตรู่วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม ณ โรงพยาบาลจุฬาฯ ..และในระหว่างเทศกาลปีใหม่ทุกปี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โปรดเสด็จฯ ทรงเยี่ยมตำรวจตระเวนชายแดนทุกปีและนักเรียนในพระราชานุเคราะห์ในท้องถิ่นทุรกันดาร…

ll ร้าน “ภูฟ้า” มีเสื้อใหม่สีดำออกจำหน่าย ภาพ “ไก่” ระกาน่ารักจากลายพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนฯ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณให้ชาวไทยมีความสุขในปีใหม่นี้ด้วยการร่วมทำบุญกับร้าน..นอกจากส่งเสริมอาชีพยังได้พัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร..ลูกหลานร่วมแผ่นดินไทย…

ll หนาวนี้หนาวดี แหล่งท่องเที่ยวทางเหนือยังเป็นยอดฮิต ตั๋วรถไฟเต็มไป 3 เดือน..ส่วนเครื่องบินขึ้นราคาไปตามโอกาส..ยอดดอยและภูต่างๆ หากยังมีความงดงามชื่นบาน..ต้องระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ “เจ้านาย” ที่ทรงพยายามรักษา.. “แม่ฟ้าหลวง” “ดอยตุง” ได้ “สมเด็จย่า” สมเด็จพระศรีนครินทราฯ ทรงบุกเบิกพัฒนา…

ll พิมพรรณ ดิศกุล ณ อยุธยา ผอ.ศูนย์พัฒนาฯ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงรับงานสำคัญ..เผยแพร่งานอันเป็นประโยชน์ ด้วย “วิธีการร่วมสมัย” สู่คนรุ่นใหม่ …นอกจากได้เห็นคุณ “น้ำหวาน” ใน FB เป็นเรื่องเป็นราว..Hard Copy ทันสมัยอย่าง a day ฉบับ “แม่ฟ้าหลวง” ที่ช่วยให้เรื่องราวและข้อคิดเห็น..ออกมางามน่าเก็บเหลือเกิน…

ll หัวอกแม่ขอใกล้ลูก แม้จะอยู่ประเทศใกล้อย่าง “ลาว” ก็ตาม คุณครูจรุง แสงจันทร์ มีลูกสาวสวย นักการทูตป๊อปปูล่าร์ แห่งเอเซียนและตะวันออกกลาง รุจิกร แสงจันทร์ เป็นสปอนเซอร์พาเที่ยวดินแดนริมโขง 7 วัน 7 คืน..คุณแม่อิ่มทั้งใจและท้อง..ด้วยสูตรอาหารชาวลาวติดดิน ครูฝรั่งเศสไม่เคยลิ้มมาก่อน…

ll แพทย์อาวุโสใจดี..นพ.อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ จัดกอล์ฟ Compliment ให้เพื่อนรุ่นน้องได้สนุกที่กรุงเทพกรีฑา..สนามที่มีการเปลี่ยนแปลงชัดเจน ตั้งแต่ได้ ศ.นพ.ประกิต เทียนบุญ เป็นนายกฯ..อย่างน้อยมี นสพ.คุณภาพอย่าง “แนวหน้า” ให้อ่าน…

ll ยังหนุ่มแน่นหน้าเด้งแม้วัยจะเกิน 70 และใช้ Hearing Aids ชัยสิทธิ์ ภูวภิรมย์ขวัญ มีสูตรลับที่บอกใครทาง Social Media หรือในที่สาธารณะไม่ได้ เพราะกลัวคดี “ยุวเรต”…

ll สวด พล.ต.ต.(หญิง) เภสัชกรหญิงรัชนี หิรัญบูรณะ ผอ.กองเภสัช รพ.ตำรวจ ศาลา 17 วัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน ถึง 6 ม.ค. (31 ธ.ค.1-2 ม.ค. งด) ..พระราชทานเพลิง 7 ม.ค.16.00 น. …

ll ตกใจกับการจากไปอย่างกะทันหันของ ม.ล.พลายชุมพล กิติยากร บุตร ม.ร.ว.กัลยาณกิติ์-ท่านผู้หญิงอรุณ กิติยากร และเป็นพระนัดดาในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 หลังกลับจากไปเที่ยวประเทศบัลแกเรียกับภริยา อภิญญา เกิดเป็นไข้หวัดอ่อนเพลียมาก ในช่วงระยะเวลาไม่กี่วันด้วยโรค H1N1 กลับมารักษาตัวได้ 3 เดือนก็จากไปท่ามกลางความอาลัย…และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ณ ศาลาภาณุรังษี วัดเทพศิรินทราวาส ..27-30 ธ.ค.และ 3-5 ม.ค. …

ll ฝากเตือนผู้จะเดินทางไปสัมผัสอากาศหนาวเย็นที่เชียงใหม่ ในวันส่งท้ายปีเก่า 31 ธ.ค. ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ยืนยันว่า สนามบินจะปิดให้บริการเที่ยวสุดท้ายเวลา 19.20 น. เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการปล่อยโคมลอย ปลอดภัยไว้ก่อน ดีที่สุด…

ll ศุกร์สุดท้ายของปี..ส่งท้ายปีเก่าอย่างเศร้าๆ นะจ๊ะ..และรับ “ปีใหม่” อย่างรู้ทันเถิด ..ท่านผู้อ่านที่รัก…ll

คุณแหน

5 เสือกกต.เปิดศึก!! แย่งเก้าอี้ปธ.กกต.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/news/politic/240868

คมชัดลึก, การเมือง, ชิงเก้าอี้ประธาน กกต., ประธาน กกต., 5 เสือ กกต., กกต., แย่งเก้าอี้ปธกกต, เสือก, เปิดศึก, แย่ง, เก้าอี้, กกต, เสือกกตเปิดศึก, แย่งเก้าอี้ปธกกต , ศุภชัย, กกตวงแตก

การเมือง  : 5 ก.ย. 2559

5 เสือกกต.เปิดศึก!! แย่งเก้าอี้ปธ.กกต.

มติกกต. สั่งสนง.ร่อนหนังสือถามความชัดเจนคำสั่งคสช.งดสรรหา กก.องค์กรอิสระ หลัง 5 เสือกกต.เปิดศึกขัดแย้ง ปมแย่งเก้าอี้ปธ.กกต.

 

4 ก.ย.59 – มติกกต. สั่งสนง.ร่อนหนังสือถามความชัดเจนคำสั่งคสช.งดสรรหากก.องค์กรอิสระ หลัง 5 เสือกกต.เปิดศึกขัดแย้ง ปมแย่งเก้าอี้ปธ.กกต. “ศุภชัย” อ้างกม.-คำสั่งคสช.หวังอยู่ครบวาระ ด้านพนง. หวั่น เปิดช่องคสช.เซ็ตซีโร่กกต.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมกกต. เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมาที่ประชุมมีมติให้สำนักงานกกต.มีหนังสือสอบถามไปยังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( คสช.) ว่า หากจะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งประธานกกต.จะทำได้หรือไม่ และเข้าข่ายเป็นการขัดคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่40/2559 ที่ให้งดการสรรหากรรมการองค์กรอิสระทั้งหมดไว้ก่อนและให้คนเก่าดำรงตำแหน่งจนครบวาระหรือไม่

ทั้งนี้ในการประชุมกกต.เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ซึ่งมีวาระสำคัญในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานฯ แต่เมื่อเริ่มประชุม กกต.ได้ขอประชุมลับก่อน โดย กกต.คนหนึ่งได้ยกประเด็นการบริหารงานภายในสำนักงานขึ้นอภิปรายทำนองตำหนินายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต.ก่อนจะมีการทวงถามนายศุภชัย ถึงข้อตกลงที่ได้เคยให้ไว้เมื่อครั้งได้รับการสรรหาให้เป็นกกต.ว่า หากได้รับเลือกเป็นประธานกกต.ก็จะดำรงตำแหน่งเพียง 2 ปี ขณะนี้พ้นระยะเวลาดังกล่าวมาแล้ว เหตุใดจึงยังไม่มีการดำเนินการตามที่ตกลงไว้

นายศุภชัย ได้ชี้แจงว่าไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง แต่ช่วงก่อนหน้านี้ กกต.จะต้องเตรียมการเรื่องการออกเสียงประชามติจึงอยากทำภารกิจสำคัญให้ลุล่วงก่อน รวมทั้งยังไม่ชัดเจนในข้อกฎหมายว่าหากตนเองลาออกจากตำแหน่งประธานกกต.จะทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่งกกต.ไปด้วยหรือไม่ เพราะถ้าไปพิจารณาคำสั่งแต่งตั้งเป็นการแต่งตั้งประธานและกรรมการ  ต่อมามีคำสั่งคสช.ที่ 40/2559 ออกมาจึงเกรงว่าถ้าจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรอาจเป็นการขัดคำสั่งได้

จากนั้นที่ประชุมก็มีการถกเถียงกันค่อนข้างรุนแรงโดยฝ่ายที่สนับสนุนให้มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งประธาน กกต.มี 3 เสียง

ขณะที่อีก 1 เสียงไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะสนับสนุนนายศุภชัยชัดเจน  แต่เห็นว่าประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องที่ตกลงกันของคน 3 คนก่อนรับตำแหน่งกกต. ไม่สมควรต้องมานำเสนอเป็นเรื่องพูดคุยในห้องประชุมกกต.ที่ไว้สำหรับพิจารณาเรื่องที่ภารกิจงานของกกต. ๆ  ซึ่งการถกเถียงก็มีการยกการปฏิบัติงานของแต่ละฝ่ายมาโจมตีกันไปมาด้วย  แต่ไม่ได้ข้อสรุปจนที่สุดต้องยุติการประชุมและนัดประชุมใหม่ในวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของพนักงานในเวลาต่อมาว่า “กกต.วงแตก”

ต่อมาเมื่อถึงวันประชุม 2 ก.ย.ก่อนการประชุม พบว่า กกต.ฝ่ายที่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งประธานกกต.ได้มีการหารือกันที่ห้องกกต.คนหนึ่ง และเมื่อเริ่มการประชุม ซึ่งก็มีผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานอยู่ในห้องประชุมจำนวนมาก   กกต.คนเดิมก็ได้เสนอว่าอยากจะเสนอวาระพิจารณาเปลี่ยนแปลงประธานกกต.ก่อน และชี้ว่าเหตุผลทางกฎหมายที่นายศุภชัยอ้างเป็นเหตุให้ต้องอยู่ตำแหน่งต่อไปนั้นไม่น่าจะใช่ เพราะการลาออกจากตำแหน่งประธานกกต.ไม่ทำให้พ้นจากตำแหน่งกรรมการ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ปฏิบัติมาแล้วคราวนายชัช ชลวร ลาออกจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญก็ยังเป็นตุลาการฯจนปัจจุบัน  และคำสั่งคสช.ที่ 40/2559 ก็เป็นกรณีการห้ามสรรหาใหม่ จึงไม่มีผลหากนายศุภชัยจะลาออกจากตำแหน่งประธานกกต. เพราะก็ยังเป็นกรรมการ ไม่ต้องมีเรื่องต้องสรรหาใหม่

แต่ก็มีการแย้งว่าตามกฎหมาย หรือระเบียบกกต. ไม่ได้กำหนดไว้ให้กกต.มีอำนาจพิจารณาเรื่องการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งประธานกกต.

ท้ายที่สุดที่ประชุมกกต.เสียงข้างมากก็มอบให้สำนักงานมีหนังสือไปยังคสช.เพื่อขอความชัดเจนดังกล่าว

อย่างไรก็ตามหลังการประชุมกกต. กระแสความขัดแย้งที่เกิดขึ้นสร้างความหวั่นไหวให้กับพนักงานกกต.เป็นอย่างมาก มีการตั้งประเด็นว่า อาจกลายเป็นโอกาสให้หัวหน้าคสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 เซ็ตซีโร่กกต.ทั้ง 5 คนก็เป็นได้ เพราะขณะนี้กกต.เสร็จสิ้นภารกิจการจัดการออกเสียงประชามติแล้ว การยกร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญสำนักงานก็ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วและตามรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจเต็มของกรธ. ขณะเดียวกันรัฐธรรมนูญใหม่กำหนดให้มีกกต. 7 คน การไม่มีกกต.ในช่วงเวลาหนึ่งก็ไม่น่ามีปัญหา หรือถ้าคสช.แต่งตั้งมาใหม่ทั้ง 7 คนความแตกแยกที่เป็นอยู่ก็ยุติลง

 

สถาณการณ์ภัยแล้ง ณ วันที่ 10 มีนาคม 2559

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_drought_situation.php

สถาณการณ์ภัยแล้ง ณ วันที่ 10 มีนาคม 2559
ปริมาณฝนสะสม
ปริมาณฝนสะสม
ปริมาณฝนสะสม 1 – 9 มีนาคม 2559 บริเวณที่มีสีเขียวในบางพื้นที่ของจังหวัดตราด เป็นบริเวณที่มีฝนตกในช่วงที่ผ่านมาโดยมีฝนสะสม 100 ถึง 200 ม.ม. ซึ่งจะช่วยบรรเทาภัยแล้งในช่วงที่ผ่านมา ส่วนบริเวณที่มีสีน้ำตาล และสีเหลือง เป็นบริเวณที่มีฝนตกน้อย โดยมีปริมาณฝนสะสมน้อยกว่า 50 มิลิเมตร ซึ่งสอดคล้องกับค่าดรรชนีความชื้นในดินที่ระดับความลึก 30 ซม. และ60 ซม. ที่แสดงถึงความชื้นที่ดินสะสมไว้ พบว่าบริเวณที่มี สีแดงและสีส้ม ซึ่งเป็นบริเวณที่มีฝนน้อย ในประเทศไทยตอนบน และบางพื้นที่ของภาคใต้ มีสภาพแล้งปานกลางถึงแล้งรุนแรง ส่วนบริเวณที่มีสีเหลือง คือบริเวณที่ดินมีความชื้นสะสมมากเพียงพอกับการเกษตร ในระยะนี้ หากไม่มีฝนตกเพิ่มเติมในบริเวณดังกล่าว ก็จะเป็นบริเวณที่เกิดแล้งทางเกษตรในระยะต่อไป
สมดุลน้ำ
สมดุลน้ำ
สมดุลน้ำระหว่างวันที่ 3 – 9 มีนาคม 2559 ทั่วทั้งประเทศไทยมีปริมาณฝนน้อยกว่าการระเหยน้ำของพืช ทำให้พืชขาดน้ำฝนในช่วงที่ผ่านมา หรือเป็นบริเวณที่มีแนวโน้มที่เกิดสภาวะแล้งทางด้านเกษตร

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อพืชไร่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_crop_animal_forecast.php

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อพืชไร่
ระหว่างวันที่ 22 – 28 กุมภาพันธ์ 2559
ผลกระทบต่อพืชและสัตว์เศรษฐกิจ
ระยะนี้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป โดยเฉพาะทางตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณอื่น เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และเนื่องจากระยะนี้แม้จะมีฝน แต่ปริมาณและการกระจายของฝน ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชที่กำลังเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต และกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช สำหรับอากาศแห้งและลมแรง ชาวไร่อ้อยที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ควรเลือกวิธีการเผาก่อนตัด จะทำให้ค่าน้ำตาลในอ้อยลดลง นอกจากนี้ไฟอาจจะลุกลามทำให้เกิดอัคคีภัยและไฟป่าได้ รวมทั้งควันไฟจากการเผาไหม้จะทำให้ทัศนะวิสัยลดลง และเกิดเป็นมลพิษทางอากาศ ส่วนผู้ที่ปลูกมันสำปะหลังควรระวังการระบาดของเพลี้ยแป้งและไรแดง เกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ หากพบควรเก็บไปเผาทำลายนอกแปลง
สำหรับสภาพอากาศเย็นและแห้งในระยะนี้ เกษตรกรที่ปลูกถั่วเขียวที่อยู่ในระยะออกดอกและติดฝักควรระวังป้องกันการระบาดของราแป้ง ซึ่งจะทำให้ต้นแคระแกร็น ติดฝักน้อย เมล็ดและฝักมีขนาดเล็กลง ฝักที่มีเชื้อราปกคลุมจะบิดเบี้ยว แคระแกร็น และเมล็ดไม่สมบูรณ์ เกษตรกรควรหมั่นสำรวจหากพบควรรีบกำจัดก่อนระบาดเป็นบริเวณกว้าง
สำหรับภาคใต้ในช่วงที่ผ่านมามีฝนตกน้อย และระยะต่อไปจะยังคงมีปริมาณและการกระจายของฝนน้อย เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชไร่ที่อยู่ระยะเจริญเติบโตอย่างเหมาะสม หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช
ออกประกาศ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2559

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อไม้ผล

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_crop_animal_forecast.php

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อไม้ผล
ระหว่างวันที่ 29 กุมภาพันธ์ – 6 มีนาคม 2559
ผลกระทบต่อพืชและสัตว์เศรษฐกิจ
ระยะนี้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป โดยเฉพาะทางตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณอื่น เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และเนื่องจากระยะนี้แม้จะมีฝน แต่ปริมาณและการกระจายของฝนยังไม่เพียงพอกับความต้องการของไม้ผลที่อยู่ในระยะดอกบานและติดผลอ่อน เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชอย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้ดอกร่วงหล่นและการติดผลลดลง และคอยกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช สำหรับสภาพอากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้าชาวสวนลิ้นจี่และลำไยควรระวังป้องกันการระบาดของหนอนเจาะกิ่งลำต้น และหนอนเจาะดอก รวมทั้งมวนลำไยที่จะทำให้ผลผลิตเสียหายและด้อยคุณภาพ ส่วน เกษตรกรที่ปลูกสตรอเบอรี่ ที่อยู่ในระยะออกดอกและติดผล ควรระวังโรคไรสองจุดและโรคใบจุด โดยหมั่นสำรวจแปลงปลูก และกำจัดวัชพืชในแปลงปลูกหากพบโรคควรตัดส่วนที่เป็นโรคไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก รวมทั้งตัดแต่งใบแก่ออก เพื่อให้ต้นโปร่ง อากาศ ถ่ายเทสะดวกเพื่อลดความชื้นในแปลงปลูก
สภาพอากาศเย็นและแห้งในระยะนี้ เกษตรกรภาคตะวันออกที่ปลูกมังคุด ที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล ควรระวังเพลี้ยไฟทำลายดอกและผลอ่อน นอกจากนี้ควรหมั่นสำรวจสวน หากพบศัตรูพืชดังกล่าวควรรีบกำจัด ก่อนระบาดเป็นบริเวณกว้าง
สำหรับภาคใต้ระยะที่ผ่านมามีฝนตกน้อย และระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนจะยังคงน้อย เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่ไม้ผลที่อยู่ระยะออกดอกอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะทุเรียน เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ดอกร่วง การติดผลลดลง และหากปริมาณดอกมีมากเกินไปควรตัดแต่งช่อดอกให้เหลือพอดีกับขนาดของกิ่ง เพื่อลดการแย่งอาหารและน้ำของดอก นอกจากนี้ชาวสวนควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่นเพลี้ยไฟ เพลี้ยไก่แจ้ และไรแดงเป็นต้น ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ผลผลิตลดลงและเสียหาย ส่งผลกระทบต่อผลผลิตในระยะต่อไป
ออกประกาศ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อสัตว์เลี้ยงและสัตว์น้ำ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_crop_animal_forecast.php

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อสัตว์เลี้ยงและสัตว์น้ำ
ระหว่างวันที่ 7 – 13 มีนาคม 2559
ผลกระทบต่อพืชและสัตว์เศรษฐกิจ
ระยะนี้ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน เกษตรกรที่ต้องทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานานควรสวมเสื้อผ้าให้มิดชิดเพื่อป้องกันผิวหนังไหม้เกรียม รวมทั้งควรดื่มน้ำบ่อยๆ ป้องกันร่างกายขาดน้ำ และในช่วงวันที่ 10-13 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับอาคารบ้านเรือนและผลผลิตทางการเกษตร รวมทั้งไม่ควรปล่อยสัตว์เลี้ยงไว้ในที่โล่งแจ้งอาจได้รับอันตรายจากสภาวะดังกลว่า สำหรับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารซึ่งมักระบาดในช่วงฤดูร้อน
เนื่องจากอากาศในตอนกลางวัน เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ ควรควบคลุม อุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้สูงเกินไป โดยปรับปรุงโรงเรือนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก หากมีน้ำเพียงพอควรฉีดน้ำบริเวณหลังคา หรือใช้ระบบละอองน้ำฝอยพ่นในโรงเรือนเพื่อลดอุณหภูมิภายในโรงเรือน ป้องกันสัตว์เครียด อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งควรเพิ่มปริมาณน้ำสำหรับกินให้แก่สัตว์เลี้ยงด้วย นอกจากนี้เกษตรกรควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่จะเกิดในช่วงฤดูร้อนให้กับสัตว์เลี้ยงและควรหมั่นสังเกตหากพบสัตว์ป่วยควรรีบแยกออกจากกลุ่มแล้วทำการรักษา เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่ไปยังตัวอื่นๆ
สัตว์น้ำ ระยะนี้ปริมาณน้ำระเหยมีมาก เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงควรดูแลปริมาณน้ำให้เหมาะสมกับจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยง หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอยู่อย่างแออัด ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย เนื่องจากบางช่วงจะมีฝนฟ้าคะนอง เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยนสัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย ส่วนผู้ที่เลี้ยงปลาในกระชังหากปริมาณน้ำมีน้อยควรย้ายกระชังลงไปในที่ซึ่งมีน้ำเพียงพอ และมีการไหลเวียนของน้ำสม่ำเสมอ
ออกประกาศ วันที่ 07 มีนาคม 2559

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรราย 3 เดือน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_3month_forecast.php

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรราย 3 เดือน
ระหว่างเดือน มีนาคม – พฤษภาคม 2559
ลักษณะอากาศทั่วไป
ประเทศไทยตอนบน (ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก)ช่วงครึ่งแรกของเดือนมีนาคม บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมตอนบนของทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ประกอบกับจะมีลมใต้หรือลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะดังกล่าวทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า โดยเฉพาะตอนบนของภาค ส่วนในตอนกลางวันประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อนอบอ้าวเกือบทั่วไป และจะมีฝนฟ้าคะนองหลายพื้นที่ในบางวัน จากนั้นจนถึงเดือนเมษายน ลมใต้หรือลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนเกือบตลอดช่วง ประกอบกับจะมีหย่อมความกดอากาศต่ำเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบนเป็นระยะๆ ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนอบอ้าวโดยทั่วไป กับมีอากาศร้อนจัดหลายพื้นที่ โดยเฉพาะช่วงกลางเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน อุณหภูมิสูงสุดอาจสูงถึง 43 – 44 °ซ. แต่ในบางวันจะมีฝนฟ้าคะนองในหลายพื้นที่ ซึ่งจะช่วยคลายความร้อนลงได้บ้าง สำหรับเดือนพฤษภาคม ประมาณครึ่งแรกของเดือน จะอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงฤดูกาล ลักษณะอากาศจะแปรปรวน โดยจะมีฝนฟ้าคะนองในหลายพื้นที่ กับมีอากาศร้อนอบอ้าวโดยทั่วไป และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ จากนั้น มรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะเริ่มพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย กับจะมีร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคกลางและภาคตะวันออกในบางช่วง ลักษณะดังกล่าวทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น และคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรงขึ้น ความสูงของคลื่น 2 – 3 เมตร
ปริมาณฝนรวมส่วนใหญ่จะต่ำกว่าค่าปกติเล็กน้อย ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงกว่าค่าปกติ
ภาคใต้ช่วงเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนเมษายน ลมตะวันออกหรือลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนน้อย โดยจะมีฝนบางพื้นที่ถึงเป็นแห่งๆ กับมีอากาศร้อนหลายพื้นที่ในบางวัน สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร จากนั้นจนถึงเดือนพฤษภาคม มรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะเริ่มพัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้ โดยจะมีกำลังแรงขึ้นและต่อเนื่องมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะภาคใต้ฝั่งตะวันตก จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ รวมทั้งคลื่นลมในทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น ความสูงของคลื่น 2-3 เมตร ส่วนทะเลอ่าวไทยจะมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
ปริมาณฝนรวมจะต่ำกว่าค่าปกติเล็กน้อย ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยจะสูงกว่าค่าปกติเล็กน้อย
ข้อควรระวัง
เดือนมีนาคมและเมษายน มักจะเกิดพายุฤดูร้อนบ่อยครั้ง โดยจะมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือน และเรือกสวนไร่นาได้ ประชาชนจึงควรติดตามข่าวพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
ช่วงปลายเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม อาจจะมีหย่อมความกดอากาศต่ำก่อตัวขึ้นบริเวณทะเลอันดามัน ซึ่งอาจทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุดีเปรสชั่นและพายุไซโคลนได้ โดยมีการเคลื่อนตัวทางทิศเหนือค่อนไปทางตะวันออกและอาจเข้าใกล้ด้านตะวันตกของประเทศไทย ซึ่งจะทำให้บริเวณด้านตะวันตกของทั้งภาคเหนือและภาคกลาง รวมทั้งภาคใต้จะมีฝนเพิ่มมากขึ้น
คาดหมาย
มีนาคม เมษายน พฤษภาคม
ภาคเหนือ อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) 36 – 38 37 – 39 35 – 37
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) 21 – 23 24 – 36 24 – 26
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) 7 – 8 7 – 9 5 – 8
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) 3 – 6 4 – 6 4 – 6
ปริมาณฝน (มม.) 15 – 30 40 – 70 140 – 180
จำนวนวันฝนตก (วัน) 2 – 3 4 – 6 13 – 16
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) 35 – 37 36 – 38 35 – 37
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) 23 – 25 25 – 27 25 – 27
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) 6 – 8 6 – 8 5 – 8
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) 4 – 6 5 – 6 4 – 6
ปริมาณฝน (มม.) 30 – 50 60 – 90 150 – 190
จำนวนวันฝนตก (วัน) 3 – 4 6 – 8 13 – 16
ภาคกลาง อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) 36 – 38 37 – 39 35 – 37
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) 25 – 27 26 – 28 26 – 28
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) 7 – 8 8 – 9 6 – 8
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) 5 – 7 5 – 7 5 – 6
ปริมาณฝน (มม.) 20 – 40 50 – 80 140 – 180
จำนวนวันฝนตก (วัน) 3 – 4 4 – 6 12 – 15
ภาคตะวันออกรวมทั้งชายฝั่ง อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) 34 – 36 35 – 37 34 – 36
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) 25 – 27 26 – 28 26 – 28
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) 6 – 7 6 – 8 5 – 7
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) 4 – 6 4 – 5 4 – 5
ปริมาณฝน (มม.) 40 – 70 70 – 100 190 – 230
จำนวนวันฝนตก (วัน) 4 – 6 6 – 8 13 – 16
ภาคใต้ฝั่งตะวันออก อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) 32 – 34 33 – 35 35 – 37
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) 24 – 26 25 – 27 24 – 26
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) 7 – 8 7 – 8 5 – 7
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) 4 – 5 4 – 5 4 – 5
ปริมาณฝน (มม.) 40 – 70 50 – 80 110 – 150
จำนวนวันฝนตก (วัน) 4 – 6 6 – 8 12 – 15
ภาคใต้ฝั่งตะวันตก อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย (°ซ) 34 – 36 34 – 36 32 – 34
อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย (°ซ) 24 – 26 24 – 26 24 – 26
จำนวนชั่วโมงที่มีแสงแดด (ชั่วโมง/วัน) 8 – 9 8 – 9 5 – 7
ปริมาณน้ำระเหย (มม./วัน) 5 – 6 4 – 5 4 – 5
ปริมาณฝน (มม.) 60 – 90 130 – 170 150 – 300
จำนวนวันฝนตก (วัน) 6 – 8 9 – 12 17 – 20
ผลกระทบทางการเกษตร
ประเทศไทยตอนบน (ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก)เดือนมีนาคม เดือนนี้เป็นช่วงต้นฤดูร้อนในระยะต้นเดือนสภาพอากาศจะแปรปรวน โดยอุณหภูมิที่แตกต่างกันมากระหว่างกลางวันและกลางคืน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ป้องกันสัตว์ปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย เนื่องจากระยะนี้เป็นช่วงแล้ง เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด โดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยครั้ง และควรให้น้ำพืชในช่วงเย็น เพื่อลดการสูญเสียน้ำเนื่องจากการระเหย และเนื่องจากปริมาณน้ำที่ระเหยมากในระยะนี้ เกษตรกรควรคลุมดินด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน สำหรับสภาพอากาศที่แห้งในช่วงเดือนนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชทำให้ต้นพืชเสียหาย ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ ส่วนผู้ที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรมีน้ำสำรองให้แก่พืชในระยะเจริญเติบโต เพราะหากพืชได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ชะงักการเจริญเติบโต ถ้าขาดน้ำจะทำให้ต้นพืชตาย สูญเสียผลผลิตโดยสิ้นเชิง เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย ในพื้นที่เพาะปลูกและที่อยู่อาศัยโดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก โดยเฉพาะบริเวณสวนยางพาราควรชาวสวนหลีกเลี่ยงการจุดไฟในบริเวณแปลงปลูกหากมีความจำเป็นต้องจุดไฟควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เพื่อป้องกันไฟลุกลามจนเกิดเป็นอัคคีภัย นอกจากนี้ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลปริมาณน้ำให้เหมาะสมกับจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยง หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้ขาดความสมดุล สัตว์น้ำอยู่อย่างแออัด ส่งผลให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย สำหรับในระยะครึ่งหลังของเดือนอุณหภูมิจะสูงขึ้น ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรลดอุณหภูมิภายในโรงเรือน โดยนำวัสดุอุ้มน้ำชุบน้ำแล้วนำไปไว้ในโรงเรือน รวมทั้งควรเพิ่มปริมาณน้ำกินให้กับสัตว์ หากมีน้ำมากพอควรฉีดน้ำบริเวณหลังคาจะช่วยลดอุณหภูมิภายในโรงเรือนได้ นอกจากนี้ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่จะเกิดในช่วงฤดูร้อนให้กับสัตว์เลี้ยงด้วย สำหรับผู้ที่เลี้ยงโคนมการอาบน้ำให้โคจะทำให้สัตว์คลายเครียดส่งผลให้ผลลิตนมเพิ่มขึ้นได้ ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล เช่น มะม่วง ลำไย และลิ้นจี่ เป็นต้น เกษตรกรควรให้น้ำอย่างเพียงพอ เพราะหากได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตด้อยคุณภาพ ถ้าขาดน้ำจะทำให้ผลผลิตลดลง นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชทำให้ต้นพืชทรุดโทรมผลผลิตลดลง

เดือนเมษายน เดือนนี้เป็นช่วงฤดูร้อน สภาพอากาศจะร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน หากมีความจำเป็นต้องทำงานในที่โล่งตอนกลางวันควรสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด เพื่อป้องกันผิวหนังไหม้เกรียม และควรดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากเชื้อโรคจะเจริญเติบโตได้ดี อาหารจะบูดเสียเร็วขึ้น ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรลดอุณหภูมิภายในโรงเรือน โดยฉีดน้ำบริเวณหลังคาโรงเรือน หรือนำวัสดุอุ้มน้ำชุบน้ำแล้วนำไปวางไว้ในบริเวณโรงเรือน รวมทั้งควรเพิ่มปริมาณน้ำกินให้แก่สัตว์เลี้ยง และควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่จะเกิดในช่วงฤดูร้อนให้กับสัตว์เลี้ยงด้วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงโคนมการอาบน้ำให้แก่สัตว์จะทำให้คลายเครียดและจะเพิ่มผลผลิตนมได้ นอกจากนี้ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลปริมาณน้ำให้เหมาะสมกับจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยง หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอยู่กันอย่างแออัดส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย เนื่องจากสภาพอากาศแห้งเกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผักต่างๆ ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชทำให้ต้นทรุดโทรม ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัยในพื้นที่เพาะปลูกและอาคารบ้านเรือน โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่ดังกล่าว โดยเฉพาะสวนยางพารา ควรหลีกเลี่ยงการจุดไฟภายในบริเวณสวน หากมีความจำเป็นต้องจุดไฟควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เพื่อป้องกันไฟลุกลามจนกลายเป็นอัคคีภัยได้ ระยะนี้ปริมาณน้ำระเหยจะมีมากกว่าปริมาณฝนที่ตกทำให้ความชื้นในดินลดลง เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืช และโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน สำหรับในระยะปลายเดือนปริมาณและการกระจายของฝนจะเพิ่มขึ้น เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในช่วงฤดูฝนควรเตรียมดินสำหรับเพาะปลูกพืชเอาไว้ให้พร้อม เมื่อดินมีความชื้นเพียงพอ หรือการกระจายของฝนเสม่ำเสมอ ก็สามารถเพาะปลูกพืชได้ และควรเตรียมดินให้มีการระบายน้ำที่ดี และทำทางระบายน้ำออกจากแปลงปลูกเอาไว้ด้วย เพื่อป้องกันน้ำขังในแปลงปลูกในช่วงฤดูฝน และในระยะปลายเดือนนี้สภาพอากาศจะเริ่มแปรปรวน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย หากร่างกายปรับตัวไม่ทัน เนื่องจากในช่วงปลายฤดูร้อนอาจมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้มีความมั่นคงและแข็งแรง และควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาสูงๆ และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง ขณะฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง

เดือนพฤษภาคม เดือนนี้เป็นช่วงเปลี่ยนจากฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝนสภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย หากร่างกายปรับตัวไม่ทัน สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในช่วงฤดูฝนที่จะมาถึงนี้ควรจัดเตรียมดินเอาไว้ให้พร้อม รอจนกว่าดินมีความชื้นเพียงพอหรือมีฝนตกสม่ำเสมอแล้วค่อยลงมือปลูก และควรเตรียมดินให้มีการระบายน้ำที่ดีรวมทั้งทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตรเมื่อมีฝนตกหนักในช่วงฤดูฝน สำหรับในระยะครึ่งแรกของเดือนเป็นช่วงปลายฤดูร้อนอุณหภูมิจะสูงในตอนกลางวันเกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน หากมีความจำเป็นต้องอยู่ในที่โล่งตอนกลางวันควรสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด และดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ สำหรับในบางวันอาจมีฝนตกซึ่งจะมีลักษณะฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาสูงๆขณะลมแรง นอกจากนี้ควรซ่อมแซมโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ อาคารเก็บพืชผลทางการเกษตรให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันความเสียหาย เมื่อมีลมกระโชกแรง ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่จะเกิดในช่วงหน้าฝนให้กับสัตว์เลี้ยง และควรจัดเตรียมพื้นที่สูงน้ำท่วมไม่ถึงเอาไว้สำหรับอพยพสัตว์เลี้ยงหากเกิดสภาวะน้ำท่วม รวมทั้งดูแลหลังคาโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้รั่วซึม เพื่อป้องกันสัตว์เปียกชื้นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย และละควรหมั่นสังเกตสัตว์เลี้ยงหากพบสัตว์ป่วยควรรีบแยกออกจากกลุ่ม และทำการรักษา เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่ไปยังตัวอื่นๆ รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ที่ป่วยโดยตรงหากมีความจำเป็นต้องสัมผัสควรสวมถุงมือยางทุกครั้ง เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายและในช่วงที่มีฝนตกใหม่ๆ เกษตรกรไม่ควรรองรับน้ำฝนที่ตกใหม่มาบริโภค แต่ควรนำไปใช้ทางด้านการเกษตรแทน เนื่องจากน้ำฝนจะชะล้างสิ่งสกปรก ฝุ่นละอองในอากาศ และบนหลังคาปะปนลงมากับน้ำฝน ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรจัดเตรียมวัสดุและอุปกรณ์สำหรับกั้นขอบบ่อเอาไว้ให้พร้อมใช้งาน รวมทั้งอุปกรณ์สำหรับสูบน้ำเอาไว้ด้วย สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่ายและในช่วงที่ฝนตกใหม่ๆ เกษตรกรควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อให้น้ำผสมเป็นเนื้อเดียวกันป้องกันน้ำแยกชั้น และเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้แก่น้ำ

ภาคใต้เดือนมีนาคม เดือนนี้เป็นช่วงต้นฤดูร้อน อุณหภูมิจะสูงขึ้นในตอนกลางวัน เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร โดยรับประทานอาหารที่สะอาดและปรุงใหม่ๆ สำหรับปริมาณฝนที่มีน้อย เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัดโดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยครั้งเพื่อลดการสูญเสียน้ำโดยการระเหย และควรวางแผนการใช้น้ำทางด้านการเกษตรให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งในเดือนนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูกตลอดจนอาคารบ้านเรือน และหลีกเลี่ยงการจุดไฟโดยเฉพาะบริเวณสวนยางพารา เนื่องจากใบและต้นยางพาราเป็นเชื้อไฟที่ดี หากมีความจำเป็นต้องจุดไฟควรดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เนื่องจากปริมาณฝนมีน้อยประกอบกับปริมาณน้ำระเหยมีมากทำให้ความชื้นในดินลดลง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชเหี่ยวเฉา(ถ้าได้รับน้ำพืชสามารถฟื้นกลับคืนมาได้)ถ้าขาดน้ำเป็นเวลานานจะทำให้พืชเหี่ยวเฉาถาวร(ถึงได้รับน้ำพืชก็ไม่สามารถฟื้นกลับคืนมาได้)ทำให้ต้นพืชตายได้ รวมทั้งควรคลุมดินบริเวณโคนต้นไม้ผลด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ และหญ้าแห้ง เพื่อป้องกันน้ำบริเวณผิวหน้าดินระเหย รักษาความชื้นภายในดิน สำหรับพืชต้นอ่อนที่ปลูกใหม่ เกษตรกรควรพรางแสงหรือทำร่มเงาให้แก่พืช เพื่อลดความเข้มของแสง ป้องกันพืชเหี่ยวเฉา นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆในพืชสวนและพืชผัก ซึ่งศัตรูพืชดังกล่าวจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากต้นพืชทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโตการผลิดอกออกผลอาจลดลง หากพบควรรีบกำจัด เพื่อป้องกันการระบาดเป็นบริเวณกว้าง ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรควบคุมสภาพน้ำให้เหมาะกับสัตว์ที่เลี้ยง รวมทั้งดูแลปริมาณน้ำให้เหมาะกับจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยง หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอาศัยอยู่อย่างแออัด ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย

เดือนเมษายน เดือนนี้เป็นช่วงฤดูร้อน เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ซึ่งมักระบาดในช่วงฤดูร้อนเนื่องจากอาหารจะบูดเน่าได้ง่าย สำหรับปริมาณการระเหยของน้ำจะมากกว่าปริมาณฝนที่ตกทำให้ปริมาณน้ำในดินมีน้อย เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ถ้าขาดน้ำเป็นเวลานานจะทำให้พืชตายได้ และใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด โดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยครั้ง และควรให้น้ำพืชในช่วงเย็นและค่ำ เพื่อลดการสูญเสียน้ำเนื่องจากการระเหย นอกจากนี้ควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน และเนื่องจากสภาพอากาศค่อนข้างแห้งในเดือนนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ในพืชผักและไม้ผล โดยเฉพาะ เพลี้ยไก้แจ้ในทุเรียน เป็นต้น ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นพืชทรุดโทรมการผลิดอกออกผลลดลง และอาจทำให้พืชต้นอ่อนตายได้ ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงควรดูแลสภาพน้ำให้เหมาะกับสัตว์น้ำเนื่องจากการระเหยมีมากทำให้ความเข้มข้นของสารละลายในน้ำมีมากขึ้น และดูแลจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยงให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำที่เลี้ยง หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอยู่กันอย่างแออัดส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย ส่วนชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกัน การเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวป้องกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก และหลีกเลี่ยงการจุดไฟ หากมีความจำเป็นต้องจุดไฟควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เพื่อป้องกันไฟลุกลามจนกลายเป็นอัคคีภัย สำหรับในช่วงปลายเดือนปริมาณและการกระจายของฝนจะเพิ่มขึ้น เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชรุ่นใหม่ควรเตรียมดินเอาไว้ให้พร้อม เมื่อความชื้นในดินมีเพียงพอ ก็สามารถลงมือปลูกพืชได้เลย และในบางพื้นที่อาจมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ เกษตรกรควรซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างให้แข็งแรง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาสูงๆ และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง ขณะลมแรง

เดือนพฤษภาคม เดือนนี้เป็นช่วงเปลี่ยนจากฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝนโดยลมจะเริ่มเปลี่ยนจากลมใต้เป็นลมตะวันตกเฉียงใต้ สภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยหากร่างกายปรับตัวไม่ทัน สำหรับในระยะครึ่งแรกของเดือนจะมีอุณหภูมิสูงในตอนกลางวันและในบางวันอาจมีฝนตกโดยมีลักษณะฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง ต้นไม้ใหญ่และป้ายโฆษณาสูงๆขณะลมแรง สำหรับ เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในช่วงฤดูฝนที่จะมาถึงควรเตรียมดินเอาไว้ให้พร้อม เมื่อมีฝนตกสม่ำเสมอ หรือดินมีความชื้นเพียงพอแล้วค่อยลงมือปลูก และเตรียมพื้นที่เพาะปลูกให้มีการระบายน้ำที่ดี เพื่อป้องกันน้ำขังในพื้นที่เพาะปลูกเมื่อมีฝนตกหนัก สำหรับในระยะครึ่งหลังของเดือนจะเข้าสู่ช่วงต้นฤดูฝน เกษตรกรไม่ควรรองรับน้ำฝนที่ตกใหม่มาบริโภคแต่ควรนำไปใช้ทางด้านการเกษตร เนื่องจากฝนจะชะล้างสิ่งสกปรกในอากาศและบริเวณหลังคาลงมาเจือปนกับน้ำฝน ส่วนผู้ที่ปลูกพืชสวนควรดูแลบริเวณสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวนป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา และไม่ควรปล่อยให้บริเวณโคนต้นพืชมีวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ และกิ่งไม้แห้ง เพราะอาจเป็นแหล่งสะสมของโรคและศัตรูพืช โดยเฉพาะโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราอาจลุกลามจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรที่เน่าเปื่อยมาสู่ต้นพืชได้ในช่วงที่ดินและอากาศมีความชื้นสูง สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในช่วงที่ฝนตกเกษตรกรไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย และขณะฝนตกใหม่ๆอาจทำให้อุณหภูมิของน้ำในระดับบนและน้ำในระดับที่ลึกลงไปมีความแตกต่างกัน เกษตรกรควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อให้น้ำผสมเป็นเนื้อเดียวกันป้องกันน้ำแยกชั้น และเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้แก่น้ำ

ออกประกาศ วันที่ 01 มีนาคม 2559

พยากรณ์รายปักษ์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_forecast.php

พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรปักษ์แรก เดือนมีนาคม 2559
ระหว่างวันที่ 1 – 15 มีนาคม 2559
สภาวะอากาศ      ในระยะครึ่งแรกของเดือนมีนาค จะมีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้จะพัดปกคลุมประเทศไทย ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงยังคงแผ่ลงมาปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือเป็นช่วงๆ ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนในตอนกลางวันประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศร้อนเกือบทั่วไป กับมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ สำหรับภาคใต้ จะมีลมตะวันออกหรือลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้เกือบตลอดช่วง ทำให้ภาคใต้ทั้งสองฝั่งมีอากาศร้อนหลายพื้นที่ในบางวัน กับจะมีฝนบางพื้นที่ถึงเป็นแห่ง ๆ บริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูงประมาณ 1- 2 เมตร
คำเตือน      ในบางช่วง อาจจะมีบริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและอาจมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือนและเรือกสวนไร่นาได้ประชาชนจึงควรติดตามข่าวพยากรณ์อากาศประจำวันจากกรมอุตุนิยมวิทยาต่อไปด้วย
ผลกระทบทางการเกษตร      ในระยะนี้บริเวณประเทศไทยจะมีอากาศร้อนและแห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย และไฟป่า โดยทำแนวกันไฟรอบอาคารบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร รวมทั้งวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง นอกจากนี้ในบางช่วงจะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ เกษตรกรควรป้องกันความเสียหาย โดยซ่อมแซมอาคารบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง โรงเรือนเลี้ยงสัตว์ ให้แข็งแรง รวมทั้งผูกยึดหรือค้ำยันกิ่งและลำต้นของพืชที่รับน้ำหนักมากให้แข็งแรงเพื่อป้องกันต้นไม้หักโค้น และลำต้นฉีกขาด เมื่อมีลมแรง นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง

ไม้ผล สำหรับไม้ผลในบริเวณภาคใต้ซึ่งอยู่ในระยะออกดอก เกษตรกรควรดูแลให้น้ำอย่างพอเพียง เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ดอกแห้งและร่วงหล่น ส่วนไม้ผลบริเวณภาคตะวันออกซึ่งอยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรดูแลให้น้ำสม่ำเสมอ รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของ ศัตรูพืชจำพวกปากดูดชนิดต่างๆ ด้วย

พืชไร่และผัก เนื่องจากระยะนี้อากาศร้อนและแห้ง ซึ่งจะทำให้น้ำระเหยจากดินและพืชได้มาก ดังนั้นเกษตรกรควรจัดหาน้ำให้แก่พืชที่ปลูกอย่างเพียงพอ และคลุมโคนต้นด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อสงวนความชื้นดิน รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของเพลี้ยชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ต้นแคระแกร็น ผลผลิตลดลง

สัตว์เลี้ยง ระยะนี้ในตอนกลางวันจะมีอากาศร้อน ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก และจัดหาน้ำดื่มให้กับสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เครียด อ่อนแอ และเจ็บป่วย นอกจากนี้ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่จะเกิดในฤดูร้อนให้กับสัตว์ด้วย และหมั่นสังเกตหากพบสัตว์ป่วยควรรีบแยกออกจากกลุ่ม แล้วทำการรักษา เพื่อป้องกันเชื้อโรคแพร่ไปยังตัวอื่นๆ

สัตว์น้ำ ระยะนี้น้ำจะระเหยมาก ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลปริมาณน้ำให้เหมาะสมกับจำนวนสัตว์ที่เลี้ยง รวมทั้งควรทำร่มเงาให้แก่บ่ออนุบาล เพราะหากอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมากจะทำให้ตัวอ่อนชะงักการเจริญเติบโต

ออกประกาศ 08 มีนาคม 2559

ผลกระทบทางการเกษตรระยะ 7 วัน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_7dayforecast.php

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 09 มีนาคม 2559 – 15 มีนาคม 2559
ภาคเหนือ
การคาดการณ์ฝน ไม่มีฝน
การคาดการณ์อุณหภูมิ อากาศร้อนในตอนกลางวัน ตลอดช่วง ทางตอนบนของภาค อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส ทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-41 องศาเซลเซียส
ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาปริมาณฝนที่ตกน้อยกว่าค่าการคายระเหยน้ำของพืช โดยค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่มีค่าเป็นลบอยู่ระหว่าง (-20) ถึง (-30) มม. ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้า ไม่มีฝนตก ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในดินลดลง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม และให้น้ำอย่างประหยัด โดยให้น้ำเฉพาะบริเวณทรงพุ่ม หรือวิธีน้ำหยด รวมทั้งกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล หากได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลร่วงหล่น และแคระแกร็นไม่ได้ขนาด
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
การคาดการณ์ฝน ในช่วงวันที่ 10-12 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
การคาดการณ์อุณหภูมิ ในช่วงวันที่ 10-12 มี.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 5-7 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 13-15 มี.ค. เมฆบางส่วนกับมีอากาศร้อนใน ตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 21-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส
ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาไม่มีฝนตก ค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่มีค่าเป็นลบอยู่ระหว่าง (-30) ถึง (-40) มม. ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้า จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกัน ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับทรัพย์สินและผลผลิตทางการเกษตร ส่วนฝนที่ตกจะมีปริมาณน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่งเหมาะสม โดยเฉพาะพืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตและให้ผลผลิต เพื่อป้องกันพืชชะงักการเจริญเติบโตและผลผลิตด้อยคุณภาพ นอกจากนี้ควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
ภาคกลาง
การคาดการณ์ฝน ในช่วงวันที่ 11-14 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่งร้อยละ 10 ของพื้นที่
การคาดการณ์อุณหภูมิ ในช่วงวันที่ 9-10 มี.ค. อากาศร้อน ส่วนในช่วงวันที่ 11-14 มี.ค. อากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-40 องศาเซลเซียส
ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาไม่มีฝนตก ค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่มีค่าเป็นลบอยู่ระหว่าง (-30) ถึง (-40) มม. ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้า แม้จะมีฝนแต่ปริมาณน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช ดังนั้นเกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมอย่างเหมาะสม และใช้น้ำที่กักเก็บไว้อย่างประหยัด รวมทั้งคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
ภาคตะวันออก
การคาดการณ์ฝน ในช่วงวันที่ 10-15 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง
การคาดการณ์อุณหภูมิ ในช่วงวันที่ 9-10 มี.ค.อากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-39 องศาเซลเซียส
ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาปริมาณฝนที่ตกน้อยกว่าค่าการคายระเหยน้ำของพืช โดยค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่มีค่าเป็นลบอยู่ระหว่าง (-20) ถึง (-40) มม. และในช่วง 7 วันข้างหน้า จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรสำรวจตรวจสอบ อุปกรณ์ที่ผูกยึดกิ่ง และค้ำยันลำต้นไม้ผลให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันกิ่งฉีกหัก หรือต้นโค่นล้ม เมื่อมีลมกระโชกแรง ส่วนฝนที่ตกจะมีปริมาณน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช ดังนั้นเกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
การคาดการณ์ฝน ในช่วงวันที่ 12-15 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่
การคาดการณ์อุณหภูมิ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง (-20) ถึง (-40) มม. และในช่วง 7 วันข้างหน้า แม้จะมีฝนแต่ปริมาณฝนน้อย เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอกและติดผลอ่อน หากได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ดอกร่วงหล่น การติดผลลดลง รวมทั้งควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
การคาดการณ์ฝน มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ตลอดช่วง
การคาดการณ์อุณหภูมิ อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาสมดุลน้ำมีค่าอยู่ระหว่าง (-20) ถึง (-40) มม. และในช่วง 7 วันข้างหน้า แม้จะมีฝนแต่ปริมาณน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะพืชที่ อยู่ในระยะเจริญเติบโต หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและ น้ำจากต้นพืช และควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
หมายเหตุ สมดุลน้ำ คือ ปริมาณฝน – ปริมาณการคายระเหยน้ำของพืช, การคายระเหยน้ำ คือ น้ำระเหย + การคายน้ำของพืช
ออกประกาศ 09 มีนาคม 2559 00:00 น.

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อไม้ผล

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : กรมอุตุนิยมวิทยา

http://www.tmd.go.th/agromet_crop_animal_forecast.php

พยากรณ์อากาศเกษตรเพื่อไม้ผล
ระหว่างวันที่ 29 กุมภาพันธ์ – 6 มีนาคม 2559
ผลกระทบต่อพืชและสัตว์เศรษฐกิจ
ระยะนี้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป โดยเฉพาะทางตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณอื่น เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และเนื่องจากระยะนี้แม้จะมีฝน แต่ปริมาณและการกระจายของฝนยังไม่เพียงพอกับความต้องการของไม้ผลที่อยู่ในระยะดอกบานและติดผลอ่อน เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชอย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้ดอกร่วงหล่นและการติดผลลดลง และคอยกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช สำหรับสภาพอากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้าชาวสวนลิ้นจี่และลำไยควรระวังป้องกันการระบาดของหนอนเจาะกิ่งลำต้น และหนอนเจาะดอก รวมทั้งมวนลำไยที่จะทำให้ผลผลิตเสียหายและด้อยคุณภาพ ส่วน เกษตรกรที่ปลูกสตรอเบอรี่ ที่อยู่ในระยะออกดอกและติดผล ควรระวังโรคไรสองจุดและโรคใบจุด โดยหมั่นสำรวจแปลงปลูก และกำจัดวัชพืชในแปลงปลูกหากพบโรคควรตัดส่วนที่เป็นโรคไปเผาทำลายนอกแปลงปลูก รวมทั้งตัดแต่งใบแก่ออก เพื่อให้ต้นโปร่ง อากาศ ถ่ายเทสะดวกเพื่อลดความชื้นในแปลงปลูก
สภาพอากาศเย็นและแห้งในระยะนี้ เกษตรกรภาคตะวันออกที่ปลูกมังคุด ที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล ควรระวังเพลี้ยไฟทำลายดอกและผลอ่อน นอกจากนี้ควรหมั่นสำรวจสวน หากพบศัตรูพืชดังกล่าวควรรีบกำจัด ก่อนระบาดเป็นบริเวณกว้าง
สำหรับภาคใต้ระยะที่ผ่านมามีฝนตกน้อย และระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนจะยังคงน้อย เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่ไม้ผลที่อยู่ระยะออกดอกอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะทุเรียน เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ดอกร่วง การติดผลลดลง และหากปริมาณดอกมีมากเกินไปควรตัดแต่งช่อดอกให้เหลือพอดีกับขนาดของกิ่ง เพื่อลดการแย่งอาหารและน้ำของดอก นอกจากนี้ชาวสวนควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่นเพลี้ยไฟ เพลี้ยไก่แจ้ และไรแดงเป็นต้น ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ผลผลิตลดลงและเสียหาย ส่งผลกระทบต่อผลผลิตในระยะต่อไป
ออกประกาศ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559