“มะละกอแขกดำหนองแหวน” เตี้ยดกผลกินขายคุ้ม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/581602

โดย นายเกษตร 25 ก.พ. 2559 05:01

 

มะละกอชนิดนี้ เหมาะจะปลูกเพื่อเก็บผลใช้ประโยชน์ในครัวเรือน หรือปลูกเพื่อเก็บผลขายได้คุ้มค่ามาก โดยเฉพาะคนวัยเกษียณในยามว่าง เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่มีขนาดต้นเตี้ย ติดผลดกไม่น้อยกว่าร้อยผลต่อต้นต่อฤดูกาล เนื้อผลหนา ผลดิบฉ่ำนํ้ากรอบดี เนื้อสุกเหนียวไม่เละแม้สุกงอม รสชาติหวานสูงอร่อยมาก ที่สำคัญ “มะละกอแขกดำหนองแหวน” เป็นพันธุ์ที่ต้องการนํ้าไม่มากนัก รดนํ้าเพียงวันเว้นวัน พร้อมบำรุงปุ๋ยตามกำหนดจะให้ผลผลิตสูงมากตามฤดูกาล ทำให้สามารถเก็บผลใช้ประโยชน์หรือเก็บผลขายได้ราคาดี ตลาดมีความต้องการสูง

มะละกอแขกดำหนองแหวน เกิดจากการคัดพันธุ์จากมะละกอแขกดำทั่วไปอยู่หลายวิธีจนมั่นใจได้ว่าเป็นมะละกอสายพันธุ์ใหม่ดีที่สุด จึงตั้งชื่อว่า “มะละกอแขกดำหนองแหวน” มีลักษณะเด่นประจำพันธุ์คือ ต้นเตี้ย ข้อต้นถี่ ติดผลดกเต็มต้น รูปทรงของผลสวย “ผล” โตมีนํ้าหนักเฉลี่ย 1.5-2 กิโลกรัมต่อผล ผลดิบเนื้อหนาฉ่ำนํ้ากรอบปรุงอาหารได้หลายอย่าง โดยเฉพาะทำส้มตำมะละกอ ผลสุกเป็นสีเหลืองอมส้ม เนื้อในเป็นสีแดงเข้ม เนื้อสุกไม่เละแม้สุกงอม รสชาติหวานอร่อยมาก กลวงในเล็กน้อย มีเมล็ดไม่มากนัก ติดผลดกตามภาพ ประกอบคอลัมน์ ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด

มะละกอแขกดำหนองแหวน ปลูกได้ในดินทั่วไป บำรุงปุ๋ยคอกปุ๋ยหมักโรยรอบโคนต้นเล็กน้อย 2 เดือนครั้ง สลับกับใส่ปุ๋ยสูตร 16-16-16 ทุก 20 วัน รดนํ้าพอชุ่มวันเว้นวัน จะทำให้ติดผลดกตามฤดูกาล หลังปลูก 3 เดือนจะมีดอกและติดผลขนาดเล็กให้เห็น จากนั้นนับต่อไป 5 เดือนสามารถเก็บผลดิบขายได้ และนับต่อไปให้ครบ 7 เดือนผลจะสุกเก็บขายได้ราคาดีทั้งผลดิบและผลสุก เนื่องจากตลาดมีความต้องการสูง

ใคร ต้องการเมล็ดพันธุ์หรือต้นแท้ติดต่อตรง “คุณประภาส สุภาผล” 33/4 หมู่ 7 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โทร.08-8533-2299 สามารถส่งทางไปรษณีย์ได้ด้วย ราคาสอบถามกันเองครับ.

“นายเกษตร”

มังคุด…ระวังเพลี้ยไฟ

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/581604

โดย สะ-เล-เต 25 ก.พ. 2559 05:01

 

ลม ฟ้า อากาศ เรามิอาจบังคับ กำหนดกฎเกณฑ์อะไรได้เลย ฉะนั้นในช่วงอากาศเปลี่ยน บ่อยครั้งมีสามฤดูในวันเดียว พืชผลการเกษตรปรับตัวไม่ทัน ได้รับความเสียหาย แมลงศัตรูพืชเร่งขยายเผ่าพันธุ์ตามกลไกการดำรงชีวิตตามธรรมชาติ

กรมวิชาการเกษตรจึงออกมาเตือนเกษตรกรชาวสวนมังคุดเฝ้าระวังในช่วงอากาศหนาวเย็น มีลมแรง มักพบการระบาดของเพลี้ยไฟ… เข้าทำลายในระยะออกดอกไปจนถึงระยะผลอ่อน

มังคุดจะแสดงอาการดอกแห้งไหม้ และทำให้ผลอ่อนมีแผลสีน้ำตาลจากเพลี้ยไฟ

ดังนั้นในระยะนี้เกษตรกรควรสำรวจการระบาดด้วยตนเอง หากใน 4 ผลหรือดอก พบเพลี้ยไฟตั้งแต่ 1 ตัวขึ้นไป ให้พ่นสารอิมิดาโคลพริด 10% เอสแอล 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารคาร์โบซัลแฟน 20% อีซี 50 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารฟิโพรนิล 5% เอสซี 10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร

แต่มีข้อแนะนำที่เกษตรกรต้องระวังเป็นพิเศษ…ไม่ควรพ่นสารชนิดใดชนิดหนึ่งติดต่อกันหลายครั้ง เพราะจะทำให้เพลี้ยไฟดื้อยาได้

เรื่องของสภาพอากาศอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เป็นข้อควรระวังอีกประการที่ชาวสวนมังคุดจะต้องใช้ใจ เพราะมีผลทำให้ต้นมังคุดชะงักการออกดอก และถ้าเกิดลมแรง จะทำให้ใบหลุดร่วง และมักพบอาการตาดอกมังคุดหยุดการพัฒนา ใบร่วง ความสมบูรณ์ของต้นลดลง ฉะนั้น เกษตรกรต้องหมั่นตรวจสอบสังเกตเสมอ!!!

เมื่อใดที่อุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส…ให้โชยน้ำในตอนเช้า เพื่อเพิ่มอุณหภูมิในทรงพุ่ม

ส่วนต้นที่ยังไม่ออกดอกหรือดอกน้อย ให้งดการให้น้ำ รอจนกระทั่งสังเกตเห็นต้นมีอาการใบตก ก้านใบกิ่งที่ปลายยอดเริ่มแสดงอาการเหี่ยวเป็นร่องถึงจะให้น้ำเพื่อกระตุ้นการออกดอกครั้งใหม่

เกษตรกรที่มีปัญหาสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร หรือศูนย์วิจัยพืชใกล้บ้าน หรือโทรศัพท์ 0-2940-5484-5 ต่อ 116.

สะ–เล–เต

เครื่องให้อาหารปลาดุก สามสิบบาท

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/581682

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 25 ก.พ. 2559 05:01

 

เลี้ยงปลาดุกต้องให้อาหารปลาเป็นเวลา ถ้าคนเลี้ยงขยันช่างสังเกต ปลาจะโตเร็ว ใช้อาหารเลี้ยงไม่มาก แต่หากไม่มีเวลาให้อาหารปลาตรงตามเวลา การเจริญเติบโตปลาไม่ดี เกษตรกรบางรายจึงเอาอาหารเม็ดใส่ผ้าผูกโยงกับไม้เหมือนยกยอกุ้ง ปลาตอดกินไม่หมด นอกจากอาหารบางส่วนเน่าเสีย บ่อเลี้ยงเกิดการเน่าเหม็นเร็วขึ้น ทำให้ปลาเสี่ยงเป็นโรคตัวเป็นแผล ตัวคด และตายได้

อ.วิสิษฐ์ศักดิ์ ไกรนรา วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่ จึงเกิดแนวคิดสร้างเครื่องให้อาหารปลาดุกราคาประหยัด แค่เพียง 30 บาท…ใช้ขวดน้ำเปล่าขนาด 5 ลิตร 1 ใบ ขวดน้ำขนาด 0.5 ลิตร 5 ใบ ท่อพีวีซีขนาด 0.5 นิ้ว ยาว 15 ซม. ท่อพีวีซีขนาด 4 นิ้ว ยาว 30 ซม. ฝาครอบท่อพีวีซีขนาด 0.5 นิ้ว 2 ชิ้น

เริ่มด้วยการนำขวดน้ำขนาด 5 ลิตร มาเจาะรูกว้าง 2.5 ซม. ใต้ฐานขวดใบใหญ่ให้อยู่กึ่งกลางพอดี แล้วนำขวดขนาดครึ่งลิตรมาตัดครึ่ง นำส่วนบนมาสวมลงไปในฐานขวดใบใหญ่ที่เจาะรู แล้วเชื่อมติดด้วยกาวร้อน เพื่อเป็นช่องเติมอาหารปลา เสร็จแล้วเจาะรูด้านข้างของปากขวดใบเล็กที่คว่ำลงไปในฐานขวดใบใหญ่ให้เป็นรูเพื่อเสียบนอตหัวจีบ ร้อยเชือกกับนอตและปล่อยให้เชือกยาวออกมาทางด้านปากขวดใบใหญ่ เพื่อไว้บังคับปริมาณการปล่อยอาหารปลา… นำฝาขวดขนาด 5 ลิตรมาเจาะรูขนาดกว้าง 2 ซม. นำไปปิดปากขวดใบใหญ่ให้เชือกโผล่ออกมา

นำท่อพีวีซีขนาดครึ่งนิ้ว ยาว 15 ซม. มาเจาะรูรังผึ้งทั่วทั้งท่อ แล้วนำฝาครอบท่อพีวีซีขนาดครึ่งนิ้วปิดหัวท้ายท่อพีวีซี นำฝาขวดน้ำขนาดครึ่งลิตรมาปะกบติดกับท่อพีวีซีที่ทำเสร็จแล้วและเจาะรูเล็กๆ เอาเชือกที่โผล่มาจากขวดใบใหญ่มาผูกติดฝาขวดและปลายท่อพีวีซี…เพื่อจะได้เป็นช่องปล่อยอาหาร ที่สามารถหมุนนอตปรับดึงเชือกให้ตึงหรือหย่อน ปล่อยอาหารได้มากน้อยตามความต้องการของปลา และสามารถปล่อยอาหารได้อัตโนมัติเวลาปลาหิว ว่ายน้ำมาชนท่อพีวีซี

แต่ทำแค่นี้ยังไม่เสร็จ ต้องทำทุ่นลอยน้ำเป็นฐานวางเครื่องให้อาหารปลาด้วย

นำท่อพีวีซีขนาด 4 นิ้ว ยาว 30 ซม. ด้านล่างเจาะเป็นช่อง 4 ทิศ (ตามรูป) แล้วนำขวดเปล่าขนาด ครึ่งลิตร 4 ใบ มายึดติดกับฐาน 4 ทิศ ปิดฝาขวดให้แน่น เพียงแค่นี้จะได้ฐานลอยน้ำที่สามารถนำเครื่องให้อาหารปลาไปเสียบวางไว้กลางบ่อได้ ด้วยราคา 30 บาท สนใจอยากได้รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อได้ที่ 08-1673-9640.

ฮอร์โมน…นมวัว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/581087

โดย สะ-เล-เต 24 ก.พ. 2559 05:01

 

น้ำนมโคดิบที่เกษตรกรนำมาขาย หลังการตรวจสอบคุณภาพ จะมีน้ำนมบางส่วนไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน ถูกคัดออกเดือนละ 60 ตัน นำไปใช้เลี้ยงลูกโคและขายให้กับฟาร์มสุกรเพื่อเป็นอาหารสัตว์ กระนั้นยังมีบางส่วนหลงเหลือ จึงต้องไปเททิ้งในแปลงหญ้า…ต้นหญ้าบริเวณนั้นเขียวชอุ่มกว่าพื้นที่อื่น

เป็นข้อสงสัยให้ ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ ผอ.องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) คิดหาคำตอบ ในน้ำนมดิบมีอะไรดีถึงช่วยให้พืชแตกยอดอ่อนเร็วขึ้น

“เคยได้ยินบ่อย ปลูกพุทรานมสดถ้าต้องการให้หวานกรอบต้องฉีดพ่นด้วยฮอร์โมนนมสด น้ำนมวัวเราก็มี ทำไมจะทำแบบนั้นบ้างไม่ได้ดีกว่าเอาไปเทใส่แปลงหญ้าให้ส่งกลิ่นเหม็น สร้างความเดือดร้อนกับชาวบ้านข้างเคียง เราจึงคิดหาวิธีสูตรหมักฮอร์โมนนมวัว”

หลังจากทดลองมาหลายสูตร ในที่สุดมาลงตัวที่…น้ำนมโคสด 80 ลิตร (นมดิบที่ไม่ผ่านมาตรฐานต้องคัดทิ้ง) กากน้ำตาล 20 กก. สารเร่ง พด. 6 (เชื้อจุลินทรีย์ย่อยสลายโปรตีนและไขมันในน้ำนมโค) จำนวน 2 ซอง คนให้เข้ากัน ปิดฝาถังไม่ต้องสนิท ตั้งไว้ในที่ร่ม ระหว่างหมักใช้ไม้คนวันละ 2 ครั้ง ทิ้งไว้ 15 วัน

จากนั้นนำน้ำหมักน้ำนมโค 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ 10 ลิตร ฉีดพ่นช่วงเวลาเย็น แสงแดดอ่อน ในกลุ่มพืชกินใบทั้งคะน้า ผักบุ้ง ชะอม กะเพรา ปรากฏผลช่วยกระตุ้นยอดอ่อนให้แตก ทำให้ใบพืชสีเขียวเข้ม ลำต้นแข็งแรง แมลงศัตรูพืชหนอนม้วนใบไม่รบกวน

จากทดลองทำเล่นๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องนำนมไปเททิ้งให้เหม็นเน่า ปัจจุบันพัฒนากลายเป็นน้ำหมักนมโคจำหน่ายได้ในราคาลิตรละ 300-350 บาท…ฮอร์โมนนมวัวสูตรนี้ อ.ส.ค.ไม่หวง เกษตรกรสามารถผลิตคิดทำเองได้ ใช้เงินลงทุนแค่เพียง 1,720 บาท จะได้น้ำหมักนมโคมาใช้เป็นฮอร์โมนบำรุงพืช 99 ลิตร หักต้นทุนเหลือกำไรเกือบสามหมื่นบาท

สนใจใคร่เรียนรู้หรือจะขอพิสูจน์ด้วยตัวเอง สอบถาม 0-3634-4926 ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ ฝ่ายท่องเที่ยวเชิงเกษตร อ.ส.ค. อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เขามีจัดอบรมให้ฟรี.

สะ–เล–เต

“พวงแก้วกุดั่น” ดอกสวยหอมแรง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/581090

โดย นายเกษตร 24 ก.พ. 2559 05:01

 

หลายคน อยากทราบว่า “พวงแก้วกุดั่น” เป็นอย่างไรและจะหาซื้อต้นไปปลูกประดับได้จากที่ไหน ซึ่ง “พวงแก้วกุดั่น” ถูกระบุว่า เป็นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอินเดีย แล้วกระจายพันธุ์ปลูกในเขตร้อนไปทั่วโลก ในประเทศไทย ถูกนำเข้ามาปลูกแพร่หลายช้านานแล้ว จนกลายเป็นไม้ไทยไปโดยปริยาย ส่วนใหญ่จะปลูกให้ต้นหรือเถาเลื้อยพันรั้วหน้าบ้านหรือปลูกให้เลื้อยซุ้มประตูทางเข้าบ้าน เวลามีดอกดกและดอกบานพร้อมกันตามฤดูกาลนอกจากจะดูสวยงามแล้ว ดอกยังส่งกลิ่นหอมแรงฟุ้งกระจายทั่วบริเวณใกล้เคียงเป็นที่ชื่นใจยิ่ง

พวงแก้วกุดั่น หรือ CLEMATIS SMILACIFOLIA WALL. อยู่ในวงศ์ RANUNCULACEAE เป็นไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็งอายุหลายปี ต้นหรือเถาสามารถเลื้อยได้ยาวกว่า 5 เมตร ลำต้นกลมสีเขียวหรือสีคลํ้าดำเกือบม่วง ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ รูปไข่ ปลายและโคนใบแหลม เนื้อใบค่อนข้างหนา ผิวใบและขอบใบเรียบเป็นมัน สีเขียวสด ใบดกน่าชมมาก

ดอก ออกเป็นช่อกระจุก 2-3 ดอกต่อช่อ ออกตามซอกใบ มีกลีบเลี้ยง 4-6 แฉก รูปแถบยาว ปลายแฉกแหลม สีม่วงแดง ปลายกลีบเลี้ยงจะม้วนงอลงชัดเจน กลีบดอกไม่มี ส่วนที่เป็นฝอยๆ สีขาวจำนวนมากนั้นคือเกสรไม่ใช่กลีบดอก ดอกจะทยอยบานไม่พร้อมกัน ดอกมีกลิ่นหอมแรงตลอดทั้งวัน จะส่งกลิ่นจัดจ้านยิ่งขึ้นในช่วงพลบคํ่า ทำให้เวลามีดอกดกและดอกบานพร้อมกันหลายๆดอก นอกจากจะดูงดงามแล้ว ดอกยังส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายเป็นที่ประทับใจมาก “ผล” รูปทรงกลม มีขนาดเล็ก ภายในมีเมล็ดเยอะ ดอกออกช่วงระหว่างเดือนมกราคม ต่อเนื่องไปจนถึงเดือนเมษายนของทุกปี ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดและปักชำต้น มีชื่อเรียกในประเทศ ไทยอีกคือ เครือจางหลวง และ จางน้อย

มีต้นขายทั่วไป ที่ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ ราคาอยู่ที่ขนาดของต้น เป็นไม้ชอบแดดจัด ไม่ชอบนํ้าท่วมขังครับ.

“นายเกษตร”

เลี้ยง..จิ้งหรีด เติมพลังฝันชายวัย 83

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/581198

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 24 ก.พ. 2559 05:01

 

เลี้ยงจิ้งหรีดส่งขายให้ร้านแมลงทอด ชาวบ้านทำกันมานาน เพียงแต่เมื่อก่อน แต่ละบ้านยังเลี้ยงกันไม่มากมาย กระทั่งองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ประกาศให้จิ้งหรีดเป็นแหล่งโปรตีนชั้นยอด ผู้บริโภคให้การยอมรับจิ้งหรีดมากขึ้น ส่งผลให้ชาวบ้านหันมาสนใจเลี้ยงแมลงกินได้เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว

“เมื่อก่อนในหมู่บ้านไม่มีใครสนใจเลี้ยงจิ้งหรีด กระทั่งผู้ใหญ่บ้านทำฟาร์มหมูแล้วขาดทุน เลยเปลี่ยนอาชีพหันมาเลี้ยงเป็นรายแรกๆของหมู่บ้าน ลุงสังเกตเห็นทุกเดือนจะมีรถกระบะเข้ามารับซื้อจิ้งหรีดถึงหน้าประตูบ้านผู้ใหญ่บ้าน เราได้แต่มองผ่าน ไม่เคยสนใจว่าเลี้ยงจิ้งหรีดยากง่ายยังไง แม้ว่าทุกๆ 35-45 วัน เขาได้เงินเป็นแสนๆก็เหอะ อายุเราแก่เฒ่าปูนนี้คงจะทำแบบเขาไม่ได้แน่”

ลุงทองอาน คำร้อย พ่อเฒ่าวัย 83 ชาวบ้านแสนตอ ต.บัวใหญ่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น เล่าต่ออีกว่า เมื่อชาวบ้านหลายหลังสร้างบ่อเลี้ยงจิ้งหรีดแทบทุกบ้าน ลูกชายเห็นบ้านอื่นเลี้ยงแล้วขายได้เงินเร็ว อยากเลี้ยงบ้าง จึงนำเงินที่เก็บออมไว้มาสร้างบ่อเล็กๆข้างบ้าน ซื้อขันไข่จิ้งหรีด 6 ใบ เลี้ยงแค่ 35 วันได้จิ้งหรีดส่งขาย 60 กก. หักค่าอาหารยังมีเงินเหลือ 4,500 บาท

“มันไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย ผิดกับเมื่อนั่งสานตะกร้านั่งหลังขดหลังแข็ง ปวดเมื่อยไปทั้งตัว เดือนเดือนหนึ่งขายตะกร้าได้เงิน 1,600 บาทแค่นั้น ช่างแตกต่างกับการเลี้ยงจิ้งหรีดเสียนี่กระไร หากเพิ่มจำนวนบ่อเลี้ยงคงมีรายได้ดีกว่าสานตะกร้าทั้งปีแน่ๆ”

เมื่อเห็นรายได้ดี ลุงทองอาน จึงทุ่มสุดตัวเอาเงินทั้งหมดมาสร้างบ่อเลี้ยงจิ้งหรีดให้ลูกชายเพิ่มอีกรวมเป็น 2 บ่อ คราวนี้เลี้ยงจิ้งหรีดได้ 25 ขัน แต่ลูกชายมีงานประจำ ภาระหน้าที่เลี้ยงจิ้งหรีดเป็นของผู้เฒ่าวัย 83 ปีเพียงผู้เดียว

แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับชายวัยชรา เลี้ยงจิ้งหรีดไม่ใช่งานหนักสามารถทำได้คนเดียว โดยมีแม่เฒ่าคู่ชีวิตคอยนั่งเป็นกำลังใจอยู่ไม่ห่าง…เพราะการเลี้ยงจิ้งหรีดให้อาหารแค่วันละหน ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เสร็จแล้ว ส่วนที่เหลือดูแลอย่าให้น้ำขาด กับนั่งเฝ้าไม่ให้มีจิ้งจก มดมากวน ถ้าอากาศร้อนเปิดพัดลมไล่ความร้อน เพียงแค่ 35 วันจิ้งหรีดโตเต็มวัย บรรดาพ่อค้าจะมาจับจองเอาไปขายถึงหน้าบ้าน

จิ้งหรีด 2 บ่อ ขายได้ 250 กก.ราคา กก.ละ 100 บาท หลังหักค่าอาหาร 7,000 บาท แต่ละเดือนสองคนตายายมีรายได้ 18,000 บาท พอให้ใช้ชีวิตบั้นปลายได้สบาย…ดีกว่านั่งงอมืองอเท้า นั่งรอแต่รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 800 บาทเป็นไหนๆ.

เพ็ญพิชญา เตียว

เตรียมจัดใหญ่งาน ‘100 ปี สหกรณ์ไทย’ โอกาสครบ 100 ปี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/581298

โดย ไทยรัฐออนไลน์ 24 ก.พ. 2559 03:30

 

กรมส่งเสริมสหกรณ์จัดยิ่งใหญ่ “งาน 100 ปีสหกรณ์ไทย” โอกาสครบ 100 ปี โดยนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดงาน 24 กุมภาพันธ์นี้ ที่ทำเนียบฯ…

นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี สหกรณ์ไทย ที่จะมีขึ้นในวันที่ 26 ก.พ. 2559 กรมส่งเสริมสหกรณ์และขบวนการสหกรณ์ไทยได้ร่วมใจจัดงาน “100 ปีสหกรณ์ไทย” ขึ้น ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 24 ก.พ. 2559 โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดงาน พร้อมมอบรางวัลนักสหกรณ์แห่งชาติและเกษตรกรดีเด่น พร้อมกล่าวเปิดการฉลองวาระครบรอบ 100 ปี สหกรณ์ไทย โดยจะมีการถ่ายทอดสดทั่วประเทศในเวลา 14.00 น. ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง NBT จึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยรับชมกันอย่างพร้อมเพรียงกัน

ทั้งนี้ ปัจจุบันขบวนการสหกรณ์นับเป็นกลไกสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างต่อเนื่อง การจัดงานดังกล่าว นอกจากเพื่อรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณพระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทยแล้วยังเป็นการตอกย้ำให้คนไทยได้เห็นคุณค่าและบทบาทของขบวนการสหกรณ์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยให้มีความเข้มแข็งมาตลอด 100 ปีที่ผ่านมาอีกด้วยและยังได้กำหนดให้มีการจัดกิจกรรมในโอกาสครบรอบ 100 ปี การสหกรณ์ไทยอย่างต่อเนื่องทั้งปี 2559 เพื่อเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กิจกรรมของสหกรณ์ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับมากยิ่งขึ้น

อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับขบวนการสหกรณ์ไทยเป็นอย่างมาก และต้องการนำสหกรณ์เป็นโซ่กลางในการสื่อสารความต้องการของประชาชนในพื้นที่มายังรัฐบาลภายใต้การขับเคลื่อนประเทศด้วยกลไกประชารัฐและต้องการให้ขบวนการสหกรณ์ส่งผ่านการสนับสนุนของภาครัฐสู่ประชาชนในพื้นที่ ทำให้ประชาชนช่วยเหลือตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพารัฐตลอดเวลารัฐบาลจึงส่งเสริมการพัฒนาสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็ง เพื่อสร้างความเจริญมั่นคงของเศรษฐกิจระดับฐานรากของประเทศ

“นายกรัฐมนตรีมีนโยบายสำคัญที่จะพัฒนาสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็งโปร่งใสมากขึ้น  โดยการเพิ่มศักยภาพของสหกรณ์ให้มีบทบาทในการทำหน้าที่ช่วยเหลือเกษตรกรมากขึ้นและเป็นที่พึ่งของสมาชิกอย่างแท้จริง กรมส่งเสริมสหกรณ์จึงได้เร่งผลักดันแผนพัฒนาความเข้มแข็งสหกรณ์ระยะเร่งด่วนภายใน 2 ปี คือระหว่างปี 2559–2560  ซึ่งในแผนดังกล่าว จะเน้นมาตรการพัฒนาการบริหารจัดการและระบบธรรมาภิบาล เสริมสร้างความโปร่งใสให้สหกรณ์ ยกระดับมาตรฐานการควบคุมภายในยกระดับมาตรฐานความมั่นคงทางการเงิน มาตรการกำกับและตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว

นายวิณะโรจน์ กล่าวอีกว่า ในปี 2559 นี้ จะประกาศให้เป็นปีแห่งการป้องกันการทุจริตในสหกรณ์ โดยยึดระบบธรรมาภิบาล เสริมสร้างความโปร่งใสให้สหกรณ์และกำหนดให้สหกรณ์รายงานธุรกรรมทางการเงินทุกเดือน รวมถึงตั้งทีมตรวจสอบระดับจังหวัดลงพื้นที่ตรวจสอบสหกรณ์ทุกแห่งอย่างเข้มงวดและมีทีมตรวจการสหกรณ์เฉพาะกิจ จากส่วนกลางเข้าไปตรวจสอบกรณีที่สหกรณ์ดำเนินการส่อไปในทางทุจริต โดยประสานความร่วมมือกับกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยจะมีการประสานระหว่าง 2 หน่วยงานดังกล่าวอย่างใกล้ชิด  รวมทั้งจับมือองค์กรนำของขบวนการสหกรณ์ ได้แก่ สันนิบาตสหกรณ์ ชุมนุมสหกรณ์ สถาบันการศึกษา สถาบันทางการเงิน หอการค้า สภาอุตสาหกรรม เพื่อร่วมมือในการยกระดับความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์ผ่านมิติต่างๆ ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าหากสามารถขับเคลื่อนได้ตามแผนที่กำหนดไว้ สหกรณ์จะเป็นระบบที่เข้มแข็งและสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศได้ตามนโยบายของรัฐบาล.

พริกหลังนา…พันธุ์ใหม่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/580687

โดย สะ-เล-เต 23 ก.พ. 2559 05:01

 

พริกซอส 27-1-2-1 พริกเหลือง 28-1-1-1

พริกเหลืองและพริกซอส เป็นพืชที่เกษตรกรนิยมปลูกหลังนา ที่ผ่านมามักจะมีข้อด้อยในเรื่องทนโรค ให้ผลผลิตน้อย ผลเล็ก…ประการสำคัญ พริกพัฒนาสายพันธุ์จากเอกชนมักเป็นพันธุ์ผสมปิด นำเมล็ดมาขยายพันธุ์ต่อไม่ได้

กว่า 10 ปีการวิจัยของ วิลาวัณย์ ใคร่ครวญ นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ กรมวิชาการเกษตร มุ่งลดข้อด้อยพร้อมกับให้ได้พันธุ์ที่เกษตรกรนำเมล็ดไปขยายพันธุ์ต่อได้ ไม่ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ ประหยัดต้นทุน

ในที่สุดได้ พริกเหลืองพันธุ์ 28-1-1-1 พันธุ์ใหม่ จากการผสมข้ามสายพันธุ์ของพริก เหลืองพันธุ์ไทยกับต่างประเทศ มีผลเรียวยาว เนื้อหนา ใหญ่กว่าพันธุ์การค้าเดิม มีรสชาติและกลิ่นหอมแบบไทยๆมากขึ้น เหมาะกับทั้งบริโภคสด ทำน้ำจิ้ม โรยหน้า

ต้นสูงประมาณ 86 ซม. พุ่มกว้างประมาณ 72 ซม. เก็บเกี่ยวครั้งแรกอายุ 70 วัน ระยะเก็บเกี่ยวได้ต่อเนื่อง 3 เดือน นานกว่าพริกพันธุ์การค้าเดิม ให้ผลผลิตประมาณ 3,172 กก./ไร่ มากกว่าพันธุ์เดิมที่ให้ผลผลิต 2,800 กก./ไร่…ที่สำคัญ ถูกพัฒนาให้มีความต้านทานโรคแอนแทรคโนสสูงมาก ด้วยคุณสมบัติที่ว่ามา จึงทำให้พริกพันธุ์นี้มีราคาสูงกว่าพริกตลาดถึงเท่าตัว

พริกซอส 27-1-2-1 เป็นอีกผลงานพัฒนาสายพันธุ์พริกซอสสัญชาติไทยผสมสายพันธุ์ต่างประเทศ ได้พริกพันธุ์ใหม่ มีความพิเศษเก็บได้ตั้งแต่ยังเขียว (ไม่สุก) ขายทำพริกเครื่องแกงได้ เพราะผลเล็กกว่าพันธุ์ดั้งเดิมเล็กน้อย แต่ใกล้เคียงพริกเหลือง ขณะที่พันธุ์เดิมต้องเก็บตอนสุกเพื่อขายทำซอสอย่างเดียว…ผลสุกสีแดงสด มีเนื้อหนา รสเผ็ดน้อย ลักษณะตรงความต้องการของโรงงานผลิตซอส ให้ผลผลิตราว 3.5 ตัน/ไร่ ใกล้เคียงกับพันธุ์การค้าเดิม แต่ต้นสูง 78.3 ซม. สูงกว่าพันธุ์การค้าราว 20 ซม. ทำให้เก็บผลผลิตได้ง่ายขึ้น

สนใจพริกใหม่ทั้งสองสายพันธุ์ สอบถามได้ที่ สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร 0-2579-0583, 0-2940-5484 ในวันเวลาราชการ.

สะ–เล–เต

“มะนาวแป้นแม่ลูกดก” กับที่มาพันธุ์ปลูกคุ้ม

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/580708

โดย นายเกษตร 23 ก.พ. 2559 05:01

 

มะนาวชนิดนี้ เป็นพันธุ์ลูกผสมด้วยวิธีเขี่ยเกสรระหว่าง มะนาวแม่ไก่ไข่ดก กับ มะนาวแป้นเอี่ยมเซ้ง โดยฝีมือ อ.วัง สุขประเสริฐ ซึ่งธรรมชาติของมะนาวแม่ไก่ไข่ดก มีลักษณะเด่นประจำพันธุ์คือ มีดอกและติดผลดกมาก แต่ขนาดของผลจะเล็ก ส่วน มะนาวแป้นเอี่ยมเซ้งผลมีขนาดใหญ่ มีดอกและติดผลไม่ดกนัก แต่จะมีความทนทานต่อโรคแคงเกอร์ หรือโรคแมลงที่ลงเกาะกินต้นมะนาวที่ปลูกทั่วไปและเป็นปัญหาของเกษตรกรในปัจจุบันได้สูงมาก

จากนั้น ก็นำเอาเมล็ดที่ได้จากผลเกิดจากการเขี่ยเกสรจำนวนกว่าร้อยเมล็ดไปเพาะเป็นต้นกล้าแล้วแยกต้นไปปลูกเลี้ยงจนต้นโตมีดอกและติดผล ปรากฏว่ามีลักษณะเด่นคือ เป็นมะนาวพันธุ์เบา มีดอกและติดผลง่าย หลังปลูกเพียง 3-4 เดือน สามารถมีดอกและติดผลได้แล้ว และที่สำคัญเมื่อต้นมีอายุได้ 2 ปีขึ้นไปจะมีดอกและติดผลดกขึ้นเรื่อยๆตามอายุของต้นและตามฤดูกาล เชื่อว่าเป็นมะนาวพันธุ์ใหม่ที่กลายพันธุ์ถาวร จึงตั้งชื่อ “มะนาวแป้นแม่ลูกดก” ดังกล่าว

มะนาวแป้นแม่ลูกดก เป็นไม้ยืนต้นสูง 3-4 เมตร กิ่งอ่อนมีหนามแหลม ใบเป็นใบประกอบชนิดมีใบย่อยใบเดียว ออกเรียงสลับ ดอก ออกเป็นดอกเดี่ยวๆ หรือเป็นช่อกระจุกตามซอกใบและปลายยอด กลีบดอกเป็นสีขาว ร่วงง่าย ดอกมีกลิ่นหอมแบบสะอาดๆ “ผล” รูปกลมแป้นหรือแบนอย่างชัดเจน ผลมีนํ้าหนักเฉลี่ยระหว่าง 12 ผล ต่อ 1 กิโลกรัม เปลือกผลบาง สีเขียวสวน ผ่าบีบหรือคั้นนํ้าได้นํ้าเยอะ นํ้าเป็นสีขาวใส แตกต่างจากนํ้ามะนาวทั่วไป รสเปรี้ยวจัด มีกลิ่นหอม ติดผลดกตามฤดูกาล ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ตอนกิ่ง ทาบกิ่ง และเสียบยอด

ปัจจุบัน “มะนาวแป้นแม่ลูกดก” มีต้นขายที่ ตลาดนัดไม้ดอกไม้ประดับ สวนจตุจักร ทุกวันพุธ-พฤหัสฯ บริเวณโครงการ 17 แผง “นายดาบสมพร” โทร.08-6605-4945 ราคาสอบถามกันเอง เหมาะจะปลูกเพื่อเก็บผลใช้ประโยชน์ในครัวเรือนหรือปลูกหลายๆ ต้นเก็บผลขายได้คุ้มค่ามากครับ.

“นายเกษตร”

เกษตรแห่งชาติสู้แล้ง ถั่วฝักยาวม่วงสิรินธร

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/580741

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 23 ก.พ. 2559 05:01

 

ถั่วฝักยาวสีม่วง “สิรินธร เบอร์ 1”

งานวันเกษตรแห่งชาติปีนี้ ม.แม่โจ้ เตรียมคัดสรรพืชผักนวัตกรรมทนความแห้งแล้ง ใช้น้ำน้อย 5 วันรดน้ำแค่ครั้งเดียว ออกมาโชว์ให้เกษตรกรนำเพาะปลูก เพื่อปรับตัวรับภาวะโลกร้อน

ผศ.ฉันทนา วิชรัตน์ ผู้รับผิดชอบโครงการแปลงสาธิตด้านการผลิตพืชผัก เผยถึงไฮไลต์สำคัญของงานวันเกษตรแห่งชาติประจำปี 2559 ที่จะจัดขึ้นระหว่าง 27 ก.พ.-6 มี.ค.นี้ ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ต.หนองหาร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ว่า การจัดงานปีนี้จะมีการสร้างซุ้มพืชผักขนาดใหญ่เพื่อโชว์ถั่วฝักยาวสีม่วง “สิรินธร เบอร์ 1” พันธุ์ผักนามพระราชทานจาก สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นผลงานการปรับปรุงพันธุ์โดยทีมนักวิจัยของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่เกิดจากการผสมข้ามพันธุกรรม โดยใช้พันธุ์แม่ Y007 เป็นถั่วฝักยาวพันธุ์เนื้อ ฝักสีเขียว ให้ผลผลิตสูง ผสมกับพันธุ์พ่อ Y009 ซึ่งเป็นถั่วฝักยาวที่มีฝักยาวมากและมีสีแดง

ถั่วฝักยาวลายเสือ “จักรพันธ์ เบอร์ 1”

จนได้ถั่วฝักยาวที่มีลักษณะแตกต่างจากเดิม ลักษณะฝักสดสีม่วงอมแดง ปลายฝักสีเขียวลักษณะมน ผิวฝักย่น เมล็ดสีแดงลายขาวเป็นรูปไต ฝักมีสีสันที่โดดเด่นสะดุดตา รสชาติอร่อย มีคุณค่าสารอาหาร ทั้งโปรตีน วิตามินบี 1-9 วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ ผลการปลูกทดสอบร่วมกับสายพันธุ์อื่นๆพบว่า มีความทนทานต่อโรคราสนิม และเพลี้ยแป้ง ที่สำคัญการปลูกสามารถให้น้ำน้อย เพียง 5 วันต่อครั้งเท่านั้น มีระยะปลูกเพียง 45 วัน สามารถเก็บเกี่ยวได้

พริกขี้หนู “ปู่เมธ เบอร์ 1”

ผศ.ฉันทนา ยังเผยอีกว่า ในงานยังมีถั่วฝักยาวอีกพันธุ์ที่น่าสนใจนั่นคือ ถั่วฝักยาวลายเสือ “จักรพันธ์ เบอร์ 1” เป็นถั่วผสมข้ามสายพันธุ์ โดยนำพันธุ์แม่ถั่วฝักยาวสีเขียวผสมกับพันธุ์พื้นเมืองของชาวอาข่า จ.เชียงราย ทำให้ได้ถั่วฝักยาวพันธุ์ใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ออกดอกเร็ว ฝักสั้น เนื้อแน่น สีฝักเขียวลายแดง สามารถทนต่อความแห้งแล้งได้ดี ให้น้ำ 3-5 วันต่อครั้ง จะเจริญเติบโตได้เก็บเกี่ยวใน 50 วัน

นอกจากนั้นยังมีพริกขี้หนูพันธุ์ใหม่ “ปู่เมธ เบอร์ 1” เป็นพริกขี้หนูที่ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ได้นำต้นพันธุ์มาจากสหรัฐอเมริกามาผสมกับพันธุ์พื้นเมืองของบ้านเราได้เป็นพันธุ์ใหม่ มีลักษณะพันธุ์พุ่มเตี้ย ติดผลเป็นช่อสีแดงสดมากกว่าพริกขี้หนูทั่วไป เหมาะกับคนเมืองที่ต้องการปลูกไว้กินในกระถางตามบ้านเรือน.